xs
xsm
sm
md
lg

ฝากให้ผู้ใหญ่คิด จะสอนเด็กเป็นคนดีต้องทำตัวเป็นแบบอย่าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“อาจารย์สามารถ มังสัง” ฝากข้อคิดในสภาท่าพระอาทิตย์ (13 ม.ค.49) เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ว่าอยากให้เด็กเป็นคนดี ผู้ใหญ่ต้องตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี มีจิตสำนึกที่ดี และสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อหล่อหลอมเด็กให้เป็นอนาคตที่ดีของชาติ เน้นต้องเข้าใจความคิดเด็กเพื่อลดช่องว่างระหว่างวัย และชี้ปัญหาเยาวชนส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น มีต้นเหตุมาจากสื่อที่ไม่เหมาะสมไม่ได้รับการควบคุมอย่างจริงจัง

รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 13 มกราคม 2549 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร

สำราญ – สวัสดีครับ ต้อนรับเข้าสู่สภาท่าพระอาทิตย์ วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2549 นะครับ ก็ทุกวันศุกร์สภาท่าพระอาทิตย์ก็จะสนทนาธรรมนะครับ ก็จะมีหลวงปู่พุทธะอิสระ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล อาจารย์สามารถ มังสัง และผมสำราญ รอดเพชร ตอนนี้นี่ก็ต้องขออภัยกันอีกซักครั้งนะครับ หลวงปู่เองก็ยังคงพัลวันพัลเกอยู่กับงานวัด งานที่ต้องเดินสายนะครับไปต่างจังหวัดด้วย คุณสนธิก็เตรียมตัวที่จะออกรายการคืนนี้ ศุกร์กันเถอะเรา เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งที่ 14 ที่สวนลุมนะครับ ก็เหลืออาจารย์สามารถ มังสังกับผม อาจารย์ครับ สวัสดีครับ

สามารถ – สวัสดีครับ

สำราญ – ผมเองก็ป่วยๆเปื่อยๆ อาทิตย์นี้

สามารถ – ผมก็ป่วยนะ 2 วันนี้อากาศมันเปลี่ยน คนเป็นหวัดกันเยอะ ผมก็เป็นนะแต่ว่าคิดถึงคุณยังไงก็ต้องมา คือตอนนี้คุณจิ๋ว (พล.อ.ชวลิต) มาทำงานไง ผมก็ต้องเลียนแบบ

สำราญ – บิ๊กจิ๋วมาทำงาน บิ๊กจิ๋วกลับมาทำเนียบใหม่ ท่านอาจารย์สามารถก็เลยต้องเลียนแบบ

สามารถ – ก็เริ่มต้นก็ต้องเป็นแบบนั้น แต่โดยข้อเท็จจริงนะครับ เพราะว่าผมมองดูแล้วว่า รายการตรงนี้ยังไงมันก็ต้องมีคนมา

สำราญ – ไม่มีปัญหานะครับ ก็เดี๋ยวก็เข้าที่เข้าทาง และวันพรุ่งนี้นะครับก็จะมีงานวันเด็กที่วัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐมด้วย ถ้าใครที่มีลูกมีหลานก็สามารถพาไปกันได้นะครับ หลวงปู่ก็จะแสดงธรรมด้วยเวลาประมาณ 11 โมงหรือไม่ก็ตอนบ่ายๆนะครับ ก็มีกิจกรรมทั้งวันก็เรียนเชิญผู้ปกครองที่ว่างนะครับ คือพูดถึงเด็กๆก็น่าห่วงนะครับ อาจารย์ ยุคนี้

สามารถ - มันไม่ใช่ยุคนี้ครับ มันหลายยุคมาแล้วครับเด็กเน่า แต่ว่ายุคนี้มันเน่ามากขึ้นเท่านั้นเอง คือแต่ไหนแต่ไรแล้วสังคมไทยนี่ เด็กนี่คือไม่มีช่องว่างระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่มากนัก แต่ปัจจุบันนี้ช่องว่างมันมาก มากชนิดที่ว่าจูนกันไม่ติดน่ะ

สำราญ – ช่องว่างมากขึ้นหรือ

สามารถ – ช่องว่างทางความคิด มันเป็นไปตามช่องว่างของวัย คือเมื่อก่อนนี่วัยห่างกันจริง แต่ว่าความคิดไม่ห่าง เพราะว่าเด็กเมื่อก่อนนี่ พ่อแม่เข้าวัดเด็กก็ตามพ่อแม่ไป พ่อแม่ไปงานเด็กก็ตามพ่อแม่ไป เพราะฉะนั้นโอกาสที่เด็กจะซึมซับความคิดผู้ใหญ่นี่มีเยอะ แต่ปัจจุบันนี่พ่อไปทางแม่ไปทางลูกนี่ไปอีกทางด้วยสิ มันก็เลยไปกันไม่ได้

สำราญ – มันเลยไม่รู้ทางกี่แพร่งเลยนะ

สามารถ – ไม่รู้เลยครับ ที่ว่าไปคนละทางนี่นะ นอกจากร่างกายไม่ไปด้วยกันแล้วนี่นะ ความคิดก็ไม่ไปด้วยกันด้วย มันยุ่งครับ มันยุ่งมาก ลองดูง่ายๆนะครับในเรื่องเครื่องแต่งตัว สมัยก่อนเด็กนี่ถ้าอยู่ในวัยต้นๆนี่ พ่อแม่นี่นะครับจะไปซื้อเสื้อผ้าพร้อมกับเด็ก เด็กเลือกพ่อแม่ใช้วิจารณญาณว่าจะซื้อมาใส่ไหม

สำราญ – คือเมื่อก่อนนี่แทบจะเรียกได้ว่าพ่อแม่จัดการให้เองเลย

สามารถ – แต่เดี๋ยวนี้ไม่นะ เด็กไปซื้อมาเสร็จพ่อแม่ไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร ไม่แต่งในบ้านก็ออกไปแต่งข้างนอกบ้านเลย ก็คือใส่กระเป๋าไปแต่งโน่นเลยเห็นบ่อยๆ นี่คือไม่ไปด้วยกัน

สำราญ – คือนอกจากร่างคือตัวไม่ไปด้วยกันแล้ว ความคิดนี่สำคัญมากเลยตรงนี้

สามารถ – ความคิดก็ไม่ไปด้วยกัน นี่แหละครับคือช่องว่างของความคิดที่มันห่างออกไปๆ คือเชื่อมกันไม่ติดหรอก และนี่แหละครับคือปัญหาที่ผู้ใหญ่ปวดหัวตอนนี้ครับ พอพูดถึงปัญหาผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเด็กแล้ว และเด็กก็ไม่เข้าใจผู้ใหญ่ด้วย ต่างคนต่างยืนคนละฟากแล้วบอกว่าฉันถูกน่ะ แล้วจะให้ทำยังไง สังคมก็ตัดสินไม่ได้ด้วย เพราะสังคมนี่ก็แบ่งเป็น 2 กลุ่มเหมือนกัน สังคมเด็กบอกเด็กถูก สังคมผู้ใหญ่บอกว่าผู้ใหญ่ถูก ไม่มีคนกลางนะรายการนี้

สำราญ – พระไง

สามารถ – พระหรือ พระนี่บางครั้งก็เอนเหมือนกันแหละ เพราะว่าพระที่นั่งคุยกับผู้ใหญ่มากก็เข้าข้างพ่อแม่

สำราญ – เอาว่าพระที่เป็นกลางนะ ผมว่าพอจะชี้ได้นะ หรืออย่างอาจารย์สามารถอย่างนี้ ผมว่าก็พอจะชี้ได้

สามารถ – จริงๆแล้วคนเป็นกลางไม่มีนะครับ แต่ว่าหลักการที่เป็นกลางมี ก็หลักการพุทธไง เด็กควรทำหน้าที่เด็ก ผู้ใหญ่ควรทำหน้าที่ผู้ใหญ่ เมื่อผู้ใหญ่มาอยู่กับเด็กก็ดูว่าสถานภาพความสัมพันธ์ของเด็กในฐานะอะไร พ่อกับลูก แม่กับลูกก็ว่ากันไป พุทธสอนชัดเจนนะ ใช้หลักการของพุทธน่ะเชื่อมได้ ต่อกันติดนะครับ แต่ถ้าเหินห่างหลักการนะ ถึงเข้าวัดทุกวันก็ไม่มีประโยชน์นะ คุณสำราญ

สำราญ – คือไม่ว่าอะไรนะ มันจะดีมากถ้าด้วยใจ ทำด้วยใจ คิดด้วยใจ คือจริงใจกับมันนะ หรือไปวัดไปวาก็ไปด้วยใจ

สามารถ – ไปด้วยใจ ไปด้วยศรัทธา

สำราญ – ไปเพราะเห็นด้วยอะไรอย่างนี้

สามารถ – เห็นด้วยในหลักการ ศรัทธาในหลักการ

สำราญ – คือไม่ใช่ไปกับพ่อกับแม่ทุกอาทิตย์ แต่ว่าเขาไปเพราะถูกบังคับนะ คือไป 10 ครั้งบังคับ 10 ครั้งไม่ได้นะ ไม่มีประโยชน์ ยกเว้นว่าครั้งแรกๆอาจจะบังคับหน่อย และครั้งที่ 5 เขาไม่รู้สึกถูกบังคับนี่ได้ ถ้าอย่างนั้นได้

สามารถ – คือถ้าเด็กนะไปในครั้งแรกเพราะว่าพ่อแม่ให้ไปนะครับ และไปแล้วรู้สึกเห็นด้วยคล้อยตามกับสิ่งที่พ่อแม่ทำก็โอเค อย่างนั้นโอเค แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นได้นะ พ่อแม่นี่จะต้องมีอะไรมากกว่าปกติ คือแทนที่จะพาไปเฉยๆนี่ไม่ใช่ครับ ต้องอธิบายให้เด็กฟังว่าทำไมต้องมา มาแล้วได้อะไร ไม่มาแล้วเสียอะไร สิ่งที่เห็นต่อไปนี้คืออะไร มันต้องอธิบายได้นะ ไม่ใช่พาเข้าวัดไปทำบุญ เด็กถามว่าทำไมต้องทำบุญไม่ทำได้ไหม พ่อแม่บอกไม่รู้เหมือนกัน เพราะว่าปู่ทำตาทำยายทำก็เลยต้องทำ ถ้าอย่างนี้ยุ่งนะ

สำราญ – พูดถึงวันเด็กปีนี้นี่ท่านนายกฯก็มีคำขวัญ “อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด” ก็คือท่านนายกฯพยายามย้ำเรื่องของวิธีคิด ผมฟังข่าวตอนเช้านะ คือบอกว่าคนเราชี้ขาดกันตรงวิธีคิด แต่วิธีคิดที่ดีมันก็ต้องมีความรู้ด้วย ความรู้ก็มาจากการอ่าน

สามารถ – คุณรู้ไหมมันคืออะไร พุทธสอนเรื่องนี้ชัดยิ่งกว่านี้อีกนะ สุ.จิ.ปุ.ลิ. สุ (สุตะ) นี่คือฟัง จิ (จินต) ก็คือคิดไง ปุ (ปุจฉา) ก็คือถาม ลิ (ลิขิต) ก็คือจดไง คือมันอ่านอย่างเดียวนี่ไม่ได้หรอกครับมันต้องฟังด้วย เพราะว่าการอ่านนี่นะมันก็คือการฟังคำสอนที่คนอื่นเขียนลงมา คือความรู้ที่คนอื่นเขียนลงมา แต่การฟังนี่คือฟังเขาพูด อ่านก็คืออ่านสิ่งที่เขาเขียน มันอันเดียวกันนะ หัดฟังคนอื่นและก็นำมาคิด หัดอ่านความคิดคนอื่นและนำมาคิด คิดแล้วหาเหตุหาผลว่าทำไมต้องเชื่อ ถ้าไม่เชื่อได้ไหม แล้วค่อยนำไปใช้ อย่าคิดอย่างเดียว ต้องหาเหตุหาผลมาถามตัวเองด้วยว่าควรจะเชื่อไหม เชื่อเพราะอะไร ไม่เชื่อเพราะอะไร

สำราญ – อันนี้กำลังจะบอกว่านายกฯนี่ไม่เน้นเรื่องการฟังหรือ

สามารถ – ก็ใช่สิ ผมกำลังพูดไง มันต้องเน้นการฟัง มันต้องฟังด้วย เพราะว่าคำสอนที่ดีนอกจากมาจากการอ่านแล้ว มาจากการฟังด้วย แล้วต้องฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็นนะ แล้วก็นำไปคิดสิ่งที่ฟังมา เห็นด้วยก็นำไปทำ ไม่เห็นด้วยก็ใช้เหตุผล

สำราญ – จริงๆเด็กยุคนี้ก็ยังคิดอยู่นะ อาจารย์สามารถ น่าจะมีวันผู้ใหญ่ซักวันหนึ่ง และก็เด็กขอตั้งคำขวัญให้ผู้ใหญ่

สามารถ – ถ้าคุณว่าอย่างนี้นะนึกถึงอาจารย์ผมเลย อาจารย์ผมเขาบอกว่านี่นะ ในกรณีเด็กทะเลาะกับผู้ใหญ่นี่ เด็กด่าผู้ใหญ่มี 2 อย่าง 1. เด็กเลวไปด่าผู้ใหญ่ 2. ผู้ใหญ่เลวให้เด็กด่า ผมถามว่าอาจารย์ว่าแล้วตกลงใครผิดล่ะ มันอยู่ที่ใครกับใคร ถ้าผู้ใหญ่เลวเด็กด่าก็ถือว่าเด็กถูก ถ้าเด็กไม่ดีผู้ใหญ่ด่าคือผู้ใหญ่ถูก ก็คือพูดง่ายๆเน้นที่เรื่องน่ะไม่ได้เน้นที่คน ว่าเรื่องนี้จะไปบอกผู้ใหญ่ถูกหรือเด็กถูกไม่ได้ ต้องดูด้วยว่าเรื่องอะไร ใครควรจะผิดใครควรจะถูก อาจารย์ผมก็สอนให้คิด

สำราญ – เอาล่ะครับ ท่านผู้ชมท่านผู้ฟังมีคำถามนะครับ ก็เรียนถามได้ตามสบาย มีเวลาจนถึง 9.00 น. นะครับ ถามเรื่องความคิด ชีวิต จิตใจ เรื่องของศาสนา ความรู้ทางศาสนาก็ได้ อาจารย์สามารถก็เชี่ยวชาญเรื่องศาสนาเปรียบเทียบนะครับ

สามารถ – คุณสำราญคิดไหม คุณอ่านหนังสือ 2 วันนี้นะ คุณเห็นปัญหาเรื่องเด็กนะ เด็กวัยรุ่นที่ก่ออาชญากรรมทางเพศที่ภาคอีสาน ที่ว่าเด็กโดนไม่กี่ปี และก็อ้างความเป็นลูกคนมีอิทธิพล จับผู้หญิงไปข่มขืนอะไรนี่ อันนี้มันเป็นสังคมเลียนแบบหรือเปล่า ก็คือว่าเลียนแบบจากหนัง จากสื่ออะไรก็ได้อันที่ 1 อันที่ 2 รับรู้การใช้อำนาจอย่างป่าเถื่อนมาจากผู้ใหญ่หรือเปล่า ถ้ามีอำนาจแล้วจะทำอะไรก็ได้ไม่ผิด

สำราญ – คือเดี๋ยวนี้เด็กมันอายุน้อยลงทุกทีนะ คดีข่มขืนที่เกิดขึ้นนะ

สามารถ – มันไม่ใช่อายุน้อยหรอก คือความคิดและก็อารมณ์นี่มันถูกกระตุ้นให้โตขึ้นเร็วกว่าอายุ

สำราญ – ก็เลยเหตุเกิดตอนที่เด็กอายุน้อย

สามารถ – ใช่สิ เพราะว่าอารมณ์กระตุ้นให้เกิดการกระทำผิดนี่ มันเกิดขึ้นก่อนที่เด็กควรจะเป็น ปกติเด็ก 14-15 สมัยก่อนนี่มันไม่คิดอย่างนี้นะ เดี๋ยวนี้ 12 มันคิดแล้วนะ อะไรทำให้สิ่งที่เด็กโตในเรื่องพวกนี้เร็วก็เพราะว่าสื่อนั่นแหละ สภาพแวดล้อมนะ ผู้ใหญ่นั่นแหละทำให้เด็กโตเร็วเกินไปในเรื่องนี้ มันโตในขณะที่อารมณ์นี่ไปแล้วนะ แต่ว่าเหตุผลไม่ได้ไป ความคิดในเชิงบวกไม่ได้ไป มันก็เลยถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ผิดๆมากกว่าปกติ ถ้าเทียบกับเด็กสมัยก่อน ลองดูสิสมัยก่อนคุณเห็นเด็ก 12 ปีนัดขึ้นเขาไปคุยกันไหมล่ะ ไม่เจอหรอก เดี๋ยวนี้มีเยอะ เยอะมาก

สำราญ – ไม่ต้อง 12 หรอก เดี๋ยวนี้ 9 ขวบ 7 ขวบ

สามารถ – นี่ไง ผมกำลังบอกว่าอารมณ์พวกนี้มันมาเกิดกับเด็กเร็วกว่าปกติ เพราะอะไร เพราะสภาพแวดล้อมมันกระตุ้นเตือนให้เด็กโตในทางนี้เร็วขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าจะแก้เรื่องนี้นะ ใครที่รับผิดชอบหรือพ่อแม่คนใดก็แล้วแต่

สำราญ – คือเบื้องแรกผมว่าทุกคนคงเห็นพ้องต้องกันนะ อาจารย์นะ คือทำให้อะไรที่มันเพี้ยนมันเปลี่ยนความคิด มันเกิดขึ้นได้อะไรต่อมิอะไร คือเขาเรียกว่าภาวะวิสัยนี่มันกำหนดอัตตาวิสัยนะ ดังนั้นคือเบื้องแรกก่อนคือทำสังคมที่อยู่ให้มันดีเสีย ให้มันดีไม่มีสิ่งยั่วยุนี่ โอกาสที่จะเกิดมันน้อยมาก

สามารถ – คืออย่างนี้ครับ คุณสำราญ ผู้ใหญ่ชอบสิ่งไหนนะก็ทำสิ่งนั้น แต่แทนที่จะทำอยู่ในกลุ่มผู้ใหญ่นี่ กลับไปทำให้เด็กมันเห็นและเลียนแบบ นี่คือปัญหา ถามผู้ใหญ่นี่อยากเห็น อยากรู้ อยากฟังในเรื่องพวกนี้นะ แต่มันควรจะเรื่องนี้อยู่ในกลุ่มผู้ใหญ่ ไม่ควรจะไปเกี่ยวข้องกับเด็ก แต่เดี๋ยวนี้ดันทำให้เด็กเห็น เด็กรู้ เด็กได้ยิน เด็กเลยเลียนแบบ

สำราญ – ก็นี่ที่นายกฯประกาศนะ ผมจำได้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วครับ อาจารย์ บอกว่าปีใหม่นี้ วันเด็กนี้ สิ่งลามกต้องเหี้ยนต้องหายไป

สามารถ – พูดได้ครับ หลายๆเรื่องแล้ว แต่ไม่เห็นได้ซักเรื่องเลย

สำราญ – แต่พอเอาเข้าจริงถ้าเรามองนะ ส่องกล้องมองดูในพื้นที่สังคมไทยขณะนี้นี สิ่งลามกอนาจาร สิ่งยั่วยุกามารมณ์มันเยอะเหลือเกิน

สามารถ – มันมี 2 อย่างนะ 1. สิ่งยั่วยุลามกอนาจารที่ทุกคนเห็นพ้องว่ามันเป็น อันที่ 2 มีกลุ่มหนึ่งมองว่าไม่เป็นเป็นศิลปะ นี่มันคาบลูกคาบดอกอยู่นะ มีคนกลุ่มหนึ่งบอกว่านี่ไม่ใช่มันเป็นศิลปะ

สำราญ – และฟังๆดูกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงไอซีที ก็ไม่ได้ทำงานในเชิงรุกอย่างที่ประกาศเอาไว้

สามารถ – ไม่ๆ ไม่ได้ทำเลย

สำราญ – เขาก็ทำนั่นแหละ แต่ผมดูแล้วนะ ฟังหลายท่านให้สัมภาษณ์นะ กระทรวงไอซีทีอย่างนี้คือช้านะ ไปบล็อกเว็บโป๊อะไรต่างๆเหล่านี้ คือยังไม่เสร็จเลย

สามารถ – มันไกลเหตุครับ ต้นเหตุมันต้องจูงใจให้คนที่ทำเว็บไม่ทำ ให้มันเกิดสำนึกว่านี่คือยาพิษสำหรับเด็ก

สำราญ – เอาว่าอาจารย์สามารถเน้นว่าคือ เรานี่ควรจะเน้นที่ต้นเหตุกันก่อน

สามารถ – ถูกต้อง ตัวบุคคลนั่นแหละ

สำราญ – และก็ในเชิงสังคมก็ต้องมาเน้น

สามารถ – เอาอย่างนี้ดีกว่า เหมือนคุณจะสอนให้สังคมไม่โกงนี่ สิ่งแรกที่ควรจะสอนนี่คือ 1. ตัวคุณเอง 2. คนใกล้ชิดคุณ อย่าไปสอนคนอื่น

สำราญ – นี่เริ่มเรื่องโกงแล้วนะ

สามารถ – เรื่องไหนก็เหมือนกัน เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ถ้าคุณไม่ดูไม่ทำนะ คนอื่นก็เกรงใจ เหมือนกัน ไม่ต่างๆ แต่ถ้าคุณห้ามคนอื่นแต่ตัวเองทำ คนที่ตัวห้ามก็ตัวเองก็ยังทำแล้วห้ามทำไมล่ะ

สำราญ – ก็มีผู้ชมรายการบอกว่าอยากให้นำ คือคำขวัญของท่านนายกฯนี่ “อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด” นี่สำหรับเด็กปีนี้นะ วันพรุ่งนี้วันเด็ก แต่ผู้ชมรายการท่านนี้บอกว่า อยากให้นำคำขวัญวันเด็กของสมเด็จพระสังฆราชมาให้ผู้ชมรายการได้ฟังบ้าง ผมไม่มีในมือ ขออภัยด้วยนะครับ แต่เดี๋ยวจะจัดให้นะครับ ก็เอาเป็นว่าคือ แต่ว่าหลักการใหญ่ที่สุดคือผุ้ใหญ่ต้องเป็นแบบอย่าง แต่สำคัญที่สุดคือเราต้องสร้างสังคม สภาวแวดล้อม ซึ่งจะไปกำหนดจิตนะให้มันดี

สามารถ – คือถ้าว่าตามหลักจิตวิทยานะครับ มันมี 2 อย่างในโลก คือ 1. ตัวอินทรีย์หรือตัวรับรู้นี่นะ 2. สิ่งแวดล้อม ตัวรับรู้นี่คือคนหรืออะไรก็ได้ ถ้าตัวรับรู้นี่นะครับมีจิตสำนึกดีนะครับ ให้สิ่งแวดล้อมไม่ดีมันก็มีตัวเบรกใช่ไหม มีสติ มีสัมปชัญญะ อันที่ 2 นี่ถ้าสิ่งแวดล้อมดีนะ ถึงคนจะมีความคิดชั่วมันก็ไม่มีสิ่งยั่วยุให้คนทำชั่วได้ หรือทำได้ก็น้อยลง เพราะฉะนั้น 2 อย่างนี้ต้องมาด้วยกัน ก็คือคนก็ดี สิ่งแวดล้อมก็ดี นั่นแหละถึงจะได้ แต่ถามว่าถ้าให้เหลืออย่างเดียวระหว่าง 2 อย่างนี้นะ ก็คือคนน่ะ เพราะคนเป็นตัวสร้างสิ่งแวดล้อม ตัวคนนี่แหละเป็นตัวกำหนดสิ่งแวดล้อมขึ้นมา ถ้าคนดีทุกอย่างมันก็ดีเองแหละ แต่ถ้าคนไม่ดีนะ แล้วไปนั่งจัดสรรอย่างอื่นให้ดีนะ มันป่วยการครับไม่มีประโยชน์หรอก ยังไงก็ไม่ได้

สำราญ – เอาล่ะครับ มีคำถามแล้วครับ 02-6294433 แป๊บเดียวก็ 8.26 น. แล้วนะครับ เดี๋ยวต้องรีบตอบคำถามนิด รีบถามเข้ามานะครับ จากชัยภูมินะ ถามว่าใส่บาตรให้คนตายที่ไปเกิดแล้ว เขาจะได้รับหรือไม่

สามารถ – คืออย่างนี้ในหลักพุทธอย่างนี้ครับ คุณสำราญ ทันทีที่ตายปั๊บนี่คนเกิดปุ๊บนะ แต่จะเกิดเป็นอะไร ถ้าเกิดเป็นเปรตนั้นก็ได้รับครับ แต่ถ้าเกิดอยู่ในภูมิอื่นไม่ได้รับครับ เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้รับครับ

สำราญ – เพราะว่า

สามารถ – เพราะมีอาหารเป็นของตนเองอยู่แล้ว

สำราญ – เปรตไม่มี

สามารถ – ไม่มีครับ เปรตนี่อยู่ได้ด้วยแรงบุญที่คนอุทิศให้จากโลกนี้ไป

สำราญ – แล้วเปรตจะเลิกเป็นเปรตเมื่อไหร่ครับ

สามารถ – เปรตเลิกเป็นเปรตต่อเมื่อหมดกรรมของการที่ให้เกิดเป็นเปรตนั่นแหละ กรรมตัวนั้นแหละครับ ก็ไปเกิดเป็นอย่างอื่น

สำราญ – แล้วรู้ไหมครับว่ามันยาวนานเท่าไหร่

สามารถ – มันอยู่ที่กรรมเบากรรมหนัก เขาทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องว่ากันไป

สำราญ – และมีตัวอย่างเป็นนิทานเล่าให้ฟังบ้างไหมครับ

สามารถ – ไม่มีตัวอย่าง บางคนก็หลายร้อยชาติแหละ มันนาน ส่วนจะนานมากน้อยแค่ไหนมันอยู่ที่กรรมหนักกรรมเบาที่เขาทำ ซึ่งอันนี้มันไม่มีมาตรฐานเหมือนกฎหมายนะว่า ติดคุก 3 ปี 5 ปีมันคงไม่มีนะ ไม่มีปรากฏชัดเจนอย่างนั้น

สำราญ – พูดถึง 3 ปีนี่ ติดคุก 3 ปีต้องคดีนี้ ทนายสมชาย นีละไพจิตร เป็นเรื่องที่น่าเศร้านะครับ อาจารย์ ก็เมื่อวานผมคุยกับทนาย นี่นอกเรื่องนิดนะครับ บังเอิญมันเป็นข่าวใหญ่ในวันนี้ ตัดสินคดีอุ้มสมชายนี่นะ ปรากฏว่า 5 จำเลยนี่ 4 คนนี่หลุดติด 1

สามารถ – ด้วยเหตุผลประจักษ์พยานไม่มี ก็คือว่าพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์น่ะไม่มี 4 คนนั้นเลยหลุด 1 คนนี่เพราะว่ามึคนเห็นว่าทำร้ายร่างกาย ผลักเข้ารถก็เลยติด

สำราญ – ก็จำคุก 3 ปี แต่ว่าเขาก็คงอุทธรณ์สู้นะ

สามารถ – ก็ต้องไปตามกระบวนการ

สำราญ – แต่ว่าฝ่ายโจทก์คือฝ่ายคุณอังคณา ฝ่ายภรรยาคุณสมชายนี่นะ เขาก็ต้องอุทธรณ์ต่อว่า 4 คนนี่ก็ผิดเหมือนกัน ก็ต้องสู้ว่าไปตามคดี แต่ก็คือดูสุ้มเสียงของคุณอังคณาเมื่อวานแล้วก็น่าสงสาร คุณอังคณาก็ให้สัมภาษณ์คือเสียดายเสียใจอยู่อย่างหนึ่งคือ พนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี่นะครับ รวบรวมหลักฐานนี่มันไม่เต็มไม้เต็มมือ เหมือนกับทำสำนวนไม่แน่นว่างั้นเถอะ

สามารถ – ก็คุณต้องดูเสียก่อนสิว่ากระบวนการยุติธรรมมันเริ่มต้นที่ไหน และผู้ผิดเป็นใคร มองเห็นไหม กระบวนการทำคดีมันเริ่มที่ไหน มันเริ่มที่พนักงานสอบสวนคือตำรวจใช่ไหม แล้วจำเลยในคดีนี้เป็นใคร ก็เป็นตำรวจหรือเปล่า คำตอบอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า

สำราญ – อยู่ตรงนั้นนะ

สามารถ – ไม่ต้องคิดมาก คำตอบอยู่ตรงนั้น

สำราญ – แต่ก็ต้องสู้ต่อนะ สู้ต่อคือพอจะมีช่องทางสู้ได้บ้างนะ แต่ว่าก็เหนื่อยแหละครับคดีนี้ เพราะว่าอย่างที่อาจารย์สามารถว่า คือจำเลยนี่ล้วนแต่เป็นตำรวจ

สามารถ – และพนักงานสอบสวนเป็นใคร

สำราญ – พนักงานสอบสวนก็คือตำรวจ

สามารถ – ก็นั่นน่ะสิ

สำราญ – ก็ต้องสู้กันนะครับ ตอนแรกเราฟังดูเหมือนว่าพยานหลักฐานที่มันเกี่ยวกับโทรศัพท์ เรคคอร์ดของ AIS ของใครต่อใครที่โทรกันนะ มันจะมีบันทึกมีเรคคอร์ดเอาไว้ เขาบอกมัน error และศาลก็ต้องยกประโยชน์ให้จำเลยไป

สามารถ – คือคุณต้องเข้าใจอย่างนี้ก่อน ในกรณีตัดสินกระบวนการยุติธรรม ในกรณีของกระบวนการยุติธรรมนี่ ใช้พยานหลักฐานเป็นตัวหลัก เมื่อพยานมาไม่ถึงไม่ชัดเจนนี่ ศาลต้องยกประโยชน์ให้จำเลยอยู่แล้ว ปล่อยคนผิดนี่นะ 100 นะดีกว่าขังคนถูกคนเดียว

สำราญ – อันนี้คือตามหลักยุติธรรมก็ไม่ว่ากันอยู่แล้ว

สามารถ – ไม่ว่ากัน มันเป็นไปตามนั้นอยู่แล้ว

สำราญ – แต่คือเสียหายว่าเอ๊ะ ทำไมมันควาดเคลื่อนยังไงไม่ทราบ

สามารถ – คุณสำราญเสียดายว่าหลักฐานควรจะดีกว่านี้ใช่ไหม

สำราญ – หลักฐานเรื่องของการโทรศัทพ์นี่นะ คือคดีหลายคดีมันจบกันที่เรื่องโทรศัพท์เลยนะ อาจารย์ มันถูกและก็ศาลบอกว่าถูกเป๊ะ ยืนยันสอดคล้องต้องกัน แต่เรื่องนี้มันมีอะไรบางอย่างนะ

สามารถ – คือศาลก็ว่าไปตามหลักฐานนะ ทีนี้บังเอิญหลักฐานไม่ชัด ท่านก็ต้องยกประโยชน์ให้จำเลย มันก็เป็นเรื่องปกตินะ มันก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าคุณสำราญกำลังติดใจว่า แล้วทำไมหลักฐานมันถึงไม่ชัด มันควรจะดีกว่านี้ไหม ถ้าดีกว่านี้เพราะอะไร ไม่ดีเท่านี้เพราะอะไร ก็คิดเองอย่างที่ผมบอกแล้วเมื่อกี๊

สำราญ – ก็รวมๆแล้วก็ถือว่าเสียใจกับครอบครับนีละไพจิตรเป็นคำรบสอง ต้องถือว่าเป็นความพ่ายแพ้นะครับ

สามารถ – ก็ยังไม่ถึงขนาดนั้น เพราะว่ายังมีอุทธรณ์ ฎีกาให้เล่น

สำราญ – แต่ว่าเริ่มแรกก็คงต้องถือว่าพ่ายแพ้

สามารถ – ยกแรกๆ แพ้คะแนนไป

สำราญ – จาก กทม.ครับ อาจารย์สามารถ ถามว่าหลักการทำสมาธิเบื้องต้นนี่มีอะไรบ้าง

สามารถ – หลักการทำสมาธิเบื้องต้นก็คือ 1. คุณต้องเริ่มจากการมีศีล คือทำกาย วาจาให้ปกติ แล้วก็เลือกอารมณ์ที่จะให้จิตนี่ยึดเหนี่ยวมาเป็นสมาธิ ว่าคุณจะใช้อะไร ต่อดูโทสะ ต้องดูจริตนะ ถ้าคุณเป็นคนโกรธก็อาจจะเจริญเมตตา ถ้าคุณเป็นคนอารมณ์ทางรักสวยรักงามก็อาจจะต้องใช้อสุภกรรมฐาน แล้วแต่เจริญอะไร การทำสมาธิมันคือการเลือกอารมณ์น่ะ ที่จิตคุณเกาะเกี่ยวกับสิ่งนั้นได้ดีที่สุดและนานที่สุดก็เป็นสมาธิเท่านั้นเอง ไม่มีอะไร แต่ต้องมีศีลก่อนแหละ ต้องมีจิต ต้องมีกาย วาจาปกติก่อน แล้วก็เลือกอารมณ์ที่จะทำสมาธิให้เหมาะกับจริตตัวเอง แล้วมันก็จะเป็นสมาธิได้เร็ว อย่างสมมุติว่าคุณอาจจะเลือกกสิณก็ได้ นั่งเพ่งดวงไฟก็ได้ มันก็เป็นสมาธิได้เหมือนกัน คือสมาธิคือการทำจิตให้อยู่กับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งที่คุณเลือกได้นานที่สุด ไม่วอกแวกไปไหน ไม่ฟุ้งซ่านนั่นแหละคือสมาธิ มีแค่นั้นเอง

สำราญ – ตอนนี้ได้โอวาทของสมเด็จพระสังฆราชในวัดเด็ก กล่าวโดยสรุปก็คือ สมเด็จพระสังฆราชก็ทรงย้ำว่าเด็กก็เป็นอนาคตของชาติ และก็ทรงย้ำมาหลายปีแล้วว่าเป็นอย่างนี้ และก็อีกสำคัญตอนหนึ่งก็คือว่า ผู้ใหญ่ในปัจจุบันเป็นอย่างไร อนาคตของชาติก็จะเป็นเช่นนั้น โดยมีเด็กในปัจจุบันนั่นเองเป็นผู้สืบสาน เด็กในปัจจุบันที่จะเป็นอนาคตของชาติ หรือเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ท่านก็ขยายความว่านี่คือพวกเรานี่แหละ พวกผู้ใหญ่ก็จะเป็นแบบอย่าง มีอิทธิพลต่อเด็ก

สามารถ – คืออันนี้อธิบายเพิ่มเติมให้ท่านผู้ฟังเห็นนิดนึงว่า คือพระองค์ท่านทรงย้ำให้เห็นว่าผู้ใหญ่นี่เป็นรูปแบบที่เด็กจะต้องเดินตาม มันได้ 2 อย่างคือ 1. ผู้ใหญ่เป็นรูปแบบในแง่การให้กำเนิด เราเชื่อในกฎของพันธุกรรมนี่นะครับ ผู้ใหญ่ที่มีพันธุกรรมดีนี่ ลูกหลานที่ออกมาก็มีส่วนดีนะครับอันที่ 1 อันที่ 2 ผู้ใหญ่ที่มีรูปแบบในการประพฤติปฏิบัติดีนี่ เด็กก็เรียนแบบและก็ทำดีในแง่ 2 แง่ ตั้งแต่พันธุกรรมกับการสอน

สำราญ – และตอนท้ายพระองค์ก็บอกว่า จริงขอฝากเด็กๆไว้กับผู้ใหญ่ ฝากอนาคตของชาติไว้กับเด็กๆ เพราะเขาเป็นความหวังของประชาชน การศึกษาถึงโลกในใจของเด็กๆนะ+

สามารถ – ในทางพุทธศาสนาถือว่าอย่างนี้ โลกของวัตถุกับโลกของจิตใจ มี 2 โลก

สำราญ – การศึกษาถึงโลกในใจของเด็กๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดของพวกเขา คือความคิดของเด็กนะ เป็น 1 ในแบบฝึกหัดที่สำคัญที่สุดของผู้ใหญ่

สามารถ – นี่ไง ที่พูดกันเมื่อกี๊น่ะ

สำราญ – คือคล้ายๆพระองค์ก็คงบอกว่า คือถ้าเราไม่เข้าใจเด็ก ตอบโจทย์ผิดนะ ก็แก้ปัญหาเด็กไม่ได้ และก็นี่คือโจทย์ นี่คือแบบฝึกหัด นี่คือการบ้านของผู้ใหญ่ทุกคนนะ ไม่ใช่สักแต่เกิดลูกมาและปล่อยทิ้งปล่อยขว้าง

สามารถ – ให้เป็นภาระสังคม

สำราญ – ไม่ได้นะครับ ก็นี่ก็เรียกว่า “วรธัมมโอวาท”

สามารถ – แปลว่าโอวาทที่เป็นธรรมประเสริฐ วรนี่แปลว่าประเสริฐ ธัมมก็คือธรรมะ โอวาทก็คือคำสอน

สำราญ – มีท่านผู้ชมจาก กทม.ถามว่า อย่างคุณห้างทองที่ถูกผ่าศพ ผ่าแล้วผ่าอีก 2-3 ครั้งนี่นะ น่าสงสาร คำถามเขาอยู่ว่าคุณห้างทองตายแล้วจะไปไหนหรือ

สามารถ – อันนี้ไม่มีใครบอกได้ครับ เพราะว่ามันต้องขึ้นอยู่กับกรรมที่คุณห้างทองทำ ว่าทำกรรมอะไรไว้ และกรรมตัวนั้นกรรมไหนเป็นครุกรรม กรรมไหนเป็นลหุกรรม ถ้ากรรมดีที่คุณห้างทองทำมากนะ มากกว่ากรรมชั่วนี่นะ คุณห้างทองก็อาจจะไปเกิดในภพดี แต่ถ้าเกิดว่ากรรมชั่วที่คุณห้างทองทำมากกว่ากรรมดี ก็อาจจะต้องให้กรรมชั่วให้ผลก่อนอะไรอย่างนี้ เรื่องนี้ผมไม่รู้ เราไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกันบ้าง เราไม่รู้

สำราญ – ก็ย้ำกันอีกทีนะครับ วันเสาร์นี้วันเด็ก วันพรุ่งนี้ ที่วัดอ้อน้อยมีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายเรื่อง รวมทั้งหลวงปู่พุทธะอิสระก็จะให้โอวาทกับเด็กๆลูกๆหลานๆด้วยนะครับ แต่ว่าที่พลาดไม่ได้เย็นวันนี้ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป ศุกร์กันเถอะเราที่สวนลุมพินีนะครับ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งที่ 14 วงเสก ศักดิ์สิทธิ์ และก็วงซูซู และตามด้วยสนธิ-สโรชา อาจจะมีแขกเซอร์ไพรส์บนเวทีบ้างก็ได้ ก็ติดตามรับชมรับฟังทาง ASTV และก็ FM 97.75 MHz วิทยุชุมชนนะครับ วันนี้ขอบพระคุณอีกครั้งนึงที่ติดตามรับชมรับฟังรายการนะครับ อาจารย์สามารถ มังสัง ผมสำราญลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ

************************************************************************
กำลังโหลดความคิดเห็น