ทักษิณไฟเขียวกระเช้าภูกระดึงคุมเข้มสิ่งแวดล้อม

“ทักษิณ” เอาจริงไฟเขียวกระเช้าขึ้นภูกระดึง สั่งศึกษาผลกระทบ 4 เดือน ด้านเอกชน 4 จ.ภาคอีสาน หนุน อ้างส่งเสริม-พัฒนาการท่องเที่ยว ขณะที่โครงการโปแตซ กำชับกระทรวงทรัพย์ ศึกษาผลได้ผลเสียรอบด้าน ก่อนอนุมัติ

วันนี้ (9 ม.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมร่วมภาคเอกชนกลุ่ม 4 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบด้วย จ.หนองคาย หนองบัวลำภู เลย อุดรธานี ว่า ภาคเอกชนได้เสนอเรื่องการพัฒนาท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยากได้กระเช้าไฟฟ้า ขึ้นภูกระดึง ตนก็เลยบอกว่าคงต้องดูภาพรวม ซึ่ง จ.เลย มีศักยภาพในการพัฒนา และอนุรักษ์ไปพร้อมๆ กันได้ แต่ต้องมองภาพรวม และเสนอภาพรวมไปทีเดียว

เพราะอย่างนั้นมันจะทำให้เป็นที่ถกเถียงกันไม่จบ ถ้าจะทำกระเช้าขึ้นภูกระดึง ต้องถามว่า พัฒนาข้างบน จะทำอะไร จะสามารถรองรับได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งมันต้องเป็นคำตอบทั้งหมด แล้วถึงไปถามประชาชน ว่าอย่างนี้เอาไหม อย่างเช่น การทำกระเช้าขึ้นภูกระดึงเราต้องมองภาพรวมทั้งหมด แล้วไปคิดให้ครบวงจรว่าจะเอาอย่างไร อย่างภูหลวง ซึ่งมีสัตว์ป่า ดอกไม้ ภูเรือ เราต้องมองทั้งระบบ เรื่องการเกษตร เขาก็อยากให้ทำเรื่องของไม้เมืองหนาว และขอเรื่องน้ำ ที่ไปดูที่ห้วยเฮิ่น และแม่น้ำเลย ที่ตื้นเขินแคบบางส่วน ซึ่งจะให้ทหารไปลอก นอกจากนี้ ยังขอถนนจากหนองบัวลำภู มาชุมแพ จากชุมแพไป จ.เลย อำเภอท่าลี่ แต่ก็อยู่ในโครงการอยู่แล้ว ก็ทำได้ ส่วนถนน 4 เลน ที่ขอเราเห็นว่า การจราจรยังไม่มาก ก็จะใช้วิธีว่าถ้าผ่านหมู่บ้าน ก็จะขยายเพื่อความปลอดภัย ตรงทางโค้งทางขึ้นเขา นอกนั้นก็จะเป็นไปอย่างเดิม

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระเช้าขึ้นภูกระดึง จะสามารถยุติได้หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า คงเร็วๆ นี้ แต่ต้องลองว่า หากทำข้างบนภูกระดึงจะเป็นอย่างไร ก็ได้รับคำตอบว่ากระเช้าทำแล้วจะไม่เดือดร้อน น่าจะเป็นผลดี เพราะคนที่ขึ้นมีแต่อายุน้อยๆ คนที่อยากจะเห็นถ้าอายุเยอะๆ เกิน 30 กว่าขึ้นไปก็บอกว่าสงสัยจะไม่มีวาสนา อย่างตนถือว่ามีวาสนาได้ขึ้น เฮลิคอปเตอร์ไป

เมื่อถามว่า เบื้องต้นเห็นด้วยที่จะให้มีการสร้าง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า โดยหลักการหากไม่มีการไปทำลายอะไร ก็โอเค แต่ถ้าทำขึ้นไปแล้ว ไปทำอะไรข้างบน ไปเอาขยะ ของเสียไปทิ้ง เราต้องมองให้ครบวงจรถ้าครบแล้ว ก็เสนอทีเดียวคิดว่าคงไม่นาน ประมาณ 3-4 เดือนคงรู้เรื่อง

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า นอกจากนั้น ยังมีการขอทำสนามบินอุดรธานี ให้เป็นสนามบินอินเตอร์ ความจริงโครงสร้างพื้นที่ฐานที่มีทำได้อยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ถ้าจะเป็นอินเตอร์ก็ต้องมีเครื่องบินมาลง แต่ตอนนี้ไม่มีเครื่องบินที่ไหนจะมาลง ทั้งนี้ คนลาวที่มาจากเวียงจันทน์ ต้องมาขึ้นเครื่องบินที่นี่ เพื่อเข้ากรุงเทพฯ และลงเครื่องเพื่อกลับเวียงจันทน์ก็มี ซึ่งตรงนั้นเราก็จะอำนวยความสะดวกให้เหมือนกับคนลาวมาใช้ที่นี่ได้ เราจะใช้วิธีการแก้แบบนี้แทน ซึ่งหากมีเครื่องบินอุดร ก็พร้อมจะเป็นสนามบินนานาชาติ แต่ถ้าไม่มีเครื่องบินก็ไม่พร้อม

ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง ได้มีการเสนอให้ทางมหาวิทยาลัยสุรนารี ขยายวิทยาเขตไปที่อุดรธานี เพื่อทำงานทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งเรื่องนี้เราขอพิจารณาก่อน เพราะเนื่องจากทางขอนแก่น ก็กำลังขยาย ทาง ม.สุรนารี ก็มีอยู่ การทำมหาวิทยาลัยทางด้านวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เรียนทางด้านอินเทอร์เน็ต หรือทางไกลได้ เพราะไม่ใช่เหมือนวิชาสังคมศาสตร์ เราเลยขอรับมาฟัง มาปรึกษาก่อน ซึ่งตนได้มอบให้ทางสภาพัฒน์ และรองนายกฯ ที่คุมในพื้นที่ และ อปท. มาช่วยกันดู ไม่เช่นนั้นคนอนุรักษ์ก็จะมาเถียงในมุมอนุรักษ์ คนพัฒนาก็มาเถียงในมุมพัฒนา พระพุทธเจ้าสอนให้เดินสายกลาง สามารถพัฒนาโดยอนุรักษ์ไว้ได้ จะทำอย่างไรให้สิ่งที่พระพุทธเจ้าสร้างมาเป็นประโยชน์ให้กับคนในพื้นที่ด้วย ไม่ใช่สร้างมาอยู่ในป่าให้เทวดาชื่นชม อย่างเดียว

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น.ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กว่า 100 คน ได้เดินทางมาชุมนุมหน้าประตูทางเข้าวิทยาลัยการอาชีพด่านซ้าย เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านโครงการเหมืองแร่โปแตซ จ.อุดรธานี ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ กลุ่มชาวบ้านดังกล่าวต้องยืนรอเพื่อยื่นหนังสือเป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง จน นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อให้เข้ายื่นหนังสือคัดค้านแต่อย่างใด ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 100 นาย ได้นำราวเหล็กมากั้น เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเข้ามาในบริเวณที่มีการประชุมภาคเอกชนในกลุ่มจังหวัดภาคอีสานตอนบน หลังจากนั้น ในเวลา 16.00 น. เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามปิดประตูวิทยาลัยการอาชีพด่านซ้าย เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเข้ามา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับปากว่าจะให้มีการส่งตัวแทนชาวบ้านเข้าไปเจรจายื่นหนังสือ แต่ขณะเดียวกัน กลับปิดประตู ชาวบ้านจึงพากันดันประตู จึงเกิดเหตุการณ์ปะทะกันเกิดขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับกลุ่มชาวบ้านที่โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และคนชรา ภายหลังเกิดเหตุการณ์ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้อนุญาตให้ตัวแทนชาวบ้าน 5 คนเข้ามายื่นหนังสือวิทยาลัยการอาชีพด่านซ้าย

ขณะเดียวกัน นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคไทยรักไทย ได้เข้าไปเจรจา แต่กลับถูกตัวแทนชาวบ้านแสดงความไม่พอใจ โดยตะโกนว่า ชาวบ้านใจเย็นมา 4 ปี แต่ ส.ส.ในพื้นที่ไม่เคยเข้ามาดู หรือช่วยแก้ไขปัญหาอะไรเลย ชาวบ้านต้องการคัดค้านไม่ให้มีการสร้างโครงการเหมืองแร่โปแตซ และต้องการพบกับนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะให้นายกรัฐมนตรีระงับโครงการนี้ และหากว่า นายกรัฐมนตรีไม่ให้สนใจ หรือไม่ให้ชาวบ้านเข้าพบ ก็แสดงว่ารัฐบาลนี้โกหกประชาชนอีกแล้ว

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ในที่ประชุมร่วมภาคเอกชนกลุ่ม 4 จังหวัดตะวันออกเฉียงเหนือ ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ยังไม่ได้คุย เพราะเขาไม่ได้ขอ เรายังไม่ได้ศึกษาจริงจัง แต่ทางกระทรวงทรัพยากรฯเขากำลังศึกษาอยู่ ส่วนจะมีแนวโน้มในการสร้างต้องดูอีกที ถ้าทำแล้วมันมากกว่าผลเสียเยอะ ก็ทำ ถ้าเท่าๆ กันก็ไม่ทำ

ส่วนสัญญาในโครงการนี้กับบริษัทประเทศแคนาดา ที่หลายฝ่ายติงว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนยังไม่ได้ดู ตนดูแต่เพียงว่า ความคุ้มค่าไม่คุ้มค่า และการมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ชาวบ้าน วิถีชีวิต และไม่ใช่หนึ่งในโครงการเมกะโปรเจกต์ มันเป็นคนละเรื่อง อย่าเอาแพะชนกับแกะ

ด้าน นายยงยุทธ ติยะไพรัช รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้าน กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ที่มาเรียกร้องเกี่ยวกับการให้สัมปทานเหมืองแร่โปรแตซ โดยในข้อเรียกร้อง ระบุว่า ให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้ดี เนื่องจากมีผลกระทบต้อคุณภาพชีวิตและวัฒนธรรมของชาวอีสาน รวมทั้งเรื่องเกษตรอินทรีย์ ซึ่งยุทธศาสตร์จังหวัดอุดรธานี เน้นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และการทำเกษตรโดยใช้ปุ๋ยชีวภาพ

ซึ่งทางกลุ่มอนุรักษ์ได้ขอให้ นายยงยุทธ นำเสนอต่อที่ประชุม ครม.เพื่อของบประมาณในการจัดทำปุ๋ย โดยเน้นไม่ให้มีการหมกเม็ด นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ในวันที่ 10 ม.ค. รวมทั้งให้รัฐบาลพิจารณายกเลิกสัญญาเหมืองแร่โปแตซกับประเทศจีน ที่ทำไปแล้วเมื่อปี 2546 เนื่องจากมีประเด็นสงสัยถึง 26 ประเด็น รวมทั้งมีการเลี่ยงกฎหมายสิ่งแวดล้อม และแก้ไขสัญญาจากให้รัฐบาลไทยถือหุ้น 50% และประเทศคู่สัญญาถือหุ้น 50% เท่ากัน แต่ตอนนี้ประเทศคู่สัญญากับถือหุ้นถึง 75% รวมทั้งมีการให้สิทธิในการปลอดภาษีในระยะเวลา 8 ปี

โดย นายยงยุทธ กล่าวกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า จะนำเรื่องส่งไปยังนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงอุตสาหกกรม ไปศึกษาถึงสัญญาว่ามีความได้เปรียบเสียเปรียบอย่างไร ส่วนเรื่องงบประมาณในการผลิตปุ๋ยชีวภาพ ให้ชาวบ้านทำเรื่องเสนอไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เพื่อของบประมาณ

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านถามย้ำว่า จะมีการนำเรื่องเหมืองแร่โปแตซ เข้าสู่ที่ประชุม ครม.หรือไม่ นายยงยุทธ กลับทำสีหน้าอ้ำอึ้ง และตอบว่า “ขอไปดูก่อนว่ามีเรื่องนี้เข้าหรือเปล่า แต่เรื่องนี้ต้องดูที่ผลกระทบกับชาวบ้านเป็นหลัก เพราะเกลือที่ผุดมาบนดินจะกระจายทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน โดยไม่ต้องพูดถึงสัญญา หากชาวบ้านเดือดร้อนรัฐบาลก็จะไม่ทำ” รมว.ทรัพยากรฯกล่าว