“สำรวย ปิยไพร” ไม่เบี้ยว หอบลูกออกมาสาบานวัดพระแก้ว ย้ำถ้าพูดเท็จให้เป็นไปใน 3 วัน พร้อมท้า “มุกดา” กับสามี ออกมาสาบานเพื่อพิสูจน์ความจริง ขณะที่ “ชูวิทย์” ไม่ได้มาร่วม อ้างติดประชุม กมธ.ตำรวจ ระบุเป็นเรื่อง 2 หญิง 1 ชาย ฉุน “สมัคร” ด่าออกทีวี โต้แม้เคยหากินกับผู้หญิง แต่ก็ไม่เคยทำให้คนฆ่ากันตาย เตรียมขอเทปเพื่อฟ้องกลับ
วันนี้ (21 ธ.ค.) เวลา 10.30 น. นางสำรวย ปิยไพร ภรรยา นายสาธิต ปิยไพร หรือนายเตี้ย อดีตคนขับรถของนายชูศักดิ์ แอกทอง อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคกิจสังคม ซึ่งถูกระบุว่า มีความสัมพันธ์ชู้สาวกับนางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น พรรคไทยรักไทย เดินทางมาที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) พร้อมบุตรชาย เพื่อจุดธูปสาบานว่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสามีกับนางมุกดา ที่นำมาเปิดเผยเป็นเรื่องจริงทุกประการ
นางสำรวย ได้เข้าไปอธิษฐานและปักธูปที่บริเวณหน้าวัดพระแก้ว พร้อมเปิดเผยว่า ได้อธิษฐานว่าหากสิ่งที่พูดออกมาไม่เป็นความจริงขอให้มีอันเป็นไป แต่ถ้าสิ่งที่พูดเป็นความจริงขอให้คนที่กล่าวหาตนมีอันเป็นไปภายใน 3 วัน จากนั้นได้ปักธูปบริเวณหน้าวัดพร้อมพวงมาลัย
นอกจากนี้ นางสำรวย ยังกล่าวย้ำอีกครั้งว่า ที่ออกมาเรียกร้องเรื่องนี้ เพราะสามีระบุว่าได้หย่าขาดกันแล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริง และว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาในการใช้ชีวิตร่วมกัน จนกระทั่ง 2 ปีที่ผ่านมา สามีเดินทางมาทำงานที่กรุงเทพฯ และเชื่อว่า มีความสัมพันธ์กับนางมุกดา จริง เพราะถูกกีดกันจากนางมุกดา ไม่ให้สามีมาพบกับตนและบุตรชาย
นางสำรวย ได้กล่าวว่า ต้องการให้นางมุกดา กับสามี มาสาบานพร้อมกันที่วัดพระแก้ว เพราะนางมุกดา เป็นผู้เริ่มต้นท้าสาบานตั้งแต่รอบแรก และต้องการให้สภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบพฤติกรรมของนางมุกดา โดยเฉพาะการใช้โทรศัพท์ แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ต้องการให้นางมุกดา พ้นจากความเป็น ส.ส.เพียงแต่ต้องการความเป็นธรรม เพราะสิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมดไม่ได้กุข่าว
“ยืนยันได้ว่า มีการส่งข้อความถึงสามีของหนู เช่นว่า “ดาขาดคุณไม่ได้” และคนในหมู่บ้านทุกคนต่างทราบกันดีว่า 2 คนนี้มีความสัมพันธ์กัน ถึงขนาดเพื่อนข้าราชการมาบอกกับหนูว่า อย่าไปยุ่งเลย เพราะสามีได้ดีมีภรรยารวยไปแล้ว” นางสำรวย กล่าว
ขณะที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงสาเหตุที่ไม่ไปร่วมสาบานที่วัดพระแก้ว กับ นางสำรวย ปิยไพร ว่า เนื่องจากติดประชุมคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทน ซึ่งพิจารณาเรื่องที่ตนเป็นผู้ยื่นญัตติเกี่ยวกับเรื่องตู้ม้าในเขตพื้นที่นครบาล จึงจำเป็นต้องชี้แจง และที่ตนไม่ไป เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน เพียงแต่มาเปิดเผยตามข้อร้องเรียน จึงถือว่าเป็นคนนอก คนที่เกี่ยวข้อง ก็คือ 2 หญิง 1 ชาย สำหรับตนถือว่าได้จบไปแล้ว เพราะได้ทำหน้าที่ไปแล้ว ส่วนสังคมจะเชื่อใครก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนที่รับรู้ข้อมูล เพราะเรื่องอย่างนี้มันก็เหมือนแมวขโมยกินปลาย่างกินในที่ลับแล้วใครจะออกมาบอกความจริง
“ ยังมีนักการเมืองอย่างนี้อีกเยอะ เช่น นายสมัคร สุนทรเวช พิธีรายการทีวีช่องหนึ่ง เมื่อเช้านี้ว่าผมเป็นคนจัญไรหากินกับผู้หญิง ผมก็อยากบอกว่าผมเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ สมัยแรกใครจะด่าว่าอะไรก็ยอมรับไม่เหมือนนักการเมืองอาวุโสบางคนที่ผ่านตำแหน่งใหญ่โตมามากมาย สุดท้ายไม่มีที่ไปต้องมานั่งจ้อตามทีวี เขาเลี้ยงไว้เป็นไม้ประดับ วันนี้ใครฟังรายการเขาบ้าง แม้ผมหากินกับผู้หญิงแต่ก็ไม่เคยโกงกินชาติบ้านเมือง ไม่เคยทำให้คนเขาฆ่ากันตาย และไม่รู้ว่าใครก่อนออกจากตำแหน่งเซ็นอะไรทิ้งทวนเอาไว้ หากจะฟ้อง ผมก็จะฟ้องก่อน เพราะได้ติดต่อขอเทปที่ออกอากาศไว้แล้วอยู่ดีๆ ก็มาด่าผม” นายชูวิทย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สามีของนางมุกดา เตรียมจะฟ้องร้องผู้ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ นายชูวิทย์กล่าวว่า ตนเป็นเพียงคนรับเรื่องและทำตามหน้าที่ ขณะที่นางสำรวยเป็นคนพูด หากเขาจะฟ้องก็มีสิทธิฟ้อง ตนก็จะต่อสู้ว่าทำตามหน้าที่ เพราะได้รับเรื่องร้องเรียนมา อีกทั้งไม่เคยรู้จักกับนางสำรวยมาก่อน และก็ไม่ได้เอ่ยถึงชื่อใครด้วย ถ้าอยากได้เรื่องยาวก็ยาวได้ ถ้าอยากให้เรื่องสั้นก็สั้นได้ขึ้นอยู่กับเขา
ด้าน นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ให้เจ้าหน้าที่พรรคประสานขอข้อเท็จจริงจากนายชูวิทย์ เพราะในการประชุมพรรค นายชูวิทย์ ไม่ได้เข้าประชุม พร้อมยืนยันว่า เป็นเพียงการขอทราบเหตุผล ไม่ใช่การปราม
“ผมฝากบอกไปแล้วว่า ขอให้ทุกอย่างอยู่ในความเหมาะสม บอกว่า เรื่องอะไรต่าง ๆ ให้ดูให้พอเหมาะ พอสม ที่พูดมาให้มีหลักฐานจริง ๆ ก็ว่ากันอีกเรื่อง และเรื่องอย่างนี้ขึ้นอยู่กับจรรยาบรรณของแต่ละบุคคล เพราะหากจะพูดเรื่องส่วนตัวก็คงมีการมากมาย ลับบ้าง แจ้งบ้าง” นายบรรหาร กล่าว
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นจนทำให้พรรคชาติไทย ถูกมองว่า ให้ความสนใจแต่เรื่องชู้สาวหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า คงไม่เป็นเช่นนั้น น่าจะมีเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว ซึ่งนายชูวิทย์คงจะมีข้อมูล หรือประเด็น เพราะธรรมดานายชูวิทย์อยู่ในพรรคจะไม่เคยพูดเรื่องอย่างนี้เลย มีเพียงช่วงแรก ๆ แต่ไม่มาก ต่อมาก็ไม่มีเลย และว่า ผู้เสียหายคงมาร้องเรียน นายชูวิทย์ จึงเก็บไว้ไม่ได้