xs
xsm
sm
md
lg

“ป๋าเปรม” ยกพระบรมราโชวาทปลุกต้านคนโกง-อย่าให้มีอำนาจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ป๋าเปรม” ปลุกจิตวิญญาณคนไทยร่วมกันใช้ความกล้าหาญต่อต้าน-ประจานคนไม่ดี-คนโกง สร้างจิตสำนึกดีสร้างเมืองไทยใสสะอาด อย่าให้เงินมาเป็นตัวชี้วัดความดี เตือนผู้บริหารชาติบ้านเมืองต้องซื่อสัตย์ มีคุณธรรม อย่าหลายมาตรฐาน ยกพระบรมราโชวาทเตือนสติ “อย่าส่งเสริมคนไม่ดีให้เข้ามามีอำนาจก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย

วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน สร้างถิ่นไทยใสสะอาด” ในการประชุมเชิงปฏิบัติการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น “ถิ่นไทยใสสะอาด ร่วมน้อมเกล้าฯ ถวายในหลวง” ซึ่งมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด และภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันจัดขึ้น

พล.อ.เปรม กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าการตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเพื่อสร้างถิ่นไทยให้ใสสะอาดให้สัมฤทธิผลนั้นจำต้องเข้าใจและกระทำหลายอย่าง ต้องปฏิบัติพร้อมกันทั้งกายและใจ แต่การที่จะทำให้คนในบ้านเมืองเรารู้จักตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ก็ต้องทำให้รู้จักว่าแผ่นดินมีบุญคุณอย่างไร ซึ่งการทำให้เข้าใจจะต้องมีการอบรมสั่งสอน ทำให้มีจิตสำนึกที่เกิดขึ้นในตัวเองหรือเกิดจากการอบรมสั่งสอนก็ได้ ต้องเรียนรู้หลายอย่าง เช่น จะต้องมีความสะอาดในการบริหารชาติ บ้านเมือง ต้องซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณธรรมและจริยธรรม จะต้องพูดถึงการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และน่าจะต้องพูดถึงความซื่อตรงของธุรกิจอุตสาหกรรม พาณิชยกรรมที่สัญญาว่าเมื่อมีธุรกิจแล้วจะทำนั่นทำนี่ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดำรงอยู่ แต่บรรดานักอุตสาหกรรมทั้งหลายที่สัญญาว่าจะทำนั่นทำนี่ บางทีก็ไม่ได้ทำ

ประธานองคมนตรี กล่าวว่า ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลไปอย่างไร วิชาการจะสูงส่งเพียงใด คนเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่สุดที่จะช่วยให้ประเทศไทยใสสะอาด หรือไม่ใสสะอาด ตนคิดว่าเราต้องสร้างคนดีให้มีและเกิดขึ้นในบ้านเมืองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะทำไม่ได้หมดทุกคน แต่ก็ต้องพยายาม ทั้งนี้ คำว่า “คนดี” แม้ว่าจะนิยามได้ยากมาก แต่ถ้าพูดว่า ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นคนดี เราจะเข้าใจทันทีว่าคนดีคืออะไร นิยามยากแต่เข้าใจง่ายและเป็นที่ยอมรับ การสร้างคนดีเราสามารถหาได้และสร้างได้ เช่น หาได้จากกรรมพันธุ์ ถ้าพ่อแม่เป็นคนดี ลูกก็น่าจะเป็นคนดี เพราะแพทย์รับรองอย่างนั้น พ่อแม่เป็นส่วนสำคัญในการอบรมสั่งสอนลูก รวมถึงสถานศึกษา และสภาพแวดล้อมต่างๆ มีส่วนสำคัญในการสร้างคนดี จิตสำนึกที่เกิดขึ้นในตัวของเราเองก็สร้างคนดีได้

“คำต่อไปนี้อาจจะไม่ค่อยได้ยินมาก่อน เพราะในพจนานุกรมปัจจุบันก็ไม่มี นั่นคือคำว่าจิตวิญญาณ ซึ่งมีผู้รู้แปลจากภาษาอังกฤษที่มาจากคำว่าสปิริต แวริจีย์ คือพลังจิตเป็นนิสัยเฉพาะของแต่ละคนที่แสดงออกอย่างโดดเด่นเกินวิสัยของคนทั่วไป ถ้าเรามีคนที่มีจิตวิญญาณมากๆ ก็มีคนดีในบ้านเมืองมาก คนที่มีจิตวิญญาณไม่ค่อยมีในบ้านเมือง แต่ถ้าคนไทยมีจิตวิญญาณมาก นอกจากบ้านเมืองจะใสสะอาดแล้วยังพัฒนาได้รวดเร็ว โปร่งใส ต่อไปเราต้องย่องคนดี จะดีในเรื่องเล็กๆ หรือเรื่องใหญ่โต ถ้าเขาเป็นคนดีเราต้องยกย่องและเผยแพร่ เพื่อเขาจะได้ภาคภูมิใจและมีกำลังใจในการทำงาน มีกำลังใจทำความดีและรักษาความดีให้ดำรงอยู่” พล.อ.เปรม กล่าว

รัฐบุรุษ ยังกล่าวอีกว่า การทำความดีเป็นเรื่องยากเพราะต้องใช้ความอดทน เพียรพยายาม แต่สิ่งที่ยากกว่าการทำความดี คือการรักษาความดีให้ดำรงอยู่ มีไม่ใช่น้อยที่ดีอยู่พักเดียวแล้วก็ไม่ดี อย่าให้ภาษาชาวบ้านเรียกว่าดีแตก ทั้งนี้ คนดีจะต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ และจงรักภักดีต่อตนเอง ต่อครอบครัว สังคมและชาติบ้านเมือง ต้องรู้จักคำว่าตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน นี่เป็นลักษณะที่คนดีจะต้องมี ทั้งนี้ คนดีที่ซื่อสัตย์สุจริตจะต้องเข้าใจให้ลึกซึ้งว่า ความซื่อสัตย์อยู่ในตัวของเราแค่นั้นไม่ดี แต่จะต้องดูแลคนรอบข้างให้ซื่อสัตย์สุจริตด้วย ไม่อย่างนั้นคนนั้นเป็นคนดีที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ดีจริง

พล.อ.เปรม กล่าวอีกว่า นอกจากความดีที่มีในตัวคนแล้ว องค์กรต่างๆ ทั้ง อบต. อบจ. เทศบาล หรือองค์กรภาครัฐและเอกชน จะต้องตั้งอยู่บนความดีด้วย จะต้องบริหารโดยการยึดมั่นในคุณธรรมและจริยธรรม ต้องบริหารองค์กรด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และการบริหารจะต้องมีมาตรฐานเดียว ไม่ใช่สองมาตรฐานหรือหลายมาตรฐาน หรือไม่มีมาตรฐานเลย รวมถึงการบริหารที่ยึดประโยชน์ตนเป็นที่ตั้ง อย่างนั้นก็ไม่ใช่คนดี

อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนคนไม่ดี การตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเพื่อสร้างถิ่นไทยให้ใสสะอาด ที่พวกเราพยายามทำให้ประเทศไทยใสสะอาด จะต้องทำ ตนขอใช้คำว่าละเว้นไม่ได้ คือจะต้องทำดังต่อไปนี้ ต่อคนไม่ดี 1.ต้องตีแผ่คนไม่ดี ให้รู้ว่าเป็นคนไม่ดี ให้รู้ว่าคนนี้ไม่ดี ต้องประณามคนไม่ดี ต้องไม่คบหาสมาคมกับคนไม่ดี โดยจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับคนไม่ดี คนที่ร่ำรวยมามีทรัพย์สินเงินทองมาโดยมิชอบ จะต้องไม่เคารพยกย่อง เพราะเงินไม่ใช่เครื่องชี้วัดของความดี และข้อสุดท้ายที่เราจะต้องทำ จะต้องพยายามทำ เราจะต้องพยายามทำ ถึงแม้จะยากก็ต้องพยายามทำ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยก็จะไม่ใสสะอาด คือจะต้องกีดกันคนไม่ดี ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยมีพระบรมราโชวาทไว้เมื่อเดือนธันวาคม เมื่อ 36 ปีมาแล้ว แม้จะเคยได้ยินมากันแล้ว ตนขออ่านเพื่อให้เป็นที่ประจักษ์

“ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้คนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงเป็นการมิใช่ทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้” ประธานองคมนตรียกพระบรมราโชวาทตอนหนึ่งมาอ่านให้ที่ประชุมฟัง

พล.อ.เปรม กล่าวว่า ทั้งหมดที่ผมพูดมานี้เป็นการยากมากที่จะทำ ต้องใช้ความกล้าหาญ ต้องให้ความเสียสละ การประณามคนไม่ดี การไม่คบคนไม่ดี ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของคนไทย ที่ไม่ชอบให้มีการกระทำเช่นนั้น ผมคิดว่าหากเราไม่พูดกล่าวหาเขาในสิ่งที่เป็นเท็จ ที่ไม่จริง แต่เราพูดในสิ่งที่เกิดขึ้นจริงพิสูจน์ได้ แต่วัฒนธรรมไทยนั้น มีบางสิ่งบางอย่างที่เราชี้ว่า คุณไม่ดีนะ ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องหารือและปรึกษากัน แต่ผมคิดวาถ้าเราไม่ยึดกับสิ่งเหล่านี้เราก็ไม่สามารถจะกำจัดคนไม่ดี ออกไปนอกวงที่เราไม่ต้องการให้เขาเข้ามาอยู่ได้ อย่างพระบรมราโชวาทที่ผมอัญเชิญมา แม้พวกเราจะได้ยินได้ฟังมาแล้วกว่า 10 เที่ยว บางคนก็ฟังมากว่าร้อยเที่ยว ได้ยินจนชินหูได้ยินจนข้าใจจนจำได้ แต่ไม่มีใครได้เคยนำมาปฏิบัติ เป็นที่น่าเสียดาย

“เพราะฉะนั้น หากมูลนิธินี้หรือ ก.พ. จะนำไปคิดอ่านเรื่องนี้ว่าเราจะทำอย่างไรมาปกครองบ้านเมือง ทำอย่างไรจะควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ผมคิดว่าหากทำสำเร็จ ประเทศไทยจะใสสะอาด และถ้าเรามีคนไม่ดีอยู่ในองค์กรที่สำคัญ นั่นคืออุปสรรคอันยิ่งใหญ่ของบ้านเมืองเรา เราไม่มีทางจะใสสะอาดได้ ดังนั้น ท่านทั้งหลายที่มาฟังในวันนี้ ผมคิดว่าคงเชื่อในเรื่องของกรรรม ผมเชื่อว่ากรรมมีจริง ผลจากการทำความดีความชั่วจะปรากฏให้เห็นจริง ไม่ช้าก็เร็ว มีตัวอย่างให้เราเห็นมีความจริงให้คนรู้ ให้คนได้ปรบมือให้ มีความจริงที่คนได้รักและสะสม ให้คนได้แช่งชัก” ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าว

พล.อ.เปรม กล่าวต่อว่า ตนยึดมั่นว่าการทำความดีไม่จำเป็นต้องประกาศไม่ต้องทำให้ตัวเองอยากเด่นอยากดัง แต่ต้องทำแบบปิดทองหลังพระ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งไว้เสมอๆ ปิดทองหลังพระและพอใจ ภูมิใจ ในการทำความดีนั้นๆ คนที่ทำชั่วแม้จะไม่ได้รับกรรมโดยเร็ว ขึ้นศาลแม้ว่าศาลจะตัดสินมาไม่เร็ว แต่ตนคิดว่าผลของการทำชั่วนั้นจะเกิดขึ้นกับใจของคนประพฤติชั่วในทันทีทันใด คนทำชั่วใจจะหดหู่ กลัวคนอื่นรู้กลัวสังคมจะว่ากล่าวที่เขาเรียกกันว่าหน้าชื่นอกตรม เว้นไว้แต่คนทำชั่วคนนั้น มีความแข็งแกร่งมาก สามารถจะทนสิ่งเหล่านี้ได้ นั่นคือกรรม

ประธานองคมนตรี กล่าวว่า เรื่องที่ตนจะเรียนเป็นเรื่องสุดท้าย คือ พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสในเรื่องการตอบแทนเพื่อสร้างถิ่นไทยใสสะอาด มีค่ายิ่งและหาสิ่งที่เปรียบไม่ได้ คือขอให้คนไทยทุกคนเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสต่างๆ ใส่เกล้าใส่กระหม่อมนำไปประพฤติปฏิบัติตาม ตนขอยืนยันว่าการเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเป็นผลดีต่อตนเอง ต่อส่วนรวม และบ้านเมืองของเราก็จะมีความร่มเย็น ใสสะอาด มั่นคง นอกจากนั้นก็จะเป็นมงคลชีวิตแก่ผู้ประพฤติปฏิบัติตาม

นอกจากนี้ พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสที่เกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย นับแต่เสด็จขึ้นครองราชย์ จนจะครบ 60 ปีในวันที 9 มิ.ย. 49 ตนยังขอยกพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส เพื่อให้คนไทยรู้รักสามัคคีที่จะทำให้ประเทศไทยใสสะอาด จากพระบรมราโชวาท พ.ศ.2525 ในคราวฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ในเรื่องคุณธรรม 4 ประการประกอบด้วย 1.การรักษาความสัตย์ ความจริงใจต่อตนเองที่จะประพฤติปฏิบัติต่อสิ่งที่เป็นประโยชน์ 2.การรู้จักข่มใจตนเอง ให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสัตย์ ความดี 3.ความอดทนอดกลั้น และอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใด 4.การรู้จักระวังความชั่ว ความทุจริต และรู้จักเสียสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง อันนี้ถ้าพวกเราน้อมรับใส่เกล้าใส่กระหม่อม และประพฤติปฏิบัติบ้านเมืองก็สะอาด

“นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังมีพระราชดำรัส เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง โดยในวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมาก็ทรงรับสั่งซึ่งก็ได้ฟังกัน แต่แปลไม่เหมือนกัน ไม่ทราบจะไปทูลฯถามว่าใครแปลถูกใครแปลผิด พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสต่างๆ เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งบริสุทธิ์ประเสริฐ เป็นมงคลแก่ชีวิต ผมขอเรียนว่าพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสเหล่านี้ล้านแต่เป็นสิ่งบริสุทธิ์ และเป็นมงคลแก่ชีวิต แต่พวกเราผู้ประพฤติปฏิบัติตามทั้งสิ้น ใคร่ขอให้นำไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่แผ่นดินและบอกต่อกันไปว่าการดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท จะนำความสุขความร่มเย็นความใสสะอาดมาสู่บ้านเมือง อันเป็นที่รักของเราแน่นอน” พล.อ.เปรม กล่าว

คำต่อคำ"ป๋าเปรม"ปาฐกถา “ตอบแทนคุณแผ่นดิน สร้างถิ่นไทยใสสะอาด”
กำลังโหลดความคิดเห็น