xs
xsm
sm
md
lg

“เสธ.แดง”ชี้ “พล.ต.พฤณท์” แค่ต้องการเอาใจ “ทักษิณ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” หรือ “เสธ.แดง” ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ให้สัมภาษณ์สภาท่าพระอาทิตย์ (17 พ.ย.48)ชี้การกระทำของ“พล.ต.พฤณท์” เป็นเรื่องที่โง่มาก ขณะเดียวกันต้องการแสดงแอ็คชั่นเอาใจนายกฯ เชื่อเหตุที่ไม่มายื่นหนังสือด้วยตัวเองเอง คงมีผู้ใหญ่เตือน เพราะตามหลักวินัยทหารต้องเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา พร้อมฟันธงยุคนี้ไม่เกิดรัฐประหารแน่ เหตุทหารระดับนายพลส่วนใหญ่ล้วนสนิทกับ “ทักษิณ”

คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อฟังเสียงการสัมภาษณ์
 

รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 17 พฤศจิกายน 2548 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร และปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

สำราญ – จะไปกันที่ตรงนี้ครับ อาจารย์ปานเทพ คือเราติดต่อนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายท่าน ท่านก็ไม่กล้าพูดบ้าง ไม่กล้าบ้างนะครับ รวมทั้งทหารที่เกษียณไปแล้วนี่ก็ยังมีภารกิจกันอยู่ ทีมงานติดต่อไปที่ท่านเสธ.แดงนะครับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกนะครับ เจ้าของพ็อกเก็ตบุ๊คอันลือลั่น “คมเสธ.แดง”นี่นะครับ พิมพ์มาแล้วหลายครั้งหลายครานะครับ ไปคุยมุมมองในฐานะที่เสธ.แดงเป็นนายทหารรุ่นพี่ของ พล.ต.พฤณท์นะครับ ปฏิบัติการณ์เที่ยวนี้นี่เสธ.แดงมองอย่างไร สวัสดีครับ เสธ.แดงครับ

ปานเทพ – สวัสดีครับ เสธ.แดงครับ

พล.ต.ขัตติยะ – สวัสดีครับ

สำราญ – เสธ.แดงเป็น จปร.รุ่นเท่าไหร่ครับ เตรียมเท่าไหร่ครับ

พล.ต.ขัตติยะ – ตัวผมเองนี่ จปร.22 เตรียมทหารรุ่น 11

ปานเทพ – จะว่าไปแล้วก็ต้องรู้จักท่าน พล.ต.พฤณท์แน่ๆ

พล.ต.ขัตติยะ – พฤณท์นี่เขาเป็นเตรียมทหารรุ่น 10 แต่เขาสอบตกมาอยู่รุ่นผม เขาตกที่เตรียมทหารปี 2 และเขาตกมาอยู่รุ่นพี่

สำราญ – ก็เลยมาเป็น จปร.22

พล.ต.ขัตติยะ – ครับ จปร.22 แต่เขาเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นพี่ทักษิณ

ปานเทพ – แล้วมองยังไงบ้างครับ เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ พล.ต.พฤณท์ออกมาให้สัมภาษณ์และก็ยื่นจดหมาย และก็ก่อนหน้านี้ก็ให้สัมภาษณ์เหมือนกับข่มขู่สื่อสารมวลชนด้วยซ้ำไปนี่

พล.ต.ขัตติยะ – คือพฤณท์เขาไม่รู้เรื่องหรอกครับ เขาไม่ทราบเรื่องการเมือง เขาเป็นทหารแท้ๆน่ะครับ คือบ้านเมืองข้างนอกเขากำลังยุ่งอยู่ ทหารก็วางตัวเงียบนิ่งเฉยใช่ไหมครับ ต้องวางตัวเป็นกลาง แล้วตัว ผบ.พล 1 นี่มันใหญ่มาก ผบ.พล 1 นี่มีกำลังตั้ง 3 กรม เป็นหลักของประเทศไทยเลย คือ กรมทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 11 กรมทหารที่ 31 และตำแหน่ง ผบ.พล 1 ถ้าเกิดเขามีการยึดอำนาจปฏิวัติกัน เหมือนกับ พล.ต.อรุณ ทวาทศินนี่เห็นไหมครับ พล.อ.ฉลาดยิงเลย เขายิงทิ้งเลยเพราะว่าไม่เล่นด้วยอย่างนี้ คือมันเหมือนพญาอินทรีย์บินทีท้องทะเลก็ท่วมนี่ ทีนี้อยู่ดีๆสนธินี่เป็นประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่งใช่ไหมครับ เป็นสื่อมวลชนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทหารเลย แล้วอยู่ดีๆนี่ไปทำแบบนี้
คือประชาชนเขามองทางการเมืองนี่คือไม่รู้เรื่อง คือทหารนี่จะไม่รู้เรื่องการเมืองนะครับ เพราะว่าประชาชนก็คือถามสนธิกันอยู่แล้วตั้ง 3-4 หมื่นคน เขาขยับตลอดใช่ไหมครับ แล้วการสถานีวิทยุเขานี่ สถานีโทรทัศน์ซึ่งเราก็พูดกับคนติดกัน มันเหลือคนเดียวในประเทศไทยที่แฉเรื่องความจริงอะไรที่ประชาชนไม่รู้นะครับ ประชาชนเขาถือหางอยู่แล้วชนชั้นกลางนี่ ก็ปรากฏว่าอยู่ดีๆตัวเองเป็นตำแหน่งใหญ่โตมโหฬารนี่ ก็ออกไปยื่นหนังสือและใช้หนังสือหลวงด้วย เป็นหนังสือลงความเห็นไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ผู้บังคับบัญชา บุคคลแต่ละบุคคลก็พยายามจะช่วยว่าเรื่องส่วนตัว แต่มันเป็นเหตุส่วนตัวไม่ได้เพราะว่าเขาใช้หนังสือหลวงน่ะ

ปานเทพ – มีตราครุฑ มี กห.เลขที่

พล.ต.ขัตติยะ – พอไปยื่นปั๊บนี่มันก็เป็นภาพพจน์ที่ public เขากำลังรบกันอยู่ คือมีตำรวจไปแจ้งความจับสนธิเขาอยู่แล้ว ตำรวจไปแจ้งความจับตรงนั้นมันก็เต็มที่แล้ว ตำรวจกลับไปแจ้งความจับพี่สนธิว่า เรื่องนี้แหละสิ่งที่ต้องเรียนให้ทราบ คนก็หันมามองตำรวจว่าแกล้งกันหรือเปล่า ปัญหานี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้นเลยไปร่วมวงกับเขาด้วยนี่ คนเขาก็หันมามองว่าทั้งตำรวจทั้งทหารรุมกระทืบประชาชนหรือยังไง อะไรอย่างนี้ครับ ผมก็เลยออกมาว่าเป็นการกระทำที่โง่ที่สุดที่ไม่เคยพบเคยเห็นครับ ไม่ได้รู้เรื่องการเมืองอะไรกับเขาเลย แล้วก็เข้าไปกลางวง แล้วตำแหน่งตัวนี่เป็นตำแหน่งใหญ่โตทางยุทธศาสตร์มากเลย ตำแหน่งผู้จัดการกองพลทหารราบที่ 1 มันใหญ่มากครับ

ปานเทพ – เขาบอกว่าเขาทำหน้าที่ทหารรักษาพระองค์ เพราะฉะนั้นแล้วนี่ถ้าคุณสนธิไปพูดในเรื่องของการพาดพิงสถาบันเบื้องสูงลงมานี่ เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมไม่ควรจะพูดนี่ เสธ.แดงมองยังไงบ้างครับ

พล.ต.ขัตติยะ – คือเขาก็รักษาพระองค์กันทุกคนแหละครับ คือให้ผมวิเคราะห์คือเขาไม่รู้เรื่องการเมืองครับ เขาจะแอ็คชั่น มันก็ผิด เป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงลูกน้องจะมองยังไง ผมก็เป็นนายทหารพิเศษ รักษาพระองค์ในรัชกาลที่ 6 ทุกคนเป็นทหารรักษาพระองค์หมดครับ ตามธรรมนูญทหารเป็นรักษาพระองค์ทุกคนแหละครับ มันไม่ใช่เฉพาะกองพลทหารราบที่ 1 ที่ 14,000 คนไม่ใช่หรอกครับ

สำราญ – การที่เมื่อวาน พล.ต.พฤณท์มาไม่ได้ไปไม่ได้นี่นะครับ เป็นเพราะด้านหนึ่งสะท้อนว่าจริงๆแล้วนี่ พล.ต.พฤณท์อาจจะคุมกำลังในกองพลไม่ได้ เป็นไปได้ไหมครับ เสธ.แดง

พล.ต.ขัตติยะ – ไม่ใช่ คือตกใจมากกว่า คุมตัวเองไม่อยู่ พี่วิมลยังออกมาด่าเลย พี่วิมลก็อดีตผู้บัญชาการทหารบกยังออกมาด่าให้ ตอนพูดไปคงจะพลั้งปากครับ แต่พอจะไปจริงๆก็คงจะโทรไปหาใครต่อใคร เพราะทหารนี่มันอ่านกันออกหมดแหละครับ

สำราญ – คงโดนเบรกว่างั้นเถอะ คงตกใจและก็โดนเบรก

พล.ต.ขัตติยะ – คงจะโดนใครด่าให้นะครับ ก็เลยเอาแค่หัวหน้ากำลังพลไป ก็ไปตามสายงานครับ เด็กพันโทคนนั้นเป็นหัวหน้ากำลังพลด้านขวัญกำลังใจ จัดงานวันเด็กอะไรอย่างนี้ ด้านงานศพอะไรอย่างนี้ และก็เขาปลงแล้วครับ พวกงานเดินหนังสืออะไรอย่างนี้ เพราะว่าผู้บัญชาการกองพลที่ 1 นี่ เป็นผู้บัญชากองพลกับคนนำสารนี่ต่างกันมหาศาลนะ ผบ.พลนี่ภาษาทหารเขาจะเรียก ผบ.พล ถ้า ผบ.พลไปยื่นเองนี่เสร็จเลย มันแค่คนนำสารเท่านั้นไปยื่นหนังสือให้กับคุณสนธินี่ อาวุธก็ไม่มี ปืนไม่มีซักกระบอกนึงใช่ไหมครับ นี่มันเป็นอย่างนี้ครับ

ปานเทพ – แล้ว พล.ต.พฤณท์ในฐานะที่เสธ.แดงเคยรู้จักนี่นะครับ มีลักษณะบุคลิกและวิธีคิดโดยปกตินี่เป็นยังไงครับ

พล.ต.ขัตติยะ – เขาก็ปกติก็เป็นเพื่อนฝูงกันปกติ ก็มาเล่นกันสนุก เขาเป็นคนสนุกสนานเฮฮา และก็เพื่อนฝูงก็รักครับ ส่วนตัวเขาก็ดีครับ ทีนี้เวลามันขึ้นมาตามสายนี่ เขาเป็นเด็กตกน่ะครับ เด็กตกก็มาอยู่รุ่นผมก็เข้ากันได้ดีหมดครับ ดีหมด เขาเป็นคนสนุกครับ จริงๆแล้วไม่มีอะไรครับ

สำราญ – เห็นว่าอัธยาศัยก็ดีนะ

พล.ต.ขัตติยะ – อัธยาศัยดีครับ ตระกูลนี้เขาเป็นตระกูลทหารทั้งตระกูลเลยนะครับ ชื่อเหมือนกัน พฤกษ์ พฤณท์ และก็เข้าเตรียมทหารพร้อมกันรุ่น 10 เก่งมากครับ และก็คุณพ่อเขา พล.อ.ทวนทอง สุวรรณทัต แต่ตัวพฤณท์นี่เขาตกมารุ่นพี่ เราก็เรียกกันพี่โอ๋ๆครับ ก็เรียกเขารุ่นพี่ครับ ตอนพี่ทักษิณขึ้นมาเป็นท่านนายกฯนี่ พฤณท์เขาก็เริ่มย้ายมาจากทางสุราษฎร์นี่เขาเข้ามาตาม line เขา ก็ได้มาอยู่กองพลที่ 1 และก็มาเป็นผู้การกรมทหารราบที่ 1 ตำแหน่งใหญ่โตมาก ผู้การพลนะ เขาก็ขึ้น line มา
พวกเราก็ยังล้อกันเลยว่าม้าตีนปลายอะไรอย่างนี้ครับ อันนี้มันเป็นเรื่องการรับราชการนี่ บุญวาสนา ดวงและก็ฝีมือนี่มันวัดกันไม่ได้ พอตอนจะจบนี่มันจะแซงกันตอน 50 กว่านี่แหละครับ เขาก็ได้ตำแหน่งใหญ่โตเป็น ผบ.พล 1 ครับ ทีนี้พอดีจังหวะมันไม่ได้ขยับปีนี้ครับ ธรรมดาเขาต้องเป็นรองแม่ทัพและก็เพื่อนผมอีกคนหนึ่ง วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยานี่คือลูกของ พล.อ.ยศ เทพหัสดินก็ต้องขึ้นมาเป็น ผบ.พล 1 แทน ตาม line มันต้องเป็นอย่างนั้น แล้วเขาต้องขยับเป็นรองแม่ทัพ

สำราญ – คือกลุ่มพวกนี้เขาเรียกกลุ่มลูกนายใช่ไหมครับ

พล.ต.ขัตติยะ – ไม่ครับ เขาก็คือจริงๆแล้วนี่ พวกนี้จะเป็นนายทหารที่เป็นลูกผู้ใหญ่มาเก่า แต่จริงๆแล้วนี่จะไปว่าเขาเป็น สมัยก่อนเขาเรียกว่าพวกวงกลุ่มลูกนาย แต่จริงๆเขาก็ฝีมือนะครับ เพราะเขาก็เก่งขึ้นมา ทีนี้ถามว่านามสกุลของเขากับชื่อเสียงของคุณพ่อเขานี่ เป็นอันหนึ่งที่ส่งบารมีในขั้นลูกเหมือนกันครับ อย่างพวกเทพหัสดิน ณ อยุธยานี่เก่ง เขาก็พ่อเก่งลูกก็คงเก่ง สุวรรณทัตนี่พ่อเก่งลูกก็ต้องเก่ง มันเป็นสายเลือดอย่างตระกูลหยางอะไรอย่างนี้ เขารักษาราชบัลลังก์อะไรอย่างนี้ เขาก็พูดถึงตระกูลทหารนี่ ลูกผู้ใหญ่นี่มีน้อยครับในโรงเรียนเตรียมทหารนี่ พอตอนๆปลายๆนี่เขาก็ขึ้นกันนะครับ

สำราญ – เดี๋ยวนี้พฤกษ์นี่อยู่ที่ไหนครับ ยศอะไรครับ

พล.ต.ขัตติยะ – พฤกษ์นี่รู้สึกอยู่ตรงแถวเมืองกาญจน์ แล้วไปไหนแล้วไม่ทราบเหมือนกัน ผมก็ไม่ได้ตามครับ แกเป็นคนเรียบร้อย เขาไม่ค่อยเล่นเป็นคนละเรื่องกับผม ผมเลยตามไม่ติดครับ เขาติดครับ เขาไม่ได้ตกเป็นแบบพฤณท์ครับ แต่พฤณท์นี่เขาตกมารุ่นผม เราก็จะรู้การเคลื่อนไหวของเขาครับ

สำราญ – ทีนี้คิดว่าเที่ยวนี้นี่ พล.ต.พฤณท์นี่ ด้านหนึ่งแรงขับดันอาจจะมาจากความที่ต้องการแสดงความจริงใจกับนายกฯ ซึ่งมันกลายเป็นการรับใช้ทางการเมืองไปหรือเปล่าครับ

ปานเทพ – เป็นอย่างนั้นหรือเปล่าครับ เสธ.แดงมองไหมครับ

พล.ต.ขัตติยะ – คือตัวเขาเองนี่นะครับ ส่วนตัวตรงนั้น 50% อยู่แล้ว คือหมายความว่าโชว์พี่ทักษิณเสียหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่ทำอะไรเลย เพราะว่ามันจะต้องมีองครักษ์พิทักษ์พี่ทักษิณออกมาอย่างนี้ ออกมาเป็นแถวอันนี้มันปกติอยู่แล้วครับ ถ้าพูดกันแบบรัฐประหารนี่ก็อาจจะไม่มีมาชั้นเชิง คือว่าอย่างนั้นมันแหงๆอยู่แล้ว คือแอ็คชั่น หน่อยให้เห็นว่า เป็น ผบ.พล 1 ไม่ได้อยู่นิ่งเฉยนะ คนถล่มพี่ทักษิณนายกฯก็ต้องออกมาเสียหน่อยนั่นน่ะครึ่งหนึ่ง พอถล่มเสร็จตัวไม่เก่งวิชาการเมืองนี่ครับ ตัวไม่รู้ว่าการเมืองเขามองหลายปัจจัย หลายวิชั่น
แต่ทหารนี่มองวิชั่นเดียวและรับคำสั่งมาตลอด เช่น ผบ.พล 1 พูดอะไรนี่ ทั้งโต๊ะก็จะพยักหน้าว่าถูกหมดแหละ ถูกของท่าน เพราะว่าระบบทหารนี่มันจะไม่มีคนไหนเถียงนาย มีพวกเถียงนายหรือครับ รุ่งเช้าก็ถูกย้ายเอา ฮ.มารับส่งส่วนหลังเลย เพราะระบบทหารมันเป็นอย่างนั้น ฉะนั้นพอถึงเวลาเอ่ยปากไปเสร็จนี่ ผู้ใหญ่และก็ลูกผู้ใหญ่ คนที่คุณพ่อเขาเคยดูแลมาต้องผงกหัวกันเยอะ เขาก็ต้องเตือนว่าโอ๋ไม่ถูกนะ อย่าไปพูดอย่างนั้น อย่าไปยื่นหนังสือ

สำราญ – ทีนี้เขาบอกว่า พล.ต.พฤณท์ ทำให้เกียรติภูมิของกองพล 1 หรือความเป็น ผบ.พล 1 นี่เสียหายมาก คือประกาศแล้วไม่มา เขาบอกว่าตรงนี้เสียรังวัดมา

พล.ต.ขัตติยะ – อันนี้มันเสียอยู่แล้วครับ เพราะว่าพี่วิมลยังออกมาว่าเลย ทีนี้ตัว ผบ.สูงสุดกับผู้บัญชาการทหารบกก็คงจะเห็นเป็นตำแหน่งใหญ่โต จะไปตำหนิตามก็ใช่ที่ ก็บอกเรื่องส่วนตัวใช่ไหมครับ

ปานเทพ – เรื่องส่วนตัวได้อย่างไรครับ มีตราครุฑ มีหนังสือ กห.ชัดเจน

พล.ต.ขัตติยะ – อันนี้มันดิ้นไม่หลุดอยู่แล้วครับ ตัวเขาเองก็ต้องรอกระแสจนกระทั่งจางครับงานนี้

ปานเทพ – มีนักข่าวไปถามว่าอย่างนี้ครับ เสธ.แดง นักข่าวไปถาม พล.ต.พฤณท์ว่าได้รับการอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาก่อนหรือเปล่า พล.ต.พฤณท์ก็บอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้เสียหายอะไร เสียหายไหมครับในสายตาเสธ.แดง

พล.ต.ขัตติยะ – ก็โดนผมด่าไปเมื่อวานแล้วครับ บอกโง่ที่สุด ทำอย่างนั้นได้ยังไง คือเฉพาะตำรวจยโสธรก็ขย้ำพี่สนธินี่ก็ตายอยู่แล้ว สนธินี่หมายถึงสนธิของพวกคุณนะ ไม่ใช่ ผบ.ทบ.นะ แค่คนนั้นก็ตายอยู่แล้ว ไปด่าเขาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กลับกลายเป็นถูกแจ้งจับเพราะกฎหมายบ้านเราบอกกล่าวหา แจ้งจับหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กฎหมายบ้านเราเป็นระบบกล่าวหา ใครแจ้งความจับก่อนได้เปรียบก่อน และก็ตำรวจระบบของเรามันสืบสวนสอบสวบจับกุมคุมขังนี่ อยู่ที่อำนาจตำรวจมีประเทศเดียวในโลกน่ะ ธรรมดาเขามีหน่วยงานนึงในการสอบสวนก่อนว่าจริงไม่จริง แล้วถึงจะมาจับพี่สนธิ อันนี้จับเสร็จ ฟ้องเสร็จ ปั้นพยานซัก 10 คน อัยการสั่งฟ้อง ระบบบ้านเรามันเป็นอย่างนั้น
ทีนี้เมื่อตำรวจเขายังขย้ำอยู่ ตัวทหารนี่ต้องคู่กับประชาชน ซึ่งประชาชนหันมามองทหารตาละห้อง เมื่อไหร่ทหารจะช่วยเราซักที ก็มาเหมือนกันแต่มาช่วยกันยำต่ออย่างนี้ก็เสร็จสิครับ ผมดูแล้วมันไม่ถูกนะผมว่า ผมก็ออกมาด่าสิใช่ไหมครับ ผมส่วนตัวเหมือนกัน ออกมาด่าเป็นส่วนตัวเหมือนกัน ไม่ใช่หนังสือตราครุฑและก็ลงที่ กห. มันสามารถใช้หนังสือลงที่ กห.ได้ใช่ไหมครับ แต่ท่านผู้บัญชาการทหารบกกับท่านผู้การส่วนใหญ่ ถ้าท่านออกมาท่านก็มาช่วย เพราะท่านอาวุโสแล้ว มันนี่รุ่นเดียวกับผม ออกมารุ่นเดียวกัน และผมก็อาวุโสอีก ท่านผู้บัญชาทหารบกรุ่น 6 ผมรุ่น 11 ก็ได้อาวุโลที่พอจะพูดได้แหละ ใช่ไหมครับ ก็แสดงความคิดเห็นครับ

ปานเทพ – เสธ.แดง ผมเองก็แปลกใจนะ เพราะว่าตัวเขาเองนอกจากว่าทำหนังสือตราครุฑ มีหนังสือ กห.ชัดเจน และก็ลงชื่อในฐานะผู้บังคับบัญชากองพลที่ 1 รักษาพระองค์นี่นะครับ เขาใส่ซองนี่นะทุกฉบับและแจกนักข่าว คือผมก็ไม่รู้ว่าเขามีคนที่ปรึกษาให้คำแนะนำนี่นะครับรัดกุมหรือเปล่า

พล.ต.ขัตติยะ – เขาไม่รู้เรื่องหรอกครับ ผมบอกได้ว่าทั้งชีวิตนี่ไม่รู้เรื่องการเมืองครับ ผมนี่ที่ผมรู้เรื่องการเมืองและสามารถให้สัมภาษณ์และพูดครอบคลุมได้ เพราะผมมาช่วยราชการอยู่กับ ดร.ไตรรงค์ มาอยู่กับกระทรวงแรงงาน เคยมาอยู่กับรองนายกฯ ถึงรู้ว่าระบบการเมือง สื่อมวลชนนี่เป็นยังไง พฤณท์ไม่รู้จักหรอกครับสื่อมวลชน ผู้สื่อข่าวสายทำเนียบ สายสภา สายอาชญากรรม สายอะไรต่างๆทหารไม่รู้เรื่องครับ ตัวพฤณท์เองนี่ก็เขาก็ไม่รู้ เขาก็รักกองทัพ รักชาติรุนแรง รักปกป้องผู้บังคับบัญชา และก็การที่เอาอะไรเข้ามาอ้างในหลวง อ้างพระราชบัลลังก์ อ้างพระราชอำนาจนี่ คือเขาฟังแล้วเขาหมั่นไส้น่ะ เขาหมั่นไส้แล้วมีม็อบอีกอะไรอย่างนี้ เขาไม่รู้หรอกครับ
ทหารนี่เขาไม่รู้จริงๆนะครับ ทหารนี่มันรับคำสั่งมาทั้งชีวิตจริงๆ เขาไม่เหมือนตำรวจนะครับ จบโรงเรียนเตรียมทหารมานี่ ตำรวจจะ public ตำรวจนี่จะใกล้ชิดประชาชน เขาจะรู้เสือสิงห์กระทิงแรดมาตั้งแต่เด็กเลย ทหารนี่ออกไปนอกกำแพงสี่เหลี่ยมนี่ ผู้บังคับกองพันโดยล็อกล้อยังไม่มีปัญญาช่วยตัวเองเลย คือตำรวจล็อกล้อนี่ยังร้องกระจองงองแง แต่อยู่ในกองพันนี่มันใหญ่มากนะ ขังคนนี่บุหรี่ตกตัวนึงนี่ขัง 7 วันนะ บุหรี่ตกเวลาลงรถนี่ไม่ดับหรือไม่ขยี้ให้เป็นผุยผงนี่ ทีนี้ทหารนี่จะเป็นอย่างนี้ครับ คือเขาไม่มีอะไรเลย แต่เขาไม่ทราบถึงการเมือง เขาอ่านจากหนังสือพิมพ์เท่านั้นเอง

สำราญ – คงอยากแอ็คชั่น ให้เข้าตานายกฯหน่อยว่าอย่างนั้น

พล.ต.ขัตติยะ – คือแอ็คชั่น โชว์ พูดตรงๆน่ะ พูดแบบไม่อ้อมค้อม ไม่ต้องไปช่วยมันคือแอ็คชั่น เท่านั้นเอง แต่พอแอ็คเสร็จก็โดนผู้ใหญ่เขาดู เพราะผู้ใหญ่เขาดูเป็นนี่ ท่านวิมลนี่ก็ผ่านชีวิตมาแล้ว หรือผู้ใหญ่อีกคนลูกเพื่อนพ่อ เพื่อนพ่อผมตายหมดแล้ว ก็พวกรุ่นน้องพ่อก็บอกว่าโอ๋ไม่ถูกนะ อย่าไปทำอย่างนี้นะ เดี๋ยวประชาชนเกลียดทหารตาย

สำราญ – เสธ.แดงครับ เรียนถามความเห็นส่วนตัวอย่างกว้างๆนิดนึงนะครับ ในเงื่อนไขปัจจุบัน หรือในอนาคตอันใกล้นี่ ถ้านะครับ ถ้าจะมีการปฏิวัติรัฐประหารนี่ มันจะเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง

พล.ต.ขัตติยะ – ปฏิวัติเกิดจากสาเหตุคือหมายความว่า กระแสของประชาชนไม่พอใจ แล้วก็มาแตะกองทัพ อย่างสมัยน้าชาติ ผมย้อนหลังเลยนะครับ ก็ต้องดูจากธรรมศาสตร์สิครับ เพราะผมอยู่ในเหตุการณ์ทั้ง 3 ครั้ง สมัยน้าชาตินี่ ทีมที่ปรึกษานายกฯชาติชายนี่ด่าทหารทุกวัน ก็จะมีพี่ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ พี่บวรศักดิ์ ปลดบิ๊กสุๆทุกวัน ปลดทุกวันเลย เขาทำงานมาทั้งชีวิตมาปลดผมเรื่องอะไร แล้วก็ไปหลอก พล.อ.อาทิตย์มา พล.อ.อาทิตย์แกต้องเป็นรัฐมนตรีกลาโหม พอมาถึงปั๊บก็ให้เป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหม ไม่ได้มีอำนาจเต็มที่แต่น้าชาตินี่ก็ยังเป็นรัฐมนตรีกลาโหม แกก็ด่าทุกวันที่บ้านพิษณุโลกนี่ พร้อมกับทีมงานเขานี่ ด่าอยู่นั่นแหละด่าๆ เขาก็ปฏิวัติให้สิ 1 นาทีตูมเดียวก็หมดอำนาจเลย ลงเข้าคุกไปเลยน้าชาติใช่ไหม ทหารนี่มันปฏิวัติ 1 นาทีเท่านั้นแหละ
ถ้าย้อนหลังไป 9 กันยานั่นเป็นความเก่งของพี่รุนส่วนตัว อันนั้นไม่ได้บอกใครเลย นายกฯไม่อยู่ ป๋าเปรมไม่อยู่ แล้วก็ ผบ.ทบ.ก็ไม่อยู่ พล.อ.อาทิตย์ เอาทหารผมไปด้วยงานนั้น ผบ.พัน 4 ทั้งกองพันออกไปยึดอำนาจ ไม่มีใครมารายงานตัวซักคนนึง แล้วก็พี่รุนเขาก็เชิญท่าน พล.อ.เสริมมา พล.อ.ยศ เทพหัสดินมา และก็นายกฯเกรียงศักดิ์มา นายกฯเก่ามาถูกจับกันหมดเลย ย้อนหลังไปที่เมษานั่นปฏิวัติปี 2524 เมื่อกี๊นี้ 2528 อันนั้นก็ 42 กองพัน ระดับผู้บังคับกองพันที่จะยึดอำนาจได้ ของพวกนี้เขายังไม่ชวนเลยนะ คนอย่างโอ๋นี่ไม่รู้เรื่องหรอกนะ เพราะว่าตอนปฏิวัตินี่เขาใช้หน้าบ้านผมนี่ปฏิวัติ
เมื่อปี 2524 ผมเป็นร้อยเอก ผมก็คุมกำลังออกไปยึดข้างนอก สะพานกรุงเทพ วัด ท่าเรือ ไปรษณีย์กลาง ผมก็ออกไปยึดของผมตรงนั้น แต่กำลังที่ไปจับป๋าตอนนั้นเขาจับไม่ได้ เพราะว่าป๋าเขาหนีออกนอกบ้าน คือตอนนั้นก็ไม่พอใจที่ป๋าเขาต่ออายุและก็การเมือง ส่วนมากทหารนี่จะไปตามกระแสของประชาชน และก็เป็นเรื่องส่วนตัวอะไรบางอย่างเท่านั้นเองครับ หรือว่ามีลักษณะอย่างนี้เหมือนกัน คือไปแตะในหลวง พูดแตะในหลวงอะไรอย่างนี้ครับ

สำราญ – มองว่าทหารคิดอะไรยังไงบ้างครับ

พล.ต.ขัตติยะ – ทหารวันนี้เขาหน่อมแน้ม แล้วเขาไม่ยุ่งอะไร ไปรบปักษ์ใต้เจอประกาศกฎอัยการศึกอย่างนี้ ทหารนี่ใหญ่มาก คือพอหมดอำนาจตำรวจ ผมจะเล่าเรื่องปักษ์ใต้ให้ฟัง มันสะท้อนถึงทหารใน กทม.ด้วย ในส่วนของกองทัพ สมมุติว่าออกไปรบนี่ พอหมดอำนาจตำรวจที่ตำรวจปราบไม่ได้นี่ใช่ไหมครับ ก็คืนอำนาจทหาร พออำนาจทหารออกรบนี่ มันจะต้องมีประกาศกฎอัยการศึกกับภาวะฉุกเฉินรองรับ ใครขัดคำสั่งนี่แม่ทัพชักปืนยิงได้เลย รื้อบ้านใครก็ได้ รื้อสะพานใครก็ได้ เผาบ้านใครทิ้งก็ได้เพราะว่าขัดขวางเส้นทางการต่อสู้ข้าศึก
แต่วันนี้มันไม่ใช่ ทหารออกไปรบในกรอบของตำรวจนี่งงมาเลย แม่ทัพคอยส่งเอกสารไปให้เตรียมทหารรุ่น 4 แม่ทัพรุ่น 8 น่ะนั่งแถลงข่าวร่วมกัน ใช่ไหมครับ และก็ชิดชัยเป็นหัวหน้าตำรวจแถลงข่าว พี่ธรรมรักษ์ไปนั่งข้างๆนี่ แบบนี้มันผิดเลยนี่ มันรบภาษาอะไร มันเป็นรบตำรวจไม่ใช่ทหารรบแล้ว ทหารออกมานี่ขัดคำสั่งนิดเดียวยิงได้เลยถ้าผมเป็นแม่ทัพนี่ใช่ไหมครับ ทีนี้มีที่ไหนเวลารบกับข้าศึก รบข้าศึกก็ต้องล่าสังหารข้าศึก อันนี้รบข้าศึกออกหมายจับข้าศึก เรียกข้าศึกมาทีไรตรวจดีเอ็นเอข้าศึกนี่ผมงงมากเลย เป็นข้าศึกมันก็ต้องล่าข้าศึก นี่ออกหมายจับข้าศึกหัวเราะกลิ้งเลยว่าบ้าหรือเปล่า แน่จริงมาจับสิอะไรอย่างนี้

ปานเทพ – เสธ.แดงครับ เรื่องของคุณสนธินะครับ ที่มีเรื่องของการที่ พล.ต.พฤณท์นี่บอกว่า การหยิบเบื้องสูงลงมา ที่คุณสนธิทำนี่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เสธ.แดงมองยังไงบ้างครับ กับที่คุณสนธิพูดมาตั้งหลายครั้ง และก็ 8 ครั้งที่เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครับ ว่าเป็นการปกป้องพระราชอำนาจ หรือว่าเป็นอย่างที่ พล.ต.พฤณท์บอกว่าไม่ควรหยิบยกเข้ามาพูดเลย เสธ.แดงมองยังไงบ้างครับ

พล.ต.ขัตติยะ – ความคิดเห็นเขาขัดแย้งกัน คนเวลาคุยกันไม่รู้เรื่องนี่ คุยคนละทางนี่ ความคิดไปคนละทางนี่ อยู่ที่ใครมีอำนาจไง คืออำนาจอยู่ที่ปลายปากกระบอกปืน สมัยก่อนเขาถึงยึดอำนาจกันไง พอคิดกันคนละทางนี่ เหมือนกับทหารพอยึดอำนาจเสร็จนี่ ก็ไม่กล้าเป็นนายกฯเอง ก็ไปเอาพลเรือนมาเป็นอย่างพระยามโนปกรณ์นิติธาดา สุจินดาก็ไปเอานายกฯอานันท์มา สมัยก่อนก็ธานินทร์ กรัยวิเชียรมาอะไรอย่างนี้ พอความคิดมันอยู่ที่ปลายปากกระบอกปืน อยู่ที่อำนาจ ผบ.พล. 1 นี่เขายังไม่ได้ใช้อาวุธนะ เขาสั่งกองทัพออกมายังสั่งได้เลยนะ เอากระดาษไปนี่บุญที่สุดแล้วถ้าพูดถึงนะ ถ้าพูดถึงจริงๆนะ ผบ.พล 1 นี่เขายึดอำนาจถ้าใช้กำลังจริงๆนี่ไม่มีใครสู้ได้หรอกครับ เพราะเขาใหญ่จริงๆ
ทหารนี่เขาไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นนะครับ สั่งเตรียมพร้อมและก็ออกตามแผนรัตนโกสินทร์นี่ กทม.หยุดไปเลยภายใน 1 นาที อำนาจอยู่ที่ปลายปากกระบอกปืนมันทำได้หมดครับ แต่ว่ามันควรจะทำไหม คือมันคิดกันคนละอย่าง พี่สนธิคิดอย่างหนึ่ง พี่วิชญ์ก็พูดอย่างนี้ แต่พี่พฤณท์เขานี่เขาก็คิดอีกแบบหนึ่ง คือเขาคิดว่าไม่ควรจะเอาในหลวงอะไรก็มาอ้างๆ พี่สนธิก็พูดถึงในหลวงๆ บอกคิดกันคนละอย่าง แต่ถามว่าถ้ารบกันจริงๆนี่ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการนี่เขาใช้เวลารื้อ 1 นาทีเท่านั้นแหละ ไปสู้เขาได้อย่างไร นี่เขากองพลทหารราบที่ 1 ใหญ่โตมาก มันคุม 3 กรมทหารราบ พูดถึงอำนาจจากปลายปากกระบอกปืน มันสู้กันไม่ได้อยู่แล้วครับ

ปานเทพ – เสธ.แดงคิดยังไงกับเรื่องที่คุณสนธิพูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุโบสถวัดพระแก้ว ว่าไม่มีพระบรมราชานุญาตที่ให้ท่านนายกฯเป็นประธานในพิธี เรื่องสมเด็จพระสังฆราชที่เกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจ หรือคุณหญิงจารุวรรณ ดูเหมือนว่าคุณสนธิไปมองที่ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจ ไม่ใช่เกี่ยวข้องกับการดึงเบื้องสูงลงมานะครับ มองเรื่องของอำนาจรัฐ หรือเป็นทางด้านการเมืองที่ไปเกี่ยวข้องกับในเรื่องนี้

พล.ต.ขัตติยะ – ทหารที่ผมรู้จักทั้งหมดนะครับ เขารอดูช่อง 9 วันสนธิพูดทั้งนั้นแหละ เขาชอบหมดทุกคนแหละ แต่ทหารนี่ไม่มีสิทธิพูด จะมีคนมีสิทธิพูดอยู่ 4 คนเท่านั้น 1. รัฐมนตรีกลาโหม 2. ปลัดกระทรวงกลาโหม 3. ผู้บัญชาการทหารบก 4. ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และก็แถลงมานี่ซึ่งผิดเลยก็คือมีเสธ.แดงนี่ออกมาพูดอีกคนนึงเนี่ย ตอนที่สมัยเขาดูคุณสนธิพูดนี่ เขาดูกันทั้งประเทศ ทหารนี่ชอบหมดแหละ ที่ผมรู้จักนะชอบหมดแหละ แต่ทหารเขามีวินัย ไม่มีสิทธิพูดอะไรให้สัมภาษณ์ไม่ได้เลย ยกเว้น 4 คนเท่านั้น และมีโผล่ออกมา 2 คนนี่ก็คือเสธ.แดงกับพี่โอ๋นี่ พูดถึงทางวินัยนี่ผิด แต่มันไม่มีบทลงโทษทางวินัย เมื่อคทาครุฑแตะบ่า เข้าใจหรือยัง

ปานเทพ – ที่ พล.ต.พฤณท์เขาบอกว่ามีทหารรักษาพระองค์ 14000 นาย ไม่สบายใจกับที่คุณสนธิพูด เสธ.แดงมองยังไงครับเท่าที่รู้จัก

พล.ต.ขัตติยะ – เขาใช้คำไม่ถูกต้องแล้ว เพราะว่ากองพลนี่สั่งเตรียมพร้อมเคลื่อนกำลัง ทหารนี่ไม่รู้หรอกว่าใครเคลื่อนกำลังไม่เคลื่อนกำลัง มันไม่รู้เรื่องหรอก สั่งออกก็ออก อันนี้เขาเป็นสิทธิเขาโดยชอบธรรม เขาพูดได้เลย แต่ผมเป็นนายพลด้วยกันไง ผมก็ด่าให้สิเพราะต่างคนต่างไม่มีบทลงโทษทางวินัยทั้งคู่ จะสั่งขัง ภาคทัณฑ์ ทัณฑกรรมนี่ คือคนไหนที่เป็น พล.ต.นี่ คุกเข่าในหลวงแตะบ่าแล้วนี่ ไม่มีบทลงโทษทางวินัยของทหาร คือเราไปด่าคนนี่ถ้าสอบสวนเสร็จก็ว่ากล่าวตักเตือน ในหลวงนี่ท่านให้อำนาจไว้เยอะ คือหมายความว่าคนที่เป็นนายพลนี่ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ตามมารยาทนี่เขาไม่พูดกัน

ปานเทพ – ถ้าอย่างนี้ อย่างที่เมื่อกี๊บอกว่า พล.ต.พฤณท์นี่กุมกองกำลังที่สำคัญมากนะครับ สำคัญก็คือว่าตำแหน่งนี้ต้องมีคนเป็นมีวุฒิภาวะ และก็รู้เท่าทันกับเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยซ้ำไป

พล.ต.ขัตติยะ – นี่มันเต็มๆอยู่แล้ว อันนี้ที่เสธ.แดงออกมานี่มันเต็มๆอยู่แล้ว ยังดีนะที่ไม่ไปเอง ดีนะที่คงจะมีใครห้ามไว้เยอะไม่ไปเอง ไปเองนี่เอาหน้าไปอยู่ในหนังสือพิมพ์นี่เจ๊งกว่านี้อีก

สำราญ – ถ้ามานี่เสียรังวัดยิ่งกว่านี้อีก

พล.ต.ขัตติยะ – ใช่ เสียหายมหาศาล

สำราญ – ตกลงเสธ.แดงยังไม่ตอบเลยเมื่อซักครู่ นั่งทางในดูแล้วจะมีไหมครับ ปฏิวัติรัฐประหารในอนาคตนี่

พล.ต.ขัตติยะ – ก็ยุคนี้ไม่มีหรอกครับ เพราะว่าเพื่อนพี่ทักษิณเขาเป็นนายพลหมด นายพลเขาก็ต้องตั้งผู้บังคับกองพัน จะปฏิวัติได้ก็ต้องระดับผู้บังคับกองพันมานั่งประชุมกัน แต่ผมเล่าให้ฟังมัน 42 กองพันไง นายพลไม่เกี่ยวนะ เอาเฉพาะผู้บังคับกองพัน พันโทหมดเป็นกลุ่มเด็กๆไง แต่ผู้การกรมนี่ไม่ได้มีอำนาจ มันไม่ได้มีกำลังอยู่ในมือ

สำราญ – จะมีประเภทกบฏเกิดขึ้นได้ไหม

พล.ต.ขัตติยะ – กบฏนี่หมายความว่ายึดอำนาจแพ้ไง ก็เป็นกบฏไง

สำราญ – คือฝ่ายนี้อาจจะมีกำลังมาก แต่ว่าอาจจะมีฝ่ายที่ไม่พอใจอยู่ในกองทัพเหมือนกัน

พล.ต.ขัตติยะ – ได้สิ ก็เหมือนกับตอนเมษาฮาวายก็ทางโคราชเขาไม่เล่นด้วยไง พอไม่เล่นด้วยปั๊บพอนายกฯไปอยู่ที่โคราช เขาถือว่าถูกต้องนี่ เขาเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายนี่ เขาก็สั่งให้วางอาวุธ ผมก็ต้องหนี

สำราญ – แต่เสธ.แดงเชื่อว่าสถานการณ์ปัจจุบันนี่ไม่มี

พล.ต.ขัตติยะ – ถ้ารัฐประหารคงไม่ เพราะว่าทหารนี่ต้องดูปักษ์ใต้ อย่างเมื่อกี๊ที่ผมยกตัวอย่าง ตราบใดทหารออกรบแล้วเป็นลูกน้องตำรวจนี่ ไม่มีทางยึดอำนาจ มันหน่อมแน้มเข้าใจใช่ไหม รบนี่ข้าศึกยังไม่มีปืนใหญ่นะ ยังรบเอาไม่อยู่เลยครับ

สำราญ – แล้วดูแล้วตกลงรัฐบาลทักษิณเป็นอย่างไร ดาวพุธจะเป็นยังไงบ้างครับพักนี้

พล.ต.ขัตติยะ – ผมไม่รู้จัก อันนี้ต้องถามหมอหยองครับ

ปานเทพ – เสธ.แดงฝากอะไรถึง พล.ต.พฤณท์ผ่านรายการนี้หน่อยครับ

พล.ต.ขัตติยะ – ก็เขาเดี๋ยวคงเงียบแล้วครับ เขาคงเงียบ ต้องให้พฤณท์อ่านหนังสือคมเสธ.แดงทั้ง 6 ภาคด้วย เขาเรียกวิชาการเมืองนี่คือคงต้องศึกษาอย่างลึกซึ้ง เป็นแขนงหนึ่งของการเมือง ทหารจะพูดในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่พูด ไม่ขี้ขอ ไม่ทวงบุญคุณ และจุดเดือดต่ำจะขี้โมโห อย่างโมโหพี่สนธิอย่างนี้ โมโหแล้ว แต่นักการเมืองนี่พูดในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ทำในสิ่งที่ไม่ได้พูด ขี้ขอ ทวงบุญคุณ จุดเดือดสูงถูกขี้ปายังไม่โกรธเลย อย่างท่านอุทัยประธานรัฐสภา เป็นทหารเอาขี้มาปานี่ได้ฆ่าตาย ถ้าประธานสภาเอาขี้ปานี่ท่านยังไม่โกรธเลย เพราะการเมืองนี่จะใช้กำลังไม่ได้ ต้องใช้การพูดอย่างเดียว ใช้น้ำลายอย่างเดียว ห้ามใช้กำลังครับ

สำราญ – เอาล่ะครับ ก็ขอบพระคุณมากครับ เสธ.แดงครับ สวัสดีครับ

พล.ต.ขัตติยะ – ครับ ขอบคุณมากครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น