ร่วมถกประเด็นด่วนของสังคม “การแปรรูปการไฟฟ้าเข้าตลาดหลักทรัพย์” กับ “แก้วสรร อติโพธิ” สว.กทม. แจงรัฐกำลังข้ามขั้นตอนของการปฏิรูป ที่ไม่มีทั้งการตั้งกรรมการผู้ควบคุมดูแล การนำการไฟฟ้าเข้าตลาดทั้งยวงแทนที่จะนำเข้าเฉพาะส่วนที่ต้องการระดมทุน และที่สำคัญที่สุดคือการทำให้การไฟฟ้า เป็นการแสวงหากำไรเพื่อผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่ใช่เพื่อประเทศชาติ ชี้รัฐอยู่ในภาวะถังแตกจึงต้องการหาเงินเพื่อดำเนินนโยบายต่างๆ ส่วน “โพธิพงศ์ บรรลือวงศ์” 1 ในแกนนำการคัดค้านการปฏิรูปเผยเหตุการณ์ระทึก ตำรวจสลายม็อบอย่างไร้ความเป็นธรรม ทั้งๆส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและคนสูงอายุั้ ทั้งๆที่ไม่มีอาวุธใดๆทั้งสิ้น
รายการคนในข่าว ออกอากาศทาง News 1 เวลา 21.00-22.00 น. ดำเนินรายการโดยจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
จินดารัตน์ – สวัสดีค่ะ คุณผู้ชมคะ รายการคนในข่าวค่ะ เรื่องของ กฟผ.ที่จะมีการแปรรูปอีกไม่กี่วันนี้นะคะ เราคุยกันเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้นะคะการคัดค้านการแปรรูปที่ว่านี้ได้ขยายวงกว้างออกไป และดูเหมือนว่าจะยิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้น ถามว่าวันนี้ประชาชนคนไทยเริ่มตื่นตัวแล้วหรือยัง จริงๆจะมีบางกลุ่มนะคะที่ตื่นตัวมานานแล้ว แต่คนไทยบางกลุ่มตอนนี้โดยเฉพาะคุณผู้ชมทางบ้านที่โทรศัพท์เข้ามาในรายการมากมายเหลือเกิน บอกว่าอยากจะให้ทำเรื่องของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอีก โดยเฉพาะเรื่องของ กฟผ. แน่นอนที่สุดค่ะสัปดาห์นี้ความร้อนแรงเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีการชุมนุมคัดค้านกันที่หน้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือให้กับผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้ระงับการซื้อขายหุ้นของ กฟผ.นะคะ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลค่ะ
เมื่อวันที่ 13 คือเมื่อวานนี้ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้จัดเสวนาในเรื่อง “มุมมองขายการไฟฟ้าในตลาดหลักทรัพย์” โดยมีทั้ง สว. คณาจารย์และตัวแทนภาครัฐนั้นไปร่วมเสวนากันหลายท่าน มีประเด็นที่น่าสนใจออกมาจาก สว.อย่างอาจารย์แก้วสรรนั้น 7 ประการ วันนี้เราจะมาคุยกันโดยละเอียด ว่า 7 ประการที่อาจารย์แก้วสรรตั้งข้อสังเกตนั้น คนไทยควรจะตื่นขึ้นมารับรู้แล้วหรือยังนะคะ แล้วถามว่าวันนี้คนไทยตื่นมาช้าเกินไปหรือเปล่า เพราะวันนี้เราคงจะเรียกได้ว่าเป็นด่านสุดท้ายแล้ว ที่เราจะต่อสู้เพื่อที่จะเอาสมบัติของชาติกลับคืนมา
แน่นอนที่สุดค่ะเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เมื่อประมาณตี 5 นี่นะคะ ที่หน้า กฟผ.เองมีกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านการแปรรูปไปรวมตัวกันประมาณ 100 คน ปรากฏว่ามีตำรวจจากตำรวจนนทบุรี 100 นายนะคะมาปราบจลาจล เขาเรียกกันอย่างนั้น มีเหตุปะทะกันเกิดขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธ อาวุธอาจจะเป็นไม้หรือว่าอะไรดิฉันก็ไม่แน่ใจ ตีผู้ชุมนุมด้วยบาดเจ็บกันไปตามๆกัน ก็เรียกได้ว่าอาจจะประมาณซัก 20 คนได้ เจ็บกันไปก็เยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะผู้สูงอายุทั้งหลายที่ไปร่วมชุมนุมกัน 1 ในนั้นก็มีแขกรับเชิญของเราที่มานั่งอยู่ตรงนี้ด้วย อยู่ในเหตุการณ์เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมาด้วยค่ะ
และเมื่อช่วยสายที่ผ่านมาที่รัฐสภานะคะ ทางฝ่ายค้านเองก็เปิดเวทีสาธารณะถกเรื่อง “แปรรูปกิจการไฟฟ้า ประชาชนได้อะไร” โดยฝ่ายค้านนั้นออกมาสัญญาเลยว่าถ้าหากกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง พร้อมจะยกเลิกนโยบายขายชาติ แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ดิฉันไม่แน่ใจว่าวันนี้ช้าไปแล้วหรือยัง เอาล่ะค่ะ เราจะมาคุยกันว่าประเด็นต่างๆเหล่านี้ เราจะได้ฟังความเห็นจากแขกรับเชิญอย่างไรกันบ้าง 2 ท่านค่ะ ท่านแรกนะคะ อาจารย์แก้วสรร อติโพธิ สว.กทม. เป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางปฏิรูปรัฐวิสาหกิจพลังงาน วุฒิสภาค่ะ
แก้วสรร – สวัสดีครับ
จินดารัตน์ – ท่านต่อมานะคะ ที่ดิฉันเรียนท่านผู้ชมว่า อาจารย์ท่านนี้ไปอยู่ในเหตุการณ์การสลายม็อบเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมาด้วยค่ะ อาจารย์โพธิพงศ์ บรรลือวงศ์ อาจารย์พิเศษ ม.อัสสัมชัญค่ะ
โพธิพงศ์ – สวัสดีครับ
จินดารัตน์ – สวัสดีค่ะ อาจารย์คะ ดิฉันขออนุญาตทางอาจารย์แก้วสรร ขอคุยกับอาจารย์โพธิพงศ์ก่อนว่าเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา เหตุการณ์มันเกิดขึ้นได้ยังไงคะ ทำไมถึงมีการสลายม็อบกันขนาดนั้น
โพธิพงศ์ – เราเห็นเขาเคลื่อนไหวตั้งแต่ตี 4
จินดารัตน์ – ตำรวจมากี่นายนะคะ 100 นายถึงไหมคะ
โพธิพงศ์ – ถึงครับ
จินดารัตน์ – แล้วผู้ชุมนุมกี่คนคะ อาจารย์
โพธิพงศ์ – มี 100 กว่าคนครับ
จินดารัตน์ – จริงๆก็ปักหลักกันมาหลายวันแล้วใช่ไหมคะ
โพธิพงศ์ – เราเริ่มตั้งแต่ 25 ตุลาคมครับ
จินดารัตน์ – ก็อยู่ประจำกันที่หน้า กฟผ. ชุมนุมกันด้วยความสงบ
โพธิพงศ์ – ด้วยความสงบมาตลอดครับ
จินดารัตน์ – แล้วปกติมีตำรวจ มีหน่วยรักษาความปลอดภัยอะไรมาดูไหมคะ
โพธิพงศ์ – อย่าไปหวังกับบ้านเมืองนี้เรานั้น ไม่มีครับ
จินดารัตน์ – ไม่มี แต่บังเอิญเมื่อเช้ามืดตี 4 ตำรวจมา 100 นาย ตกใจไหมคะ อาจารย์
โพธิพงศ์ – ก็ไม่ตกใจ เพราะว่าเราเคยโดนเมื่อวันที่ 25 ขอเล่านิดนึง เมื่อวันที่ 25 นี่แทนที่เขาจะมารักษาความปลอดภัยเราตามสากลที่เขาทำกันนี่นะครับ เขาร่วมมือกับคนภายใน
จินดารัตน์ – กับคนใน กฟผ.
โพธิพงศ์ – ครับ เขาปิดไฟหมดเลยครับ แทนที่เขาจะเปิดเพื่อความปลอดภัยของพวกเรา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เป็นแม่บ้านนะครับ เป็นอาซ้อหรือใครก็แล้วแต่ที่มา เป็นอาจารย์อย่างผม เป็นคนที่เกษียณอายุแล้ว ส่วนใหญ่ก็อายุเฉลี่ย 60 ขึ้นไปนะครับ เป็นผู้หญิงเสียเป็นส่วนใหญ่มาค้างคืน ก็มีผู้ชายที่จะอยู่ด้วยซักไม่กี่คนที่คอยดูแลกัน เขาก็ปิดไฟหมดเลย เราก็รู้แล้วเขาปิดประตูตีแมวเราแน่ ก็ส่งสัญญาณกันโดยใช้กระบอกไฟฉายนะครับ ผมก็เคยผ่านพวกอย่างนี้มา เข้าใจว่าเวลาเขาบุกเขาทำกันอย่างไร เราก็บอกเลยว่าเดี๋ยวเขามาล้อมเราแน่ แล้วเขาจะสลายเรา เพราะฉะนั้นเราก็เลยบอกให้พวกผู้หญิงนี่ลุกขึ้นมาและก็นั่งสวดมนต์ภาวนากัน สวดกันซึ่งบางคนก็เป็นคริสเตียนนะครับ ผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาสวดอะไรกัน แต่เป็นสวดทางพุทธนะครับ ทั้งหมดก็นั่งลงสวดภาวนา แล้วผมก็มองไปที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ก็มีชายฉกรรจ์ 30 คนเดินออกมา มาข่มขู่คุกคาม มาทำร้ายร่างกายเรา มาทำลายทรัพย์สินของเรา
จินดารัตน์ – ทำร้ายร่างกายด้วย
โพธิพงศ์ – ใช่ ตัวผมเองนี่เขาพยายามจะตีศอกผม แต่ผมเบี่ยงหลบทัน แต่บางคนก็โดนเขาทำร้าย
จินดารัตน์ – ทั้งผู้หญิงด้วยหรือคะ
โพธิพงศ์ – ใช่ ทั้งผู้หญิงด้วยครับ มาพยายามจะอุ้ม มาพยายามที่จะผลักดันอะไรออกไป
จินดารัตน์ – แล้วเขาพูดจาลักษณะไหนคะ อาจารย์
โพธิพงศ์ – หยาบคายมากครับ หยาบคาย ข่มขู่ คุกคามและเหยียดหยามเรา แต่ว่าสิ่งที่เราตอบโต้ก็คืออหิงสาครับ ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตผมนะครับ ที่จะเจออหิงสาจากคนอายุ 60-70 นี่ ซึ่งไม่กลัวสิ่งเหล่านี้เลย นั่งลงสวดภาวนา พูดจาไพเราะมาก แล้วก็โดนข่มขู่คุกคาม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนี่อยู่ห่างออกไป 80 เมตรนี่ ปิดป้อมตำรวจแล้วหายไปหมด น่ารักมากสำหรับ สภอ.บางกรวย เขาก็พยายามทำอย่างนี้อยู่ 2 ชั่วโมง เราก็พยายามโทรตามนักข่าวนะครับ ให้มาดูให้มาช่วยเราว่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นแล้ว โดยผ่านทางสื่อของ 92.25 นะครับ
แล้วหลังจากนั้นตอนเช้าอีก 200 คนก็มาข่มขู่คุกคามผู้หญิงของเรา คือคุณแม่ของเราแหละ ผมอยากจะเรียกคุณแม่ เพราะเป็นรุ่นคุณแม่ผมทั้งนั้นนะครับ ถูกคุกคามตอน 9 โมงเช้าถึง 11 โมง ไล่ออกไปทำทุกอย่างที่จะทำ พวกคุณแม่ก็ได้แต่ภาวนา บางคนก็ร้องไห้ ถามว่าตำรวจสนใจไหม ไม่สนใจ ทำไมผมพูดอย่างนี้ เพราะว่าผมไปแจ้งความ จนกระทั่งวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ผมไปยื่นหนังสือที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 ครั้งแล้วก็ยังไม่คืบหน้า เพราะฉะนั้นผมไม่ได้คาดหวังอะไรจากตำรวจไทย พอมาเช้ามืดวันนี้เราก็เห็นผิดปกติแล้วนะครับ เราจำหน้าเขาได้เพราะเป็นคนๆเดียวกันของวันที่ 25
จินดารัตน์ – กลุ่มชายฉกรรจ์นี่หรือคะ
โพธิพงศ์ – ตำรวจยศพันตำรวจโท เป็นสารวัตรก็มาซุ่มๆมองๆเรา เราก็รู้แล้วว่าเอาอีกแล้วนะครับ เราก็บอกพวกเราว่าตื่นขึ้นมาแล้วก็นั่งลงสวดภาวนา เราก็ไปนั่งกันข้างหลังกันไม่ให้เขาสลายม็อบเรา เราก็เอารถมาป้องกันเพราะเรากลัวเขาจะเอารถดับเพลิงออกมาฉีดน้ำไล่ เราก็เอารถกระบะของพวกเรานี่กันพวกเราทั้งหมดนะครับ แล้วเราก็คิดว่าเรามาอย่างอหิงสา เราไม่มีอาวุธ และก็ไม่ต้องการตอบโต้ด้วย การด่าทอเราก็ไม่พยายามจะทำ แต่เจ้าหน้าที่นี่สลายเราด้วยความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารวัตรคนที่ผมว่านี่นะครับ ซึ่งผมถ่ายทำวิดีโอไว้หมด และก็มีหลายชุดวีดีโอไม่ได้มีผมคนเดียว ตำรวจนี่มีประมาณซัก 100 นายทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ ก็บุกเข้ามาสลายเราและก็ใช้ความรุนแรง
จินดารัตน์ – วิธีการทำยังไงคะ อาจารย์
โพธิพงศ์ – บุกเข้ามาบีบเรา เสร็จแล้วก็พยายามทำร้ายป้ายเรา การทำร้ายป้ายเรานี่ป้ายมันก็จะล้มไปทับคุณแม่ที่นั่งอยู่ข้างหลัง ก็ได้รับบาดเจ็บกัน เราก็บอกอย่าทำ เพราะแม่นั่งอยู่ข้างหลังอย่าทำ คือถ้าคุณดึงเลื่อนก็เลื่อนได้ใช่ไหม แต่ไม่กระโดดถีบโครมลงไปเลยนะครับ พอทำร้ายป้ายเราเสร็จก็ทำลายเครื่องเสียงเรา โดยการตัดสายเสียงเรา ดึงพยายามจะทำลายทุกอย่าง ผมบอกคุณทำอย่างนี้ไม่ได้ เรามาด้วยความสันติ เรามาด้วยความสงบ คุณจะใช้ความรุนแรงไม่ได้ผมก็พยายามพูดตลอดเวลา แล้วก็พยายามห้ามวัยรุ่นของเราซึ่งเลือดร้อน จะพยายามตอบโต้ ผมก็พยายามเข้าไปกันเขาแล้วก็บอกตำรวจว่า คุณตีเด็กไม่ได้นะ คุณตีพวกเราไม่ได้นะ อย่าทำนะ แล้วผมก็ถ่ายวีดีโอตลอดเวลาที่เราพูดและกันเขา
จินดารัตน์ – ตกลงเขาตีกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย เขาใช้อะไรตีคะ อาจารย์
โพธิพงศ์ – เขาใช้กระบองตีครับ คุณแม่บางคนนี่หัวแตก และก็บางคนก็โดนไม้หล่นทับขา ขาพลิกขาแพลงนะครับ เขาก็บอกว่าเขาเรียกรถพยาบาลมา ผมบอกว่านั่นคือการโกหก เพราะตลอดเวลาคนที่เรียกรถพยาบาลคือผมนะครับ ผมเรียกมา 3 คันนะเมื่อเช้านี้ที่มาเอาคนป่วยไป เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ให้ความปลอดภัยกับเรา
จินดารัตน์ – เขาใช้เวลาบุกเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุมนานแค่ไหนคะ
โพธิพงศ์ – 1 ชั่วโมง ตอนตี 4 ถึงตี 5 นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ว่าสลายเราไม่ได้ เรากันได้นะครับ เขาทำได้ก็แค่ป้ายและก็เครื่องเสียงเรา หลังจากนั้นเขาก็สลับกำลังกัน และก็มาบุกเราอีกทีตอน 7 โมงเช้า
จินดารัตน์ – อีกครั้ง อีกระลอกหนึ่ง ลักษณะเดียวกันเลยหรือคะ
โพธิพงศ์ – ลักษณะเดียวกันครับ แต่รุนแรงขึ้น
จินดารัตน์ – ตอนนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมรู้ตัวหรือยังคะ
โพธิพงศ์ – รู้ตัวแล้ว เรานั่งแต่สวดภาวนาอย่างเดียว พวกเรานั่งลงและก็สวดภาวนา
แก้วสรร – อาจารย์ไปขวางทางเข้าหรือเปล่า
จินดารัตน์ – นั่นสิคะ กำลังจะถามว่า เขาบอกว่าอ้างว่ากลุ่มผู้ชุมนุมนี่ไปขวางทางเข้าออกกของพนักงาน กฟผ.
โพธิพงศ์ – อันนี้เราขวางเขาจริง เราไม่ขยับให้เขา
จินดารัตน์ – คือหมายถึงว่าประตูมี 2 ด้าน กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ประตูด้านเดียว
โพธิพงศ์ – ประตูกลาง และเปิดทางริมไว้ให้เขาเข้าออก และเขาก็มีอีก 3 ประตูด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง
จินดารัตน์ – ซึ่งสามารถเข้าออกได้ ไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุม
โพธิพงศ์ – ไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุม
แก้วสรร – แต่กิจกรรมของเขาเขาไม่ได้มุ่งตรงขวาง เขามุ่งที่จะสลาย
โพธิพงศ์ – ครับ
แก้วสรร – มุ่งไปยังเครื่องเสียง มุ่งไปยังป้าย ไม่ได้มุ่งไปจุดทางเข้าทางออก ไม่ได้มุ่งตรงนั้นใช่ไหมครับ
โพธิพงศ์ – ถูกต้องครับ จากนั้นก็ต้องเรียนอาจารย์อย่างนี้นะครับ ก็ก่อนหน้านั้นซักประมาณ 3-4 วัน เขาก็ไปพังป้ายเราโดยที่เราไม่ได้วางเกะกะอะไรเขานะครับ และก็ขนพังป้ายเราเข้าไป เอาไปทิ้งแล้วก็ไปดึงป้ายอะไรต่างๆ อันนี้คือเจ้าหน้าที่ กฟผ.เพราะว่าเรารู้จักหน้าคนนี้ดี รู้จักชื่อ รู้จักนามสกุลนะครับ เพราะเรามีปัญหาเขามาตีเราหลายครั้ง เพราะฉะนั้นเราจำได้นะครับ นี่คือลักษณะที่เขาทำ
จินดารัตน์ – ตกลงครั้งนี้อาจารย์ไปแจ้งความหรือเปล่าคะ
โพธิพงศ์ – แจ้งทุกครั้งครับ เราแจ้งทุกครั้งที่เกิดเหตุ
จินดารัตน์ – มีคนบาดเจ็บทั้งหมดกี่คนคะเมื่อเช้านี้
โพธิพงศ์ – เมื่อเช้านี้มีอยู่ประมาณเกือบ 20 คนครับ
จินดารัตน์ – เกือบ 20 คน และส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ
โพธิพงศ์ – ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุประมาณ 70 อัพ
แก้วสรร – แล้วตอนบ่ายปะทะอีกทีเพราะอะไร
โพธิพงศ์ – ตอนบ่ายนี่นะครับ ปะทะเพราะว่าเมื่อตอนเช้านี่เขาผลักดันเราใช่ไหมครับ จนไปติดประตู พอติดประตูคนของเราก็วิ่งหนีเข้าไปในการไฟฟ้า เพื่อที่จะไปตรงบริเวณเจ้าพ่อ 7 กษัตริย์ซึ่งผมก็ไม่เคยเห็น
จินดารัตน์ – แล้วยังไงต่อคะตอนบ่าย
โพธิพงศ์ – ตอนเช้าก่อนนะครับเราเข้าไปที่นั่น แล้วเราก็ไปปักหลักนั่งภาวนากันอยู่ตรงบริเวณใกล้ๆเจ้าพ่อ 7 กษัตริย์ แล้วก็เขาก็ล้อมเรา ล้อมเราแล้วก็ปิดประตูหมดเลย ปิดประตูขังทุกคนที่อยู่ในนั้นไม่ว่าจะเป็นนักข่าวหรือใครก็ตาม
จินดารัตน์ – ห้ามใครเข้าและออก
โพธิพงศ์ – ห้ามใครเข้าและออก และปิดทุกประตูหมดเลย
จินดารัตน์ – มีนักข่าวมาพยายามจะเข้าไปทำข่าวก็เข้าไม่ได้
โพธิพงศ์ – เข้าไม่ได้
จินดารัตน์ – มีผู้ใหญ่บางท่านจะมาเจรจาให้ก็เข้าไม่ได้
โพธิพงศ์ – เข้าไม่ได้ครับ
แก้วสรร – ทำเพื่ออะไร
โพธิพงศ์ – ผมก็ไม่เข้าใจเขาครับ เขาก็พยายามที่จะ ผมไม่แน่ใจว่าเขาต้องการอะไรจริงๆ เราก็ไปถามว่าคุณทำอย่างนี้เพื่ออะไร มันไม่เกิดประโยชน์ แล้วคุณก็ไปละเมิดสิทธิของคนอื่นเขานะครับ
จินดารัตน์ – มีผู้ใหญ่ของ กฟผ.มาพูดคุย
โพธิพงศ์ – ผู้ใหญ่ของ กฟผ.เป็นคนบัญชาการในการทำเรื่องนี้ทั้งหมดครับ
จินดารัตน์ – ทำไมอาจารย์ถึงมั่นใจอย่างนั้นคะ
โพธิพงศ์ – เพราะผมจำหน้าพวกเขาได้
จินดารัตน์ – แล้วเห็นบอกว่ามีมือที่สามแฝงอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย
โพธิพงศ์ – ถูกต้องครับ อันนี้เป็นข้อโชคดีของเรานะครับ เขาก็มีไปจ้างวัยรุ่น 2 คนให้ตีตำรวจ แต่ขณะที่เขาตีตำรวจนี่นะครับ คนของเราก็อยู่ใกล้ตำรวจคนนั้น เราก็ยืนยันได้เลยว่าเรามีพยานบุคคล ว่าวัยรุ่นที่ตีนั้นไม่ใช่พวกเรา พวกเราไม่ตีผมยืนยันว่าพวกเราไม่ตีแต่เราถูกตี ถ้าเด็กของเรานี่นะครับพยายามที่จะตอบโต้นี่นะครับ ผมจะวิ่งเข้าขวางเลย ผมจะวิ่งเข้าขวางทุกครั้งแล้วบอกว่าไม่ลูกไม่ ไม่ตอบโต้ นี่คือสิ่งที่เราทำ ไม่มีการตอบโต้
จินดารัตน์ – อาจารย์บาดเจ็บไหมคะวันนี้
โพธิพงศ์ – ผมก็เจ็บบ้างแต่ไม่มากนะครับ เพราะว่าผมเข้าใจว่าเขาก็รู้ว่าผมมีหัวนอนปลายตีนน่ะ ต้องพูดอย่างนั้น ถ้ามีตีผมนี่ผมฟ้องหมอตัวล่ะ เพราะฉะนั้นพวกนั้นนี่เขารู้จักผมดี
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ วิดีโอที่อาจารย์ถ่ายไว้วันนี้ อาจารย์จะเอาไปใช้ประโยชน์ทำอะไร
โพธิพงศ์ – เราใช้เป็นพยานในชั้นศาลแน่นอนครับ
แก้วสรร – บ่ายนี้เขาบล็อกเสร็จแล้วเขาทำอะไรพวกอาจารย์
โพธิพงศ์ – เขาก็ไม่ทำอะไรนะครับ เขาก็บล็อกเฉยๆครับ
แก้วสรร – แล้วคืนนี้ยังอยู่กันหรือเปล่า
โพธิพงศ์ – คืนนี้เราออกมาแล้วครับ คืออย่างนี้ครับอาจารย์ พอเขาบล็อกเสร็จใช่ไหมครับ ทางผมนี่ก็ล่ารายชื่อคนที่ถูกบล็อกทั้งหมดเลยนะครับ ผมล่ารายชื่อที่ถูกบล็อกทั้งหมดนี่ ประมาณซักเกือบ 100 คน แล้วผมก็ให้ตัวแทนเขา 2 คนไปพบเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ ฟ้องพวกนี้ที่สำนักงานสหประชาชาติที่ กทม. ผมเข้าใจว่าเขาได้ข่าวเรานี่ ในที่สุดเขาก็ปล่อยเปิดประตูให้พวกเราออกนะครับ พอออกมานี่กลุ่มชุมนุมก็ยังพยายามที่จะอยู่ตรงบริเวณประตู แล้วก็พยายามขัดขืนเขา ยังอยากจะนั่งประท้วงกันต่อไป
ตอนนี้มันเป็นระหว่างสตรีกับสตรีนี่นะครับ ตำรวจเขาก็ไม่กล้าออกตัวที่จะตี เขาก็ไปจ้างสตรีพวกนี้ซึ่งอายุประมาณ 30 กว่านี่นะครับ เดินชักแถวเข้ามา พอผมเห็นปั๊บผมตะโกนเลยว่าอย่าสู้กับพวกเขานะ เขาจ้างคนมา บอกคุณแม่เลยว่านั่งลง ให้ทุกคนระวังเพราะเขาไปจ้างคนข้างนอกมาตีเรา แล้วตีจริงๆครับ พอออกมาเข้าแถวตำรวจเขาก็เห็น เขาก็เปิดทางให้นะครับ พวกผู้หญิงพวกนี้เข้าไปถึงก็ชกปากคุณแม่คนหนึ่ง ชกเลย ตบเปรี้ยง
แก้วสรร – อย่างนี้แล้วคืนนี้ยังอยู่กันหรือเปล่า
โพธิพงศ์ – ยังอยู่ครับ แต่ว่าเราออกมาอยู่ด้านข้าง แล้วเราไม่ขวางเขาในคืนนี้
แก้วสรร – อาจารย์ครับคำว่า “เรา” นี่ เรานี่คือใคร รวมตัวกันได้ยังไง
โพธิพงศ์ – พวกที่มารวมตัวนี่นะครับ ต้องเรียนอย่างนี้ครับว่าเป็นคนแบบผมอย่างนี้นะครับ เรารักบ้านเมือง เรารักประชาธิปไตย เรามีงานทำ เรามีฐานะนะครับ เราควักกระเป๋าเองครับเวลาเราจัดการประท้วงนี่นะครับ ค่าป้าย ค่าไม้อัด ทุกคนควักกระเป๋า มีมากให้มาก มีน้อยให้น้อยนะครับ เราทำกันอย่างนี้จริงๆ
จินดารัตน์ – กลุ่มนี้ก็คืออยู่กันมาตั้งแต่วันที่ 15 ตุลา
โพธิพงศ์ – จริงๆเราเกาะกลุ่มกันมา 7-8 เดือนนะครับที่จะตั้งกลุ่ม
จินดารัตน์ – ก็ยังเป็นกลุ่มเดิมๆ บุคคลเดิมๆที่อาจจะเกษียณอายุ
โพธิพงศ์ – ส่วนใหญ่เกษียณแล้วครับ
จินดารัตน์ – แล้วก็มีอาชีพหน้าที่การงานดีๆ ถามว่าอาจารย์เป็นอาจารย์อยู่ดีๆ ทำไมอาจารย์ถึงวันนึงคิดลุกขึ้นมา ไปเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านการแปรรูปกับเขา
โพธิพงศ์ – ผมมองอย่างนี้ครับ ผมต้องขอเรียนตรงไปตรงมาก็คือว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้วผมไม่ได้เลือกคุณทักษิณ ผมมองว่าคุณทักษิณเป็นคนที่เป็นผู้นำรัฐบาลไม่ได้ เพราะผมรู้ Background เขา Background การค้าของเขา เพราะฉะนั้นผมไม่เลือกเขา แล้วผมก็นั่งดู 4 ปีว่าเขาบริหารประเทศอย่างไร ผมก็เห็นว่ามันมีการทุจริตคอร์รัปชั่น
จินดารัตน์ – โดยที่อาจารย์ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร เป็นกลุ่มองค์กรใดๆทั้งสิ้น
โพธิพงศ์ – ยังไม่ได้ลุกขึ้นเคลื่อนไหวอะไร ยังเลยครับ คราวนี้มาก่อนเลือกตั้งนี่ การวิพากษ์วิจารณ์ในทีวีก็ดี วิทยุก็ดี ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลนี่มันค่อยๆหายไป ผมก็บอกว่าอย่างนี้มันไม่ถูกแล้ว บ้านเมืองถูกปกครองแบบนี้มันไม่ได้แล้ว มันกลับไปเป็นเผด็จการเหมือน 14 ตุลา เหมือน 6 ตุลา เหมือนพฤษภาทมิฬที่ผมผ่านมา เพราะฉะนั้นผมจึงตัดสินใจโดดเข้าไปร่วมกับกลุ่มนี้ เพราะต่อไปนี้นี่เราต้องสู้เพื่อเด็กรุ่นหลัง ในฐานะที่ผมเป็นอาจารย์สอนเด็กนี่ ผมรู้ว่าเด็กรุ่นนี้ไม่สู้ ไม่โทษเขา แต่ผมสอนเขามา 20 กว่าปีนะครับที่ผมสอนหนังสือมา ผมรู้แน่ว่าเด็กรุ่นนี้ไม่ออกมา ถ้าผู้ใหญ่อย่างเราไม่ออกมาเป็นผู้นำ และผู้ใหญ่อย่างเราไม่สู้เพื่อพวกเขา
จินดารัตน์ – อาจารย์เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่คะ
โพธิพงศ์ – ผมเริ่มตั้งแต่เดือนเมษานะครับ เมษาที่ผ่านมา เข้าร่วมกลุ่มนี้เข้าไปนั่งสัมมนากัน คุยกัน วางแนวทาง วางนโยบายที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตย เสร็จแล้วเราก็มาเห็นการขายการไฟฟ้าฝ่ายผลิตว่ามันไม่ชอบธรรม แล้วเราก็เห็นว่ามันเป็นโอกาสของคนที่มาฮุบการไฟฟ้าฝ่ายผลิต เหมือนกับฮุบ ปตท.นะครับ บังเอิญก็ได้ไปเรียนรู้กฎหมายของสหประชาชาตินะครับ ของยูเอ็นว่าด้วยเรื่องการขายรัฐวิสาหกิจ ก็เห็นว่าคุณทักษิณก็ทำผิดมาตลอดนี่ ทุกขั้นตอน
จินดารัตน์ – งั้นเดี๋ยวดิฉันจะมาถามอาจารย์ต่อว่า ผิดขั้นตอนตรงไหนอย่างไรนะคะ อาจารย์แก้วสรรคะ ดิฉันถามอาจารย์ในฐานะที่เป็น สว. วันนี้การสลายม็อบแบบนี้ ต้องบอกว่าเกิดอะไรในบ้านเมืองของเราคะ
แก้วสรร – คือมันต้องขอโทษทั้งอาจารย์และพี่น้องประชาชน ที่ฝ่ายการเมืองและใน สว.,ส.ส.ไม่ทำงานตามหลักการและขั้นตอน เรื่องแปรรูปรัฐวิสาหกิจอะไรก็แล้วแต่นะครับ บ้านเมืองอื่นนี่ถ้าเคารพหลักการและว่ากันโดยข้อมูลเป็นขั้นเป็นตอนนี่ ประชาชนไม่ต้องเดือดร้อนอย่างนี้ ต้องขอโทษ
จินดารัตน์ – ตรงไหนที่อาจารย์มองว่ามันเป็นข้อผิดพลาด ไม่เป็นขั้นเป็นตอนอย่างรุนแรงที่สุดคะ อาจารย์
แก้วสรร – คือผมเองในฐานะที่เป็น สว.นี่นะ เขาจะไม่ให้ลงอีกก็ช่างเขา แต่ผมก็รู้สึกตัวผมเป็นผู้แทน ก็ได้รวมกันกับเพื่อน สว.จำนวนหนึ่ง แล้วก็ตั้งกรรมาธิการศึกษาปัญหาในเรื่องปัญหาการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจไฟฟ้า เราก็รายงาน เราก็รับฟังจากสภาอุตสาหกรรม จากสภาที่ปรึกษา เอ็นจีโอ และก็ผลักดันเข้าที่ประชุม และก็รายงานต่อรัฐบาลไปแล้วว่า ที่ทำอย่างนี้มันผิด มันไม่ใช่การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจไฟฟ้า มันเป็นการขายของเก่า เราก็ทำหน้าที่ทุกอย่างตามที่เราคิดว่าเป็นครรลองที่วางไว้ แต่ก็ยังไม่สามารถจะทัดทานได้
เรื่องจริงเป็นอย่างนี้ คือจริงๆนี่นะครับ คำถามสำคัญที่ผมอยากจะถามคุณแอน ถามอาจารย์ และก็ถามท่านผู้ชมด้วย ถามว่าที่ทำอย่างนี้นี่ เอาเข้าตลาดหุ้นแบบนี้นี่ ถามว่าวิสาหกิจไฟฟ้าของประเทศจะดีขึ้นหรือเปล่า จะมีการลงทุนที่สมเหตุสมผลไหม ไม่ใช่บอกความต้องการเป็นเท่านี้ จริงไม่จริงก็ไม่รู้ แล้วเสร็จแล้วไม่จริง และเกิดการลงทุนที่เกินจริง ดอกเบี้ยก็จม พอดอกเบี้ยจมก็บอกว่าค่าเอฟที ก็ชาร์ตใส่ชาวบ้าน หรือบางทีความต้องการนี้เป็นจริง แทนที่จะไปเอาโรงไฟฟ้าเก่าๆมาทำเสียใหม่ ไม่ต้องไปลงทุนใหม่กลับไม่ยอม ชอบสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ อันนี้ก็ไม่ทำนะครับ
แล้วในต้นทุนพลังงาน ปตท.ขายแก๊สนี่มันแพงไปนี่ ผมไปซื้อน้ำมันเตาดีกว่า รัฐบาลก็ล็อกคอบอกคุณต้องซื้อ ปตท. ราคาก็แพงเกินจริงอีกนะครับ ปตท.ถามว่าลงทุนเป็นเรื่องเป็นราวไหม ทำไมคุณไปลงทุนกับยาดานา และซื้อแก๊สแพงกว่าอ่าวไทยตั้งเยอะ แล้วเอามาถัวกับอ่าวไทย พอค่าพลังงานในโลกขึ้น ค่าแก๊สในอ่าวไทยก็ขึ้นตาม พอขึ้นตามคุณก็ชาร์ตค่าโรงกลั่นเพิ่มและคิดค่าท่อเพิ่ม ไม่มีใครยอมรับภาระเพื่อประชาชนเลย เพราะฉะนั้นทั้งการลงทุนที่สมเหตุผลก็ไม่มี
การคิดราคาก็ไร้เหตุผล ค่าไฟฟ้าทุกวันนี้ต่อให้ไม่แปรรูปนะครับ พวกผมศึกษาดูแล้วลดได้ 1. พลังงานต้นน้ำตอนนี้นี่คือแก๊ส แก๊สธรรมชาติตอนนี้นี่ทั้งไอทีพี ทั้งกฟผ.ถูกล็อกคอให้ใช้แก๊ส ปตท. และ ปตท.ก็ขึ้นราคาตามใจชอบไม่มีการตรวจสอบ และกำไรก็โดดไม่รู้ตั้งกี่ 100% มีใครแก้บ้าง และโรงไฟฟ้าที่เราลงทุนไว้ในภาครัฐ เราก็มาบอกให้หยุดทำ ให้พวกเอกชนมาลงทุนทำโรงไฟฟ้าแล้วไปซื้อเขานะ ถ้าไม่พอค่อยมารันเครื่องของตัวเอง เพราะฉะนั้นทุนบ้านทุนเมืองที่ลงแล้วนี่ ก็ถูกเอกชนมาแบ่งไปแล้ว ถ้าไม่ซื้อเขาก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้เขา
และลำพังที่เป็นอยู่ไม่ต้องพูดถึงการเข้าตลาดหลักทรัพย์นะ มันก็มีอะไรต้องแก้เยอะแยะ คำถามที่กรรมาธิการถาม ประชาชนก็น่าจะถามนะเพราะว่าบ้านเมืองนี้มีประชาชนอยู่นะ ในการทำอย่างนี้นี่มันทำให้การลงทุนสมเหตุผลขึ้นไหม ราคามันสมเหตุผลลดลงหรือเปล่า เคยถามกันไหม ยกตัวอย่าง ทราบไหมว่าแผนการผลิตไฟฟ้าคราวหน้านี่ ที่วางไว้นี่ สหวิทยาไปสร้างโรงเหล็ก เราได้ลงทุนบริษัท กฟผ.ต้องลงทุนไปสร้างโรงไฟฟ้าให้สหวิทยา ทำไมไม่ให้เขาลงทุนเอง ทำไมต้องมาแบกรับอันนี้ เพราะฉะนั้นนี่การวางแผนการลงทุนและการคิดราคานี่ ตรงนี้ขาดการตรวจสอบมาโดยตลอด
จินดารัตน์ – อันนี้เป็นเหตุผลหนึ่งหรือเปล่าคะ ที่อาจารย์มองว่ารัฐก็เลยต้องรวบรัด
แก้วสรร – เดี๋ยว ใจเย็นๆ เพราะฉะนั้นนี่พวกผมที่อยู่ในวุฒิสภานี่ รวมทั้งเอ็นจีโอนี่ เราไม่ใช่พวกบ้าค้านรัฐนะ ถ้าคุณสามารถแก้ปัญหานี้ได้ผมเอาด้วย ปัญหาที่ต้องถามก็คือว่าที่รัฐบาลทำอย่างนี้ มันเป็นการปฏิรูปไฟฟ้าหรือเปล่า คำตอบที่เราได้ก็คือไม่ใช่ การปฏิรูปที่มันเป็นขั้นเป็นตอนที่ถูกต้องนี่นะครับ มันมีทางแยก 2 ทาง 1. ลงทุนแล้วแข่งกันผลิต แล้วประกวดราคาแข่ง แล้วการไฟฟ้านครหลวงก็ดูว่าจะซื้อใคร ว่าใครให้เท่าไหร่ๆ รัฐจะเป็นผู้ให้อนุญาตเท่านั้น ซึ่งระบบอันนี้มันเจ๊งไปในหลายประเทศ แล้วก็ประชาธิปัตย์เคยเสนอไว้ก็ไม่มีใครเอาแล้ว เพราะฉะนั้นเส้นทางการแข่งขันเป็นสเกลนี่มันไปไม่ได้หรอก แต่ที่เป็นอยู่นี่มันก็ไม่ถูก
จินดารัตน์ – และที่ถูกมันควรเป็นอย่างไรคะ อาจารย์
แก้วสรร – แล้วจะปฏิรูปยังไง เราไม่พูดถึงแปรรูปแล้วนะ ถ้าจะปฏิรูปยังไงนี่ เท่าที่ผมศึกษาและก็ฟังจากสภาที่ปรึกษา ฟังจากสภาอุตสาหกรรม ฟังจาก ดร.วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์นี่ และก็ไปศึกษาจากเอกสารระดับสากลนี่ การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจไฟฟ้ามันจะเป็น Step อย่างนี้ ข้อแรกมันต้องสร้างกรรมการที่กำกับดูแล
จินดารัตน์ – ที่เขาเรียกองค์กรอิสระ กรรมการอิสระนี่หรือคะ อาจารย์
แก้วสรร – ครับ เหมือนอย่าง กทช. ซึ่งเป็นกรรมการที่ไม่ขึ้นกับนโยบาย ครม.นะ มีกฎหมายพิง กรรมการนี้เขาก็บอกว่าโอเค คุณเป็นฝ่ายผลิตนะ โรงไฟฟ้าใช่ไหม ต้นทุนเชื้อเพลิงมาเท่านี้ ค่าดำเนินการเท่านี้ ดอกเบี้ยเท่านี้ กำไรให้เท่านี้ ถ้าคุณลดต้นทุนพลังงานได้คุณเอากำไรไป แล้วเสร็จแล้วคุณแอนเป็นผู้ซื้อไฟฟ้าจากโรงโน้นโรงนี้มาใส่สายส่ง เพื่อเอาไปใช้นี่ต้นทุนคุณเท่าไหร่ ผมให้คุณเท่านี้ ถ้าคุณแน่จริงลดต้นทุนได้ คุณเอากำไรไป อันที่ 3 ผมเป็นผู้ซื้อไฟฟ้าจากคนอื่นมา คำนวณต้นทุน ค่าการตลาด และผมก็ไปขายให้ กฟน. กฟภ.อันนี้เขาเรียกว่าผู้จำหน่ายเป็นระบบ รวมไฟฟ้ามาขายคนเดียว ตรงนี้คุณเอาเท่าไหร่ คุณควรได้เท่าไหร่
แล้วพอมีความต้องการไฟฟ้าใหม่ก็บอกอย่าเพิ่งสร้างดรงไฟฟ้าใหม่นะ เอาโรงนี้ไป Re-power ผู้บริโภคจะดีกว่า ผมว่าคุมอันนี้ด้วย คือผมบอกว่าสหวิทยาโผล่แล้วนี่ไม่เซฟ คุณสร้างของคุณเอง แล้วถ้าล้มเท่าไหร่คุณเอาเข้ามาผมจะซื้อให้ หรือบอกตรงนี้นี่ให้ใช้พลังงานแสงแดด พลังงานหมุนเวียน แล้วเอารายได้ส่วนนี้มาทับที่นี่ตรงนี้ คนที่เป็น regulator เป็นผู้ควบคุมทั้งหมดนี่มันต้องมี นี่คืออันแรกที่ต้องสร้าง ซึ่งปัจจุบันไม่มี นี่คือ Step 1 นะ ต่อให้ไม่แปรรูปนะเราก็ต้องสร้างอันนี้ ไม่ใช่ให้ กฟผ.บอกว่าผมควรจะขายราคาเท่าไหร่ ผมต้องสร้างโรงนั้นโรงนี้ แล้วให้รัฐมนตรีมาบอกอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ใช่ ต่อให้ไม่เข้าบริษัทนะ เราต้องสร้างอันนี้ เพราะมันจะแก้ปัญหาได้เยอะ
จินดารัตน์ – แสดงว่า Step 1 ของอาจารย์นี่ เราไม่เกิดเลยแม้แต่นิดเดียว
แก้วสรร – ถ้ากรรมการนี้มีนะ ถามว่า ปตท.หรือรัฐบาล คุณ Edit กฟผ.ให้ซื้อแก๊ส ปตท.ในราคานี้ได้ยังไง ในเมื่อถ่านหินถูกกว่า น้ำมันเตาถูกกว่า คุณทำได้ยังไง เพราะฉะนั้นตัวศาสตร์เบื้องต้นคือพลังงานตรงนั้น คือแก๊สธรรมชาติ ซึ่งวันนี้เข้าตลาดหุ้นไปเต็มตัวแล้ว และไม่เคยรับความเสี่ยงอะไรเลย ขายได้เท่าไหร่ก็โยนใส่ กฟผ.หมด กฟผ.ก็มาชาร์ตใส่ผู้บริโภค ประเด็นนี้ก็ไม่ได้แก้ ข้อที่ 1 เราต้องมีกรรมการที่เป็นอิสระ สามารถจะวางโครงสร้างตั้งแต่ผู้ลงทุน ทั้งต่ออนาคตและความประหยัดสิ่งแวดล้อม เราไม่มีนี่ข้อที่ 1 เพราะฉะนั้นบ้านอื่นเมืองอื่นนี่ ประเด็นแรกก่อนที่เขาจะปฏิรูปไฟฟ้า เขาต้องสร้างตัวนี้
จินดารัตน์ – เรียกว่าปรับโครงสร้างก่อนถูกไหมคะ ตั้งคณะกรรมการอิสระกำกับดูแล
แก้วสรร – คือ 1. อย่าให้ผู้ผลิตมาคุมนโยบาย และพูดง่ายๆอย่าให้การเมืองมาจุ้นในสิ่งที่ไม่ใช่ทางของคุณ หลังจากนั้นนี่พอเขาปรับโครงสร้างเสร็จ เขาค่อยมาดูว่ามันใหญ่เกินไปหรือเปล่า อันนี้เขาเรียกว่าปรับโครงสร้างรัฐวิสาหกิจ เขาเรียกโครงสร้างการจัดการนะ กฟผ.นี่ 1. ตอนนี้เขาคุมการผลิตไฟฟ้าร้อยละ 50 ทั้งพลังน้ำและโรงไฟฟ้า อันที่ 2 เขาคุมสายส่ง เขาเอาไฟฟ้าไปส่ง และเขาก็คุมอีกตัวหนึ่งเขาคุมการตลาด เขาซื้อตรงนั้นถูกตรงนี้แพง แล้วเขาเอามาผมขายการไฟฟ้านครหลวงเท่านี้ ภูมิภาคเท่านี้ ซึ่งตรงนี้ถ้ามีกรรมการ Regulator ตัวใหญ่ มันก็จะมาบอกว่าไม่ได้ คิดไม่ถูกนะ แต่พอเราจะไปคุมมันนี่ตัวมันใหญ่ไป
เพราะฉะนั้น Step ที่ 2 ของการปฏิรูปวิสาหกิจไฟฟ้านี่ เขาจะแยกเป็นส่วนพื้นฐาน ส่วนพื้นฐานคือส่วนที่มันค่อยๆลงทุนต่อเนื่อง ผลกำไรก็น้อย ก็คือพวกเขื่อน พวกสายส่ง พวกนี้นี่จะต้องไปใช้อำนาจศาลแล้ว ว่าให้ออกไปจะเอาที่มาสร้างเขื่อน ที่ของคุณผมจะสร้างสายไฟฟ้าแรงสูงผ่านที่ของคุณ ห้ามสร้างอันนี้นะ เอาตังค์ไป 15% และเสร็จแล้วก็ยังคุมอีก บอกเกษตรอย่าเพิ่งจะเอาไฟฟ้าก่อน เป็นผู้จัดสรรทรัพยากรอีก ในส่วนนี้เขาเรียกว่าไฟฟ้าพื้นฐาน ส่วนนี้มันควรจะ Stand Alone ถ้าสมมุติว่าคุณจะแบ่งนะ มันจะไปคิดร่วมกับเป็นกำไรขาดทุนเหมือนกับโรงปั่นไฟไม่ได้
จินดารัตน์ – แยกออกไปเลย
แก้วสรร – เพราะฉะนั้นโดยหลักกรรมาธิการก็ดี สากลโลกเรานะ ไฟฟ้าพื้นฐานเขารวมเป็น 1 ก้อน ทั้งสายส่ง พลังน้ำและก็ตัวกลางจำหน่าย จากนั้นมันก็ได้เป็นตัวโรงไฟฟ้าบางปะกง ราชบุรีอะไรต่างๆ พวกนี้เป็นพวกปั่น เขาต้องแยกออกจากกัน เราจะได้คำนวณได้ว่าค่าปั่นเท่าไหร่ ค่าส่งเท่าไหร่ พลังน้ำเท่าไหร่ แล้วเราก็จะล็อกได้นะครับ มันต้องทำอย่างนี้
จินดารัตน์ – อันนี้ก็ไม่เกิดเหมือนกัน
แก้วสรร – ซึ่งตรงนี้นี่ถ้าแบ่งถูกนะ กรรมาธิการวุฒิสภาเสนอนี่ ทุกคนเห็นพ้องหมดแหละครับ ว่าส่วนที่จะเอาไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นี่ (ถ้ามันยังเป็นนะ) มันต้องเป็นเฉพาะพวกโรงปั่น ไฟฟ้าพื้นฐานที่มันต้องเป็นรัฐวิสาหกิจโดยกฎหมายนะครับ พวกนี้มันเป็นอำนาจรัฐ เพราะถ้าใครยึดสายส่งได้นะ และยึดหน้าที่ทางการตลาดได้นี่ และไม่ต้องรับผิดชอบอะไรดูกำไรอย่างเดียว มีกำไรอย่างเดียว ฉิบหาย
จินดารัตน์ – ผูกขาดเบ็ดเสร็จ
แก้วสรร – และที่สำคัญก็คือ ถ้าเอาตัวผลิตไฟฟ้าด้วย ส่งไฟฟ้าด้วย จำหน่ายด้วย พวกนี้ถ้ายังเป็นอย่าง กฟผ.ปัจจุบันนี่ แล้วเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์นะ ไม่เคยมีประเทศไหนนะครับนอกจากรัฐๆหนึ่งในอินเดีย ถ้าผมจำไม่ผิดคืออัสสัม ที่เอาไฟฟ้าทั้งยวงไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ เขาจะเอาเฉพาะส่วนที่มันต้องการการระดมทุน และก็ไม่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ เขาจะเอาส่วนนี้เข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่ส่วนที่เป็นพื้นฐานนี่เขาไม่เอาเข้า
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ ถ้าวันนี้ไปแปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์ทั้งยวงแบบนี้แล้ว จะมีโอกาสมีปรับโครงสร้างกันใหม่หรือแยกส่วนไหมคะ
แก้วสรร – คืออย่างนี้ครับ เราถามถึงปัจจุบันก่อนว่าอะไรจะเกิดขึ้น คือในการเอา 1. ตัว Regulator ที่จะดูแลความเป็นธรรม ตั้งแต่ผู้ลงทุนและผู้บริโภคก็ไม่มี ต่อสิ่งแวดล้อมก็ไม่มี อันที่ 2 สเกลหรือขนาดของตัวที่เอาเข้าตลาดนี่ก็ไม่ทำให้มันเล็ก รัฐบาลเอาส่วนพื้นฐานเข้าไปด้วย อันที่ 3 พอเข้าตลาดหลักทรัพย์นี่ ความหมายมันคืออะไร มันไร้สาระมากผมขอใช้คำนี้ ที่บอกว่ารัฐยังถือหุ้นอยู่ 75% เหมือน ปตท.จำได้ไหม ขอโทษ พอคุณเข้าตลาดหลักทรัพย์นี่ รัฐบาลจะเปลี่ยนจากฐานะผู้ดูแลประชาชน กลายเป็นเพียงผู้ถือหุ้น
คุณมีสิทธิถือหุ้น 75% นี่ คุณจะมาบอกไฟฟ้าอย่าขึ้นนะ เดี๋ยวชาวบ้านด่า ที่ถือหุ้นข้างน้อย 25% เขาบอกทำอย่างนี้ได้ยังไง ตัวอย่างอันนี้ชัด ในสมัยที่ไฟฟ้าหรือพลังงานเขยิบขึ้นสูงหมด ไฟฟ้าก็จะขึ้น คุณศิริชัย ไม้งามบอกว่า ช่วยบอก ปตท.เถอะตรึงราคาแก๊สไว้หน่อย อย่าโยนแต่ กฟผ. ประชาชนจะตาย ท่านนายกฯทักษิณ ชินวัตรให้สัมภาษณ์ บอกว่าความคิดอย่างนี้จะทำให้ราคาหุ้น ปตท.ตก หยุดพูด
อันนี้ต่อให้รัฐถือหุ้น 99% แต่เวลาเข้าตลาดหลักทรัพย์มันเข้า 100 นะ แต่ขายแค่ 1% เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์นี่ หน้าที่ของวิสาหกิจที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ก็คือ หากำไรให้กับผู้ถือหุ้น เพราะฉะนั้นเปอร์เซ็นต์กี่เปอร์เซ็นต์นี่ไร้ความหมาย เพราะฉะนั้นทางเลือกของสังคมไทยในขณะนี้ มันไม่ใช่เรื่องว่าใครได้หุ้นบ้าง เราเสียเอกราชหรือเปล่า นายทุนไทยกับนายทุนต่างชาติมันก็เหมือนกัน มันก็เอากำไรเหมือนกัน หรือแบ่งให้ผู้ใช้ไฟถือหุ้นไหม เราก็ต้องการกำไรเหมือนกัน มันไร้สาระมาก คุณจะไปถามว่าคอร์รัปชั่นหรือเปล่า เสียเอกราชไหม
ประเด็นรากฐานที่สุดก็คือ เราจะยอมให้ไฟฟ้านี่เป็นกิจการหากำไรหรือเปล่า ใครจะได้อย่าเพิ่งพูด ถ้าเราบอกต่างชาติได้ขอได้บ้าง นายทุนได้ขอได้บ้าง แต่จริงๆสิ่งที่พวกคุณเหมือนกันก็คือ ต่อไปนี้การไฟฟ้าต้องหากำไร ทีนี้เราเพียงแต่ขอความเสมอภาคในการข่มขืนประเทศ ในการแก่งแย่งเลือดเนื้อของประเทศและลูกหลาน ประเด็นอยู่ตรงนี้ การไฟฟ้าปัจจุบัน วิสาหกิจไฟฟ้าปัจจุบัน ไม่ว่ามันจะดีจะชั่วยังไงนี่ มันไม่ได้ทำเพื่อหากำไร กำไรของมันตอนนี้นี่อย่างเก่งมันก็ขึ้นถึง 6% แล้วเงินเข้าหลวง แต่เมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์คราวนี้ เข้าทั้งยวงนะ ในหนังสือเชิญชวนนี่พูดชัดเจนว่า ต่อไปนี้การคิดค่าไฟฟ้าจะต้องเอาปัจจัยนี้ไปคิดด้วย ก็คือปัจจัยคือผลประโยชน์ต่อการลงทุน 8.3% อย่างน้อยนะ
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ อย่างนี้ถ้าฟังอาจารย์บอกแล้ว ผลกำไรที่เกิดขึ้นแน่นอนที่สุด คนที่ใช้ไฟทั่วๆไป ประชาชนทั่วๆไปไม่ว่าจะได้หุ้นหรือไม่ได้หุ้นนี่นะคะอาจารย์ เป็นห่วงว่าค่าไฟมันจะขึ้นแน่หรือเปล่า ตกลงขึ้นแน่ๆเลยใช่ไหมครับ อาจารย์
แก้วสรร – คือโดยระบบโครงสร้างที่เข้าไปทั้งยวง แล้วก็มีหน้าที่หากำไรให้แก่ตลาดหุ้น แล้วก็ห้ามเอาเหตุผลสาธารณะมาแทรกแซงนี่ คุณว่ามันขึ้นไหมล่ะ
จินดารัตน์ – ชัดเจนค่ะ อาจารย์
แก้วสรร – ชัวร์ แล้วมันมาที่มาตกปลักกันที่ไปเขียนว่าต่างชาติได้ นายทุนได้ ให้ชาวบ้านได้ ชาวบ้านเท่าไหร่ 25% แล้วกินเนื้อตัวเอง แต่ถ้าเรายืนไว้ว่าไม่ต้องหากำไรนะ เดือนทั้งเดือนเราไม่ต้องไปเสียเงินซื้อหุ้นมันด้วยซ้ำไป เราก็สามารถที่จะทำให้การลงทุนและค่าไฟมันมีเหตุมีผลได้ ทำไมไม่เดินหน้าไปทางนั้น เพราะฉะนั้นคำตอบที่คุณทำผมเรื่องแปรรูป กฟผ. คราวนี้ ถ้ารัฐบาลดำเนินการ Step 1 สร้าง regulator ที่เชื่อถือได้ อันที่ 2 ซอยรัฐวิสาหกิจไฟฟ้า รักษาส่วนพื้นฐานไว้ แล้วก็เอาส่วนโรงปั่นไฟนี่ไประดมทุนในตลาดหุ้น กรรมาธิการวุฒิสภาจะไม่ค้านเลย
จินดารัตน์ – แต่คำถามก็คือถ้าปัจจุบันรัฐยังทำอย่างนั้นได้อยู่หรือคะ ถ้า ณ เวลานี้ค่ะ อาจารย์
แก้วสรร – เสียงข้างมากเขาทำอยู่แล้ว แต่สิ่งที่อาจารย์เขาสู้นี่ เขาตอบให้ได้ว่าสู้ทำไม แล้วเราต้องอธิบายเหตุผลให้ชัดว่า เราไม่สู้กับการคอร์รัปชั่น เราไม่ได้สู้กับการได้เปรียบเสียเปรียบในการกินเนื้อประเทศชาติ เราได้ยืนชัดว่าเราไม่เห็นด้วยที่กิจการไฟฟ้าจะเป็นกิจการหากำไร
จินดารัตน์ – ตกลงกลุ่มม็อบคิดอย่างที่อาจารย์แก้วสรรคิดหรือเปล่าคะ
โพธิพงศ์ – เราคิดว่าไม่ควรจะแปร ควรจะเป็นของรัฐอยู่เหมือนเดิม
จินดารัตน์ – เราตอบคำถามตัวเองได้ใช่ไหมคะว่าสู้เพื่ออะไร
โพธิพงศ์ – สู้เพื่อไม่ให้มีการแปรครับ ไม่ยอมรับการแปร
แก้วสรร – พูดตรงๆนะ ที่ปรึกษาของ กฟผ.เขาบอกว่า การเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ทั้งยวงนี่นะ จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จนี่นะ จะต้องมีการแตกตัวห้ามเอาเข้าทั้งยวง และที่สำคัญต้องมี regulator ก่อน ซึ่งอันนี้นี่รัฐบาลก็ไม่ทำตามที่ปรึกษาแนะ แล้วตอนนี้บรรดานักลงทุนต่างชาตินี่เขาก็ไม่กล้าซื้อนะ เพราะเขารู้ว่าโดยธรรมชาตินี่ ประชาชนมันต้องโวย และเสร็จแล้วก็มีการเข้ามาแทรกแซงการคิดค่าไฟฟ้าโดยมติ ครม. คุณปิยสวัสดิ์ อมระนันทร์ซึ่งก็เป็นมือโปรทางนี้ เขาก็เห็นด้วยกับการแปรรูปนะ แต่เขาบอกว่าทำไมไม่เดินจาก 1,2,3 ทำไมทำ 3 เอาเข้าทั้งยวงก่อน
จินดารัตน์ – เดี๋ยวจะทำ 1 เดี๋ยวจะทำ 2
แก้วสรร – แล้วเดี๋ยวค่อยตั้งกรรมการกำกับดูแล แล้วถ้าใหญ่ไปก็ทอนให้มันเล็กลง อาจารย์ก็ดี คุณแอนก็ดีเคยถามหรือเปล่า ว่ารัฐบาลทั้งที่รู้อย่างนี้ แล้วผู้ลงทุนต่างชาตินี่เราอย่านึกว่าเขาเป็นพวกงกเงินนะครับ เขาก็ถามบอกคุณเซ็ตเรียบร้อยหรือยัง ตอบเขาไม่ได้ เคยสงสัยไหมทำไมรัฐบาลทำ
จินดารัตน์ – นี่ไงคะ อาจารย์ กำลังจะถามว่าทำไมรัฐบาลถึงไปที่ 3 เลยไม่ทำ 1,2 ก่อน
แก้วสรร – เคยถามไหม
จินดารัตน์ – ดิฉันเคยถามค่ะ อาจารย์ แต่ไม่รัฐบาลคนไหนตอบดิฉันได้เหมือนกัน
แก้วสรร – แล้วเขาตอบยังไง
จินดารัตน์ – เขาตอบเพียงแต่ว่าวันนี้ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะต้องแปรรูปเพื่อการบริการที่ดีขึ้น เพื่อประสิทธิภาพในการส่งจ่ายไฟฟ้า หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่มีคำตอบว่าทำไมไม่ทำตาม Step ที่วาง
แก้วสรร – สรุปก่อนนะ คือการจะเป็นบริษัทนี่ รัฐบาลมีอำนาจผูกขาดและไม่มีคนคุม และมีหน้าที่หากำไรให้แก่ผู้ถือหุ้นน่ะ มันจะดีขึ้นได้ไง
จินดารัตน์ – ตกลงอาจารย์ได้คำตอบจากรัฐบาลเหมือนที่ดิฉันได้หรือเปล่าคะ
แก้วสรร – 1. ผมไม่เห็นด้วยกับตรรกะที่รัฐบาลพูด อันที่ 2 ผมยืนยันว่ารัฐบาลก็รู้ว่าสากลโลกที่เขาทำให้ถูก และไฟฟ้าดีขึ้นเขาทำอย่างไร ทำไมเขาไม่ทำ
จินดารัตน์ – ดิฉันได้ฟัง 1 ใน 7 วาระที่อาจารย์พูดถึงก็คือ เรื่องของการแอบนำหุ้นไปจำหน่ายให้กองทุนวายุภักษ์ ร้อยละ 20 จาก 75% เพื่อที่จะเอาเงินที่ได้มาใช้เป็นงบกลางประจำปี 48 จริงๆเวลาใกล้หมดแล้ว ดิฉันขอสรุปสั้นๆหน่อยได้ไหมคะ เอาอย่างนี้ค่ะ อาจารย์ ดิฉันเบรกก่อนก็ได้ แล้วช่วงหน้ากลับมาอาจารย์ตอบคำถามนี้นะคะ พักกันซักครู่ก่อนค่ะ
**********************************************************
จินดารัตน์ – กลับมาช่วงสุดท้ายรายการคนในข่าวค่ะ เสียดายจริงๆนะคะวันนี้เวลาของเรานั้นเดินเร็วกว่าปกติมากเหลือเกิน เหลือเวลาอีกแค่ 8 นาที ดิฉันจะพยายามรวบรัดประเด็นตรงนี้ อาจารย์คะ เรื่องของกองทุนวายุภักษ์ ที่จะเอาเงินที่ได้จากการขายไปใส่ในงบกลาง
แก้วสรร – ผมใช้คำว่าผมได้ล่องลอยอย่างนี้ กรรมาธิการเศรษฐกิจการคลังวุฒิสภา ช่วงยังไม่เผยตัวนี่เขาเล่าให้ผมฟัง และผมก็เช็คกับลูกศิษย์ผมในกระทรวงการคลังได้ข้อมูลตรงกัน ว่าหุ้น ปตท.ที่อ้างว่าปล่อยไป 25 แล้วถือ 75 นี่ ในที่สุดแล้วตอนนี้เหลือ 51 อีก 24% กระทรวงการคลังได้เอาไปขายฝากกับกองทุนวายุภักษ์ มีใครเคยถามบ้างกองทุนวายุภักษ์ที่ว่า 7 แสนล้านนี่เอาไปใช้อะไร คำตอบก็คือเอามาในภาครัฐ แล้วก็เอาหุ้นไปขายฝากไว้ วันนี้เหลือ 51% หรือเปล่าผมยังไม่รู้
หุ้น กฟผ.ก็เหมือนกันต่อให้เขาบอกคุณว่าเหลือ 99% อีก 2 อาทิตย์เขาก็มีวายุภักษ์ 2 แล้วไปขายฝากเอาเงินมาอีกก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าอันนี้เป็นจริง ถ้านะครับท่านผู้ฟัง แต่ผมเช็คกับแหล่งข่าวผมใช่ และผมถามว่าข่าวเจาะบีบีซียืนยันว่าจริง ความหมายของความเป็นจริงก็คือว่า นี่คือการแปรสินทรัพย์เป็นทุน เอาสินทรัพย์ของประเทศชาติปู่ย่าตายาย แปรไป 25% เข้าตลาด แล้วมันก็มี value เขาก็เลยเอาไปขายฝาก เพราะรัฐบาลต้องการจะแปรเป็นเงินเอาไปใช้ในงบประมาณ
แล้วแหล่งข่าวของผมที่ผมได้มาก็คือว่า วายุภักษ์ที่เอาหุ้น ปตท.ไปขายฝากกับวายุภักษ์นี่เงินไปไหน คำตอบก็คือที่ผมได้รับคำอธิบายนะ ท่านรัฐมนตรี ท่านนายกฯและทีมไทยรักไทยที่ฟังอยู่ตรงนี้ อย่าเพิ่งโกรธผม ท่านไปเจาะไปดูบัญชีวายุภักษ์เดี๋ยวนี้ และไปดูงบประมาณแผ่นดินที่เข้ากลางปี อ้างว่ามีเงินได้ผิดคาดหมาย ตั้งงบกลาง 5 หมื่นล้านนี่ เงินก้อนนี้คือเงินจากการที่เอาหุ้น ปตท. 24% ไปขายฝากกับวายุภักษ์ แล้วเอามาใช้อย่างมีรีเทิร์นไหม
จินดารัตน์ – มันสอดคล้องค่ะ อาจารย์
แก้วสรร – ผมว่าแหล่งข่าวอย่างนี้ ทั้ง ส.ส.,สว. ข่าวเจาะเศรษฐกิจ อยู่พรรคไหนก็ช่าง เจาะมาให้ผมซิ แล้วให้พี่น้องประชาชนรู้ซิ ว่าตอนนี้นี่แท้จริงเบื้องหลังของการแปรรูป กฟผ.คราวนี้ ก็คือการแปรสินทรัพย์ของประเทศชาติเข้าตลาดทุนของโลก เพื่อจะ cash เอาเงินมาใช้ในงบประมาณแผ่นดิน หรือเอาไปใช้ในเมกกะโปรเจกต์ใช่หรือไม่ อันนี้คือเหตุผลถ้ามันเป็นจริงนะครับ ที่ว่าทำไมเขาถึงไม่สนใจกับไฟฟ้าว่าจะเป็นยังไง นี่คือปัญหาเศรษฐกิจการคลังของประเทศ
และอีกข้อหนึ่งข่าวเจาะทั้งหลาย ส.ส.,สว.ทั้งหลายไปเจาะดูเดี๋ยวนี้ ว่ารายงานดุลเงินสดในมือ ทุก 3 เดือนซิรายงานน่ะ เดิมทีมันอยู่ประมาณเกือบแสนหรือลงมาไม่เท่าไหร่ เราเห็นว่าขณะนี้ลงมาเหลือหมื่นกว่าล้าน ซึ่งความหมายก็คือไม่กี่สิบวันก็หมด ต้องเอาไปจ่ายเงินเดือน ทำไมเงินสดในมือมันเหลือแค่นี้ รัฐบาลขาดเงินในมือหรือเปล่า ท่านพิเชษฐ์เป็นคนตั้งปัญหานี้ ผมถามกับท่านบอกจริงไม่จริง ท่านยังยืนยัน
แล้วผมฟังท่านรัฐมนตรีวราเทพชี้แจงในสภาตอบอันนี้ไม่ได้ ว่างบที่อ้างว่าเบิกจ่าย ที่ตั้งไว้แล้วยังไม่เบิกนี่แสนกว่าล้าน ท่านพิเชษฐ์บอกว่าไปค้นที่คลังจังหวัด ที่กรมบัญชีกลางงบประมาณหรือยังไงนี่ เพราะฉะนั้นประเด็นทั้งหมดที่ผมตั้งเป็นข้อสันนิษฐานตรงนี้ และทุกคนต้องช่วยรับภาระพิสูจน์เพราะรัฐบาลยังพิสูจน์ไม่ได้ รัฐบาลไม่มีเงินในมือทั้งเมกกะโปรเจกต์ ค่าใช้จ่ายที่ไปหว่านในระบบประชานิยมทั้งหมด นี่คือเบื้องหลังของการผลักดันแปรรูป กฟผ.โดยไม่บันยะบันยังใช่หรือไม่
จินดารัตน์ – ชัดค่ะ อาจารย์ คำถามนี้ ถามอาจารย์โพธิพงศ์นะคะ เหลือเวลาอีกแค่ 2 นาทีสุดท้าย อาจารย์ฟังข้อมูลจากอาจารย์แก้วสรรแล้ววันนี้ ถามความรู้สึกอาจารย์จริงๆว่าเป็นยังไงคะ
โพธิพงศ์ – ผมเห็นด้วยกับท่านอาจารย์แก้วสรรนะครับ ที่อธิบายมาขั้นตอนที่จะแปรรูปที่ว่ามานี่ ที่จะต้องมีองค์กรกลางมาดูแลในส่วนต่างๆ ต้องแยกออกมานะครับ ว่าส่วนเขื่อนจะไปเป็นอยู่ที่ไหนอย่างไร สายส่งเป็นของใคร อันนี้เราเห็นด้วยนะครับ แต่ในหลักการที่คุณทักษิณทำนี่มันผิดขั้นตอนของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุชัดเจนว่า 1. จะต้องมีองค์กรที่ดูแลและก็โปร่งใส ต้องมีโปรเกต์เขียนขึ้นมา ที่ท่านอาจารย์ว่าเป๊ะเลย และที่สำคัญที่สุดก็คือต้องถามประชาชนว่าจะเอาด้วยไหม อันนี้ต้องมีขั้นตอนตรงนี้
แก้วสรร – แล้วอีกข้อนึงครับอาจารย์ ผมจะบอกให้นะ เวลาเขาแปรรูปนี่นะ คำถามสำคัญที่สุดก็คือเขาเอาเงินไปไหน
โพธิพงศ์ – ถูกต้องครับ
แก้วสรร – ถ้าเอาเงินจากรัฐวิสาหกิจไฟฟ้า จากการแปรรูปนี่กลับไปบอกว่า จะเอาสายไฟฟ้าลงดินให้หมด โอเค
จินดารัตน์ – มีเป้าหมายว่าจะเอาเงินไปทำอะไร
แก้วสรร – หรือว่าจะเอาไปลงทุนทำไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อทำให้พลังงานกินน้อยลง โอเค
จินดารัตน์ – แล้วของเรามีคำตอบไหมคะ
แก้วสรร – เดี๋ยวครับ หรือเอาไปทำสบู่ดำทำอะไร ไฟฟ้าเป็นไฟฟ้า คนแปรรูปแล้ว รัฐวิสาหกิจพลังงานเราต้องดีขึ้น คุณไม่มีสิทธิที่จะเอากระเป๋าจากพลังงานนี่ ไปเป็นงบกลาง งบหิ่งห้อย งบนกขมิ้น ไม่มีสิทธิเอางบไฟฟ้าไปทำรถไฟฟ้าให้คน กทม. เพราะฉะนั้นการแปรรูปรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าและทำอะไรให้ไฟฟ้ามันดีขึ้น เงินที่ได้ก็ต้องกลับไปสู่ทำให้พลังงานดีขึ้น ซึ่งสิ่งอันนี้นี่คือสิ่งที่รัฐบาลไม่ทำแล้วไม่ยอมตอบ แล้วก็ไม่เคยตอบกับประชาชน ไม่เคยตอบกับ ส.ส.,สว. คนอย่างอาจารย์นี่ลูกเมียรออยู่ที่บ้าน ต้องไปให้ถูกเขาตีหัวที่หน้า กฟผ. ผมถึงต้องขอโทษอาจารย์ ว่าทำไมระบบการเมืองมันถึงไม่สามารถจัดการความขัดแย้งและทำข้อมูลให้กระจ่าง
แล้วเมื่อกี๊ที่ผมถามนี่ไม่มีใครตอบ ไม่เคยมีใครตอบได้เลยว่าแปรรูป ปตท.เอาเงินไปไหน แปรรูป กฟผ.แล้วเงินจะไปไหน ผมเรียกร้องตรงนี้นะครับ ทั้งนักข่าวเจาะนี่อย่ามัวแต่พาดว่าใครถูกตีหัว คุณไปเจาะมาซิบัญชีวายุภักษ์นี่เอาเงินไปไหน คุณต้องเจาะตรงนี้ กรรมาธิการทั้งวุฒิสภาทั้งสภาผู้แทนต้องเจาะตรงนี้ ว่านี่คือการเซ้งประเทศใช่หรือเปล่า ผมยังไม่ยืนยันนะแต่แหล่งข่าวผมได้มาอย่างนี้ แล้วผมไม่มีอำนาจที่จะไปเจาะได้ เพราะกรรมาธิการที่คุมอำนาจในการเจาะการเมืองการคลังนี่มันอยู่ซักรัฐบาล
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ เสียดายว่าเวลาของเราหมดจริงๆ เดี๋ยวเราจะมีถ่ายทอดสดต่อ มีโอกาสดิฉันเชื่อว่าคุณผู้ชมทางบ้านหลายสายโทรศัพท์เข้ามาบอกว่า ขอให้เชิญอาจารย์ทั้ง 2 ท่านมาคุยกันใหม่เรื่องนี้ สายเยอะจริงๆนะคะ ดิฉันเรียนอาจารย์จริงๆว่า คำยืนยันของอาจารย์อาจจะมีในเร็ววันนี้ ถ้าอาจารย์สามารถที่จะให้ใครไปเจาะมาและยืนยันได้นะคะ เราหวังอย่างนี้ หลายคนก็หวังอย่างนี้เหมือนกัน
แก้วสรร – อันนี้เป็นคำสารภาพนะ ผมนี่เป็น สว.นะ มีแหล่งข่าวชี้ช่องแล้วนะ ผมยังเจาะไม่ได้ กรรมาธิการของผมเชิญมา รัฐมนตรีไม่มา ประธานบอร์ด กฟผ.ก็ไม่มา ส่งมาแต่รองปลัด ผมหมดปัญญาจะเจาะ เรื่องการแก้ปัญหาการไฟฟ้านี่ ถ้าทำถูกเรื่องถูกราวให้ความโปร่งใสนี่ คนเฒ่าคนแก่รวมทั้งอาจารย์นี่ นี่อาจารย์การตลาดนะ มีลูกมีเมียนะถูกตีหัวอยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องตำหนินี่ อย่าไปมองว่าอาจารย์เป็นพวกม็อบนะ สิ่งที่ต้องตำหนิก็คือบ้านเมืองนี้มันไม่มีประชาชน แล้วมันปล่อยให้คนแบบนี้ลำบาก
โพธิพงศ์ – เมื่อเขาได้รับการฉันทานุมัติแล้วนี่นะครับ เขาจะต้องนำเรื่องเข้าสู่สภาพิจารณาจากทั้ง 2 สภา เขาถึงจะสามารถที่จะทำได้
แก้วสรร – อาจารย์ บ้านเมืองอื่นนะ มันจะมีกฎหมายหลักว่าด้วยการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ Step 1,2,3,4 แล้วเสร็จแล้วเวลาจะแปรรูป กฟผ.นี่ มันจะเสนอเป็นพระราชบัญญัติเข้าสภาอีกทีหนึ่ง แล้วมันจะผ่านการมีส่วนการเถียงทุกอย่าง เราไม่ต้องมาเห่ากันทางทีวีอย่างนี้ อาจารย์ก็ไม่ต้องถูกตีหัวอย่างนี้
จินดารัตน์ – เอาอย่างนี้แล้วกันนะคะ คุณผู้ชมคะ เรื่องนี้ยังต้องตามกันต่อนะคะ ดิฉันเชื่อว่าคงจะต้องเป็นประเด็นที่เราจะต้องนำมาพูดคุยกันต่อ เพราะวันนี้สายเยอะมาก ดิฉันไม่สามารถอ่านออกอากาศได้ พรุ่งนี้เราต้องรอศาลปกครองสูงสุดได้นัดฟังคำสั่ง ว่าจะสั่งระงับการกระจายหุ้น กฟผ.ในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่
แก้วสรร – ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหากฎหมาย ปัญหานี้คือปัญหาการจัดการประเทศชาติ บอกให้ศาลปกครองตัดสินได้ยังไง ไม่ต้องสนใจ
จินดารัตน์ – อาจารย์บอกไม่ต้องลุ้นนะคะ แล้วแต่ท่านผู้ชมค่ะ วันนี้ฟังจากข้อมูลแล้วนะคะ เราคงจะต้องเรียนคุณผู้ชมอย่างนี้ว่า เราเองก็เฉกเช่นเดียวกับอาจารย์แก้วสรรนะคะ เราพยายามเชิญตั้งแต่รัฐมนตรียันผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายของภาครัฐ ไม่เคยมีใครจะตอบรับมาออกรายการกับเราเลยค่ะ วันนี้ลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ
********************************************************
รายการคนในข่าว ออกอากาศทาง News 1 เวลา 21.00-22.00 น. ดำเนินรายการโดยจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
จินดารัตน์ – สวัสดีค่ะ คุณผู้ชมคะ รายการคนในข่าวค่ะ เรื่องของ กฟผ.ที่จะมีการแปรรูปอีกไม่กี่วันนี้นะคะ เราคุยกันเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้นะคะการคัดค้านการแปรรูปที่ว่านี้ได้ขยายวงกว้างออกไป และดูเหมือนว่าจะยิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้น ถามว่าวันนี้ประชาชนคนไทยเริ่มตื่นตัวแล้วหรือยัง จริงๆจะมีบางกลุ่มนะคะที่ตื่นตัวมานานแล้ว แต่คนไทยบางกลุ่มตอนนี้โดยเฉพาะคุณผู้ชมทางบ้านที่โทรศัพท์เข้ามาในรายการมากมายเหลือเกิน บอกว่าอยากจะให้ทำเรื่องของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอีก โดยเฉพาะเรื่องของ กฟผ. แน่นอนที่สุดค่ะสัปดาห์นี้ความร้อนแรงเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีการชุมนุมคัดค้านกันที่หน้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือให้กับผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้ระงับการซื้อขายหุ้นของ กฟผ.นะคะ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลค่ะ
เมื่อวันที่ 13 คือเมื่อวานนี้ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้จัดเสวนาในเรื่อง “มุมมองขายการไฟฟ้าในตลาดหลักทรัพย์” โดยมีทั้ง สว. คณาจารย์และตัวแทนภาครัฐนั้นไปร่วมเสวนากันหลายท่าน มีประเด็นที่น่าสนใจออกมาจาก สว.อย่างอาจารย์แก้วสรรนั้น 7 ประการ วันนี้เราจะมาคุยกันโดยละเอียด ว่า 7 ประการที่อาจารย์แก้วสรรตั้งข้อสังเกตนั้น คนไทยควรจะตื่นขึ้นมารับรู้แล้วหรือยังนะคะ แล้วถามว่าวันนี้คนไทยตื่นมาช้าเกินไปหรือเปล่า เพราะวันนี้เราคงจะเรียกได้ว่าเป็นด่านสุดท้ายแล้ว ที่เราจะต่อสู้เพื่อที่จะเอาสมบัติของชาติกลับคืนมา
แน่นอนที่สุดค่ะเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เมื่อประมาณตี 5 นี่นะคะ ที่หน้า กฟผ.เองมีกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านการแปรรูปไปรวมตัวกันประมาณ 100 คน ปรากฏว่ามีตำรวจจากตำรวจนนทบุรี 100 นายนะคะมาปราบจลาจล เขาเรียกกันอย่างนั้น มีเหตุปะทะกันเกิดขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธ อาวุธอาจจะเป็นไม้หรือว่าอะไรดิฉันก็ไม่แน่ใจ ตีผู้ชุมนุมด้วยบาดเจ็บกันไปตามๆกัน ก็เรียกได้ว่าอาจจะประมาณซัก 20 คนได้ เจ็บกันไปก็เยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะผู้สูงอายุทั้งหลายที่ไปร่วมชุมนุมกัน 1 ในนั้นก็มีแขกรับเชิญของเราที่มานั่งอยู่ตรงนี้ด้วย อยู่ในเหตุการณ์เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมาด้วยค่ะ
และเมื่อช่วยสายที่ผ่านมาที่รัฐสภานะคะ ทางฝ่ายค้านเองก็เปิดเวทีสาธารณะถกเรื่อง “แปรรูปกิจการไฟฟ้า ประชาชนได้อะไร” โดยฝ่ายค้านนั้นออกมาสัญญาเลยว่าถ้าหากกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง พร้อมจะยกเลิกนโยบายขายชาติ แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ดิฉันไม่แน่ใจว่าวันนี้ช้าไปแล้วหรือยัง เอาล่ะค่ะ เราจะมาคุยกันว่าประเด็นต่างๆเหล่านี้ เราจะได้ฟังความเห็นจากแขกรับเชิญอย่างไรกันบ้าง 2 ท่านค่ะ ท่านแรกนะคะ อาจารย์แก้วสรร อติโพธิ สว.กทม. เป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางปฏิรูปรัฐวิสาหกิจพลังงาน วุฒิสภาค่ะ
แก้วสรร – สวัสดีครับ
จินดารัตน์ – ท่านต่อมานะคะ ที่ดิฉันเรียนท่านผู้ชมว่า อาจารย์ท่านนี้ไปอยู่ในเหตุการณ์การสลายม็อบเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมาด้วยค่ะ อาจารย์โพธิพงศ์ บรรลือวงศ์ อาจารย์พิเศษ ม.อัสสัมชัญค่ะ
โพธิพงศ์ – สวัสดีครับ
จินดารัตน์ – สวัสดีค่ะ อาจารย์คะ ดิฉันขออนุญาตทางอาจารย์แก้วสรร ขอคุยกับอาจารย์โพธิพงศ์ก่อนว่าเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา เหตุการณ์มันเกิดขึ้นได้ยังไงคะ ทำไมถึงมีการสลายม็อบกันขนาดนั้น
โพธิพงศ์ – เราเห็นเขาเคลื่อนไหวตั้งแต่ตี 4
จินดารัตน์ – ตำรวจมากี่นายนะคะ 100 นายถึงไหมคะ
โพธิพงศ์ – ถึงครับ
จินดารัตน์ – แล้วผู้ชุมนุมกี่คนคะ อาจารย์
โพธิพงศ์ – มี 100 กว่าคนครับ
จินดารัตน์ – จริงๆก็ปักหลักกันมาหลายวันแล้วใช่ไหมคะ
โพธิพงศ์ – เราเริ่มตั้งแต่ 25 ตุลาคมครับ
จินดารัตน์ – ก็อยู่ประจำกันที่หน้า กฟผ. ชุมนุมกันด้วยความสงบ
โพธิพงศ์ – ด้วยความสงบมาตลอดครับ
จินดารัตน์ – แล้วปกติมีตำรวจ มีหน่วยรักษาความปลอดภัยอะไรมาดูไหมคะ
โพธิพงศ์ – อย่าไปหวังกับบ้านเมืองนี้เรานั้น ไม่มีครับ
จินดารัตน์ – ไม่มี แต่บังเอิญเมื่อเช้ามืดตี 4 ตำรวจมา 100 นาย ตกใจไหมคะ อาจารย์
โพธิพงศ์ – ก็ไม่ตกใจ เพราะว่าเราเคยโดนเมื่อวันที่ 25 ขอเล่านิดนึง เมื่อวันที่ 25 นี่แทนที่เขาจะมารักษาความปลอดภัยเราตามสากลที่เขาทำกันนี่นะครับ เขาร่วมมือกับคนภายใน
จินดารัตน์ – กับคนใน กฟผ.
โพธิพงศ์ – ครับ เขาปิดไฟหมดเลยครับ แทนที่เขาจะเปิดเพื่อความปลอดภัยของพวกเรา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เป็นแม่บ้านนะครับ เป็นอาซ้อหรือใครก็แล้วแต่ที่มา เป็นอาจารย์อย่างผม เป็นคนที่เกษียณอายุแล้ว ส่วนใหญ่ก็อายุเฉลี่ย 60 ขึ้นไปนะครับ เป็นผู้หญิงเสียเป็นส่วนใหญ่มาค้างคืน ก็มีผู้ชายที่จะอยู่ด้วยซักไม่กี่คนที่คอยดูแลกัน เขาก็ปิดไฟหมดเลย เราก็รู้แล้วเขาปิดประตูตีแมวเราแน่ ก็ส่งสัญญาณกันโดยใช้กระบอกไฟฉายนะครับ ผมก็เคยผ่านพวกอย่างนี้มา เข้าใจว่าเวลาเขาบุกเขาทำกันอย่างไร เราก็บอกเลยว่าเดี๋ยวเขามาล้อมเราแน่ แล้วเขาจะสลายเรา เพราะฉะนั้นเราก็เลยบอกให้พวกผู้หญิงนี่ลุกขึ้นมาและก็นั่งสวดมนต์ภาวนากัน สวดกันซึ่งบางคนก็เป็นคริสเตียนนะครับ ผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาสวดอะไรกัน แต่เป็นสวดทางพุทธนะครับ ทั้งหมดก็นั่งลงสวดภาวนา แล้วผมก็มองไปที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ก็มีชายฉกรรจ์ 30 คนเดินออกมา มาข่มขู่คุกคาม มาทำร้ายร่างกายเรา มาทำลายทรัพย์สินของเรา
จินดารัตน์ – ทำร้ายร่างกายด้วย
โพธิพงศ์ – ใช่ ตัวผมเองนี่เขาพยายามจะตีศอกผม แต่ผมเบี่ยงหลบทัน แต่บางคนก็โดนเขาทำร้าย
จินดารัตน์ – ทั้งผู้หญิงด้วยหรือคะ
โพธิพงศ์ – ใช่ ทั้งผู้หญิงด้วยครับ มาพยายามจะอุ้ม มาพยายามที่จะผลักดันอะไรออกไป
จินดารัตน์ – แล้วเขาพูดจาลักษณะไหนคะ อาจารย์
โพธิพงศ์ – หยาบคายมากครับ หยาบคาย ข่มขู่ คุกคามและเหยียดหยามเรา แต่ว่าสิ่งที่เราตอบโต้ก็คืออหิงสาครับ ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตผมนะครับ ที่จะเจออหิงสาจากคนอายุ 60-70 นี่ ซึ่งไม่กลัวสิ่งเหล่านี้เลย นั่งลงสวดภาวนา พูดจาไพเราะมาก แล้วก็โดนข่มขู่คุกคาม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนี่อยู่ห่างออกไป 80 เมตรนี่ ปิดป้อมตำรวจแล้วหายไปหมด น่ารักมากสำหรับ สภอ.บางกรวย เขาก็พยายามทำอย่างนี้อยู่ 2 ชั่วโมง เราก็พยายามโทรตามนักข่าวนะครับ ให้มาดูให้มาช่วยเราว่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นแล้ว โดยผ่านทางสื่อของ 92.25 นะครับ
แล้วหลังจากนั้นตอนเช้าอีก 200 คนก็มาข่มขู่คุกคามผู้หญิงของเรา คือคุณแม่ของเราแหละ ผมอยากจะเรียกคุณแม่ เพราะเป็นรุ่นคุณแม่ผมทั้งนั้นนะครับ ถูกคุกคามตอน 9 โมงเช้าถึง 11 โมง ไล่ออกไปทำทุกอย่างที่จะทำ พวกคุณแม่ก็ได้แต่ภาวนา บางคนก็ร้องไห้ ถามว่าตำรวจสนใจไหม ไม่สนใจ ทำไมผมพูดอย่างนี้ เพราะว่าผมไปแจ้งความ จนกระทั่งวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ผมไปยื่นหนังสือที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 ครั้งแล้วก็ยังไม่คืบหน้า เพราะฉะนั้นผมไม่ได้คาดหวังอะไรจากตำรวจไทย พอมาเช้ามืดวันนี้เราก็เห็นผิดปกติแล้วนะครับ เราจำหน้าเขาได้เพราะเป็นคนๆเดียวกันของวันที่ 25
จินดารัตน์ – กลุ่มชายฉกรรจ์นี่หรือคะ
โพธิพงศ์ – ตำรวจยศพันตำรวจโท เป็นสารวัตรก็มาซุ่มๆมองๆเรา เราก็รู้แล้วว่าเอาอีกแล้วนะครับ เราก็บอกพวกเราว่าตื่นขึ้นมาแล้วก็นั่งลงสวดภาวนา เราก็ไปนั่งกันข้างหลังกันไม่ให้เขาสลายม็อบเรา เราก็เอารถมาป้องกันเพราะเรากลัวเขาจะเอารถดับเพลิงออกมาฉีดน้ำไล่ เราก็เอารถกระบะของพวกเรานี่กันพวกเราทั้งหมดนะครับ แล้วเราก็คิดว่าเรามาอย่างอหิงสา เราไม่มีอาวุธ และก็ไม่ต้องการตอบโต้ด้วย การด่าทอเราก็ไม่พยายามจะทำ แต่เจ้าหน้าที่นี่สลายเราด้วยความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารวัตรคนที่ผมว่านี่นะครับ ซึ่งผมถ่ายทำวิดีโอไว้หมด และก็มีหลายชุดวีดีโอไม่ได้มีผมคนเดียว ตำรวจนี่มีประมาณซัก 100 นายทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ ก็บุกเข้ามาสลายเราและก็ใช้ความรุนแรง
จินดารัตน์ – วิธีการทำยังไงคะ อาจารย์
โพธิพงศ์ – บุกเข้ามาบีบเรา เสร็จแล้วก็พยายามทำร้ายป้ายเรา การทำร้ายป้ายเรานี่ป้ายมันก็จะล้มไปทับคุณแม่ที่นั่งอยู่ข้างหลัง ก็ได้รับบาดเจ็บกัน เราก็บอกอย่าทำ เพราะแม่นั่งอยู่ข้างหลังอย่าทำ คือถ้าคุณดึงเลื่อนก็เลื่อนได้ใช่ไหม แต่ไม่กระโดดถีบโครมลงไปเลยนะครับ พอทำร้ายป้ายเราเสร็จก็ทำลายเครื่องเสียงเรา โดยการตัดสายเสียงเรา ดึงพยายามจะทำลายทุกอย่าง ผมบอกคุณทำอย่างนี้ไม่ได้ เรามาด้วยความสันติ เรามาด้วยความสงบ คุณจะใช้ความรุนแรงไม่ได้ผมก็พยายามพูดตลอดเวลา แล้วก็พยายามห้ามวัยรุ่นของเราซึ่งเลือดร้อน จะพยายามตอบโต้ ผมก็พยายามเข้าไปกันเขาแล้วก็บอกตำรวจว่า คุณตีเด็กไม่ได้นะ คุณตีพวกเราไม่ได้นะ อย่าทำนะ แล้วผมก็ถ่ายวีดีโอตลอดเวลาที่เราพูดและกันเขา
จินดารัตน์ – ตกลงเขาตีกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย เขาใช้อะไรตีคะ อาจารย์
โพธิพงศ์ – เขาใช้กระบองตีครับ คุณแม่บางคนนี่หัวแตก และก็บางคนก็โดนไม้หล่นทับขา ขาพลิกขาแพลงนะครับ เขาก็บอกว่าเขาเรียกรถพยาบาลมา ผมบอกว่านั่นคือการโกหก เพราะตลอดเวลาคนที่เรียกรถพยาบาลคือผมนะครับ ผมเรียกมา 3 คันนะเมื่อเช้านี้ที่มาเอาคนป่วยไป เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ให้ความปลอดภัยกับเรา
จินดารัตน์ – เขาใช้เวลาบุกเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุมนานแค่ไหนคะ
โพธิพงศ์ – 1 ชั่วโมง ตอนตี 4 ถึงตี 5 นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ว่าสลายเราไม่ได้ เรากันได้นะครับ เขาทำได้ก็แค่ป้ายและก็เครื่องเสียงเรา หลังจากนั้นเขาก็สลับกำลังกัน และก็มาบุกเราอีกทีตอน 7 โมงเช้า
จินดารัตน์ – อีกครั้ง อีกระลอกหนึ่ง ลักษณะเดียวกันเลยหรือคะ
โพธิพงศ์ – ลักษณะเดียวกันครับ แต่รุนแรงขึ้น
จินดารัตน์ – ตอนนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมรู้ตัวหรือยังคะ
โพธิพงศ์ – รู้ตัวแล้ว เรานั่งแต่สวดภาวนาอย่างเดียว พวกเรานั่งลงและก็สวดภาวนา
แก้วสรร – อาจารย์ไปขวางทางเข้าหรือเปล่า
จินดารัตน์ – นั่นสิคะ กำลังจะถามว่า เขาบอกว่าอ้างว่ากลุ่มผู้ชุมนุมนี่ไปขวางทางเข้าออกกของพนักงาน กฟผ.
โพธิพงศ์ – อันนี้เราขวางเขาจริง เราไม่ขยับให้เขา
จินดารัตน์ – คือหมายถึงว่าประตูมี 2 ด้าน กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ประตูด้านเดียว
โพธิพงศ์ – ประตูกลาง และเปิดทางริมไว้ให้เขาเข้าออก และเขาก็มีอีก 3 ประตูด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง
จินดารัตน์ – ซึ่งสามารถเข้าออกได้ ไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุม
โพธิพงศ์ – ไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุม
แก้วสรร – แต่กิจกรรมของเขาเขาไม่ได้มุ่งตรงขวาง เขามุ่งที่จะสลาย
โพธิพงศ์ – ครับ
แก้วสรร – มุ่งไปยังเครื่องเสียง มุ่งไปยังป้าย ไม่ได้มุ่งไปจุดทางเข้าทางออก ไม่ได้มุ่งตรงนั้นใช่ไหมครับ
โพธิพงศ์ – ถูกต้องครับ จากนั้นก็ต้องเรียนอาจารย์อย่างนี้นะครับ ก็ก่อนหน้านั้นซักประมาณ 3-4 วัน เขาก็ไปพังป้ายเราโดยที่เราไม่ได้วางเกะกะอะไรเขานะครับ และก็ขนพังป้ายเราเข้าไป เอาไปทิ้งแล้วก็ไปดึงป้ายอะไรต่างๆ อันนี้คือเจ้าหน้าที่ กฟผ.เพราะว่าเรารู้จักหน้าคนนี้ดี รู้จักชื่อ รู้จักนามสกุลนะครับ เพราะเรามีปัญหาเขามาตีเราหลายครั้ง เพราะฉะนั้นเราจำได้นะครับ นี่คือลักษณะที่เขาทำ
จินดารัตน์ – ตกลงครั้งนี้อาจารย์ไปแจ้งความหรือเปล่าคะ
โพธิพงศ์ – แจ้งทุกครั้งครับ เราแจ้งทุกครั้งที่เกิดเหตุ
จินดารัตน์ – มีคนบาดเจ็บทั้งหมดกี่คนคะเมื่อเช้านี้
โพธิพงศ์ – เมื่อเช้านี้มีอยู่ประมาณเกือบ 20 คนครับ
จินดารัตน์ – เกือบ 20 คน และส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ
โพธิพงศ์ – ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุประมาณ 70 อัพ
แก้วสรร – แล้วตอนบ่ายปะทะอีกทีเพราะอะไร
โพธิพงศ์ – ตอนบ่ายนี่นะครับ ปะทะเพราะว่าเมื่อตอนเช้านี่เขาผลักดันเราใช่ไหมครับ จนไปติดประตู พอติดประตูคนของเราก็วิ่งหนีเข้าไปในการไฟฟ้า เพื่อที่จะไปตรงบริเวณเจ้าพ่อ 7 กษัตริย์ซึ่งผมก็ไม่เคยเห็น
จินดารัตน์ – แล้วยังไงต่อคะตอนบ่าย
โพธิพงศ์ – ตอนเช้าก่อนนะครับเราเข้าไปที่นั่น แล้วเราก็ไปปักหลักนั่งภาวนากันอยู่ตรงบริเวณใกล้ๆเจ้าพ่อ 7 กษัตริย์ แล้วก็เขาก็ล้อมเรา ล้อมเราแล้วก็ปิดประตูหมดเลย ปิดประตูขังทุกคนที่อยู่ในนั้นไม่ว่าจะเป็นนักข่าวหรือใครก็ตาม
จินดารัตน์ – ห้ามใครเข้าและออก
โพธิพงศ์ – ห้ามใครเข้าและออก และปิดทุกประตูหมดเลย
จินดารัตน์ – มีนักข่าวมาพยายามจะเข้าไปทำข่าวก็เข้าไม่ได้
โพธิพงศ์ – เข้าไม่ได้
จินดารัตน์ – มีผู้ใหญ่บางท่านจะมาเจรจาให้ก็เข้าไม่ได้
โพธิพงศ์ – เข้าไม่ได้ครับ
แก้วสรร – ทำเพื่ออะไร
โพธิพงศ์ – ผมก็ไม่เข้าใจเขาครับ เขาก็พยายามที่จะ ผมไม่แน่ใจว่าเขาต้องการอะไรจริงๆ เราก็ไปถามว่าคุณทำอย่างนี้เพื่ออะไร มันไม่เกิดประโยชน์ แล้วคุณก็ไปละเมิดสิทธิของคนอื่นเขานะครับ
จินดารัตน์ – มีผู้ใหญ่ของ กฟผ.มาพูดคุย
โพธิพงศ์ – ผู้ใหญ่ของ กฟผ.เป็นคนบัญชาการในการทำเรื่องนี้ทั้งหมดครับ
จินดารัตน์ – ทำไมอาจารย์ถึงมั่นใจอย่างนั้นคะ
โพธิพงศ์ – เพราะผมจำหน้าพวกเขาได้
จินดารัตน์ – แล้วเห็นบอกว่ามีมือที่สามแฝงอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย
โพธิพงศ์ – ถูกต้องครับ อันนี้เป็นข้อโชคดีของเรานะครับ เขาก็มีไปจ้างวัยรุ่น 2 คนให้ตีตำรวจ แต่ขณะที่เขาตีตำรวจนี่นะครับ คนของเราก็อยู่ใกล้ตำรวจคนนั้น เราก็ยืนยันได้เลยว่าเรามีพยานบุคคล ว่าวัยรุ่นที่ตีนั้นไม่ใช่พวกเรา พวกเราไม่ตีผมยืนยันว่าพวกเราไม่ตีแต่เราถูกตี ถ้าเด็กของเรานี่นะครับพยายามที่จะตอบโต้นี่นะครับ ผมจะวิ่งเข้าขวางเลย ผมจะวิ่งเข้าขวางทุกครั้งแล้วบอกว่าไม่ลูกไม่ ไม่ตอบโต้ นี่คือสิ่งที่เราทำ ไม่มีการตอบโต้
จินดารัตน์ – อาจารย์บาดเจ็บไหมคะวันนี้
โพธิพงศ์ – ผมก็เจ็บบ้างแต่ไม่มากนะครับ เพราะว่าผมเข้าใจว่าเขาก็รู้ว่าผมมีหัวนอนปลายตีนน่ะ ต้องพูดอย่างนั้น ถ้ามีตีผมนี่ผมฟ้องหมอตัวล่ะ เพราะฉะนั้นพวกนั้นนี่เขารู้จักผมดี
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ วิดีโอที่อาจารย์ถ่ายไว้วันนี้ อาจารย์จะเอาไปใช้ประโยชน์ทำอะไร
โพธิพงศ์ – เราใช้เป็นพยานในชั้นศาลแน่นอนครับ
แก้วสรร – บ่ายนี้เขาบล็อกเสร็จแล้วเขาทำอะไรพวกอาจารย์
โพธิพงศ์ – เขาก็ไม่ทำอะไรนะครับ เขาก็บล็อกเฉยๆครับ
แก้วสรร – แล้วคืนนี้ยังอยู่กันหรือเปล่า
โพธิพงศ์ – คืนนี้เราออกมาแล้วครับ คืออย่างนี้ครับอาจารย์ พอเขาบล็อกเสร็จใช่ไหมครับ ทางผมนี่ก็ล่ารายชื่อคนที่ถูกบล็อกทั้งหมดเลยนะครับ ผมล่ารายชื่อที่ถูกบล็อกทั้งหมดนี่ ประมาณซักเกือบ 100 คน แล้วผมก็ให้ตัวแทนเขา 2 คนไปพบเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ ฟ้องพวกนี้ที่สำนักงานสหประชาชาติที่ กทม. ผมเข้าใจว่าเขาได้ข่าวเรานี่ ในที่สุดเขาก็ปล่อยเปิดประตูให้พวกเราออกนะครับ พอออกมานี่กลุ่มชุมนุมก็ยังพยายามที่จะอยู่ตรงบริเวณประตู แล้วก็พยายามขัดขืนเขา ยังอยากจะนั่งประท้วงกันต่อไป
ตอนนี้มันเป็นระหว่างสตรีกับสตรีนี่นะครับ ตำรวจเขาก็ไม่กล้าออกตัวที่จะตี เขาก็ไปจ้างสตรีพวกนี้ซึ่งอายุประมาณ 30 กว่านี่นะครับ เดินชักแถวเข้ามา พอผมเห็นปั๊บผมตะโกนเลยว่าอย่าสู้กับพวกเขานะ เขาจ้างคนมา บอกคุณแม่เลยว่านั่งลง ให้ทุกคนระวังเพราะเขาไปจ้างคนข้างนอกมาตีเรา แล้วตีจริงๆครับ พอออกมาเข้าแถวตำรวจเขาก็เห็น เขาก็เปิดทางให้นะครับ พวกผู้หญิงพวกนี้เข้าไปถึงก็ชกปากคุณแม่คนหนึ่ง ชกเลย ตบเปรี้ยง
แก้วสรร – อย่างนี้แล้วคืนนี้ยังอยู่กันหรือเปล่า
โพธิพงศ์ – ยังอยู่ครับ แต่ว่าเราออกมาอยู่ด้านข้าง แล้วเราไม่ขวางเขาในคืนนี้
แก้วสรร – อาจารย์ครับคำว่า “เรา” นี่ เรานี่คือใคร รวมตัวกันได้ยังไง
โพธิพงศ์ – พวกที่มารวมตัวนี่นะครับ ต้องเรียนอย่างนี้ครับว่าเป็นคนแบบผมอย่างนี้นะครับ เรารักบ้านเมือง เรารักประชาธิปไตย เรามีงานทำ เรามีฐานะนะครับ เราควักกระเป๋าเองครับเวลาเราจัดการประท้วงนี่นะครับ ค่าป้าย ค่าไม้อัด ทุกคนควักกระเป๋า มีมากให้มาก มีน้อยให้น้อยนะครับ เราทำกันอย่างนี้จริงๆ
จินดารัตน์ – กลุ่มนี้ก็คืออยู่กันมาตั้งแต่วันที่ 15 ตุลา
โพธิพงศ์ – จริงๆเราเกาะกลุ่มกันมา 7-8 เดือนนะครับที่จะตั้งกลุ่ม
จินดารัตน์ – ก็ยังเป็นกลุ่มเดิมๆ บุคคลเดิมๆที่อาจจะเกษียณอายุ
โพธิพงศ์ – ส่วนใหญ่เกษียณแล้วครับ
จินดารัตน์ – แล้วก็มีอาชีพหน้าที่การงานดีๆ ถามว่าอาจารย์เป็นอาจารย์อยู่ดีๆ ทำไมอาจารย์ถึงวันนึงคิดลุกขึ้นมา ไปเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านการแปรรูปกับเขา
โพธิพงศ์ – ผมมองอย่างนี้ครับ ผมต้องขอเรียนตรงไปตรงมาก็คือว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้วผมไม่ได้เลือกคุณทักษิณ ผมมองว่าคุณทักษิณเป็นคนที่เป็นผู้นำรัฐบาลไม่ได้ เพราะผมรู้ Background เขา Background การค้าของเขา เพราะฉะนั้นผมไม่เลือกเขา แล้วผมก็นั่งดู 4 ปีว่าเขาบริหารประเทศอย่างไร ผมก็เห็นว่ามันมีการทุจริตคอร์รัปชั่น
จินดารัตน์ – โดยที่อาจารย์ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร เป็นกลุ่มองค์กรใดๆทั้งสิ้น
โพธิพงศ์ – ยังไม่ได้ลุกขึ้นเคลื่อนไหวอะไร ยังเลยครับ คราวนี้มาก่อนเลือกตั้งนี่ การวิพากษ์วิจารณ์ในทีวีก็ดี วิทยุก็ดี ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลนี่มันค่อยๆหายไป ผมก็บอกว่าอย่างนี้มันไม่ถูกแล้ว บ้านเมืองถูกปกครองแบบนี้มันไม่ได้แล้ว มันกลับไปเป็นเผด็จการเหมือน 14 ตุลา เหมือน 6 ตุลา เหมือนพฤษภาทมิฬที่ผมผ่านมา เพราะฉะนั้นผมจึงตัดสินใจโดดเข้าไปร่วมกับกลุ่มนี้ เพราะต่อไปนี้นี่เราต้องสู้เพื่อเด็กรุ่นหลัง ในฐานะที่ผมเป็นอาจารย์สอนเด็กนี่ ผมรู้ว่าเด็กรุ่นนี้ไม่สู้ ไม่โทษเขา แต่ผมสอนเขามา 20 กว่าปีนะครับที่ผมสอนหนังสือมา ผมรู้แน่ว่าเด็กรุ่นนี้ไม่ออกมา ถ้าผู้ใหญ่อย่างเราไม่ออกมาเป็นผู้นำ และผู้ใหญ่อย่างเราไม่สู้เพื่อพวกเขา
จินดารัตน์ – อาจารย์เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่คะ
โพธิพงศ์ – ผมเริ่มตั้งแต่เดือนเมษานะครับ เมษาที่ผ่านมา เข้าร่วมกลุ่มนี้เข้าไปนั่งสัมมนากัน คุยกัน วางแนวทาง วางนโยบายที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตย เสร็จแล้วเราก็มาเห็นการขายการไฟฟ้าฝ่ายผลิตว่ามันไม่ชอบธรรม แล้วเราก็เห็นว่ามันเป็นโอกาสของคนที่มาฮุบการไฟฟ้าฝ่ายผลิต เหมือนกับฮุบ ปตท.นะครับ บังเอิญก็ได้ไปเรียนรู้กฎหมายของสหประชาชาตินะครับ ของยูเอ็นว่าด้วยเรื่องการขายรัฐวิสาหกิจ ก็เห็นว่าคุณทักษิณก็ทำผิดมาตลอดนี่ ทุกขั้นตอน
จินดารัตน์ – งั้นเดี๋ยวดิฉันจะมาถามอาจารย์ต่อว่า ผิดขั้นตอนตรงไหนอย่างไรนะคะ อาจารย์แก้วสรรคะ ดิฉันถามอาจารย์ในฐานะที่เป็น สว. วันนี้การสลายม็อบแบบนี้ ต้องบอกว่าเกิดอะไรในบ้านเมืองของเราคะ
แก้วสรร – คือมันต้องขอโทษทั้งอาจารย์และพี่น้องประชาชน ที่ฝ่ายการเมืองและใน สว.,ส.ส.ไม่ทำงานตามหลักการและขั้นตอน เรื่องแปรรูปรัฐวิสาหกิจอะไรก็แล้วแต่นะครับ บ้านเมืองอื่นนี่ถ้าเคารพหลักการและว่ากันโดยข้อมูลเป็นขั้นเป็นตอนนี่ ประชาชนไม่ต้องเดือดร้อนอย่างนี้ ต้องขอโทษ
จินดารัตน์ – ตรงไหนที่อาจารย์มองว่ามันเป็นข้อผิดพลาด ไม่เป็นขั้นเป็นตอนอย่างรุนแรงที่สุดคะ อาจารย์
แก้วสรร – คือผมเองในฐานะที่เป็น สว.นี่นะ เขาจะไม่ให้ลงอีกก็ช่างเขา แต่ผมก็รู้สึกตัวผมเป็นผู้แทน ก็ได้รวมกันกับเพื่อน สว.จำนวนหนึ่ง แล้วก็ตั้งกรรมาธิการศึกษาปัญหาในเรื่องปัญหาการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจไฟฟ้า เราก็รายงาน เราก็รับฟังจากสภาอุตสาหกรรม จากสภาที่ปรึกษา เอ็นจีโอ และก็ผลักดันเข้าที่ประชุม และก็รายงานต่อรัฐบาลไปแล้วว่า ที่ทำอย่างนี้มันผิด มันไม่ใช่การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจไฟฟ้า มันเป็นการขายของเก่า เราก็ทำหน้าที่ทุกอย่างตามที่เราคิดว่าเป็นครรลองที่วางไว้ แต่ก็ยังไม่สามารถจะทัดทานได้
เรื่องจริงเป็นอย่างนี้ คือจริงๆนี่นะครับ คำถามสำคัญที่ผมอยากจะถามคุณแอน ถามอาจารย์ และก็ถามท่านผู้ชมด้วย ถามว่าที่ทำอย่างนี้นี่ เอาเข้าตลาดหุ้นแบบนี้นี่ ถามว่าวิสาหกิจไฟฟ้าของประเทศจะดีขึ้นหรือเปล่า จะมีการลงทุนที่สมเหตุสมผลไหม ไม่ใช่บอกความต้องการเป็นเท่านี้ จริงไม่จริงก็ไม่รู้ แล้วเสร็จแล้วไม่จริง และเกิดการลงทุนที่เกินจริง ดอกเบี้ยก็จม พอดอกเบี้ยจมก็บอกว่าค่าเอฟที ก็ชาร์ตใส่ชาวบ้าน หรือบางทีความต้องการนี้เป็นจริง แทนที่จะไปเอาโรงไฟฟ้าเก่าๆมาทำเสียใหม่ ไม่ต้องไปลงทุนใหม่กลับไม่ยอม ชอบสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ อันนี้ก็ไม่ทำนะครับ
แล้วในต้นทุนพลังงาน ปตท.ขายแก๊สนี่มันแพงไปนี่ ผมไปซื้อน้ำมันเตาดีกว่า รัฐบาลก็ล็อกคอบอกคุณต้องซื้อ ปตท. ราคาก็แพงเกินจริงอีกนะครับ ปตท.ถามว่าลงทุนเป็นเรื่องเป็นราวไหม ทำไมคุณไปลงทุนกับยาดานา และซื้อแก๊สแพงกว่าอ่าวไทยตั้งเยอะ แล้วเอามาถัวกับอ่าวไทย พอค่าพลังงานในโลกขึ้น ค่าแก๊สในอ่าวไทยก็ขึ้นตาม พอขึ้นตามคุณก็ชาร์ตค่าโรงกลั่นเพิ่มและคิดค่าท่อเพิ่ม ไม่มีใครยอมรับภาระเพื่อประชาชนเลย เพราะฉะนั้นทั้งการลงทุนที่สมเหตุผลก็ไม่มี
การคิดราคาก็ไร้เหตุผล ค่าไฟฟ้าทุกวันนี้ต่อให้ไม่แปรรูปนะครับ พวกผมศึกษาดูแล้วลดได้ 1. พลังงานต้นน้ำตอนนี้นี่คือแก๊ส แก๊สธรรมชาติตอนนี้นี่ทั้งไอทีพี ทั้งกฟผ.ถูกล็อกคอให้ใช้แก๊ส ปตท. และ ปตท.ก็ขึ้นราคาตามใจชอบไม่มีการตรวจสอบ และกำไรก็โดดไม่รู้ตั้งกี่ 100% มีใครแก้บ้าง และโรงไฟฟ้าที่เราลงทุนไว้ในภาครัฐ เราก็มาบอกให้หยุดทำ ให้พวกเอกชนมาลงทุนทำโรงไฟฟ้าแล้วไปซื้อเขานะ ถ้าไม่พอค่อยมารันเครื่องของตัวเอง เพราะฉะนั้นทุนบ้านทุนเมืองที่ลงแล้วนี่ ก็ถูกเอกชนมาแบ่งไปแล้ว ถ้าไม่ซื้อเขาก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้เขา
และลำพังที่เป็นอยู่ไม่ต้องพูดถึงการเข้าตลาดหลักทรัพย์นะ มันก็มีอะไรต้องแก้เยอะแยะ คำถามที่กรรมาธิการถาม ประชาชนก็น่าจะถามนะเพราะว่าบ้านเมืองนี้มีประชาชนอยู่นะ ในการทำอย่างนี้นี่มันทำให้การลงทุนสมเหตุผลขึ้นไหม ราคามันสมเหตุผลลดลงหรือเปล่า เคยถามกันไหม ยกตัวอย่าง ทราบไหมว่าแผนการผลิตไฟฟ้าคราวหน้านี่ ที่วางไว้นี่ สหวิทยาไปสร้างโรงเหล็ก เราได้ลงทุนบริษัท กฟผ.ต้องลงทุนไปสร้างโรงไฟฟ้าให้สหวิทยา ทำไมไม่ให้เขาลงทุนเอง ทำไมต้องมาแบกรับอันนี้ เพราะฉะนั้นนี่การวางแผนการลงทุนและการคิดราคานี่ ตรงนี้ขาดการตรวจสอบมาโดยตลอด
จินดารัตน์ – อันนี้เป็นเหตุผลหนึ่งหรือเปล่าคะ ที่อาจารย์มองว่ารัฐก็เลยต้องรวบรัด
แก้วสรร – เดี๋ยว ใจเย็นๆ เพราะฉะนั้นนี่พวกผมที่อยู่ในวุฒิสภานี่ รวมทั้งเอ็นจีโอนี่ เราไม่ใช่พวกบ้าค้านรัฐนะ ถ้าคุณสามารถแก้ปัญหานี้ได้ผมเอาด้วย ปัญหาที่ต้องถามก็คือว่าที่รัฐบาลทำอย่างนี้ มันเป็นการปฏิรูปไฟฟ้าหรือเปล่า คำตอบที่เราได้ก็คือไม่ใช่ การปฏิรูปที่มันเป็นขั้นเป็นตอนที่ถูกต้องนี่นะครับ มันมีทางแยก 2 ทาง 1. ลงทุนแล้วแข่งกันผลิต แล้วประกวดราคาแข่ง แล้วการไฟฟ้านครหลวงก็ดูว่าจะซื้อใคร ว่าใครให้เท่าไหร่ๆ รัฐจะเป็นผู้ให้อนุญาตเท่านั้น ซึ่งระบบอันนี้มันเจ๊งไปในหลายประเทศ แล้วก็ประชาธิปัตย์เคยเสนอไว้ก็ไม่มีใครเอาแล้ว เพราะฉะนั้นเส้นทางการแข่งขันเป็นสเกลนี่มันไปไม่ได้หรอก แต่ที่เป็นอยู่นี่มันก็ไม่ถูก
จินดารัตน์ – และที่ถูกมันควรเป็นอย่างไรคะ อาจารย์
แก้วสรร – แล้วจะปฏิรูปยังไง เราไม่พูดถึงแปรรูปแล้วนะ ถ้าจะปฏิรูปยังไงนี่ เท่าที่ผมศึกษาและก็ฟังจากสภาที่ปรึกษา ฟังจากสภาอุตสาหกรรม ฟังจาก ดร.วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์นี่ และก็ไปศึกษาจากเอกสารระดับสากลนี่ การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจไฟฟ้ามันจะเป็น Step อย่างนี้ ข้อแรกมันต้องสร้างกรรมการที่กำกับดูแล
จินดารัตน์ – ที่เขาเรียกองค์กรอิสระ กรรมการอิสระนี่หรือคะ อาจารย์
แก้วสรร – ครับ เหมือนอย่าง กทช. ซึ่งเป็นกรรมการที่ไม่ขึ้นกับนโยบาย ครม.นะ มีกฎหมายพิง กรรมการนี้เขาก็บอกว่าโอเค คุณเป็นฝ่ายผลิตนะ โรงไฟฟ้าใช่ไหม ต้นทุนเชื้อเพลิงมาเท่านี้ ค่าดำเนินการเท่านี้ ดอกเบี้ยเท่านี้ กำไรให้เท่านี้ ถ้าคุณลดต้นทุนพลังงานได้คุณเอากำไรไป แล้วเสร็จแล้วคุณแอนเป็นผู้ซื้อไฟฟ้าจากโรงโน้นโรงนี้มาใส่สายส่ง เพื่อเอาไปใช้นี่ต้นทุนคุณเท่าไหร่ ผมให้คุณเท่านี้ ถ้าคุณแน่จริงลดต้นทุนได้ คุณเอากำไรไป อันที่ 3 ผมเป็นผู้ซื้อไฟฟ้าจากคนอื่นมา คำนวณต้นทุน ค่าการตลาด และผมก็ไปขายให้ กฟน. กฟภ.อันนี้เขาเรียกว่าผู้จำหน่ายเป็นระบบ รวมไฟฟ้ามาขายคนเดียว ตรงนี้คุณเอาเท่าไหร่ คุณควรได้เท่าไหร่
แล้วพอมีความต้องการไฟฟ้าใหม่ก็บอกอย่าเพิ่งสร้างดรงไฟฟ้าใหม่นะ เอาโรงนี้ไป Re-power ผู้บริโภคจะดีกว่า ผมว่าคุมอันนี้ด้วย คือผมบอกว่าสหวิทยาโผล่แล้วนี่ไม่เซฟ คุณสร้างของคุณเอง แล้วถ้าล้มเท่าไหร่คุณเอาเข้ามาผมจะซื้อให้ หรือบอกตรงนี้นี่ให้ใช้พลังงานแสงแดด พลังงานหมุนเวียน แล้วเอารายได้ส่วนนี้มาทับที่นี่ตรงนี้ คนที่เป็น regulator เป็นผู้ควบคุมทั้งหมดนี่มันต้องมี นี่คืออันแรกที่ต้องสร้าง ซึ่งปัจจุบันไม่มี นี่คือ Step 1 นะ ต่อให้ไม่แปรรูปนะเราก็ต้องสร้างอันนี้ ไม่ใช่ให้ กฟผ.บอกว่าผมควรจะขายราคาเท่าไหร่ ผมต้องสร้างโรงนั้นโรงนี้ แล้วให้รัฐมนตรีมาบอกอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ใช่ ต่อให้ไม่เข้าบริษัทนะ เราต้องสร้างอันนี้ เพราะมันจะแก้ปัญหาได้เยอะ
จินดารัตน์ – แสดงว่า Step 1 ของอาจารย์นี่ เราไม่เกิดเลยแม้แต่นิดเดียว
แก้วสรร – ถ้ากรรมการนี้มีนะ ถามว่า ปตท.หรือรัฐบาล คุณ Edit กฟผ.ให้ซื้อแก๊ส ปตท.ในราคานี้ได้ยังไง ในเมื่อถ่านหินถูกกว่า น้ำมันเตาถูกกว่า คุณทำได้ยังไง เพราะฉะนั้นตัวศาสตร์เบื้องต้นคือพลังงานตรงนั้น คือแก๊สธรรมชาติ ซึ่งวันนี้เข้าตลาดหุ้นไปเต็มตัวแล้ว และไม่เคยรับความเสี่ยงอะไรเลย ขายได้เท่าไหร่ก็โยนใส่ กฟผ.หมด กฟผ.ก็มาชาร์ตใส่ผู้บริโภค ประเด็นนี้ก็ไม่ได้แก้ ข้อที่ 1 เราต้องมีกรรมการที่เป็นอิสระ สามารถจะวางโครงสร้างตั้งแต่ผู้ลงทุน ทั้งต่ออนาคตและความประหยัดสิ่งแวดล้อม เราไม่มีนี่ข้อที่ 1 เพราะฉะนั้นบ้านอื่นเมืองอื่นนี่ ประเด็นแรกก่อนที่เขาจะปฏิรูปไฟฟ้า เขาต้องสร้างตัวนี้
จินดารัตน์ – เรียกว่าปรับโครงสร้างก่อนถูกไหมคะ ตั้งคณะกรรมการอิสระกำกับดูแล
แก้วสรร – คือ 1. อย่าให้ผู้ผลิตมาคุมนโยบาย และพูดง่ายๆอย่าให้การเมืองมาจุ้นในสิ่งที่ไม่ใช่ทางของคุณ หลังจากนั้นนี่พอเขาปรับโครงสร้างเสร็จ เขาค่อยมาดูว่ามันใหญ่เกินไปหรือเปล่า อันนี้เขาเรียกว่าปรับโครงสร้างรัฐวิสาหกิจ เขาเรียกโครงสร้างการจัดการนะ กฟผ.นี่ 1. ตอนนี้เขาคุมการผลิตไฟฟ้าร้อยละ 50 ทั้งพลังน้ำและโรงไฟฟ้า อันที่ 2 เขาคุมสายส่ง เขาเอาไฟฟ้าไปส่ง และเขาก็คุมอีกตัวหนึ่งเขาคุมการตลาด เขาซื้อตรงนั้นถูกตรงนี้แพง แล้วเขาเอามาผมขายการไฟฟ้านครหลวงเท่านี้ ภูมิภาคเท่านี้ ซึ่งตรงนี้ถ้ามีกรรมการ Regulator ตัวใหญ่ มันก็จะมาบอกว่าไม่ได้ คิดไม่ถูกนะ แต่พอเราจะไปคุมมันนี่ตัวมันใหญ่ไป
เพราะฉะนั้น Step ที่ 2 ของการปฏิรูปวิสาหกิจไฟฟ้านี่ เขาจะแยกเป็นส่วนพื้นฐาน ส่วนพื้นฐานคือส่วนที่มันค่อยๆลงทุนต่อเนื่อง ผลกำไรก็น้อย ก็คือพวกเขื่อน พวกสายส่ง พวกนี้นี่จะต้องไปใช้อำนาจศาลแล้ว ว่าให้ออกไปจะเอาที่มาสร้างเขื่อน ที่ของคุณผมจะสร้างสายไฟฟ้าแรงสูงผ่านที่ของคุณ ห้ามสร้างอันนี้นะ เอาตังค์ไป 15% และเสร็จแล้วก็ยังคุมอีก บอกเกษตรอย่าเพิ่งจะเอาไฟฟ้าก่อน เป็นผู้จัดสรรทรัพยากรอีก ในส่วนนี้เขาเรียกว่าไฟฟ้าพื้นฐาน ส่วนนี้มันควรจะ Stand Alone ถ้าสมมุติว่าคุณจะแบ่งนะ มันจะไปคิดร่วมกับเป็นกำไรขาดทุนเหมือนกับโรงปั่นไฟไม่ได้
จินดารัตน์ – แยกออกไปเลย
แก้วสรร – เพราะฉะนั้นโดยหลักกรรมาธิการก็ดี สากลโลกเรานะ ไฟฟ้าพื้นฐานเขารวมเป็น 1 ก้อน ทั้งสายส่ง พลังน้ำและก็ตัวกลางจำหน่าย จากนั้นมันก็ได้เป็นตัวโรงไฟฟ้าบางปะกง ราชบุรีอะไรต่างๆ พวกนี้เป็นพวกปั่น เขาต้องแยกออกจากกัน เราจะได้คำนวณได้ว่าค่าปั่นเท่าไหร่ ค่าส่งเท่าไหร่ พลังน้ำเท่าไหร่ แล้วเราก็จะล็อกได้นะครับ มันต้องทำอย่างนี้
จินดารัตน์ – อันนี้ก็ไม่เกิดเหมือนกัน
แก้วสรร – ซึ่งตรงนี้นี่ถ้าแบ่งถูกนะ กรรมาธิการวุฒิสภาเสนอนี่ ทุกคนเห็นพ้องหมดแหละครับ ว่าส่วนที่จะเอาไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นี่ (ถ้ามันยังเป็นนะ) มันต้องเป็นเฉพาะพวกโรงปั่น ไฟฟ้าพื้นฐานที่มันต้องเป็นรัฐวิสาหกิจโดยกฎหมายนะครับ พวกนี้มันเป็นอำนาจรัฐ เพราะถ้าใครยึดสายส่งได้นะ และยึดหน้าที่ทางการตลาดได้นี่ และไม่ต้องรับผิดชอบอะไรดูกำไรอย่างเดียว มีกำไรอย่างเดียว ฉิบหาย
จินดารัตน์ – ผูกขาดเบ็ดเสร็จ
แก้วสรร – และที่สำคัญก็คือ ถ้าเอาตัวผลิตไฟฟ้าด้วย ส่งไฟฟ้าด้วย จำหน่ายด้วย พวกนี้ถ้ายังเป็นอย่าง กฟผ.ปัจจุบันนี่ แล้วเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์นะ ไม่เคยมีประเทศไหนนะครับนอกจากรัฐๆหนึ่งในอินเดีย ถ้าผมจำไม่ผิดคืออัสสัม ที่เอาไฟฟ้าทั้งยวงไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ เขาจะเอาเฉพาะส่วนที่มันต้องการการระดมทุน และก็ไม่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ เขาจะเอาส่วนนี้เข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่ส่วนที่เป็นพื้นฐานนี่เขาไม่เอาเข้า
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ ถ้าวันนี้ไปแปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์ทั้งยวงแบบนี้แล้ว จะมีโอกาสมีปรับโครงสร้างกันใหม่หรือแยกส่วนไหมคะ
แก้วสรร – คืออย่างนี้ครับ เราถามถึงปัจจุบันก่อนว่าอะไรจะเกิดขึ้น คือในการเอา 1. ตัว Regulator ที่จะดูแลความเป็นธรรม ตั้งแต่ผู้ลงทุนและผู้บริโภคก็ไม่มี ต่อสิ่งแวดล้อมก็ไม่มี อันที่ 2 สเกลหรือขนาดของตัวที่เอาเข้าตลาดนี่ก็ไม่ทำให้มันเล็ก รัฐบาลเอาส่วนพื้นฐานเข้าไปด้วย อันที่ 3 พอเข้าตลาดหลักทรัพย์นี่ ความหมายมันคืออะไร มันไร้สาระมากผมขอใช้คำนี้ ที่บอกว่ารัฐยังถือหุ้นอยู่ 75% เหมือน ปตท.จำได้ไหม ขอโทษ พอคุณเข้าตลาดหลักทรัพย์นี่ รัฐบาลจะเปลี่ยนจากฐานะผู้ดูแลประชาชน กลายเป็นเพียงผู้ถือหุ้น
คุณมีสิทธิถือหุ้น 75% นี่ คุณจะมาบอกไฟฟ้าอย่าขึ้นนะ เดี๋ยวชาวบ้านด่า ที่ถือหุ้นข้างน้อย 25% เขาบอกทำอย่างนี้ได้ยังไง ตัวอย่างอันนี้ชัด ในสมัยที่ไฟฟ้าหรือพลังงานเขยิบขึ้นสูงหมด ไฟฟ้าก็จะขึ้น คุณศิริชัย ไม้งามบอกว่า ช่วยบอก ปตท.เถอะตรึงราคาแก๊สไว้หน่อย อย่าโยนแต่ กฟผ. ประชาชนจะตาย ท่านนายกฯทักษิณ ชินวัตรให้สัมภาษณ์ บอกว่าความคิดอย่างนี้จะทำให้ราคาหุ้น ปตท.ตก หยุดพูด
อันนี้ต่อให้รัฐถือหุ้น 99% แต่เวลาเข้าตลาดหลักทรัพย์มันเข้า 100 นะ แต่ขายแค่ 1% เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์นี่ หน้าที่ของวิสาหกิจที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ก็คือ หากำไรให้กับผู้ถือหุ้น เพราะฉะนั้นเปอร์เซ็นต์กี่เปอร์เซ็นต์นี่ไร้ความหมาย เพราะฉะนั้นทางเลือกของสังคมไทยในขณะนี้ มันไม่ใช่เรื่องว่าใครได้หุ้นบ้าง เราเสียเอกราชหรือเปล่า นายทุนไทยกับนายทุนต่างชาติมันก็เหมือนกัน มันก็เอากำไรเหมือนกัน หรือแบ่งให้ผู้ใช้ไฟถือหุ้นไหม เราก็ต้องการกำไรเหมือนกัน มันไร้สาระมาก คุณจะไปถามว่าคอร์รัปชั่นหรือเปล่า เสียเอกราชไหม
ประเด็นรากฐานที่สุดก็คือ เราจะยอมให้ไฟฟ้านี่เป็นกิจการหากำไรหรือเปล่า ใครจะได้อย่าเพิ่งพูด ถ้าเราบอกต่างชาติได้ขอได้บ้าง นายทุนได้ขอได้บ้าง แต่จริงๆสิ่งที่พวกคุณเหมือนกันก็คือ ต่อไปนี้การไฟฟ้าต้องหากำไร ทีนี้เราเพียงแต่ขอความเสมอภาคในการข่มขืนประเทศ ในการแก่งแย่งเลือดเนื้อของประเทศและลูกหลาน ประเด็นอยู่ตรงนี้ การไฟฟ้าปัจจุบัน วิสาหกิจไฟฟ้าปัจจุบัน ไม่ว่ามันจะดีจะชั่วยังไงนี่ มันไม่ได้ทำเพื่อหากำไร กำไรของมันตอนนี้นี่อย่างเก่งมันก็ขึ้นถึง 6% แล้วเงินเข้าหลวง แต่เมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์คราวนี้ เข้าทั้งยวงนะ ในหนังสือเชิญชวนนี่พูดชัดเจนว่า ต่อไปนี้การคิดค่าไฟฟ้าจะต้องเอาปัจจัยนี้ไปคิดด้วย ก็คือปัจจัยคือผลประโยชน์ต่อการลงทุน 8.3% อย่างน้อยนะ
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ อย่างนี้ถ้าฟังอาจารย์บอกแล้ว ผลกำไรที่เกิดขึ้นแน่นอนที่สุด คนที่ใช้ไฟทั่วๆไป ประชาชนทั่วๆไปไม่ว่าจะได้หุ้นหรือไม่ได้หุ้นนี่นะคะอาจารย์ เป็นห่วงว่าค่าไฟมันจะขึ้นแน่หรือเปล่า ตกลงขึ้นแน่ๆเลยใช่ไหมครับ อาจารย์
แก้วสรร – คือโดยระบบโครงสร้างที่เข้าไปทั้งยวง แล้วก็มีหน้าที่หากำไรให้แก่ตลาดหุ้น แล้วก็ห้ามเอาเหตุผลสาธารณะมาแทรกแซงนี่ คุณว่ามันขึ้นไหมล่ะ
จินดารัตน์ – ชัดเจนค่ะ อาจารย์
แก้วสรร – ชัวร์ แล้วมันมาที่มาตกปลักกันที่ไปเขียนว่าต่างชาติได้ นายทุนได้ ให้ชาวบ้านได้ ชาวบ้านเท่าไหร่ 25% แล้วกินเนื้อตัวเอง แต่ถ้าเรายืนไว้ว่าไม่ต้องหากำไรนะ เดือนทั้งเดือนเราไม่ต้องไปเสียเงินซื้อหุ้นมันด้วยซ้ำไป เราก็สามารถที่จะทำให้การลงทุนและค่าไฟมันมีเหตุมีผลได้ ทำไมไม่เดินหน้าไปทางนั้น เพราะฉะนั้นคำตอบที่คุณทำผมเรื่องแปรรูป กฟผ. คราวนี้ ถ้ารัฐบาลดำเนินการ Step 1 สร้าง regulator ที่เชื่อถือได้ อันที่ 2 ซอยรัฐวิสาหกิจไฟฟ้า รักษาส่วนพื้นฐานไว้ แล้วก็เอาส่วนโรงปั่นไฟนี่ไประดมทุนในตลาดหุ้น กรรมาธิการวุฒิสภาจะไม่ค้านเลย
จินดารัตน์ – แต่คำถามก็คือถ้าปัจจุบันรัฐยังทำอย่างนั้นได้อยู่หรือคะ ถ้า ณ เวลานี้ค่ะ อาจารย์
แก้วสรร – เสียงข้างมากเขาทำอยู่แล้ว แต่สิ่งที่อาจารย์เขาสู้นี่ เขาตอบให้ได้ว่าสู้ทำไม แล้วเราต้องอธิบายเหตุผลให้ชัดว่า เราไม่สู้กับการคอร์รัปชั่น เราไม่ได้สู้กับการได้เปรียบเสียเปรียบในการกินเนื้อประเทศชาติ เราได้ยืนชัดว่าเราไม่เห็นด้วยที่กิจการไฟฟ้าจะเป็นกิจการหากำไร
จินดารัตน์ – ตกลงกลุ่มม็อบคิดอย่างที่อาจารย์แก้วสรรคิดหรือเปล่าคะ
โพธิพงศ์ – เราคิดว่าไม่ควรจะแปร ควรจะเป็นของรัฐอยู่เหมือนเดิม
จินดารัตน์ – เราตอบคำถามตัวเองได้ใช่ไหมคะว่าสู้เพื่ออะไร
โพธิพงศ์ – สู้เพื่อไม่ให้มีการแปรครับ ไม่ยอมรับการแปร
แก้วสรร – พูดตรงๆนะ ที่ปรึกษาของ กฟผ.เขาบอกว่า การเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ทั้งยวงนี่นะ จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จนี่นะ จะต้องมีการแตกตัวห้ามเอาเข้าทั้งยวง และที่สำคัญต้องมี regulator ก่อน ซึ่งอันนี้นี่รัฐบาลก็ไม่ทำตามที่ปรึกษาแนะ แล้วตอนนี้บรรดานักลงทุนต่างชาตินี่เขาก็ไม่กล้าซื้อนะ เพราะเขารู้ว่าโดยธรรมชาตินี่ ประชาชนมันต้องโวย และเสร็จแล้วก็มีการเข้ามาแทรกแซงการคิดค่าไฟฟ้าโดยมติ ครม. คุณปิยสวัสดิ์ อมระนันทร์ซึ่งก็เป็นมือโปรทางนี้ เขาก็เห็นด้วยกับการแปรรูปนะ แต่เขาบอกว่าทำไมไม่เดินจาก 1,2,3 ทำไมทำ 3 เอาเข้าทั้งยวงก่อน
จินดารัตน์ – เดี๋ยวจะทำ 1 เดี๋ยวจะทำ 2
แก้วสรร – แล้วเดี๋ยวค่อยตั้งกรรมการกำกับดูแล แล้วถ้าใหญ่ไปก็ทอนให้มันเล็กลง อาจารย์ก็ดี คุณแอนก็ดีเคยถามหรือเปล่า ว่ารัฐบาลทั้งที่รู้อย่างนี้ แล้วผู้ลงทุนต่างชาตินี่เราอย่านึกว่าเขาเป็นพวกงกเงินนะครับ เขาก็ถามบอกคุณเซ็ตเรียบร้อยหรือยัง ตอบเขาไม่ได้ เคยสงสัยไหมทำไมรัฐบาลทำ
จินดารัตน์ – นี่ไงคะ อาจารย์ กำลังจะถามว่าทำไมรัฐบาลถึงไปที่ 3 เลยไม่ทำ 1,2 ก่อน
แก้วสรร – เคยถามไหม
จินดารัตน์ – ดิฉันเคยถามค่ะ อาจารย์ แต่ไม่รัฐบาลคนไหนตอบดิฉันได้เหมือนกัน
แก้วสรร – แล้วเขาตอบยังไง
จินดารัตน์ – เขาตอบเพียงแต่ว่าวันนี้ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะต้องแปรรูปเพื่อการบริการที่ดีขึ้น เพื่อประสิทธิภาพในการส่งจ่ายไฟฟ้า หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่มีคำตอบว่าทำไมไม่ทำตาม Step ที่วาง
แก้วสรร – สรุปก่อนนะ คือการจะเป็นบริษัทนี่ รัฐบาลมีอำนาจผูกขาดและไม่มีคนคุม และมีหน้าที่หากำไรให้แก่ผู้ถือหุ้นน่ะ มันจะดีขึ้นได้ไง
จินดารัตน์ – ตกลงอาจารย์ได้คำตอบจากรัฐบาลเหมือนที่ดิฉันได้หรือเปล่าคะ
แก้วสรร – 1. ผมไม่เห็นด้วยกับตรรกะที่รัฐบาลพูด อันที่ 2 ผมยืนยันว่ารัฐบาลก็รู้ว่าสากลโลกที่เขาทำให้ถูก และไฟฟ้าดีขึ้นเขาทำอย่างไร ทำไมเขาไม่ทำ
จินดารัตน์ – ดิฉันได้ฟัง 1 ใน 7 วาระที่อาจารย์พูดถึงก็คือ เรื่องของการแอบนำหุ้นไปจำหน่ายให้กองทุนวายุภักษ์ ร้อยละ 20 จาก 75% เพื่อที่จะเอาเงินที่ได้มาใช้เป็นงบกลางประจำปี 48 จริงๆเวลาใกล้หมดแล้ว ดิฉันขอสรุปสั้นๆหน่อยได้ไหมคะ เอาอย่างนี้ค่ะ อาจารย์ ดิฉันเบรกก่อนก็ได้ แล้วช่วงหน้ากลับมาอาจารย์ตอบคำถามนี้นะคะ พักกันซักครู่ก่อนค่ะ
**********************************************************
จินดารัตน์ – กลับมาช่วงสุดท้ายรายการคนในข่าวค่ะ เสียดายจริงๆนะคะวันนี้เวลาของเรานั้นเดินเร็วกว่าปกติมากเหลือเกิน เหลือเวลาอีกแค่ 8 นาที ดิฉันจะพยายามรวบรัดประเด็นตรงนี้ อาจารย์คะ เรื่องของกองทุนวายุภักษ์ ที่จะเอาเงินที่ได้จากการขายไปใส่ในงบกลาง
แก้วสรร – ผมใช้คำว่าผมได้ล่องลอยอย่างนี้ กรรมาธิการเศรษฐกิจการคลังวุฒิสภา ช่วงยังไม่เผยตัวนี่เขาเล่าให้ผมฟัง และผมก็เช็คกับลูกศิษย์ผมในกระทรวงการคลังได้ข้อมูลตรงกัน ว่าหุ้น ปตท.ที่อ้างว่าปล่อยไป 25 แล้วถือ 75 นี่ ในที่สุดแล้วตอนนี้เหลือ 51 อีก 24% กระทรวงการคลังได้เอาไปขายฝากกับกองทุนวายุภักษ์ มีใครเคยถามบ้างกองทุนวายุภักษ์ที่ว่า 7 แสนล้านนี่เอาไปใช้อะไร คำตอบก็คือเอามาในภาครัฐ แล้วก็เอาหุ้นไปขายฝากไว้ วันนี้เหลือ 51% หรือเปล่าผมยังไม่รู้
หุ้น กฟผ.ก็เหมือนกันต่อให้เขาบอกคุณว่าเหลือ 99% อีก 2 อาทิตย์เขาก็มีวายุภักษ์ 2 แล้วไปขายฝากเอาเงินมาอีกก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าอันนี้เป็นจริง ถ้านะครับท่านผู้ฟัง แต่ผมเช็คกับแหล่งข่าวผมใช่ และผมถามว่าข่าวเจาะบีบีซียืนยันว่าจริง ความหมายของความเป็นจริงก็คือว่า นี่คือการแปรสินทรัพย์เป็นทุน เอาสินทรัพย์ของประเทศชาติปู่ย่าตายาย แปรไป 25% เข้าตลาด แล้วมันก็มี value เขาก็เลยเอาไปขายฝาก เพราะรัฐบาลต้องการจะแปรเป็นเงินเอาไปใช้ในงบประมาณ
แล้วแหล่งข่าวของผมที่ผมได้มาก็คือว่า วายุภักษ์ที่เอาหุ้น ปตท.ไปขายฝากกับวายุภักษ์นี่เงินไปไหน คำตอบก็คือที่ผมได้รับคำอธิบายนะ ท่านรัฐมนตรี ท่านนายกฯและทีมไทยรักไทยที่ฟังอยู่ตรงนี้ อย่าเพิ่งโกรธผม ท่านไปเจาะไปดูบัญชีวายุภักษ์เดี๋ยวนี้ และไปดูงบประมาณแผ่นดินที่เข้ากลางปี อ้างว่ามีเงินได้ผิดคาดหมาย ตั้งงบกลาง 5 หมื่นล้านนี่ เงินก้อนนี้คือเงินจากการที่เอาหุ้น ปตท. 24% ไปขายฝากกับวายุภักษ์ แล้วเอามาใช้อย่างมีรีเทิร์นไหม
จินดารัตน์ – มันสอดคล้องค่ะ อาจารย์
แก้วสรร – ผมว่าแหล่งข่าวอย่างนี้ ทั้ง ส.ส.,สว. ข่าวเจาะเศรษฐกิจ อยู่พรรคไหนก็ช่าง เจาะมาให้ผมซิ แล้วให้พี่น้องประชาชนรู้ซิ ว่าตอนนี้นี่แท้จริงเบื้องหลังของการแปรรูป กฟผ.คราวนี้ ก็คือการแปรสินทรัพย์ของประเทศชาติเข้าตลาดทุนของโลก เพื่อจะ cash เอาเงินมาใช้ในงบประมาณแผ่นดิน หรือเอาไปใช้ในเมกกะโปรเจกต์ใช่หรือไม่ อันนี้คือเหตุผลถ้ามันเป็นจริงนะครับ ที่ว่าทำไมเขาถึงไม่สนใจกับไฟฟ้าว่าจะเป็นยังไง นี่คือปัญหาเศรษฐกิจการคลังของประเทศ
และอีกข้อหนึ่งข่าวเจาะทั้งหลาย ส.ส.,สว.ทั้งหลายไปเจาะดูเดี๋ยวนี้ ว่ารายงานดุลเงินสดในมือ ทุก 3 เดือนซิรายงานน่ะ เดิมทีมันอยู่ประมาณเกือบแสนหรือลงมาไม่เท่าไหร่ เราเห็นว่าขณะนี้ลงมาเหลือหมื่นกว่าล้าน ซึ่งความหมายก็คือไม่กี่สิบวันก็หมด ต้องเอาไปจ่ายเงินเดือน ทำไมเงินสดในมือมันเหลือแค่นี้ รัฐบาลขาดเงินในมือหรือเปล่า ท่านพิเชษฐ์เป็นคนตั้งปัญหานี้ ผมถามกับท่านบอกจริงไม่จริง ท่านยังยืนยัน
แล้วผมฟังท่านรัฐมนตรีวราเทพชี้แจงในสภาตอบอันนี้ไม่ได้ ว่างบที่อ้างว่าเบิกจ่าย ที่ตั้งไว้แล้วยังไม่เบิกนี่แสนกว่าล้าน ท่านพิเชษฐ์บอกว่าไปค้นที่คลังจังหวัด ที่กรมบัญชีกลางงบประมาณหรือยังไงนี่ เพราะฉะนั้นประเด็นทั้งหมดที่ผมตั้งเป็นข้อสันนิษฐานตรงนี้ และทุกคนต้องช่วยรับภาระพิสูจน์เพราะรัฐบาลยังพิสูจน์ไม่ได้ รัฐบาลไม่มีเงินในมือทั้งเมกกะโปรเจกต์ ค่าใช้จ่ายที่ไปหว่านในระบบประชานิยมทั้งหมด นี่คือเบื้องหลังของการผลักดันแปรรูป กฟผ.โดยไม่บันยะบันยังใช่หรือไม่
จินดารัตน์ – ชัดค่ะ อาจารย์ คำถามนี้ ถามอาจารย์โพธิพงศ์นะคะ เหลือเวลาอีกแค่ 2 นาทีสุดท้าย อาจารย์ฟังข้อมูลจากอาจารย์แก้วสรรแล้ววันนี้ ถามความรู้สึกอาจารย์จริงๆว่าเป็นยังไงคะ
โพธิพงศ์ – ผมเห็นด้วยกับท่านอาจารย์แก้วสรรนะครับ ที่อธิบายมาขั้นตอนที่จะแปรรูปที่ว่ามานี่ ที่จะต้องมีองค์กรกลางมาดูแลในส่วนต่างๆ ต้องแยกออกมานะครับ ว่าส่วนเขื่อนจะไปเป็นอยู่ที่ไหนอย่างไร สายส่งเป็นของใคร อันนี้เราเห็นด้วยนะครับ แต่ในหลักการที่คุณทักษิณทำนี่มันผิดขั้นตอนของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุชัดเจนว่า 1. จะต้องมีองค์กรที่ดูแลและก็โปร่งใส ต้องมีโปรเกต์เขียนขึ้นมา ที่ท่านอาจารย์ว่าเป๊ะเลย และที่สำคัญที่สุดก็คือต้องถามประชาชนว่าจะเอาด้วยไหม อันนี้ต้องมีขั้นตอนตรงนี้
แก้วสรร – แล้วอีกข้อนึงครับอาจารย์ ผมจะบอกให้นะ เวลาเขาแปรรูปนี่นะ คำถามสำคัญที่สุดก็คือเขาเอาเงินไปไหน
โพธิพงศ์ – ถูกต้องครับ
แก้วสรร – ถ้าเอาเงินจากรัฐวิสาหกิจไฟฟ้า จากการแปรรูปนี่กลับไปบอกว่า จะเอาสายไฟฟ้าลงดินให้หมด โอเค
จินดารัตน์ – มีเป้าหมายว่าจะเอาเงินไปทำอะไร
แก้วสรร – หรือว่าจะเอาไปลงทุนทำไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อทำให้พลังงานกินน้อยลง โอเค
จินดารัตน์ – แล้วของเรามีคำตอบไหมคะ
แก้วสรร – เดี๋ยวครับ หรือเอาไปทำสบู่ดำทำอะไร ไฟฟ้าเป็นไฟฟ้า คนแปรรูปแล้ว รัฐวิสาหกิจพลังงานเราต้องดีขึ้น คุณไม่มีสิทธิที่จะเอากระเป๋าจากพลังงานนี่ ไปเป็นงบกลาง งบหิ่งห้อย งบนกขมิ้น ไม่มีสิทธิเอางบไฟฟ้าไปทำรถไฟฟ้าให้คน กทม. เพราะฉะนั้นการแปรรูปรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าและทำอะไรให้ไฟฟ้ามันดีขึ้น เงินที่ได้ก็ต้องกลับไปสู่ทำให้พลังงานดีขึ้น ซึ่งสิ่งอันนี้นี่คือสิ่งที่รัฐบาลไม่ทำแล้วไม่ยอมตอบ แล้วก็ไม่เคยตอบกับประชาชน ไม่เคยตอบกับ ส.ส.,สว. คนอย่างอาจารย์นี่ลูกเมียรออยู่ที่บ้าน ต้องไปให้ถูกเขาตีหัวที่หน้า กฟผ. ผมถึงต้องขอโทษอาจารย์ ว่าทำไมระบบการเมืองมันถึงไม่สามารถจัดการความขัดแย้งและทำข้อมูลให้กระจ่าง
แล้วเมื่อกี๊ที่ผมถามนี่ไม่มีใครตอบ ไม่เคยมีใครตอบได้เลยว่าแปรรูป ปตท.เอาเงินไปไหน แปรรูป กฟผ.แล้วเงินจะไปไหน ผมเรียกร้องตรงนี้นะครับ ทั้งนักข่าวเจาะนี่อย่ามัวแต่พาดว่าใครถูกตีหัว คุณไปเจาะมาซิบัญชีวายุภักษ์นี่เอาเงินไปไหน คุณต้องเจาะตรงนี้ กรรมาธิการทั้งวุฒิสภาทั้งสภาผู้แทนต้องเจาะตรงนี้ ว่านี่คือการเซ้งประเทศใช่หรือเปล่า ผมยังไม่ยืนยันนะแต่แหล่งข่าวผมได้มาอย่างนี้ แล้วผมไม่มีอำนาจที่จะไปเจาะได้ เพราะกรรมาธิการที่คุมอำนาจในการเจาะการเมืองการคลังนี่มันอยู่ซักรัฐบาล
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ เสียดายว่าเวลาของเราหมดจริงๆ เดี๋ยวเราจะมีถ่ายทอดสดต่อ มีโอกาสดิฉันเชื่อว่าคุณผู้ชมทางบ้านหลายสายโทรศัพท์เข้ามาบอกว่า ขอให้เชิญอาจารย์ทั้ง 2 ท่านมาคุยกันใหม่เรื่องนี้ สายเยอะจริงๆนะคะ ดิฉันเรียนอาจารย์จริงๆว่า คำยืนยันของอาจารย์อาจจะมีในเร็ววันนี้ ถ้าอาจารย์สามารถที่จะให้ใครไปเจาะมาและยืนยันได้นะคะ เราหวังอย่างนี้ หลายคนก็หวังอย่างนี้เหมือนกัน
แก้วสรร – อันนี้เป็นคำสารภาพนะ ผมนี่เป็น สว.นะ มีแหล่งข่าวชี้ช่องแล้วนะ ผมยังเจาะไม่ได้ กรรมาธิการของผมเชิญมา รัฐมนตรีไม่มา ประธานบอร์ด กฟผ.ก็ไม่มา ส่งมาแต่รองปลัด ผมหมดปัญญาจะเจาะ เรื่องการแก้ปัญหาการไฟฟ้านี่ ถ้าทำถูกเรื่องถูกราวให้ความโปร่งใสนี่ คนเฒ่าคนแก่รวมทั้งอาจารย์นี่ นี่อาจารย์การตลาดนะ มีลูกมีเมียนะถูกตีหัวอยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องตำหนินี่ อย่าไปมองว่าอาจารย์เป็นพวกม็อบนะ สิ่งที่ต้องตำหนิก็คือบ้านเมืองนี้มันไม่มีประชาชน แล้วมันปล่อยให้คนแบบนี้ลำบาก
โพธิพงศ์ – เมื่อเขาได้รับการฉันทานุมัติแล้วนี่นะครับ เขาจะต้องนำเรื่องเข้าสู่สภาพิจารณาจากทั้ง 2 สภา เขาถึงจะสามารถที่จะทำได้
แก้วสรร – อาจารย์ บ้านเมืองอื่นนะ มันจะมีกฎหมายหลักว่าด้วยการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ Step 1,2,3,4 แล้วเสร็จแล้วเวลาจะแปรรูป กฟผ.นี่ มันจะเสนอเป็นพระราชบัญญัติเข้าสภาอีกทีหนึ่ง แล้วมันจะผ่านการมีส่วนการเถียงทุกอย่าง เราไม่ต้องมาเห่ากันทางทีวีอย่างนี้ อาจารย์ก็ไม่ต้องถูกตีหัวอย่างนี้
จินดารัตน์ – เอาอย่างนี้แล้วกันนะคะ คุณผู้ชมคะ เรื่องนี้ยังต้องตามกันต่อนะคะ ดิฉันเชื่อว่าคงจะต้องเป็นประเด็นที่เราจะต้องนำมาพูดคุยกันต่อ เพราะวันนี้สายเยอะมาก ดิฉันไม่สามารถอ่านออกอากาศได้ พรุ่งนี้เราต้องรอศาลปกครองสูงสุดได้นัดฟังคำสั่ง ว่าจะสั่งระงับการกระจายหุ้น กฟผ.ในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่
แก้วสรร – ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหากฎหมาย ปัญหานี้คือปัญหาการจัดการประเทศชาติ บอกให้ศาลปกครองตัดสินได้ยังไง ไม่ต้องสนใจ
จินดารัตน์ – อาจารย์บอกไม่ต้องลุ้นนะคะ แล้วแต่ท่านผู้ชมค่ะ วันนี้ฟังจากข้อมูลแล้วนะคะ เราคงจะต้องเรียนคุณผู้ชมอย่างนี้ว่า เราเองก็เฉกเช่นเดียวกับอาจารย์แก้วสรรนะคะ เราพยายามเชิญตั้งแต่รัฐมนตรียันผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายของภาครัฐ ไม่เคยมีใครจะตอบรับมาออกรายการกับเราเลยค่ะ วันนี้ลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ
********************************************************