จับเท็จ “วิษณุ” อีกแล้ว พบเอกสารยืนยันวันทำบุญประเทศ 10 เม.ย.ยังไม่ได้รับ “พระบรมราชานุญาต” ตามที่กล่าวอ้าง แต่รองราชเลขาฯเซ็นหนังสือออกมาในวันที่ 11 เม.ย. หลักฐานชัดการทำหนังสือขอใช้สถานที่เพิ่งทำในวันที่ 8 เม.ย. แถมไม่ได้ระบุว่านายกฯจะนั่งเป็นประธานในพิธี แต่มี “องคมนตรี” เข้าร่วมในพิธีนำหน้า “นายกรัฐมนตรี” ด้วย “สนธิ” เตรียมแฉหลักฐานชิ้นสำคัญบนเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร สวนลุมพินี เย็นวันนี้
ภายหลังจากที่ตกเป็นกระแสข่าววิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยอย่างรุนแรง กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธานในพิธีศาสนสัมพันธ์สมานฉันท์แห่งชาติ หรือ “ทำบุญประเทศ” ภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในจุดตำแหน่งใกล้เคียงที่ตั้งพระราชอาสน์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2548 และตกเป็นข่าวและภาพในหน้าหนังสือพิมพ์รายวันฉบับเช้าวันที่ 11 เมษายน 2548 จนมีบุคคลกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหวล่ารายชื่อให้มีการดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จน นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ต้องออกมาแถลงเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 9 พฤศจิกายน 2548 ว่ามีพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว และจะมีการแจกเอกสารหลักฐานในวันรุ่งขึ้นนั้น
ต่อมาวันที่ 10 พ.ย. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้แจกเอกสารหลักฐานขั้นตอนการขออนุญาตใช้สถานที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามแก่ผู้สื่อข่าว รวม 2 ชุด 3 แผ่น คือ
1. หนังสือ ที่ พศ 0006/274 จากสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ลงวันที่ 8 เมษายน 2548 เรื่องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตใช้สถานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ปราสาทพระเทพบิดร และถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 และถ่ายทอดเสียงทางสถานีวิทยุฯ ลงนามโดย นางจุฬารัตน์ บุญยากร ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ ถึงราชเลขาธิการ
2. หนังสือด่วนที่สุด ที่ รล 0003.3/5518 จากสำนักราชเลขาธิการ ลงวันที่ 10 เมษายน 2548 เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้สถานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ปราสาทพระเทพบิดร และถ่ายทอดสด ลงนามโดย นายสนอง บูรณะ รองราชเลขาธิการ ปฏิบัติราชการแทนราชเลขาธิการ ถึงนางจุฬารัตน์ บุณยากร
แม้จะมีข้อความสำคัญในย่อหน้าสุดท้ายของหนังสือ ความว่า “ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว พระราชทานพระบรมราชานุญาต” ก็ตาม แต่จากการตรวจสอบของ “ผู้จัดการรายวัน” ประกอบกับการขอความเห็นจากผู้รู้ในระเบียบแบบแผนและขั้นตอนของหนังสือราชการ พบเห็นข้อพิรุธอย่างชัดเจน 3 ประการใหญ่ๆ กล่าวคือ
ประการที่ 1 ในหนังสือ ที่ พศ 0006/274 ขออนุญาตใช้สถานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในข้อ 1 นั้น ไม่ได้ระบุลักษณะของงานว่าจะให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี คงระบุเพียงว่า “...เข้าร่วมพิธี” เท่านั้น
นอกจากนั้น กลุ่มบุคคลที่ในหนังสือระบุว่าจะ “เข้าร่วมพิธี” นั้นมี “องคมนตรี” ด้วย ซึ่งในธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไป องคมนตรีจะเข้าร่วมก็ต่อเมื่อเป็นพระราชพิธี หรือรัฐพิธี ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ/หรือ พระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธี หรือได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้แทนพระองค์เท่านั้น ไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติที่องคมนตรีจะเข้าร่วมในงานที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพราะเป็นคนละส่วนกัน โปรดสังเกตว่าแม้แต่ในหนังสือฉบับนี้ก็ระบุฐานภาพขององคมนตรีไว้นำหน้านายกรัฐมนตรี
ข้อเท็จจริงในงานวันที่ 10 เมษายน 2548 ไม่มีองคมนตรีเข้าร่วมแต่อย่างใด
ความโดยเต็มของข้อ 1 ในหนังสือ ที่ พศ 0006/274 มีดังนี้
“ขออนุญาตใช้สถานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาในวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2548 ตั้งแต่เวลา 15.00 น. จนถึงเวลาประมาณ 16.00 น. เพื่อให้กรรมการมหาเถรสมาคม และพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ เจริญพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถ โดยมีองคมนตรี นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ผู้นำองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เข้าร่วมพิธี และขอใช้บริเวณระเบียงคต ศาลาราย และลานพระอาราม เป็นที่ประชุมพระภิกษุและพุทธศาสนิกชนร่วมสวดมนต์ด้วยกันเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชาติบ้านเมือง”
การให้กลุ่มบุคคลต่างๆ อันได้แก่ องคมนตรี นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ผู้นำองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ “เข้าร่วมพิธี” นั้น แสดงว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นเพียงสถานะเพียง “ผู้เข้าร่วมพิธี” และไม่ใช่การขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีแต่อย่างใด
ประการที่ 2 เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2548 ขณะที่เกิดพิธีศาสนสัมพันธ์สมานฉันท์แห่งชาติขึ้น โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในอุโบสถในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ณ เวลานั้นยังไม่ได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะหลักฐานชัดจนที่ปรากฏในหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ รล 0003.3/5518 นั้น แม้หนังสือจะลงวันที่ 10 เมษายน 2548 แต่นายสนอง บูรณะ ลงนามเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2548 โดยเป็นลายมือลงกำกับไว้ต่อจากลายเซ็นแสดงชัดเจนว่า ณ เวลาที่งานจัดขึ้นยังไม่มีพระบรมราชานุญาตแต่ประการใด
หากจะอ้างว่าได้มีการประสานงานกันล่วงหน้า และได้มีการส่งโทรสารกลับไปยังสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2548 แล้วตามที่ปรากฏท้ายหนังสือนี้ ก็ไม่ถือว่าเป็นหนังสือราชการ เพราะไม่มีผู้ลงนาม จึงไม่ถือว่าได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว และในทางปฏิบัติแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ในเมื่อหนังสือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตนั้นลงวันที่ 8 เมษายน 2548 สำนักราชเลขาธิการจะรู้ได้อย่างไรว่าจะพระราชทานพระบรมราชานุญาตหรือไม่ เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การนำความขึ้นกราบบังคมทูลจะต้องใช้เวลาพอสมควร จะอ้างว่ามีการประสานงานกันล่วงหน้าแล้วส่งโทรสารที่ไม่มีการลงนามกลับไปยังต้นทางของหนังสือในวันเดียวกันนั้นได้อย่างไรเป็นที่น่าสังเกตว่าวันที่ 8 เมษายน 2548 เป็นวันศุกร์ และวันที่ 10 เมษายน 2548 วันที่ออกหนังสือ ที่ รล 0003.3/5518 เป็นวันอาทิตย์ เป็นวันหยุดราชการ นายสนอง บูรณะ ลงนามเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2548 ซึ่งเป็นวันจันทร์ วันแรกของการเปิดทำราชการและแม้แต่ในข้อความในหนังสือที่ระบุว่าพระราชทานพระบรมราชนุญาต หากพิจารณาข้อความในข้อ 1 ที่ระบุไว้ว่า “1.ใช้วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศานาในวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2548 ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ถึง 16.00 น.” ก็ไม่ได้มีข้อความระบุให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีแต่ประการใด หนังสือขอก็ไม่ได้ระบุว่าขอให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี หนังสือพระราชพระบรมราชานุญาตก็ไม่ได้ระบุให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี มิหนำซ้ำยังลงนามหลังจากวันพิธี 1 วัน หลังจากปรากฏภาพข่าวที่สะเทือนใจประชาชนแล้ว
จากกรณีที่ไล่เรียงมานี้ทำให้เป็นที่น่าสังเกตว่า การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งบังควรหรือไม่ เพราะการขอพระบรมราชานุญาตในครั้งนี้ ไม่ได้ขอในฐานะที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และเป็นการใช้อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามไปก่อนโดยไม่ได้รอพระบรมราชานุญาต หรือหนังสือจากราชเลขาธิการแต่อย่างใด
ประการที่ 3 หนังสือขอใช้สถานที่จากผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม เลขที่ “ที่ พศ 0006/274” แต่ในหนังสือตอบจากสำนักราชเลขาธิการ กลับอ้างถึงหนังสือจากสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม เลขที่ “ด่วนที่สุด ที่ พศ 0006/238” เหตุไฉนจึงเกิดความผิดพลาดเช่นนี้ จะเห็นได้ว่า แม้รัฐบาลจะมีการเตรียมจัดงานทำบุญประเทศมานานวัน แต่เหตุใดจึงมีการทำหนังสือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตในเวลาจวนเจียนก่อนกำหนดพิธีเพียงแค่ 2 วัน และยังไม่มีข้อความระบุชัดเจนว่าจะให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี
จากการติดตามของ “ผู้จัดการรายวัน” พบว่า อาจจะเกิดความสับสนไม่แน่ใจว่าจะให้ใครเป็นประธานในพิธี และมีการหารือกันหลายครั้งในหมู่คณะกรรมการจัดงาน “สมัยที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้ ผมเข้าใจว่าท่านเสนอให้กราบบังคมทูลเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่มาเป็นองค์ประธาน แต่หลังจากท่านพ้นตำแหน่งแล้ว ไม่ทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร” แหล่งข่าวระดับสูงคนหนึ่งบอก
นอกจากนั้น ยังพบว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ ยังได้ลงนามในหนังสือ ที่ พศ 0006/2343 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2548 ถึงเลขาธิการพระราชวัง ข้อความใกล้เคียงกับหนังสือ ที่ พศ 0006/274 แต่ไม่ปรากฏว่ามีหนังสือตอบจากเลขาธิการพระราชวังแต่ประการใดและนายวิษณุ เครืองาม ก็ไม่ได้แจกหนังสือ ที่ พศ 0006/2343 ต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้
รายละเอียดทั้งหมด และข้อมูลนอกเหนือไปจากนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุลจะได้นำเสนออย่างละเอียดในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 8 เวลา 16.00 – 20.30 น. วันนี้ (11 พฤศจิกายน 2548) ที่อาคารลุมพินีสถาน (เวทีลีลาศ) สวนลุมพินี ถนนพระราม 4 ถ่ายทอดสอดทาง ASTV “ฟรีทีวีผ่านดาวเทียม” ช่อง NEWS 1 และสถานีวิทยุชุมชนเจ้าฟ้า FM 97.75 เมกะเฮิรตซ์ รวมทั้ง www.manager.co.th และเครือข่ายเคเบิลทีวี เครือข่ายวิทยุชุมชนทั่วประเทศ



ข่าวที่เกี่ยวเนื่อง
ประมวลข่าว ลิ่วล้อเคลื่อนพล-ระดมฟ้อง"สนธิ"หมิ่นพระบรมฯ!
หมิ่นเบื้องสูงหรือไม่ ?
ภาพคาใจคนไทย ‘นายกฯทักษิณในโบสถ์วัดพระแก้ว’
ราชพาหนะ VS ‘แอร์ฟอร์ซวัน’ เรื่องของการจัดลำดับความสำคัญ !
ภายหลังจากที่ตกเป็นกระแสข่าววิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยอย่างรุนแรง กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธานในพิธีศาสนสัมพันธ์สมานฉันท์แห่งชาติ หรือ “ทำบุญประเทศ” ภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในจุดตำแหน่งใกล้เคียงที่ตั้งพระราชอาสน์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2548 และตกเป็นข่าวและภาพในหน้าหนังสือพิมพ์รายวันฉบับเช้าวันที่ 11 เมษายน 2548 จนมีบุคคลกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหวล่ารายชื่อให้มีการดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จน นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ต้องออกมาแถลงเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 9 พฤศจิกายน 2548 ว่ามีพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว และจะมีการแจกเอกสารหลักฐานในวันรุ่งขึ้นนั้น
ต่อมาวันที่ 10 พ.ย. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้แจกเอกสารหลักฐานขั้นตอนการขออนุญาตใช้สถานที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามแก่ผู้สื่อข่าว รวม 2 ชุด 3 แผ่น คือ
1. หนังสือ ที่ พศ 0006/274 จากสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ลงวันที่ 8 เมษายน 2548 เรื่องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตใช้สถานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ปราสาทพระเทพบิดร และถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 และถ่ายทอดเสียงทางสถานีวิทยุฯ ลงนามโดย นางจุฬารัตน์ บุญยากร ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ ถึงราชเลขาธิการ
2. หนังสือด่วนที่สุด ที่ รล 0003.3/5518 จากสำนักราชเลขาธิการ ลงวันที่ 10 เมษายน 2548 เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้สถานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ปราสาทพระเทพบิดร และถ่ายทอดสด ลงนามโดย นายสนอง บูรณะ รองราชเลขาธิการ ปฏิบัติราชการแทนราชเลขาธิการ ถึงนางจุฬารัตน์ บุณยากร
แม้จะมีข้อความสำคัญในย่อหน้าสุดท้ายของหนังสือ ความว่า “ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว พระราชทานพระบรมราชานุญาต” ก็ตาม แต่จากการตรวจสอบของ “ผู้จัดการรายวัน” ประกอบกับการขอความเห็นจากผู้รู้ในระเบียบแบบแผนและขั้นตอนของหนังสือราชการ พบเห็นข้อพิรุธอย่างชัดเจน 3 ประการใหญ่ๆ กล่าวคือ
ประการที่ 1 ในหนังสือ ที่ พศ 0006/274 ขออนุญาตใช้สถานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในข้อ 1 นั้น ไม่ได้ระบุลักษณะของงานว่าจะให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี คงระบุเพียงว่า “...เข้าร่วมพิธี” เท่านั้น
นอกจากนั้น กลุ่มบุคคลที่ในหนังสือระบุว่าจะ “เข้าร่วมพิธี” นั้นมี “องคมนตรี” ด้วย ซึ่งในธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไป องคมนตรีจะเข้าร่วมก็ต่อเมื่อเป็นพระราชพิธี หรือรัฐพิธี ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ/หรือ พระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธี หรือได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้แทนพระองค์เท่านั้น ไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติที่องคมนตรีจะเข้าร่วมในงานที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพราะเป็นคนละส่วนกัน โปรดสังเกตว่าแม้แต่ในหนังสือฉบับนี้ก็ระบุฐานภาพขององคมนตรีไว้นำหน้านายกรัฐมนตรี
ข้อเท็จจริงในงานวันที่ 10 เมษายน 2548 ไม่มีองคมนตรีเข้าร่วมแต่อย่างใด
ความโดยเต็มของข้อ 1 ในหนังสือ ที่ พศ 0006/274 มีดังนี้
“ขออนุญาตใช้สถานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาในวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2548 ตั้งแต่เวลา 15.00 น. จนถึงเวลาประมาณ 16.00 น. เพื่อให้กรรมการมหาเถรสมาคม และพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ เจริญพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถ โดยมีองคมนตรี นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ผู้นำองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เข้าร่วมพิธี และขอใช้บริเวณระเบียงคต ศาลาราย และลานพระอาราม เป็นที่ประชุมพระภิกษุและพุทธศาสนิกชนร่วมสวดมนต์ด้วยกันเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชาติบ้านเมือง”
การให้กลุ่มบุคคลต่างๆ อันได้แก่ องคมนตรี นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ผู้นำองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ “เข้าร่วมพิธี” นั้น แสดงว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นเพียงสถานะเพียง “ผู้เข้าร่วมพิธี” และไม่ใช่การขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีแต่อย่างใด
ประการที่ 2 เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2548 ขณะที่เกิดพิธีศาสนสัมพันธ์สมานฉันท์แห่งชาติขึ้น โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในอุโบสถในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ณ เวลานั้นยังไม่ได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะหลักฐานชัดจนที่ปรากฏในหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ รล 0003.3/5518 นั้น แม้หนังสือจะลงวันที่ 10 เมษายน 2548 แต่นายสนอง บูรณะ ลงนามเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2548 โดยเป็นลายมือลงกำกับไว้ต่อจากลายเซ็นแสดงชัดเจนว่า ณ เวลาที่งานจัดขึ้นยังไม่มีพระบรมราชานุญาตแต่ประการใด
หากจะอ้างว่าได้มีการประสานงานกันล่วงหน้า และได้มีการส่งโทรสารกลับไปยังสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2548 แล้วตามที่ปรากฏท้ายหนังสือนี้ ก็ไม่ถือว่าเป็นหนังสือราชการ เพราะไม่มีผู้ลงนาม จึงไม่ถือว่าได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว และในทางปฏิบัติแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ในเมื่อหนังสือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตนั้นลงวันที่ 8 เมษายน 2548 สำนักราชเลขาธิการจะรู้ได้อย่างไรว่าจะพระราชทานพระบรมราชานุญาตหรือไม่ เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การนำความขึ้นกราบบังคมทูลจะต้องใช้เวลาพอสมควร จะอ้างว่ามีการประสานงานกันล่วงหน้าแล้วส่งโทรสารที่ไม่มีการลงนามกลับไปยังต้นทางของหนังสือในวันเดียวกันนั้นได้อย่างไรเป็นที่น่าสังเกตว่าวันที่ 8 เมษายน 2548 เป็นวันศุกร์ และวันที่ 10 เมษายน 2548 วันที่ออกหนังสือ ที่ รล 0003.3/5518 เป็นวันอาทิตย์ เป็นวันหยุดราชการ นายสนอง บูรณะ ลงนามเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2548 ซึ่งเป็นวันจันทร์ วันแรกของการเปิดทำราชการและแม้แต่ในข้อความในหนังสือที่ระบุว่าพระราชทานพระบรมราชนุญาต หากพิจารณาข้อความในข้อ 1 ที่ระบุไว้ว่า “1.ใช้วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศานาในวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2548 ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ถึง 16.00 น.” ก็ไม่ได้มีข้อความระบุให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีแต่ประการใด หนังสือขอก็ไม่ได้ระบุว่าขอให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี หนังสือพระราชพระบรมราชานุญาตก็ไม่ได้ระบุให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี มิหนำซ้ำยังลงนามหลังจากวันพิธี 1 วัน หลังจากปรากฏภาพข่าวที่สะเทือนใจประชาชนแล้ว
จากกรณีที่ไล่เรียงมานี้ทำให้เป็นที่น่าสังเกตว่า การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งบังควรหรือไม่ เพราะการขอพระบรมราชานุญาตในครั้งนี้ ไม่ได้ขอในฐานะที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และเป็นการใช้อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามไปก่อนโดยไม่ได้รอพระบรมราชานุญาต หรือหนังสือจากราชเลขาธิการแต่อย่างใด
ประการที่ 3 หนังสือขอใช้สถานที่จากผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม เลขที่ “ที่ พศ 0006/274” แต่ในหนังสือตอบจากสำนักราชเลขาธิการ กลับอ้างถึงหนังสือจากสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม เลขที่ “ด่วนที่สุด ที่ พศ 0006/238” เหตุไฉนจึงเกิดความผิดพลาดเช่นนี้ จะเห็นได้ว่า แม้รัฐบาลจะมีการเตรียมจัดงานทำบุญประเทศมานานวัน แต่เหตุใดจึงมีการทำหนังสือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตในเวลาจวนเจียนก่อนกำหนดพิธีเพียงแค่ 2 วัน และยังไม่มีข้อความระบุชัดเจนว่าจะให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี
จากการติดตามของ “ผู้จัดการรายวัน” พบว่า อาจจะเกิดความสับสนไม่แน่ใจว่าจะให้ใครเป็นประธานในพิธี และมีการหารือกันหลายครั้งในหมู่คณะกรรมการจัดงาน “สมัยที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้ ผมเข้าใจว่าท่านเสนอให้กราบบังคมทูลเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่มาเป็นองค์ประธาน แต่หลังจากท่านพ้นตำแหน่งแล้ว ไม่ทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร” แหล่งข่าวระดับสูงคนหนึ่งบอก
นอกจากนั้น ยังพบว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ ยังได้ลงนามในหนังสือ ที่ พศ 0006/2343 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2548 ถึงเลขาธิการพระราชวัง ข้อความใกล้เคียงกับหนังสือ ที่ พศ 0006/274 แต่ไม่ปรากฏว่ามีหนังสือตอบจากเลขาธิการพระราชวังแต่ประการใดและนายวิษณุ เครืองาม ก็ไม่ได้แจกหนังสือ ที่ พศ 0006/2343 ต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้
รายละเอียดทั้งหมด และข้อมูลนอกเหนือไปจากนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุลจะได้นำเสนออย่างละเอียดในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 8 เวลา 16.00 – 20.30 น. วันนี้ (11 พฤศจิกายน 2548) ที่อาคารลุมพินีสถาน (เวทีลีลาศ) สวนลุมพินี ถนนพระราม 4 ถ่ายทอดสอดทาง ASTV “ฟรีทีวีผ่านดาวเทียม” ช่อง NEWS 1 และสถานีวิทยุชุมชนเจ้าฟ้า FM 97.75 เมกะเฮิรตซ์ รวมทั้ง www.manager.co.th และเครือข่ายเคเบิลทีวี เครือข่ายวิทยุชุมชนทั่วประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวเนื่อง
ประมวลข่าว ลิ่วล้อเคลื่อนพล-ระดมฟ้อง"สนธิ"หมิ่นพระบรมฯ!
หมิ่นเบื้องสูงหรือไม่ ?
ภาพคาใจคนไทย ‘นายกฯทักษิณในโบสถ์วัดพระแก้ว’
ราชพาหนะ VS ‘แอร์ฟอร์ซวัน’ เรื่องของการจัดลำดับความสำคัญ !