สำนักนายกรัฐมนตรีออกคำชี้แจง ยืนยันสมเด็จพระญาณสังวรฯ ยังทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช แต่เพียงพระองค์เดียว ส่วนสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นเป็นเพียงคณะกรรมการที่ ทำหน้าที่แทนชั่วคราวเท่านั้น
วันนี้ (3 พ.ย.) สำนักนายกรัฐมนตรี ออกคำชี้แจงกรณีเรื่องการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช แจงเหตุที่ต้องชี้แจงเพราะยังมีผู้เข้าใจคลาดเคลื่อน ยืนยันสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ยังทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกของประเทศไทยอยู่แต่พระองค์เดียว ส่วนสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นเป็นเพียงคณะกรรมการที่ทำหน้าที่แทนชั่วคราวเท่านั้น
คำชี้แจงดังกล่าวระบุว่า ตามที่มหาเถรสมาคมมีมติ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2547 ให้แต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพื่อบริหารกิจการคณะสงฆ์แทนสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ในระหว่างที่ประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์นั้น ยังมีผู้เข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว แม้รัฐบาลจะได้เคยชี้แจงมาแล้วก็ตาม จึงขอชี้แจงเพื่อความเข้าใจอันถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้
1.ในปัจจุบัน สมเด็จพระญาณสังวร สถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ยังทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แต่เพียงพระองค์เดียวของประเทศไทย จึงขอให้ทุกฝ่ายถวายความเคารพและพระเกียรติอย่างสูงตามกฎหมาย ประเพณี และหลักศาสนาปฏิบัติอันดีงามของพุทธศาสนิกชนชาวไทย
2. อย่างไรก็ตาม โดยที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ มีพระชนมายุถึง 92 พรรษา อีกทั้งการที่ได้ทรงบริหารงานคณะสงฆ์และทรงบำเพ็ญศาสนกิจ อุทิศพระองค์ทรงตรากตรำเพื่อประโยชน์สุขของพุทธศาสนิกชนอย่างเคร่งครัดมาเป็นเวลานาน เป็นเหตุให้ในระยะหลังมานี้พระสุขภาพไม่สู้เป็นปกติ คณะแพทย์เคยรายงานว่าอาจมีพระอาการประชวรฉับพลันได้ ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากภูมิต้านทานของพระองค์ลดลง เนื่องจากพระชนมายุสูง และยังประชวรด้วยพระโรคที่เคยมีมาแต่เดิม แม้พระอาการจะไม่ถึงขนาดรุนแรง และยังทรงบำเพ็ญศาสนกิจบางอย่างได้เป็นปกติก็ตาม
แต่บรรดาพุทธศาสนิกชนก็พากันห่วงใย เห็นว่าหากได้ทรงพักผ่อนและลดภาระในการปฏิบัติงาน ที่นับวันจะหนักมากขึ้น เช่น การปกครองและบัญชาการสังฆมณฑล การประชุมมหาเถรสมาคม ซึ่งต้องใช้เวลาเดือนละหลายครั้ง ครั้งละหลายชั่วโมง การเสด็จไปทรงเปิดปิดการประชุมต่างๆ ซึ่งต้องมีพระดำรัสที่ยาว การรับผู้มาขอเฝ้าที่ต้องมีพระปฏิสันถารด้วยเป็นเวลานาน และการที่ต้องทรงพระอักษรและลงพระนามหรือต้องตัดสินพระทัยในเรื่องที่ยุ่งยาก เป็นต้น ก็น่าจะเป็นการดีต่อพระสุขภาพ
3. เดิมทีมหาเถรสมาคมได้มีมติเห็นควรให้แต่งตั้งสมเด็จพระราชาคณะรูปหนึ่ง เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งก็ได้ทรงมีพระบัญชาว่า “ทราบและเห็นชอบ” เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2547 ต่อมาการแต่งตั้งนั้นได้สิ้นสุดลงเพราะครบระยะเวลาที่กำหนด ต่อมาได้มีการแก้ไขกฎหมายคณะสงฆ์ มหาเถรสมาคมจึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2547 มหาเถรสมาคมมีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมลับ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2547 ให้แต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชเป็นคณะบุคคล เพื่อแบ่งเบาภาระ และเพื่อเป็นการรักษาพระเกียรติอีกสถานหนึ่งด้วย มิให้ผู้ใดนำพระลิขิต พระนาม หรือพระดำรัสไปแอบอ้างจนเกิดความเสื่อมเสียต่อพระเกียรติยศดังที่เคยมีผู้กระทำมาแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินคดีคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ประกอบด้วยพระราชาคณะ รวม 7 รูป จากพระอาราม 7 วัด โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ในฐานะมีอาวุโสสูงสุด โดยสมณศักดิ์ทำหน้าที่ประธาน ซึ่งเรื่องนี้เป็นการพิจารณาของคณะสงฆ์โดยแท้ รัฐบาลมิได้เป็นผู้เสนอแต่อย่างใด และต่อไปมหาเถรสมาคมอาจเห็นชอบให้หมุนเวียนผู้ดำรงตำแหน่งประธานตามความจำเป็นก็ได้
4. การที่มีผู้บิดเบือนว่า ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงสมเด็จพระสังฆราชแล้วก็ดี มีการบังอาจแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชเสียเอง โดยล่วงละเมิดพระราชอำนาจ ไม่ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งก็ดี มีสมเด็จพระสังฆราชสองพระองค์หรือหลายพระองค์ซ้อนกันในเวลาเดียวก็ดี จึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ยังทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกของประเทศไทยอยู่แต่พระองค์เดียว ส่วนสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นเป็นเพียงคณะกรรมการที่ทำหน้าที่แทนชั่วคราว และต้องปฏิบัติหน้าที่ในพระนามของสมเด็จพระสังฆราชเท่านั้น การที่มีผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชในรูปของคณะประกอบด้วยสมเด็จพระราชาคณะทุกรูปที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทั้งจากฝ่ายมหานิกาย และธรรมยุตนิกายร่วมกันเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าเป็นการใช้อำนาจของคณะบุคคล มิใช่เป็นการใช้อำนาจโดยพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งหรือแต่งตั้งจากนิกายใดนิกายหนึ่งแต่ฝ่ายเดียว ดังที่มีผู้อ้าง
ในการนี้รัฐบาลขอยืนยันว่า กระบวนการดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย คณะสงฆ์ไทยโดยมหาเถรสมาคม อันเป็นองค์กรปกครองสูงสุดก็ได้เห็นว่าการปฏิบัติเช่นนี้ไม่ขัดต่อพระธรรมวินัยและโบราณประเพณี ซึ่งรัฐบาลได้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทตามที่กฎหมายกำหนดด้วยแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ทองก้อน” จวก “วิษณุ” โยนตัดสิน “พระสังฆราช” ไม่ถูกต้อง
“วิษณุ” โยน “มหาเถรสมาคม” คืนอำนาจให้ “สมเด็จพระสังฆราช”
คณะสงฆ์หนุนรัฐบาลตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสังฆราช
รบ.ยันไม่กล้าแต่งพระอาการสมเด็จสังฆราช
"นายกฯ"ตบหน้า"ทองก้อน"ยันแถลงการณ์พระอาการสังฆราชฯถูกต้อง
“125 ส.ว.”โดดอุ้ม “วิษณุ”หลังแต่งตั้งผู้รักษาการสมเด็จพระสังฆราชฯ
“ทองก้อน”ขู่แจ้งความ ผอ.สำนักพุทธฯ ฐานดูหมิ่นพระสังฆราช
“วิษณุ”แฉกลุ่มใกล้ชิดขโมยพระเบญจภาคี-ประคตสมเด็จสังฆราช
นายกฯแจงคณะทำงานแทนไม่ใช่สังฆราช2องค์