•• ต่ออีกสักนิดให้จบสิ้นกระบวนความกันไปชั้นหนึ่งเรื่อง ความสัมพันธ์ฉันเครือญาติ ระหว่าง สุชน ชาลีเครือ – คุณหญิงพจมาน ชินวัตร โดยจะโฟกัสมาที่น้องสาวลำดับที่ 5 นาม ปาริชาติ ชาลีเครือ ที่เมื่อปี 2544 ลงสมัครส.ส.ชัยภูมิเขต 4 และล่าสุดปี 2548 ลงสมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 99 ในนาม พรรคไทยรักไทย ปัจจุบันเป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่ง ประจำสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นั้นอันที่จริงก็ ไม่แปลก เพราะกล่าวโดยทั่วไปแล้ว พี่น้องต่างมีวิถีทาง เหมือนที่ครั้งหนึ่ง สุชน ชาลีเครือ เคยกล่าวไว้ว่า “...ความเป็นพี่น้องในสายเลือดย่อมมีอยู่แล้ว แต่การทำหน้าที่ ทำกันคนละอย่าง ซึ่งในทางการเมืองต้องแยกจากกัน ยกตัวอย่างกรณีม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชและม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชเป็นพี่น้องกัน แต่เมื่อเข้ามาการเมืองก็ทำหน้าที่ของแต่ละคน อยากให้ทุกคนแยกแยะ.” ทุกคนที่ติดตามข่าวเขาก็พยายามแยกแยะอยู่เพียงแต่ พี่น้องชาลีเครือ คู่นี้ค่อนข้างจะมีวิถีทางเดิน เคียงข้างกัน ชนิด พี่ก้าว – น้องย่าง อย่างไรอย่างนั้นจนคนทั่วไปไม่เชื่อว่าเมื่อ น้อง 5 ชาลีเครือ ย่างเข้ามาใน พรรคไทยรักไทย แล้วจะเป็นเพียง วิถีส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับ พี่ 3 ชาลีเครือ เลยแม้แต่น้อย “เซี่ยงเส้าหลง” เผอิญเป็นคนความจำดีก็เลยอยากจะมาบอกเล่าเก้าสิบ ความบังเอิญในวิถีแห่งก้าวย่าง ของพี่น้องคู่นี้กัน ณ ที่นี้
•• คงจะไม่ย้อนไปไกลนักขอแค่ ปี 2535 – 2538 ขณะที่พี่ชายคนดีดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม – วุฒิสภา น้องสาวคนเก่งที่ก่อนหน้านี้เป็น นักกฎหมาย ที่สนใจงานด้าน องค์กรครู, เอ็นจีโอ เช่นเดียวกับพี่ชายก็บังเอิญหันมา จับธุรกิจสิ่งแวดล้อม โดยเป็นประธาน บริษัทเอ็นไวรอนเม็นทอลคอนเซอร์เวชั่นแลนด์เคพพิ่งจำกัด และก็บังเอิญเช่นกันที่บริษัทนี้เป็น เอกชนไทยรายเดียว ที่ได้รับเลือกจากคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 20 ที่ประเทศบรูไนให้เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์เป็น ผู้ผลิตและจำหน่ายตุ๊กตาสัญลักษณ์ซีเกมส์และของที่ระลึก เมื่อ ปี 2542 ที่ผ่านมา
•• หรือไกลออกไปอีกนิดเมื่อ ปี 2533 – 2534 และต่อเนื่องมาจนถึง ปี 2539 ที่ชีวิตของพี่ชายคนดีคนนี้ประสบความสำเร็จทางการเมืองระดับหนึ่งด้วยการเข้าไปใกล้ชิด ผู้นำทหาร จน ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาสมัยแรก และมีส่วนร่วมในการก่อตั้ง พรรคสามัคคีธรรม ก็ให้บังเอิญที่น้องสาวคนเก่งค้นพบช่องทางธุรกิจประเภทที่รู้กันทั่วไปว่า โดยทั่วไปแล้วจะต้องมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้นำทหาร นั้นคือ ค้าไม้ชายแดนไทย-พม่า แถว ๆ พื้นที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ช่วงนั้นเธอร่วมงานกับ บริษัทไทยอุตสาหกรรมวิเนียร์อินเจียร์ลิ่ง หรือ TVI ในฐานะ ผู้จัดการ (เจ้าของคือ สัจรัตน์ เหมือนชาติ) ทำการค้าบริเวณจุดผ่านแดน ช่องทางเสาหิน ประกอบกิจการ นำเข้าไม้ประเภทไม้แปรรูปจากพม่า บังเอิญจริง ๆ
•• ส่วนในด้าน การเมือง ระหว่างที่พี่ชายคนดีคนนี้ทำงานเป็น ผู้อยู่เบื้องหลังงานการเมืองของเครือข่ายครู ในระดับที่เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า พยายามส่งคนในเครือข่ายครูลงสมัครส.ส. - ทำงานการเมือง โดยที่ตนเอง ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรค ในห้วงเวลานั้นน้องสาวคนเก่งคนนี้ก็มุ่งหน้ากิจกรรมการเมืองอย่างจริงจัง ลงสมัครส.ส.มาแล้ว 6 ครั้ง นับจาก ปี 2529 สังกัดพรรคการเมืองมาแล้ว แทบทุกพรรค จนที่สุดย้ายมาสังกัด พรรคไทยรักไทย ตั้งแต่ ปี 2543 เป็นต้นมา
•• เดินเคียงกันสอดประสานกันมาโดยตลอดเยี่ยงนี้เมื่อจู่ ๆ มาบอกว่า ยืนอยู่คนละฐานะ – ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย จึงเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อได้ง่าย
•• ว่าไปแล้ว สุชน ชาลีเครือ ก็ต้องนับเป็นหนึ่งใน คนเดือนตุลา เพราะเมื่อ ปี 2519 ก็เข้าไปเป็น กรรมการ ใน ศนท. – ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และมีบทบาทสูงเด่นใน องค์กรครู เรื่อยมาจนกล่าวได้ว่า ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะใน ปี 2520 ที่เป็นแกนนำก่อตั้ง ชมรมครูประชาบาล ใน จังหวัดชัยภูมิ และก่อตั้ง เครือข่ายครูทั่วประเทศ ต่อเนื่องมาถึง ปี 2521 ที่อยู่เบื้องหลัง การชุมนุมครั้งใหญ่ของครูทั่วประเทศที่คุรุสภา เริ่มต้นจาก เรียกร้องค่าครองชีพเพิ่ม และนำมาสู่การจัดตั้ง สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ หรือ สปช. ระหว่างนั้นก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็น คณะกรรมการระดับชาติขององค์กรครู และ ย้ายมาอยู่ในกทม. จนกระทั่งใน ปี 2524 - 2525 ก็เข้ามาเป็น คณะทำงานด้านระบบการศึกษา ให้กับรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ โดยมีตำแหน่งเป็น ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อาจจะเป็นแนวทางของกลุ่มแกนนำครูในช่วงปี 2529 – 2531 กระมังที่เน้น ส่งคนลงสมัครส.ส.ในนามพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ทำให้เขาเข้ามา สัมผัสการเมืองมากขึ้น เพียงแต่ไม่ได้เป็น ตัวเปิด – ลงสมัครส.ส. เช่นเดียวกับ ชิงชัย มงคลธรรม, วิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ และ ฯลฯ เพราะความสัมพันธ์อันดีกับ ผู้นำทหาร ที่ทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งเป็น สมาชิกวุฒิสภา และดำรงฐานภาพนั้นต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ 14 ปีเต็ม เริ่มจาก แต่งตั้ง มาจน เลือกตั้ง แต่ในอีกทางหนึ่งฝนอกจากจะมีส่วนร่วมในการก่อตั้งพรรคสามัคคีธรรม แล้วยังเป็นทีมงานให้กับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในการเริ่มต้นก่อตั้ง พรรคความหวังใหม่ ประวัติความเป็นมาเต็มไปด้วยเกียรติยศสูงเด่นเช่นนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” จึงอยากให้ท่าน ลด, ละ และ วาง ได้แล้วในวันนี้ด้วยการตัดสินใจอันกล้าหาญ ลาออกจากตำแหน่งประธานวุฒิสภา เพื่อ เปิดทาง ให้มีการเยียวยาแก้ไขกรณี ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน โดย วุฒิสภา ทำได้หรือไม่ได้ก็ต้องเสนอไว้ก่อนละ
•• เพราะไม่ว่าจะอย่างไร สุชน ชาลีเครือ ก็ ได้ทำ – ในสิ่งที่ต้องทำ ไปเรียบร้อยแล้ว การเยียวยาแก้ไขใหม่ – โดยประธานวุฒิสภาคนใหม่ ก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นและสำเร็จโดยง่าย “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าการตัดสินใจ ลาออก – เยี่ยงสุภาพบุรุษ โดยอาศัยเหตุผล “...เพื่อเปิดหนทางให้ประธานวุฒิสภาคนใหม่ได้หารือร่วมกับสมาชิกในการหาทางแก้ปัญหาที่เหมาะสม แม้ผมจะยืนยันว่าได้ตัดสินใจไปถูกต้องแล้ว แต่เมื่อเกิดปัญหา ก็ยินดีจะเปิดทาง.” น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการคงไว้ซึ่ง ความดีในหน้าประวัติศาสตร์ เพื่อคงไว้ซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีของ ตระกูลชาลีเครือ แห่ง บ้านยางเครือ ตำบลหนองโดน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ นะ
•• ก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่า เมืองไทยรายสัปดาห์ หลังถูกถอดออกจากผังรายการโมเดิร์นไนน์ 9 นอกจากจะเป็นรายการโทรทัศน์เหมือนเดิมถ่ายทอดสดทาง ASTV News 1, วิทยุชุมชนเจ้าฟ้า FM 97.75 Megahertz และ www.manager.co.th แล้วยังจะเพิ่มรูปแบบใหม่ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร เริ่มต้น ครั้งที่ 1 ใน วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2548 ที่ใกล้ ๆ สนามหลวง หอประชุมศรีบูรพา (หอประชุมเล็ก) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ – ท่าพระจันทร์ ขยายเวลาเพิ่มขึ้นเป็นระหว่าง 17.00 – 20.00 น. นอกจากผู้ดำเนินรายการคู่เดิม สนธิ ลิ้มทองกุล – สโรชา พรอุดมศักดิ์ แล้วในช่วงแรกประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนเริ่มต้นสนทนาจะเป็นการบรรเลงบทเพลงโดยวงดนตรีคีตาญชลี โดย สมศักดิ์ – สุรินทร์ อิสมันยี และครอบครัว พิธีกรคู่ในรายการส่วนแรกนี้คือ สำราญ รอดเพชร – จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ นอกจากนั้นในระหว่างช่วงพักการสนทนาจะมีการบรรเลง กู่เจิง – ยิ้มเย้ยยุทธจักร โดย ดร.สุวินัย ภรณวลัย รวมทั้งสิ้น 4 เพลง คารวะผู้กล้าทั้งแผ่นดิน, สรรเสริญความยิ่งใหญ่ของฟ้าดิน และ ครวญหาความรัก เสรีภาพ และสันติภาพ หน้างานมีจำหน่าย เสื้อยืด “เราจะสู้เพื่อในหลวง”, วีซีดี “เมืองไทยรายสัปดาห์”, หนังสือชุด “เมืองไทยรายสัปดาห์” และ ฯลฯ รวมทั้ง จานดาวเทียม ASTV ควรไปจับจองที่นั่งแต่หัววัน หอประชุมเปิดตั้งแต่เวลา 16.15 น. ไม่ควรพลาด
•• คงจะไม่ย้อนไปไกลนักขอแค่ ปี 2535 – 2538 ขณะที่พี่ชายคนดีดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม – วุฒิสภา น้องสาวคนเก่งที่ก่อนหน้านี้เป็น นักกฎหมาย ที่สนใจงานด้าน องค์กรครู, เอ็นจีโอ เช่นเดียวกับพี่ชายก็บังเอิญหันมา จับธุรกิจสิ่งแวดล้อม โดยเป็นประธาน บริษัทเอ็นไวรอนเม็นทอลคอนเซอร์เวชั่นแลนด์เคพพิ่งจำกัด และก็บังเอิญเช่นกันที่บริษัทนี้เป็น เอกชนไทยรายเดียว ที่ได้รับเลือกจากคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 20 ที่ประเทศบรูไนให้เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์เป็น ผู้ผลิตและจำหน่ายตุ๊กตาสัญลักษณ์ซีเกมส์และของที่ระลึก เมื่อ ปี 2542 ที่ผ่านมา
•• หรือไกลออกไปอีกนิดเมื่อ ปี 2533 – 2534 และต่อเนื่องมาจนถึง ปี 2539 ที่ชีวิตของพี่ชายคนดีคนนี้ประสบความสำเร็จทางการเมืองระดับหนึ่งด้วยการเข้าไปใกล้ชิด ผู้นำทหาร จน ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาสมัยแรก และมีส่วนร่วมในการก่อตั้ง พรรคสามัคคีธรรม ก็ให้บังเอิญที่น้องสาวคนเก่งค้นพบช่องทางธุรกิจประเภทที่รู้กันทั่วไปว่า โดยทั่วไปแล้วจะต้องมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้นำทหาร นั้นคือ ค้าไม้ชายแดนไทย-พม่า แถว ๆ พื้นที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ช่วงนั้นเธอร่วมงานกับ บริษัทไทยอุตสาหกรรมวิเนียร์อินเจียร์ลิ่ง หรือ TVI ในฐานะ ผู้จัดการ (เจ้าของคือ สัจรัตน์ เหมือนชาติ) ทำการค้าบริเวณจุดผ่านแดน ช่องทางเสาหิน ประกอบกิจการ นำเข้าไม้ประเภทไม้แปรรูปจากพม่า บังเอิญจริง ๆ
•• ส่วนในด้าน การเมือง ระหว่างที่พี่ชายคนดีคนนี้ทำงานเป็น ผู้อยู่เบื้องหลังงานการเมืองของเครือข่ายครู ในระดับที่เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า พยายามส่งคนในเครือข่ายครูลงสมัครส.ส. - ทำงานการเมือง โดยที่ตนเอง ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรค ในห้วงเวลานั้นน้องสาวคนเก่งคนนี้ก็มุ่งหน้ากิจกรรมการเมืองอย่างจริงจัง ลงสมัครส.ส.มาแล้ว 6 ครั้ง นับจาก ปี 2529 สังกัดพรรคการเมืองมาแล้ว แทบทุกพรรค จนที่สุดย้ายมาสังกัด พรรคไทยรักไทย ตั้งแต่ ปี 2543 เป็นต้นมา
•• เดินเคียงกันสอดประสานกันมาโดยตลอดเยี่ยงนี้เมื่อจู่ ๆ มาบอกว่า ยืนอยู่คนละฐานะ – ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย จึงเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อได้ง่าย
•• ว่าไปแล้ว สุชน ชาลีเครือ ก็ต้องนับเป็นหนึ่งใน คนเดือนตุลา เพราะเมื่อ ปี 2519 ก็เข้าไปเป็น กรรมการ ใน ศนท. – ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และมีบทบาทสูงเด่นใน องค์กรครู เรื่อยมาจนกล่าวได้ว่า ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะใน ปี 2520 ที่เป็นแกนนำก่อตั้ง ชมรมครูประชาบาล ใน จังหวัดชัยภูมิ และก่อตั้ง เครือข่ายครูทั่วประเทศ ต่อเนื่องมาถึง ปี 2521 ที่อยู่เบื้องหลัง การชุมนุมครั้งใหญ่ของครูทั่วประเทศที่คุรุสภา เริ่มต้นจาก เรียกร้องค่าครองชีพเพิ่ม และนำมาสู่การจัดตั้ง สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ หรือ สปช. ระหว่างนั้นก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็น คณะกรรมการระดับชาติขององค์กรครู และ ย้ายมาอยู่ในกทม. จนกระทั่งใน ปี 2524 - 2525 ก็เข้ามาเป็น คณะทำงานด้านระบบการศึกษา ให้กับรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ โดยมีตำแหน่งเป็น ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อาจจะเป็นแนวทางของกลุ่มแกนนำครูในช่วงปี 2529 – 2531 กระมังที่เน้น ส่งคนลงสมัครส.ส.ในนามพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ทำให้เขาเข้ามา สัมผัสการเมืองมากขึ้น เพียงแต่ไม่ได้เป็น ตัวเปิด – ลงสมัครส.ส. เช่นเดียวกับ ชิงชัย มงคลธรรม, วิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ และ ฯลฯ เพราะความสัมพันธ์อันดีกับ ผู้นำทหาร ที่ทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งเป็น สมาชิกวุฒิสภา และดำรงฐานภาพนั้นต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ 14 ปีเต็ม เริ่มจาก แต่งตั้ง มาจน เลือกตั้ง แต่ในอีกทางหนึ่งฝนอกจากจะมีส่วนร่วมในการก่อตั้งพรรคสามัคคีธรรม แล้วยังเป็นทีมงานให้กับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในการเริ่มต้นก่อตั้ง พรรคความหวังใหม่ ประวัติความเป็นมาเต็มไปด้วยเกียรติยศสูงเด่นเช่นนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” จึงอยากให้ท่าน ลด, ละ และ วาง ได้แล้วในวันนี้ด้วยการตัดสินใจอันกล้าหาญ ลาออกจากตำแหน่งประธานวุฒิสภา เพื่อ เปิดทาง ให้มีการเยียวยาแก้ไขกรณี ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน โดย วุฒิสภา ทำได้หรือไม่ได้ก็ต้องเสนอไว้ก่อนละ
•• เพราะไม่ว่าจะอย่างไร สุชน ชาลีเครือ ก็ ได้ทำ – ในสิ่งที่ต้องทำ ไปเรียบร้อยแล้ว การเยียวยาแก้ไขใหม่ – โดยประธานวุฒิสภาคนใหม่ ก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นและสำเร็จโดยง่าย “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าการตัดสินใจ ลาออก – เยี่ยงสุภาพบุรุษ โดยอาศัยเหตุผล “...เพื่อเปิดหนทางให้ประธานวุฒิสภาคนใหม่ได้หารือร่วมกับสมาชิกในการหาทางแก้ปัญหาที่เหมาะสม แม้ผมจะยืนยันว่าได้ตัดสินใจไปถูกต้องแล้ว แต่เมื่อเกิดปัญหา ก็ยินดีจะเปิดทาง.” น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการคงไว้ซึ่ง ความดีในหน้าประวัติศาสตร์ เพื่อคงไว้ซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีของ ตระกูลชาลีเครือ แห่ง บ้านยางเครือ ตำบลหนองโดน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ นะ
•• ก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่า เมืองไทยรายสัปดาห์ หลังถูกถอดออกจากผังรายการโมเดิร์นไนน์ 9 นอกจากจะเป็นรายการโทรทัศน์เหมือนเดิมถ่ายทอดสดทาง ASTV News 1, วิทยุชุมชนเจ้าฟ้า FM 97.75 Megahertz และ www.manager.co.th แล้วยังจะเพิ่มรูปแบบใหม่ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร เริ่มต้น ครั้งที่ 1 ใน วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2548 ที่ใกล้ ๆ สนามหลวง หอประชุมศรีบูรพา (หอประชุมเล็ก) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ – ท่าพระจันทร์ ขยายเวลาเพิ่มขึ้นเป็นระหว่าง 17.00 – 20.00 น. นอกจากผู้ดำเนินรายการคู่เดิม สนธิ ลิ้มทองกุล – สโรชา พรอุดมศักดิ์ แล้วในช่วงแรกประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนเริ่มต้นสนทนาจะเป็นการบรรเลงบทเพลงโดยวงดนตรีคีตาญชลี โดย สมศักดิ์ – สุรินทร์ อิสมันยี และครอบครัว พิธีกรคู่ในรายการส่วนแรกนี้คือ สำราญ รอดเพชร – จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ นอกจากนั้นในระหว่างช่วงพักการสนทนาจะมีการบรรเลง กู่เจิง – ยิ้มเย้ยยุทธจักร โดย ดร.สุวินัย ภรณวลัย รวมทั้งสิ้น 4 เพลง คารวะผู้กล้าทั้งแผ่นดิน, สรรเสริญความยิ่งใหญ่ของฟ้าดิน และ ครวญหาความรัก เสรีภาพ และสันติภาพ หน้างานมีจำหน่าย เสื้อยืด “เราจะสู้เพื่อในหลวง”, วีซีดี “เมืองไทยรายสัปดาห์”, หนังสือชุด “เมืองไทยรายสัปดาห์” และ ฯลฯ รวมทั้ง จานดาวเทียม ASTV ควรไปจับจองที่นั่งแต่หัววัน หอประชุมเปิดตั้งแต่เวลา 16.15 น. ไม่ควรพลาด