xs
xsm
sm
md
lg

เปิดเบื้องลึกโผแต่งตั้ง-โยกย้าย “นายทหาร” ปี 2548

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังจากที่อึมครึมมานาน ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณจำนวน “620 นาย”  โดยตำแหน่งสำคัญๆ ไม่มีการพลิกโผแต่อย่างใด เมื่อบรรดาตัวเก็งที่ได้รับการคาดหมายว่าจะขึ้นเป็น “ปลัดกลาโหม-ผบ.สส.-ผบ.ทบ.-ผบ.ทร.” ต่างได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกันถ้วนหน้า


ผู้สื่อข่าวรายงานการโยกย้ายนายทหารประจำปี 2548 ว่า พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ รอง ผบ.สส. (ตท.4 เกษียณ 49 ) ถูกโยกเป็นปลัด กห. พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ประธานคณะที่ปรึกษา บก.สส. (ตท.5 เกษียณ 49) เพื่อนซี้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผบ.สส.คนปัจจุบัน ขึ้นเป็น ผบ.สส.ตามคาด ส่วนกองทัพบก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผช.ผบ.ทบ. (ตท. 6 เกษียณ 50) เพื่อนร่วมรุ่นของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็น ผบ.ทบ.มุสลิมคนแรกของกองทัพไทย และเป็น ผบ.ทบ.คนที่ 35 ของกองทัพบก ขณะที่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ รองผบ.สส. (ตท.6 เกษียณ 51) ซึ่งถูกแตะโด่งจากตำแหน่ง เสธ.ทร. มาเป็นรอง ผบ.สส.เมื่อปลายปีที่แล้วเพราะอายุน้อย ได้รับคืนความชอบธรรมเมื่อถูกโยกกลับมาเป็น ผบ.ทร.

อย่างไรก็ตาม ตำแหน่ง ผบ.ทอ.เกิดการพลิกโผตามคาด จากเดิมที่มีการเสนอชื่อ พล.อ.อ.ระเด่น พึ่งพักตร์ ผช.ผบ.ทอ. (ตท. 5 เกษียณ 50) ขึ้นเป็น ผบ.ทอ. แต่จากการที่ พล.อ.อ.ระเด่นยังมีคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.กรณีจัดซ่อมเฮลิคอปเตอร์ และยังไม่มีการตัดสิน ในที่สุดจึงมีการเปลี่ยนตัว ผบ.ทอ.คนใหม่ โดย พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการยุทธทางอากาศ (ผบ.บยอ.) (ตท.6 เกษียณ 51) ซึ่งเป็นนายทหารใจซื่อมือสะอาด และมีภาพลักษณ์ดี ซึ่งแต่เดิมถูกวางตัวให้เป็นรอง ผบ.ทอ. ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.แทน ขณะที่ พล.อ.อ.ระเด่น ถูกเด้งไปเป็นรอง ผบ.สส.แทน ส่วน พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี เสธ.ทอ.(ตท.6 เกษียณ 50) ซึ่งเป็นตัวเก็งที่ได้รับการคาดหมายว่าจะขึ้นเป็น ผบ.ทอ.เช่นกันหลัง พล.อ.อ.ระเด่นเกิดปัญหา ท้ายสุดก็ถูกโยกพ้นกองทัพอากาศให้ข้ามไปเป็นรองปลัด กห.เช่นกัน ขณะที่ พล.อ.อ.อัครชัย สกุลรัตนะ ผู้บัญชาการฝึกศึกษาทหารอากาศ (ผบ.บศอ.) (ตท.5 เกษียณ 50) ที่แต่เดิมถูกวางตัวเป็นรองปลัด กห. ก็ถูกโยกกลับมาเป็นรอง ผบ.ทอ.

ทั้งนี้ ตำแหน่งสำคัญในกองทัพต่างๆ มีดังนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (สป.) พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม (กห.) พล.อ.มนตรี สุภาพร รองปลัด กห. ขึ้นเป็นจเรทหารทั่วไป พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม (ผอ.สนผ.) ขึ้นเป็นรองปลัด กห. พล.อ.อ. ธเรศ เป็นรองปลัด กห. พล.อ.เกษมศักดิ์ ปลูกสวัสดิ์ รองเสธ.ทหาร ข้ามมาเป็นรองปลัด กห. พล.ท.ธวัช จารุกลัส เจ้ากรมการอุตสาหกรรมทหาร ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร (จก.อท.ศอพท.) (ตท.6) เป็น ผอ.สนผ. พล.ท.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ผอ.ช่อง 5 ขึ้นเป็น พล.อ.ที่ปรึกษา สป.

สำหรับกองบัญชาการทหารสูงสุด (บก.สส.) พล.อ.เรืองโรจน์ เป็น ผบ.สส.แบบนอนมา พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เสธ.ทหาร (ตท.6 เกษียณ 51) ขยับขึ้นมาเป็นรอง ผบ.สส. เพื่อจ่อคิวเป็น ผบ.สส.ในปลายปีหน้า พล.ร.อ.สุรินทร์ เริงอารมณ์ เสธ.ทร. (ตท.6 เกษียณ 50) เป็นรอง ผบ.สส. พล.อ.อ.ระเด่นเป็นรอง ผบ.สส. พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ผช.ผบ.ทบ. (ตท.7 เกษียณ 50) เป็นเสธ.ทหาร พล.อ.วินิจ บุญยประภัศร ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (ผบ.สปท.) ขึ้นเป็นประธานคณะที่ปรึกษา บก.สส.อัตราจอมพล

ส่วน พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 (ตท.10 เกษียณ 54 ) ที่เดิมเคยถูกวางตัวเป็น เสธ.ทบ. อกหักเป็นได้แค่รอง เสธ.ทหาร พล.อ.อ.บุรีรัตน์ รัตนวานิช ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. น้องชาย พล.อ.เลิศรัตน์ อกหักถูกโยกข้ามห้วยมาเป็นรอง เสธ.ทหารเช่นกัน พล.ร.ท.ยงยศ ห่วงนิกร รอง ผบ.กองเรือยุทธการ เป็นรอง เสธ.ทหาร ด้าน พล.ท.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ รอง เสธ.ทบ.(ตท.7 เกษียณ 51) สามีคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ ถูกโยกข้ามห้วยพ้นกองทัพบก แต่ก็ได้ขึ้นเป็น พล.อ.ในตำแหน่ง ผบ.สปท.

ขณะที่กองทัพบก พล.อ.สนธิ เป็น ผบ.ทบ. พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ รองปลัด กห. (ตท.9 เกษียณ 49 ) ผิดหวังเป็นคำรบ 3 เมื่ออกหักเป็นได้แค่รอง ผบ.ทบ. พล.ท.ไพศาล กตัญญู แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.7 เกษียณ 50) ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ. ขณะที่ พล.ท.พรชัย กรานเลิศ รอง ผบ.นทพ. (ตท.10 เกษียณ 53) เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณขึ้นเป็น พล.อ.ในตำแหน่ง ผช.ผบ.ทบ. เพื่อเตรียมจ่อคิวเป็น ผบ.ทบ.ในอนาคต พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ.(ตท.6 เกษียณ 50) ขึ้นเป็นประธานคณะที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. พล.ท.โสภณ ศีลพิพัฒน์ รอง เสธ.ทบ.(ตท.6 เกษียณ 50) ขึ้นมาเป็น เสธ.ทบ.

พล.ท.กิตติพงษ์ เกษโกวิท ผช.เสธ.ทบ.ฝยก. (ตท.8 เกษียณ 54) ขึ้นเป็นรอง เสธ.ทบ. พล.ท.จงศักดิ์ พานิชกุล ผช.เสธ.ทบ.ฝกร. (ตท.9 เกษียณ 53) ขึ้นเป็นรอง เสธ.ทบ. พล.ท.สุภาษิต วรศาสตร์ ผู้ช่วย เสธ.ทบ.ฝกพ. (ตท.6 เกษียณ 50) ข้ามกลับไปเป็นเป็นเจ้ากรมการทหารช่าง พล.ต.มนตรี ชมภูจันทร์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. เป็น ผช.เสธ.ฝกพ. พล.ต.ชาติชาย บุณวัฒนะกุล รองแม่ทัพภาคที่ 3 เป็น ผช.เสธ.ทบ. ฝยก. พล.ต.จริยะ ทองทับ รองเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.เป็น ผช.เสธ.ทบ.ฝกร.

ส่วนตำแหน่งคุมกำลังรบภาคต่างๆ มีการปรับเปลี่ยนดังนี้ พล.ต.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.10) เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.สุเจตน์ วัฒนสุข แม่ทัพน้อยที่ 2 (ตท.7 เกษียณ 50) เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.สะพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพน้อยที่ 3 (ตท.7 เกษียณ 51) เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 ฯลฯ

ด้าน กองทัพเรือ พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เป็น ผบ.ทร. พล.ร.อ.วิชัย ยุวนางกูร ผบ.กองเรือยุทธการ (ตท.6 เกษียณ 51) เป็นรอง ผบ.ทร. ขณะที่ตำแหน่งสำคัญอื่นๆ พล.ร.อ.สุชาต ญาโนทัย รอง เสธ.ทร.(ตท.6) เป็น ผช.ผบ.ทร. พล.ร.ท.วีรพล วรานนท์ ผช.เสธ.ทร.ฝยก. (ตท.8) เบียด พล.ร.ท.วัลลภ เกิดผล ที่ปรึกษากองทัพเรือ (ตท.10) เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ อกหักเป็นได้แค่รอง เสธ.ทร.แบบพลิกโผ พล.ร.ท.นพพร อาชวาคม รอง เสธ.ทร (ตท.6) เป็น ผบ.กองเรือยุทธการ ฯลฯ

ขณะที่ กองทัพอากาศ พล.อ.อ.ชลิต เป็น ผบ.ทอ. พล.อ.อ.อัครชัยเป็นรอง ผบ.ทอ. พล.อ.อ.ณพฤษภ์ มัณฑะจิตร ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. (ตท.5 ) เป็น ผช.ผบ.ทอ. พล.อ.ท.สมหมาย ดาบเพชร์ รอง เสธ.ทอ.(ตท.7) เป็น ผบ.บยอ. พล.อ.ท.สบสันต์ ชิณพงษ์ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการยุทธทางอากาศ (ตท.5) เป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการฝึกศึกษาทหารอากาศ พล.อ.ท.สุกำพล สุวรรณทัต รอง เสธ.ทอ.(ตท.10 ) เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นเป็น เสธ.ทอ. เพื่อเตรียมตัวเป็น ผบ.ทอ.ในอนาคตตามคาด ฯลฯ

ส่วนที่ฮือฮาสุดๆ ในโผนี้คือ พล.ท.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ขึ้นเป็น พล.อ.ในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ สป. ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าในโผนี้มีการปรับเปลี่ยน ผบ.หน่วยข่าวแบบยกกะบิในทุกเหล่าทัพ โดย พล.ต.วสิษฐ์ธร สุขสภา ผบ.หน่วยข่าวกรองทหาร (ผบ.ขกท.) พี่เขย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ถูกโยกไปเป็นจเรทหาร อัตรา พล.ท. พล.ต.เธียรวิชญ์ สายพงศ์ ขึ้นเป็น ผบ.ขกท. พล.ต.เกษม ยุกตวีระ เจ้ากรมข่าว ทบ.ถูกเด้งไปเป็นรองเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ. พล.ต.ศิริชัย ดิษฐกุล เป็นเจ้ากรมข่าว ทบ. พล.ร.ต.รพล คำคล้าย เจ้ากรมข่าว ทร.ขึ้นเป็น ผช.เสธ.ทร.ฝขว. พล.ร.ต.พลวัฒน์ สิโรดม เป็นเจ้ากรมข่าว ทร.

ขณะที่นายทหารที่มีความใกล้ชิดกับอดีต รมว.กลาโหมหลายคน ก็ขยับตำแหน่ง และยศกันถ้วนหน้า โดย พล.อ.สุรพันธ์ พุ่มแก้ว ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. ( ตท.9 เกษียณ 51) ช่วยราชการในตำแหน่งโฆษกกลาโหม ผงาดขึ้นเป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) พล.ท.ชาตรี ทัตติ รองผู้อำนวยสำนักงบประมาณกลาโหม อดีตนายทหารคนสนิทของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ขยับเป็นเจ้ากรมการเงินกลาโหม พล.ต.ชายศักดิ์ โสมกุล รอง ผอ.สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทหารกลาโหม ลูกเขย พล.อ.ชวลิต ขึ้นเป็น พล.ท.ที่ปรึกษา สป.

ด้านฝ่าย เสธ.ของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิสรางกูร ณ อยุธยา ในโผนี้ เสธ.ฯไอซ์ หรือ พล.ท.ไตรรงค์ อินทรทัต หัวหน้าสำนักงาน รมว.กห. ขึ้นเป็น พล.อ.ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย เสธ.รมว.กลาโหม พล.ต.พนม บัติประโคน ผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. นายทหารฝ่ายเสธฯ ของ พล.อ.ธรรมรักษ์ ขึ้นเป็น พล.ท.ในตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายเสธฯ รมว.กห.

ขณะที่นายพลหญิงในปีนี้มีด้วยกัน 8 คน ประกอบด้วย 1.พ.อ.(ญ) พรศรี คิดชอบ เป็น ผอ.สำนักงานแพทย์ สป. 2.พ.อ.(ญ) ประคิณันต์ แสงรุ่งเรือง เป็นนักวิชาการพิเศษ สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทหารกลาโหม 3.พ.อ.(ญ)พนิดา กังวานพณิชย์ เป็นผู้ชำนาญการ สป. 4.พ.อ.(ญ)นงเยาว์ ลี้สุวรรณ เป็นผู้ชำนาญการ สป. 5.พ.อ.(ญ)จริยา เสริมนรา เป็นผู้ช่วยเจ้ากรมการเงินกลาโหม 6.นาวาเอก(ญ)วีรวรรณ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ชำนาญการกองทัพเรือ 7.นาวาอากาศเอก (ญ) อุไร ปิยะรัตน์ เป็นผู้ชำนาญการกองทัพอากาศ 8.นาวาอากาศเอก (ญ) แสงมณี จิรสถาพร เป็นผู้ชำนาญการกองทัพอากาศ

ทั้งนี้ พล.อ.สนธิ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารบกซึ่งติดภารกิจเดินทางไปเป็นตัวแทนประชุม ผบ.ทบ.อาเซียนที่ประเทศบรูไน กล่าวว่า ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น ที่จะได้ทำงานเพื่อทดแทนคุณแผ่นดินได้อย่างมหาศาล โดยเบื้องต้นจะทำใน 2 เรื่องคือ กองทัพบกต้องพัฒนาทหารให้เป็นทหารอย่างสมบูรณ์ และการลงไปดูแลปัญหาภาคใต้ ซึ่งการแก้ไขปัญหาภาคใต้ได้มีการวางแผนงาน และกรอบไว้แล้วค่อนข้างสมบูรณ์ ต่อไปคือการปรับให้คำสั่งมีประสิทธิภาพ

“ในระหว่างที่มีการส่งบัญชีรายชื่อโยกย้ายจากกระทรวงกลาโหมขึ้นไป โดยส่วนตัวก็เพียงรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เท่านั้น ไม่ได้หวั่นไหวต่อกระแสข่าว แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานาในเรื่องจุดแข็ง และจุดอ่อนเรื่องการเป็นมุสลิม ผมบอกได้ว่าไม่ได้นำเรื่องความเป็นมุสลิมมาเกี่ยวข้องในการทำงาน ตลอดเวลาที่เป็นผู้บังคับหน่วย ลูกน้องก็ไม่มีที่เป็นมุสลิม และเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อการปกครองหน่วย และผมก็มีญาติที่เป็นพุทธเยอะแยะ เพราะผมเป็นคนภาคกลาง”พล.อ.สนธิ กล่าว

ส่วนการปรับงานด้านยุทธการ และงานกิจการพลเรือน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบมุสลิมซ้ำเหมือน 131 คนที่หนีเข้าไปในประเทศมาเลเซียนั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ต้องดำเนินการควบคู่กันไป แต่ให้มีความพอดี และสมดุล ซึ่งการเมือง และการทหารต้องเดินไปด้วยกัน การทหารอ่อนก็จะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แต่ถ้าการทหารแก่ไปก็จะทำให้เกิดผลกระทบต่อการเมือง และความรู้สึกของประชาชนไม่เฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เป็นความรู้สึกของคนทั่วประเทศ นอกจากนั้นยังต้องสร้างความรักสามัคคีระหว่างไทยพุทธ และไทยมุสลิมให้จงได้ ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีโอกาส เพราะไม่มีหน้าที่โดยตรง ต่อไปก็จะลงไปพูดคุยกันมากขึ้น เพราะการพูดคุยคือการสร้างความไว้วางใจได้อย่างดีที่สุด

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่ามีแรงสนับสนุนจากหลายด้านโดยเฉพาะจากบ้านสี่เสาเทเวศน์ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตรงนี้ไม่ค่อยรู้ กับผู้ใหญ่ไม่ค่อยได้คุย ป๋าเปรมท่านเป็นคนดี เราเคารพท่าน แต่ไม่ได้คุย จึงไม่ทราบว่าท่านสนับสนุนใคร

ด้าน พล.อ.อ.ระเด่น ว่าที่ รอง ผบ.สส. กล่าวถึงกรณีที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทอ.ตามที่มีการเสนอไปว่า ไม่เป็นไร เมื่อมีพระบรมราชโองการฯ โปรดเกล้าลงมาก็ต้องยอมรับ ส่วนกรณีซ่อม ฮ.ที่กลายเป็นเหตุให้มีการพลาดตำแหน่งนั้น ได้ชี้แจงไปแล้ว ซึ่งเรื่องอยูที่ ป.ป.ช. จึงไม่ทราบว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร สำหรับ พล.อ.อ.ชลิต ซึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น ผบ.ทอ.นั้น ถือเป็นคนที่มีความสามารถ และเป็นคนดี มีความสามารถที่จะเป็นผู้นำหน่วยได้

เมื่อถามว่า ความขัดแย้งกันเพื่อชิงตำแหน่ง ผบ.ทอ.จนทำให้มีการเปลี่ยนโผจะทำให้มีผลกระทบต่อเครดิตของกองทัพอากาศหรือไม่ พล.อ.อ.ระเด่น กล่าวว่า ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับจังหวะ ในอนาคตจะเป็นอย่างไรเราไม่ทราบ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นพี่น้องกันทั้งนั้น เมื่อมีการเกษียณ และจะต้องแต่งตั้งใครขึ้นมาก็ต้องมีการแข่งขันกันเป็นธรรมดา หากมีการยอมรับซึ่งกันและกันก็ไม่มีปัญหา แต่เชื่อว่าต่อไปจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว ถือเป็นบทเรียนให้คนรุ่นหลังได้เห็น
กำลังโหลดความคิดเห็น