รายการคนในข่าว (6 ก.ย.48) ร่วมถกปัญหาเสียงเครื่องบิน ที่คาดว่าจะสร้างความเดือดร้อนกับหมู่บ้านรอบสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะความดังเสียงนั้นเกิน 70 เดซิเบลตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐชี้แจงมาตรการการช่วยเหลือให้ชัดเจน ขณะที่ บทม.และกระทรวงทรัพยากร ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงได้ออกโรงเจรจา ว่ามาตรการการช่วยเหลือนั้นมีอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้ รับทุกอย่างต้องมีการแก้ไขปรับปรุง ตลอดจนทบทวนสถานการณ์ต่างๆในการที่เครื่องขึ้น-ลงที่เป็นปัญหามาไตร่ตรองอีกครั้ง
รายการคนในข่าว ออกอากาศทาง News 1 เวลา 21.05-22.00 น. ดำเนินรายการโดยจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
จินดารัตน์ – สวัสดีค่ะ คุณผู้ชมคะ ขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการคนในข่าวค่ะ ค่ำคืนวันนี้นะคะเราจะคุยกันถึงปัญหาที่ยืดเยื้อ หลายๆปัญหาที่เกิดขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ยังคงทิ้งปัญหาเอาไว้ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องสะสางกันต่อหลากหลายปัญหาเหลือเกิน หลายคนเขาบอกว่าเอ๊ะ จะเปิดใช้กันแล้ว มันจะยังมีปัญหาอื่นมาให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งของภาครัฐออกมาแก้ต่าง แก้ไขให้อีกหรือไม่ แน่นอนที่สุดค่ะ วันที่ 29 กันยายนนี้จะได้ฤกษ์ที่เที่ยวบินของท่านนายกฯ ที่บอกว่าท่านจะ Landing นะคะ จะลองบินแล้วก็มาแตะที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นลำแรก จะเริ่มเปิดใช้กันอยู่แล้ว
แต่ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ ชาวบ้านค่ะ ผลกระทบโดยตรงเลยเกิดขึ้นกับชาวบ้านที่อยู่ในละแวกสนามบินสุวรรณภูมิ เรื่องของเครื่องบินขึ้นลงนั้น หลายคนอาจจะคิดไม่ถึงว่าเสียงนั้น มันทำให้เกิดมลภาวะทางเสียงนั้นมากมายมหาศาลแค่ไหน คุณผู้ชมถ้าหากว่าได้ลองไปแถวๆสนามบิน บางท่านอาจจะนึกไม่ออก แต่คนที่อยู่แถวดอนเมืองนี่เขาเข้าใจนะคะ ตอนนี้เขาชินกันแล้วค่ะ เสียงขึ้นลงของเครื่องบินแต่ละลำนั้นมันแผดก้อง มันเสียดแก้วหูขนาดไหนนั้น วันนี้ค่ะชาวบ้านที่อยู่แถวๆสุวรรณภูมิเขากลัวกันมากเหลือเกิน ก็เลยออกมาเคลื่อนไหวกันว่าอย่างนี้แล้วนี่นะคะ ระยะรัศมีไป 5 กิโลเมตรแล้วนี่ เวลาขึ้นเวลาลงนี่มันจะมีผลกระทบหรือไม่
มีการศึกษาออกมาเหมือนกันว่าถ้าเสียงเกิด 80 เดซิเบลนั้นมีปัญหาแน่นอนกับมนุษย์ เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาคุยกันว่าชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้น ชีวิตเขาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตามในขณะที่เครื่องบินยังไม่มีการขึ้นลงนั้น ชาวบ้านเขาบอกว่าหาทางแก้ไขให้เขาหน่อยได้ไหม จะแก้ยังไงก็หน่วยงานภาครัฐต้องออกมาบอกแล้วล่ะค่ะวันนี้ เราก็เลยเชิญทั้ง 2 ฝ่ายออกมาพูดคุยกัน มาตกลงกันว่าเอ๊ะ ตกลงว่าทางออกของเรื่องนี้จะทำกันอย่างไรได้บ้างนะคะ ในส่วนของชาวบ้านเองก็มาจาก 2 หมู่บ้านด้วยกัน ในส่วนของภาครัฐและก็ บทม.เองก็แบ่งกันมานะคะมีทั้งหมด 4 ท่าน
2 ท่านแรกมาจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมค่ะ ท่านแรกนะคะ ผู้อำนวยการสนธิ คชวัฒน์ค่ะ ท่านเป็นผู้อำนวยการระบบและตรวจสอบผลกระทบด้านสิ่งแสวดล้อมค่ะ ท่านต่อมาค่ะจากกระทรวงทรัพย์เช่นเดียวกันนะคะ ท่าน ผอ.ชนินทร์ ทองธรรมชาติ ผู้อำนวยการสำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมค่ะ และอีก 2 ท่านที่เหลือมาจาก บทม.ค่ะ ท่านแรกนะคะ คุณกุศล ชุมพลรัตน์ ผู้จัดการสำนักประสานงานโครงการการท่าอากาศยาน สนามบินสุวรรณภูมิค่ะ และอีกท่านหนึ่งนะคะ ดร.ไกรชาติ ตันตระการอาภา จากภาควิชาวิทยาศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อม คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดลค่ะ
ส่วนตัวแทน 2 ท่านที่มานั่งคุยกันบนโต๊ะวันนี้ และด้านหลังของดิฉันอีก 4-5 ท่าน เป็นตัวแทนที่จะมาบอกว่า เขากังวลอะไร อยากจะให้รัฐบอกอะไรพวกเขาบ้าง แก้ไขอะไรให้กับพวกเขาบ้างนะคะ รวมไปถึง บทม.ด้วย 2 ท่านที่เป็นตัวแทนค่ะ ท่านแรกคุณสุชาดา นันทะพานิชสกุลค่ะ เป็นประธานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรกรีนวัลเล่ย์นะคะ และอีกท่านนึงคุณธนสาร สาสังข์ ตัวแทนหมู่บ้านเคหะนคร 2 ลาดกระบังค่ะ สวัสดีค่ะทุกท่านนะคะ ก่อนอื่นดิฉันต้องเรียนถามก่อนว่าทางหมู่บ้านทั้ง 2 หมู่บ้านนี่ เห็นบอกว่าเหมือนกับออกมาเป็นตัวตั้งตัวตีเลยล่ะ เป็นแกนนำในการเรียกร้องเลยว่า ภาครัฐจะแก้ปัญหาเรื่องของมลภาวะทางเสียงอย่างไร ดิฉันเรียนถามก่อนว่า หมู่บ้านกรีนวัลเล่ย์ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิกี่กิโลเมตรคะ
สุชาดา – ถ้าอยู่ตรงข้ามเลยนะคะ ทางเข้าหมู่บ้านเรากับสนามบินนี้อยู่ตรงข้ามกัน แต่ถามว่าจากรันเวย์ถึงหมู่บ้านก็ประมาณ 5 กิโลนะคะ
จินดารัตน์ – 5 กิโลเมตร คือกรีนวัลเล่ย์นี่จะอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนนบางนา-ตราดใช่ไหมคะ อยู่ตรงหัวสนามบินว่าอย่างนั้นเถอะนะคะ
สุชาดา – ค่ะ ทางเข้าสะพานอยู่ด้วยกันค่ะ
จินดารัตน์ – ค่ะ เคหะนครล่ะคะ
ธนสาร – เคหะนครนี่ถ้าหากว่าจะดูตามแผนที่นะครับ จะอยู่ฝั่งเหนือของสนามบิน
จินดารัตน์ – ก็จะมีมหาวิทยาลัยอยู่ด้วยก็คือเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เคหะนคร 2 อยู่ใกล้กว่าถูกไหมคะ
ธนสาร – อยู่ใกล้ครับ แต่รู้สึกว่าจะอยู่ประมาณ ถ้าติดรั้วนะครับ ผมถือว่าประมาณครึ่งกิโล
จินดารัตน์ – ติดรั้วสนามบินเลย
ธนสาร – ครับ ติดรั้วเลยนะ หมู่บ้านเคหะนคร 2
จินดารัตน์ – ก็คือห่างจากรันเวย์ 500 เมตร นับจากรันเวย์นะคะ 500 เมตร แต่ติดรั้วสนามบินเลย มาอยู่กันตั้งแต่ปีไหนครับ
ธนสาร – เคหะนครนี่นะครับ นับตั้งแต่สร้างนี่ตั้งแต่ 2520 เกือบ 30 ปีแล้วครับ
จินดารัตน์ – กรีนวัลเล่ย์ล่ะครับ
สุชาดา – กรีนวัลเล่ย์โครงการตั้งแต่ 2528 ส่วนตัวดิฉันย้ายเข้ามาอยู่ 2530 ค่ะ
จินดารัตน์ – ตอนนั้นทราบไหมคะ ว่าสุวรรณภูมิจะขึ้นแน่ๆ
ธนสาร – ยังไม่ทราบครับ เพราะว่าสุวรรณภูมินี่มันมีตั้งแต่สมัยไหนมาแล้วนะ ก็ไม่ทราบว่าเขาจะตกลงสร้างหรือเปล่า เราก็ไม่ทราบ
จินดารัตน์ – จะสร้างแล้วก็ล้ม จะสร้างแล้วก็ล้มอยู่หลายรอบ แต่ก่อนตัดสินใจซื้อนี่ คุณธนสารคิดว่าเขาไม่สร้างแน่ๆ
ธนสาร – คิดว่าเขาไม่สร้างครับ
จินดารัตน์ – ด้วยเหตุผลกลใดคะ ถึงคิดว่าเขาไม่สร้างแน่ๆ
ธนสาร – ที่ว่าไม่สร้างนี่ เพราะว่ามันหลายยุคหลายสมัยนะครับ ก็ล้มเลิกกันตลอด เพราะก็ถือว่าไปสร้างสนามบินในหนองนี่ มันจะลงทุนเยอะอะไรต่างๆนานานะครับ ก็เลยคิดว่าตรงนี้ก็เหมาะที่จะเป็นที่อยู่อาศัย
จินดารัตน์ – คิดว่าไม่มีปัญหาแน่ๆเรื่องสนามบิน คุณสุชาดาล่ะคะ
สุชาดา – ก็เช่นเดียวกันนะคะ รู้ว่าสนามบินไม่สร้างแน่ในหนองงูเห่านะคะ ก็เลยมาซื้อบ้านตรงนั้น แล้วก็ต้องการหนีความแออัดเสียงจากในเมือง เพราะพวกเรานี่จะเป็นนักธุรกิจนะคะ เราเองอยู่ในภาคอุตสาหกรรมก็เสียงดังอยู่แล้ว ในเมืองก็เสียงดัง office ก็เสียงดัง ไปโรงงานก็เสียงดัง ก็เลยคิดว่าไปหาบ้านที่ชานเมืองที่สุด จะได้เสียงเงียบที่สุดนะคะ แล้วเราก็อยู่มาตลอด แล้วตอนที่สนามบินเริ่มจะมา เราก็ศึกษากันทันทีเหมือนกันในหมู่บ้านเรา ว่าจะรบกวนเราไหม ปรากฏว่าไม่มีผลรบกวนนะคะในช่วงนั้นที่เรารู้ข่าวมาว่า จะเป็นทางลงของสนามบินซึ่งอ้อมมาลง
จินดารัตน์ – ว่าวิธีการขึ้นลงของเครื่องบิน ศึกษากันถึงขนาดนั้นเลย
สุชาดา – ค่ะ แล้วก็บอกว่าเสียงนี่นะคะจะอยู่แค่ช่วงถนนบางนาเท่านั้น ไม่เข้ามาในหมู่บ้านเรา จนกระทั่งเพิ่งมาทราบเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ว่าทางสนามบินนี่ได้เลือกแผนที่จะใช้สถานการณ์ที่ 2 ซึ่งเข้ามาในหมู่บ้านเราเลย
จินดารัตน์ – เขาเรียกเป็นสถานการณ์ถูกไหมคะ สถานการณ์ที่ 1 สถานการณ์ที่ 2 และสถานการณ์ที่ 3 ปัญหาตอนนี้ที่คุณสุชาดาออกมาเรียกร้องเพราะว่า ตอนแรกคิดว่าทาง บทม.เลือกสถานการณ์ที่ 3 ซึ่งจะไม่มีผลกระทบ
สุชาดา – สถานการณ์ที่ 3 นี่นะคะ ถนนบางนา-ตราดอยู่ในเส้นสีแดง หมู่บ้านเราอยู่ข้ามถนนบางนา-ตราดมา จะเห็นเส้นเสียงของสนามบินนี่นะคะ จะมาอยู่แค่ถนนบางนา-ตราด แล้วก็จะใช้ 2 เลนนะคะ 2 รันเวย์ในการขึ้นและลง เป็นการเฉลี่ยกันออกไป
จินดารัตน์ – สรุปสุดท้ายมารู้ความจริงเมื่อวันที่ 29 ว่าเขาเลือกสถานการณ์ที่ 2 แทน
สุชาดา – สถานการณ์นี้ปั๊บ เสียงจะมาอยู่ที่กรีนวัลเล่ย์ทั้งหมด ทางนี้หายไปแล้ว ทุกทีก็จะมาอยู่บางนาเหมือนๆกัน ตรงนี้หายไปแล้วนะคะ เส้นบางนาข้ามมาที่หมู่บ้านเรา แล้วก็ไปลงคลองสำโรง
จินดารัตน์ – เส้นสีแดงนี่หมายถึงเสียงที่จะมารบกวน
สุชาดา – ที่บอกว่า 70 เดซิเบลนะคะ ส่วนสีข้างใน สีชมพู สีเขียว สีน้ำเงินนั่นก็อีกเสียงนึงนะคะ แต่สีแดงของหมู่บ้านเราที่ได้รับผลกระทบนี่ ในเวลากลางคืนนะคะ 65-70 เดซิเบล
จินดารัตน์ – อันนี้เป็นสถานการณ์ที่ 3 และ 2 ดิฉันเรียนถามคุณกุศลว่า ตกลงสิ่งที่คุณสุชาดาทราบมามันเป็นยังไงคะ ตกลงเลือกสถานการณ์ที่ 2 จริงไหมคะ ตั้งแต่แรกหรือว่าเพิ่งมาเปลี่ยน
กุศล – ครับ เราตั้งใจที่จะเลือกสถานการณ์ที่ 2 มาตั้งแต่เริ่มแรกแล้วนะครับ เหตุผลที่เลือกสถานการณ์ที่ 2 ก็เพราะว่า ในช่วงตั้งแต่ปี 2537 นี่ ซึ่งรัฐบาลมีมติที่จะสร้างสนามบินสุวรรณภูมิแน่นอน เราก็จ้าง GEC เข้ามาเพื่อทำแผนแม่บท แล้วก็เพื่อมาบริหารจัดการ จ้างกรรมการออกแบบนะครับ ในช่วงนั้นก็ GEC ก็ทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
จินดารัตน์ – คือมีมาให้เลือก 3 สถานการณ์ใช่ไหมคะ เท่าที่ดิฉันเข้าใจ
กุศล – ครับ เลือก 3 สถานการณ์
จินดารัตน์ – สถานการณ์ที่ 1 กับสถานการณ์ที่ 2,3 มันต่างกันยังไงคะ เอาแบบง่ายๆชัดๆค่ะ
กุศล – สถานการณ์ที่ 1 คือ รันเวย์ 2 รันเวย์นี้วางเหนือใต้นะครับ เครื่องบินขึ้นลงนี่จะทวนลมทั้งคู่ คือลงก็ทวนลม ขึ้นก็ทวนลมนะครับ ใน 1 ปีจะมีลมจากใต้พัดขึ้นเหนือ เพราะฉะนั้นเครื่องบินจะลงจากทิศเหนือลงทิศใต้นะครับ แล้วก็ขึ้นจากทิศเหนือไปทิศใต้เหมือนกัน
จินดารัตน์ – นั่นหมายถึงลงและขึ้นในทิศทางเดียวกัน ถูกไหมคะ
กุศล – ครับ 9 เดือน ในฤดูหนาวประมาณ 3 เดือน
จินดารัตน์ – แล้วที่เหลือล่ะคะ
กุศล – 9 เดือนนี่จะเป็นลงจากทางเหนือ
จินดารัตน์ – ทางเหนือนี่หมายถึงฝั่งลาดกระบังหรือเปล่าคะ
กุศล – ถูกต้องครับ
จินดารัตน์ – ก็คือเอาล่ะ มันมี 2 เลนอย่างนี้ ลงก็จะลงอย่างนี้ ขึ้นก็จะขึ้นไปอย่างนี้ ถูกไหมคะ ลงและขึ้นนั้นไปทิศทางเดียวกันทั้ง 9 เดือน แล้วอีก 3 เดือนที่เหลือล่ะคะ
กุศล – ลมเปลี่ยนทิศ พัดจากทิศเหนือไปทิศใต้ ก็สลับข้างกัน
จินดารัตน์ – อันนี้ไม่เลือก สถานการณ์ที่ 1 นี่ไม่เลือกแน่ๆ
กุศล – ครับ ทีนี้ตอนที่ไปสำรวจพื้นที่เพื่อวางแผนแม่บทนะคะ ก็ไปดูข้อจำกัดของการวางรันเวย์ วางทางวิ่งนะครับ ในส่วนทางตะวันออกเฉียงเหนือ ก็มีสถาบันรัฐบาล มีอาคารสูงอยู่ 1 หลัง คือมีหอพัก 12 ชั้น รู้สึกจะสูงประมาณ 56 เมตร แล้วก็ทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีธนาซิตี้ อันนี้สร้างไว้ก่อนหน้านี้แล้วนะครับ
จินดารัตน์ – ซึ่งถ้าหากว่าจะให้ลงแบบนั้นทั้ง 9 เดือน มีปัญหาหรือคะ
กุศล – เรื่องความปลอดภัยในการบินครับ เพราะว่ามีตึกสูงอยู่
จินดารัตน์ – ก็เลยตัดสินใจไม่เลือก
กุศล – ก็เลยมาวางแผนการบินว่า วิธีการบินที่ควรจะเหมาะสมก็คือ ลงทางทิศตะวันตก รันเวย์ตะวันตก ขึ้นรันเวย์ตะวันออก
จินดารัตน์ – นั่นหมายถึงว่าถ้าจะลงก็ลงฝั่งนี้ แต่ว่าทิศทางการขึ้นลงนี่ยังเหมือนเดิม ลงทิศเดียวกัน ขึ้นทิศเดียวกัน ถูกไหมคะ แต่จะเปลี่ยนสลับกันจากทิศนี้ก็คือเป็นลง อันนี้เป็นสถานการณ์ที่ 2 ที่บอกหรือเปล่าคะ
กุศล – สถานการณ์ที่ 1 คือลงทางตะวันตก 100% ขึ้นทางตะวันออก 100% นะครับ ในทางกลับกันในฤดูหนาว ก็ลงทางทิศตะวันออก 100% ขึ้นทางทิศตะวันตก 100% นะครับ อันนี้คือสถานการณ์ที่ 1 นะ ทีนี้ในการจัดการขึ้นลงแบบนี้ มันค่อนข้างฟิตไปนิดนึง ก็เลยมีการให้ยืดหยุ่น เพราะว่าเครื่องบินเวลาเข้ามานี บางครั้งเข้ามาพร้อมๆกันหลายลำ ให้ลงทางทิศตะวันออกเสียส่วนหนึ่ง เพื่อที่จะไม่ให้เข้าคิวกัน
จินดารัตน์ – คือแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ว่าอย่างนั้นเถอะ ก็อาจจะไม่ใช่ 100% ไม่ใช่ลง 100% ขึ้น 100% ถูกไหมคะ แบ่งเหลือเท่าไหร่ยังไงคะสัดส่วน
กุศล – 80/20
จินดารัตน์ – ก็คือเป็นสถานการณ์ที่ 2 ที่ว่า แต่การขึ้นลงทิศทางยังเหมือนเดิมถูกไหมคะ แล้วไปกระทบกับหมู่บ้านกรีนวัลเล่ย์ ถ้าเทียบกับสถานการณ์ที่ 3 ทำไมสถานการณ์ที่ 3 ถึงไม่กระทบคะ
กุศล – สถานการณ์ที่ 3 คือรันเวย์ 2 รันเวย์นี้ ใช้ไม่พร้อมกัน ขึ้นลงทั้ง 2 ข้างนะครับ อยากขึ้นลงรันเวย์ไหนก็ได้ แล้วก็สถานการณ์ที่ 3 นี่เฉลี่ยเลย 50/50 คนละครึ่งนะครับ ลงด้านนี้ 50 ขึ้นตรงนี้ 50
จินดารัตน์- - ก็เลยกระทบไปยังหมู่บ้าน เพราะจริงๆตอนแรกเขาจะเฉลี่ยกันครึ่งๆนี่นะคะ ความเข้าใจอย่างนี้ ถูกไหมคะ คุณสุชาดาเข้าใจอย่างนี้ตั้งแต่แรก แต่ก็คิดว่าเขาเลือกสถานการณ์ที่ 3 ถูกไหมคะ
สุชาดา – ชัดเจนค่ะ ว่าเลือกสถานการณ์ที่ 3
จินดารัตน์ – ไปได้ยินข่าวคราวมาจากไหนคะ
สุชาดา – อย่าบอกแหล่งข่าวแล้วกันนะคะ แต่ว่าคนในหมู่บ้านกรีนวัลเล่ย์ก็อยู่ในระดับที่ขับเครื่องบินกันด้วย
จินดารัตน์ – ก็มีความรู้เรื่องนี้
สุชาดา – ค่ะ แล้วทุกคนก็เลยสร้างบ้านต่อไปอีก แล้วพวกที่มาที่หลังก็มี
จินดารัตน์ – ก็วางใจแล้วล่ะ ว่าเขาไม่เลือกที่มีกระทบกับหมู่บ้านเรา
สุชาดา – ใช่ แล้วเรามีประชุมนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรกันทุกปีนี่ เราก็ชี้แจงในที่ประชุมว่าไม่มีผลกระทบแน่ เพราะข่าวนี้ชัดเจน
จินดารัตน์ – ทีนี้ต้องถามอาจารย์ไกรชาติว่า ระดับเสียงขนาดไหนของเครื่องบินนี่นะคะ คือเอาล่ะ ที่คุณสุชาดาบอกว่า เส้นสีแดงที่มันลามมาถึงหมู่บ้านนี่มัน 70 เดซิเบล เสียงขนาดไหนคะอาจารย์ ที่ทำให้หูมนุษย์นี่มีปัญหา
ดร.ไกรชาติ – คือในมาตรฐานบ้านเรา กำหนดไว้ว่าตลอด 24 ชั่วโมง ระดับเสียงไม่ควรจะเกินกว่า 70 เดซิเบล A คือเป็นตัวมาตรฐานที่กำหนดในบ้านเรา
จินดารัตน์ – กับ 80 เดซิเบลธรรมดาเหมือนกันไหมคะ
ดร.ไกรชาติ – ไม่เหมือนครับ ก็คือถ้ามองง่ายๆ 80 ก็คือระดับเสียงมันจะมากกว่าที่ 70 แต่ไม่ใช่มากกว่าเป็น 10
จินดารัตน์ – แล้วตัว A นี่มันบ่งบอกถึงอะไรคะ
ดร.ไกรชาติ – A นี่คือว่าเป็นหน่วยการตอบสนองของหูคนเรา เขาจะเครื่องมือวัดแล้วมีหน่วยเป็น A เป็น B เป็น C นะครับ ทีนี้เผอิญ A นี่คือมันจะใกล้เคียงกับการตอบสนองของหูคนเรา เพราะฉะนั้นก็ได้หน่วย A ใกล้เคียงมากที่สุด มองในแง่ของสุขภาพของคนเรานะครับ
จินดารัตน์ – พูดง่ายๆว่าเกินกว่า 70 นี่มีปัญหาแน่ๆ
ดร.ไกรชาติ – ครับ ก็คือเขาจะกำหนดไว้ที่ 70 ถ้าเราอยู่ในพื้นที่ตรงนั้นตลอด 24 ชั่วโมง ที่ระดับเสียงที่มันค่อนข้างจะมากเกินกว่า 70 มันก็อาจจะมีผลกระทบนะครับ ต่อการได้ยินของหูของคนเรา
จินดารัตน์ – เสียงเครื่องบินนี่ระดับไหนคะ อาจารย์
ดร.ไกรชาติ – เสียงเครื่องบินระดับไหนนี่ อาจจะตอบยาก คือถ้ามองว่าจุดตรงไหนนะครับ ทีนี้ที่เราทำมา กรณีที่เราประเมินผลกระทบจากเสียงรบกวนจากสนามบิน ในบ้านเราจะมีกำหนดเป็นตัวมาตรฐาน เขาจะเรียกเป็นหน่วย AEF แต่ถามว่า AEF กับตัวเดซิเบลนี่กลับไปกลับมาได้ไหม ก็ได้ ก็จะบวกประมาณ 30 เข้ามา ทีนี้ AEF ในที่เป็นตัวกำหนดขึ้นมานะครับ ทางบ้านเราจะมีกำหนดเป็น 30-40 ก็คือว่าพื้นที่ไหนที่มันมีระดับเสียงของ AEF ก็คือเสียงจากสนามบินที่เกิน 40 ขึ้นมานี่ ถ้าประมาณ 70 เดซิเบลนี่นะครับ พื้นที่ตรงนี้อาจจะมีปัญหากับชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราเป็นที่พักอาศัย หรือว่าเป็นสถานศึกษา หรือว่าโรงพยาบาลนะครับ อาจจะมีปัญหาเรื่องของการรบกวนของเสียงตรงนี้นะครับ
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ ดิฉันเรียนถามตรงๆว่า อย่างหมู่บ้านเคหะนคร 2 ของคุณธนสารกับชาวบ้านนี่นะคะ อยู่ติดรั้วเลยห่างจากรันเวย์แค่ 500 เมตร ประเมินได้ไหมคะว่าเสียงมันจะประมาณกี่เดซิเบล
ดร.ไกรชาติ – ทางตอนเหนือใช่ไหมครับ ทีนี้มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย อย่างที่เรียนว่ามันจะมี 3 สถานการณ์ ว่าสถานการณ์ที่ 1 ก็คือเราใช้รันเวย์เน้นหนักไปทางด้านทิศตะวันตก สัดส่วนประมาณ 80% นะครับ ด้านตะวันออก 20% ทีนี้สถานการณ์ที่ 2 ก็คืออาจจะเปลี่ยนไป
จินดารัตน์ – เอาแบบสถานการณ์ที่ 2 ที่เลือกแล้วนี่แหละค่ะ อาจารย์
ดร.ไกรชาติ – ให้ดูสถานการณ์ที่ 2 นี่นะครับ ก็คือว่าจากที่สัดส่วนทั้งหมด 100 เรามาให้น้ำหนักด้านทิศตะวันตกประมาณร้อยละ 90 แล้วก็มาใช้ในกรณีที่ว่าอาจจะมีปัญหาการจราจรทางอากาศที่คับคั่ง ก็มาใช้ในส่วนทางด้านทิศตะวันออกซัก 10 ส่วนใน 100 ส่วน แล้วตรงนี้เราก็มีการจำลองออกมา โดยผมจะขออนุญาตพูดเพื่อความเข้าใจนิดนึง ว่าการที่จะได้ออกมาซึ่งตัวเสียงว่ามันเป็นเส้นเท่าไหร่ๆนี่นะครับ ก็ดูจากว่าจะมีเครื่องบินประเภทไหนที่เข้ามาใช้ในสนามบินตัวนี้
จินดารัตน์ – โดยเฉลี่ยได้ไหมคะ ที่เอาแบบชาวบ้านเขาเข้าใจได้ง่ายๆว่า ตกลงเขาอยู่ติดรั้วสนามบิน กับสถานการณ์ที่ 2 ที่เลือกมาแล้วนี่ เสียงที่เขาจะได้ยินได้ฟัง 24 ชั่วโมงนี่มันจะประมาณซักเท่าไหร่คะ อาจารย์
ดร.ไกรชาติ – ถ้าบ้านติดกับตรงรั้วของพื้นที่ของโครงการ ทางด้านทิศตะวันออกนะครับ ค่า AEF จะตกประมาณที่ 35-40 ก็คือบวกเข้าไปประมาณ 30 ก็คือ 65-70 เดซิเบล ซึ่งเป็นตัวมาตรฐานนะครับ ที่กำหนดเป็นค่า 24 ชั่วโมง
จินดารัตน์ – ยังรับไว้หมคะ อาจารย์ หรือว่าระยะยาวแล้วมีปัญหา
ดร.ไกรชาติ – ตรงนี้คือสถานการณ์ที่เราศึกษาตอนนี้นะครับ เป็นสถานการณ์ที่จำลองว่ามีผู้โดยสารจะมาใช้บริการ 45 ล้านคนต่อปีนะครับ ถ้าถามว่าจะมีปัญหาไหมอันนี้ก็คือว่า ในอนาคตแน่นอน จำนวนผู้โดยสารมันก็ต้องเพิ่มขึ้น
จินดารัตน์ – 2 นาที 1 ลำ ถูกไหมคะ อาจารย์คะ เท่าที่อ่านข้อมูลมา ทุกๆ 2 นาทีจะมีเครื่องบินขึ้นลง
ดร.ไกรชาติ – ประมาณนั้นครับ
จินดารัตน์ – ดิฉันไม่อยากคิดเลยว่า 24 ชั่วโมงมันจะมีประมาณกี่ลำ
กุศล – สำหรับบ้านเรามีช่วงพีคประมาณ 2 ครั้ง ก็ช่วงเช้าครั้งนึง แต่ตอนนี้รู้สึกจะ 3 แล้ว ช่วงเช้าครั้งนึง และช่วงค่ำอีกครั้งนึง และเครื่องบินที่ไปยุโรป ไปอเมริกาดึกเลย
ธนสาร – เมื่อกี๊อาจารย์ชี้แจงรู้สึกว่าจะเป็นทางตะวันออก แต่รู้สึกว่าของผมนี่จะเป็นทางด้านเหนือ อยากจะให้ชี้แจงด้านนี้ด้วย
ดร.ไกรชาติ – ด้านเหนือของสนามบินใช่ไหมครับ
จินดารัตน์ – ด้านเหนือไปทางตะวันออกหรือว่าตะวันตกคะ
ธนสาร – รู้สึกว่าจะไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ดร.ไกรชาติ – ก็ประมาณ 70 เดซิเบลครับ
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ ก่อนที่จะมีการสร้างสนามบินนี่ อาจารย์ก็มีการศึกษาเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมมาแล้ว ดิฉันไม่รู้ว่าข้อมูลของอาจทารย์ตรงกับกระทรวงทรัพย์หรือเปล่า ดิฉันขอเรียนถาม ผอ.สนธิ และก็ ผอ.ชนินทร์ก่อนว่า กระทรวงทรัพย์เองก็ไปศึกษาด้วยถูกไหมคะ
ชนินทร์ – ผมเรียนอย่างนี้ คือรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมนี่ เจ้าของโครงการเป็นคนดำเนินการ โดยให้นิติบุคคลเป็นคนจัดทำรายงาน ในส่วนนี้ก็คือข้อมูลอันเดียวกัน เอามาจากรายงานอันเดียวกัน
จินดารัตน์ – นั่นหมายความว่ามีแค่บริษัทเอกชนบริษัทเดียวที่ทำการศึกษา แต่ทำไมดิฉันแปลกใจตรงนี้ค่ะว่า ข้อมูลที่ได้จากกระทรวงทรัพย์ อันนี้ไม่รู้ว่าถูกต้องหรือเปล่านะคะ ที่สื่อนำมาลงบอกว่าพื้นที่เสี่ยง โอกาสเกิดการพิการทางหูระดับเสียงอยู่ที่ 75-80 เดซิเบล ก็มี 12 หมู่บ้านด้วยกัน พื้นที่เสี่ยงระดับเสียงเกิน 80 เดซิเบล ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ทั้งหมด 8 แห่ง มีโรงเรียนด้วยนะคะ แล้วบริษัทเอกชนที่เขาศึกษามามีไหมคะ อาจารย์คะ ที่บอกมีผลกระทบมากกว่า 80 เดซิเบล ไม่สามารถอยู่อาศัยได้
ดร.ไกรชาติ – คือพื้นที่ตรงนี้จะเป็น 40 AEF บวกเข้าไป 30 ก็จะประมาณ 70-75 เดซิเบล ซึ่งตรงนี้จริงๆแล้วถามว่ามันไม่เหมาะที่เป็นที่พักอาศัย
จินดารัตน์ – ไม่ว่าระยะสั้นหรือระยะยาว ถูกไหมคะ
ดร.ไกรชาติ – ครับ ยิ่งระยะยาวก็ยิ่งจำนวนผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น เที่ยวบินเพิ่มมากขึ้นนะครับ เพราะฉะนั้นพื้นที่ตรงนี้มันอาจจะขยายออกไปนะครับ มากเท่าไหร่นี่ผมอาจจะยังตอบไม่ได้ทีเดียว
จินดารัตน์ – แต่ก็มีใช่ไหมคะ พื้นที่เสี่ยงที่บอกว่ามากกว่า 80 เดซิเบล
ดร.ไกรชาติ – ก็มีครับ แต่อาจจะมีบางส่วนที่เล็ดลอดออกไป ก็จะมีอยู่บ้าน
จินดารัตน์ – ในข้อมูลของอาจารย์มีไหมคะ หมู่บ้านไหนบ้าง มีพื้นที่ไหนบ้างคะ เพราะในมีดิฉันนี่นะคะ มีหมู่บ้านมนสินี หมู่บ้านสราญวงศ์ หมู่บ้านร่มฤดี
สนธิ – คืออย่างนี้ครับ AEF 40-45 นี่เป็นบ้านพักของพนักงานสถานีรถไฟลาดกระบัง และก็บ้านพักพนักงานควบคุมประตูระบายน้ำตอนที่ 3 มีนบุรี นี่อยู่ในรายงานฉบับเดียวทีงานฉบับเดียวที่อาจารย์ไกรชาติทำมานะครับ
จินดารัตน์ – ก็คือเหมือนกัน ข้อมูลก็ข้อมูลเดียวกัน แต่พอกระทรวงทรัพย์ได้นับข้อมูลจากรายงานฉบับนี้แล้ว กระทรวงเข้าไปตรวจสอบอีกระดับชั้นนึงไหมคะว่า มันจริงหรือเปล่าข้อมูลที่ศึกษามา
ชนินทร์ – ข้อมูลนี้เขามีคณะกรรมการครับ ผู้ชำนาญการพิจารณารายงานตามขั้นตอนนะครับ ซึ่งก็มีผู้แทนของหน่วยงานต่างๆ ทั้งหน่วยงานรัฐ ทาง สผ.เอง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆก็มาพิจารณารายงาน ในการกำหนดมาตรการในการป้องกันและผลกระทบ จากข้อมูลที่ทางบริษัทไปดำเนินการศึกษานะครับ ซึ่งก็ได้ออกมาเป็นมาตรการในการลดผลกระทบที่แตกต่างกันตามระดับของผลกระทบด้านเสียง เช่น AEF 40 ขึ้นไป ก็พูดง่ายๆว่าไม่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัย
จินดารัตน์ – แล้วทำยังไงคะ ถ้าบอกว่าไม่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัย บทม.หรือว่าหน่วยงานภาครัฐทำยังไง
ชนินทร์ – ครับ คือ บทม. ในฐานะที่เป็นเจ้าของโครงการนี่นะ ก็ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการในการป้องกัน และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมนะครับ คือถ้าโครงการใดที่อยู่เกิน AEF 40 ขึ้นไป ก็ต้องมีมาตรการในการโยกย้ายออกไป
จินดารัตน์ – นั่นหมายถึงว่าต้องเวนคืนให้เขาถูกไหมคะ
ชนินทร์ – ครับ ต้องชดเชย ที่ดินจัดซื้อให้ เพราะว่ามันไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย จะมีผลกระทบกับเรื่องหู เรื่องอะไรต่างๆ เป็นการรบกวน ซึ่งอันนี้เป็นมาตรฐานต่างประเทศเลยนะว่าไม่ควรอยู่ อันนี้ บทม.ก็ต้องมีการไปดำเนินการ ซึ่งก็ได้มีการตั้งคณะทำงานต่างๆขึ้นมาดูแลในส่วนนี้แล้ว ถ้าช่วง 35-40 นี่ก็จะมีมาตรการชดเชย ในเรื่องของการจ่ายเงินอะไรต่างๆ
จินดารัตน์ – แต่ว่าจะย้ายออกหรือไม่นั่นก็เป็นสิทธิของเขา
ชนินทร์ – เป็นสิทธิ เพราะฉะนั้นก็ต้องเลือกแต่ละรายมาสอบถามความเห็นต่างๆ ว่ามีความประสงค์อย่างไรบ้าง แล้วก็ถ้าอยู่โชน 30-40 นี่ ก็ต้องมีการติดตั้งพวกวัสดุป้องกันเสียงต่างๆ ตามบ้านเรือนต่างๆให้
จินดารัตน์ – เพราะฉะนั้น บทม. ต้องชี้แจงให้ชาวบ้านเข้าใจ คุณสุชาดา คุณธนสาร เคยมีเจ้าหน้าที่ บทม.มาบอกไหมว่า หมู่บ้านคุณนี่มีผลกระทบเสียงเท่าไหร่ กี่เดซิเบล อยู่ลำบากนะจะได้รับเงินชดเชย หรือว่าตั้งระบบป้องกันเสียงอะไรให้ เคยไหมคะ
ธนสาร – ขอบคุณมากครับ ผมขอชี้แจงเลยนะครับ คือผมอยู่บ้านตลอด ตอนนี้ผมเกษียณนะ ไม่มีเจ้าหน้าที่มาถาม แม้แต่รันเวย์นี่ผมก็ไม่ทราบว่าจะขึ้นทางไหน ก็เพิ่งมาทราบเมื่อกี๊นี่แหละครับ ส่วนเรื่องผลกระทบอะไรต่ออะไรไม่มีเจ้าหน้าที่จริงๆ อันนี้แหละครับที่ผมจำเป็นต้องมานี่ก็ไม่ได้คิดอะไรนะ คิดว่าในเมื่อผมอยู่ตรงนั้นแล้วมันเดือดร้อนนี่นะครับ มันก็จำเป็นต้องออกมา เดี๋ยวผู้หลักผู้ใหญ่จะคิดว่าธนสารมาทำไม อะไรต่ออะไรนี่นะครับ ความจริงนี่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะกระทบนะครับ ทุกวันนี้นะครับฝุ่นละอองนี่จับใบไม้นะครับ จับดอกไม้อะไรต่ออะไร บานเกล็ดอะไรอย่างนี้
จินดารัตน์ – ตั้งแต่เขาเริ่มสร้างเลยใช่ไหมคะ ผลกระทบที่เกิดขึ้น
ธนสาร – ครับ ตั้งแต่เริ่มสร้างเลย
จินดารัตน์ – แสดงว่าคุณธนสาร ดิฉันเรียนถามเรื่องความกังวลใจก่อน ตั้งแต่เขาเริ่มสร้างกังวลใจเรื่องอะไรล่วงหน้าคะ
ธนสาร – กังวลใจมากจริงๆตอนสร้างนี่นะ ก็เรื่องละออง ที่จริงเสียงผมดีกว่านี้อีกนะ พอดีระบบหายใจนะครับ ทุกวันนี้ก็ยังทานยาอยู่
จินดารัตน์ – เพราะอายุมากขึ้นหรือเปล่าคะ เสียงถึงไม่ดี หรือว่าเป็นเพราะผลกระทบจริงๆ
ธนสาร – ผมว่ามันฝุ่นละออง มันเกี่ยวกับระบบหายใจ ไปตรวจแล้วเขาก็บอกว่าทางเดินระบบหายใจ ยามีครับ อันนี้จริงๆครับ เพราะผมอายุขนาดนี้แล้วคงไม่ได้มา make ครับ อันนี้ผมขอยืนยันในเรื่องการกระทบ
จินดารัตน์ – แล้วชาวบ้านออกมาร้องเรียน หรือว่าเรียกร้องอะไรนบ้างไหมคะ พอมีปัญหาเรื่องฝุ่นละออง
ธนสาร – ที่จริงหมู่บ้านนี้ก็เป็นหมู่บ้านที่รักสงบมากนะครับ ก็มีกลุ่มนี้แหละครับ กลุ่มนี้นะครับเขาตั้งคณะทำงานขึ้นมา และเชิญผมเข้ามา เพราะว่าก็โชคดีที่มีผู้สื่อข่าวคนนั้นครับ เขาก็เดินไปที่บ้านผม ผมก็ให้ข้อมูลไป ก็มีลงในหนังสือพิมพ์บ้าง อันนี้คือการกระทบตอนนี้เลยนะครับ ส่งเสียงนี่ผมก็คิดว่าถ้าหากว่ามัน 2 นาทีต่อ 1 ลำนี่นะครับ มัน 24 ชั่วโมงนี่นะครับ เสียงมันจะหยุดไม่ได้เลย ถ้าจะเปรียบก็เหมือนว่าเรากำลังติดเครื่องยนต์อยู่ตลอดเวลา อยู่ใกล้ๆบ้านเรา เมื่อเสียงมันดังอยู่ตลอดนี่นะครับ ปัญหาเรื่องเสียงนี่คงกระทบ
จินดารัตน์ – แสดงว่าก็คืออย่างแรกเรื่องฝุ่นนั้น ก็คิดเสียว่าถ้าเขาสร้างเสร็จเดี๋ยวมันก็หายไปเอง แต่เรื่องเสียงนี่มันจะอยู่ไปกับเราตลอดชีวิต ถูกไหมคะ ถึงต้องออกเรียกร้อง
ธนสาร – ครับ
จินดารัตน์ – คุณสุชาดาล่ะคะ
สุชาดา – ก็อย่างที่เรียนให้ทราบว่าเราเพิ่งรู้ แล้วบ้านเรานี่เป็นบ้านต้องการมาพักผ่อนจริงๆ ทีนี้ถ้าเกิด 24 ชั่วโมงเราก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปไหน และอีกอย่างที่มาเรียกร้องกันนี่ ก็อยากให้รัฐนี่เข้ามาดูว่า นาริตะเขาทำยังไง ญี่ปุ่นเขาทำยังไง ประเทศอื่นๆเพื่อนบ้านเราทำอย่างไร ถึงคุณจะบอกว่า 70 เดซิเบลเป็นเสียงธรรมชาติซึ่งเราต้องรับได้ แต่ต้องถามพวกเราว่าทำไมพวกเราย้ายออกมาเพื่อหนีเสียงอย่างนี้ ยังตามมาหาเราอีก เมื่อตามมาหาเราแล้ว รัฐจะปกป้องเราได้วิธีใดบ้าง
จินดารัตน์ – ไม่มีใคร ไม่มีเจ้าหน้าที่ของ บทม.เคยเข้ามาชี้แจงกับหมู่บ้านเลยใช่ไหมคะ ว่าจะมีเสียงรบกวนแค่ไหน ขนาดวัดได้เท่าไหร่
สุชาดา – ไม่เคยค่ะ ก็ทราบจากแหล่งข่าวเหมือนกัน ก็วิ่งเข้าไปหา ปรากฏว่าวันจันทร์ที่โทรนะคะ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับดิฉันเอง โทรไปทุกหน่วยงาน ปรากฏว่าไม่รู้อะไรเลย แม้กระทั่งประชาสัมพันธ์ของ บทม.เอง ก็ปฏิเสธอย่างเดียวว่า ผมไม่ว่างครับ ผมกำลังจะรับแขก ดิฉันก็เลยบอกว่านี่ขนาดว่าเราเป็นผู้มีความรู้ระดับนึงแล้ว เรายังไม่เคยได้รับรู้ แล้วพยายามขอทั้งวันในวันจันทร์ไม่ได้ จนกระทั่งวันที่ 1 เราถึงต้องไปดักพบนะคะ เราก็ตั้งคณะการทำงานของหมูบ้านขึ้นมาเหมือนกัน
จินดารัตน์ – ในส่วนของ บทม. ไม่ทราบว่าอาจารย์หรือคุณกุศลจะเป็นคนตอบคะ ว่าเคยเข้าไปชี้แจงกับชาวบ้านไหม เคยบอกกับชาวบ้านไหมหลังจากศึกษามา
กุศล – ครับ เรื่องนี้ก็ต้องยอมรับว่าเราอ่อนประชาสัมพันธ์นะครับ เพราะว่าจริงๆแล้วในช่วงก่อสร้างนี่นะครับ ค่อนข้างจะได้รับนโยบายให้เร่งงานก่อสร้างให้เสร็จให้เร็วที่สุด โครงการแสนกว่าล้าน แต่เรามีวิศวกรประมาณ 30 กว่าคน มีพนักงานสนับสนุนประมาณ 100 คน พนักงาน 100 กว่าคนนี่ทำงานสร้างสนามบินตลอดคืน โครงการแสนกว่าล้าน รวมแล้วแสนหก
จินดารัตน์ – คือก็ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ถูกไหมคะ
กุศล – คือยอมรับว่าเราอ่อนประชาสัมพันธ์ครับ ทีนี้ตอนนี้เมื่อมีเค้าว่าจะเสร็จแน่นอน เราก็ดำเนินมาตรการที่จะต้องทำนะครับ อย่างเช่นการประชาสัมพันธ์ เราก็เริ่มจัดจ้างทีมงานที่จะลงประชาสัมพันธ์เจาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
จินดารัตน์ – ทำความเข้าใจกับชาวบ้านถูกไหมคะ
กุศล – ครับ อันนี้เจาะพื้นที่โดยตรงเลยนะครับ ซึ่งตอนนี้ก็กำลังคัดเลือกบริษัทที่เข้ามาทำ
จินดารัตน์ – อย่างนี้นั่นหมายถึงว่า คือต้องไปถามชาวบ้านก่อนว่าต้องการให้แก้ไขอย่างไร หรือว่าทาง บทม.เองจะไปบอกชาวบ้านว่าจะแก้ให้ยังไงหรือคะ
กุศล – จะไปทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ว่าพื้นที่ตรงนี้ได้รับกระทบแบบนี้ แล้วเรามีมาตรการแบบนี้ แล้วก็เราต้องการฟังความเห็นของชาวบ้านว่าต้องการยังไงนะครับ
จินดารัตน์ – ในส่วนของกระทรวงทรัพย์ล่ะคะ กระทรวงทรัพย์ช่วยเหลือชาวบ้าน เป็นตัวแทนชาวบ้านได้ไหม ไปคุยกับ บทม. หรือว่าเป็นกระบอกเสียงให้ยังไงบ้างคะ
ชนินทร์ – คือเราก็ได้มีการประสานกับ บทม.นะครับ นี่ก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ในการกำกับดูแลตามมาตรการลดผลกระทบนี่นะครับ ซึ่งก็มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีก 3 คณะ ในเรื่องของคณะทำงานด้านมาตรการชดเชยต่างๆ ซึ่งชาวบ้านต่างๆก็สามารถแสดงสิทธิ แสดงเสียงเข้ามาที่คณะทำงานชุดนี้ ซึ่ง บทม.ก็จะพิจารณาด้วยความเป็นธรรม
จินดารัตน์ – ซึ่งกระทรวงทรัพย์เองต้องเป็นตัวแทนของประชาชนด้วยใช่ไหมคะ
ชนินทร์ – กระทรวงทรัพย์ก็เป็นกรรมการอยู่ในชุดนี้ด้วย
จินดารัตน์ – แล้วมีชาวบ้านด้วยไหมคะ มีตัวแทนด้วยไหมคะ
สนธิ – คืออย่างนี้ครับ คือทาง สผ.เองนะ ก็ได้ร่วมกับ บทม.เชิญ อบต.มาหารือ มาคุยกันบอกว่า ถ้าหากว่าใครเขาจะสร้างบ้านตรงไหนนะ อบต.เวลาอนุญาตต้องบอกเขานะว่า ตรงนี้เสียงดัง ซึ่ง อบต.ทั้งหมดนี่ก็รับไป
จินดารัตน์ – แต่ว่าไม่มีสิทธิที่จะไปห้ามเขาถูกไหมคะ
สนธิ – ครับ ไม่มีสิทธิที่จะห้าม แต่ว่าเตือนเขาได้ว่าตรงไหนเสียงดัง
จินดารัตน์ – ก็ชี้แจงเตือนเขาว่า ถ้าจะสร้างนี่เสียงมันเท่าไหร่ ยังไง
สนธิ – ครับ ซึ่งตรงนี้เขาก็รับมาตรการตรงนี้ไป อบต.ทุกคน ทุกส่วนก็จะไปเตือนนะว่าอย่าไปสร้าง ถ้าสร้างนี่ต้องยอมรับว่าเสียงดัง
จินดารัตน์ – ผอ.คะ ดิฉันเรียนถามจริงๆว่า จนกระทั่งทุกวันนี้ มันเป็นความเชื่อผิดๆเลย ที่เขาบอกว่าพื้นที่ในละแวกสนามบินสุวรรณภูมินี่ เขาบอกเป็นทำเลทอง ชาวบ้านเขาขายที่กันมีคนย้ายเข้าไปอยู่เยอะ อันนี้กระทรวงทรัพย์เองก็ต้องสร้างความเข้าใจให้ประชาชนใหม่ไหมคะ
สนธิ – กระทรวงทรัพย์เราก็เคยพูดในที่ประชุม ที่ข่าวเอาไปลงนะครับ ก็บอกไว้ชัดเจนว่าต้องดูนะ ว่าเที่ยวไปซื้อบ้านปลูกบ้านนี่ จะบอกว่าใกล้ทางด่วน สนามบิน รถไฟฟ้านี่ก็ใช่ แต่ต้องดูเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม ดูเรื่องเสียง แล้วเราก็เลยขอให้ อบต.ช่วยประชาสัมพันธ์ตรงนี้นะครับ ขณะเดียวกันเราก็ขอให้ทาง บทม.นี่ตั้งคณะทำงานขึ้นมา มีคณะกรรมการกำกับติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม เราก็ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีก 3 ชุด ก็คือจัดซื้อที่ดิน แล้วก็ดูเรื่องผลกระทบเรื่องเสียง ประชาสัมพันธ์ และอีกอันก็คือเรื่องผังเมือง
จินดารัตน์ – นั่นแสดงว่าชาวบ้านที่จะไปซื้อบ้านแถวสนามบิน ขอข้อมูลจากกระทรวงทรัพย์ได้ ถูกไหมครับ
สนธิ – เปิดเว็บดูได้เลยครับ www.monre.go.th
จินดารัตน์ – อาจารย์ไกรชาติคะ ดิฉันเรียนถามนิดนึง อย่างคุณสุชาดาบอกว่า อยากรู้เหมือนกันที่นาริตะ ที่ญี่ปุ่น เขาก็มีปัญหาคล้ายๆเรา เขาจัดการปัญหานี้อย่างไรคะ
ดร.ไกรชาติ – ที่นาริตะเผอิญผมไม่เคยไปนะครับ ทีนี้ถ้าดูขากตามประเทศที่ศึกษามา หรือว่าหลายๆที่ที่ผมมีโอกาสได้ไปนี่ ส่วนใหญ่แล้วคือว่าสนามบินก็จะห่างจากตัวเมืองออกมา ยกตัวอย่างอย่างมาเลเซีย ที่กัวลาลัมเปอร์ หรือว่าที่บริสเบน ที่ออสเตรเลียต่างๆ จะห่างออกมาจากตัวเมืองออกมา และอีกส่วนหนึ่งก็คือว่าทางภาครัฐเองก็คงต้องมามองดูว่า แจ้งให้ประชาชนรับทราบว่า พื้นที่สนามบินนั้นมีความเสี่ยงต่อหูของคนเรานะ ต่อสุขภาพของหู ต้องเตือนให้ประชาชนรับทราบว่า อันนี้คือพื้นที่เสี่ยงไม่ใช่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่จะเป็นทำเลทอง วิ่งแห่กันเข้ามานะครับ มาอยู่อาศัยและก็มีทำธุรกิจต่างๆ แต่ทีนี้คือต้องเตือนเรื่องสิ่งแวดล้อมและก็สุขภาพของประชาชนว่า พื้นที่เสี่ยงควรจะมีการกันพื้นที่ออกมา
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ คือต่างประเทศนี่เขาจะมีบอกเลยใช่ไหมคะ ว่ารัศมีห่างจากสนามบินกี่กิโลเมตรถึงจะปลอดภัยในเรื่องของมลภาวะทางเสียง เขาบอกไหมคะ
ดร.ไกรชาติ – ตรงนั้นคือได้จากการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ก็คือจะมีการจำลองอย่างที่ผมบอกว่าต้องมีการจำลองขึ้นมา เพราะเราไม่รู้ว่าสนามบินแต่ละที่จะมีเที่ยวบินมาลงเท่าไหร่ ประเภทของเครื่องบินที่จะมาลงเป็นเท่าไหร่ แล้วก็จะบินไปทางไหนแต่ละที่ไม่เหมือนกัน แต่ละที่อย่างนาริตะก็อาจจะ 5 กิโลเมตรจากตัวรันเวย์นะครับ กัวลาลัมเปอร์ก็อาจจะ 6 กิโลเมตรจากรันเวย์ หรือบ้านเรานี่อาจจะไม่เหมือนกันแล้ว เพราะว่ารูปแบบมันไม่เหมือนกันนะครับ บางที่ตัวรันเวย์เขาอาจจะไม่ได้ขึ้นทางเหนือหรือว่าใต้ แต่เขาอาจจะเป็นตะวันออก ตะวันตก
จินาดรัตน์ – นั่นหมายถึงว่า คือ จะสร้างนี่ก็บอกชาวบ้านไม่ได้เลยใช่ไหมคะ ชัดเจนไม่ได้ว่าคนที่อยู่ในละแวกรัศมีเท่านี้ๆ จะได้รับกระทบเท่าไหร่อย่างไร เพราะว่าทางขึ้นลงหรือจำนวนผู้โดยสาร เราก็ยังคาดการณ์ไม่ได้ชัดเจนถูกไหมคะ
ดร.ไกรชาติ – ถ้าเรามีข้อมูลระดับหนึ่งนะครับว่า สมมุติอย่างกรณีนี้ก็คือประมาณ 45 ล้านคน เรามีการจำลองที่เทียบใกล้เคียงกับบ้านเราที่สุด ก็คือเอาดอนเมืองมา เหมือนกับเรายกดอนเมืองมาเลย แต่ว่าจำนวนเที่ยวบินมันเพิ่มขึ้นมา จำนวนทิศทางของการขึ้นลงก็จะใกล้เคียงกับดอนเมืองมากที่สุด แล้วก็จะไปซ้ายไปขวาให้ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริง แล้วก็จำลองดูว่าตัวเดซิเบลนะครับว่ามันไปถึงไหน นี่คือการจำลองขึ้นมา ที่พอจะบอกชาวบ้านให้รับทราบได้ว่า ตรงนี้นะมันมีความเสี่ยงกับพวกคุณ แล้วไม่ควรที่จะมาอยู่
จินดารัตน์ – แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือ เราก็ไม่ได้ชาวบ้านใช่ไหมคะ อันนี้คือความผิดพลาดที่ บทม.ก็ยอมรับว่า ขาดการประชาสัมพันธ์ไปนิดนึง เอาล่ะ ตอนนี้มันพลาดแล้ว เกิดขึ้นมาแล้ว ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบก็นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว ช่วงหน้านะคะดิฉันขออนุญาตพักกันก่อน ช่วงหน้าจะกลับมาถามว่า แล้วคนที่เขาได้รับผลกระทบ เขาอยากให้ บทม. หน่วยงานภาครัฐแก้ปัญหาให้พวกเขาอย่างไร แล้ว บทม.มีคำตอบชัดเจนหรือไม่ ซักครู่เดียวค่ะ
*********************************************************
จินดารัตน์ – เอาล่ะครับ กลับมาช่วงสุดท้ายของรายการ เรากำลังพูดถึงผลกระทบทางด้านเสียงของสนามบินสุวรรณภูมินะคะ ช่วงแรกเราก็ฟังกันไปแล้วว่าแต่ละหน่วยงานนั้นทำงานกันอย่างไร บทม.ทำงานกันอย่างไร อาจจะเกิดความผิดพลาดเรื่องของการประชาสัมพันธ์ ว่าไม่ได้บอกชาวบ้านว่าผลกระทบอย่างนี้ๆ แล้ว บทม.จะแก้ไขปัญหาอย่างไร วันนี้พวกเขาออกมาเรียกร้องแล้วว่าจะให้ทำอะไรให้บ้าง แก้ไขอะไรได้บ้าง คุณสุชาดา อยากให้ บทม.หรือกระทรวงทรัพย์ทำอะไรคะ แก้ปัญหาอะไรให้
สุชาดา – อย่างที่เรียนค่ะ คืออยากให้สังคมทราบนะคะ ว่า บทม.เองเพิ่งจะตัดสินใจว่าจะใช้รันเวย์แบบนี้นี่ปีเดียว ผลกระทบเพิ่งรู้ เพราะฉะนั้นถามว่าพวกเรามาอยู่ก่อนนี่ตั้ง 2530 จนกระทั่งถึง 2548 ที่เพิ่งจะตัดสินใจว่าเลือกแบบนี้ สิ่งเหล่านั้นนี่พวกเราไม่รู้มาก่อน ตรงนี้ที่เราจะเรียกร้องนี่เราก็อยากขออะไรที่มันป้องกันเสียงให้เราบ้าง หรือให้เราอยู่อย่างสันติ จะเขยิบขึ้นมาซักหน่อยจาก 70 เป็น 30 เดซิเบล เราก็ยังพอโอเคด้วย เพราะไหนๆก็เป็นความเจริญของบ้านเมือง ถามว่าท่านสนธิคิดอย่างไร ทาง บทม.คิดอย่างไร ใน Area ของเราคือสีแดงนะคะ
จินดารัตน์ – ยกตัวอย่างเช่นติดกระจก 2 ชั้นอย่างที่นาริตะเขาทำ
สุชาดา – ใช่ หรือสามารถที่จะให้เครื่องบินหยุดตอนตี 1 เหมือนนาริตะได้ไหม ตี 1 ปุ๊บงดบินทั้งหมดให้เราไดพักผ่อน 6-7 ชั่วโมงเราก็พอแล้ว จะทำได้ไหม
จินดารัตน์ – ผอ.สนธิตอบในฐานะกระทรวงค่ะ
สนธิ – คืออย่างนี้ครับ คือว่ามาตรการลดผลกระทบนี่ ในรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมนี่ มันเป็นเงื่อนไขตามกฎหมาย ซึ่ง บทม.จะต้องไปปฏิบัติตาม และมันเป็นมติของกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้วย เพราะฉะนั้นนี่ในมาตรการผลกระทบสิ่งแวดล้อมนี่มันมีบอกไว้หมดนะครับ ถ้าหากว่าอยู่ในแนว 40 นี่นะ ต้องซื้อไปเลยครับ ต้องย้ายออกไปเลยนะ ถ้าอยู่ใน 35-40 จะต้องจ่ายเงินชดเชย และก็ไปหาวัสดุอุปกรณ์ดูดซับเสียงมาคิดให้ด้วย อันนี้อยู่ใน 30-35 ไม่ได้จ่ายเงินชดเชย แต่ว่าหาวัสดุอุปกรณ์มาดูดซับเสียง ยกตัวอย่างเช่นทำกระจก 2 ชั้นนะครับ เอาพวกใยแก้วมาติดที่ฝาผนัง ทำหลังคาใหม่เปลี่ยนเป็นหลังคาที่ดูดซับเสียง ป้องกันเสียง
จินดารัตน์ – อันนี้ชัดเจนอยู่แล้วในมาตรฐานที่จะต้องทำ
สนธิ – มีอยู่แล้ว แล้วเป็นสิ่งที่ทาง บทม.เขาต้องเอาไปประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านรู้ด้วย
จินดารัตน์ – คือคุณสุชาดาจะได้กระจก 2 ชั้นแน่ๆ ที่กรีนวัลเล่ย์ถูกไหมคะ ถ้า 30-35 ผอ.ยืนยันนะคะ
สนธิ – ครับ อยู่ในมาตรการครับ
จินดารัตน์ – กี่หมู่บ้านคะ ผอ. ที่จะได้ในระดับนี้ มีตัวเลขอยู่แล้วใช่ไหมคะ
สนธิ – คือทั้งหมดนี่ประมาณ 3500 หลังคาเรือน ต้องอยู่ในมาตรการลดผลกระทบ 179 แห่งต้องย้ายออก อันนี้มีตัวเลขอยู่แล้วครับ
จินดารัตน์ – แต่ว่ายังไม่ได้บอกชาวบ้านเท่านั้นเอง ถูกไหมคะ
สนธิ – เข้าใจว่าอย่างนั้นครับ
จินดารัตน์ – คุณกุศล อย่างกรณีคุณสุชาดาบอกว่า เครื่องบินหยุดบินได้ไหมตี 1 เป็นต้นไป
กุศล – ช่วงนี้ผมยังตอบไม่ได้นะ เพราะว่าในลักษณะของสนามบินบ้านเรานะครับ เนื่องจากว่ามันต้องพึ่งพากับสนามบินที่อื่นด้วย คือลักษณะของเครื่องบินของเรานี่ จะเริ่มต้นจากเราปลายทางที่ต่างประเทศ ของเราที่ขึ้นจากเราไปลงปลายทางที่ต่างประเทศอย่างเช่น อเมริกา หรือว่ายุโรปนี่ เราต้องไปลงสว่างที่โน่น ใช้เวลาประมาณ 11-12 ชั่วโมง ก็จะขึ้นจากที่นี่ประมาณ 23.00-24.00 น. ประมาณนี้ ตี 1 อาจจะไม่มี สมมุติว่าตี 1 ไม่มีก็อาจจะปิดตี 1 ก็ได้นะครับ
จินดารัตน์ – อย่างนี้พอใจไหมคะ คุณสุชาดา ถ้าฟังแบบนี้
สุชาดา – ก็สบายใจ
จินดารัตน์ – คุณธนสารล่ะคะ
ธนสาร – สำหรับผมนะครับ ถ้าหากว่ามันอยู่ใน 70 เดซิเบลนี่นะ ของผมใช่ไหมที่อาจารย์อธิบาย ถ้า 70 ถ้าหากว่าจะแก้ไขเสียงนี่นะครับ ผมถือว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ ผมคิดว่าจะไม่คุ้ม แล้วคนอยู่นี่มันก็คงจะทรมานพอสมควร เพราะว่าการแก้นี่มันไม่ได้ 100%
จินดารัตน์ – แก้แล้วได้ซักกี่เปอร์เซ็นต์คะ อาจารย์คะ ถ้าติดกระจก 2 ชั้นให้
ดร.ไกรชาติ – อันนี้ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เราจะเอามา ว่ามันจะสามารถลดระดับเสียงลงไปอาจจะ 10 เดซิเบล 20 เดซิเบล หรือ 30 เดซิเบล ถ้าอย่างในกรณีนี้มันเป็นวัสดุชั้นดีใช่ไหมครับ อาจจะ 30 เดซิเบล หักลบจาก 70 มันก็เงียบขึ้นมาแล้ว คือเหลือแค่ 40 ก็เหมือนอยู่ในห้องเงียบมากครับ
จินดารัตน์ – ตกลง บทม.เลือกหรือยังคะ คุณกุศล ว่าจะใช้วัสดุแบบไหน ดีที่สุดหรือว่ายังไงคะ จะได้กี่เดซิเบล แสดงว่ายังไม่ได้เลือกใช่ไหมคะ ยังไม่ได้คุย
กุศล – ครับ จะฟังเสียงชาวบ้านก่อนครับ
ธนสาร – ที่จะติดนี่ติดในบ้านหรือยังไงครับ ติดในบ้านใช่ไหมครับ
ดร.ไกรชาติ – การจะติดกระจกหรือดูดซับเสียงนี่ ต้องดูสภาพบ้านด้วยนะครับ
จินดารัตน์ – ถ้าบางหลังมีปัญหาติดไม่ได้ใช่ไหมคะ ถ้าติดไม่ได้จะทำยังไงคะ
ดร.ไกรชาติ – อาจจะชดเชยด้วยวิธีอื่นนะครับ
จินดารัตน์ – หาวิธีอื่น มีตัวอย่างเช่นไหมคะ
ดร.ไกรชาติ – ตัวอย่างเช่นก็อาจจะชดเชยเป็นเงิน แล้วเจ้าของบ้านไปปรับปรุงเองว่าจะปรับปรุงโดยวิธีไหนก็แล้วแต่ .
สนธิ – ที่จริงรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเขาบอกไว้ชัดเจนนะครับว่า อาจจะต้องจ่ายชดเชยเป็นเงิน แล้วก็คนไหนที่ไม่อยากอยู่ ทาง บทม.ต้องไปหาที่ให้เขาไปอยู่ใหม่ หาที่ราคาถูกอะไรให้เขาไปอยู่ใหม่ด้วย แล้วต้องติดตามให้เงินชดเชย แล้วก็ดูทางด้านสังคมว่ามีความเป็นอยู่ที่ดีอะไรหรือเปล่า
จินดารัตน์ – อย่างนี้ชาวบ้านก็เลือกได้ใช่ไหมคะ ว่าเอาล่ะ เขาไม่เอากระจก 2 ชั้น
สนธิ – ขึ้นอยู่กับคณะทำงานที่เขาจะประชุมกัน
ชนินทร์ – คือได้รับการชดเชยในรูปแบบต่างๆ ขึ้นกับความประสงค์ของผู้อยู่ในแนว AEF ขึ้นไป เช่น ทาง บทม.เขาจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลในส่วนนี้ และก็คงดูตามความต้องการของแต่ละรายไปในส่วนนี้ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าถ้าต้องการ สมมุติว่าบ้านไม่เหมาะกับกระจก 2 ชั้น ก็คงต้องหาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะมาดู ว่าลักษณะอย่างนี้คงต้องมีการติดตั้งลักษณะแบบใด ดีไซน์ให้มันใช้งานได้ไปในส่วนนี้
จินดารัตน์ – แสดงว่าก็มีอีกหลายวิธีที่ บทม.จะต้องไปดำเนินการ คุณธนสารมีอะไรต่อไหมคะ
ธนสาร – มีครับ คืออันดับแรกนี่นะครับ ผมอยากให้เข้ามามวลชน เพราะว่าการอ่อนในประชาสัมพันธ์นี่นะ ทำให้คนนี่คิดไปต่างๆนานา ฉะนั้นอยากจะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบออกมายืนยันให้แน่นอนนะครับ ว่าจะช่วยในกรณีไหนถ้าเกิดการกระทบนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเสียง ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะนะครับ ตัวนี้อยากจะให้ยืนยัน ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบออกมายืนยันให้แน่นอน
จินดารัตน์ – อย่างนี้หมายถึงยืนยันไปเลยว่าหมู่บ้านนี้ ระดับเสียงกี่เดซิเบล ได้รับการชดเชยแบบไหน อย่างไร ชัดๆกันไปเลย บทม.จะทำไหมคะ
กุศล – ยังไงก็แล้วแต่ ผมเรียนให้ทราบนิดนึงว่า การศึกษานี้เป็นสถานการณ์จำลองจากการป้อนข้อมูลเข้าโปรแกรมนะครับ เมื่อได้ผลออกมาเป็นยังไง เราจะเตรียมการเพื่อจะทำตามนั้น แต่ว่าเมื่อเปิดสนามบินจริง ผลอาจจะคลาดเคลื่อน ซึ่งเราจะศึกษาและก็นำผลการศึกษาที่หลังจากที่เปิดแล้ว
จินดารัตน์ – ใช้เวลานานแค่ไหนคะ คุณกุศล
กุศล – ก็หลังจากเปิดผมก็ดำเนินการเลย
สนธิ – คืออย่างนี้ครับ เราจะมีการตั้ง station ตรวจวัดเสียง 13 station วัด 24 ชั่วโมงรอบๆ ขณะเดียวกันหมู่บ้านไหนที่ไม่อยู่ในแนวเขต แต่คิดว่าเสียงดังนะ เขาจะมีวัด Background ก่อนที่สนามบินจะเปิดนะครับ ถ้าหลังจากเปิดแล้วนี่เกิดไป 10 เดซิเบลนี่จะต้องชดเชย และก็ทาง บทม.ต้องตั้ง Call Center รับเรื่องร้องทุกข์ตลอดเวลา
จินดารัตน์ – แสดงว่าเรื่องเหล่านี้เตรียมการเอาไว้หมดแล้ว แต่ว่าชาวบ้านเขาไม่เคยรู้นะคะ ดิฉันเรียนนิดนึงว่าชาวบ้านเขาไม่เคยรู้เลยนะคะ ข้างหลังเชิญค่ะพี่ อยู่กรีนวัลเล่ย์ใช่ไหมคะ
ชาวบ้าน 1 – ขออนุญาต อยากจะทราบว่าจากเท่าที่ทราบนี่นะ จากสถานการณ์ที่ 3 นี่นะคะ คือเจ้าหน้าที่อธิบายให้ฟังว่า เสียงส่วนใหญ่จะตกอยู่ที่สนามบินนะคะ จะได้ผลกระทบที่ออกมานี่ ภายนอกนี่จะน้อยมาก แล้วก็จะใช้สนามบินได้เต็มที่ แล้วก็สำหรับวิทยุการบินนี่สะดวกมาก เพราะว่าขึ้นลงเป็นลูปไปเลย อันตรายน้อยมาก แต่ในเมื่อหลีกเลี่ยงให้เป็นสถานการณ์ที่ 2 นี่นะคะ เพียงเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงตึกสูงจากลาดกระบังและธนาซิตี้นี่นะคะ อยากจะขอให้ศึกษานิดนึงว่า เนื่องจากการตึกสูงนี่นะคะ อาจจะมีโอกาสพลาดพลั้งบ้างไหม นักบินชนตึกสูงนี่เคยคิดไหมคะ อันตรายใหญ่หลวงขนาดไหน สูญเสียเท่าไหร่ ลองไปศึกษากรณีอย่างนี้ดูดีไหมคะ ว่าระหว่างที่จะจ่ายชดเชยให้ลาดกระบัง หรือทางนี้ หรือธนาซิตี้นี่เพื่อรื้อถอน
จินดารัตน์ – อันไหนคุ้มกว่ากัน อันไหนปลอดภัยกว่ากัน ถูกต้องไหมคะ
ชาวบ้าน 1 – ถูกต้องค่ะ อยากให้ศึกษาอันนี้ สำหรับในกรีนวัลเล่ย์เอง เราก็เข้าใจสิ่งที่ได้ประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ เราก็คงจะต้องยินดีนะคะ
จินดารัตน์ – ถ้าสุดท้าย บทม.ยังยืนยันว่าจะใช้สถานการณ์ที่ 2 ก็ต้องหาทางแก้กันต่อถูกไหมคะ เอาล่ะ จะติดกระจกอะไรให้ ยังไงก็ว่ากันไป แต่ขอให้กลับไปทบทวนถูกไหมคะ คุณกุศลคะ กลับไปทบทวนได้ไหมคะ หรือว่าตัดสินใจไปแล้ว
กุศล – ได้ครับ การตัดสินใจของเราเนื่องจากว่ายังไม่ได้เปิดการบิน เมื่อเปิดการบินก็เปลี่ยนแปลงได้
จินดารัตน์ – เอาล่ะค่ะ ชัดเจน ดิฉันจะเรียนถามตรงๆว่า แล้วจะเริ่มทำงานวันที่เท่าไหร่คะ คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำงานนี้
กุศล – เริ่มแล้วครับ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน
จินดารัตน์ – เริ่มทำอะไรคะ ไปหาชาวบ้านหรือยังไงคะ
กุศล – เริ่มประชุมครับ ประชุมเสร็จแล้วก็จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา 3 คณะนะครับ ชุดแรกก็เรื่องจัดซื้อที่ดิน ชุดที่ 2 ก็เรื่องการวางแผนชดเชย ชุดที่ 3 อันนี้คงจะไม่เกี่ยวกับเราโดยตรง คือการวางแผนการใช้ที่ดิน น่าจะเป็นเรื่องของกรมโยธาและผังเมืองมากกว่า
จินดารัตน์ – กรรมการที่ว่านี้นะคะ เริ่มทำงานอย่างที่บอก ชาวบ้านต้องรอการประเมินผลนานแค่ไหน ถึงจะได้คุยกับเจ้าหน้าที่ว่า ฉันได้รับผลกระทบอย่างนี้ๆนะ ต้องการแบบไหนอะไรยังไง นานแค่ไหนคะ คุณกุศล
กุศล – ตอนนี้เราเริ่มจัดตั้งศูนย์ Call Center นะครับ ตั้งขึ้นมา
จินดารัตน์ – เบอร์อะไรคะ คุณกุศลคะ
กุศล – เบอร์นี่ผมจำไม่ได้นะครับ
จินดารัตน์ – แต่ว่าตั้งมาแล้วใช่ไหมคะ นั่นแสดงว่าชาวบ้านเขาโทรมาแจ้งได้
กุศล – ครับ แต่ว่าจะเริ่มแจ้งได้เมื่อไหร่ เดี๋ยวผมเรียนให้ทราบอีกที
จินดารัตน์ – กรุณาแจ้งทางสื่อด้วยนะคะ ชาวบ้านเขาจะได้ทราบค่ะ
กุศล – อีกอันหนึ่งก็คือว่า จริงๆแล้วนี่เรื่องการประชาสัมพันธ์นี่ เราเน้นไปเรื่องการต้อนรับผู้มาดูงานมากที่สุดเลย เมื่อ 2 ปีที่แล้วนี่จะมีคนมาดูงานทุกวันจันทร์นะครับ เฉลี่ยสัปดาห์ละ 400-500 คน ณ ปัจจุบันนี้กำลังจะเสร็จนะครับ จะมีผู้มาดูงานทุกวัน เฉลี่ยวันละ 400-500 คนเหมือนกัน อย่างกรณีของเคหะนคร 2 เราก็ประสานกันแล้ว เคหะนคร 2 จะเข้าไปชมพื้นที่ และก็ฟังคำชี้แจงในวันเสาร์ที่จะถึงนี้นะครับ มีปัญหาอะไรก็เชิญถามได้ แล้วก็ทราบข่าวจากคุณสุชาดาว่า ในกรณีของกรีนวัลเล่ย์ก็คงจะมีการจัดทีมเข้าไป
สุชาดา – คือทำหนังสือเข้าไปแต่ว่ายังไม่ได้รับคำตอบค่ะ คือทำหนังสือเข้าไปว่าเราได้รับผลกระทบแบบนี้ เรายังไม่เคยได้รับเชิญเข้าไป หรือว่าไปซักถามเป็นทางการ ก็เลยทำหนังสือขอไปแต่ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะได้ไหม
กุศล – ก็ผมคาดว่าคงจะจัดคิวนะครับ เพราะว่าจริงๆแล้วตอนนี้เข้าไปดูทุกวัน เข้าไปชมพื้นที่ทุกวัน วันละ 3-4 คณะ
จินดารัตน์ – นั่นหมายถึงว่าไม่เฉพาะ 2 หมู่บ้านนี้เท่านั้นถูกไหมคะ ที่อื่นด้วยที่ได้รับผลกระทบ ทั้งหมดกี่หมู่บ้านคะ คุณกุศลพอจะทราบข้อมูลไหมคะ
กุศล – หมู่บ้านที่อยู่ข้างเคียงนี่ตอนนี้ยังมีไม่มาก
จินดารัตน์ – เอาเป็นว่าจะทำงานให้เร็วที่สุดถูกไหมคะ แต่ว่าชาวบ้านคงไม่ต้องรอถึงปีมั้งคะ
ชนินทร์ – ผมขอเสริมนิดนึงนะครับ ว่ากระทรวงทรัพย์นี่เรามีเว็บไซด์ เรื่องที่มันมีปัญหา เราเอาไปลงเว็บไซด์ เอามาตรการไปเปิดเผย นี่อันที่ 1 นะครับ อันที่ 2 คือว่าทาง บทม.จะต้องทำรายงานผลติดตามตรวจสอบส่งให้ สผ.พิจารณา แล้วก็ทุกปีปีละครั้งนี่นะ บทม.จะต้องไปรายงานกับกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติว่าได้ทำอะไรไปบ้าง คือถ้าไม่ทำอะไรเลยเขาก็คงเล่นงานนะครับ เพราะฉะนั้นตรงนี้เขาก็ต้องรายงานอยู่แล้ว ตรงนี้คือที่เราดูแลอยู่
จินดารัตน์ – ขอคำตอบสั้นๆนะคะ จะได้ประชาชนมั่นใจได้ยังไงว่าไม่ได้ทิ้งพวกเขา พอเปิดใช้สนามบินตัวใครตัวมัน แต่ก็ยังดูแลให้อยู่
กุศล – บทม.มีความต้องการที่จะอยู่ร่วมกับชุมชนรอบด้านอย่างมีความสุขนะครับ เพราะฉะนั้นมีอะไรที่จะต้องช่วยเหลือ หรือว่ามีอะไรที่จะต้องแก้ปัญหาที่ทาง บทม. ทางสนามบินก็ตามทำความเดือดร้อนให้ เรายินดีจะเข้าไปแก้ครับ
จินดารัตน์ – จนกว่าชาวบ้านจะพอใจถูกไหมคะ
กุศล – ถูกต้องครับ
สุชาดา – พอดีในหมู่บ้านนี่มีชาวต่างชาติอยู่ เขาบอกว่าที่เขาอยากได้ก็คือหนังสือยืนยัน ว่าเอาล่ะ 70 เดซิเบลนี่จะช่วยอะไรเรา และถ้าเกินกว่านี้จะทำอะไรให้เรา และยืนยันเป็นทางการ ดิฉันก็เลยจะมาขอทางนี้ว่ามีหนังสือถึงเราซักฉบับได้ไหม ยืนยันเรื่องพวกนี้ค่ะ
จินดารัตน์ – เอาล่ะค่ะ วันนี้ตัวแทนชาวชุมชนก็เรียกร้อง พอที่จะมีข้อคิดเห็นเสนอไปในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดิฉันเรียนเสนออย่างนี้นะคะ ว่าหมายเลข บทม.ที่โทรไปได้นะคะ 02-7230000 หรือว่าเข้าไปในเว็บไซด์ของกระทรวงทรัพย์ก็ได้ค่ะ ก็โทรศัพท์ไปได้นะคะในเวลาราชการ วันนี้เราค่อนข้างชัดเจน ขอบพระคุณทุกท่านที่วันนี้มาให้ข้อมูลชัดเจน และขอบพระคุณตัวแทนชาวบ้านด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ วันนี้หมดเวลาจริงๆลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ
************************************************************
รายการคนในข่าว ออกอากาศทาง News 1 เวลา 21.05-22.00 น. ดำเนินรายการโดยจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
จินดารัตน์ – สวัสดีค่ะ คุณผู้ชมคะ ขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการคนในข่าวค่ะ ค่ำคืนวันนี้นะคะเราจะคุยกันถึงปัญหาที่ยืดเยื้อ หลายๆปัญหาที่เกิดขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ยังคงทิ้งปัญหาเอาไว้ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องสะสางกันต่อหลากหลายปัญหาเหลือเกิน หลายคนเขาบอกว่าเอ๊ะ จะเปิดใช้กันแล้ว มันจะยังมีปัญหาอื่นมาให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งของภาครัฐออกมาแก้ต่าง แก้ไขให้อีกหรือไม่ แน่นอนที่สุดค่ะ วันที่ 29 กันยายนนี้จะได้ฤกษ์ที่เที่ยวบินของท่านนายกฯ ที่บอกว่าท่านจะ Landing นะคะ จะลองบินแล้วก็มาแตะที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นลำแรก จะเริ่มเปิดใช้กันอยู่แล้ว
แต่ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ ชาวบ้านค่ะ ผลกระทบโดยตรงเลยเกิดขึ้นกับชาวบ้านที่อยู่ในละแวกสนามบินสุวรรณภูมิ เรื่องของเครื่องบินขึ้นลงนั้น หลายคนอาจจะคิดไม่ถึงว่าเสียงนั้น มันทำให้เกิดมลภาวะทางเสียงนั้นมากมายมหาศาลแค่ไหน คุณผู้ชมถ้าหากว่าได้ลองไปแถวๆสนามบิน บางท่านอาจจะนึกไม่ออก แต่คนที่อยู่แถวดอนเมืองนี่เขาเข้าใจนะคะ ตอนนี้เขาชินกันแล้วค่ะ เสียงขึ้นลงของเครื่องบินแต่ละลำนั้นมันแผดก้อง มันเสียดแก้วหูขนาดไหนนั้น วันนี้ค่ะชาวบ้านที่อยู่แถวๆสุวรรณภูมิเขากลัวกันมากเหลือเกิน ก็เลยออกมาเคลื่อนไหวกันว่าอย่างนี้แล้วนี่นะคะ ระยะรัศมีไป 5 กิโลเมตรแล้วนี่ เวลาขึ้นเวลาลงนี่มันจะมีผลกระทบหรือไม่
มีการศึกษาออกมาเหมือนกันว่าถ้าเสียงเกิด 80 เดซิเบลนั้นมีปัญหาแน่นอนกับมนุษย์ เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาคุยกันว่าชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้น ชีวิตเขาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตามในขณะที่เครื่องบินยังไม่มีการขึ้นลงนั้น ชาวบ้านเขาบอกว่าหาทางแก้ไขให้เขาหน่อยได้ไหม จะแก้ยังไงก็หน่วยงานภาครัฐต้องออกมาบอกแล้วล่ะค่ะวันนี้ เราก็เลยเชิญทั้ง 2 ฝ่ายออกมาพูดคุยกัน มาตกลงกันว่าเอ๊ะ ตกลงว่าทางออกของเรื่องนี้จะทำกันอย่างไรได้บ้างนะคะ ในส่วนของชาวบ้านเองก็มาจาก 2 หมู่บ้านด้วยกัน ในส่วนของภาครัฐและก็ บทม.เองก็แบ่งกันมานะคะมีทั้งหมด 4 ท่าน
2 ท่านแรกมาจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมค่ะ ท่านแรกนะคะ ผู้อำนวยการสนธิ คชวัฒน์ค่ะ ท่านเป็นผู้อำนวยการระบบและตรวจสอบผลกระทบด้านสิ่งแสวดล้อมค่ะ ท่านต่อมาค่ะจากกระทรวงทรัพย์เช่นเดียวกันนะคะ ท่าน ผอ.ชนินทร์ ทองธรรมชาติ ผู้อำนวยการสำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมค่ะ และอีก 2 ท่านที่เหลือมาจาก บทม.ค่ะ ท่านแรกนะคะ คุณกุศล ชุมพลรัตน์ ผู้จัดการสำนักประสานงานโครงการการท่าอากาศยาน สนามบินสุวรรณภูมิค่ะ และอีกท่านหนึ่งนะคะ ดร.ไกรชาติ ตันตระการอาภา จากภาควิชาวิทยาศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อม คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดลค่ะ
ส่วนตัวแทน 2 ท่านที่มานั่งคุยกันบนโต๊ะวันนี้ และด้านหลังของดิฉันอีก 4-5 ท่าน เป็นตัวแทนที่จะมาบอกว่า เขากังวลอะไร อยากจะให้รัฐบอกอะไรพวกเขาบ้าง แก้ไขอะไรให้กับพวกเขาบ้างนะคะ รวมไปถึง บทม.ด้วย 2 ท่านที่เป็นตัวแทนค่ะ ท่านแรกคุณสุชาดา นันทะพานิชสกุลค่ะ เป็นประธานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรกรีนวัลเล่ย์นะคะ และอีกท่านนึงคุณธนสาร สาสังข์ ตัวแทนหมู่บ้านเคหะนคร 2 ลาดกระบังค่ะ สวัสดีค่ะทุกท่านนะคะ ก่อนอื่นดิฉันต้องเรียนถามก่อนว่าทางหมู่บ้านทั้ง 2 หมู่บ้านนี่ เห็นบอกว่าเหมือนกับออกมาเป็นตัวตั้งตัวตีเลยล่ะ เป็นแกนนำในการเรียกร้องเลยว่า ภาครัฐจะแก้ปัญหาเรื่องของมลภาวะทางเสียงอย่างไร ดิฉันเรียนถามก่อนว่า หมู่บ้านกรีนวัลเล่ย์ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิกี่กิโลเมตรคะ
สุชาดา – ถ้าอยู่ตรงข้ามเลยนะคะ ทางเข้าหมู่บ้านเรากับสนามบินนี้อยู่ตรงข้ามกัน แต่ถามว่าจากรันเวย์ถึงหมู่บ้านก็ประมาณ 5 กิโลนะคะ
จินดารัตน์ – 5 กิโลเมตร คือกรีนวัลเล่ย์นี่จะอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนนบางนา-ตราดใช่ไหมคะ อยู่ตรงหัวสนามบินว่าอย่างนั้นเถอะนะคะ
สุชาดา – ค่ะ ทางเข้าสะพานอยู่ด้วยกันค่ะ
จินดารัตน์ – ค่ะ เคหะนครล่ะคะ
ธนสาร – เคหะนครนี่ถ้าหากว่าจะดูตามแผนที่นะครับ จะอยู่ฝั่งเหนือของสนามบิน
จินดารัตน์ – ก็จะมีมหาวิทยาลัยอยู่ด้วยก็คือเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เคหะนคร 2 อยู่ใกล้กว่าถูกไหมคะ
ธนสาร – อยู่ใกล้ครับ แต่รู้สึกว่าจะอยู่ประมาณ ถ้าติดรั้วนะครับ ผมถือว่าประมาณครึ่งกิโล
จินดารัตน์ – ติดรั้วสนามบินเลย
ธนสาร – ครับ ติดรั้วเลยนะ หมู่บ้านเคหะนคร 2
จินดารัตน์ – ก็คือห่างจากรันเวย์ 500 เมตร นับจากรันเวย์นะคะ 500 เมตร แต่ติดรั้วสนามบินเลย มาอยู่กันตั้งแต่ปีไหนครับ
ธนสาร – เคหะนครนี่นะครับ นับตั้งแต่สร้างนี่ตั้งแต่ 2520 เกือบ 30 ปีแล้วครับ
จินดารัตน์ – กรีนวัลเล่ย์ล่ะครับ
สุชาดา – กรีนวัลเล่ย์โครงการตั้งแต่ 2528 ส่วนตัวดิฉันย้ายเข้ามาอยู่ 2530 ค่ะ
จินดารัตน์ – ตอนนั้นทราบไหมคะ ว่าสุวรรณภูมิจะขึ้นแน่ๆ
ธนสาร – ยังไม่ทราบครับ เพราะว่าสุวรรณภูมินี่มันมีตั้งแต่สมัยไหนมาแล้วนะ ก็ไม่ทราบว่าเขาจะตกลงสร้างหรือเปล่า เราก็ไม่ทราบ
จินดารัตน์ – จะสร้างแล้วก็ล้ม จะสร้างแล้วก็ล้มอยู่หลายรอบ แต่ก่อนตัดสินใจซื้อนี่ คุณธนสารคิดว่าเขาไม่สร้างแน่ๆ
ธนสาร – คิดว่าเขาไม่สร้างครับ
จินดารัตน์ – ด้วยเหตุผลกลใดคะ ถึงคิดว่าเขาไม่สร้างแน่ๆ
ธนสาร – ที่ว่าไม่สร้างนี่ เพราะว่ามันหลายยุคหลายสมัยนะครับ ก็ล้มเลิกกันตลอด เพราะก็ถือว่าไปสร้างสนามบินในหนองนี่ มันจะลงทุนเยอะอะไรต่างๆนานานะครับ ก็เลยคิดว่าตรงนี้ก็เหมาะที่จะเป็นที่อยู่อาศัย
จินดารัตน์ – คิดว่าไม่มีปัญหาแน่ๆเรื่องสนามบิน คุณสุชาดาล่ะคะ
สุชาดา – ก็เช่นเดียวกันนะคะ รู้ว่าสนามบินไม่สร้างแน่ในหนองงูเห่านะคะ ก็เลยมาซื้อบ้านตรงนั้น แล้วก็ต้องการหนีความแออัดเสียงจากในเมือง เพราะพวกเรานี่จะเป็นนักธุรกิจนะคะ เราเองอยู่ในภาคอุตสาหกรรมก็เสียงดังอยู่แล้ว ในเมืองก็เสียงดัง office ก็เสียงดัง ไปโรงงานก็เสียงดัง ก็เลยคิดว่าไปหาบ้านที่ชานเมืองที่สุด จะได้เสียงเงียบที่สุดนะคะ แล้วเราก็อยู่มาตลอด แล้วตอนที่สนามบินเริ่มจะมา เราก็ศึกษากันทันทีเหมือนกันในหมู่บ้านเรา ว่าจะรบกวนเราไหม ปรากฏว่าไม่มีผลรบกวนนะคะในช่วงนั้นที่เรารู้ข่าวมาว่า จะเป็นทางลงของสนามบินซึ่งอ้อมมาลง
จินดารัตน์ – ว่าวิธีการขึ้นลงของเครื่องบิน ศึกษากันถึงขนาดนั้นเลย
สุชาดา – ค่ะ แล้วก็บอกว่าเสียงนี่นะคะจะอยู่แค่ช่วงถนนบางนาเท่านั้น ไม่เข้ามาในหมู่บ้านเรา จนกระทั่งเพิ่งมาทราบเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ว่าทางสนามบินนี่ได้เลือกแผนที่จะใช้สถานการณ์ที่ 2 ซึ่งเข้ามาในหมู่บ้านเราเลย
จินดารัตน์ – เขาเรียกเป็นสถานการณ์ถูกไหมคะ สถานการณ์ที่ 1 สถานการณ์ที่ 2 และสถานการณ์ที่ 3 ปัญหาตอนนี้ที่คุณสุชาดาออกมาเรียกร้องเพราะว่า ตอนแรกคิดว่าทาง บทม.เลือกสถานการณ์ที่ 3 ซึ่งจะไม่มีผลกระทบ
สุชาดา – สถานการณ์ที่ 3 นี่นะคะ ถนนบางนา-ตราดอยู่ในเส้นสีแดง หมู่บ้านเราอยู่ข้ามถนนบางนา-ตราดมา จะเห็นเส้นเสียงของสนามบินนี่นะคะ จะมาอยู่แค่ถนนบางนา-ตราด แล้วก็จะใช้ 2 เลนนะคะ 2 รันเวย์ในการขึ้นและลง เป็นการเฉลี่ยกันออกไป
จินดารัตน์ – สรุปสุดท้ายมารู้ความจริงเมื่อวันที่ 29 ว่าเขาเลือกสถานการณ์ที่ 2 แทน
สุชาดา – สถานการณ์นี้ปั๊บ เสียงจะมาอยู่ที่กรีนวัลเล่ย์ทั้งหมด ทางนี้หายไปแล้ว ทุกทีก็จะมาอยู่บางนาเหมือนๆกัน ตรงนี้หายไปแล้วนะคะ เส้นบางนาข้ามมาที่หมู่บ้านเรา แล้วก็ไปลงคลองสำโรง
จินดารัตน์ – เส้นสีแดงนี่หมายถึงเสียงที่จะมารบกวน
สุชาดา – ที่บอกว่า 70 เดซิเบลนะคะ ส่วนสีข้างใน สีชมพู สีเขียว สีน้ำเงินนั่นก็อีกเสียงนึงนะคะ แต่สีแดงของหมู่บ้านเราที่ได้รับผลกระทบนี่ ในเวลากลางคืนนะคะ 65-70 เดซิเบล
จินดารัตน์ – อันนี้เป็นสถานการณ์ที่ 3 และ 2 ดิฉันเรียนถามคุณกุศลว่า ตกลงสิ่งที่คุณสุชาดาทราบมามันเป็นยังไงคะ ตกลงเลือกสถานการณ์ที่ 2 จริงไหมคะ ตั้งแต่แรกหรือว่าเพิ่งมาเปลี่ยน
กุศล – ครับ เราตั้งใจที่จะเลือกสถานการณ์ที่ 2 มาตั้งแต่เริ่มแรกแล้วนะครับ เหตุผลที่เลือกสถานการณ์ที่ 2 ก็เพราะว่า ในช่วงตั้งแต่ปี 2537 นี่ ซึ่งรัฐบาลมีมติที่จะสร้างสนามบินสุวรรณภูมิแน่นอน เราก็จ้าง GEC เข้ามาเพื่อทำแผนแม่บท แล้วก็เพื่อมาบริหารจัดการ จ้างกรรมการออกแบบนะครับ ในช่วงนั้นก็ GEC ก็ทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
จินดารัตน์ – คือมีมาให้เลือก 3 สถานการณ์ใช่ไหมคะ เท่าที่ดิฉันเข้าใจ
กุศล – ครับ เลือก 3 สถานการณ์
จินดารัตน์ – สถานการณ์ที่ 1 กับสถานการณ์ที่ 2,3 มันต่างกันยังไงคะ เอาแบบง่ายๆชัดๆค่ะ
กุศล – สถานการณ์ที่ 1 คือ รันเวย์ 2 รันเวย์นี้วางเหนือใต้นะครับ เครื่องบินขึ้นลงนี่จะทวนลมทั้งคู่ คือลงก็ทวนลม ขึ้นก็ทวนลมนะครับ ใน 1 ปีจะมีลมจากใต้พัดขึ้นเหนือ เพราะฉะนั้นเครื่องบินจะลงจากทิศเหนือลงทิศใต้นะครับ แล้วก็ขึ้นจากทิศเหนือไปทิศใต้เหมือนกัน
จินดารัตน์ – นั่นหมายถึงลงและขึ้นในทิศทางเดียวกัน ถูกไหมคะ
กุศล – ครับ 9 เดือน ในฤดูหนาวประมาณ 3 เดือน
จินดารัตน์ – แล้วที่เหลือล่ะคะ
กุศล – 9 เดือนนี่จะเป็นลงจากทางเหนือ
จินดารัตน์ – ทางเหนือนี่หมายถึงฝั่งลาดกระบังหรือเปล่าคะ
กุศล – ถูกต้องครับ
จินดารัตน์ – ก็คือเอาล่ะ มันมี 2 เลนอย่างนี้ ลงก็จะลงอย่างนี้ ขึ้นก็จะขึ้นไปอย่างนี้ ถูกไหมคะ ลงและขึ้นนั้นไปทิศทางเดียวกันทั้ง 9 เดือน แล้วอีก 3 เดือนที่เหลือล่ะคะ
กุศล – ลมเปลี่ยนทิศ พัดจากทิศเหนือไปทิศใต้ ก็สลับข้างกัน
จินดารัตน์ – อันนี้ไม่เลือก สถานการณ์ที่ 1 นี่ไม่เลือกแน่ๆ
กุศล – ครับ ทีนี้ตอนที่ไปสำรวจพื้นที่เพื่อวางแผนแม่บทนะคะ ก็ไปดูข้อจำกัดของการวางรันเวย์ วางทางวิ่งนะครับ ในส่วนทางตะวันออกเฉียงเหนือ ก็มีสถาบันรัฐบาล มีอาคารสูงอยู่ 1 หลัง คือมีหอพัก 12 ชั้น รู้สึกจะสูงประมาณ 56 เมตร แล้วก็ทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีธนาซิตี้ อันนี้สร้างไว้ก่อนหน้านี้แล้วนะครับ
จินดารัตน์ – ซึ่งถ้าหากว่าจะให้ลงแบบนั้นทั้ง 9 เดือน มีปัญหาหรือคะ
กุศล – เรื่องความปลอดภัยในการบินครับ เพราะว่ามีตึกสูงอยู่
จินดารัตน์ – ก็เลยตัดสินใจไม่เลือก
กุศล – ก็เลยมาวางแผนการบินว่า วิธีการบินที่ควรจะเหมาะสมก็คือ ลงทางทิศตะวันตก รันเวย์ตะวันตก ขึ้นรันเวย์ตะวันออก
จินดารัตน์ – นั่นหมายถึงว่าถ้าจะลงก็ลงฝั่งนี้ แต่ว่าทิศทางการขึ้นลงนี่ยังเหมือนเดิม ลงทิศเดียวกัน ขึ้นทิศเดียวกัน ถูกไหมคะ แต่จะเปลี่ยนสลับกันจากทิศนี้ก็คือเป็นลง อันนี้เป็นสถานการณ์ที่ 2 ที่บอกหรือเปล่าคะ
กุศล – สถานการณ์ที่ 1 คือลงทางตะวันตก 100% ขึ้นทางตะวันออก 100% นะครับ ในทางกลับกันในฤดูหนาว ก็ลงทางทิศตะวันออก 100% ขึ้นทางทิศตะวันตก 100% นะครับ อันนี้คือสถานการณ์ที่ 1 นะ ทีนี้ในการจัดการขึ้นลงแบบนี้ มันค่อนข้างฟิตไปนิดนึง ก็เลยมีการให้ยืดหยุ่น เพราะว่าเครื่องบินเวลาเข้ามานี บางครั้งเข้ามาพร้อมๆกันหลายลำ ให้ลงทางทิศตะวันออกเสียส่วนหนึ่ง เพื่อที่จะไม่ให้เข้าคิวกัน
จินดารัตน์ – คือแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ว่าอย่างนั้นเถอะ ก็อาจจะไม่ใช่ 100% ไม่ใช่ลง 100% ขึ้น 100% ถูกไหมคะ แบ่งเหลือเท่าไหร่ยังไงคะสัดส่วน
กุศล – 80/20
จินดารัตน์ – ก็คือเป็นสถานการณ์ที่ 2 ที่ว่า แต่การขึ้นลงทิศทางยังเหมือนเดิมถูกไหมคะ แล้วไปกระทบกับหมู่บ้านกรีนวัลเล่ย์ ถ้าเทียบกับสถานการณ์ที่ 3 ทำไมสถานการณ์ที่ 3 ถึงไม่กระทบคะ
กุศล – สถานการณ์ที่ 3 คือรันเวย์ 2 รันเวย์นี้ ใช้ไม่พร้อมกัน ขึ้นลงทั้ง 2 ข้างนะครับ อยากขึ้นลงรันเวย์ไหนก็ได้ แล้วก็สถานการณ์ที่ 3 นี่เฉลี่ยเลย 50/50 คนละครึ่งนะครับ ลงด้านนี้ 50 ขึ้นตรงนี้ 50
จินดารัตน์- - ก็เลยกระทบไปยังหมู่บ้าน เพราะจริงๆตอนแรกเขาจะเฉลี่ยกันครึ่งๆนี่นะคะ ความเข้าใจอย่างนี้ ถูกไหมคะ คุณสุชาดาเข้าใจอย่างนี้ตั้งแต่แรก แต่ก็คิดว่าเขาเลือกสถานการณ์ที่ 3 ถูกไหมคะ
สุชาดา – ชัดเจนค่ะ ว่าเลือกสถานการณ์ที่ 3
จินดารัตน์ – ไปได้ยินข่าวคราวมาจากไหนคะ
สุชาดา – อย่าบอกแหล่งข่าวแล้วกันนะคะ แต่ว่าคนในหมู่บ้านกรีนวัลเล่ย์ก็อยู่ในระดับที่ขับเครื่องบินกันด้วย
จินดารัตน์ – ก็มีความรู้เรื่องนี้
สุชาดา – ค่ะ แล้วทุกคนก็เลยสร้างบ้านต่อไปอีก แล้วพวกที่มาที่หลังก็มี
จินดารัตน์ – ก็วางใจแล้วล่ะ ว่าเขาไม่เลือกที่มีกระทบกับหมู่บ้านเรา
สุชาดา – ใช่ แล้วเรามีประชุมนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรกันทุกปีนี่ เราก็ชี้แจงในที่ประชุมว่าไม่มีผลกระทบแน่ เพราะข่าวนี้ชัดเจน
จินดารัตน์ – ทีนี้ต้องถามอาจารย์ไกรชาติว่า ระดับเสียงขนาดไหนของเครื่องบินนี่นะคะ คือเอาล่ะ ที่คุณสุชาดาบอกว่า เส้นสีแดงที่มันลามมาถึงหมู่บ้านนี่มัน 70 เดซิเบล เสียงขนาดไหนคะอาจารย์ ที่ทำให้หูมนุษย์นี่มีปัญหา
ดร.ไกรชาติ – คือในมาตรฐานบ้านเรา กำหนดไว้ว่าตลอด 24 ชั่วโมง ระดับเสียงไม่ควรจะเกินกว่า 70 เดซิเบล A คือเป็นตัวมาตรฐานที่กำหนดในบ้านเรา
จินดารัตน์ – กับ 80 เดซิเบลธรรมดาเหมือนกันไหมคะ
ดร.ไกรชาติ – ไม่เหมือนครับ ก็คือถ้ามองง่ายๆ 80 ก็คือระดับเสียงมันจะมากกว่าที่ 70 แต่ไม่ใช่มากกว่าเป็น 10
จินดารัตน์ – แล้วตัว A นี่มันบ่งบอกถึงอะไรคะ
ดร.ไกรชาติ – A นี่คือว่าเป็นหน่วยการตอบสนองของหูคนเรา เขาจะเครื่องมือวัดแล้วมีหน่วยเป็น A เป็น B เป็น C นะครับ ทีนี้เผอิญ A นี่คือมันจะใกล้เคียงกับการตอบสนองของหูคนเรา เพราะฉะนั้นก็ได้หน่วย A ใกล้เคียงมากที่สุด มองในแง่ของสุขภาพของคนเรานะครับ
จินดารัตน์ – พูดง่ายๆว่าเกินกว่า 70 นี่มีปัญหาแน่ๆ
ดร.ไกรชาติ – ครับ ก็คือเขาจะกำหนดไว้ที่ 70 ถ้าเราอยู่ในพื้นที่ตรงนั้นตลอด 24 ชั่วโมง ที่ระดับเสียงที่มันค่อนข้างจะมากเกินกว่า 70 มันก็อาจจะมีผลกระทบนะครับ ต่อการได้ยินของหูของคนเรา
จินดารัตน์ – เสียงเครื่องบินนี่ระดับไหนคะ อาจารย์
ดร.ไกรชาติ – เสียงเครื่องบินระดับไหนนี่ อาจจะตอบยาก คือถ้ามองว่าจุดตรงไหนนะครับ ทีนี้ที่เราทำมา กรณีที่เราประเมินผลกระทบจากเสียงรบกวนจากสนามบิน ในบ้านเราจะมีกำหนดเป็นตัวมาตรฐาน เขาจะเรียกเป็นหน่วย AEF แต่ถามว่า AEF กับตัวเดซิเบลนี่กลับไปกลับมาได้ไหม ก็ได้ ก็จะบวกประมาณ 30 เข้ามา ทีนี้ AEF ในที่เป็นตัวกำหนดขึ้นมานะครับ ทางบ้านเราจะมีกำหนดเป็น 30-40 ก็คือว่าพื้นที่ไหนที่มันมีระดับเสียงของ AEF ก็คือเสียงจากสนามบินที่เกิน 40 ขึ้นมานี่ ถ้าประมาณ 70 เดซิเบลนี่นะครับ พื้นที่ตรงนี้อาจจะมีปัญหากับชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราเป็นที่พักอาศัย หรือว่าเป็นสถานศึกษา หรือว่าโรงพยาบาลนะครับ อาจจะมีปัญหาเรื่องของการรบกวนของเสียงตรงนี้นะครับ
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ ดิฉันเรียนถามตรงๆว่า อย่างหมู่บ้านเคหะนคร 2 ของคุณธนสารกับชาวบ้านนี่นะคะ อยู่ติดรั้วเลยห่างจากรันเวย์แค่ 500 เมตร ประเมินได้ไหมคะว่าเสียงมันจะประมาณกี่เดซิเบล
ดร.ไกรชาติ – ทางตอนเหนือใช่ไหมครับ ทีนี้มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย อย่างที่เรียนว่ามันจะมี 3 สถานการณ์ ว่าสถานการณ์ที่ 1 ก็คือเราใช้รันเวย์เน้นหนักไปทางด้านทิศตะวันตก สัดส่วนประมาณ 80% นะครับ ด้านตะวันออก 20% ทีนี้สถานการณ์ที่ 2 ก็คืออาจจะเปลี่ยนไป
จินดารัตน์ – เอาแบบสถานการณ์ที่ 2 ที่เลือกแล้วนี่แหละค่ะ อาจารย์
ดร.ไกรชาติ – ให้ดูสถานการณ์ที่ 2 นี่นะครับ ก็คือว่าจากที่สัดส่วนทั้งหมด 100 เรามาให้น้ำหนักด้านทิศตะวันตกประมาณร้อยละ 90 แล้วก็มาใช้ในกรณีที่ว่าอาจจะมีปัญหาการจราจรทางอากาศที่คับคั่ง ก็มาใช้ในส่วนทางด้านทิศตะวันออกซัก 10 ส่วนใน 100 ส่วน แล้วตรงนี้เราก็มีการจำลองออกมา โดยผมจะขออนุญาตพูดเพื่อความเข้าใจนิดนึง ว่าการที่จะได้ออกมาซึ่งตัวเสียงว่ามันเป็นเส้นเท่าไหร่ๆนี่นะครับ ก็ดูจากว่าจะมีเครื่องบินประเภทไหนที่เข้ามาใช้ในสนามบินตัวนี้
จินดารัตน์ – โดยเฉลี่ยได้ไหมคะ ที่เอาแบบชาวบ้านเขาเข้าใจได้ง่ายๆว่า ตกลงเขาอยู่ติดรั้วสนามบิน กับสถานการณ์ที่ 2 ที่เลือกมาแล้วนี่ เสียงที่เขาจะได้ยินได้ฟัง 24 ชั่วโมงนี่มันจะประมาณซักเท่าไหร่คะ อาจารย์
ดร.ไกรชาติ – ถ้าบ้านติดกับตรงรั้วของพื้นที่ของโครงการ ทางด้านทิศตะวันออกนะครับ ค่า AEF จะตกประมาณที่ 35-40 ก็คือบวกเข้าไปประมาณ 30 ก็คือ 65-70 เดซิเบล ซึ่งเป็นตัวมาตรฐานนะครับ ที่กำหนดเป็นค่า 24 ชั่วโมง
จินดารัตน์ – ยังรับไว้หมคะ อาจารย์ หรือว่าระยะยาวแล้วมีปัญหา
ดร.ไกรชาติ – ตรงนี้คือสถานการณ์ที่เราศึกษาตอนนี้นะครับ เป็นสถานการณ์ที่จำลองว่ามีผู้โดยสารจะมาใช้บริการ 45 ล้านคนต่อปีนะครับ ถ้าถามว่าจะมีปัญหาไหมอันนี้ก็คือว่า ในอนาคตแน่นอน จำนวนผู้โดยสารมันก็ต้องเพิ่มขึ้น
จินดารัตน์ – 2 นาที 1 ลำ ถูกไหมคะ อาจารย์คะ เท่าที่อ่านข้อมูลมา ทุกๆ 2 นาทีจะมีเครื่องบินขึ้นลง
ดร.ไกรชาติ – ประมาณนั้นครับ
จินดารัตน์ – ดิฉันไม่อยากคิดเลยว่า 24 ชั่วโมงมันจะมีประมาณกี่ลำ
กุศล – สำหรับบ้านเรามีช่วงพีคประมาณ 2 ครั้ง ก็ช่วงเช้าครั้งนึง แต่ตอนนี้รู้สึกจะ 3 แล้ว ช่วงเช้าครั้งนึง และช่วงค่ำอีกครั้งนึง และเครื่องบินที่ไปยุโรป ไปอเมริกาดึกเลย
ธนสาร – เมื่อกี๊อาจารย์ชี้แจงรู้สึกว่าจะเป็นทางตะวันออก แต่รู้สึกว่าของผมนี่จะเป็นทางด้านเหนือ อยากจะให้ชี้แจงด้านนี้ด้วย
ดร.ไกรชาติ – ด้านเหนือของสนามบินใช่ไหมครับ
จินดารัตน์ – ด้านเหนือไปทางตะวันออกหรือว่าตะวันตกคะ
ธนสาร – รู้สึกว่าจะไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ดร.ไกรชาติ – ก็ประมาณ 70 เดซิเบลครับ
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ ก่อนที่จะมีการสร้างสนามบินนี่ อาจารย์ก็มีการศึกษาเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมมาแล้ว ดิฉันไม่รู้ว่าข้อมูลของอาจทารย์ตรงกับกระทรวงทรัพย์หรือเปล่า ดิฉันขอเรียนถาม ผอ.สนธิ และก็ ผอ.ชนินทร์ก่อนว่า กระทรวงทรัพย์เองก็ไปศึกษาด้วยถูกไหมคะ
ชนินทร์ – ผมเรียนอย่างนี้ คือรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมนี่ เจ้าของโครงการเป็นคนดำเนินการ โดยให้นิติบุคคลเป็นคนจัดทำรายงาน ในส่วนนี้ก็คือข้อมูลอันเดียวกัน เอามาจากรายงานอันเดียวกัน
จินดารัตน์ – นั่นหมายความว่ามีแค่บริษัทเอกชนบริษัทเดียวที่ทำการศึกษา แต่ทำไมดิฉันแปลกใจตรงนี้ค่ะว่า ข้อมูลที่ได้จากกระทรวงทรัพย์ อันนี้ไม่รู้ว่าถูกต้องหรือเปล่านะคะ ที่สื่อนำมาลงบอกว่าพื้นที่เสี่ยง โอกาสเกิดการพิการทางหูระดับเสียงอยู่ที่ 75-80 เดซิเบล ก็มี 12 หมู่บ้านด้วยกัน พื้นที่เสี่ยงระดับเสียงเกิน 80 เดซิเบล ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ทั้งหมด 8 แห่ง มีโรงเรียนด้วยนะคะ แล้วบริษัทเอกชนที่เขาศึกษามามีไหมคะ อาจารย์คะ ที่บอกมีผลกระทบมากกว่า 80 เดซิเบล ไม่สามารถอยู่อาศัยได้
ดร.ไกรชาติ – คือพื้นที่ตรงนี้จะเป็น 40 AEF บวกเข้าไป 30 ก็จะประมาณ 70-75 เดซิเบล ซึ่งตรงนี้จริงๆแล้วถามว่ามันไม่เหมาะที่เป็นที่พักอาศัย
จินดารัตน์ – ไม่ว่าระยะสั้นหรือระยะยาว ถูกไหมคะ
ดร.ไกรชาติ – ครับ ยิ่งระยะยาวก็ยิ่งจำนวนผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น เที่ยวบินเพิ่มมากขึ้นนะครับ เพราะฉะนั้นพื้นที่ตรงนี้มันอาจจะขยายออกไปนะครับ มากเท่าไหร่นี่ผมอาจจะยังตอบไม่ได้ทีเดียว
จินดารัตน์ – แต่ก็มีใช่ไหมคะ พื้นที่เสี่ยงที่บอกว่ามากกว่า 80 เดซิเบล
ดร.ไกรชาติ – ก็มีครับ แต่อาจจะมีบางส่วนที่เล็ดลอดออกไป ก็จะมีอยู่บ้าน
จินดารัตน์ – ในข้อมูลของอาจารย์มีไหมคะ หมู่บ้านไหนบ้าง มีพื้นที่ไหนบ้างคะ เพราะในมีดิฉันนี่นะคะ มีหมู่บ้านมนสินี หมู่บ้านสราญวงศ์ หมู่บ้านร่มฤดี
สนธิ – คืออย่างนี้ครับ AEF 40-45 นี่เป็นบ้านพักของพนักงานสถานีรถไฟลาดกระบัง และก็บ้านพักพนักงานควบคุมประตูระบายน้ำตอนที่ 3 มีนบุรี นี่อยู่ในรายงานฉบับเดียวทีงานฉบับเดียวที่อาจารย์ไกรชาติทำมานะครับ
จินดารัตน์ – ก็คือเหมือนกัน ข้อมูลก็ข้อมูลเดียวกัน แต่พอกระทรวงทรัพย์ได้นับข้อมูลจากรายงานฉบับนี้แล้ว กระทรวงเข้าไปตรวจสอบอีกระดับชั้นนึงไหมคะว่า มันจริงหรือเปล่าข้อมูลที่ศึกษามา
ชนินทร์ – ข้อมูลนี้เขามีคณะกรรมการครับ ผู้ชำนาญการพิจารณารายงานตามขั้นตอนนะครับ ซึ่งก็มีผู้แทนของหน่วยงานต่างๆ ทั้งหน่วยงานรัฐ ทาง สผ.เอง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆก็มาพิจารณารายงาน ในการกำหนดมาตรการในการป้องกันและผลกระทบ จากข้อมูลที่ทางบริษัทไปดำเนินการศึกษานะครับ ซึ่งก็ได้ออกมาเป็นมาตรการในการลดผลกระทบที่แตกต่างกันตามระดับของผลกระทบด้านเสียง เช่น AEF 40 ขึ้นไป ก็พูดง่ายๆว่าไม่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัย
จินดารัตน์ – แล้วทำยังไงคะ ถ้าบอกว่าไม่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัย บทม.หรือว่าหน่วยงานภาครัฐทำยังไง
ชนินทร์ – ครับ คือ บทม. ในฐานะที่เป็นเจ้าของโครงการนี่นะ ก็ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการในการป้องกัน และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมนะครับ คือถ้าโครงการใดที่อยู่เกิน AEF 40 ขึ้นไป ก็ต้องมีมาตรการในการโยกย้ายออกไป
จินดารัตน์ – นั่นหมายถึงว่าต้องเวนคืนให้เขาถูกไหมคะ
ชนินทร์ – ครับ ต้องชดเชย ที่ดินจัดซื้อให้ เพราะว่ามันไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย จะมีผลกระทบกับเรื่องหู เรื่องอะไรต่างๆ เป็นการรบกวน ซึ่งอันนี้เป็นมาตรฐานต่างประเทศเลยนะว่าไม่ควรอยู่ อันนี้ บทม.ก็ต้องมีการไปดำเนินการ ซึ่งก็ได้มีการตั้งคณะทำงานต่างๆขึ้นมาดูแลในส่วนนี้แล้ว ถ้าช่วง 35-40 นี่ก็จะมีมาตรการชดเชย ในเรื่องของการจ่ายเงินอะไรต่างๆ
จินดารัตน์ – แต่ว่าจะย้ายออกหรือไม่นั่นก็เป็นสิทธิของเขา
ชนินทร์ – เป็นสิทธิ เพราะฉะนั้นก็ต้องเลือกแต่ละรายมาสอบถามความเห็นต่างๆ ว่ามีความประสงค์อย่างไรบ้าง แล้วก็ถ้าอยู่โชน 30-40 นี่ ก็ต้องมีการติดตั้งพวกวัสดุป้องกันเสียงต่างๆ ตามบ้านเรือนต่างๆให้
จินดารัตน์ – เพราะฉะนั้น บทม. ต้องชี้แจงให้ชาวบ้านเข้าใจ คุณสุชาดา คุณธนสาร เคยมีเจ้าหน้าที่ บทม.มาบอกไหมว่า หมู่บ้านคุณนี่มีผลกระทบเสียงเท่าไหร่ กี่เดซิเบล อยู่ลำบากนะจะได้รับเงินชดเชย หรือว่าตั้งระบบป้องกันเสียงอะไรให้ เคยไหมคะ
ธนสาร – ขอบคุณมากครับ ผมขอชี้แจงเลยนะครับ คือผมอยู่บ้านตลอด ตอนนี้ผมเกษียณนะ ไม่มีเจ้าหน้าที่มาถาม แม้แต่รันเวย์นี่ผมก็ไม่ทราบว่าจะขึ้นทางไหน ก็เพิ่งมาทราบเมื่อกี๊นี่แหละครับ ส่วนเรื่องผลกระทบอะไรต่ออะไรไม่มีเจ้าหน้าที่จริงๆ อันนี้แหละครับที่ผมจำเป็นต้องมานี่ก็ไม่ได้คิดอะไรนะ คิดว่าในเมื่อผมอยู่ตรงนั้นแล้วมันเดือดร้อนนี่นะครับ มันก็จำเป็นต้องออกมา เดี๋ยวผู้หลักผู้ใหญ่จะคิดว่าธนสารมาทำไม อะไรต่ออะไรนี่นะครับ ความจริงนี่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะกระทบนะครับ ทุกวันนี้นะครับฝุ่นละอองนี่จับใบไม้นะครับ จับดอกไม้อะไรต่ออะไร บานเกล็ดอะไรอย่างนี้
จินดารัตน์ – ตั้งแต่เขาเริ่มสร้างเลยใช่ไหมคะ ผลกระทบที่เกิดขึ้น
ธนสาร – ครับ ตั้งแต่เริ่มสร้างเลย
จินดารัตน์ – แสดงว่าคุณธนสาร ดิฉันเรียนถามเรื่องความกังวลใจก่อน ตั้งแต่เขาเริ่มสร้างกังวลใจเรื่องอะไรล่วงหน้าคะ
ธนสาร – กังวลใจมากจริงๆตอนสร้างนี่นะ ก็เรื่องละออง ที่จริงเสียงผมดีกว่านี้อีกนะ พอดีระบบหายใจนะครับ ทุกวันนี้ก็ยังทานยาอยู่
จินดารัตน์ – เพราะอายุมากขึ้นหรือเปล่าคะ เสียงถึงไม่ดี หรือว่าเป็นเพราะผลกระทบจริงๆ
ธนสาร – ผมว่ามันฝุ่นละออง มันเกี่ยวกับระบบหายใจ ไปตรวจแล้วเขาก็บอกว่าทางเดินระบบหายใจ ยามีครับ อันนี้จริงๆครับ เพราะผมอายุขนาดนี้แล้วคงไม่ได้มา make ครับ อันนี้ผมขอยืนยันในเรื่องการกระทบ
จินดารัตน์ – แล้วชาวบ้านออกมาร้องเรียน หรือว่าเรียกร้องอะไรนบ้างไหมคะ พอมีปัญหาเรื่องฝุ่นละออง
ธนสาร – ที่จริงหมู่บ้านนี้ก็เป็นหมู่บ้านที่รักสงบมากนะครับ ก็มีกลุ่มนี้แหละครับ กลุ่มนี้นะครับเขาตั้งคณะทำงานขึ้นมา และเชิญผมเข้ามา เพราะว่าก็โชคดีที่มีผู้สื่อข่าวคนนั้นครับ เขาก็เดินไปที่บ้านผม ผมก็ให้ข้อมูลไป ก็มีลงในหนังสือพิมพ์บ้าง อันนี้คือการกระทบตอนนี้เลยนะครับ ส่งเสียงนี่ผมก็คิดว่าถ้าหากว่ามัน 2 นาทีต่อ 1 ลำนี่นะครับ มัน 24 ชั่วโมงนี่นะครับ เสียงมันจะหยุดไม่ได้เลย ถ้าจะเปรียบก็เหมือนว่าเรากำลังติดเครื่องยนต์อยู่ตลอดเวลา อยู่ใกล้ๆบ้านเรา เมื่อเสียงมันดังอยู่ตลอดนี่นะครับ ปัญหาเรื่องเสียงนี่คงกระทบ
จินดารัตน์ – แสดงว่าก็คืออย่างแรกเรื่องฝุ่นนั้น ก็คิดเสียว่าถ้าเขาสร้างเสร็จเดี๋ยวมันก็หายไปเอง แต่เรื่องเสียงนี่มันจะอยู่ไปกับเราตลอดชีวิต ถูกไหมคะ ถึงต้องออกเรียกร้อง
ธนสาร – ครับ
จินดารัตน์ – คุณสุชาดาล่ะคะ
สุชาดา – ก็อย่างที่เรียนให้ทราบว่าเราเพิ่งรู้ แล้วบ้านเรานี่เป็นบ้านต้องการมาพักผ่อนจริงๆ ทีนี้ถ้าเกิด 24 ชั่วโมงเราก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปไหน และอีกอย่างที่มาเรียกร้องกันนี่ ก็อยากให้รัฐนี่เข้ามาดูว่า นาริตะเขาทำยังไง ญี่ปุ่นเขาทำยังไง ประเทศอื่นๆเพื่อนบ้านเราทำอย่างไร ถึงคุณจะบอกว่า 70 เดซิเบลเป็นเสียงธรรมชาติซึ่งเราต้องรับได้ แต่ต้องถามพวกเราว่าทำไมพวกเราย้ายออกมาเพื่อหนีเสียงอย่างนี้ ยังตามมาหาเราอีก เมื่อตามมาหาเราแล้ว รัฐจะปกป้องเราได้วิธีใดบ้าง
จินดารัตน์ – ไม่มีใคร ไม่มีเจ้าหน้าที่ของ บทม.เคยเข้ามาชี้แจงกับหมู่บ้านเลยใช่ไหมคะ ว่าจะมีเสียงรบกวนแค่ไหน ขนาดวัดได้เท่าไหร่
สุชาดา – ไม่เคยค่ะ ก็ทราบจากแหล่งข่าวเหมือนกัน ก็วิ่งเข้าไปหา ปรากฏว่าวันจันทร์ที่โทรนะคะ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับดิฉันเอง โทรไปทุกหน่วยงาน ปรากฏว่าไม่รู้อะไรเลย แม้กระทั่งประชาสัมพันธ์ของ บทม.เอง ก็ปฏิเสธอย่างเดียวว่า ผมไม่ว่างครับ ผมกำลังจะรับแขก ดิฉันก็เลยบอกว่านี่ขนาดว่าเราเป็นผู้มีความรู้ระดับนึงแล้ว เรายังไม่เคยได้รับรู้ แล้วพยายามขอทั้งวันในวันจันทร์ไม่ได้ จนกระทั่งวันที่ 1 เราถึงต้องไปดักพบนะคะ เราก็ตั้งคณะการทำงานของหมูบ้านขึ้นมาเหมือนกัน
จินดารัตน์ – ในส่วนของ บทม. ไม่ทราบว่าอาจารย์หรือคุณกุศลจะเป็นคนตอบคะ ว่าเคยเข้าไปชี้แจงกับชาวบ้านไหม เคยบอกกับชาวบ้านไหมหลังจากศึกษามา
กุศล – ครับ เรื่องนี้ก็ต้องยอมรับว่าเราอ่อนประชาสัมพันธ์นะครับ เพราะว่าจริงๆแล้วในช่วงก่อสร้างนี่นะครับ ค่อนข้างจะได้รับนโยบายให้เร่งงานก่อสร้างให้เสร็จให้เร็วที่สุด โครงการแสนกว่าล้าน แต่เรามีวิศวกรประมาณ 30 กว่าคน มีพนักงานสนับสนุนประมาณ 100 คน พนักงาน 100 กว่าคนนี่ทำงานสร้างสนามบินตลอดคืน โครงการแสนกว่าล้าน รวมแล้วแสนหก
จินดารัตน์ – คือก็ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ถูกไหมคะ
กุศล – คือยอมรับว่าเราอ่อนประชาสัมพันธ์ครับ ทีนี้ตอนนี้เมื่อมีเค้าว่าจะเสร็จแน่นอน เราก็ดำเนินมาตรการที่จะต้องทำนะครับ อย่างเช่นการประชาสัมพันธ์ เราก็เริ่มจัดจ้างทีมงานที่จะลงประชาสัมพันธ์เจาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
จินดารัตน์ – ทำความเข้าใจกับชาวบ้านถูกไหมคะ
กุศล – ครับ อันนี้เจาะพื้นที่โดยตรงเลยนะครับ ซึ่งตอนนี้ก็กำลังคัดเลือกบริษัทที่เข้ามาทำ
จินดารัตน์ – อย่างนี้นั่นหมายถึงว่า คือต้องไปถามชาวบ้านก่อนว่าต้องการให้แก้ไขอย่างไร หรือว่าทาง บทม.เองจะไปบอกชาวบ้านว่าจะแก้ให้ยังไงหรือคะ
กุศล – จะไปทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ว่าพื้นที่ตรงนี้ได้รับกระทบแบบนี้ แล้วเรามีมาตรการแบบนี้ แล้วก็เราต้องการฟังความเห็นของชาวบ้านว่าต้องการยังไงนะครับ
จินดารัตน์ – ในส่วนของกระทรวงทรัพย์ล่ะคะ กระทรวงทรัพย์ช่วยเหลือชาวบ้าน เป็นตัวแทนชาวบ้านได้ไหม ไปคุยกับ บทม. หรือว่าเป็นกระบอกเสียงให้ยังไงบ้างคะ
ชนินทร์ – คือเราก็ได้มีการประสานกับ บทม.นะครับ นี่ก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ในการกำกับดูแลตามมาตรการลดผลกระทบนี่นะครับ ซึ่งก็มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีก 3 คณะ ในเรื่องของคณะทำงานด้านมาตรการชดเชยต่างๆ ซึ่งชาวบ้านต่างๆก็สามารถแสดงสิทธิ แสดงเสียงเข้ามาที่คณะทำงานชุดนี้ ซึ่ง บทม.ก็จะพิจารณาด้วยความเป็นธรรม
จินดารัตน์ – ซึ่งกระทรวงทรัพย์เองต้องเป็นตัวแทนของประชาชนด้วยใช่ไหมคะ
ชนินทร์ – กระทรวงทรัพย์ก็เป็นกรรมการอยู่ในชุดนี้ด้วย
จินดารัตน์ – แล้วมีชาวบ้านด้วยไหมคะ มีตัวแทนด้วยไหมคะ
สนธิ – คืออย่างนี้ครับ คือทาง สผ.เองนะ ก็ได้ร่วมกับ บทม.เชิญ อบต.มาหารือ มาคุยกันบอกว่า ถ้าหากว่าใครเขาจะสร้างบ้านตรงไหนนะ อบต.เวลาอนุญาตต้องบอกเขานะว่า ตรงนี้เสียงดัง ซึ่ง อบต.ทั้งหมดนี่ก็รับไป
จินดารัตน์ – แต่ว่าไม่มีสิทธิที่จะไปห้ามเขาถูกไหมคะ
สนธิ – ครับ ไม่มีสิทธิที่จะห้าม แต่ว่าเตือนเขาได้ว่าตรงไหนเสียงดัง
จินดารัตน์ – ก็ชี้แจงเตือนเขาว่า ถ้าจะสร้างนี่เสียงมันเท่าไหร่ ยังไง
สนธิ – ครับ ซึ่งตรงนี้เขาก็รับมาตรการตรงนี้ไป อบต.ทุกคน ทุกส่วนก็จะไปเตือนนะว่าอย่าไปสร้าง ถ้าสร้างนี่ต้องยอมรับว่าเสียงดัง
จินดารัตน์ – ผอ.คะ ดิฉันเรียนถามจริงๆว่า จนกระทั่งทุกวันนี้ มันเป็นความเชื่อผิดๆเลย ที่เขาบอกว่าพื้นที่ในละแวกสนามบินสุวรรณภูมินี่ เขาบอกเป็นทำเลทอง ชาวบ้านเขาขายที่กันมีคนย้ายเข้าไปอยู่เยอะ อันนี้กระทรวงทรัพย์เองก็ต้องสร้างความเข้าใจให้ประชาชนใหม่ไหมคะ
สนธิ – กระทรวงทรัพย์เราก็เคยพูดในที่ประชุม ที่ข่าวเอาไปลงนะครับ ก็บอกไว้ชัดเจนว่าต้องดูนะ ว่าเที่ยวไปซื้อบ้านปลูกบ้านนี่ จะบอกว่าใกล้ทางด่วน สนามบิน รถไฟฟ้านี่ก็ใช่ แต่ต้องดูเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม ดูเรื่องเสียง แล้วเราก็เลยขอให้ อบต.ช่วยประชาสัมพันธ์ตรงนี้นะครับ ขณะเดียวกันเราก็ขอให้ทาง บทม.นี่ตั้งคณะทำงานขึ้นมา มีคณะกรรมการกำกับติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม เราก็ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีก 3 ชุด ก็คือจัดซื้อที่ดิน แล้วก็ดูเรื่องผลกระทบเรื่องเสียง ประชาสัมพันธ์ และอีกอันก็คือเรื่องผังเมือง
จินดารัตน์ – นั่นแสดงว่าชาวบ้านที่จะไปซื้อบ้านแถวสนามบิน ขอข้อมูลจากกระทรวงทรัพย์ได้ ถูกไหมครับ
สนธิ – เปิดเว็บดูได้เลยครับ www.monre.go.th
จินดารัตน์ – อาจารย์ไกรชาติคะ ดิฉันเรียนถามนิดนึง อย่างคุณสุชาดาบอกว่า อยากรู้เหมือนกันที่นาริตะ ที่ญี่ปุ่น เขาก็มีปัญหาคล้ายๆเรา เขาจัดการปัญหานี้อย่างไรคะ
ดร.ไกรชาติ – ที่นาริตะเผอิญผมไม่เคยไปนะครับ ทีนี้ถ้าดูขากตามประเทศที่ศึกษามา หรือว่าหลายๆที่ที่ผมมีโอกาสได้ไปนี่ ส่วนใหญ่แล้วคือว่าสนามบินก็จะห่างจากตัวเมืองออกมา ยกตัวอย่างอย่างมาเลเซีย ที่กัวลาลัมเปอร์ หรือว่าที่บริสเบน ที่ออสเตรเลียต่างๆ จะห่างออกมาจากตัวเมืองออกมา และอีกส่วนหนึ่งก็คือว่าทางภาครัฐเองก็คงต้องมามองดูว่า แจ้งให้ประชาชนรับทราบว่า พื้นที่สนามบินนั้นมีความเสี่ยงต่อหูของคนเรานะ ต่อสุขภาพของหู ต้องเตือนให้ประชาชนรับทราบว่า อันนี้คือพื้นที่เสี่ยงไม่ใช่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่จะเป็นทำเลทอง วิ่งแห่กันเข้ามานะครับ มาอยู่อาศัยและก็มีทำธุรกิจต่างๆ แต่ทีนี้คือต้องเตือนเรื่องสิ่งแวดล้อมและก็สุขภาพของประชาชนว่า พื้นที่เสี่ยงควรจะมีการกันพื้นที่ออกมา
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ คือต่างประเทศนี่เขาจะมีบอกเลยใช่ไหมคะ ว่ารัศมีห่างจากสนามบินกี่กิโลเมตรถึงจะปลอดภัยในเรื่องของมลภาวะทางเสียง เขาบอกไหมคะ
ดร.ไกรชาติ – ตรงนั้นคือได้จากการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ก็คือจะมีการจำลองอย่างที่ผมบอกว่าต้องมีการจำลองขึ้นมา เพราะเราไม่รู้ว่าสนามบินแต่ละที่จะมีเที่ยวบินมาลงเท่าไหร่ ประเภทของเครื่องบินที่จะมาลงเป็นเท่าไหร่ แล้วก็จะบินไปทางไหนแต่ละที่ไม่เหมือนกัน แต่ละที่อย่างนาริตะก็อาจจะ 5 กิโลเมตรจากตัวรันเวย์นะครับ กัวลาลัมเปอร์ก็อาจจะ 6 กิโลเมตรจากรันเวย์ หรือบ้านเรานี่อาจจะไม่เหมือนกันแล้ว เพราะว่ารูปแบบมันไม่เหมือนกันนะครับ บางที่ตัวรันเวย์เขาอาจจะไม่ได้ขึ้นทางเหนือหรือว่าใต้ แต่เขาอาจจะเป็นตะวันออก ตะวันตก
จินาดรัตน์ – นั่นหมายถึงว่า คือ จะสร้างนี่ก็บอกชาวบ้านไม่ได้เลยใช่ไหมคะ ชัดเจนไม่ได้ว่าคนที่อยู่ในละแวกรัศมีเท่านี้ๆ จะได้รับกระทบเท่าไหร่อย่างไร เพราะว่าทางขึ้นลงหรือจำนวนผู้โดยสาร เราก็ยังคาดการณ์ไม่ได้ชัดเจนถูกไหมคะ
ดร.ไกรชาติ – ถ้าเรามีข้อมูลระดับหนึ่งนะครับว่า สมมุติอย่างกรณีนี้ก็คือประมาณ 45 ล้านคน เรามีการจำลองที่เทียบใกล้เคียงกับบ้านเราที่สุด ก็คือเอาดอนเมืองมา เหมือนกับเรายกดอนเมืองมาเลย แต่ว่าจำนวนเที่ยวบินมันเพิ่มขึ้นมา จำนวนทิศทางของการขึ้นลงก็จะใกล้เคียงกับดอนเมืองมากที่สุด แล้วก็จะไปซ้ายไปขวาให้ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริง แล้วก็จำลองดูว่าตัวเดซิเบลนะครับว่ามันไปถึงไหน นี่คือการจำลองขึ้นมา ที่พอจะบอกชาวบ้านให้รับทราบได้ว่า ตรงนี้นะมันมีความเสี่ยงกับพวกคุณ แล้วไม่ควรที่จะมาอยู่
จินดารัตน์ – แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือ เราก็ไม่ได้ชาวบ้านใช่ไหมคะ อันนี้คือความผิดพลาดที่ บทม.ก็ยอมรับว่า ขาดการประชาสัมพันธ์ไปนิดนึง เอาล่ะ ตอนนี้มันพลาดแล้ว เกิดขึ้นมาแล้ว ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบก็นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว ช่วงหน้านะคะดิฉันขออนุญาตพักกันก่อน ช่วงหน้าจะกลับมาถามว่า แล้วคนที่เขาได้รับผลกระทบ เขาอยากให้ บทม. หน่วยงานภาครัฐแก้ปัญหาให้พวกเขาอย่างไร แล้ว บทม.มีคำตอบชัดเจนหรือไม่ ซักครู่เดียวค่ะ
*********************************************************
จินดารัตน์ – เอาล่ะครับ กลับมาช่วงสุดท้ายของรายการ เรากำลังพูดถึงผลกระทบทางด้านเสียงของสนามบินสุวรรณภูมินะคะ ช่วงแรกเราก็ฟังกันไปแล้วว่าแต่ละหน่วยงานนั้นทำงานกันอย่างไร บทม.ทำงานกันอย่างไร อาจจะเกิดความผิดพลาดเรื่องของการประชาสัมพันธ์ ว่าไม่ได้บอกชาวบ้านว่าผลกระทบอย่างนี้ๆ แล้ว บทม.จะแก้ไขปัญหาอย่างไร วันนี้พวกเขาออกมาเรียกร้องแล้วว่าจะให้ทำอะไรให้บ้าง แก้ไขอะไรได้บ้าง คุณสุชาดา อยากให้ บทม.หรือกระทรวงทรัพย์ทำอะไรคะ แก้ปัญหาอะไรให้
สุชาดา – อย่างที่เรียนค่ะ คืออยากให้สังคมทราบนะคะ ว่า บทม.เองเพิ่งจะตัดสินใจว่าจะใช้รันเวย์แบบนี้นี่ปีเดียว ผลกระทบเพิ่งรู้ เพราะฉะนั้นถามว่าพวกเรามาอยู่ก่อนนี่ตั้ง 2530 จนกระทั่งถึง 2548 ที่เพิ่งจะตัดสินใจว่าเลือกแบบนี้ สิ่งเหล่านั้นนี่พวกเราไม่รู้มาก่อน ตรงนี้ที่เราจะเรียกร้องนี่เราก็อยากขออะไรที่มันป้องกันเสียงให้เราบ้าง หรือให้เราอยู่อย่างสันติ จะเขยิบขึ้นมาซักหน่อยจาก 70 เป็น 30 เดซิเบล เราก็ยังพอโอเคด้วย เพราะไหนๆก็เป็นความเจริญของบ้านเมือง ถามว่าท่านสนธิคิดอย่างไร ทาง บทม.คิดอย่างไร ใน Area ของเราคือสีแดงนะคะ
จินดารัตน์ – ยกตัวอย่างเช่นติดกระจก 2 ชั้นอย่างที่นาริตะเขาทำ
สุชาดา – ใช่ หรือสามารถที่จะให้เครื่องบินหยุดตอนตี 1 เหมือนนาริตะได้ไหม ตี 1 ปุ๊บงดบินทั้งหมดให้เราไดพักผ่อน 6-7 ชั่วโมงเราก็พอแล้ว จะทำได้ไหม
จินดารัตน์ – ผอ.สนธิตอบในฐานะกระทรวงค่ะ
สนธิ – คืออย่างนี้ครับ คือว่ามาตรการลดผลกระทบนี่ ในรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมนี่ มันเป็นเงื่อนไขตามกฎหมาย ซึ่ง บทม.จะต้องไปปฏิบัติตาม และมันเป็นมติของกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้วย เพราะฉะนั้นนี่ในมาตรการผลกระทบสิ่งแวดล้อมนี่มันมีบอกไว้หมดนะครับ ถ้าหากว่าอยู่ในแนว 40 นี่นะ ต้องซื้อไปเลยครับ ต้องย้ายออกไปเลยนะ ถ้าอยู่ใน 35-40 จะต้องจ่ายเงินชดเชย และก็ไปหาวัสดุอุปกรณ์ดูดซับเสียงมาคิดให้ด้วย อันนี้อยู่ใน 30-35 ไม่ได้จ่ายเงินชดเชย แต่ว่าหาวัสดุอุปกรณ์มาดูดซับเสียง ยกตัวอย่างเช่นทำกระจก 2 ชั้นนะครับ เอาพวกใยแก้วมาติดที่ฝาผนัง ทำหลังคาใหม่เปลี่ยนเป็นหลังคาที่ดูดซับเสียง ป้องกันเสียง
จินดารัตน์ – อันนี้ชัดเจนอยู่แล้วในมาตรฐานที่จะต้องทำ
สนธิ – มีอยู่แล้ว แล้วเป็นสิ่งที่ทาง บทม.เขาต้องเอาไปประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านรู้ด้วย
จินดารัตน์ – คือคุณสุชาดาจะได้กระจก 2 ชั้นแน่ๆ ที่กรีนวัลเล่ย์ถูกไหมคะ ถ้า 30-35 ผอ.ยืนยันนะคะ
สนธิ – ครับ อยู่ในมาตรการครับ
จินดารัตน์ – กี่หมู่บ้านคะ ผอ. ที่จะได้ในระดับนี้ มีตัวเลขอยู่แล้วใช่ไหมคะ
สนธิ – คือทั้งหมดนี่ประมาณ 3500 หลังคาเรือน ต้องอยู่ในมาตรการลดผลกระทบ 179 แห่งต้องย้ายออก อันนี้มีตัวเลขอยู่แล้วครับ
จินดารัตน์ – แต่ว่ายังไม่ได้บอกชาวบ้านเท่านั้นเอง ถูกไหมคะ
สนธิ – เข้าใจว่าอย่างนั้นครับ
จินดารัตน์ – คุณกุศล อย่างกรณีคุณสุชาดาบอกว่า เครื่องบินหยุดบินได้ไหมตี 1 เป็นต้นไป
กุศล – ช่วงนี้ผมยังตอบไม่ได้นะ เพราะว่าในลักษณะของสนามบินบ้านเรานะครับ เนื่องจากว่ามันต้องพึ่งพากับสนามบินที่อื่นด้วย คือลักษณะของเครื่องบินของเรานี่ จะเริ่มต้นจากเราปลายทางที่ต่างประเทศ ของเราที่ขึ้นจากเราไปลงปลายทางที่ต่างประเทศอย่างเช่น อเมริกา หรือว่ายุโรปนี่ เราต้องไปลงสว่างที่โน่น ใช้เวลาประมาณ 11-12 ชั่วโมง ก็จะขึ้นจากที่นี่ประมาณ 23.00-24.00 น. ประมาณนี้ ตี 1 อาจจะไม่มี สมมุติว่าตี 1 ไม่มีก็อาจจะปิดตี 1 ก็ได้นะครับ
จินดารัตน์ – อย่างนี้พอใจไหมคะ คุณสุชาดา ถ้าฟังแบบนี้
สุชาดา – ก็สบายใจ
จินดารัตน์ – คุณธนสารล่ะคะ
ธนสาร – สำหรับผมนะครับ ถ้าหากว่ามันอยู่ใน 70 เดซิเบลนี่นะ ของผมใช่ไหมที่อาจารย์อธิบาย ถ้า 70 ถ้าหากว่าจะแก้ไขเสียงนี่นะครับ ผมถือว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ ผมคิดว่าจะไม่คุ้ม แล้วคนอยู่นี่มันก็คงจะทรมานพอสมควร เพราะว่าการแก้นี่มันไม่ได้ 100%
จินดารัตน์ – แก้แล้วได้ซักกี่เปอร์เซ็นต์คะ อาจารย์คะ ถ้าติดกระจก 2 ชั้นให้
ดร.ไกรชาติ – อันนี้ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เราจะเอามา ว่ามันจะสามารถลดระดับเสียงลงไปอาจจะ 10 เดซิเบล 20 เดซิเบล หรือ 30 เดซิเบล ถ้าอย่างในกรณีนี้มันเป็นวัสดุชั้นดีใช่ไหมครับ อาจจะ 30 เดซิเบล หักลบจาก 70 มันก็เงียบขึ้นมาแล้ว คือเหลือแค่ 40 ก็เหมือนอยู่ในห้องเงียบมากครับ
จินดารัตน์ – ตกลง บทม.เลือกหรือยังคะ คุณกุศล ว่าจะใช้วัสดุแบบไหน ดีที่สุดหรือว่ายังไงคะ จะได้กี่เดซิเบล แสดงว่ายังไม่ได้เลือกใช่ไหมคะ ยังไม่ได้คุย
กุศล – ครับ จะฟังเสียงชาวบ้านก่อนครับ
ธนสาร – ที่จะติดนี่ติดในบ้านหรือยังไงครับ ติดในบ้านใช่ไหมครับ
ดร.ไกรชาติ – การจะติดกระจกหรือดูดซับเสียงนี่ ต้องดูสภาพบ้านด้วยนะครับ
จินดารัตน์ – ถ้าบางหลังมีปัญหาติดไม่ได้ใช่ไหมคะ ถ้าติดไม่ได้จะทำยังไงคะ
ดร.ไกรชาติ – อาจจะชดเชยด้วยวิธีอื่นนะครับ
จินดารัตน์ – หาวิธีอื่น มีตัวอย่างเช่นไหมคะ
ดร.ไกรชาติ – ตัวอย่างเช่นก็อาจจะชดเชยเป็นเงิน แล้วเจ้าของบ้านไปปรับปรุงเองว่าจะปรับปรุงโดยวิธีไหนก็แล้วแต่ .
สนธิ – ที่จริงรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเขาบอกไว้ชัดเจนนะครับว่า อาจจะต้องจ่ายชดเชยเป็นเงิน แล้วก็คนไหนที่ไม่อยากอยู่ ทาง บทม.ต้องไปหาที่ให้เขาไปอยู่ใหม่ หาที่ราคาถูกอะไรให้เขาไปอยู่ใหม่ด้วย แล้วต้องติดตามให้เงินชดเชย แล้วก็ดูทางด้านสังคมว่ามีความเป็นอยู่ที่ดีอะไรหรือเปล่า
จินดารัตน์ – อย่างนี้ชาวบ้านก็เลือกได้ใช่ไหมคะ ว่าเอาล่ะ เขาไม่เอากระจก 2 ชั้น
สนธิ – ขึ้นอยู่กับคณะทำงานที่เขาจะประชุมกัน
ชนินทร์ – คือได้รับการชดเชยในรูปแบบต่างๆ ขึ้นกับความประสงค์ของผู้อยู่ในแนว AEF ขึ้นไป เช่น ทาง บทม.เขาจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลในส่วนนี้ และก็คงดูตามความต้องการของแต่ละรายไปในส่วนนี้ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าถ้าต้องการ สมมุติว่าบ้านไม่เหมาะกับกระจก 2 ชั้น ก็คงต้องหาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะมาดู ว่าลักษณะอย่างนี้คงต้องมีการติดตั้งลักษณะแบบใด ดีไซน์ให้มันใช้งานได้ไปในส่วนนี้
จินดารัตน์ – แสดงว่าก็มีอีกหลายวิธีที่ บทม.จะต้องไปดำเนินการ คุณธนสารมีอะไรต่อไหมคะ
ธนสาร – มีครับ คืออันดับแรกนี่นะครับ ผมอยากให้เข้ามามวลชน เพราะว่าการอ่อนในประชาสัมพันธ์นี่นะ ทำให้คนนี่คิดไปต่างๆนานา ฉะนั้นอยากจะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบออกมายืนยันให้แน่นอนนะครับ ว่าจะช่วยในกรณีไหนถ้าเกิดการกระทบนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเสียง ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะนะครับ ตัวนี้อยากจะให้ยืนยัน ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบออกมายืนยันให้แน่นอน
จินดารัตน์ – อย่างนี้หมายถึงยืนยันไปเลยว่าหมู่บ้านนี้ ระดับเสียงกี่เดซิเบล ได้รับการชดเชยแบบไหน อย่างไร ชัดๆกันไปเลย บทม.จะทำไหมคะ
กุศล – ยังไงก็แล้วแต่ ผมเรียนให้ทราบนิดนึงว่า การศึกษานี้เป็นสถานการณ์จำลองจากการป้อนข้อมูลเข้าโปรแกรมนะครับ เมื่อได้ผลออกมาเป็นยังไง เราจะเตรียมการเพื่อจะทำตามนั้น แต่ว่าเมื่อเปิดสนามบินจริง ผลอาจจะคลาดเคลื่อน ซึ่งเราจะศึกษาและก็นำผลการศึกษาที่หลังจากที่เปิดแล้ว
จินดารัตน์ – ใช้เวลานานแค่ไหนคะ คุณกุศล
กุศล – ก็หลังจากเปิดผมก็ดำเนินการเลย
สนธิ – คืออย่างนี้ครับ เราจะมีการตั้ง station ตรวจวัดเสียง 13 station วัด 24 ชั่วโมงรอบๆ ขณะเดียวกันหมู่บ้านไหนที่ไม่อยู่ในแนวเขต แต่คิดว่าเสียงดังนะ เขาจะมีวัด Background ก่อนที่สนามบินจะเปิดนะครับ ถ้าหลังจากเปิดแล้วนี่เกิดไป 10 เดซิเบลนี่จะต้องชดเชย และก็ทาง บทม.ต้องตั้ง Call Center รับเรื่องร้องทุกข์ตลอดเวลา
จินดารัตน์ – แสดงว่าเรื่องเหล่านี้เตรียมการเอาไว้หมดแล้ว แต่ว่าชาวบ้านเขาไม่เคยรู้นะคะ ดิฉันเรียนนิดนึงว่าชาวบ้านเขาไม่เคยรู้เลยนะคะ ข้างหลังเชิญค่ะพี่ อยู่กรีนวัลเล่ย์ใช่ไหมคะ
ชาวบ้าน 1 – ขออนุญาต อยากจะทราบว่าจากเท่าที่ทราบนี่นะ จากสถานการณ์ที่ 3 นี่นะคะ คือเจ้าหน้าที่อธิบายให้ฟังว่า เสียงส่วนใหญ่จะตกอยู่ที่สนามบินนะคะ จะได้ผลกระทบที่ออกมานี่ ภายนอกนี่จะน้อยมาก แล้วก็จะใช้สนามบินได้เต็มที่ แล้วก็สำหรับวิทยุการบินนี่สะดวกมาก เพราะว่าขึ้นลงเป็นลูปไปเลย อันตรายน้อยมาก แต่ในเมื่อหลีกเลี่ยงให้เป็นสถานการณ์ที่ 2 นี่นะคะ เพียงเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงตึกสูงจากลาดกระบังและธนาซิตี้นี่นะคะ อยากจะขอให้ศึกษานิดนึงว่า เนื่องจากการตึกสูงนี่นะคะ อาจจะมีโอกาสพลาดพลั้งบ้างไหม นักบินชนตึกสูงนี่เคยคิดไหมคะ อันตรายใหญ่หลวงขนาดไหน สูญเสียเท่าไหร่ ลองไปศึกษากรณีอย่างนี้ดูดีไหมคะ ว่าระหว่างที่จะจ่ายชดเชยให้ลาดกระบัง หรือทางนี้ หรือธนาซิตี้นี่เพื่อรื้อถอน
จินดารัตน์ – อันไหนคุ้มกว่ากัน อันไหนปลอดภัยกว่ากัน ถูกต้องไหมคะ
ชาวบ้าน 1 – ถูกต้องค่ะ อยากให้ศึกษาอันนี้ สำหรับในกรีนวัลเล่ย์เอง เราก็เข้าใจสิ่งที่ได้ประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ เราก็คงจะต้องยินดีนะคะ
จินดารัตน์ – ถ้าสุดท้าย บทม.ยังยืนยันว่าจะใช้สถานการณ์ที่ 2 ก็ต้องหาทางแก้กันต่อถูกไหมคะ เอาล่ะ จะติดกระจกอะไรให้ ยังไงก็ว่ากันไป แต่ขอให้กลับไปทบทวนถูกไหมคะ คุณกุศลคะ กลับไปทบทวนได้ไหมคะ หรือว่าตัดสินใจไปแล้ว
กุศล – ได้ครับ การตัดสินใจของเราเนื่องจากว่ายังไม่ได้เปิดการบิน เมื่อเปิดการบินก็เปลี่ยนแปลงได้
จินดารัตน์ – เอาล่ะค่ะ ชัดเจน ดิฉันจะเรียนถามตรงๆว่า แล้วจะเริ่มทำงานวันที่เท่าไหร่คะ คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำงานนี้
กุศล – เริ่มแล้วครับ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน
จินดารัตน์ – เริ่มทำอะไรคะ ไปหาชาวบ้านหรือยังไงคะ
กุศล – เริ่มประชุมครับ ประชุมเสร็จแล้วก็จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา 3 คณะนะครับ ชุดแรกก็เรื่องจัดซื้อที่ดิน ชุดที่ 2 ก็เรื่องการวางแผนชดเชย ชุดที่ 3 อันนี้คงจะไม่เกี่ยวกับเราโดยตรง คือการวางแผนการใช้ที่ดิน น่าจะเป็นเรื่องของกรมโยธาและผังเมืองมากกว่า
จินดารัตน์ – กรรมการที่ว่านี้นะคะ เริ่มทำงานอย่างที่บอก ชาวบ้านต้องรอการประเมินผลนานแค่ไหน ถึงจะได้คุยกับเจ้าหน้าที่ว่า ฉันได้รับผลกระทบอย่างนี้ๆนะ ต้องการแบบไหนอะไรยังไง นานแค่ไหนคะ คุณกุศล
กุศล – ตอนนี้เราเริ่มจัดตั้งศูนย์ Call Center นะครับ ตั้งขึ้นมา
จินดารัตน์ – เบอร์อะไรคะ คุณกุศลคะ
กุศล – เบอร์นี่ผมจำไม่ได้นะครับ
จินดารัตน์ – แต่ว่าตั้งมาแล้วใช่ไหมคะ นั่นแสดงว่าชาวบ้านเขาโทรมาแจ้งได้
กุศล – ครับ แต่ว่าจะเริ่มแจ้งได้เมื่อไหร่ เดี๋ยวผมเรียนให้ทราบอีกที
จินดารัตน์ – กรุณาแจ้งทางสื่อด้วยนะคะ ชาวบ้านเขาจะได้ทราบค่ะ
กุศล – อีกอันหนึ่งก็คือว่า จริงๆแล้วนี่เรื่องการประชาสัมพันธ์นี่ เราเน้นไปเรื่องการต้อนรับผู้มาดูงานมากที่สุดเลย เมื่อ 2 ปีที่แล้วนี่จะมีคนมาดูงานทุกวันจันทร์นะครับ เฉลี่ยสัปดาห์ละ 400-500 คน ณ ปัจจุบันนี้กำลังจะเสร็จนะครับ จะมีผู้มาดูงานทุกวัน เฉลี่ยวันละ 400-500 คนเหมือนกัน อย่างกรณีของเคหะนคร 2 เราก็ประสานกันแล้ว เคหะนคร 2 จะเข้าไปชมพื้นที่ และก็ฟังคำชี้แจงในวันเสาร์ที่จะถึงนี้นะครับ มีปัญหาอะไรก็เชิญถามได้ แล้วก็ทราบข่าวจากคุณสุชาดาว่า ในกรณีของกรีนวัลเล่ย์ก็คงจะมีการจัดทีมเข้าไป
สุชาดา – คือทำหนังสือเข้าไปแต่ว่ายังไม่ได้รับคำตอบค่ะ คือทำหนังสือเข้าไปว่าเราได้รับผลกระทบแบบนี้ เรายังไม่เคยได้รับเชิญเข้าไป หรือว่าไปซักถามเป็นทางการ ก็เลยทำหนังสือขอไปแต่ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะได้ไหม
กุศล – ก็ผมคาดว่าคงจะจัดคิวนะครับ เพราะว่าจริงๆแล้วตอนนี้เข้าไปดูทุกวัน เข้าไปชมพื้นที่ทุกวัน วันละ 3-4 คณะ
จินดารัตน์ – นั่นหมายถึงว่าไม่เฉพาะ 2 หมู่บ้านนี้เท่านั้นถูกไหมคะ ที่อื่นด้วยที่ได้รับผลกระทบ ทั้งหมดกี่หมู่บ้านคะ คุณกุศลพอจะทราบข้อมูลไหมคะ
กุศล – หมู่บ้านที่อยู่ข้างเคียงนี่ตอนนี้ยังมีไม่มาก
จินดารัตน์ – เอาเป็นว่าจะทำงานให้เร็วที่สุดถูกไหมคะ แต่ว่าชาวบ้านคงไม่ต้องรอถึงปีมั้งคะ
ชนินทร์ – ผมขอเสริมนิดนึงนะครับ ว่ากระทรวงทรัพย์นี่เรามีเว็บไซด์ เรื่องที่มันมีปัญหา เราเอาไปลงเว็บไซด์ เอามาตรการไปเปิดเผย นี่อันที่ 1 นะครับ อันที่ 2 คือว่าทาง บทม.จะต้องทำรายงานผลติดตามตรวจสอบส่งให้ สผ.พิจารณา แล้วก็ทุกปีปีละครั้งนี่นะ บทม.จะต้องไปรายงานกับกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติว่าได้ทำอะไรไปบ้าง คือถ้าไม่ทำอะไรเลยเขาก็คงเล่นงานนะครับ เพราะฉะนั้นตรงนี้เขาก็ต้องรายงานอยู่แล้ว ตรงนี้คือที่เราดูแลอยู่
จินดารัตน์ – ขอคำตอบสั้นๆนะคะ จะได้ประชาชนมั่นใจได้ยังไงว่าไม่ได้ทิ้งพวกเขา พอเปิดใช้สนามบินตัวใครตัวมัน แต่ก็ยังดูแลให้อยู่
กุศล – บทม.มีความต้องการที่จะอยู่ร่วมกับชุมชนรอบด้านอย่างมีความสุขนะครับ เพราะฉะนั้นมีอะไรที่จะต้องช่วยเหลือ หรือว่ามีอะไรที่จะต้องแก้ปัญหาที่ทาง บทม. ทางสนามบินก็ตามทำความเดือดร้อนให้ เรายินดีจะเข้าไปแก้ครับ
จินดารัตน์ – จนกว่าชาวบ้านจะพอใจถูกไหมคะ
กุศล – ถูกต้องครับ
สุชาดา – พอดีในหมู่บ้านนี่มีชาวต่างชาติอยู่ เขาบอกว่าที่เขาอยากได้ก็คือหนังสือยืนยัน ว่าเอาล่ะ 70 เดซิเบลนี่จะช่วยอะไรเรา และถ้าเกินกว่านี้จะทำอะไรให้เรา และยืนยันเป็นทางการ ดิฉันก็เลยจะมาขอทางนี้ว่ามีหนังสือถึงเราซักฉบับได้ไหม ยืนยันเรื่องพวกนี้ค่ะ
จินดารัตน์ – เอาล่ะค่ะ วันนี้ตัวแทนชาวชุมชนก็เรียกร้อง พอที่จะมีข้อคิดเห็นเสนอไปในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดิฉันเรียนเสนออย่างนี้นะคะ ว่าหมายเลข บทม.ที่โทรไปได้นะคะ 02-7230000 หรือว่าเข้าไปในเว็บไซด์ของกระทรวงทรัพย์ก็ได้ค่ะ ก็โทรศัพท์ไปได้นะคะในเวลาราชการ วันนี้เราค่อนข้างชัดเจน ขอบพระคุณทุกท่านที่วันนี้มาให้ข้อมูลชัดเจน และขอบพระคุณตัวแทนชาวบ้านด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ วันนี้หมดเวลาจริงๆลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ
************************************************************