xs
xsm
sm
md
lg

พระคทาจอมทัพฯและธงชัยเฉลิมพล เสริมพระราชสถานะจอมทัพไทย

เผยแพร่:   โดย: "เซี่ยงเส้าหลง" และทีมข่าวการเมือง

•• ต้องขอขอบพระคุณอย่างยิ่งที่มี ผู้รู้ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาหลังจากได้อ่าน จากกัลยาณมิตรถึงนายกฯทักษิณ ชินวัตร (14) : ในหลวงยังทรงเป็นจอมทัพไทยทั้งทางกฎหมายและราชประเพณี ในหลายด้านด้วยกันโดยเฉพาะท่านแรกที่ e-mail เข้ามาบอกว่า “...บทความลืมกล่าวไปอีกว่า บนปลายยอดธงชัยเฉลิมพลนั้นเป็นที่บรรจุเส้นพระเจ้าของพระองค์ ไว้เป็นมิ่งขวัญของทหารหาญในหน่วยด้วย.” และอีกท่านหนึ่งที่ตามมาหลังจากนั้นไม่นานเตือนให้กล่าวถึงเรื่อง คทาจอมพล หรือ พระคทาจอมทัพ และที่ “เซี่ยงเส้าหลง” นึกขึ้นมาได้เองว่าตกหล่นประเด็นที่แม้จะเป็นส่วนย่อยแต่ก็สำคัญในเชิงบุคคลไปเล็กน้อยก็คือตรงส่วนที่กล่าวถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ – ผบ.ทบ. ไว้ว่าเมื่อปี 2547 ท่านกล่าวไว้ได้อย่างถูกต้องและงดงามยิ่งนักหลังจาก รับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้รับราชการในตำแหน่งผบ.ทบ. ว่า “...ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ดีใจที่ได้รับใช้ราชบัลลังก์.” ควรจะกล่าวเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อยว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก็มีวัตรปฏิบัติที่งดงามไม่แพ้กันเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2548 ที่ เมื่อยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ – ก็ระมัดระวังไม่ร่วมบำเพ็ญกรณีใด ๆ ที่อาจทำให้สาธารณชนเข้าใจไปว่าเป็นการแสดงตนว่าจะได้ดำรงตำแหน่งสำคัญ และอีกท่านหนึ่งที่ไม่สมควรที่จะลืมกล่าวถึงเป็นอย่างยิ่งก็คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ – ประธานองคมนตรี ที่ถือเป็น ปูชนียบุคคลตลอดกาลของทหารทุกคน การที่ท่านสั่ง ปิดบ้าน ไม่เปิดโอกาสให้นายทหารคนหนึ่งคนใดหรือคณะหนึ่งคณะใด เข้าอวยพร – ปรากฏเป็นภาพข่าวต่อสาธารณะ เมื่อวันคล้ายวันเกิดวันที่ 26 สิงหาคม 2548 นั้นไม่ว่าจะโดยการอ้างเหตุผลใด ๆ ก็ตามแต่ ผลที่เกิดขึ้นชัดเจน ก็คือ เมื่อยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ – ก็จะระมัดระวังไม่บำเพ็ญกรณีใด ๆ ที่อาจทำให้สาธารณชนเข้าใจไปว่านายทหารคนนั้นคนนี้จะได้ดำรงตำแหน่งสำคัญ ก็คือขอได้โปรดรับทราบตามนี้

•• ยังมีท่านผู้ใช้นามว่า ทหารเก่า 2005 ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาอีกว่าพระราชสถานะ จอมทัพไทย นั้นจะเห็นได้ว่าทำให้ ประเพณีปฏิบัติ ในคำตอบรับพระมหากษัตริย์ของ ทหาร มีคำเฉพาะเป็น เอกลักษณ์ แตกต่างไปจาก ข้าราชการหน่วยอื่น, ประชาชนทั่วไป กล่าวคือในขณะที่ข้าราชการหน่วยอื่นและประชาชนทั่วไปใช้ประโยค “...ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ.” แต่ ทหาร จะใช้ประโยค “...ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ พระพุทธเจ้าข้าขอรับ.” พิเศษตรงคำว่า ขอรับ ที่ใช้มาตั้งแต่รัชสมัย รัชกาลที่ 5 เพื่อให้ตรงกับคำว่า Sir ที่สื่อความเป็น เจ้านายโดยตรง นั่นเอง

•• ท่านผู้เดียวกันนี้ยังให้ข้อมูลอีกประการหนึ่งว่า ประกาศพระบรมราชโองการให้นายทหารรับราชการก็จะมี ภาษา ที่ พิเศษ กว่าที่ใช้กับข้าราชการหน่วยอื่น ๆ กล่าวคือจะใช้คำขึ้นต้นว่า “...มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ.” พูดง่าย ๆ ว่าคือไม่ใช่แต่เพียง รับราชการ ธรรมดา ๆ แต่ รับราชการสนองพระเดชพระคุณ เพื่อสื่อให้เห็นว่า ทหารทุกนาย คือ ข้าของเจ้านายเพียงพระองค์เดียว – คือพระมหากษัตริย์ เท่านั้น

•• ขอใช้หนี้ด้วยการกล่าวถึง คทาจอมพล ว่าเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่รัชสมัย รัชกาลที่ 5 มีอยู่ 3 ประเภท ประเภทที่ 1 เป็น เครื่องต้นของพระมหากษัตริย์ ประเภทที่ 2 เป็น คทาสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ – ที่ดำรงพระยศเป็นจอมพล และประเภทที่ 3 จึงจะเป็น คทาสำหรับผู้มียศจอมพลใน 3 เหล่าทัพ ในส่วนของประเภทที่ 1 ที่มักจะเรียกว่า พระคทาจอมทัพ นั้นตั้งแต่เริ่มใช้มาจนถึงบัดนี้มีแล้ว 4 องค์ องค์ที่ 1 สร้างขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย รัชกาลที่ 5 เมื่อ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2446 องค์ที่ 2 สร้างขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย รัชกาลที่ 6 เมื่อ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2453 องค์ที่ 3 สร้างขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย รัชกาลที่ 6 และสืบทอดมาจนถึง รัชกาลที่ 7, รัชกาลที่ 8 และ รัชกาลปัจจุบัน ที่ทรงรับจากการทูลเกล้าฯถวายเมื่อ วันที่ 16 มีนาคม 2493 และองค์ที่ 4 ข้าราชการกระทรวงกลาโหมโดย สภากลาโหม เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจสำหรับประเทศชาติทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างมากมายทำให้กิจการต่าง ๆ บรรลุผลสำเร็จลุล่วงเสมอ พระบารมีของพระองค์แผ่ไพศาล จึงได้มีมติเมื่อ วันที่ 18 มีนาคม 2509 ให้สร้างพระคทาจอมพลขึ้นทูลเกล้าฯถวายโดย เก็บเงินจากนายทหารชั้นนายพลประจำการทุกนาย และได้นำขึ้นทูลเกล้าฯถวายเมื่อ วันที่ 2 ธันวาคม 2509 เนื่องในวโรกาสที่พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 40 พรรษา เพื่อเป็น เครื่องหมายแห่งความจงรักภักดีของข้าราชการทหารทุกนาย และได้ขอพระบรมราชานุญาตขนานนามพระคทาองค์ใหม่นี้เป็นพิเศษว่า พระคทาจอมทัพภูมิพล ตั้งแต่นั้นมา

•• ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าเมื่อ วันที่ 2 ธันวาคม 2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงมีพระราชดำรัสในการเสด็จพระราชดำเนินออกรับ พระคทาจอมทัพภูมิพล มีข้อความบางตอนดังนี้ “...ข้าพเจ้ายินดีรับไว้ด้วยความเต็มใจ และจะถือว่าคทาจอมทัพเป็นเสมือนเครื่องหมายแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกองทัพทั้งสาม อิสระภาพ ความมั่นคง ตลอดจนความเจริญรุ่งเรืองของประเทศเรา ขึ้นอยู่กับกิจการทหารเป็นสำคัญตลอดมาทุกยุคทุกสมัย เพราะเมืองไทยนี้เป็นเมืองทหาร คนไทยทุกคนมีเลือดทหารเป็นนักต่อสู้ ผู้รักและหวงแหนความเป็นไทยยิ่งด้วยชีวิต ทหารมีหน้าที่ป้องกันรักษาประเทศ หน้าที่นี้นอกจากในด้านการรบแล้ว ยังมีด้านอื่นที่สำคัญเท่าเทียมกันอยู่อีกคือการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประชาชน ต้องสงเคราะห์อนุเคราะห์ประชาชนด้วยการให้ความคุ้มครองป้องกัน และช่วยเหลือในความเป็นอยู่ ตลอดถึงการแนะนำสนับสนุนในการครองชีพด้วย.” ยังความภูมิใจและปลื้มปีติแก่นายทหารทุกคนตลอดมาทุกยุคทุกสมัย

•• และขอเพิ่มเติมเรื่อง ธงชัยเฉลิมพล ให้สมบูรณ์ว่าได้เข้าประกอบพิธีสำคัญทางศาสนาใน พระราชพิธีตรึงหมุดธงชัยเฉลิมพล โดยองค์พระมหากษัตริย์ทรงประกอบพิธีนี้ใน พระอุโบสถ - วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระองค์จะทรง ตรึงธงแต่ละผืนติดกับด้ามธง โดยทรง ตอกฆ้อนเงินลงบนตะปูทองเหลือง ที่ส่วนบนของคันธงจะมีลักษณะเป็น ปุ่มโลหะกลึงกลมสีทอง - ภายในกลวง ปุ่มกลมนั้นทำเป็น ฝาเกลียวปิด-เปิด พระองค์จะทรงบรรจุ เส้นพระเจ้า พร้อมด้วยพระพุทธรูปที่ได้เข้าพิธีพุทธาภิเษกแล้วชื่อ พระยอดธง และทรง เจิมแป้งกระแจะจันทน์ที่ยอดธง ตลอดพระราชพิธี พระสงฆ์สวดชัยมงคลคาถา ตั้งแต่ต้นจนจบ

•• ข่าวหน้า 1 ผู้จัดการรายวัน โผทหาร : ทางที่นายกฯต้องเลือก เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้วานนี้มี e-mail เข้ามาถึง “เซี่ยงเส้าหลง” มากเป็นพิเศษโดยขอให้ช่วย เฉลยปริศนาบางประการ ที่อ่านแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นใคร ในรายงานเชิงวิเคราะห์ชิ้นนั้น

•• อันดับ 1 ที่ผู้คนอยากรู้กันมากก็คือตรงที่ ทีมข่าวการเมือง รายงานไว้ตอนหนึ่งว่า “...การละเมิดพระราชอำนาจนี้ เคยมีตัวอย่างให้เห็นว่า ภรรยาผบ.เหล่าทัพบางคนยังไม่ได้รับพระราชทานให้ดำรงตำแหน่งเป็นคุณหญิง แต่ไปพิมพ์ตำแหน่งตัวเองว่าเป็นคุณหญิงในบัตรที่ตัวเองและสามีเป็นเจ้าภาพงานแต่งงาน และในที่สุดตัวเองก็ไม่ได้เป็นคุณหญิง ทั้งๆ ที่โดยประเพณีแล้ว ภรรยาของผบ.เหล่าทัพมักจะได้พระราชทานตำแหน่งเป็นคุณหญิง.” อยากจะรู้ว่า ภรรยาผบ.เหล่าทัพบางคน ที่ว่านี้คือ ใคร เรื่องนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” คง ตอบไม่ได้ แต่เชื่อว่าไม่ยากที่ผู้อ่านจะ ค้นหา และถ้าถามว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ต้องดูในwww.manager.co.thท้ายข่าวนี้ตรง ความเห็นที่ 125 ที่ผู้ส่งความคิดเห็นเข้ามาตำหนิ ทีมข่าวการเมือง ว่าที่เขียนไปนั้น คิดไปเอง, ดูหมิ่นกันเกินไป และตอนท้ายมีข้อความเชิง แก้ต่าง ให้กับ ภรรยาผบ.เหล่าทัพบางคน ที่ถูกกล่าวถึงนั้นว่า “...ไอ้คนพิมพ์บัตรมันไม่ใช่เจ้าภาพหรอก เจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นคนพิมพ์ ซึ่งคงเข้าใจผิดไปเอง คนระดับภรรยาผบ.เหล่าทัพน่ะไม่กล้าทำเช่นนั้นหรอก.” มีเหตุผลพอรับฟังได้หรือไม่สาธุชนพึงพิจารณา

•• ก็ต้องเฝ้าติดตามและให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้กลับมา เป็นตัวของตัวเอง, แก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูก โดยไม่คำนึงถึง สิ่งแปลกปลอม ไม่ว่าจะมาจากที่ใดก่อนที่จะ สายเกินไป นะ
กำลังโหลดความคิดเห็น