“พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ” เลขาธิการ ปปง. ให้สัมภาษณ์สภาท่าพระอาทิตย์ (28 ก.ค.48) หลังขยายมูลฐานความผิดการฟอกเงินเพิ่มขึ้นอีก 8 มูลฐาน เร่งขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ขายรถยนต์ เพชรพลอย ทองคำ โรงรับจำนำ แจ้ง ปปง.หากพบว่าลูกค้ามีพฤติกรรมที่เข้าข่ายต้องสงสัยเท่านั้น เน้นการปกปิด ประวัติส่วนตัวและที่มาของเงิน 1 ล้านขึ้นไป ลั่นหากเข้าข่ายฟอกเงินจะดำเนินคดีอาญาทันที ระบุตั้งแต่ปี 43-48 ยึดทรัพย์สินได้ประมาณ 4,000 ล้าน 90% เป็นทรัพย์สินจากยาเสพติด รองลงมาจัดหาหญิงและเด็ก ทุจริต คอร์รัปชั่น สุดท้ายฉ้อโกงประชาชน
คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อฟังเสียงการสัมภาษณ์
รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 28 กรกฎาคม 2548 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร และคำนูณ สิทธิสมาน
สำราญ – ครับ ต้อนรับเข้าสู่ช่วงที่ 2 สภาท่าพระอาทิตย์นะครับ จะไปดูเรื่องของ ปปง.นะครับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินนะครับ ก็มีไฮไลท์อยู่ 2 ประเด็น ประเด็นแรกก็คือจะมีขยายมูลฐานความผิดอีก 8 มูลฐานรวมเป็น 16 มีอยู่แล้ว 8 นะครับ คุณคำนูณ ท่านผู้ชมครับ แล้วก็อีกประเด็นหนึ่งก็คือตามข่าววันนี้ก็เห็นว่า ต่อไปนี้นอกจากแบงค์หรือสถาบันการเงิน ซึ่งต้องรายงานธุรกรรมการเงินที่ต้องสงสัยแล้ว พวกสถานธุรกิจอย่างเช่นว่า เต็นท์ขายรถยนต์เอย ร้านค้าเพชรค้าทองอย่างนี้ต้องรายงานด้วย เพราะว่าคนร้ายหรือคนที่ต้องการฟอกเงินนี่ใช้สถานธุรกิจแบบนี้เป็นแหล่งฟอกเงินด้วย เราก็จะได้เรียนข้อซักถามกับท่านเลขาธิการ ปปง.นะครับ พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ ตอนนี้ท่านอยู่ในสายครับ สวัสดีครับ ท่านเลขาครับ
คำนูณ – สวัสดีครับ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – สวัสดีครับ คุณสำราญกับคุณคำนูณ ผม พล.ต.ต.พีรพันธุ์ครับ
สำราญ – ขอประเด็นก่อนแล้วกันนะครับท่านครับ ประเด็นเรื่องที่ว่าต่อไปนี้ รถยนต์ ร้านค้าเพชรค้าทอง อัญมณีเหล่านี้นี่ ต้องรายงานการทำธุรกรรมที่ต้องสงสัยด้วยนี่ เป็นยังไงครับ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – กรณีการรายงานดังกล่าวนี่ มันจะต่างไปจากที่ธนาคารต้องรายงานตามกฎหมาย ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. 2 ล้านขึ้นไป 2. ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน 5 ล้านขึ้นไป และ 3. ก็คือประเภทต้องสงสัย แต่เนื่องจากว่าข้อกำหนดขององค์กรต่อต้านอาชญากรรมทางการเงิน ที่เรียกว่า Financial Action Task Force (FATF) นี่ กำหนดไว้บอกว่า กรณีกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ที่เรียกว่า Non – Banking Business นั้น ปรากฏว่าขณะนี้นั้น กลุ่มผู้ฟอกเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่สนับสนุนการก่อการร้าย ยาเสพติด ทุจริตอะไรเหล่านี้ก็หันมาใช้สินค้า หรือบรรดาอัญมณีสิ่งของมีค่า ตลอดจนซื้อรถยนต์ เอาเป็นแหล่งฟอกเงิน
จึงแนะนำบอกว่าให้ดำเนินการซึ่งไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ทั่วโลกก็ทำอย่างนี้ แต่ถ้าไม่ทำก็จะถูกกำหนดให้เป็นประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือในการป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน และสนับสนุนการเงินแก่การก่อการร้าย เพราะฉะนั้นเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงินนี่ จะต้องมีหน้าที่รายงานเฉพาะต้องสงสัยเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น คุณสำราญเป็นคนที่รู้จักกันหมดเลย เวลาคุณสำราญจะไปซื้อเพชรพลอย ผมไม่เชื่อว่าคุณสำราญจะเดินเข้าไปร้านไหนก็ได้ ต้องไปหาร้านที่คนรู้จัก ถูกต้องไหมครับ เพราะว่าไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่ถูกหลอก ไว้ขายคืนจะได้ไม่ถูกหักมาก
หรือถ้าไม่รู้จัก คุณสำราญอาจจะต้องมาถามว่า คุณคำนูณมีเพื่อนพรรคพวกไหม คุณคำนูณก็จะโทรบอกร้านว่านี่นะ เดี๋ยวคุณสำราญจะมานะ อย่างนี้ถึงแม้จะซื้อด้วย 1 ล้านเงินสด ก็ไม่ต้องรายงาน แต่ถ้าเป็นกรณีอยู่ๆเดินเข้ามาปุ๊บ บอกว่าชื่ออะไรขอทราบชื่อหน่อยก็ไม่บอก และซื้อด้วยเงินสด 4 แสนเช้า เดี๋ยวบ่ายมาอีกแล้วซื้ออีก 5 แสนอย่างนี้ถึงจะต้องรายงานว่าต้องสงสัย โดยไม่ต้องไปแจ้งให้เจ้าตัวรู้แค่นั้นเอง
เพราะว่าจากประสบการณ์ ปปง.ที่ผ่านมา ทำงานมา 5 ปีนี่ เงินทรัพย์สินที่ยึดมาได้ 4,000 ล้าน ประมาณ 1,500 ล้านเป็นทรัพย์สินอันเนื่องมาจากอัญมณี เพชร พลอย ทองคำแท่ง แล้วก็รถยนต์ประมาณ 300 กว่าคัน เห็นไหมครับว่ากลุ่มฟอกเงินพวกยาเสพติด ทุจริต ฉ้อโกงประชาชน เอาเงินไปฟอกผ่านสินค้าเหล่านี้ เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าต้องมาคอยไล่ตาม ไปยึดทรัพย์สินมาได้ แล้วก็ไปคอยตามเอาทีหลังนี่ มันก็จะทำให้การฟอกเงินยังคงแพร่ระบาด คนทำผิดจะสามารถทำความผิดขยายได้ต่อ
ด้วยเหตุนี้เราจึงได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวง โดยการยกร่างกฎกระทรวง กำหนดให้กลุ่มธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงินนี่ มีหน้าที่ในการรายงานธุรกรรมที่ต้องสงสัยอย่างเดียว ซึ่งมีองค์ประกอบก็คือ ที่ผมป้อนความเห็นในที่ประชุมเมื่อวานนะครับ 1. กรณีที่ไม่รู้จักลูกค้ามาก่อนเลย และ 2. ใช้เงินสดซึ่งผมกำหนดไว้ว่า 4 แสนขึ้นไป ซึ่งที่ประชุมเมื่อวานค่อนข้างที่จะได้ข้อสรุปไฟนอลจากผู้แทนสมาคมต่างๆ ซึ่งมีมาทั้งหมดประมาณ 12 สมาคม คนประมาณ 400 ครับคุณสำราญ
ก็มีที่คิดว่า 4 แสนมันต่ำไปหน่อย เพราะว่าเศรษฐกิจประเทศไทยนี่มันเป็นการใช้เงินสด เศรษฐกิจแบบเงินสด เขาก็มีปัญหาเสนอมา เขาก็มีความเห็นกัน 5-6 สมาคมบอกว่า ขอให้เป็นซัก 1 ล้านได้ไหมเงินสด ผมก็บอกไม่เป็นไร มาคุยกันได้เลย ก็ค่อนข้างที่จะจบแล้ว ขณะนี้กำลังสำรวจสถิติยอดความเห็นจากแบบสอบถาม ซึ่งก็คงจะออกมา แล้วก็จะเชิญ เขาบอกเขาสนใจอยากจะมาร่วมฟัง ร่วมคิด ร่วมร่าง ผมบอกได้ไม่มีปัญหามาเลย ก็จะออกเป็นกฎกระทรวงครับ เฉพาะต้องสงสัยเท่านั้นครับ
สำราญ – แนวโน้มซักกี่แสนหรือกี่ล้านนี่ครับ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ผมว่าน่าที่จะเป็นซัก 1 ล้านนะครับ เพราะว่าเสียงส่วนใหญ่เขาฟังๆแล้วบอกว่า 4 แสนมันน้อยไป
คำนูณ – ต้องสงสัยนี่มายถึงว่า ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยค้ากันมาก่อน แล้วก็มาใช้เงินสดเกิน 1 ล้านบาทนี่ ต้องรายงานทุกรายหรือเปล่าครับ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ถ้าต้องสงสัย ถ้าไม่ต้องสงสัยไม่ต้อง อย่างสมมุติว่าคุณสำราญเดินเข้าไปในร้านนี่ จะไปซื้อรถยนต์ซักคันราคา 8 แสนบาท ซื้อไปซื้อมาถามว่าคุณทำงานที่ไหน คุณจะบอก คุณไม่ปกปิดข้อมูลส่วนตัวเลย บอกผมชื่อสำราญครับ ผมทำงานอยู่ตรงนี้ นอกงานผมก็ยังมาทำรายการอย่างนี้ คุยมาสนิท
คำนูณ – เผอิญผมไม่ชอบใช้เช็ค ผมชอบถือเงินสดเป็นฟ่อนๆ อะไรประมาณนั้น
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – อย่างนี้ก็ต้องถามดู ถ้าปกปิดบอกเอ๊ะ คุณจะมาถามอะไร ผมจะซื้อรถ เดี๋ยวคุณก็รู้เองเวลาจดทะเบียน พอถามที่อยู่แทนที่จะบอกว่าอยู่ กทม. บอกว่าผมอยู่สมุทรปราการโน่น ก็ไปเช็คฐานข้อมูลแล้วปรากฏว่าทะเบียนบ้านไม่ได้อยู่ที่สมุทรปราการ แต่ว่าอยู่ที่ กทม.หรืออะไรเหล่านี้ ปกปิดข้อมูลส่วนตัว
คำนูณ – คือถ้าเขาเปิดเผยตัวตนชัดเจน ถึงแม้ว่าจะไม่เคยค้ากันมาก่อน แล้วจะใช้เงินสดเกิน 1 ล้านบาทนี่ ไม่ต้องสงสัยก็ไม่ต้องรายงาน
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ให้ความร่วมมือในการเปิดเผยข้อมูลไม่ต้องรายงานครับ เฉพาะต้องสงสัยอย่างเดียว แต่ถ้าสมมุติว่าเช้าวันนี้มาซื้อรถที่นี่คันหนึ่ง เดี๋ยวบ่ายไปซื้ออีกยี่ห้อหนึ่ง บังเอิญเจ้าของเป็นสาขาเดียวกัน ไปซื้ออีกคันหนึ่งแล้ว ทำอย่างนี้มันเกินความจำเป็นอะไรพวกนี้ ต้องดูครับ
สำราญ – อันนี้ก็คือแค่ออกเป็นกฎกระทรวงก็จบแล้ว
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ก็เป็นกฎกระทรวงซึ่งหลังจากที่มีความเห็นยกร่างเสร็จ ก็จะเสนออนุกรรมการกฎหมายของคณะกรรมการ ปปง. จากนั้นถ้าเสร็จแล้วก็จะเข้าคณะกรรมการ ปปง. ซึ่งมี พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯเป็นประธานนี่ เสร็จแล้วถ้าให้ความเห็นชอบ ก็จะเสนอท่านรัฐธรรมนูญ ยิ่งธรรม เพื่อจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี จากนั้นก็จะเสนอให้นายกฯลงนามประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็ใช้ได้ มันจะเป็นจังหวะเดียวกับกับที่ร่างแก้ไขกฎหมายฟอกเงิน ที่เพิ่มความผิดมูลฐานนี่เข้าไปในสภา ซึ่งจะมีการประชุมอีกเดือนหน้านี่แหละครับ
สำราญ – คาดว่าน่าจะใช้กันได้เต็มที่เมื่อไหร่ครับ เดือนไหนครับ หรือปีหน้า
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ผมว่าน่าจะภายในปีนี้ก็ไม่เกินเดือนธันวาคม 2548
สำราญ – ธันวาน่าจะได้ใช้ นิดเดียวครับ ท่านเลขา ก็คือนอกจากรถยนต์ ร้านค้าเพชร ค้าทองแล้วมีอะไรอีกครับ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ก็มีผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่นี่ที่ปรากฏว่าคนที่ลักลอบค้ายาเสพติดนี่ เดินลงมาปุ๊บก็เอาสตางค์ เงินสดนี่มาซื้อเลย เช่น ถ้าสมมุติถอนมาจากแบงค์ใหม่ๆมันคงไม่มีปัญหาเท่าไหร่ ปรากฏใช้แบงค์ 20 แบงค์ 50 แบงค์ 100 นี่เป็นปึกๆเป็นกระเป๋าๆเลยมาซื้ออย่างนี้ มันต้องสงสัยแน่นอน
คำนูณ – คือต้องสงสัยนี่มันก็ต้องดูหลายอย่างผสมกันใช่ไหมครับ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ใช่ครับ ถูกต้อง
คำนูณ – สมมุติว่าเขาเป็น สมมุติเขาเอาเงิน 4 ล้านมาซื้อรถนี่ แต่ว่าเป็นปึกชัดเจน แบงค์พัน แสดงให้เห็นว่าเบิกมาจากธนาคารมาอะไรอย่างนี้ ก็ถือว่าไม่น่าสงสัย
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ไม่น่าสงสัย แต่ว่าถ้าถามชื่อเขาบอกข้อมูลส่วนตัว เขาเต็มใจอะไรไม่มีปัญหา ไม่ต้องรายงานครับ
คำนูณ – แล้วก็ดูรูปพรรณสัณฐาน น่าจะมีเงินประมาณนี้
สำราญ – ก็ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ ร้านค้า ทองคำ มีประเภทไหนอีกครับ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ก็เป็นโรงรับจำนำ เพราะมันมีกรณีอย่างนี้ครับ ปรากฏว่าเอาเงินสดไปซื้ออัญมณีเสร็จเรียบร้อย แล้วก็ยอมขาดทุนเอาไปจำนำแล้วก็ทิ้งเลย เอาเงินสดไป แล้วก็ถามว่าเอามาจากไหน ก็เอาตั๋วจำนำให้ดู ว่านี่มาจากการจำนำของ
สำราญ – ก็ประมาณนี้นะ ทีนี้ไปอีกประเด็นหนึ่ง เรื่องของการเพิ่ม 8 มูลฐานความผิดนี่ อันนี้ต้องแก้กฎหมายแน่นอน มีมูลฐานความผิดอะไรบ้างครับ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – สำหรับปัจจุบันนั้น พ.ร.บ.ป้องกันการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มีความผิดอยู่แล้ว 8 มูลฐานด้วยกัน เนื่องจากว่าในการศึกษาที่เราให้ทางจุฬาฯก็ได้ ม.ธรรมศาสตร์ก็ดี ทำการศึกษาวิจัย แล้วก็พบแล้วความคิดเห็นส่วนใหญ่ของประชาชนบอกว่า กฎหมายฟอกเงินนี่มันมีประโยชน์ ก็เห็นควรที่จะต้องขยายฐานความผิดมูลฐานเพิ่มขึ้นอีก โดยให้ครอบคลุมถึงลักษณะประเภทความผิด ที่เป็นปัญหาต่อสังคมไทยปัจจุบัน มันก็ไปสอดรับกับมติสหประชาชาติ ซึ่งบอกว่าประเทศแต่ละประเทศ ขอให้ไปทำการยกร่างกฎหมาย มาตรการภายในประเทศตัวเองให้ครอบคลุมถึงความผิดให้มากที่สุด
ซึ่งก่อนที่จะเสนอถึงจุดนี้ เราก็ทำการศึกษาวิจัย พบว่าในประเทศกลุ่มประชาคมยุโรปทั้งหมดประมาณ 43 ประเทศนี่ เขากำหนดไว้ว่าให้ความผิดอาญาทั้งหมดที่ได้ไปขึ้นเงินในทรัพย์สินนี่ เป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงินด้วย เช่น กรณีฆ่าคนตายที่มีซึ่งมือปืนรับจ้าง แล้วได้ไปซึ่งเงินและทรัพย์สินนี่ ข้อกฎหมายของในประชาคมยุโรปนี่ ก็ยึดทรัพย์สินของมือปืนรับจ้างได้ กรณีที่มีโทษหนักๆ ที่ได้ไปซึ่งเงินและทรัพย์สินในการทำอาชญากรรม แล้วได้ไปซึ่งเงินและทรัพย์สิน เขาบอกว่าให้เป็นความผิดมูลฐาน
เพราะฉะนั้นของประเทศไทยเราในการศึกษานั้น ก็เลยให้กำหนดกรอบไว้เพียงแค่ 8 มูลฐาน ก็คือ 1. การบุกรุกที่ดินของรัฐ ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ร.บ.ป่าสงวน รวมจนถึงสัตว์ป่าสงวนนี่แหละครับประเภทที่ 1 อันที่ 2 ความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรา เพราะว่าคนที่ลักลอบยาเสพติดเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เอาเงินไทยที่ได้จากการขายยาเสพติด เอาไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินตราต่างประเทศ เพื่อจะได้หลบการถูกตรวจสอบ
อันที่ 3 ความผิดเกี่ยวกับเรื่องบ่อนการพนัน ไม่ใช่ว่าเด็ก 2 คนเอาไก่มาชนกันไปยึดทรัพย์เขา ไม่ใช่คนเล่นดัมมี่อยู่ในบ้านดีๆแล้วบอกไปยึดทรัพย์ไม่ใช่ เป็นบ่อนการพนันที่อยู่แล้วก็ไม่ทำอาชีพอะไรเลย มีเงินรายได้มาจากการเป็นนายบ่อนการพนัน เป็นเจ้าของหวยใต้ดิน หรือว่าโต๊ะบอลเถื่อนนี่ ไม่ทำอะไรเลยอย่างนี้เป็นต้น กรณีที่ 4 เป็นเรื่องของการค้าอาวุธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเน้นไปที่อาวุธสงคราม แล้วก็อันที่ 5 เป็นเรื่องของการฉ้อโกงแรงงาน คนไทยในภาคอีสาน ภาคเหนือ แล้วก็มีภาคกลางหลายจังหวัดไปขายแรงงานในต่างประเทศ
เดิมทีเดียวเราใช้ข้อหาฉ้อโกงประชาชน มาตอนหลังนี่เขาบอกว่า เขาพาไปเมืองนอก มีงานทำจริงๆ แต่ปรากฏว่าเป็นงานผิดประเภท ผิดตำแหน่ง ไปฝึกเรื่องการขับรถแบ็กโฮ ปรากฏว่าไปถึงได้ไปล้างส้วมอย่างนี้ ก็บอกว่าให้เป็นความผิดฉ้อโกงแรงงาน เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทหางานเอาเปรียบคนที่ขายแรงงาน อันที่ 6 เป็นเรื่องของการสมยอมในเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือที่เรียกว่าฮั้วประมูล อันที่ 7 ก็คือความผิดเกี่ยวกับเรื่องการปั่นหุ้น และอันที่ 8 ความผิดเกี่ยวกับกฎหมายสรรพสามิตครับ นี่คือ 8 ความผิดมูลฐาน
ถามว่าเยอะไหม ในประชาคมยุโรปนั้นความผิดอาญาทุกชนิดที่ได้ไปซึ่งเงินและทรัพย์สิน ให้เป็นความผิดมูลฐานในกฎหมายฟอกเงิน สหรัฐอเมริกามีประมาณ 200 มูลฐาน ออสเตรเลียมีประมาณ 184 มูลฐาน ฟิลิปปินส์ประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนมี 114 มูลฐาน ของเรา 8 ก็บวกใหม่ก็จะเป็น 16 ขณะนี้ท่านรัฐมนตรีสุวัจน์นี่เซ็นยืนยันการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งอยู่ใน 1 จำนวน 377 ฉบับ ที่คณะพัฒนากฎหมายของรัฐบาลนี่นำไปเข้าสู่วาระ ซึ่งต่อไปนี่ก็จะยืนยันไปที่ ครม. พอ ครม.เห็นชอบปุ๊บก็จะส่งไปที่สภาผู้แทนราษฎร เพราะเป็นกฎหมายนี้เสนอมาตั้งแต่ปี 2546 นะครับ 2 ปีมาแล้ว
สำราญ – ก็ตอนต้นนี่เลขาพีรพันธุ์บอกว่าตั้งมากี่ปีแล้วนะครับ ปปง.นี่
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ปปง.เริ่มตั้งมาตั้งแต่ปี 2542 แต่เริ่มทำงานจริงๆเมื่อปี 2543 พอมาปี 2544 เราก็ถือแนวตามกฎหมายรัฐธรรมนูญก็คือ หน่วยงานที่ยังคับใช้กฎหมาย ให้ทำการศึกษา ติดตาม ประเมินผลช่องว่าง ข้อขัดข้อง อุปสรรคในการบังคับใช้กฎหมายนั้นๆ เราก็จ้างให้จุฬาและธรรมศาสตร์ทำการศึกษาตั้งแต่ปี 2544 จนในที่สุดปลายปี 2545 ก็เสนอผลการศึกษาวิจัย และข้อเสนอแนะของประชาชน ปี 2546 ก็นำเสนอต่อคณะกรรมการ ปปง. ซึ่งให้ความเห็นชอบก็เสนอตั้งแต่ปี 2546 ครับ
สำราญ – ตั้งแต่ตั้งมา ทำงานมาตั้งแต่ปี 2543 นี่ เมื่อกี้บอกตัวเลขยึดทรัพย์มาทั้งหมดเท่าไหร่นะครับ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ประมาณ 4,000 ล้านบาทครับ ตัวกลมๆครับ 90% เป็นทรัพย์สินที่ได้ไปจากยาเสพติด และถัดมาก็เป็นเรื่องของการธุระจัดหาหญิงและเด็ก และถัดมาก็เป็นเรื่องทุจริต คอร์รัปชั่น และถัดไปก็คือฉ้อโกงประชาชนครับ
สำราญ – มีท่านผู้ชมถามมานิดเดียวครับ ขอสั้นๆแล้วกันนะครับ ขั้นตอนที่จะยึดทรัพย์นี่มีกี่ขั้นตอน คือเรารู้ว่านายคนนี้กำลังฟอกเงิน ไปเอาเงินมาฟอก มาซื้อทองซื้ออะไรก็แล้วแต่นะครับ จะยึดทรัพย์เขานี่ต้องผ่านการอนุมัติของกรรมการอะไรบ้าง
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ขั้นตอนนี่จริงๆแล้วมันมี 5 ขั้นตอนด้วยกัน ไม่ใช่ว่าที่เห็นตามสื่อ พอแจ้งไปวันนี้วันพรุ่งนี้ไปยึดทำไม่ได้นะครับ มันจะต้องมีอย่างนี้ครับ อันที่ 1 ไม่ว่าจะรู้ข่าว รับแจ้งเบาะแสจากหน่วยงานไหน คนไหนก็แล้วแต่ ต้องมีการสืบสวนเพื่อพิสูจน์ทราบว่ามีการทำผิดมูลฐานเกิดขึ้นจริง เช่นบอกว่ายาเสพติดเราต้องไปสืบทราบ ว่าคนนี้ถูกจับจริงไหม คนนี้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริงหรือเปล่า แล้วก็น่าจะเชื่อไหมว่าได้ไปซึ่งทรัพย์สิน ถ้าพิสูจน์แล้วมี ก็จะต้องไปรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นวัตถุพยาน ไม่ว่าจะเป็นพยานเอกสาร ขอบันทึกการจับกุม ขอคำฟ้องจากศาล ขอผลคำพิพากษาจากศาล หรือสอบสวนไปขอเอกสารหลักฐานของกลางจากตำรวจ ไปถ่ายรูปมา ถ้าเป็นเฮโรอีนเราไม่เอามาอยู่แล้ว ก็ไปถ่ายรูปมา
อันที่ 3 จะต้องมีการสอบสวนพยานบุคคล ไม่ว่าจะเป็นประจักษ์พยาน หรือพยานแวดล้อม เช่นคนข้างบ้านบอกคนนี้เป็นอย่างไร ทำงานอะไร บอกไม่รู้สิ วันๆไม่เห็นทำงานอะไรเลย ตื่นเช้านอนสาย เสร็จแล้วจ่ายตังค์ทิปไม่มีบันยะบันยัง งานการไม่ทำ รวยแบบไม่เกรงใจเพื่อนบ้าน น่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด อันนี้เป็นพยานแวดล้อม ขั้นที่ 4 พอเราสืบทราบ เราก็จะทำการสืบสวนเพื่อสืบทราบต่อไป ไปดูบ้านตั้งอยู่ที่ไหน ขับรถยนต์ยี่ห้อ สี ทะเบียนอะไร และก็จะดูว่าเขาทำงานหรือเปล่า ถ้าไม่ทำงานเราก็จะรวบรวมพยานหลักฐานและเสนอต่อกรรมการธุรกรรม เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินแล้วทีนี้
พอตรวจสอบทรัพย์สินปุ๊บ ขั้นที่ 5 ก็จะมีการประชุมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง จะกับตำรวจก็ดี หรือว่าจาก ปปส. หรือตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าอย่างนี้ มันมีหลักฐานอย่างนี้ โดยเชิญอัยการมา ถ้าเขาบอกโอเค หลักฐานพร้อม เป็นคดีอาญาเขาพร้อมที่จะดำเนินการให้ ก็จะให้ตำรวจดำเนินคดีอาญา ก็ตามขั้นตอนของตำรวจไปอีกส่วนหนึ่ง ในส่วน ปปง.เรากลับมารายงานต่อกรรมการธุรกรรม เขาบอกว่าโอเค ให้ยึดทรัพย์ได้ เราก็เข้าไปทำการขอหมายศาล และก็ยึดทรัพย์ เพราะฉะนั้นมันมี 5 ขั้นตอน ใช้เวลาอย่างน้อยนี่ 2 เดือน บางคดีใช้เวลาประมาณปีครึ่งครับ
สำราญ – คือประเภทที่ว่ารู้วันนี้ มะรืนนี้จะยึดเลยนี่ รู้สึกจะลำบากใช่ไหมครับ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ไม่ได้ๆ เพราะกว่าจะมาสอบพยาน กว่าจะมารวบรวมพยานหลักฐาน แค่เดินทางก็หมดเวลาแล้ว 3 วัน
สำราญ – สุดท้ายต้องมีการอนุมัติของคณะกรรมการธุรกรรมด้วยใช่ไหมครับ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ในการตรวจสอบทรัพย์สินที่เป็นข้อมูลในธนาคารก็ดี หรือการทำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินนี่ กฎหมายระบุไว้ว่าต้องให้เป็นมติกรรมการธุรกรรมด้วย
คำนูณ – ท่านผู้ชมถามว่าถ้าประชาชนต้องการซื้อรถด้วยเงินสด ราคาเกิน 4 แสนบาท ต้องบอกคนขายด้วยหรือเปล่าว่าเอาเงินมาจากไหน เพราะรู้สึกว่าเป็นสิทธิของตัวเองที่ไม่ต้องบอกคนขาย
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – คืออย่างนี้ครับ เอาเงินมาจากไหนนี่ผมคิดว่าเซลไม่กล้าถาม ถ้าถามลูกค้าคงไปไม่ซื้อ แต่ถ้าถามว่าพี่ครับ พี่ทำงานอะไรหรือครับ อย่างนี้มันก็ควรจะต้องบอกนะครับ และ 2. พอซื้อรถมาก็ถามว่าเคยมีรถกี่คันแล้วครับ ก็ปรากฏว่าไปปกปิดข้อมูลอีก ถามว่าบ้านอยู่ไหน บอกว่าแทนที่จะบอกว่าบ้านจริงๆอยู่ กทม. กลับบอกว่าบ้านอยู่ปทุมธานี คือกรณีไม่ยอมบอกข้อมูลส่วนตัว แล้วก็ใช้ซื้อเงินสดเกินกว่า 4 แสนขึ้นไป คือมีพฤติกรรมต้องสงสัย แต่ถ้าอย่างสมมุติว่าลูกค้าเป็นที่รู้จักของตัวแทนรถยนต์ บ้านก็อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวแทนขายรถยนต์ เขาจะซื้อ 8 แสน 6 แสนเงินสด แม้จะเป็นกรณีที่ไม่รู้จักกับตัวเซลแมน ก็ไม่ต้องรายงานเพราะไม่เข้าข่ายต้องสงสัย ซึ่ง ปปง.จะไปทำความเข้าใจ และก็ไปอบรมให้กับทางพนักงานขาย ร้านอัญมณีเพชรพลอยทองคำ ตลอดจนรถยนต์ต่อไปครับ เฉพาะต้องสงสัยเท่านั้น
คำนูณ – อันที่จริงท่านผู้ฟัง ท่านผู้ชมที่ถามว่า ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก คือว่าท่านบอกว่าท่านไมได้ใช้บัตรเครดิต จริงๆก็ไม่เป็นไร ก็คือจะซื้อรถซื้ออะไรก็คือเพื่อความปลอดภัยของเราเอง ไม่ต้องพกเงินไปเยอะๆ ก็ไปซื้อเครดิตเช็คจากธนาคารเสียก็จบ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ถ้าเขียนเช็คก็ไม่ต้องรายงาน คืออย่างนี้ครับ ทุกวันนี่สำนักงาน ปปง.ตั้งขึ้นมานี่ ยึดได้ประมาณ 4,000 ล้าน 1,500 ล้าน เป็นอัญมณีเพชร พลอย ทองคำ แล้วก็รถยนต์ยึดได้ประมาณ 300 กว่าคัน เป็นรถที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเสียส่วนใหญ่ ซื้อด้วยเงินสดแล้วบางทีไม่จดทะเบียนด้วยนะ ทางภาคเหนือนี่ พอซื้อปุ๊บนี่บอกว่าชื่อสมมุติว่านาย ก. แซ่ ข. พอเสร็จแล้วไม่จดทะเบียนก็วิ่งหายไปเลย แล้วรถนี่พอถูกยึดมาก็พบว่าไปซื้อเงินสด มาจากตัวแทนรถยนต์ทางภาคเหนืออย่างนี้
สำราญ – ผู้ชมทางภาคใต้จากสุราษฎร์บอกว่า ไม่เห็นที่ภาคใต้นี่พ่อค้ายาเสพติด หรือเจ้าพ่ออิทธิพลโดยยึดทรัพย์บ้างเลย เป็นเพราะอะไรครับ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – มีครับ ขณะนี้ที่สุไหงโกลกเราก็ยึดโรงงานไว้ แล้วก็ที่นราธิวาสก็มีนะครับ ในตัวเมืองนราธิวาส เรื่องของยาเสพติด มีประมาณไม่ต่ำว่า 4-5 ปีที่เรายึดทรัพย์มาแล้ว เพียงแต่ไม่เป็นข่าว ปปง.ไม่ได้แถลงข่าว แต่มียึดแน่นอนครับ ลักลอบหนีศุลกากรที่จังหวัดสงขลา อ.สะเดา อะไรพวกนี้ก็มี ที่ติดกับทางประเทศเพื่อนบ้านของเรา มีประมาณ 4-5 คดีเป็นอย่างน้อยนะครับ ขณะนี้ก็ยังมีดำเนินอยู่ 3 คดี ที่กำลังยึดทรัพย์และก็แจ้งให้เจ้าตัวเขามาชี้แจงครับ
สำราญ – ยาเสพติดก็มีแน่นอน
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – มีแน่นอนครับ
สำราญ – สุดท้ายครับ สายลับ ปปง.แล้วเบ็ดเสร็จมีคนไปสมัครกี่คนครับ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ขณะนี้มียอดสมัครประมาณ 77,000 คน แต่ก็ยังไม่ได้ปิดนะครับ ก็มีคนมาสมัครทุกวันครับ ก็เมื่อวานเห็นมีมา 2-3 ราย บางท่านก็แวะเข้าเห็นมีป้ายไฟวิ่งก็แวะเข้ามาสมัครครับ
สำราญ – ต้องการเท่าไหร่นะครับ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – เท่าไหร่ก็ได้ครับ ตอนนี้เราไม่ได้ปิดอยู่แล้ว ก็ส่วนใหญ่ประชาชนนี่เขาก็สนใจอยากจะมามีส่วนร่วม หลังจากที่สำนักงาน ปปง.ตั้งคณะกรรมการภาคประชาชนระดับชาติ เพื่อสนับสนุนการป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน 111 คน ก็ปรากฏว่าแต่ละคนก็ไปบอกคนที่รู้จัก เขาก็เริ่มมาสมัครกัน
สำราญ – เห็นว่าจริงๆนี่ต้องการ 99,999 คน
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – เดินทีเดียวเราตั้งเป้าไว้ 99,999 คน แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้ไม่ได้ตามเป้าที่กำหนด เราก็ไม่ได้เร่งรัด เพราะว่าเราต้องการประชาชนนี่เต็มใจให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งข้อมูลเบาะแสครับ
สำราญ – เบอร์กลาง ปปง.มีไหมครับ เบอร์ 4 ตัวมีไหมครับ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – เบอร์ 4 ตัวยังไม่มีครับ ต้องขอโทษด้วย งบมันไม่มี มีแต่ตู้ ปณ.
สำราญ – ขอแปรงบตัวเองไม่ได้เหรอครับ ท่านพีรพันธุ์
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – มันไม่มีโอกาสครับ เพราะว่าเงินแต่ละอัน เดี๋ยวนี้เวลาจะของอะไรต้องมีแผนงาน มีโครงการ ถ้าไม่มีแผนงาน โครงการก็ไม่ได้ ถ้าทำไม่สำเร็จ สมมุติว่าเขียนแผนงานอย่างนี้แล้วเหลือ เขาจะตั้งข้อสังเกตว่าคุณขอไปแล้วคุณไม่ใช่ แล้วคุณจะขอมาทำไม
สำราญ – ถ้ามีเบอร์ 4 ตัวผมว่าเวิร์กอีกเยอะนะ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ต้องขอบคุณมาก เดี๋ยวผมจะให้ฝ่ายมาตรการไปพิจารณาดำเนินการ
สำราญ – คือคนไม่รู้จะติดต่อยังไง ผมเจอมาหลายเจ้าแล้ว ถามว่ารู้เบอร์กลาง ปปง.หรือเปล่า ก็บอกว่าไม่รู้ เอาล่ะครับ ขอบพระคุณที่ให้เวลานานพอประมาณวันนี้นะครับ ขอบพระคุณท่านเลขาพีรพันธุ์ครับ
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ – ครับ ด้วยความยินดีครับ