รายการคนในข่าว (4 ก.ค.48) เชิญ 2 นักวิชาการทางวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ “ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล” และ “น.อ.ฐากูร เกิดแก้ว” มาอธิบายปรากฏการณ์ “ดีพ อิมแพ็ค” พุ่งชนดาวหาง “เทมเปล 1” ว่าเป็นการศึกษาส่วนประกอบของดาวหาง และอนุมานการกำเนิดของโลกได้ เพราะดาวหางกับโลกมีการกำเนิดขึ้นมาพร้อมๆกัน และในปรากฏการณ์นี้ไม่มีผลกระทบอะไรต่อโลกอย่างที่เกรงกัน เพราะแรงกระแทกนั้นไม่ได้รุนแรงมาก เหมือนยุงชนกับเครื่องบินเท่านั้นเอง
รายการคนในข่าว ออกอากาศทาง News 1 เวลา 21.05-22.00 น. ดำเนินรายการโดยจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
จินดารัตน์ – สวัสดีค่ะ คุณผู้ชมค่ะ รายการคนในข่าวค่ะ ภาพที่คุณผู้ชมได้ชมไปเมื่อสักครู่นี้ เป็นภาพที่เกิดขึ้นจริง เป็นภาพจำลองที่เกิดจากสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณบ่ายโมงตรงในบ้านเรานี้ ดิฉันเชื่อมั่นว่าทุกคนส่วนใหญ่ บนโลกใบนี้ กำลังจับตามองกันตั้งแต่ช่วงบ่ายค่ะว่า ตกลงปฏิบัติการดีพ อิมแพ็ค ที่องค์การนาซาของสหรัฐอเมริกาได้ลงมือปฏิบัติการ ณ วันนี้ ประสบความสำเร็จแค่ไหน แล้วมีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปยุ่งกับดาวหาง เทมเปล 1 หรือ เทมเปลวันวัน หรือบางทีอาจจะเรียกชื่อต่างกันไป แต่ความหมายนั้น องค์การนาชาติบอกว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวลือเขาว่ากัน เมื่อ 6 ปีที่แล้วคุณผู้ชมยังจำกันได้ว่า มีคนเขาลือกันว่า มีดาวหางจะพุ่งชนโลก องค์การนาซาก็เลยปฏิบัติการลับ เพื่อที่จะไปเปลี่ยนวิถีแนวโคจรเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย อย่างในหนังเรื่อง ดีพอิมแพ็ค หรือว่าอมาเกลดอน แต่นั้นเป็นหนัง
แต่เรื่องจริงนั้น เกิดขึ้นจริงๆแล้ว แต่องค์การนาซาบอกว่านี้ไม่ใช่ปฏิบัติการลับ แต่เป็นเรื่องจริงที่เราทำเพื่อที่จะไปศึกษาดาวหางดวงนี้ เพราะแกนใจกลางของดาวหางหรือเรียกกันว่า นิวเคลียส คงจะให้ความรู้อะไรกับระบบสุริยะจักรวาลหรือจักรวาลของเรามากว่าที่พวกเรารู้กันดีอยู่ทุกวันนี้ แต่ปฏิบัติการนี้ ไม่ได้ทำแค่วันสองวัน นะค่ะ วันนี้เราจะมาดูกันอีกครั้งหนึ่งว่าทำไปกันทำไม ทำเพื่ออะไร และจะมีผลอะไรตามมาบ้าง ในอนาคต กับอาจารย์ผู้ที่อยู่ในวงการแวดวงนี้ทั้ง 2 ท่านด้วยกัน ค่ะ ท่านแรก ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล นะค่ะ นักวิทยาศาสตร์และนักศึกษาทางวิทยาศาสตร์ดีเด่นปี 2538 ท่านต่อ นาวาอากาศเอก น.อ.ฐากูร เกิดแก้ว ท่านผู้อำนวยการศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์ ค่ะ สวัสดีค่ะอาจารย์คะ ขอบพระคุณคะ ที่มาคุยกันวันนี้ ก่อนอื่นคงต้องถามอาจารย์ทั้ง 2 ท่านก่อนว่า ทั้ง 2 ท่านคงไม่ละสายตาแน่นอนว่าวันนี้เขาลงมือกันไปแล้วนะค่ะ เป็นไปตามที่องค์การนาซาเขาตั้งเป้าหมายกันไว้ คาดการณ์กันเอาไหมว่า อาจารย์ดร.ชัยวัฒน์ค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ - ครับ ผลออกมาก็ ก็น่าจะเกินคาด
จินดารัตน์ – ดีเกินคาดหรือว่าอย่างไรค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – ดีเกินคาด เพราะว่า เวลาก็คลาดเคลื่อนไปแค่ 3 นาที แค่นั้นเองนะครับ แล้วอเมริกา ทำไมต้องมาเลือกเอาวันที่ 4 เป็นเวลาที่ดีหรือเปล่าที่จะส่งยายอวกาศไปพบกับดาวหาง เพราะว่าเวลาที่ดีสุด น่าจะเป็นเวลาที่ดาวหางกับการส่งยายอวกาศจากโลกไปและก็ใช้เวลาน้อยที่สุด แล้วน่าจะเป็นเวลาที่ดาวหางเรียกว่าแถวๆอยู่ใกล้ๆโลกเรา แต่วันที่ดาวหางอยู่ใกล้โลกที่สุดผ่านไปแล้ว ตอนนี้ดาวหางดวงนี้กำลังเข้าไปเกือบถึงดวงอาทิตย์ หมายถึงจะเป็นจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด แต่ถามว่าความเสี่ยงมีไหม ก็มี เพราะฉะนั้นเวลาที่เขาเห็นผลออกมา แล้วก็ภาพถ่ายทอดจากนาซา นะครับ ห้องปฏิบัติการ นั่นก็เฮกัน
จินดารัตน์ – เหมือนในหนังเลยค่ะอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – ภาพที่เห็นคนเขาเฮกัน
จินดารัตน์ – อันนี้เป็นเจ้าหน้าที่เหรอค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – เป็นคนในศูนย์ควบคุมนั้นแหละครับ แต่ตรงนี้ก็น่าสนใจนะครับว่า ที่เขาเฮกันนี้ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้ว 7 นาที เพราะว่าสัญญาณจากโลกกับดาวหางมันอยู่ห่างจากโลกมากทีเดียว 133 ล้านกิโลเมตร สัญญาณต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 นาที เพราะฉะนั้นที่เฮกัน โดนชนประมาณ 7 นาที ไปแล้ว แต่เราดูภาพเหมือนกับเพิ่งเกิด
จินดารัตน์ – เหมือนกับมันดีเลย์มา
ดร.ชัยวัฒน์ – ผมว่าตรงนี้น่าสนใจ บางทีสิ่งเหล่านี้น่าสนใจ
จินดารัตน์ – ทีนี้ต้องถามอาจารย์ น.อ.ฐากูรบ้าง ว่าอาจารย์ น.อ.ฐากูรแล้ว ประเมินกันแล้วนะค่ะเป็นไปตามคาดไหม ตื่นเต้นไหม หรือว่ารู้สึกเฉยๆ รู้ว่ามันต้องออกมาเป็นแบบนี้
น.อ.ฐากูร – ก็ผมคิดว่ามันต้องออกมาเป็นแบบนี้อยู่แล้ว คือเขาไปดวงจันทร์ เขาส่งยายอวกาศไปลงจอดบนดาวเคราะห์น้อยยังได้เลย ดาวหางเขาน่าจะทำได้ คือว่ามันชนตามเป้าหมายแต่ว่าผลมันต้องรอวิเคราะห์
จินดารัตน์ – เห็นเขาบอกว่าต้องรอ 28 วัน นับจากนี้ไป 28 วัน ผลจะออกมาถึงจะได้รู้ว่ามันเป็นอะไรอย่างไร ค่ะตกลงเขาต้องการอยากรู้อะไร
น.อ.ฐากูร – ก็ประเด็นสำคัญก็อยากรู้ว่าข้างในมันประกอบด้วยอะไร
จินดารัตน์ – หมายถึงนิวเคลียสมันนี่เหรอค่ะ
น.อ.ฐากูร – ครับ
จินดารัตน์ – นิวเคลียสก็คือใจ แกนกลางมัน
น.อ.ฐากูร – คือว่า หางมันก็มาจากส่วนหัวมัน มันออกมาจากข้างในเวลาแสงอาทิตย์ส่องมามันร้อน ข้างในมันเดือน มันพ่นออกมา คราวนี้ตัวนี้มันคืออะไร อย่างหนึ่ง เขาสนใจดาวหางกันมากคือว่ามันเป็นทั้งผู้ฆ่า และผู้ทำลาย
จินดารัตน์ – ทำไมล่ะค่ะ
น.อ.ฐากูร – มันนำมาซึ่งชีวิต องค์ประกอบของมัน มันมีคาร์บอน ตัวเรามีคาร์บอนนะ มันนำน้ำมาสู่โลก ถ้ามันชนโลก มันละลายน้ำ มันอยู่บนโลก ถ้ามันนำสิ่งมีชีวิตมา สิ่งมีชิวิตก็แพร่บนโลก แล้วถ้าพูดถึงในแง่ทำลาย ถ้ามันชนโลกมันก็คลุมโลกนาน แต่ว่ามันไม่ใช่ชนแล้วตายทันทีนะครับ ก็คือว่าตอนที่ชน เนี่ย ฝุ่นควันมันคลุมโลกหลายปี พืชพันธุ์มันไม่เจริญเติบโต
จินดารัตน์ – เพราะแสงมันส่องลงมาไม่ถึง
น.อ.ฐากูร – ส่วนใหญ่ก็มันไม่มีอะไร จริงๆแล้วสูญพันธุ์ 70 สปีชีส์ของสิ่งมีชีวิตบนโลก ไม่ใช่เฉพาะไดโนเสาร์ แล้วเหตุการณ์นี้ไม่ใช่มีครั้งเดียว มีอยู่เรื่อยๆ แต่ว่าช่วงเป็นร้อยล้านปี
จินดารัตน์ – อย่างที่เราทราบข่าวกัน
ดร.ชัยวัฒน์ – วันนี้บังเอิญ ถูกสัมภาษณ์ก็เลยมา หือบางทีเราเรียก เขาอาจจะเข้าใจบางอย่างผิดกัน จริงๆแล้วดาวหางที่เราเรียกว่านิวเคลียส ไม่ใช่ศูนย์ภายในนะ
จินดารัตน์ – เหรอค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – จริงๆตัวหัวมันก็คือนิวเคลียส
จินดารัตน์ – หมายถึงว่าทั้งหัวมันก็คือนิวเคลียส แต่ไม่ได้หมายถึงใจแกนกลางของมัน
ดร.ชัยวัฒน์ – คราวนี้ตรงนี้ น่าสนใจอย่างยิ่ง ก็คือ ขณะมีความรู้กับดาวหาง เราคิดว่าเราพอรู้แล้ว นะครับ ว่ามันเหมือนเป็นก้อนน้ำแข็งเป็นส่วนประกอบ
จินดารัตน์ – ดาวหางก็ คือคล้ายๆกันหมด ดาวหางฮัทเลอร์ ดาวหางไทเกอร์ จะคล้ายๆกัน
ดร.ชัยวัฒน์ – ใช่ครับ แต่ที่เราไม่รู้ ว่าข้างในมันคืออะไร นะครับ เพราะฉะนั้น ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ให้เจ้าตัว เขาเรียก อิมแพกเตอร์
จินดารัตน์ – ยานลูกนี่นะค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – ยานลูกนี่ชน แล้วก็ถ้าเป็นไปตามที่เขาคิด หลุมมันน่าจะใหญ่
จินดารัตน์ – ประมาณเท่าไหร่ค่ะอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – เอ ขนาดนี้ยังไม่ทราบนะครับ แต่คาดการณ์ว่าอาจจะเป็นหลุมใหญ่กว้างประมาณสัก 200 เมตร ลึกประมาณ 50 เมตร หรือขนาดอาจพอๆกับสนามฟุตบอล หรืออาจไม่ถึงก็ได้
จินดารัตน์ – ความลึกก็ประมาณตึก 5 ชันได้ไหมค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – ได้ครับ แต่มันเป็นแค่ประมาณการ คราวนี้อย่างไรก็ตามค่อนข้างจะมั่นใจ แล้วผลออกมาก็เป็นอย่างนั้นจริง ว่ามันจะเข้าไปหลุมใหญ่ เพราะฉะนั้นส่วนเนื้อในจะพุ่งขึ้นมา เป็นพวกผง เป็นพวกฝุ่น ก้อนน้ำแข็ง เป็นอะไรก็แล้วแต่ ขึ้นมา ตรงนี้แหละครับเขาก็จะศึกษา เพราะฉะนั้นตรงนี่เขาจะมีทฤษฎีว่าข้างในอาจจะเป็นอย่างไร แต่จริงๆไม่รู้ เพราะฉะนั้นก็อยากจะทราบ
จินดารัตน์ – ก็เลยมีปฏิบัติการนี้ขึ้นมา
ดร.ชัยวัฒน์ – ใช่ครับ
จินดารัตน์ –แค่นั้นเอง แต่ไม่ได้เป็นไปตามข่าวลือว่า 6 เดือนที่แล้ว มีดาวหางจะชนโลก นาซาก็เลยต้องเปลี่ยนวิถี
ดร.ชัยวัฒน์ – ไม่ใช่ครับ
จินดารัตน์ – อ๋อ ไม่ใช่
ดร.ชัยวัฒน์ – ถ้าถามว่า โลกเราโอกาสถูกชนมีไหม ก็มี อย่างเมื่อสักครู่ ก็คุยกันแล้วว่าโลกในอดีตถูกชนมาแล้วหลายครั้ง จริงๆขนาดนี้ โลกเราถูกชนตลอดเวลา เพียงแต่ว่าสิ่งที่ชนโลกทุกวันนี้มันเล็ก มันก็ออกมาละลายไป แต่ในอดีตใหญ่ๆนั้น ก็ใช่ ที่ชัดๆก็คือ เมื่อ 60 ล้านปีมาแล้ว ซึ่งตอนนี้ข้อมูลค่อนข้างจะชัดว่า ไม่ใช่ดาวหางที่ชน เป็นดาวเคราะห์น้อยขนาดประมาณ 10 กิโลเมตร
จินดารัตน์ – ดาวเคราะห์น้อยมันต่างกับดาวหางอย่างไรค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – ดาวเคราะห์น้อยกับดาวหางต่างกันที่ว่าดาวหางง่ายๆมันเป็นก้อนน้ำแข็ง คล้ายๆอย่างนั้นนะครับ ส่วนดาวเคราะห์น้อยดาวทั้งดวงมันเป็นก้อนหิน มันแข็ง
จินดารัตน์ – คือการทำลายล้างมันต่างกันใช่ไหมคะ
ดร.ชัยวัฒน์ – คือหนักมากเลยเอาง่ายๆ อย่างทุกวันนี้เขาจะเฝ้าระวังดาวเคราะห์น้อยขนาดตั้งแต่ 1 กิโลเมตรขึ้นไป
จินดารัตน์ – 1 กิโลเมตร หมายถึง เส้นผ่าศูนย์กลาง
ดร.ชัยวัฒน์ – ถูกต้องครับ ประมาณนั้น เพราะว่าพวกนี้ถ้ามันชนโลกนะครับ อำนาจของการทำลายจะพอๆกับระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมา เป็นหลายๆล้านลูก
จินดารัตน์ – โห หลายล้านลูก
ดร.ชัยวัฒน์ – เพราะฉะนั้น มันถึงน่ากลัว แล้วเราก็เชื่อว่ามันจะมีอยู่ในอวกาศ ไอ้เจ้าดาวเคราะห์น้อยมันจะอยู่แถวๆระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี ค่อนข้างจะเป็นระเบียบ จับกลุ่มกันอยู่ แต่ว่าจะมีอยู่จำนวนหนึ่งที่ชอบหนีเที่ยว
จินดารัตน์ – แตกแถวเหรอค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – แตกแถว พวกนี้จะออกมานอกบริเวณ มาเยี่ยมโลกเราบ้าง เฉี่ยวโลกเราบ้าง และก็มาชนเราบ้าง
จินดารัตน์ – แต่ว่าในช่วง 65 ล้านปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยมี
ดร.ชัยวัฒน์ – มีครับ
จินดารัตน์ – มีเหรอค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – คราวนี้เป็นดาวหางนะ ก็คือ เมื่อ ตอนต้นศตวรรษที่ 20เกิดเหตุการณ์ประหลาดที่
คันกัสการ์***ที่คันกัสการ์เกิดเหตุการณ์ระเบิด ตอนนั้นคือะไร แค่ค่อนข้างที่ชัดเจนแล้วว่า เป็นดาวหาง อันนั้นเป็นดาวหางครับ
จินดารัตน์ – ใหญ่ไหมคะอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – เออ ขนาดยังไม่แน่ใจ แต่ว่าปัญหาคือ มันไม่ได้ตกถึงพื้นโลก มันระเบิดก่อนตกลงพื้นโลก มันก็เลยกระจายราบไปเลย แต่นั้นเป็นดาวหาง คราวนี้ถามว่าการที่โลกสูญพันธุ์ เกิดสูญพันธ์ครั้งแรก มากที่สุด ที่ไดโนเสาร์สูญพันธ์ อันนี้ไม่ใช่นะ ข้อมูลบอกว่าก่อนหน้านั้น 200 กว่าล้านปีมาแล้ว โลกเคยถูกชน และครั้งนั้นชีวิตในน้ำสูญพันธ์ 90 เปอร์เซ็นต์ ครั้งนั้นหายไปเยอะเลย ชีวิตบนบกที่สูญพันธ์ไปประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ แต่นั้นไม่ค่อยเป็นข่าว ไม่เหมือนกับไดโนเสาร์
จินดารัตน์ – ค่ะ อาจารย์ค่ะเดี๋ยวดิฉันพักเรื่องดาวหาง กับมาดูเรื่อง อิมแพกเตอร์ หลายคนสนใจว่าปฏิบัติการนี้เขาทำกันอย่างไร เขาเตรียมกันมานานแค่ไหน อย่างไร เดี๋ยวอาจารย์น.อ.ฐากูร จะมีภาพมาให้ดูด้วย นะค่ะ อาจารย์ค่ะ ขอดูภาพนิดหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่เริ่มต้นก็คือ ปฏิบัติการนี้เขาส่งยานแม่ฟลายบาย ใช่ไหมค่ะอาจารย์
น.อ.ฐากูร - ยานฟลายบาย คือยานมันจะประกบกันอยู่ เดี๋ยวดูภาพนะครับ
จินดารัตน์ – ส่งขึ้นไปเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว นะค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – วันที่ 12 มกราคม ครับ
จินดารัตน์ – ส่งขึ้นไปโดยที่ ไม่มีมนุษย์ถูกไหมค่ะอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – ไม่มีครับ
จินดารัตน์ – หมายถึงว่าใน ยานแม่ก็ไม่มี
ดร.ชัยวัฒน์ – ครับ
จินดารัตน์ – ชัดเจนว่าไม่มีมนุษย์อยู่ อันนี้คือ ฟลายบาย ใช่หรือเปล่าค่ะ
น.อ.ฐากูร – คือ มันประกบกันอยู่ ไอ้ตัวนี้ ตัวเขียวๆมันเป็นจรวดขับดันนะครับ แล้วพอเข้าไปใกล้ๆมันจะทิ้ง แล้วเดี๋ยว ฟลายบายจะแยกออกมา ฟลายบายกับอิมแพกเตอร์ ติดอยู่ด้วยกันนะครับ
จินดารัตน์ –ตัวนี้ก็คืออิมแพกเตอร์
น.อ.ฐากูร – ตัวนี้ใหญ่ๆ ฟลายบาย เราจะเห็นว่ากล้องมีอยู่ 2 ตัว จะคอยจับตา อิมแพกเตอร์เวลาชน แล้วก็มันจะมีตัวโล่ไว้กัน อิมแพกเตอร์ ป้องกันฝุ่นของดาวหาง
จินดารัตน์ – เวลามันระเบิดออกมา
น.อ.ฐากูร – เวลามันเข้าใกล้ดาวหาง ดาวหางข้างในมันเดือด เวลามันเจอความร้อนจากดวงอาทิตย์นะครับ จะสเปร์ยออกมา
จินดารัตน์ – อันนี้นะค่ะ ก็คือ สเปรย์ ที่ออกมา แต่อันนี้นิวเคลียส ก็คือหัวดาวหางนี้แหละนะคะ อันนี้ก็คือแผ่นป้องกันอย่างที่อาจารย์บอก
น.อ.ฐากูร – ไม่งั้น ตัวมันจะโดนฝุ่นเสียหาย
จินดารัตน์ – เข้าใกล้ได้มากที่สุกกี่กิโลเมตรค่ะ
น.อ.ฐากูร – ผมจำไม่ได้แต่ว่า 500
จินดารัตน์ – 500 กิโลเมตร ทีนี้ขอดูวิธีการย่อตัวจากยานแม่ที่เรียกว่า ฟายบลายกับอิมแพกเตอร์นะค่ะ อิมแพกเตอร์เขาเรียกหัวกระสุนเหรอค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – เขาเรียกตัวชน
จินดารัตน์ – ตัวชนที่ได้มาจากทองแดง
ดร.ชัยวัฒน์ – เป็นทองแดง
จินดารัตน์ – หลายคนถามมาว่าทำไมต้องทำมาจากทองแดง ทำมาจากอย่างอื่นไม่ได้เหรอคะ
ดร.ชัยวัฒน์ – ก็คงเหมือนกระสุน ชนแล้วมันระเบิด ไม่ให้มีสารอินทรีย์
จินดารัตน์ – ถูกกว่าด้วยนะคะ
ดร.ชัยวัฒน์ – เขาพยายามไม่ให้มีส่วนที่เป็นอินทรีย์ คือไม่ให้มีส่วนที่ออกมาเป็นน้ำได้เลยนะครับ
จินดารัตน์ – เพราะฉะนั้นจะทำ ปฏิกิริยากับน้ำ
ดร.ชัยวัฒน์ – ไม่ใช่ครับ มันจะทำให้ผลที่จะศึกษาจากดาวหางคลาดเคลื่อน เพราะว่าดาวหางมันจะมีสารอินทรีย์
น.อ.ฐากูร – ตัวนี้มันจะมีกล้อง คือฟลายบายคอยส่องจานลูกมัน แล้วมันจะปล่อย
จินดารัตน์ - นี้คือยานลูกมันนะค่ะ
น.อ.ฐากูร – ปรับวิถีเพื่อให้ชนให้ตรงเป้าที่เล็งไว้นะครับ เสร็จแล้วตัวฟลายบายจะเก็บภาพไว้ จะเก็บได้ไม่กี่นาทีนะครับ แล้วมันต้องหันโล่เข้ากำบัง เก็บภาพได้ไม่นาน
จินดารัตน์ – ได้เฉพาะเวลาที่กลุ่มควันทั้งหลายที่มันจะมากระทบ ได้แค่นั้นเอง
น.อ.ฐากูร – ได้แค่นั้น ได้แค่นั้นก็พอแล้วครับ
จินดารัตน์ – ขนาดของหัวดาวหาง
น.อ.ฐากูร – กว้างที่สุด 12 กิโลเมตร
จินดารัตน์ – เส้นผ่าศูนย์กลาง 12 กิโลเมตร
น.อ.ฐากูร – มันคล้ายๆกับมันฝรั่งนะ มันไม่ค่อยจะเรียบเท่าไหร่ มันเบี้ยวๆนะครับ
จินดารัตน์ - ลักษณะแบบนี้ใช่ไหมค่ะอาจารย์ที่เขาจำลองมาแบบนี้
น.อ.ฐากูร – ใช่ครับ
จินดารัตน์ – แล้วตัวชน ถ้าชนเข้าไป
ดร.ชัยวัฒน์ – จริงๆเมื่อกี้ ดูภาพน่าสนใจนะครับ ที่เขาชนจะเห็นว่าภาพแสดงนั้นออกมาชัด แต่ผมมีภาพจริง ตรงนี้จะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นะครับ นี้หลังจากชนไปแล้วประมาณ สัก 4 วินาทีนะครับ เขาบอกว่าอันนี้มันมีผลตามที่เขาต้องการจะเห็นจริงๆ แต่มันไม่ค่อยชัด
จินดารัตน์ – ก็คือหัวกระสุนที่ว่านี้คือทะลุไป แต่จริงๆมันทะลุนิดเดียว
น.อ.ฐากูร – แต่ว่ามันเร็วมากนะครับ อิมแพ็คมันชน 10 กิโลเมตรต่อวินาที แรงระเบิดเท่ากับ ทีแอนด์ทีหลายร้อยตัน
จินดารัตน์ – คือแรงดันมหาศาล เปรียบเทียบกับระเบิด ทีแอนด์ที
น.อ.ฐากูร – ครับ 30,000 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงความเร็ว
จินดารัตน์ – ความเร็วตอนที่ปะทะกัน
น.อ.ฐากูร – ครับ
จินดารัตน์ – โอ้โห แต่ว่า ยานแม่ที่ถ่ายภาพก็อยู่ไปประมาณ 500 กิโลเมตร
น.อ.ฐากูร – ครับ แล้วก็ส่องกล้อง ไอ้กล้องสีทองๆนะครับ จับตามอง
ดร.ชัยวัฒน์ – ตรงนี้ผมว่าน่าสนใจ นะครับว่าจริงๆแล้วหลายอย่าง เขาต้องเผื่อไว้ แล้วมันก็เกิดปัญหาเหมือนกันนะ แต่ว่าปัญหามันเกิดก่อนที่จะไปถึงนะครับ คือเจ้าตัวยานลำแม่เนี่ยมันจะมีกล้องตัวที่ไวที่สุด ที่เขาหวังว่าจะได้เห็นอะไรเยอะแยะ ปรากฏว่าระหว่างเดินทางไปมันเกิดมีปัญหา
จินดารัตน์ – อ๋อ
ดร.ชัยวัฒน์ – ภาพมันพร่า พอมันพร่าเขาก็กังวลเลยทีเดียวล่ะ เพราะจะทำให้คุมมันไม่ค่อยได้ ปรากฏว่าก่อนที่จะถึงดาวหาง เขาก็แก้ได้นะ แก้ได้โดยที่ใช้คณิตศาสตร์ช่วย ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาแก้ ก็แปลว่ามันจะทำให้ภาพที่มันจับได้ ส่งมาโลกทันทีไม่ได้ ส่งมาแล้วโลกรับ ก็ไม่รู้เรื่องอะไร ก็ต้องใช้คณิตศาสตร์เข้าไปแก้มา
จินดารัตน์ – เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องที่เกิดขึ้น
ดร.ชัยวัฒน์ – ใช่ครับ อันนี้เป็นเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นได้
จินดารัตน์ – เพราะ ยานอิมแพกเตอร์ คือติดกล้องเข้าไปด้วย
ดร.ชัยวัฒน์ – คือยานมันติดกล้อง
จินดารัตน์ – ช่วงจังหวะที่มันชน จะได้เฉพาะก่อนชนใกล้ที่สุด แวบเดียว
ดร.ชัยวัฒน์ – แน่นอนครับ
จินดารัตน์ – พอชนแล้ว ตัวใครตัวมัน อาจารย์ ไม่เหลืออะไรแล้ว นะค่ะ ทีนี้คำถามก็คือว่าทำไมเขาจะต้องเลือก ไอ้ เทมเปล 1 ทำไมดาวหางอื่นไม่น่าสนใจเหรอค่ะ หรือว่าเป็นช่วงจังหวะ โอกาส เวลาค่ะอาจารย์น.อ.ฐากูรค่ะ
น.อ.ฐากูร – ไอ้วงๆ ตรงนี้ ตรงกลางคือดวงอาทิตย์ แล้วสีแดงคือดาวพุธ แล้วมีดาวศุกร์สีฟ้า สีเขียวคือโลก แล้วนี่ดาวอังคาร ถัดมาวงนอก มีดาวพฤหัส คราวนี้ว่า เทมเปล 1 มันน่าสนใจตรงที่ว่ามันอยู่ไม่ไกลนะครับ คือกล้องบนโลกคอยจับตามองได้ตลอด หรือกล้องอัพเตอร์อวกาศก็จับตามองได้ คือดาวหางมันจะต่างดาวกับดาวดวงอื่นตรงมันมีวิวัฒนาการ แต่มันเข้ามาใกล้ หางมันยาว มันร้อน ข้างในมันเดือด พ่นออกมา พออกไปไกลเนี่ย หางมันก็หมด เพราะมันไม่ร้อน มันก็ไม่มีอะไรเดือดออกมา แต่นักวิทยาศาสตร์เขาสนใจวัฏจักรว่า ถ้ามันพ่นหางออกมาเรื่อยๆ สักวันหนึ่งมันก็ต้องหมด กลายเป็นนิวเคลียสกลวงๆข้างใน หรือว่ามันมีเว้า มีระบบการปิดเปิดการเสียมวล แต่ทีนี้ระยะทางที่ไม่ไกลเกินไปนัก แล้ววงโคจรแคบ 5 ปีครึ่ง นะครับ ถ้าเป็นดวงอื่น อาจจะเป็น ร้อยปี พันปี ไอ้นี้มันไม่ไกลเกินเป้า
จินดารัตน์ – ก็เลยเลือก
น.อ.ฐากูร – ก็เลยเลือกดาวดวงนี้
จินดารัตน์ – จริงๆแล้วลักษณะของดาวหางก็จะเหมือนๆกัน คล้ายๆกัน เขาบอกว่าเป็นสิ่งที่ก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิต นั้นหมายถึงว่าถ้าหากดาวหางเหล่านี้พุ่งชนบนดาวอังคารหรือดาวศุกร์ก็มีโอกาสมีสิ่งมีชีวิตเหมือนเรา ถูกไหมค่ะอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – เขาเรียกอย่างนี้ เรื่องของกำเนิดสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ รวมทั้งโลกเราด้วย ตอนนี้สิ่งที่ยอมรับกัน มันก็กำเนิดมาจากพวกโมเลกุลพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ทีนี้มันอยู่ที่ไหน บนโลกเราก็มี ส่วนหนึ่งก็จะมาจากดาวหาง มาจากดาวเคราะห์น้อย ก็ได้นะครับ เพราะฉะนั้นการที่ดาวหางชนโลกเราในอดีต แต่ก่อนนี้ ตอนเที่ยงระบบสุริยะเพิ่งเกิด ตอนนั้นค่อนข้างจะโกลาหลชนกันวุ่นวาย ชนกันวุ่นวาย โลกเราก็ถูกชนเป็นประจำ ดวงจันทร์ก็เกิดจาก เป็นเพราะว่าโลกถูกขนาบกับดาวอังคารชน จนกระทั่งส่วนหนึ่งไป
จินดารัตน์ – เลยแบ่งไป
ดร.ชัยวัฒน์ – เป็นดวงจันทร์นั้นแหละครับ ชีวิตจริงๆส่วนใหญ่บนโลกเรา ก็คงจะเกิดมาบนโลกเราเอง ในแง่ที่ว่ามันมีวัตถุดิบ มีความพร้อม สภาพของโลกในอดีตเราพอจะรู้ แล้วนักวิทยาศาสตร์สามารถจำลองสภาพในอดีตและมีชีวิตแรกเริ่มเป็นพวกโมเลกุลและรวมถึงสิ่งมีชีวิต พวก กรดอะมิโน แต่ว่าเป็นไปได้เหมือนกันว่า พวกโมเลกุลพื้นฐานส่วนหนึ่งอาจจะมาจากดาวหาง มันก็เพิ่มโอกาส
จินดารัตน์ – เป็นส่วนประกอบ
ดร.ชัยวัฒน์ – เพิ่มโอกาสที่ว่า ชีวิตมันจะเกิดง่ายนะ ในระบบสุริยะ ในจักรวาล เป็นไปได้มากว่าที่ดาวอังคาร ดาวอังคารนั้นก็น่าจะมีชีวิตเกิดได้ แต่มีอย่างหนึ่งที่เขาพบ ว่าชีวิตในจักรวาลนี้เกิดง่าย แต่พัฒนายาก เพราะอะไรเหรอครับ เพราะว่า โลกเราความรู้มันก็เปลี่ยนไปเรื่อย แต่เดิมเชื่อกันว่า ชีวิตบนโลกเกิดมาแล้ว 4,600 ล้านปี ตามความรู้เดิมนั้นบอกว่า ชีวิตบนโลกเกิดมา 3,600 ล้านปี หลังจากที่โลกเกิดมาแล้ว 1,000 ล้านปี แต่ข้อมูลไม่ใช่ ข้อมูลใหม่บอกว่าชีวิตบนโลกเกิดเร็วกว่านั้น หลังจากที่โลกเกิดมาแล้วประมาณสัก 5,000 -6,000ปีเท่านั้นเอง ก็เกิดชีวิตบนโลกแล้ว แต่น่าสนใจนะครับว่า ชีวิตบนโลกพอมันเกิดมาแล้วมันไม่พัฒนายาวนานมาก
ตั้งแต่ประมาณ 4,000 ล้านปีมาจนถึง ช่วง 3,000 ล้านปีนะครับ ชีวิตโลกมีแค่ 2 อย่าง คือแบคทีเรีย แล้วก็แพลงก์ตอน แล้วก็พัฒนาที่สุด ก็จะเป็นสาหร่ายที่มีหลายเซลล์นะครับ แล้วมันอยู่อย่างนี้ ตั้งแต่ 3,000 กว่าล้านปี แล้ว อยู่เมื่อ 560 ล้านปีมานี้ ก็มีบางอย่างเกิดขึ้น ชีวิตเกิดขึ้นอย่างหลากหลาย เพราะฉะนั้นเป็นไปได้ว่าดาวอังคาร ชีวิตอาจะเกิดขึ้นมาพร้อมกับเรา แต่ชีวิตเขาไม่พัฒนา เพราะว่าสภาพดาวอังคารมันไม่เหมือนโลกเรา โลกเราโชคดีครับ มีน้ำ มีบรรยากาศ
จินดารัตน์ – มีองค์ประกอบที่มากกว่า
ดร.ชัยวัฒน์ – ดาวอังคารนั้นจะแปลกมาก ในอดีต ที่เราพบหลักฐานว่าดาวอังคารทำไมถึงมีน้ำเยอะ เพราะอยู่บนผิวโลก แต่วันนี้น้ำอยู่บนดาวอังคารไม่ได้แล้วนะ เป็นผิวดาวอังคาร
จินดารัตน์ – ไม่มีเลยเหรอค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – ถ้ามันขึ้นมาระเหยทันที เพราะว่าบรรยากาศมันเบาบางมาก น้ำอยู่ไม่ได้ แต่เชื่อว่ามันอาจมีน้ำอยู่ใต้ดาวอังคาร แล้วบรรยากาศเขาเบาบางมาก ที่ระดับผิวดาวอังคาร บรรยากาศเขามีแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ของเราเท่านั้นเอง จะเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ เพราะฉะนั้นในอดีตคงจะไม่ใช่ ตัวนี้ เขาจะคิดว่าชีวิตมันเกิดจากดาวอังคาร มันจะค่อยๆพัฒนา เราไปวันนี้ เราอาจจะเจอหลักฐานสิ่งมีชีวิต อาจจะเป็นพวกฟอสซิล แต่สิ่งมีชีวิตใหญ่ๆไม่เจอ ตรงนี้น่าคิด
จินดารัตน์ – เอาแล้วค่ะ กลับมาดูเรื่องเศษดาวหาง ที่ออกมา ที่วันนี้มันระเบิดออกมาที่ภาพจำลองได้แสดงให้เห็น คุณสุณีย์ เขาถามมาว่า มีโอกาสไหมที่เศษของดาวหางจะพุ่งมาชนโลก
น.อ.ฐากูร – มันก็มีประจำที่ฝนดาวตก
ดร.ชัยวัฒน์ – ถ้าเทมเปล 1จะไม่
จินดารัตน์ – มันไกลเกินไปใช่ไหมค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – มันอยู่ห่างจากโลกประมาณ 133 ล้านกิโลเมตร อยู่ห่างจากเราเหมือนกับระยะห่างจากดวงอาทิตย์ ก็ไกลนะ ลองนึกถึงการเดินทางซิ ยานดีพ อิมแพกต์ ต้องใช้เวลาในการเดินทางตั้ง 6 เดือน กว่าจะถึง 6 เดือนนี้เป็นเวลาที่ ถ้ามนุษย์เดินทางลงมา วันนี้นะครับโดยอาศัยเทคโนโลยีดังนี้ พวกฝุ่นผงที่เกิดขึ้นคงไม่มี ไม่มีอันตราย
จินดารัตน์ – อันนี้เขาคำนวณมาอย่างดีแล้วนะค่ะ ไม่ต้องกลัว แต่ว่าความกลัวอีกอย่างหนึ่ง ถามว่าการที่ไปพุ่งชนแบบนี้ วิถีโคจรแบบเดิมๆของมันจะเปลี่ยนไหมค่ะอาจารย์
น.อ.ฐากูร – คือ ยานอวกาศถ้าเทียบกับดาวหางมันเล็กมากนะครับ เอามดไปตีช้าง
จินดารัตน์ – ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับว่าเอายุงไปบินชน
ดร.ชัยวัฒน์ - เหมือนกับดาวหางเป็นเครื่องบินเจ็ท แล้วเจ้าดาวหางมันเป็นยุง เพราะฉะนั้นถ้ามันชนเครื่องบินเจ็ทไม่สะเทือนเลย ถ้าเปรียบเทียบ แต่ว่าผิวของเครื่องบินเจ็ทลำนี้มันค่อนข้างที่จะบอบบางนะครับ แต่ว่าเข้าไปลึกไม่มาก
จินดารัตน์ – เพราะฉะนั้นจะไม่มีผล
ดร.ชัยวัฒน์ – ไม่ต้องห่วง ไม่มีผล
จินดารัตน์ – เขาก็จะโคจรอยู่อย่างนั้น ก็คือแค่อยากรู้ว่า ไอ้ฝุ่นผงที่มันกระเด็นออกมามันคือะไร
น.อ.ฐากูร – อันนี้คือสิ่งที่เขาได้จากเทมเปล 1
จินดารัตน์ – วันนี้ล่าสุดเลยใช่ไหมค่ะอาจารย์
น.อ.ฐากูร – เออ มันเป็นข้อวิเคราะห์จากแสงที่เกิดจากการพุ่งชน เห็นว่ามีคาร์บอนไดออกไซด์ มีน้ำ คือย่างนี้ เวลานาซาหาสิ่งมีชีวิตจากดาว เขาจะหาน้ำตาลในอวกาศ น้ำตาลที่เรากินมันประกอบด้วยคาร์บอน ออกซิเจน ไฮโดรเจน เป็นค่าทั่วไปที่มีอยู่ในอวกาศ ในจักรวาล เป็นค่าสามัญ แล้วก็ องค์ประกอบของดาวหาง ก็ คาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ มันก็มีอยู่ในโลกมาแต่ในอดีตแล้ว เป็นเรื่องทั่วไป คือในแง่ของผม ดาวหางเปรียบเสมือนพาหะ นำเมล็ดแห่งชีวิต
ลองคิดดูนะครับว่า บนโลกเรานี้มีเกาะภูเขาไฟเพิ่งเกิดขึ้นมา ทำไมถึงมีสิ่งมีชีวิตอยู่ได้ ถ้านกตัวหนึ่งบินผ่านไปแล้วทิ้งเมล็ดอะไรไว้อย่างนี้ มันก็เจริญงอกงามได้ ส่วนอย่างที่ประเทศไทยเนี่ย มันก็มีเมล็ดพันธ์เยอะแยะ รวมทั้งแอปเปิ้ลอะไรเนี่ย ที่มาจากที่หนาว แล้วถ้าเมล็ดพันธ์กับสิ่งที่อยู่อาศัยมันเหมาะกัน มันก็เจริญงอกงาม แต่ทีนี้ดาวเคราะห์ดวงอื่น มันปะปนกับดวงอาทิตย์ มันต่างหมุนรอบดวงอาทิตย์ นะครับ ดาวเคราะห์ดวงอื่นมันต่างหมุน จากดวงอาทิตย์ การถ่ายเทสิ่งมีชีวิตมันเป็นไปไม่ได้นะครับ แต่ดาวหางมาจากอวกาศไกล มันเหมือนนก นกอวกาศ มันผ่านดาวเคราะห์โน้น ดาวเคราะห์นี้ มันอาจจะเป็นพาหะนำชีวิตจากที่โน้นที่นี้มา อะไรอย่างนี้
จินดารัตน์ – ถ้ามองภาพกันง่ายๆ นะค่ะอาจารย์
น.อ.ฐากูร – เอาง่ายๆภาพกว้างระยะยาว ดาวอังคารมันมีร่องรอยว่าเคยมีน้ำ มีชีวิตอยู่อุดมสมบูรณ์ แต่ไม่รู้ มันทำอย่างไรมันแห้งเหือด อย่างที่อาจารย์ดร.ชัยวัฒน์พูดไปแล้ว โลกเราเหมาะสม ถ้ามันไปที่ดาวศุกร์ มันไม่น่าอยู่ มันร้อนเกิน เวลาต่อไปถ้าดวงอาทิตย์ขยายตัวขึ้น โลกเราน้ำเดือนหมด น้ำร้อนหน่อยเดียว มันก็ระเหยแล้ว ถ้าร้อนมากว่านั้น หินปูนเดือด ไอ้พวกคาร์บอนที่เคยอยู่ในอวกาศ แล้วธรรมชาติตรึงไว้ในดิน มันเดือดแต่คาร์บอนระเหยออกมา เราอยู่ไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไอหมด ตอนนั้นน้ำแข็งดาวอังคารละลาย ก็อาจ อพยพกลับบ้านก็ได้ มันอพยพกันได้ เป็นจินตนาการ
จินดารัตน์ – อันนี้ ถือว่าเป็นจินตนาการที่มีความเป็นไปได้สูงหรือเปล่าคะ อาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – ว่าตอนนี้ความรู้เกี่ยวกับระบบสุริยะ ตอนนี้เราทราบ อดีตพอสมควร แต่หลายอย่างก็ยังไม่ทราบแน่นอน กำลังพยายามหาคำตอบอยู่ ถามว่าและอนาคตจะเป็นอย่างไร คำถามส่วนใหญ่ โลกเราจะเป็นส่วนใหญ่ นะครับ ถ้าพูดถึงความรู้ล่าสุดในปัจจุบัน โลกเราจะไม่ได้อยู่ตลอดไปหรอก โลกเราที่มันแน่นั้นจะตาย ตายเพราะว่าดวงอาทิตย์นี่แหละ ดวงอาทิตย์ ทุกวันนี้เขาเป็นเหมือนพ่อใจดี เป็นดาวเคราะห์เหลือง เป็นพ่อใจดีมาก ให้ความอบอุ่น ให้แสงสว่าง กับเรา แต่ว่าอีกประมาณสัก 5,000 ล้านปี พ่อคนนี้จะเปลี่ยน เป็นโตขึ้น เป็นยักษ์ เป็นดาวยักษ์แดง
จินดารัตน์ – ทำไมถึงโตขึ้นได้ค่ะอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – เป็นความเปลี่ยนแปลงภายใน ว่าทุกวันนี้เนี่ยดวงอาทิตย์ที่ให้พลังงานกับเรา เป็นผลจาการเกิดปฏิกิริยา นิวเคลียร์ฟิวชั่นมีไฮโดรเจน เป็นเชื้อเพลิง เจ้าเชื้อเพลิงที่เกิดปฏิกิริยาเกิดตรงใจกลาง ไอ้นี้เป็นนิวเคลียสภายในของดวงอาทิตย์ อุณหภูมิตรงนั้นจะสูงมาก ประมาณ 14 ล้านองศาเซลเซียส เจ้าไฮโดรเจนอะตอมก็หลอมรวมกันมาเป็นฮีเลียม แล้วก็ให้พลังงานกับเรา แต่ว่าทุกวันนี้ไฮโดรเจนมีจำกัด เพราะว่ามันเกิดมามันก็มีแค่นั้น มันก็หมดไปเรื่อย แล้ววันหนึ่งพวกนี้จะหมด แต่ดวงอาทิตย์ไม่ดับนะ มันก็จะมีปฏิกิริยานิวเคลียสขั้นต่อไป ไอ้เจ้าฮีเลียมก็จะกลายเป็นเชื้อเพลิงใหม่ แต่ว่ามันจะถึงจุดหนึ่งที่จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับดวงอาทิตย์ ประมาณอีก 5,000 ล้านปี นะครับ ง่ายๆคือว่าเปลี่ยนจากดาวเคราะห์เหลือง มาเป็นดาวยักษ์แดง คือเย็นลง แต่โตขึ้น ขยายขนาดโตขึ้น
จินดารัตน์ – คือมันจะไม่ร้อน
ดร.ชัยวัฒน์ – ก็จะเย็นกว่าปัจจุบันนี้ นะครับ คือทุกวันนี้ ผิวดวงอาทิตย์ร้อน ประมาณ 6,000 องศาเซลเซียส ถึงตอนนั้นจะไม่ถึง แต่เขาจะขยายโตขึ้น ทุกวันนี้โตมาถึงดาวพุธ ความรู้ล่าสุดนี้ ถึงโลกแล้วด้วย แล้วยังไม่หยุด ยังขยายต่อไปถึงดาวอังคารไหม ยังไม่ถึง ยกเว้นความรู้นี้เปลี่ยนไป โลกเราก็จะไม่รอด ก็จะโดนกินไปด้วย ตรงนั้น เราก็อยู่ไม่ได้
จินดารัตน์ – แล้วก็เลยความคิดเกิดจินตนาการที่ว่า อย่างที่อาจารย์ น.อ.ฐากูรที่ว่า มันจะมีการอพยพย้ายถิ่นฐาน อันนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ดร.ชัยวัฒน์ – แน่นอนถ้าเราจะดำรง ความเป็นมนุษยชาติต่อ ยกเว้นว่าเราอยู่ไม่ถึงวันนั้น เราทำลายกันเองเสียก่อน
จินดารัตน์ – อันนั้น น่ากลัวมากว่าค่ะอาจารย์ค่ะ ทีนี้เรื่องเทมเปล 1 เทพเพล 2 เทมเพล 3 มันก็ต้องแสดงว่ามันก็ต้อง มี 123 มีหรือเปล่าค่ะอาจารย์หรือว่าแค่เขาตั้งชื่อเอาไว้
ดร.ชัยวัฒน์ – ไม่ครับ
จินดารัตน์ – มีเยอะนะครับ
ดร.ชัยวัฒน์ - คือยานลำนี้เขาเป็นนักล่าดาวหาง
จินดารัตน์ – เป็นชาวฝรั่งเศสหรือเปล่าค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – เป็นชาวฝรั่งเศส
จินดารัตน์ – แต่บางตำราเขาบอกเป็นชาวเยอรมัน
ดร.ชัยวัฒน์ – เขาเกิดที่โน้น แต่มาอยู่ตรงนี้ เขาพบหลายดวง
จินดารัตน์ – เขาพบมาตั้ง แต่หลายร้อยกว่าปีที่แล้วใช่ไหมค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – ครับ
จินดารัตน์ – รู้สึกว่า จะ 138 ปีที่แล้ว
ดร.ชัยวัฒน์ - ครับประมาณนั้น แล้วนี้ก็คือเหตุผลที่ถามว่าทำไมถึงสนใจดาวหางดวงนี้ ก็อย่างที่คุณน.อ.ฐากูรพูดแล้วว่า เรารู้วิถีโคจรที่แน่นอน แล้วก็มันไม่ค่อยยาวมาก
จินดารัตน์ – ค่ะ เดี่ยวพักกันตรงนี้ก่อน ขออนุญาตอาจารย์ทั้ง 2 ท่านพักกันก่อน แล้วช่วงหน้ากลับมาดูกันจักวาลบนอวกาศเนี่ย ใครขึ้นไปทำอะไรก็ทำได้ อย่างนั้นหรือ แล้วผลจาการศึกษานี้ เราเอา ไปใช้ประโยชน์อะไรได้ นอกจากอยากรู้ว่าในนิวเคลียสของดาวหางทั้งหลายมันมีอะไร นะค่ะ พักกันสักครู่ ช่วงหน้ากลับมาติดตามกัน
จินดารัตน์ - กลับมาช่วงสุดท้ายรายการคนในข่าว ค่ะวันนี้เราคุยกันถึงเรื่องปฏิบัติการอวกาศของนาซา ดีพ อิมแพ็ค ที่ได้ชมกันไป ทางอินเตอร์เน็ตหรือว่า ทางการถ่ายทอดสดของสถานีข่าวผ่านดาวเทียมของต่างประเทศ นะค่ะ ของสหรัฐที่เขาทำกันไปเมื่อช่วงบ่าย คนไทยเขาสนใจกันมาก แต่ว่าคำตอบก็ชัดกันไปแล้วว่าไม่ต้องกลัวว่าสะเก็ดดาว การระเบิดที่เกิดขึ้นจะมีผลกับโลกของเรา เขาคำนวณมาดีแล้ว ค่ะว่าอย่างไงก็มาไม่ถึงแน่ๆ และที่สำคัญก็คือจะไม่เปลี่ยนแนวโคจรของดาวหาวดวงนี้ด้วยนะค่ะ ที่ทำไปก็คืออยากจะรู้ว่า ในนิวเคลียสของดาวหางนั้น มีองค์ประกอบอะไรบ้าง เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยทำการศึกษาแบบนี้กันมาก่อน นี้มาดูกันว่าถึงแม้ว่ามันจะระเบิดกันไปตั้งแต่ช่วงบ่ายโมงของเรา แต่คืนนี้ 2 ทุ่มสามารถดูได้ จะดูอย่างไร ให้อาจารย์ น.อ.ฐากูร อธิบายก่อน อาจารย์ดูจากแผนที่ดวงดาว
น.อ.ฐากูร - อันนี้มันจะเหมือนท้องฟ้าจำลอง ถ้าหันหน้าไปทางตะวันตก ประมาณตรงนี้ แล้วเงยหน้าขึ้นมาสัก 45 องศา จะมีดาวสว่างอยู่ดวงหนึ่ง คือดาวพฤหัส
จินดารัตน์ – ก็คือถ้า ดูด้วยตาเปล่า จะเป็นดาวสุกสว่าง
น.อ.ฐากูร – คือว่าดาว พฤหัสในช่วงนี้ อยู่ในกลุ่มดาวผู้หญิงนะครับ หรือว่าราศีกันยายน จะจินตนาการเอา ทีนี้ดาวหางมันอยู่ในกลุ่มดาวผู้หญิง
จินดารัตน์ – เลยขึ้นไปอีก
น.อ.ฐากูร – เลยหัวขึ้นไป
จินดารัตน์ – สมมติว่าดูดาวพฤหัสอยู่ตรงนี้
น.อ.ฐากูร – มันจะอยู่เหนือขึ้นไป แต่มองไม่เห็น ต้องมองด้วยกล้อง มันจะอยู่ประมาณนี้ มันต้องมองด้วยกล้อง แต่นี้เป็นโปรแกรมที่สร้างไว้ ความจริงถ้ามองต้องใช้กล้องขนาดใหญ่พอสมควร อันนี้เป็นกล้องที่ทีมงานส่งมา เขาเรียนอยู่อเมริกา ชื่อ วิภู แล้วก็ใช้กล้องเครือข่ายกล้องจับตาทั่วโลก แล้วก็ได้ภาพเรียงมาแบบนี้
จินดารัตน์ - ไอ้นี้คือขณะที่พุ่งชนนะค่ะอาจารย์ เพราะว่าสหรัฐตอนที่ปฏิบัติการเป็นเวลากลางคืน บ้านเราบ่าย มองไม่เห็นแน่ๆ
น.อ.ฐากูร – อย่างในรูปที่เขาถ่าย กล้องที่อเมริกาเองกลับใช้ไม่ได้ ฝนตก
จินดารัตน์ – เหรอค่ะ
น.อ.ฐากูร - คือ เขามีกล้องอยู่ทั่วโลก เงามืดมาแล้ว เขาก็รอไปดักถ่าย ออสเตรเลีย แอฟริกาเขาก็ได้มาจากเครือข่ายในออสเตรเลีย คือรูปร่างมันหางไม่ยาว ถ้ามองด้วยกล้องจากเมืองไทยจะมัว จะไม่คมอย่างนี้นะครับ แล้วจะเป็นเบลอๆฝ่าๆหางไม่ยาวอย่างนี้ แล้วก็ถ้าดูอย่างนี้เราจะไม่เห็นความแตกต่างเลย ก่อนชนหลังชน เพราะว่ามันเล็กของมันอยู่ แต่ถ้าจะเห็นต้องภาพที่อาจารย์ดร.ชัยวัฒน์โชว์ ออกจากยานอวกาศ จากฟลายบาย
จินดารัตน์ – ที่เขา ถ่ายมาให้ดูกัน
น.อ.ฐากูร – ส่วนกล้องอื่นๆที่ขนาดใหญ่ เป็นแบบว่า5 เมตร 10 เมตร ก็กำลังเฝ้ามองอยู่ อันนั้นเขาจะวิเคราะห์สเปคตรัม มันให้แสงคลื่นความถี่ไหน ส่วนประกอบของดาวหางเป็นอะไร
จินดารัตน์ – แล้วหลังจากนี้ไป 28 วัน เราต้องรอผลจากองค์การนาซาวิเคราะห์นะค่ะ ว่ามีอะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง จะสามารถรู้ละเอียดได้ไหมค่ะอาจารย์ค่ะ
น.อ.ฐากูร – ทำไมมันถึงต้องรอนาน คือภาพตัวอย่าง ขั้นตอนมันเยอะ ต่อให้กล้องมันใหญ่ ก็เห็นแค่อย่างนี้ ไม่เห็นกลุ่มที่ชน นอกจาก จะฟลายบายเท่านั้นเพราะมันอยู่ใกล้มาก ระยะห่างเกือบเท่าดวงอาทิตย์ และดวงมันจิ๋วเดียว แสงมันน้อย คือเขาถ่ายภาพมาได้อย่างนี้ แต่เขาจะเอาไปผ่านสเปก คล้ายๆเอาไปผ่านปริซึมพอได้ภาพดิบๆมันไม่ได้ให้อะไร กล้องถ่ายจากโลก ต้องผ่านแสง ว่าแก๊สอะไรที่อยู่บนโลก ต้องมีขั้นตอน
จินดารัตน์ – บางทีอาจจะมีขยะอะไร มีสิ่งที่เราไม่ต้องการ มันปนกัน
น.อ.ฐากูร – คือกล้องใหญ่ที่ถ่ายมันถ่ายจากระบบ มันจะผ่านอากาศบนโลก แล้วก็ไปเข้าอากาศของดาวหาง มันเหมือนกล้องดิจิตอล แล้วยานมันลำเล็ก ไม่ได้ถ่ายแปป ถึง ค่อยๆทยอยๆ
จินดารัตน์ – ระยะทางเป็นล้านกิโลเมตรนะค่ะ ทีนี้มาดูเครื่องมือของอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – โอกาสอย่างนี้มาถามผมว่า เอ๊ะ ดาวหางมาโดนชนแบบนี้ เมืองไทยเราน่าจะได้ประโยชน์อะไร นะครับ อย่างหนึ่งผมว่าเราน่าจะใช้โอกาสอย่างนี้ ทำให้เกิดความตื่นตัว ในการที่จะสนใจเรื่องราวของอวกาศ ดวงดาว อย่างเป็นวิทยาศาสตร์
จินดารัตน์- จริงๆต้องยอมรับว่าบ้านเรายังน้อยมากนะค่ะอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – ยังน้อย แต่ก็ทั่วๆไปก็ดีขึ้น แล้วเราคงต้องใช้โอกาสอย่างนี้เป็นการกระตุ้น อย่างเครื่องมือที่ง่ายๆมันก็มีนะ ที่ผมถือมาวันนี้เป็นเครื่องมือที่ดูดาว ศึกษาดวงดาว ก็มาเรื่องของบทของจักรวาล มันเป็นกลุ่มดาว ก็จะมีว่ามีซอฟท์แวร์ให้ดาวน์โหลด มีแผนที่ดาวให้ดาวน์โหลด
จินดารัตน์ – กลับมาตรงนี้ หลายคนยังสงสัยว่า ประโยชน์ของดาวหางนอกจากศึกษาว่า เราจะรู้อะไรมากขึ้นจากเดิมที่รู้อยู่ จะรู้อะไรอีกค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ –จริงๆแล้วก็อยากจะทราบว่า ขนาดนี้เรารู้เรื่องราวทั้งหมดของระบบสุริยะหรือยัง เรารู้แค่ครึ่ง ที่ยังไม่ทราบอยู่ก็ยังมากอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มันเกิดแรกๆ แล้วก็วิวัฒนาการ ตัวโลกเราเองว่ามันเกิดมาอย่างไรกันบ้าง โดยเฉพาะสภาพโลกวันนี้ เราทราบข้อมูล ย้อนหลังพอสมควร แต่ยังไม่ทราบจะมีเยอะ แต่ยังไม่ใช่ไปถึงกำเนิดจักรวาลนะครับ พอดีวันนี้ให้สัมภาษณ์ จะมีบางแห่งถาม เราได้ตรงนี้ จะรู้ถึงกำเนิดจักรวาลหรือเปล่า คนละเรื่อง เลยนะครับ ถ้าจะรู้กำเนิดจักรวาล คำตอบตอนนี้ต้องไปแก้โจทย์ของไอสไตน์ ถึงจะได้คำตอบตรงนั้น อันนี้เอาแค่ระบบสุริยะเท่านั้นเอง แล้วก็มีคำถามมาว่า จะมาเกี่ยวข้องกับการป้องกันโลกไหม มันก็น่าสนใจเหมือนกันนะครับว่าเนื่องจากโอกาสชนโลกก็มี
น.อ.ฐากูร – คือตอนนี้เรามีหน่วยงานป้องกันโลกเป็นหน่วยงานสากล ก็มีอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น คือเป็นกล้องขนาดเล็ก 16 นิ้ว แต่ว่าหมุนเร็วมาก คือคอยตรวจจับว่ามีอะไรแปลกปลอมหรือเปล่า
ดร.ชัยวัฒน์ – ถ้าพูดถึง อันตรายของดาวหางกับดาวเคราะห์น้อย ดาวเคราะห์น้อยน่ากลัวว่า แต่ที่บอกว่าดาวหางน่ากลัวกว่าเพราะว่ามัน ทุกทิศทุกทาง
จินดารัตน์ – ฟังแล้วค่อนข้างน่ากลัว เราจะแน่ใจอย่างไรว่า เราจะปลอดภัยจากดาวหาง ว่าจะมา จะโผล่มาเมื่อไหร่
ดร.ชัยวัฒน์ – 2 อย่างก็คือ มีการจัดตั้งระบบความปลอดภัยมากขึ้น อีกอย่างหนึ่งก็คือเอาล่ะต้องเตรียมสู้ไว้ มี หลายวิธีกัน ก็ศึกษากัน ใช้ตั้งแต่อาวุธนิวเคลียร์ แล้วก็มีทั้งใช้จรวดขนาดยักษ์ หรือใช้เลเซอร์ แต่ประเด็นก็คือ เราพบล่วงหน้านาน
จินดารัตน์ – นานนี่ประมาณเท่าไหร่ค่ะอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – เป็นปี
น.อ.ฐากูร – ทำไมเราต้องพัฒนาสติปัญญา มันต้องมีเป้าหมาย ภัยธรรมชาติ บางทีก็เพื่อให้เผ่าพันธุ์เราอยู่รอด
จินดารัตน์ – พอพูดอย่างนี้ คนรวยก็รอดก่อน เพราะตอนนั้นเขาไปจองที่บนดวงจันทร์
น.อ.ฐากูร – ผู้อพยพมีเปอร์เซ็นต์ที่จะไปได้ แค่ 0.00 เปอร์เซ็นต์ พวกนั้นไม่ใช่คนรวยหรอก ต้องเป็นคนที่เก่ง ฉลาด ชาวโลกไว้วางใจ
จินดารัตน์ – มีหลายคนสงสัยว่า ใครจะทำอะไรกับดาวหางไม่มีกฎหมายห้าม หรือไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศ
ดร.ชัยวัฒน์ – อวกาศมันมีกฎหมายอวกาศนะ กฎหมายอวกาศถูกกำหนดขึ้นมาโดยองค์การสหประชาชาติ ก็เป็นเพียงป้องกัน อวกาศเป็นของมวลมนุษยชาติ ใครจะไปยึดครองไม่ได้ ก็แปลว่าอเมริกาส่งคนไปดวงจันทร์ แล้วจะไปประกาศว่าเป็นของอเมริกาไม่ได้
จินดารัตน์ – เขามีข้อตกลงกันอยู่แล้ว วันนี้มีข่าวนักดาราศาสตร์ชาวรัสเซีย คืออกมาประกาศว่าจะยื่นฟ้ององค์การนาซาสหรัฐอเมริกา ว่าโทษฐาน ที่ไปทำ ให้เกิดระเบิดขึ้นบนดาวหางดวงนี้ ซึ่งเป็น การทำร้ายจิตใจ อาจารย์ค่ะ นอกจากการทำแบบนี้กับดาวหางทำแบบนี้กับดาวเคราะห์น้อยได้ไหมค่ะ
น.อ.ฐากูร – ดาวเคราะห์น้อยเป็นแหล่งแร่ในอนาคตเลย แหล่งแร่ธาตุ
ดร.ชัยวัฒน์ – ดาวเคราะห์น้อยนี่น่าสนใจ จริงๆแล้วตอนนี้เขาเริ่มศึกษาแล้ว
จินดารัตน์ – มีคนถามว่าประเทศไทยมีโอกาสไหมที่พัฒนานาซาบ้าง
น.อ.ฐากูร – ถ้าพูดกันตรงๆแบบไม่กลัวใคร เราทำอะไรหวังผลไกลตัว ที่ว่าจ่ายแล้วต้องได้คืน มันไม่ได้คืน แต่มันไม่ได้ความรู้ ความรู้มันจะสร้าง ตรงนี้เอง เช่นว่า การลงทุนอวกาศ คือ บูทซีเน็ตได้ผลกำไรกันจะๆ
จินดารัตน์ – บางทีเราอาจ จะมองไม่เห็นผลกำไรว่ามันเกิดขึ้นมาจากตรงไหน
น.อ.ฐากูร – คือทุกอย่างมันอยู่นอกโลกมันอยู่ไกลตัว ทุกอย่างสัมพันธ์กันหมด นะครับ
จินดารัตน์ – ค่ะ อาจารย์ค่ะวันนี้เวลาหมดแล้วจริงๆ สุดท้ายปฏิบัติการนี้ผ่านไปแล้ว แต่สิ่งที่คนกลัวกันก่อนที่จะลงมือก็คือ ถ้ามันพลาดมันจะเกิดอะไรขึ้นกับองค์การนาซาและก็ดาวหาง
น.อ.ฐากูร – ถ้าพลาดในการพุ่งชน หน้าแตก
จินดารัตน์ – เสียหน้า เสียตังค์เท่านั้นเอง
น.อ.ฐากูร – เสียหน้า เสียตังค์เท่านั้นเอง แต่ ยานไม่แพง เป็นโปรเจ็คต์ที่เล็ก แต่ไอ้นี่มันเป็นงานของทีมมหาวิทยาลัย นาซาให้มหาวิทยาลัย มารีแลนด์ทางอเมริกาทำ
จินดารัตน์ – ค่ะ วันนี้เวลาหมดแล้ว ต้องขอขอบพระคุณแขกรับเชิญทั้ง 2 ท่าน ค่ะลาไปก่อนค่ะ สวัสดีค่ะ
รายการคนในข่าว ออกอากาศทาง News 1 เวลา 21.05-22.00 น. ดำเนินรายการโดยจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
จินดารัตน์ – สวัสดีค่ะ คุณผู้ชมค่ะ รายการคนในข่าวค่ะ ภาพที่คุณผู้ชมได้ชมไปเมื่อสักครู่นี้ เป็นภาพที่เกิดขึ้นจริง เป็นภาพจำลองที่เกิดจากสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณบ่ายโมงตรงในบ้านเรานี้ ดิฉันเชื่อมั่นว่าทุกคนส่วนใหญ่ บนโลกใบนี้ กำลังจับตามองกันตั้งแต่ช่วงบ่ายค่ะว่า ตกลงปฏิบัติการดีพ อิมแพ็ค ที่องค์การนาซาของสหรัฐอเมริกาได้ลงมือปฏิบัติการ ณ วันนี้ ประสบความสำเร็จแค่ไหน แล้วมีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปยุ่งกับดาวหาง เทมเปล 1 หรือ เทมเปลวันวัน หรือบางทีอาจจะเรียกชื่อต่างกันไป แต่ความหมายนั้น องค์การนาชาติบอกว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวลือเขาว่ากัน เมื่อ 6 ปีที่แล้วคุณผู้ชมยังจำกันได้ว่า มีคนเขาลือกันว่า มีดาวหางจะพุ่งชนโลก องค์การนาซาก็เลยปฏิบัติการลับ เพื่อที่จะไปเปลี่ยนวิถีแนวโคจรเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย อย่างในหนังเรื่อง ดีพอิมแพ็ค หรือว่าอมาเกลดอน แต่นั้นเป็นหนัง
แต่เรื่องจริงนั้น เกิดขึ้นจริงๆแล้ว แต่องค์การนาซาบอกว่านี้ไม่ใช่ปฏิบัติการลับ แต่เป็นเรื่องจริงที่เราทำเพื่อที่จะไปศึกษาดาวหางดวงนี้ เพราะแกนใจกลางของดาวหางหรือเรียกกันว่า นิวเคลียส คงจะให้ความรู้อะไรกับระบบสุริยะจักรวาลหรือจักรวาลของเรามากว่าที่พวกเรารู้กันดีอยู่ทุกวันนี้ แต่ปฏิบัติการนี้ ไม่ได้ทำแค่วันสองวัน นะค่ะ วันนี้เราจะมาดูกันอีกครั้งหนึ่งว่าทำไปกันทำไม ทำเพื่ออะไร และจะมีผลอะไรตามมาบ้าง ในอนาคต กับอาจารย์ผู้ที่อยู่ในวงการแวดวงนี้ทั้ง 2 ท่านด้วยกัน ค่ะ ท่านแรก ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล นะค่ะ นักวิทยาศาสตร์และนักศึกษาทางวิทยาศาสตร์ดีเด่นปี 2538 ท่านต่อ นาวาอากาศเอก น.อ.ฐากูร เกิดแก้ว ท่านผู้อำนวยการศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์ ค่ะ สวัสดีค่ะอาจารย์คะ ขอบพระคุณคะ ที่มาคุยกันวันนี้ ก่อนอื่นคงต้องถามอาจารย์ทั้ง 2 ท่านก่อนว่า ทั้ง 2 ท่านคงไม่ละสายตาแน่นอนว่าวันนี้เขาลงมือกันไปแล้วนะค่ะ เป็นไปตามที่องค์การนาซาเขาตั้งเป้าหมายกันไว้ คาดการณ์กันเอาไหมว่า อาจารย์ดร.ชัยวัฒน์ค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ - ครับ ผลออกมาก็ ก็น่าจะเกินคาด
จินดารัตน์ – ดีเกินคาดหรือว่าอย่างไรค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – ดีเกินคาด เพราะว่า เวลาก็คลาดเคลื่อนไปแค่ 3 นาที แค่นั้นเองนะครับ แล้วอเมริกา ทำไมต้องมาเลือกเอาวันที่ 4 เป็นเวลาที่ดีหรือเปล่าที่จะส่งยายอวกาศไปพบกับดาวหาง เพราะว่าเวลาที่ดีสุด น่าจะเป็นเวลาที่ดาวหางกับการส่งยายอวกาศจากโลกไปและก็ใช้เวลาน้อยที่สุด แล้วน่าจะเป็นเวลาที่ดาวหางเรียกว่าแถวๆอยู่ใกล้ๆโลกเรา แต่วันที่ดาวหางอยู่ใกล้โลกที่สุดผ่านไปแล้ว ตอนนี้ดาวหางดวงนี้กำลังเข้าไปเกือบถึงดวงอาทิตย์ หมายถึงจะเป็นจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด แต่ถามว่าความเสี่ยงมีไหม ก็มี เพราะฉะนั้นเวลาที่เขาเห็นผลออกมา แล้วก็ภาพถ่ายทอดจากนาซา นะครับ ห้องปฏิบัติการ นั่นก็เฮกัน
จินดารัตน์ – เหมือนในหนังเลยค่ะอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – ภาพที่เห็นคนเขาเฮกัน
จินดารัตน์ – อันนี้เป็นเจ้าหน้าที่เหรอค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – เป็นคนในศูนย์ควบคุมนั้นแหละครับ แต่ตรงนี้ก็น่าสนใจนะครับว่า ที่เขาเฮกันนี้ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้ว 7 นาที เพราะว่าสัญญาณจากโลกกับดาวหางมันอยู่ห่างจากโลกมากทีเดียว 133 ล้านกิโลเมตร สัญญาณต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 นาที เพราะฉะนั้นที่เฮกัน โดนชนประมาณ 7 นาที ไปแล้ว แต่เราดูภาพเหมือนกับเพิ่งเกิด
จินดารัตน์ – เหมือนกับมันดีเลย์มา
ดร.ชัยวัฒน์ – ผมว่าตรงนี้น่าสนใจ บางทีสิ่งเหล่านี้น่าสนใจ
จินดารัตน์ – ทีนี้ต้องถามอาจารย์ น.อ.ฐากูรบ้าง ว่าอาจารย์ น.อ.ฐากูรแล้ว ประเมินกันแล้วนะค่ะเป็นไปตามคาดไหม ตื่นเต้นไหม หรือว่ารู้สึกเฉยๆ รู้ว่ามันต้องออกมาเป็นแบบนี้
น.อ.ฐากูร – ก็ผมคิดว่ามันต้องออกมาเป็นแบบนี้อยู่แล้ว คือเขาไปดวงจันทร์ เขาส่งยายอวกาศไปลงจอดบนดาวเคราะห์น้อยยังได้เลย ดาวหางเขาน่าจะทำได้ คือว่ามันชนตามเป้าหมายแต่ว่าผลมันต้องรอวิเคราะห์
จินดารัตน์ – เห็นเขาบอกว่าต้องรอ 28 วัน นับจากนี้ไป 28 วัน ผลจะออกมาถึงจะได้รู้ว่ามันเป็นอะไรอย่างไร ค่ะตกลงเขาต้องการอยากรู้อะไร
น.อ.ฐากูร – ก็ประเด็นสำคัญก็อยากรู้ว่าข้างในมันประกอบด้วยอะไร
จินดารัตน์ – หมายถึงนิวเคลียสมันนี่เหรอค่ะ
น.อ.ฐากูร – ครับ
จินดารัตน์ – นิวเคลียสก็คือใจ แกนกลางมัน
น.อ.ฐากูร – คือว่า หางมันก็มาจากส่วนหัวมัน มันออกมาจากข้างในเวลาแสงอาทิตย์ส่องมามันร้อน ข้างในมันเดือน มันพ่นออกมา คราวนี้ตัวนี้มันคืออะไร อย่างหนึ่ง เขาสนใจดาวหางกันมากคือว่ามันเป็นทั้งผู้ฆ่า และผู้ทำลาย
จินดารัตน์ – ทำไมล่ะค่ะ
น.อ.ฐากูร – มันนำมาซึ่งชีวิต องค์ประกอบของมัน มันมีคาร์บอน ตัวเรามีคาร์บอนนะ มันนำน้ำมาสู่โลก ถ้ามันชนโลก มันละลายน้ำ มันอยู่บนโลก ถ้ามันนำสิ่งมีชีวิตมา สิ่งมีชิวิตก็แพร่บนโลก แล้วถ้าพูดถึงในแง่ทำลาย ถ้ามันชนโลกมันก็คลุมโลกนาน แต่ว่ามันไม่ใช่ชนแล้วตายทันทีนะครับ ก็คือว่าตอนที่ชน เนี่ย ฝุ่นควันมันคลุมโลกหลายปี พืชพันธุ์มันไม่เจริญเติบโต
จินดารัตน์ – เพราะแสงมันส่องลงมาไม่ถึง
น.อ.ฐากูร – ส่วนใหญ่ก็มันไม่มีอะไร จริงๆแล้วสูญพันธุ์ 70 สปีชีส์ของสิ่งมีชีวิตบนโลก ไม่ใช่เฉพาะไดโนเสาร์ แล้วเหตุการณ์นี้ไม่ใช่มีครั้งเดียว มีอยู่เรื่อยๆ แต่ว่าช่วงเป็นร้อยล้านปี
จินดารัตน์ – อย่างที่เราทราบข่าวกัน
ดร.ชัยวัฒน์ – วันนี้บังเอิญ ถูกสัมภาษณ์ก็เลยมา หือบางทีเราเรียก เขาอาจจะเข้าใจบางอย่างผิดกัน จริงๆแล้วดาวหางที่เราเรียกว่านิวเคลียส ไม่ใช่ศูนย์ภายในนะ
จินดารัตน์ – เหรอค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – จริงๆตัวหัวมันก็คือนิวเคลียส
จินดารัตน์ – หมายถึงว่าทั้งหัวมันก็คือนิวเคลียส แต่ไม่ได้หมายถึงใจแกนกลางของมัน
ดร.ชัยวัฒน์ – คราวนี้ตรงนี้ น่าสนใจอย่างยิ่ง ก็คือ ขณะมีความรู้กับดาวหาง เราคิดว่าเราพอรู้แล้ว นะครับ ว่ามันเหมือนเป็นก้อนน้ำแข็งเป็นส่วนประกอบ
จินดารัตน์ – ดาวหางก็ คือคล้ายๆกันหมด ดาวหางฮัทเลอร์ ดาวหางไทเกอร์ จะคล้ายๆกัน
ดร.ชัยวัฒน์ – ใช่ครับ แต่ที่เราไม่รู้ ว่าข้างในมันคืออะไร นะครับ เพราะฉะนั้น ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ให้เจ้าตัว เขาเรียก อิมแพกเตอร์
จินดารัตน์ – ยานลูกนี่นะค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – ยานลูกนี่ชน แล้วก็ถ้าเป็นไปตามที่เขาคิด หลุมมันน่าจะใหญ่
จินดารัตน์ – ประมาณเท่าไหร่ค่ะอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – เอ ขนาดนี้ยังไม่ทราบนะครับ แต่คาดการณ์ว่าอาจจะเป็นหลุมใหญ่กว้างประมาณสัก 200 เมตร ลึกประมาณ 50 เมตร หรือขนาดอาจพอๆกับสนามฟุตบอล หรืออาจไม่ถึงก็ได้
จินดารัตน์ – ความลึกก็ประมาณตึก 5 ชันได้ไหมค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – ได้ครับ แต่มันเป็นแค่ประมาณการ คราวนี้อย่างไรก็ตามค่อนข้างจะมั่นใจ แล้วผลออกมาก็เป็นอย่างนั้นจริง ว่ามันจะเข้าไปหลุมใหญ่ เพราะฉะนั้นส่วนเนื้อในจะพุ่งขึ้นมา เป็นพวกผง เป็นพวกฝุ่น ก้อนน้ำแข็ง เป็นอะไรก็แล้วแต่ ขึ้นมา ตรงนี้แหละครับเขาก็จะศึกษา เพราะฉะนั้นตรงนี่เขาจะมีทฤษฎีว่าข้างในอาจจะเป็นอย่างไร แต่จริงๆไม่รู้ เพราะฉะนั้นก็อยากจะทราบ
จินดารัตน์ – ก็เลยมีปฏิบัติการนี้ขึ้นมา
ดร.ชัยวัฒน์ – ใช่ครับ
จินดารัตน์ –แค่นั้นเอง แต่ไม่ได้เป็นไปตามข่าวลือว่า 6 เดือนที่แล้ว มีดาวหางจะชนโลก นาซาก็เลยต้องเปลี่ยนวิถี
ดร.ชัยวัฒน์ – ไม่ใช่ครับ
จินดารัตน์ – อ๋อ ไม่ใช่
ดร.ชัยวัฒน์ – ถ้าถามว่า โลกเราโอกาสถูกชนมีไหม ก็มี อย่างเมื่อสักครู่ ก็คุยกันแล้วว่าโลกในอดีตถูกชนมาแล้วหลายครั้ง จริงๆขนาดนี้ โลกเราถูกชนตลอดเวลา เพียงแต่ว่าสิ่งที่ชนโลกทุกวันนี้มันเล็ก มันก็ออกมาละลายไป แต่ในอดีตใหญ่ๆนั้น ก็ใช่ ที่ชัดๆก็คือ เมื่อ 60 ล้านปีมาแล้ว ซึ่งตอนนี้ข้อมูลค่อนข้างจะชัดว่า ไม่ใช่ดาวหางที่ชน เป็นดาวเคราะห์น้อยขนาดประมาณ 10 กิโลเมตร
จินดารัตน์ – ดาวเคราะห์น้อยมันต่างกับดาวหางอย่างไรค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – ดาวเคราะห์น้อยกับดาวหางต่างกันที่ว่าดาวหางง่ายๆมันเป็นก้อนน้ำแข็ง คล้ายๆอย่างนั้นนะครับ ส่วนดาวเคราะห์น้อยดาวทั้งดวงมันเป็นก้อนหิน มันแข็ง
จินดารัตน์ – คือการทำลายล้างมันต่างกันใช่ไหมคะ
ดร.ชัยวัฒน์ – คือหนักมากเลยเอาง่ายๆ อย่างทุกวันนี้เขาจะเฝ้าระวังดาวเคราะห์น้อยขนาดตั้งแต่ 1 กิโลเมตรขึ้นไป
จินดารัตน์ – 1 กิโลเมตร หมายถึง เส้นผ่าศูนย์กลาง
ดร.ชัยวัฒน์ – ถูกต้องครับ ประมาณนั้น เพราะว่าพวกนี้ถ้ามันชนโลกนะครับ อำนาจของการทำลายจะพอๆกับระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมา เป็นหลายๆล้านลูก
จินดารัตน์ – โห หลายล้านลูก
ดร.ชัยวัฒน์ – เพราะฉะนั้น มันถึงน่ากลัว แล้วเราก็เชื่อว่ามันจะมีอยู่ในอวกาศ ไอ้เจ้าดาวเคราะห์น้อยมันจะอยู่แถวๆระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี ค่อนข้างจะเป็นระเบียบ จับกลุ่มกันอยู่ แต่ว่าจะมีอยู่จำนวนหนึ่งที่ชอบหนีเที่ยว
จินดารัตน์ – แตกแถวเหรอค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – แตกแถว พวกนี้จะออกมานอกบริเวณ มาเยี่ยมโลกเราบ้าง เฉี่ยวโลกเราบ้าง และก็มาชนเราบ้าง
จินดารัตน์ – แต่ว่าในช่วง 65 ล้านปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยมี
ดร.ชัยวัฒน์ – มีครับ
จินดารัตน์ – มีเหรอค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – คราวนี้เป็นดาวหางนะ ก็คือ เมื่อ ตอนต้นศตวรรษที่ 20เกิดเหตุการณ์ประหลาดที่
คันกัสการ์***ที่คันกัสการ์เกิดเหตุการณ์ระเบิด ตอนนั้นคือะไร แค่ค่อนข้างที่ชัดเจนแล้วว่า เป็นดาวหาง อันนั้นเป็นดาวหางครับ
จินดารัตน์ – ใหญ่ไหมคะอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – เออ ขนาดยังไม่แน่ใจ แต่ว่าปัญหาคือ มันไม่ได้ตกถึงพื้นโลก มันระเบิดก่อนตกลงพื้นโลก มันก็เลยกระจายราบไปเลย แต่นั้นเป็นดาวหาง คราวนี้ถามว่าการที่โลกสูญพันธุ์ เกิดสูญพันธ์ครั้งแรก มากที่สุด ที่ไดโนเสาร์สูญพันธ์ อันนี้ไม่ใช่นะ ข้อมูลบอกว่าก่อนหน้านั้น 200 กว่าล้านปีมาแล้ว โลกเคยถูกชน และครั้งนั้นชีวิตในน้ำสูญพันธ์ 90 เปอร์เซ็นต์ ครั้งนั้นหายไปเยอะเลย ชีวิตบนบกที่สูญพันธ์ไปประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ แต่นั้นไม่ค่อยเป็นข่าว ไม่เหมือนกับไดโนเสาร์
จินดารัตน์ – ค่ะ อาจารย์ค่ะเดี๋ยวดิฉันพักเรื่องดาวหาง กับมาดูเรื่อง อิมแพกเตอร์ หลายคนสนใจว่าปฏิบัติการนี้เขาทำกันอย่างไร เขาเตรียมกันมานานแค่ไหน อย่างไร เดี๋ยวอาจารย์น.อ.ฐากูร จะมีภาพมาให้ดูด้วย นะค่ะ อาจารย์ค่ะ ขอดูภาพนิดหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่เริ่มต้นก็คือ ปฏิบัติการนี้เขาส่งยานแม่ฟลายบาย ใช่ไหมค่ะอาจารย์
น.อ.ฐากูร - ยานฟลายบาย คือยานมันจะประกบกันอยู่ เดี๋ยวดูภาพนะครับ
จินดารัตน์ – ส่งขึ้นไปเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว นะค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – วันที่ 12 มกราคม ครับ
จินดารัตน์ – ส่งขึ้นไปโดยที่ ไม่มีมนุษย์ถูกไหมค่ะอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – ไม่มีครับ
จินดารัตน์ – หมายถึงว่าใน ยานแม่ก็ไม่มี
ดร.ชัยวัฒน์ – ครับ
จินดารัตน์ – ชัดเจนว่าไม่มีมนุษย์อยู่ อันนี้คือ ฟลายบาย ใช่หรือเปล่าค่ะ
น.อ.ฐากูร – คือ มันประกบกันอยู่ ไอ้ตัวนี้ ตัวเขียวๆมันเป็นจรวดขับดันนะครับ แล้วพอเข้าไปใกล้ๆมันจะทิ้ง แล้วเดี๋ยว ฟลายบายจะแยกออกมา ฟลายบายกับอิมแพกเตอร์ ติดอยู่ด้วยกันนะครับ
จินดารัตน์ –ตัวนี้ก็คืออิมแพกเตอร์
น.อ.ฐากูร – ตัวนี้ใหญ่ๆ ฟลายบาย เราจะเห็นว่ากล้องมีอยู่ 2 ตัว จะคอยจับตา อิมแพกเตอร์เวลาชน แล้วก็มันจะมีตัวโล่ไว้กัน อิมแพกเตอร์ ป้องกันฝุ่นของดาวหาง
จินดารัตน์ – เวลามันระเบิดออกมา
น.อ.ฐากูร – เวลามันเข้าใกล้ดาวหาง ดาวหางข้างในมันเดือด เวลามันเจอความร้อนจากดวงอาทิตย์นะครับ จะสเปร์ยออกมา
จินดารัตน์ – อันนี้นะค่ะ ก็คือ สเปรย์ ที่ออกมา แต่อันนี้นิวเคลียส ก็คือหัวดาวหางนี้แหละนะคะ อันนี้ก็คือแผ่นป้องกันอย่างที่อาจารย์บอก
น.อ.ฐากูร – ไม่งั้น ตัวมันจะโดนฝุ่นเสียหาย
จินดารัตน์ – เข้าใกล้ได้มากที่สุกกี่กิโลเมตรค่ะ
น.อ.ฐากูร – ผมจำไม่ได้แต่ว่า 500
จินดารัตน์ – 500 กิโลเมตร ทีนี้ขอดูวิธีการย่อตัวจากยานแม่ที่เรียกว่า ฟายบลายกับอิมแพกเตอร์นะค่ะ อิมแพกเตอร์เขาเรียกหัวกระสุนเหรอค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – เขาเรียกตัวชน
จินดารัตน์ – ตัวชนที่ได้มาจากทองแดง
ดร.ชัยวัฒน์ – เป็นทองแดง
จินดารัตน์ – หลายคนถามมาว่าทำไมต้องทำมาจากทองแดง ทำมาจากอย่างอื่นไม่ได้เหรอคะ
ดร.ชัยวัฒน์ – ก็คงเหมือนกระสุน ชนแล้วมันระเบิด ไม่ให้มีสารอินทรีย์
จินดารัตน์ – ถูกกว่าด้วยนะคะ
ดร.ชัยวัฒน์ – เขาพยายามไม่ให้มีส่วนที่เป็นอินทรีย์ คือไม่ให้มีส่วนที่ออกมาเป็นน้ำได้เลยนะครับ
จินดารัตน์ – เพราะฉะนั้นจะทำ ปฏิกิริยากับน้ำ
ดร.ชัยวัฒน์ – ไม่ใช่ครับ มันจะทำให้ผลที่จะศึกษาจากดาวหางคลาดเคลื่อน เพราะว่าดาวหางมันจะมีสารอินทรีย์
น.อ.ฐากูร – ตัวนี้มันจะมีกล้อง คือฟลายบายคอยส่องจานลูกมัน แล้วมันจะปล่อย
จินดารัตน์ - นี้คือยานลูกมันนะค่ะ
น.อ.ฐากูร – ปรับวิถีเพื่อให้ชนให้ตรงเป้าที่เล็งไว้นะครับ เสร็จแล้วตัวฟลายบายจะเก็บภาพไว้ จะเก็บได้ไม่กี่นาทีนะครับ แล้วมันต้องหันโล่เข้ากำบัง เก็บภาพได้ไม่นาน
จินดารัตน์ – ได้เฉพาะเวลาที่กลุ่มควันทั้งหลายที่มันจะมากระทบ ได้แค่นั้นเอง
น.อ.ฐากูร – ได้แค่นั้น ได้แค่นั้นก็พอแล้วครับ
จินดารัตน์ – ขนาดของหัวดาวหาง
น.อ.ฐากูร – กว้างที่สุด 12 กิโลเมตร
จินดารัตน์ – เส้นผ่าศูนย์กลาง 12 กิโลเมตร
น.อ.ฐากูร – มันคล้ายๆกับมันฝรั่งนะ มันไม่ค่อยจะเรียบเท่าไหร่ มันเบี้ยวๆนะครับ
จินดารัตน์ - ลักษณะแบบนี้ใช่ไหมค่ะอาจารย์ที่เขาจำลองมาแบบนี้
น.อ.ฐากูร – ใช่ครับ
จินดารัตน์ – แล้วตัวชน ถ้าชนเข้าไป
ดร.ชัยวัฒน์ – จริงๆเมื่อกี้ ดูภาพน่าสนใจนะครับ ที่เขาชนจะเห็นว่าภาพแสดงนั้นออกมาชัด แต่ผมมีภาพจริง ตรงนี้จะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นะครับ นี้หลังจากชนไปแล้วประมาณ สัก 4 วินาทีนะครับ เขาบอกว่าอันนี้มันมีผลตามที่เขาต้องการจะเห็นจริงๆ แต่มันไม่ค่อยชัด
จินดารัตน์ – ก็คือหัวกระสุนที่ว่านี้คือทะลุไป แต่จริงๆมันทะลุนิดเดียว
น.อ.ฐากูร – แต่ว่ามันเร็วมากนะครับ อิมแพ็คมันชน 10 กิโลเมตรต่อวินาที แรงระเบิดเท่ากับ ทีแอนด์ทีหลายร้อยตัน
จินดารัตน์ – คือแรงดันมหาศาล เปรียบเทียบกับระเบิด ทีแอนด์ที
น.อ.ฐากูร – ครับ 30,000 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงความเร็ว
จินดารัตน์ – ความเร็วตอนที่ปะทะกัน
น.อ.ฐากูร – ครับ
จินดารัตน์ – โอ้โห แต่ว่า ยานแม่ที่ถ่ายภาพก็อยู่ไปประมาณ 500 กิโลเมตร
น.อ.ฐากูร – ครับ แล้วก็ส่องกล้อง ไอ้กล้องสีทองๆนะครับ จับตามอง
ดร.ชัยวัฒน์ – ตรงนี้ผมว่าน่าสนใจ นะครับว่าจริงๆแล้วหลายอย่าง เขาต้องเผื่อไว้ แล้วมันก็เกิดปัญหาเหมือนกันนะ แต่ว่าปัญหามันเกิดก่อนที่จะไปถึงนะครับ คือเจ้าตัวยานลำแม่เนี่ยมันจะมีกล้องตัวที่ไวที่สุด ที่เขาหวังว่าจะได้เห็นอะไรเยอะแยะ ปรากฏว่าระหว่างเดินทางไปมันเกิดมีปัญหา
จินดารัตน์ – อ๋อ
ดร.ชัยวัฒน์ – ภาพมันพร่า พอมันพร่าเขาก็กังวลเลยทีเดียวล่ะ เพราะจะทำให้คุมมันไม่ค่อยได้ ปรากฏว่าก่อนที่จะถึงดาวหาง เขาก็แก้ได้นะ แก้ได้โดยที่ใช้คณิตศาสตร์ช่วย ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาแก้ ก็แปลว่ามันจะทำให้ภาพที่มันจับได้ ส่งมาโลกทันทีไม่ได้ ส่งมาแล้วโลกรับ ก็ไม่รู้เรื่องอะไร ก็ต้องใช้คณิตศาสตร์เข้าไปแก้มา
จินดารัตน์ – เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องที่เกิดขึ้น
ดร.ชัยวัฒน์ – ใช่ครับ อันนี้เป็นเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นได้
จินดารัตน์ – เพราะ ยานอิมแพกเตอร์ คือติดกล้องเข้าไปด้วย
ดร.ชัยวัฒน์ – คือยานมันติดกล้อง
จินดารัตน์ – ช่วงจังหวะที่มันชน จะได้เฉพาะก่อนชนใกล้ที่สุด แวบเดียว
ดร.ชัยวัฒน์ – แน่นอนครับ
จินดารัตน์ – พอชนแล้ว ตัวใครตัวมัน อาจารย์ ไม่เหลืออะไรแล้ว นะค่ะ ทีนี้คำถามก็คือว่าทำไมเขาจะต้องเลือก ไอ้ เทมเปล 1 ทำไมดาวหางอื่นไม่น่าสนใจเหรอค่ะ หรือว่าเป็นช่วงจังหวะ โอกาส เวลาค่ะอาจารย์น.อ.ฐากูรค่ะ
น.อ.ฐากูร – ไอ้วงๆ ตรงนี้ ตรงกลางคือดวงอาทิตย์ แล้วสีแดงคือดาวพุธ แล้วมีดาวศุกร์สีฟ้า สีเขียวคือโลก แล้วนี่ดาวอังคาร ถัดมาวงนอก มีดาวพฤหัส คราวนี้ว่า เทมเปล 1 มันน่าสนใจตรงที่ว่ามันอยู่ไม่ไกลนะครับ คือกล้องบนโลกคอยจับตามองได้ตลอด หรือกล้องอัพเตอร์อวกาศก็จับตามองได้ คือดาวหางมันจะต่างดาวกับดาวดวงอื่นตรงมันมีวิวัฒนาการ แต่มันเข้ามาใกล้ หางมันยาว มันร้อน ข้างในมันเดือด พ่นออกมา พออกไปไกลเนี่ย หางมันก็หมด เพราะมันไม่ร้อน มันก็ไม่มีอะไรเดือดออกมา แต่นักวิทยาศาสตร์เขาสนใจวัฏจักรว่า ถ้ามันพ่นหางออกมาเรื่อยๆ สักวันหนึ่งมันก็ต้องหมด กลายเป็นนิวเคลียสกลวงๆข้างใน หรือว่ามันมีเว้า มีระบบการปิดเปิดการเสียมวล แต่ทีนี้ระยะทางที่ไม่ไกลเกินไปนัก แล้ววงโคจรแคบ 5 ปีครึ่ง นะครับ ถ้าเป็นดวงอื่น อาจจะเป็น ร้อยปี พันปี ไอ้นี้มันไม่ไกลเกินเป้า
จินดารัตน์ – ก็เลยเลือก
น.อ.ฐากูร – ก็เลยเลือกดาวดวงนี้
จินดารัตน์ – จริงๆแล้วลักษณะของดาวหางก็จะเหมือนๆกัน คล้ายๆกัน เขาบอกว่าเป็นสิ่งที่ก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิต นั้นหมายถึงว่าถ้าหากดาวหางเหล่านี้พุ่งชนบนดาวอังคารหรือดาวศุกร์ก็มีโอกาสมีสิ่งมีชีวิตเหมือนเรา ถูกไหมค่ะอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – เขาเรียกอย่างนี้ เรื่องของกำเนิดสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ รวมทั้งโลกเราด้วย ตอนนี้สิ่งที่ยอมรับกัน มันก็กำเนิดมาจากพวกโมเลกุลพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ทีนี้มันอยู่ที่ไหน บนโลกเราก็มี ส่วนหนึ่งก็จะมาจากดาวหาง มาจากดาวเคราะห์น้อย ก็ได้นะครับ เพราะฉะนั้นการที่ดาวหางชนโลกเราในอดีต แต่ก่อนนี้ ตอนเที่ยงระบบสุริยะเพิ่งเกิด ตอนนั้นค่อนข้างจะโกลาหลชนกันวุ่นวาย ชนกันวุ่นวาย โลกเราก็ถูกชนเป็นประจำ ดวงจันทร์ก็เกิดจาก เป็นเพราะว่าโลกถูกขนาบกับดาวอังคารชน จนกระทั่งส่วนหนึ่งไป
จินดารัตน์ – เลยแบ่งไป
ดร.ชัยวัฒน์ – เป็นดวงจันทร์นั้นแหละครับ ชีวิตจริงๆส่วนใหญ่บนโลกเรา ก็คงจะเกิดมาบนโลกเราเอง ในแง่ที่ว่ามันมีวัตถุดิบ มีความพร้อม สภาพของโลกในอดีตเราพอจะรู้ แล้วนักวิทยาศาสตร์สามารถจำลองสภาพในอดีตและมีชีวิตแรกเริ่มเป็นพวกโมเลกุลและรวมถึงสิ่งมีชีวิต พวก กรดอะมิโน แต่ว่าเป็นไปได้เหมือนกันว่า พวกโมเลกุลพื้นฐานส่วนหนึ่งอาจจะมาจากดาวหาง มันก็เพิ่มโอกาส
จินดารัตน์ – เป็นส่วนประกอบ
ดร.ชัยวัฒน์ – เพิ่มโอกาสที่ว่า ชีวิตมันจะเกิดง่ายนะ ในระบบสุริยะ ในจักรวาล เป็นไปได้มากว่าที่ดาวอังคาร ดาวอังคารนั้นก็น่าจะมีชีวิตเกิดได้ แต่มีอย่างหนึ่งที่เขาพบ ว่าชีวิตในจักรวาลนี้เกิดง่าย แต่พัฒนายาก เพราะอะไรเหรอครับ เพราะว่า โลกเราความรู้มันก็เปลี่ยนไปเรื่อย แต่เดิมเชื่อกันว่า ชีวิตบนโลกเกิดมาแล้ว 4,600 ล้านปี ตามความรู้เดิมนั้นบอกว่า ชีวิตบนโลกเกิดมา 3,600 ล้านปี หลังจากที่โลกเกิดมาแล้ว 1,000 ล้านปี แต่ข้อมูลไม่ใช่ ข้อมูลใหม่บอกว่าชีวิตบนโลกเกิดเร็วกว่านั้น หลังจากที่โลกเกิดมาแล้วประมาณสัก 5,000 -6,000ปีเท่านั้นเอง ก็เกิดชีวิตบนโลกแล้ว แต่น่าสนใจนะครับว่า ชีวิตบนโลกพอมันเกิดมาแล้วมันไม่พัฒนายาวนานมาก
ตั้งแต่ประมาณ 4,000 ล้านปีมาจนถึง ช่วง 3,000 ล้านปีนะครับ ชีวิตโลกมีแค่ 2 อย่าง คือแบคทีเรีย แล้วก็แพลงก์ตอน แล้วก็พัฒนาที่สุด ก็จะเป็นสาหร่ายที่มีหลายเซลล์นะครับ แล้วมันอยู่อย่างนี้ ตั้งแต่ 3,000 กว่าล้านปี แล้ว อยู่เมื่อ 560 ล้านปีมานี้ ก็มีบางอย่างเกิดขึ้น ชีวิตเกิดขึ้นอย่างหลากหลาย เพราะฉะนั้นเป็นไปได้ว่าดาวอังคาร ชีวิตอาจะเกิดขึ้นมาพร้อมกับเรา แต่ชีวิตเขาไม่พัฒนา เพราะว่าสภาพดาวอังคารมันไม่เหมือนโลกเรา โลกเราโชคดีครับ มีน้ำ มีบรรยากาศ
จินดารัตน์ – มีองค์ประกอบที่มากกว่า
ดร.ชัยวัฒน์ – ดาวอังคารนั้นจะแปลกมาก ในอดีต ที่เราพบหลักฐานว่าดาวอังคารทำไมถึงมีน้ำเยอะ เพราะอยู่บนผิวโลก แต่วันนี้น้ำอยู่บนดาวอังคารไม่ได้แล้วนะ เป็นผิวดาวอังคาร
จินดารัตน์ – ไม่มีเลยเหรอค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – ถ้ามันขึ้นมาระเหยทันที เพราะว่าบรรยากาศมันเบาบางมาก น้ำอยู่ไม่ได้ แต่เชื่อว่ามันอาจมีน้ำอยู่ใต้ดาวอังคาร แล้วบรรยากาศเขาเบาบางมาก ที่ระดับผิวดาวอังคาร บรรยากาศเขามีแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ของเราเท่านั้นเอง จะเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ เพราะฉะนั้นในอดีตคงจะไม่ใช่ ตัวนี้ เขาจะคิดว่าชีวิตมันเกิดจากดาวอังคาร มันจะค่อยๆพัฒนา เราไปวันนี้ เราอาจจะเจอหลักฐานสิ่งมีชีวิต อาจจะเป็นพวกฟอสซิล แต่สิ่งมีชีวิตใหญ่ๆไม่เจอ ตรงนี้น่าคิด
จินดารัตน์ – เอาแล้วค่ะ กลับมาดูเรื่องเศษดาวหาง ที่ออกมา ที่วันนี้มันระเบิดออกมาที่ภาพจำลองได้แสดงให้เห็น คุณสุณีย์ เขาถามมาว่า มีโอกาสไหมที่เศษของดาวหางจะพุ่งมาชนโลก
น.อ.ฐากูร – มันก็มีประจำที่ฝนดาวตก
ดร.ชัยวัฒน์ – ถ้าเทมเปล 1จะไม่
จินดารัตน์ – มันไกลเกินไปใช่ไหมค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – มันอยู่ห่างจากโลกประมาณ 133 ล้านกิโลเมตร อยู่ห่างจากเราเหมือนกับระยะห่างจากดวงอาทิตย์ ก็ไกลนะ ลองนึกถึงการเดินทางซิ ยานดีพ อิมแพกต์ ต้องใช้เวลาในการเดินทางตั้ง 6 เดือน กว่าจะถึง 6 เดือนนี้เป็นเวลาที่ ถ้ามนุษย์เดินทางลงมา วันนี้นะครับโดยอาศัยเทคโนโลยีดังนี้ พวกฝุ่นผงที่เกิดขึ้นคงไม่มี ไม่มีอันตราย
จินดารัตน์ – อันนี้เขาคำนวณมาอย่างดีแล้วนะค่ะ ไม่ต้องกลัว แต่ว่าความกลัวอีกอย่างหนึ่ง ถามว่าการที่ไปพุ่งชนแบบนี้ วิถีโคจรแบบเดิมๆของมันจะเปลี่ยนไหมค่ะอาจารย์
น.อ.ฐากูร – คือ ยานอวกาศถ้าเทียบกับดาวหางมันเล็กมากนะครับ เอามดไปตีช้าง
จินดารัตน์ – ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับว่าเอายุงไปบินชน
ดร.ชัยวัฒน์ - เหมือนกับดาวหางเป็นเครื่องบินเจ็ท แล้วเจ้าดาวหางมันเป็นยุง เพราะฉะนั้นถ้ามันชนเครื่องบินเจ็ทไม่สะเทือนเลย ถ้าเปรียบเทียบ แต่ว่าผิวของเครื่องบินเจ็ทลำนี้มันค่อนข้างที่จะบอบบางนะครับ แต่ว่าเข้าไปลึกไม่มาก
จินดารัตน์ – เพราะฉะนั้นจะไม่มีผล
ดร.ชัยวัฒน์ – ไม่ต้องห่วง ไม่มีผล
จินดารัตน์ – เขาก็จะโคจรอยู่อย่างนั้น ก็คือแค่อยากรู้ว่า ไอ้ฝุ่นผงที่มันกระเด็นออกมามันคือะไร
น.อ.ฐากูร – อันนี้คือสิ่งที่เขาได้จากเทมเปล 1
จินดารัตน์ – วันนี้ล่าสุดเลยใช่ไหมค่ะอาจารย์
น.อ.ฐากูร – เออ มันเป็นข้อวิเคราะห์จากแสงที่เกิดจากการพุ่งชน เห็นว่ามีคาร์บอนไดออกไซด์ มีน้ำ คือย่างนี้ เวลานาซาหาสิ่งมีชีวิตจากดาว เขาจะหาน้ำตาลในอวกาศ น้ำตาลที่เรากินมันประกอบด้วยคาร์บอน ออกซิเจน ไฮโดรเจน เป็นค่าทั่วไปที่มีอยู่ในอวกาศ ในจักรวาล เป็นค่าสามัญ แล้วก็ องค์ประกอบของดาวหาง ก็ คาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ มันก็มีอยู่ในโลกมาแต่ในอดีตแล้ว เป็นเรื่องทั่วไป คือในแง่ของผม ดาวหางเปรียบเสมือนพาหะ นำเมล็ดแห่งชีวิต
ลองคิดดูนะครับว่า บนโลกเรานี้มีเกาะภูเขาไฟเพิ่งเกิดขึ้นมา ทำไมถึงมีสิ่งมีชีวิตอยู่ได้ ถ้านกตัวหนึ่งบินผ่านไปแล้วทิ้งเมล็ดอะไรไว้อย่างนี้ มันก็เจริญงอกงามได้ ส่วนอย่างที่ประเทศไทยเนี่ย มันก็มีเมล็ดพันธ์เยอะแยะ รวมทั้งแอปเปิ้ลอะไรเนี่ย ที่มาจากที่หนาว แล้วถ้าเมล็ดพันธ์กับสิ่งที่อยู่อาศัยมันเหมาะกัน มันก็เจริญงอกงาม แต่ทีนี้ดาวเคราะห์ดวงอื่น มันปะปนกับดวงอาทิตย์ มันต่างหมุนรอบดวงอาทิตย์ นะครับ ดาวเคราะห์ดวงอื่นมันต่างหมุน จากดวงอาทิตย์ การถ่ายเทสิ่งมีชีวิตมันเป็นไปไม่ได้นะครับ แต่ดาวหางมาจากอวกาศไกล มันเหมือนนก นกอวกาศ มันผ่านดาวเคราะห์โน้น ดาวเคราะห์นี้ มันอาจจะเป็นพาหะนำชีวิตจากที่โน้นที่นี้มา อะไรอย่างนี้
จินดารัตน์ – ถ้ามองภาพกันง่ายๆ นะค่ะอาจารย์
น.อ.ฐากูร – เอาง่ายๆภาพกว้างระยะยาว ดาวอังคารมันมีร่องรอยว่าเคยมีน้ำ มีชีวิตอยู่อุดมสมบูรณ์ แต่ไม่รู้ มันทำอย่างไรมันแห้งเหือด อย่างที่อาจารย์ดร.ชัยวัฒน์พูดไปแล้ว โลกเราเหมาะสม ถ้ามันไปที่ดาวศุกร์ มันไม่น่าอยู่ มันร้อนเกิน เวลาต่อไปถ้าดวงอาทิตย์ขยายตัวขึ้น โลกเราน้ำเดือนหมด น้ำร้อนหน่อยเดียว มันก็ระเหยแล้ว ถ้าร้อนมากว่านั้น หินปูนเดือด ไอ้พวกคาร์บอนที่เคยอยู่ในอวกาศ แล้วธรรมชาติตรึงไว้ในดิน มันเดือดแต่คาร์บอนระเหยออกมา เราอยู่ไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไอหมด ตอนนั้นน้ำแข็งดาวอังคารละลาย ก็อาจ อพยพกลับบ้านก็ได้ มันอพยพกันได้ เป็นจินตนาการ
จินดารัตน์ – อันนี้ ถือว่าเป็นจินตนาการที่มีความเป็นไปได้สูงหรือเปล่าคะ อาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – ว่าตอนนี้ความรู้เกี่ยวกับระบบสุริยะ ตอนนี้เราทราบ อดีตพอสมควร แต่หลายอย่างก็ยังไม่ทราบแน่นอน กำลังพยายามหาคำตอบอยู่ ถามว่าและอนาคตจะเป็นอย่างไร คำถามส่วนใหญ่ โลกเราจะเป็นส่วนใหญ่ นะครับ ถ้าพูดถึงความรู้ล่าสุดในปัจจุบัน โลกเราจะไม่ได้อยู่ตลอดไปหรอก โลกเราที่มันแน่นั้นจะตาย ตายเพราะว่าดวงอาทิตย์นี่แหละ ดวงอาทิตย์ ทุกวันนี้เขาเป็นเหมือนพ่อใจดี เป็นดาวเคราะห์เหลือง เป็นพ่อใจดีมาก ให้ความอบอุ่น ให้แสงสว่าง กับเรา แต่ว่าอีกประมาณสัก 5,000 ล้านปี พ่อคนนี้จะเปลี่ยน เป็นโตขึ้น เป็นยักษ์ เป็นดาวยักษ์แดง
จินดารัตน์ – ทำไมถึงโตขึ้นได้ค่ะอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – เป็นความเปลี่ยนแปลงภายใน ว่าทุกวันนี้เนี่ยดวงอาทิตย์ที่ให้พลังงานกับเรา เป็นผลจาการเกิดปฏิกิริยา นิวเคลียร์ฟิวชั่นมีไฮโดรเจน เป็นเชื้อเพลิง เจ้าเชื้อเพลิงที่เกิดปฏิกิริยาเกิดตรงใจกลาง ไอ้นี้เป็นนิวเคลียสภายในของดวงอาทิตย์ อุณหภูมิตรงนั้นจะสูงมาก ประมาณ 14 ล้านองศาเซลเซียส เจ้าไฮโดรเจนอะตอมก็หลอมรวมกันมาเป็นฮีเลียม แล้วก็ให้พลังงานกับเรา แต่ว่าทุกวันนี้ไฮโดรเจนมีจำกัด เพราะว่ามันเกิดมามันก็มีแค่นั้น มันก็หมดไปเรื่อย แล้ววันหนึ่งพวกนี้จะหมด แต่ดวงอาทิตย์ไม่ดับนะ มันก็จะมีปฏิกิริยานิวเคลียสขั้นต่อไป ไอ้เจ้าฮีเลียมก็จะกลายเป็นเชื้อเพลิงใหม่ แต่ว่ามันจะถึงจุดหนึ่งที่จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับดวงอาทิตย์ ประมาณอีก 5,000 ล้านปี นะครับ ง่ายๆคือว่าเปลี่ยนจากดาวเคราะห์เหลือง มาเป็นดาวยักษ์แดง คือเย็นลง แต่โตขึ้น ขยายขนาดโตขึ้น
จินดารัตน์ – คือมันจะไม่ร้อน
ดร.ชัยวัฒน์ – ก็จะเย็นกว่าปัจจุบันนี้ นะครับ คือทุกวันนี้ ผิวดวงอาทิตย์ร้อน ประมาณ 6,000 องศาเซลเซียส ถึงตอนนั้นจะไม่ถึง แต่เขาจะขยายโตขึ้น ทุกวันนี้โตมาถึงดาวพุธ ความรู้ล่าสุดนี้ ถึงโลกแล้วด้วย แล้วยังไม่หยุด ยังขยายต่อไปถึงดาวอังคารไหม ยังไม่ถึง ยกเว้นความรู้นี้เปลี่ยนไป โลกเราก็จะไม่รอด ก็จะโดนกินไปด้วย ตรงนั้น เราก็อยู่ไม่ได้
จินดารัตน์ – แล้วก็เลยความคิดเกิดจินตนาการที่ว่า อย่างที่อาจารย์ น.อ.ฐากูรที่ว่า มันจะมีการอพยพย้ายถิ่นฐาน อันนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ดร.ชัยวัฒน์ – แน่นอนถ้าเราจะดำรง ความเป็นมนุษยชาติต่อ ยกเว้นว่าเราอยู่ไม่ถึงวันนั้น เราทำลายกันเองเสียก่อน
จินดารัตน์ – อันนั้น น่ากลัวมากว่าค่ะอาจารย์ค่ะ ทีนี้เรื่องเทมเปล 1 เทพเพล 2 เทมเพล 3 มันก็ต้องแสดงว่ามันก็ต้อง มี 123 มีหรือเปล่าค่ะอาจารย์หรือว่าแค่เขาตั้งชื่อเอาไว้
ดร.ชัยวัฒน์ – ไม่ครับ
จินดารัตน์ – มีเยอะนะครับ
ดร.ชัยวัฒน์ - คือยานลำนี้เขาเป็นนักล่าดาวหาง
จินดารัตน์ – เป็นชาวฝรั่งเศสหรือเปล่าค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – เป็นชาวฝรั่งเศส
จินดารัตน์ – แต่บางตำราเขาบอกเป็นชาวเยอรมัน
ดร.ชัยวัฒน์ – เขาเกิดที่โน้น แต่มาอยู่ตรงนี้ เขาพบหลายดวง
จินดารัตน์ – เขาพบมาตั้ง แต่หลายร้อยกว่าปีที่แล้วใช่ไหมค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ – ครับ
จินดารัตน์ – รู้สึกว่า จะ 138 ปีที่แล้ว
ดร.ชัยวัฒน์ - ครับประมาณนั้น แล้วนี้ก็คือเหตุผลที่ถามว่าทำไมถึงสนใจดาวหางดวงนี้ ก็อย่างที่คุณน.อ.ฐากูรพูดแล้วว่า เรารู้วิถีโคจรที่แน่นอน แล้วก็มันไม่ค่อยยาวมาก
จินดารัตน์ – ค่ะ เดี่ยวพักกันตรงนี้ก่อน ขออนุญาตอาจารย์ทั้ง 2 ท่านพักกันก่อน แล้วช่วงหน้ากลับมาดูกันจักวาลบนอวกาศเนี่ย ใครขึ้นไปทำอะไรก็ทำได้ อย่างนั้นหรือ แล้วผลจาการศึกษานี้ เราเอา ไปใช้ประโยชน์อะไรได้ นอกจากอยากรู้ว่าในนิวเคลียสของดาวหางทั้งหลายมันมีอะไร นะค่ะ พักกันสักครู่ ช่วงหน้ากลับมาติดตามกัน
จินดารัตน์ - กลับมาช่วงสุดท้ายรายการคนในข่าว ค่ะวันนี้เราคุยกันถึงเรื่องปฏิบัติการอวกาศของนาซา ดีพ อิมแพ็ค ที่ได้ชมกันไป ทางอินเตอร์เน็ตหรือว่า ทางการถ่ายทอดสดของสถานีข่าวผ่านดาวเทียมของต่างประเทศ นะค่ะ ของสหรัฐที่เขาทำกันไปเมื่อช่วงบ่าย คนไทยเขาสนใจกันมาก แต่ว่าคำตอบก็ชัดกันไปแล้วว่าไม่ต้องกลัวว่าสะเก็ดดาว การระเบิดที่เกิดขึ้นจะมีผลกับโลกของเรา เขาคำนวณมาดีแล้ว ค่ะว่าอย่างไงก็มาไม่ถึงแน่ๆ และที่สำคัญก็คือจะไม่เปลี่ยนแนวโคจรของดาวหาวดวงนี้ด้วยนะค่ะ ที่ทำไปก็คืออยากจะรู้ว่า ในนิวเคลียสของดาวหางนั้น มีองค์ประกอบอะไรบ้าง เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยทำการศึกษาแบบนี้กันมาก่อน นี้มาดูกันว่าถึงแม้ว่ามันจะระเบิดกันไปตั้งแต่ช่วงบ่ายโมงของเรา แต่คืนนี้ 2 ทุ่มสามารถดูได้ จะดูอย่างไร ให้อาจารย์ น.อ.ฐากูร อธิบายก่อน อาจารย์ดูจากแผนที่ดวงดาว
น.อ.ฐากูร - อันนี้มันจะเหมือนท้องฟ้าจำลอง ถ้าหันหน้าไปทางตะวันตก ประมาณตรงนี้ แล้วเงยหน้าขึ้นมาสัก 45 องศา จะมีดาวสว่างอยู่ดวงหนึ่ง คือดาวพฤหัส
จินดารัตน์ – ก็คือถ้า ดูด้วยตาเปล่า จะเป็นดาวสุกสว่าง
น.อ.ฐากูร – คือว่าดาว พฤหัสในช่วงนี้ อยู่ในกลุ่มดาวผู้หญิงนะครับ หรือว่าราศีกันยายน จะจินตนาการเอา ทีนี้ดาวหางมันอยู่ในกลุ่มดาวผู้หญิง
จินดารัตน์ – เลยขึ้นไปอีก
น.อ.ฐากูร – เลยหัวขึ้นไป
จินดารัตน์ – สมมติว่าดูดาวพฤหัสอยู่ตรงนี้
น.อ.ฐากูร – มันจะอยู่เหนือขึ้นไป แต่มองไม่เห็น ต้องมองด้วยกล้อง มันจะอยู่ประมาณนี้ มันต้องมองด้วยกล้อง แต่นี้เป็นโปรแกรมที่สร้างไว้ ความจริงถ้ามองต้องใช้กล้องขนาดใหญ่พอสมควร อันนี้เป็นกล้องที่ทีมงานส่งมา เขาเรียนอยู่อเมริกา ชื่อ วิภู แล้วก็ใช้กล้องเครือข่ายกล้องจับตาทั่วโลก แล้วก็ได้ภาพเรียงมาแบบนี้
จินดารัตน์ - ไอ้นี้คือขณะที่พุ่งชนนะค่ะอาจารย์ เพราะว่าสหรัฐตอนที่ปฏิบัติการเป็นเวลากลางคืน บ้านเราบ่าย มองไม่เห็นแน่ๆ
น.อ.ฐากูร – อย่างในรูปที่เขาถ่าย กล้องที่อเมริกาเองกลับใช้ไม่ได้ ฝนตก
จินดารัตน์ – เหรอค่ะ
น.อ.ฐากูร - คือ เขามีกล้องอยู่ทั่วโลก เงามืดมาแล้ว เขาก็รอไปดักถ่าย ออสเตรเลีย แอฟริกาเขาก็ได้มาจากเครือข่ายในออสเตรเลีย คือรูปร่างมันหางไม่ยาว ถ้ามองด้วยกล้องจากเมืองไทยจะมัว จะไม่คมอย่างนี้นะครับ แล้วจะเป็นเบลอๆฝ่าๆหางไม่ยาวอย่างนี้ แล้วก็ถ้าดูอย่างนี้เราจะไม่เห็นความแตกต่างเลย ก่อนชนหลังชน เพราะว่ามันเล็กของมันอยู่ แต่ถ้าจะเห็นต้องภาพที่อาจารย์ดร.ชัยวัฒน์โชว์ ออกจากยานอวกาศ จากฟลายบาย
จินดารัตน์ – ที่เขา ถ่ายมาให้ดูกัน
น.อ.ฐากูร – ส่วนกล้องอื่นๆที่ขนาดใหญ่ เป็นแบบว่า5 เมตร 10 เมตร ก็กำลังเฝ้ามองอยู่ อันนั้นเขาจะวิเคราะห์สเปคตรัม มันให้แสงคลื่นความถี่ไหน ส่วนประกอบของดาวหางเป็นอะไร
จินดารัตน์ – แล้วหลังจากนี้ไป 28 วัน เราต้องรอผลจากองค์การนาซาวิเคราะห์นะค่ะ ว่ามีอะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง จะสามารถรู้ละเอียดได้ไหมค่ะอาจารย์ค่ะ
น.อ.ฐากูร – ทำไมมันถึงต้องรอนาน คือภาพตัวอย่าง ขั้นตอนมันเยอะ ต่อให้กล้องมันใหญ่ ก็เห็นแค่อย่างนี้ ไม่เห็นกลุ่มที่ชน นอกจาก จะฟลายบายเท่านั้นเพราะมันอยู่ใกล้มาก ระยะห่างเกือบเท่าดวงอาทิตย์ และดวงมันจิ๋วเดียว แสงมันน้อย คือเขาถ่ายภาพมาได้อย่างนี้ แต่เขาจะเอาไปผ่านสเปก คล้ายๆเอาไปผ่านปริซึมพอได้ภาพดิบๆมันไม่ได้ให้อะไร กล้องถ่ายจากโลก ต้องผ่านแสง ว่าแก๊สอะไรที่อยู่บนโลก ต้องมีขั้นตอน
จินดารัตน์ – บางทีอาจจะมีขยะอะไร มีสิ่งที่เราไม่ต้องการ มันปนกัน
น.อ.ฐากูร – คือกล้องใหญ่ที่ถ่ายมันถ่ายจากระบบ มันจะผ่านอากาศบนโลก แล้วก็ไปเข้าอากาศของดาวหาง มันเหมือนกล้องดิจิตอล แล้วยานมันลำเล็ก ไม่ได้ถ่ายแปป ถึง ค่อยๆทยอยๆ
จินดารัตน์ – ระยะทางเป็นล้านกิโลเมตรนะค่ะ ทีนี้มาดูเครื่องมือของอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – โอกาสอย่างนี้มาถามผมว่า เอ๊ะ ดาวหางมาโดนชนแบบนี้ เมืองไทยเราน่าจะได้ประโยชน์อะไร นะครับ อย่างหนึ่งผมว่าเราน่าจะใช้โอกาสอย่างนี้ ทำให้เกิดความตื่นตัว ในการที่จะสนใจเรื่องราวของอวกาศ ดวงดาว อย่างเป็นวิทยาศาสตร์
จินดารัตน์- จริงๆต้องยอมรับว่าบ้านเรายังน้อยมากนะค่ะอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – ยังน้อย แต่ก็ทั่วๆไปก็ดีขึ้น แล้วเราคงต้องใช้โอกาสอย่างนี้เป็นการกระตุ้น อย่างเครื่องมือที่ง่ายๆมันก็มีนะ ที่ผมถือมาวันนี้เป็นเครื่องมือที่ดูดาว ศึกษาดวงดาว ก็มาเรื่องของบทของจักรวาล มันเป็นกลุ่มดาว ก็จะมีว่ามีซอฟท์แวร์ให้ดาวน์โหลด มีแผนที่ดาวให้ดาวน์โหลด
จินดารัตน์ – กลับมาตรงนี้ หลายคนยังสงสัยว่า ประโยชน์ของดาวหางนอกจากศึกษาว่า เราจะรู้อะไรมากขึ้นจากเดิมที่รู้อยู่ จะรู้อะไรอีกค่ะ
ดร.ชัยวัฒน์ –จริงๆแล้วก็อยากจะทราบว่า ขนาดนี้เรารู้เรื่องราวทั้งหมดของระบบสุริยะหรือยัง เรารู้แค่ครึ่ง ที่ยังไม่ทราบอยู่ก็ยังมากอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มันเกิดแรกๆ แล้วก็วิวัฒนาการ ตัวโลกเราเองว่ามันเกิดมาอย่างไรกันบ้าง โดยเฉพาะสภาพโลกวันนี้ เราทราบข้อมูล ย้อนหลังพอสมควร แต่ยังไม่ทราบจะมีเยอะ แต่ยังไม่ใช่ไปถึงกำเนิดจักรวาลนะครับ พอดีวันนี้ให้สัมภาษณ์ จะมีบางแห่งถาม เราได้ตรงนี้ จะรู้ถึงกำเนิดจักรวาลหรือเปล่า คนละเรื่อง เลยนะครับ ถ้าจะรู้กำเนิดจักรวาล คำตอบตอนนี้ต้องไปแก้โจทย์ของไอสไตน์ ถึงจะได้คำตอบตรงนั้น อันนี้เอาแค่ระบบสุริยะเท่านั้นเอง แล้วก็มีคำถามมาว่า จะมาเกี่ยวข้องกับการป้องกันโลกไหม มันก็น่าสนใจเหมือนกันนะครับว่าเนื่องจากโอกาสชนโลกก็มี
น.อ.ฐากูร – คือตอนนี้เรามีหน่วยงานป้องกันโลกเป็นหน่วยงานสากล ก็มีอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น คือเป็นกล้องขนาดเล็ก 16 นิ้ว แต่ว่าหมุนเร็วมาก คือคอยตรวจจับว่ามีอะไรแปลกปลอมหรือเปล่า
ดร.ชัยวัฒน์ – ถ้าพูดถึง อันตรายของดาวหางกับดาวเคราะห์น้อย ดาวเคราะห์น้อยน่ากลัวว่า แต่ที่บอกว่าดาวหางน่ากลัวกว่าเพราะว่ามัน ทุกทิศทุกทาง
จินดารัตน์ – ฟังแล้วค่อนข้างน่ากลัว เราจะแน่ใจอย่างไรว่า เราจะปลอดภัยจากดาวหาง ว่าจะมา จะโผล่มาเมื่อไหร่
ดร.ชัยวัฒน์ – 2 อย่างก็คือ มีการจัดตั้งระบบความปลอดภัยมากขึ้น อีกอย่างหนึ่งก็คือเอาล่ะต้องเตรียมสู้ไว้ มี หลายวิธีกัน ก็ศึกษากัน ใช้ตั้งแต่อาวุธนิวเคลียร์ แล้วก็มีทั้งใช้จรวดขนาดยักษ์ หรือใช้เลเซอร์ แต่ประเด็นก็คือ เราพบล่วงหน้านาน
จินดารัตน์ – นานนี่ประมาณเท่าไหร่ค่ะอาจารย์
ดร.ชัยวัฒน์ – เป็นปี
น.อ.ฐากูร – ทำไมเราต้องพัฒนาสติปัญญา มันต้องมีเป้าหมาย ภัยธรรมชาติ บางทีก็เพื่อให้เผ่าพันธุ์เราอยู่รอด
จินดารัตน์ – พอพูดอย่างนี้ คนรวยก็รอดก่อน เพราะตอนนั้นเขาไปจองที่บนดวงจันทร์
น.อ.ฐากูร – ผู้อพยพมีเปอร์เซ็นต์ที่จะไปได้ แค่ 0.00 เปอร์เซ็นต์ พวกนั้นไม่ใช่คนรวยหรอก ต้องเป็นคนที่เก่ง ฉลาด ชาวโลกไว้วางใจ
จินดารัตน์ – มีหลายคนสงสัยว่า ใครจะทำอะไรกับดาวหางไม่มีกฎหมายห้าม หรือไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศ
ดร.ชัยวัฒน์ – อวกาศมันมีกฎหมายอวกาศนะ กฎหมายอวกาศถูกกำหนดขึ้นมาโดยองค์การสหประชาชาติ ก็เป็นเพียงป้องกัน อวกาศเป็นของมวลมนุษยชาติ ใครจะไปยึดครองไม่ได้ ก็แปลว่าอเมริกาส่งคนไปดวงจันทร์ แล้วจะไปประกาศว่าเป็นของอเมริกาไม่ได้
จินดารัตน์ – เขามีข้อตกลงกันอยู่แล้ว วันนี้มีข่าวนักดาราศาสตร์ชาวรัสเซีย คืออกมาประกาศว่าจะยื่นฟ้ององค์การนาซาสหรัฐอเมริกา ว่าโทษฐาน ที่ไปทำ ให้เกิดระเบิดขึ้นบนดาวหางดวงนี้ ซึ่งเป็น การทำร้ายจิตใจ อาจารย์ค่ะ นอกจากการทำแบบนี้กับดาวหางทำแบบนี้กับดาวเคราะห์น้อยได้ไหมค่ะ
น.อ.ฐากูร – ดาวเคราะห์น้อยเป็นแหล่งแร่ในอนาคตเลย แหล่งแร่ธาตุ
ดร.ชัยวัฒน์ – ดาวเคราะห์น้อยนี่น่าสนใจ จริงๆแล้วตอนนี้เขาเริ่มศึกษาแล้ว
จินดารัตน์ – มีคนถามว่าประเทศไทยมีโอกาสไหมที่พัฒนานาซาบ้าง
น.อ.ฐากูร – ถ้าพูดกันตรงๆแบบไม่กลัวใคร เราทำอะไรหวังผลไกลตัว ที่ว่าจ่ายแล้วต้องได้คืน มันไม่ได้คืน แต่มันไม่ได้ความรู้ ความรู้มันจะสร้าง ตรงนี้เอง เช่นว่า การลงทุนอวกาศ คือ บูทซีเน็ตได้ผลกำไรกันจะๆ
จินดารัตน์ – บางทีเราอาจ จะมองไม่เห็นผลกำไรว่ามันเกิดขึ้นมาจากตรงไหน
น.อ.ฐากูร – คือทุกอย่างมันอยู่นอกโลกมันอยู่ไกลตัว ทุกอย่างสัมพันธ์กันหมด นะครับ
จินดารัตน์ – ค่ะ อาจารย์ค่ะวันนี้เวลาหมดแล้วจริงๆ สุดท้ายปฏิบัติการนี้ผ่านไปแล้ว แต่สิ่งที่คนกลัวกันก่อนที่จะลงมือก็คือ ถ้ามันพลาดมันจะเกิดอะไรขึ้นกับองค์การนาซาและก็ดาวหาง
น.อ.ฐากูร – ถ้าพลาดในการพุ่งชน หน้าแตก
จินดารัตน์ – เสียหน้า เสียตังค์เท่านั้นเอง
น.อ.ฐากูร – เสียหน้า เสียตังค์เท่านั้นเอง แต่ ยานไม่แพง เป็นโปรเจ็คต์ที่เล็ก แต่ไอ้นี่มันเป็นงานของทีมมหาวิทยาลัย นาซาให้มหาวิทยาลัย มารีแลนด์ทางอเมริกาทำ
จินดารัตน์ – ค่ะ วันนี้เวลาหมดแล้ว ต้องขอขอบพระคุณแขกรับเชิญทั้ง 2 ท่าน ค่ะลาไปก่อนค่ะ สวัสดีค่ะ