เชียงใหม่ / คนเมืองฝางเผยเจ้าของสวนส้มลงขันสร้างฝายในเขตอุทยานฯแม่ฝาง เผยน้ำถูกนำไปใช้เฉพาะในสวนส้ม แจงชาวนาท้ายน้ำเดือดร้อนหนักเหตุไม่มีน้ำใช้ กก.สิทธิฯเผยเตรียมนัดประชุมทุกฝ่ายเพื่อหาทางออกร่วมกัน
เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านกลุ่มผู้ใช้น้ำห้วยแม่ฮ่าง ต.เวียงอ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เข้าร้องเรียนต่อนางสุนี ไชยรส ประธานอนุกรรมการสิทธิที่ดินทำกินและป่าไม้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ถึงปัญหาผลกระทบจากการแย่งชิงน้ำของสวนส้มที่เกิดขึ้นในพื้นที่มานาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่เกิดขึ้นทางเจ้าของสวนส้มทำการสร้างฝายกักน้ำบริเวณต้นน้ำแม่ฮ่างที่อยู่ลึกเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ฝาง การดำเนินการดังกล่าวพบว่าน้ำถูกนำมาใช้เฉพาะในสวนส้มเท่านั้น การดำเนินการดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านท้ายน้ำที่มีอาชีพทำนาเป็นอย่างมาก โดยวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ทำหนังสือร้องเรียนปัญหาดังกล่าวไปยังผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ให้เข้ามาตรวจสอบ เพื่อหาข้อยุติความขัดแย้งและให้ความเป็นธรรมแก่กลุ่มชาวบ้านผู้ใช้น้ำจากห้วยแม่ฮ่าง
นายพงษ์พันธ์ ตะติยา ตัวแทนเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำฝาง กล่าวว่า ที่ผ่านมามีนายทุนเจ้าของสวนส้มเข้าไปสร้างฝายคอนกรีตกั้นต้นน้ำแม่ฮ่าง ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในอุทยานแห่งชาติแม่ฝาง โดยอ้างว่าเป็นความต้องการของผู้ใช้น้ำ 32 ราย มีเงินที่ร่วมกันลงทุนจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อผันน้ำไปใช้ในสวนส้มขนาดใหญ่เท่านั้น สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวนาที่เป็นกลุ่มผู้ใช้น้ำแม่ฮ่างในเขตท้ายน้ำจำนวน 556 หลังคาเรือน ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นชาวบ้านจึงต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากทางคณะกรรมการสิทธิฯ เพราะที่ผ่านมาปัญหาการใช้น้ำที่เกิดขึ้นชาวบ้านก็มีการประนีประนอมเพื่อแบ่งน้ำกันใช้น้ำมาโดยตลอด
นางสุนี ไชยรส ประธานอนุกรรมการสิทธิที่ดินทำกินและป่าไม้ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากปัญหาเดิมในเรื่องของการวางท่อสูบน้ำของเจ้าของสวนส้ม โดยชาวบ้านเคยมีมติให้รื้อท่อดังกล่าว แม้ว่ามีการประนีประนอมมีการลดขนาดท่อลง แต่ปัญหากลับเพิ่มขึ้นเนื่องจากปัญหาเก่าไม่ได้รับการแก้ แต่กลับมีปัญหาใหม่คือการทำฝายน้ำล้นซึ่งอยู่ในเขตอุทยานฯแม่ฝางขึ้นมาอีกและที่สำคัญน้ำที่ได้ถูกนำไปใช้เฉพาะในสวนส้มเท่านั้น ดังนั้นกรณีนี้ทางคณะกรรมการสิทธิฯ จึงต้องตรวจสอบต่อไปว่า การสร้างฝายลักษณะนี้ผิดหลักเกณฑ์ของอุทยานหรือไม่ เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น ขณะเดียวกันชาวบ้านก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาเบื้องต้น นางสุนี กล่าวต่อไปว่า จะมีการนัดกันพูดคุยระหว่างทุกฝ่ายโดยเฉพาะผู้มีอำนาจสั่งการ ทั้งนายอำเภอ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ กรมชลประทาน เจ้าของสวนส้ม โดยทางคณะกรรมการสิทธิฯ จะนัดหมายให้บุคคลที่เกี่ยวข้องและมีส่วนได้ส่วนเสียมาประชุมกันเร็วๆนี้ ขณะเดียวกันต้องมีการตรวจสอบการดำเนินการใชทางกฎหมายด้วยว่าการดำเนินการลักษณะนี้ถูกต้องหรือไม่ .
เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านกลุ่มผู้ใช้น้ำห้วยแม่ฮ่าง ต.เวียงอ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เข้าร้องเรียนต่อนางสุนี ไชยรส ประธานอนุกรรมการสิทธิที่ดินทำกินและป่าไม้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ถึงปัญหาผลกระทบจากการแย่งชิงน้ำของสวนส้มที่เกิดขึ้นในพื้นที่มานาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่เกิดขึ้นทางเจ้าของสวนส้มทำการสร้างฝายกักน้ำบริเวณต้นน้ำแม่ฮ่างที่อยู่ลึกเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ฝาง การดำเนินการดังกล่าวพบว่าน้ำถูกนำมาใช้เฉพาะในสวนส้มเท่านั้น การดำเนินการดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านท้ายน้ำที่มีอาชีพทำนาเป็นอย่างมาก โดยวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ทำหนังสือร้องเรียนปัญหาดังกล่าวไปยังผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ให้เข้ามาตรวจสอบ เพื่อหาข้อยุติความขัดแย้งและให้ความเป็นธรรมแก่กลุ่มชาวบ้านผู้ใช้น้ำจากห้วยแม่ฮ่าง
นายพงษ์พันธ์ ตะติยา ตัวแทนเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำฝาง กล่าวว่า ที่ผ่านมามีนายทุนเจ้าของสวนส้มเข้าไปสร้างฝายคอนกรีตกั้นต้นน้ำแม่ฮ่าง ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในอุทยานแห่งชาติแม่ฝาง โดยอ้างว่าเป็นความต้องการของผู้ใช้น้ำ 32 ราย มีเงินที่ร่วมกันลงทุนจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อผันน้ำไปใช้ในสวนส้มขนาดใหญ่เท่านั้น สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวนาที่เป็นกลุ่มผู้ใช้น้ำแม่ฮ่างในเขตท้ายน้ำจำนวน 556 หลังคาเรือน ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นชาวบ้านจึงต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากทางคณะกรรมการสิทธิฯ เพราะที่ผ่านมาปัญหาการใช้น้ำที่เกิดขึ้นชาวบ้านก็มีการประนีประนอมเพื่อแบ่งน้ำกันใช้น้ำมาโดยตลอด
นางสุนี ไชยรส ประธานอนุกรรมการสิทธิที่ดินทำกินและป่าไม้ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากปัญหาเดิมในเรื่องของการวางท่อสูบน้ำของเจ้าของสวนส้ม โดยชาวบ้านเคยมีมติให้รื้อท่อดังกล่าว แม้ว่ามีการประนีประนอมมีการลดขนาดท่อลง แต่ปัญหากลับเพิ่มขึ้นเนื่องจากปัญหาเก่าไม่ได้รับการแก้ แต่กลับมีปัญหาใหม่คือการทำฝายน้ำล้นซึ่งอยู่ในเขตอุทยานฯแม่ฝางขึ้นมาอีกและที่สำคัญน้ำที่ได้ถูกนำไปใช้เฉพาะในสวนส้มเท่านั้น ดังนั้นกรณีนี้ทางคณะกรรมการสิทธิฯ จึงต้องตรวจสอบต่อไปว่า การสร้างฝายลักษณะนี้ผิดหลักเกณฑ์ของอุทยานหรือไม่ เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น ขณะเดียวกันชาวบ้านก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาเบื้องต้น นางสุนี กล่าวต่อไปว่า จะมีการนัดกันพูดคุยระหว่างทุกฝ่ายโดยเฉพาะผู้มีอำนาจสั่งการ ทั้งนายอำเภอ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ กรมชลประทาน เจ้าของสวนส้ม โดยทางคณะกรรมการสิทธิฯ จะนัดหมายให้บุคคลที่เกี่ยวข้องและมีส่วนได้ส่วนเสียมาประชุมกันเร็วๆนี้ ขณะเดียวกันต้องมีการตรวจสอบการดำเนินการใชทางกฎหมายด้วยว่าการดำเนินการลักษณะนี้ถูกต้องหรือไม่ .