xs
xsm
sm
md
lg

บัญญัติตำแหน่ง"ผู้นำเสียงข้างมาก" ผลงานอันมิบังควร!!

เผยแพร่:   โดย: "เซี่ยงเส้าหลง" และทีมข่าวการเมือง

•• ก็กลายเป็นเรื่องตลกร้ายไปอีกแล้วเมื่อ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ – ตามแนวรัฐบาล ที่นอกจากจะ ไม่ตัดตัวแทนพรรคการเมืองออกจากกรรมการสรรหาป.ป.ช. ตาม หลักการเดิม ที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทยที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคย ประกาศไว้ (หลักฐานยืนยันสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อ วันที่ 1 มิถุนายน 2548 นี้เองที่ท่านให้สัมภาษณ์ว่า “...ถ้าไม่ให้มีตัวแทนของพรรคการเมืองเข้าไปร่วมเป็นกรรมการ ปัญหาการบล็อกโหวตก็ไม่มี การเมืองเป็นเรื่องที่สู้กัน ไม่มีการยอมแพ้กัน ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ตาม ดังนั้นความเป็นพวกใครพวกมันก็ยังอยู่ สู้เอาคนที่ไม่มีการเมืองและผลประโยชน์อะไร หรือคนที่นึกถึงบ้านเมืองเป็นหลักมากกว่าการต่อสู้หรือแบบสงครามตัวแทน ถ้ามีคำว่าต่อสู้ก็จะเป็นเรื่องของการแพ้ชนะ จะไม่มีคำว่าหลักการและส่วนรวม ดังนั้นถ้าไม่มีบรรยากาศแห่งการต่อสู้จะดีขึ้นเยอะ ต้องลดบรรยากาศแห่งการต่อสู้ทางการเมือง -- ก็แค่นั้น.” หวังว่าคงยัง ไม่ลืม) แล้วยัง คงไว้ แต่เฉพาะ ตัวแทนพรรคใหญ่ 2 พรรค ซึ่ง ณ นาทีนี้ก็คือ พรรคไทยรักไทย (ในนามของชื่อตำแหน่งใหม่ที่ไม่เคยมีบัญญัติไว้ ผู้นำเสียงข้างมาก หรือเรียกเต็ม ๆ ว่า ผู้นำเสียงข้างมากซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักหนาสาหัสในชั้นต้นที่จะให้เป็น ประธานสภาผู้แทนราษฎร) และ พรรคประชาธิปัตย์ (ในนามของชื่อตำแหน่งที่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 120 ว่า ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร) ก็มีผลเท่ากับว่า พรรคการเมืองอื่น ๆ ที่มีที่นั่งอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร (ในปัจจุบันคือ พรรคชาติไทย, พรรคมหาชน) ถูก ตัดสิทธิออกไป ชาตินี้ไม่มีโอกาสไม่มีหนทางที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมใน คณะกรรมการสรรหาป.ป.ช. เป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่ เลอะเทอะ, ขัดแย้งกันเอง และยิ่งเป็นการไป ส่งเสริมจุดอ่อนของรัฐธรรมนูญ 2540 ที่มีฉันทาคติต่อพรรคการเมืองขนาดใหญ่และระบบทวิพรรค ซึ่งที่สุดแล้วก็คือ จำกัดเสรีภาพพื้นฐานทางการเมืองของประชาชน แค่ลำพัง กฎ 5 เปอร์เซ็นต์ ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 100 ก็ทำให้ เสียงประชาชนจำนวนหนึ่ง มีอันต้อง ตกน้ำ, ไร้ความหมาย ตั้งแต่ต้นแล้ว

•• คือถ้าเห็นว่ายังจำเป็นจะต้อง คงไว้ ซึ่ง ตัวแทนพรรคการเมืองในกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ ตามข้ออ้างที่ยกขึ้นมาว่า “...เพื่อเป็นจุดยึดโยงกับประชาชน.” หนทางผ่าทางตันก็แค่เพียงแก้ไขเพิ่มเติมเข้าไปในทำนองว่า “...ในกรณีที่มีพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรเหลือไม่ถึง 5 พรรค (หรือ 4 พรรค) ให้ตัวแทนพรรคการเมืองทุกพรรคเป็นกรรมการสรรหา.” เท่านั้นก็จบ

•• แต่ถ้าจะ ตัด โดยหลักการแล้วก็ต้อง ตัดทั้งหมด ไม่ใช่ไปลุกลี้ลุกลน สร้างตำแหน่งใหม่ขึ้นมา แต่แท้ที่จริงแล้วก็คือ ตัดตัวแทนพรรคการเมืองขนาดเล็กและขนาดกลางออกไป ซึ่งไม่มีตรรกะ, เหตุผล ใด ๆ ยกมาอธิบายได้

•• ส่วนเรื่องข้ออ้าง “...เพื่อเป็นจุดยึดโยงกับประชาชน.” นั้นถ้าไม่คิดจะไปแสวงหา หนทางใหม่ (อย่างเช่นที่ พรรคประชาธิปัตย์ หันไปทาง ตัวแทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, ตัวแทนสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) ก็ไม่ถึงกับ เสียหายทั้งหมด เพราะสุดท้ายก็ยังจะต้องไป เลือก กันที่ วุฒิสภา ซึ่งมาจาก การเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน พูดง่าย ๆ ว่าแม้จะสูญเสีย จุดยึดโยงฯในส่วนกรรมการสรรหาฯ แต่ก็ยังคงมี จุดยึดโยงฯในขั้นตอนสุดท้าย อยู่

•• ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือจะมีคนตั้งคำถามว่ารัฐบาลชุดนี้กำลัง คิดการใหญ่ อะไรอยู่ถึงได้เริ่ม เปิดตัวก้าวที่ 1 ของตำแหน่งใหม่ ผู้นำเสียงข้างมากซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเป็นการคิดการใหญ่ที่ เหมาะสมหรือไม่ เพราะถึงที่สุดแล้วผู้คนที่ไม่ได้มีหญ้าติดปากก็อ่านออกว่ารัฐบาลเริ่มต้นก้าวที่ 1 ที่ กรรมการสรรหาป.ป.ช. ก้าวที่ 2 ก้าวที่ 3 ของตำแหน่งใหม่ ผู้นำเสียงข้างมาก นี้จะไปมีส่วนร่วมอยู่ใน กรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ, กรรมการสรรหาก.ก.ต. และเมื่อถึงจุดนั้น “เซี่ยงเส้าหลง” เชื่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญชุดต่อไปจะต้อง ไปไกล ถึงขั้นบัญญัติให้ตำแหน่ง ผู้นำเสียงข้างมากฯ นี้เป็น ตำแหน่งที่พระมหากษัตริย์โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง เหมือน ๆ กับตำแหน่ง ผู้นำฝ่ายค้าน โดยน่าจะไปบัญญัติแก้ไขไว้ใน มาตรา 120 และในทางปฏิบัติก็กำหนดกันไว้แล้วว่าผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ก็คือ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรครัฐบาล หรือ ประธานวิปรัฐบาล นั่นเอง

•• ต้องไม่ลืมว่าตำแหน่ง ผู้นำเสียงข้างมากฯ หรือ Majority Leader นั้นมีอยู่ใน สหรัฐอเมริกา ที่ปกครองโดย ระบบประธานาธิบดี หรือ Presidential System ที่วางโครงสร้าง แบ่งแยกอำนาจโดยเด็ดขาด ระหว่าง ฝ่ายบริหาร กับ ฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเป็นบุคคลที่มีฐานะความสำคัญเป็น ลำดับที่ 2 ในสภาผู้แทนราษฎร รองจากผู้ที่ดำรงตำแหน่ง Speaker of the United States House of Representatives เทียบเท่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตำแหน่งนี้ไม่มีอยู่ในประเทศที่ปกครองโดย ระบบรัฐสภา หรือ Parliamentary System เพราะในระบบนี้ผู้ที่ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ก็คือ ผู้นำเสียงข้างมาก อยู่แล้ว

•• แม้ รัฐธรรมนูญ 2540 จะนำผลดีของ ระบบกึ่งประธานาธิบดี หรือ Semi-Presidential System เข้ามา ประยุกต์ใช้ แต่ก็ยังไม่ได้ ไปไกลเกินไป อย่างน้อยใน มาตรา 120 ก็ยังใช้ชื่อตำแหน่งว่า ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษในรัฐธรรมนูญฉบับแปลเป็นทางการของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า Leader of the Opposition in the House of Representatives ไม่ใช่ ผู้นำเสียงข้างน้อย หรือ Minority Leader ที่มีอยู่เช่นกันใน สหรัฐอเมริกา การที่มือกฎหมายของรัฐบาลชุดนี้ วิษณุ เครืองาม ไปแปลรัฐธรรมนูญเกินเจตนารมณ์ของคณะผู้ร่างว่ามาตรา 120 วรรคสองมีเจตนารมณ์ต้องการให้มีตำแหน่ง ผู้นำเสียงข้างมาก แล้วออกมาชี้แจงเป็นตุเป็นตะนั้น เลยเถิด อย่างน่าวิตกยิ่ง

•• ใน สหรัฐอเมริกา นั้นมีตำแหน่ง Majority Leader, Minority Leader ทั้งใน สภาผู้แทนราษฎร - House of Representatives และ วุฒิสภา - Senate ก็เพราะระบบประธานาธิบดีออกแบบให้มีโอกาสที่ทั้งเสียงข้างมากในสภาทั้งสอง ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคเดียวกับฝ่ายบริหารคือประธานาธิบดี เพราะต่างฝ่ายต่าง มาจากการเลือกตั้งโดยตรง แต่ของบ้านนี้เมืองนี้ ณ วันนี้ ณ นาทีนี้ นายกรัฐมนตรี มาจาก เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เพราะระบบยังไม่ไปไกลถึงขั้นเปิดให้มี การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง และยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่ สมาชิกวุฒิสภาไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง การไป ลอกชื่อตำแหน่ง ของระบบที่แตกต่างกันมาใช้จึงควรใช้วิจารณญาณให้จงหนัก

•• ถามว่ามีอะไร ลึกซึ้ง ถึงขั้น เจตนาคิดการใหญ่ หรือไม่ “เซี่ยงเส้าหลง” ยังเชื่อด้วยบริสุทธิ์ว่า ไม่น่าจะมี เหตุที่เกิดขึ้นนี้เพราะ ลุกลี้ลุกลน, มักง่าย, ไร้วัฒนธรรม และ ให้ความสำคัญกับจารีตประเพณีน้อยเกินไป เท่านั้น

•• แต่ก็อยากจะถามกลับไปว่าในรอบสองสามเดือนที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังมีพฤติกรรม หมิ่นเหม่, น่าตั้งคำถาม ไม่เพียงพอหรืออย่างไรถึงยังต้องไป ลอกชื่อตำแหน่งของประเทศที่ปกครองด้วยระบบประธานาธิบดี มาใช้ วิษณุ เครืองาม ใช้สมองส่วนไหนคิดและอรรถาธิบาย

•• รัฐบาลอาจจะ แก้เกี้ยว, แก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ ว่าที่เรียกชื่อตำแหน่งว่า ผู้นำเสียงข้างมาก นั้น ไม่มีหน้าที่อะไรเป็นพิเศษ – นอกจากเป็นกรรมการสรรหา จะไม่มีวัน ไปไกล ถึงขั้นคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญในชั้นต่อไปให้ตำแหน่งนี้เป็น ตำแหน่งที่พระมหากษัตริย์โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง เหมือน ผู้นำฝ่ายค้าน แต่ก็อีกนั่นแหละถ้าเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับว่า เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร กำลัง สถาปนาตำแหน่งใหม่ ขึ้นมาให้ เทียบชั้น, เทียบเท่า ตำแหน่งที่พระมหากษัตริย์โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าในกรณีนี้ หาบังควรไม่ ไม่มีเหตุไม่มีผลที่จะต้องทำเช่นนั้น

•• เฉพาะประเด็นนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” ขอใช้สิทธิความเป็น กัลยาณมิตร ที่ยังคง รัก สะกิดอย่างแรงให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เร่งสั่งการให้ ส.ส.ลูกหาบ ของท่าน แปรญัตติในวาระที่ 2 เปลี่ยนชื่อตำแหน่ง ผู้นำเสียงข้างมาก เสียโดยพลัน
กำลังโหลดความคิดเห็น