xs
xsm
sm
md
lg

เผยชาวสลัมเชียงใหม่ถูกอพยพสนองพัฒนาเมืองท่องเที่ยว

เผยแพร่:   โดย: สำนักข่าวประชาธรรม

เชียงใหม่ / ชี้แผนปรับปรุงคลองแม่ข่าจังหวัดสั่งย้ายสลัมออก เหตุปรับปรุงพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวลดทัศนอุดจาด ชาวบ้านร้องพื้นที่ใหม่ประสบปัญหาหนัก ดินไร้คุณภาพเพาะปลูกไม่ได้ ขาดอาชีพสร้างรายได้

จากคำสั่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2545 ที่ผ่านมาให้ จ.เชียงใหม่ดำเนินการพัฒนา การขุดลอกแม่น้ำปิง รวมทั้งการขุดลอกคูคลองต่างๆ ในเขตตัวเมือง และการปรับปรุงสภาพคลองแม่ข่า เพื่อป้องกันน้ำท่วม น้ำเน่าเสียส่งกลิ่นเน่าเหม็น ตลอดจนลดทัศนอุดจาด

จากการปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวทำให้ชุมชนคลองเงิน 1 จำนวน 110 ครัวเรือน ซึ่งอาศัยอยู่ริมคลองแม่ข่าบริเวณหลังวัดกู่เต้า เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ถูกสั่งให้รื้อถอนออกไปอยู่ในพื้นที่หมู่ 3 บ้านป่าบอน ต.แม่โป่ง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 30 กม.

โดยทางจังหวัดจ่ายเงินค่าขนย้ายครอบครัวละ 10,000-35,000 บาท

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวชุมชนคลองเงิน 1 หลังจากถูกสั่งให้อพยพมาอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.2546 ที่ผ่านมานั้น สภาพชีวิตความเป็นอยู่เป็นไปอย่างลำบาก เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นป่าเสื่อมโทรมและเต็มไปด้วยหิน ไม่สามารถใชทำการเกษตรใดๆได้

สภาพบ้านเรือนที่ปลูกสร้างแล้ว 6-8 หลัง ส่วนใหญ่สร้างจากการปะติดปะต่อแผ่นไม้กระดานเก่า สังกะสีมุงหลังคา บางหลังคาใช้ผ้าล้อมเป็นฝาผนังบ้าน และมีบางหลังคาเรือนสร้างจากเงินออมและเงินที่กู้มา และพบสภาพบ้านเรือนที่ยังสร้างไม่เสร็จ บางหลังมีเพียงเสาบ้าน สอบถามชาวบ้านทราบว่าเจ้าของบ้านไปรับจ้างในเมืองหวังเก็บเงินมาสร้างบ้าน มีอาคารหนึ่งหลังเป็นโบสถ์ สร้างเสร็จสมบูรณ์โดยองค์กรศาสนาคริสต์ สภาพชุมชนมีแต่คนแก่อาศัยเพียงไม่กี่คน ไม่มีเด็ก และกลุ่มวัยแรงงาน ขณะนี้มีเพียงองค์กรศาสนาคริสต์ให้ความช่วยเหลือโดยแจกข้าวสารประจำทุกเดือน

ชาวบ้านเล่าว่า นอกจากกลุ่มที่อาศัยที่นี่ซึ่งมีจำนวน 22 ครอบครัว ยังมีอีก 2 กลุ่ม ประมาณ 20 ครอบครัว เป็นกลุ่มคนชาวเขารวมกลุ่มกันอาศัยในเขต อ.ดอยสะเก็ด

นางอ้อยใจ ด้วงพุฒ ชาวบ้านที่เคยอาศัยอยู่บริเวณคลองแม่ข่า ชุมชนคลองเงิน 1 ปัจจุบันถูกย้ายมาอาศัยอยู่ที่ ต.แม่โป่ง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ตนถูกสั่งให้ย้ายมาเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2546 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการพัฒนาและปรับปรุงคลองแม่ข่าของ จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้ยังมีชุมชนที่คาดว่าต้องย้ายออกมีทั้งหมดอีก 8 ชุมชน ซึ่งบางส่วนยังคงอาศัยอยู่บริเวณคลองแม่ข่าเพราะยังไม่ได้รับการจัดสรรที่อยู่ให้ใหม่

นางอ้อยใจ กล่าวเพิ่มเติมว่า การสั่งย้ายนั้นกะทันหันเกินไป ไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเพื่อให้ชาวบ้านได้เตรียมตัว อีกทั้งการจัดหาที่อยู่ใหม่ให้กับชาวบ้านเป็นไปอย่างล่าช้า และพื้นที่ที่จัดให้บางส่วนประสบปัญหาเรื่องที่ดินไม่เหมาะสม คุณภาพดินไม่สามารถเพาะปลูกได้ ทั้งยังตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง ส่งผลให้เกิดปัญหาในการสร้างรายได้ และขาดสิ่งอุปโภคบริโภคขั้นพื้นฐาน

นางอ้อยใจ กล่าวอีกว่า ชาวบ้านทุกคนที่มาอยู่ที่นี่ ประมาณ 22 ครอบครัว ซึ่งชาวบ้านเองไม่รู้จะทำอะไร เพราะไม่สามารถประกอบอาชีพเดิมได้ เช่น การคัดแยกขยะขาย รับจ้างทั่วไป ที่มีรายได้ต่อวันประมาณ 100-200 บาท นอกจากนี้ที่ดินที่นี่ไม่สามารถเพาะปลูกอะไรได้ เพราะเป็นดินปนหินในขณะเดียวกันหากต้องการปลูกผัก แม้พอปลูกได้ก็ต้องอาศัยน้ำบาดาล ซึ่งต้องเสียค่าน้ำหน่วยละ 4 บาท ทำให้ชาวบ้านประสบปัญหาอย่างมากเพราะไม่มีรายได้เหมือนเดิม

“การทำมาหากินทุกวันนี้ ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง บางครั้งญาติพี่น้องจำเป็นต้องนำข้าวปลา ของแห้งมาให้บ้าง ก็เก็บเอาไว้กินในแต่ละเดือน นอกจากนั้นเมื่ออาหารหมดก็ต้องโทรศัพท์หาญาติให้เอาของมาส่งให้ ขณะนี้พูดได้ว่าทำอะไรไม่ได้สักอย่าง อยู่รอความตายไปวันๆ” นางอ้อยใจกล่าว

นางวรัญญา ด้วงพุฒ หนึ่งในชาวบ้านที่ถูกย้ายออก กล่าวแสดงความเห็นถึงการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ว่า ตอนที่ทางราชการสั่งให้ย้ายก็ให้เหตุผลว่าต้องการขุดลอกคูคลอง ปลูกดอกไม้ให้สวยงาม เพื่ออยากให้คนรวยได้มาเที่ยวอย่างสบาย ได้เห็นสิ่งสวยงาม แต่จะเป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างไรก็ตามก็ควรมีพื้นที่รองรับให้คนจนที่ถูกไล่ออกมาด้วย การถูกสั่งให้ย้ายออกอย่างกระทันหัน พร้อมเงินค่าชดเชยเพียง 35,000 บาท ไม่พอต่อการตั้งต้นชีวิตใหม่

นางวรัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางที่ราชการจะพัฒนาเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวยงามจะทำให้คนจนอีกเป็นจำนวนมากมากที่ต้องย้ายออกจากเมือง และตอนนี้ที่นี่ถือเป็นตัวอย่างให้คนจนในเมือง เพราะเพื่อนๆที่รู้ปัญหาต่างยืนยันว่าถ้าราชการไม่มีเตรียมพื้นที่รองรับใกล้เมือง ให้ทำมาหากินได้เหมือนเดิมก็จะไม่ยอมย้ายออกแน่นอน .
กำลังโหลดความคิดเห็น