รายการคนในข่าว (25 พ.ค.48) ร่วมถกกรณี “เพลงชาติเวอร์ชั่นใหม่!” กับผู้คร่ำหวอดและเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่รู้จริงในเพลงชาติไทย ว่าควรจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ และเอกลักษณ์ของเพลงชาติไทยนั้นควรจะต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง กับแขกรับเชิญ 3 ท่าน คือ “สันติ ลุนเพ” ที่ปรึกษาวิทยาลัยดุริยางค์ศิลป์ ม.มหิดล “ดร.สุกรี เจริญสุข” ผู้อำนวยการวิทยาลัยดุริยางค์ศิลป์ ม.มหิดลค่ะ และ “ณรงค์ฤทธิ์ โตสง่า” นักดนตรีร่วมสมัย หัวหน้าวงดนตรีบางกอกอะคูสติก
รายการคนในข่าว ออกอากาศทาง News 1 เวลา 21.05-22.00 น. ดำเนินรายการโดยจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
จินดารัตน์ – สวัสดีค่ะ คุณผู้ชม ขอต้อนรับเข้าสู่คนในข่าวค่ะ วันนี้กระแสเพลงชาติ 6 เวอร์ชั่นจาก GMM Grammy กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในสังคม คำถามที่ว่าทำไมจะต้องมีการเปลี่ยน เรื่องของทำนอง เรื่องของลีลาในการร้องเพลงชาติ อย่างเดิมไม่ดีหรืออย่างไร วันนี้นะคะเราจะมาคุยกันถึงประเด็นปัญหานี้ และคุณผู้ชมเชื่อหรือไม่คะว่า เพลงชาติที่คุณผู้ชมได้ยินได้ฟังกัน ไม่ใช่เวอร์ชั่นที่แกรมมี่ทำออกมาทั้ง 6 เวอร์ชั่นนะคะ
ไม่ว่าจะเป็นจากสถานีโทรทัศน์แต่ละช่องซึ่งก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่ละหน่วยงานราชการ หรือแต่ละโรงเรียนที่เปิดนั้น เราต่างคนก็ต่างไม่ทราบว่า ตกลงเวอร์ชั่นไหนเป็นเวอร์ชั่นที่เป็นต้นตำรับที่แท้จริงของเพลงชาติไทยกันแน่ วันนี้คุณผู้ชมจะได้รับคำตอบจากรายการของเราแน่นอนค่ะ และเรามาพูดถึงความเหมาะสมในการเปลี่ยนแปลงด้วยว่า มีความจำเป็นแค่ไหน และวันนี้เราควรจะทำเพลงชาติไทยให้เป็น 1 เวอร์ชั่น เป็นเอกลักษณ์เพียง 1 เดียวจำเป็นไหมนะคะ
เราคุยกับผู้รู้ 3 ท่านด้วยกันค่ะ ท่านแรกนะคะ อ.สันติ ลุนเพ นักร้อง นักดนตรีอาชีพ และเป็นที่ปรึกษาวิทยาลัยดุริยางค์ศิลป์ ม.มหิดลค่ะ ท่านต่อมานะคะ ดร.สุกรี เจริญสุข ท่านเป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยดุริยางค์ศิลป์ ม.มหิดลค่ะ และอีกท่านนึงนะคะ อ.ณรงค์ฤทธิ์ โตสง่า นักดนตรีร่วมสมัย และอาจารย์เป็นหัวหน้าวงดนตรีบางกอกอะคูสติกค่ะ อาจารย์คะ สวัสดีค่ะ อ.สันติคะ สิ่งที่ดิฉันเรียนคุณผู้ชมไป ถูกต้องไหมคะ ตกลงว่าเพลงชาติที่เปิดกันอยู่ทุกวันนี้ มันก็ไม่ใช่เป็นต้นฉบับดั้งเดิมที่เราคิดว่าจะเป็น
สันติ – ที่จริงที่เปิดอยู่ทุกวันนี้ ฟังดูมันคล้ายๆกับถูกต้อง
จินดารัตน์ – คือฟังเผินๆ ฟังเหมือนคนทั่วไป มันก็เพลงชาตินั่นแหละ
สันติ – แต่เถียงกันนี่ ผมฟังดูเถียงกันมาหลายวันแล้ว ผมก็ดูฟังข่าวนี่ เถียงกันไปเถียงกันมา ท่านไม่รู้ว่า ที่ท่านฟังอยู่ทุกวันนี่ ทำนองนี่ โน้ตในตัวทำนองนี่ถูกตัดออกไปแล้ว 2-3 แห่ง
จินดารัตน์ – ยังไงคะ มันผิดเพี้ยนหรือว่าอย่างไรคะ
สันติ – ไม่ได้ผิด ไปตัดเขาออก หายไปเลย แล้วก็ได้ทราบว่า มีผู้อ้างว่าเขียนมาใหม่เลยว่า ทำนองที่ร้องเพลงไม่ได้โน้ตตัวนี้เขียนมาใหม่เลย นี่คือร้อง แล้วก็นี่คือดนตรี แต่ผมว่าคุณพระเจนดุริยางค์ประพันธ์เพลงนี้มา โน้ตตัวนี้ที่ท่านใส่เข้าไปนี่ มีความหมายที่ท่านต้องการให้เอื้อนลง ไม่ใช่อยู่ดีๆเป็นลูกล้อลูกเล่น
จินดารัตน์ – เพื่ออะไรคะ อาจารย์
สันติ – เพื่อความสง่างามของเพลง เพราะฉะนั้นคนที่ตัดออกนี่ ผมไม่ทราบว่าจะด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือว่าด้วยเหตุผลกลใดผมไม่ทราบ
จินดารัตน์ – ในกระดาษโน้ตเพลงนี้ดิฉันเห็นว่าหายไปทั้งหมด 4 ตัวโน้ตด้วยกัน
สันติ – ไม่ใช่ 4 ตัวโน้ต หายไป 2 ตัวโน้ต เปลี่ยน 1 ตัวโน้ต แล้วก็ไปเมื่อกี๊นี้ผมได้ยินอยู่เวอร์ชั่นนึงที่เด็กร้อง เวอร์ชั่นสุดท้ายน่ะ อันนั้นเขาร้องถูกบอกว่าเป็นชาติพลี แต่ที่ร้องทุกวันที่บอกว่าเป็นว่า เป็นชาติ พะ-ลีนี่มันไม่ค่อยถูกนัก คราวนี้ผมขอย้อนไปนิดนึง เพลงชาติในนี้ เมื่อโบราณขณะที่คุณพระเจนดุริยางค์ยังมีชีวิตอยู่นี่ ท่านก็ทำเทปออกมา ทำแผ่นเสียงออกมา นักร้องสมัยนั้น สมัยจะเป็นกองทัพอากาศ หรือเป็นกองทัพบกหรืออย่างไรก็ไม่ทราบก็ร้องออกมา ถูกต้องตามโน้ตทุกอย่าง ถ้าเผื่อท่านไม่ชอบ มันผิดไม่ดี ท่านเปลี่ยนตรงนั้นแล้ว ท่านเปลี่ยนแล้ว แต่ท่านไม่เปลี่ยน คุณหลวงสารานุประพันธ์ท่านก็ฟังอยู่ ไม่เปลี่ยน ถูกต้อง คุณหลวงสารานุประพันธ์ก็เก่งเหลือกำลังในภาษาไทย คุณพระเจนดุริยางค์ก็เก่งในทางดนตรี ท่านมีเชื้อเป็นเยอรมัน เพราะฉะนั้นเพลงชาตินี้ ที่ท่านประพันธ์ออกมานี่ จึงมีลวดลาย ความสวยงาม ความไพเราะเป็นระดับโลก
จินดารัตน์ – งั้นต้องเรียนถามอาจารย์สุกรีว่า ความสวยงาม ความสง่างามในเพลงชาติไทยในทำนองเดิมๆ ที่ถูกเปลี่ยนแปลงตัวโน้ต ทั้งหมดนี้นะคะที่อาจารย์สันติมาให้เราดู ความสวยงาม ความแตกต่าง มันแตกต่างไปยังไง อาจารย์ช่วยอธิบายนิดนึงค่ะ
ดร.สุกรี – คือคนที่ร้องเขาร้องไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าที่ถูกเป็นยังไง เมื่อไม่รู้นี่ก็เขาทำผิด ความเห็นผมก็คือ จริงๆแล้วเขาไม่เก่งพอที่จะทำอะไรผิดๆ คือต้องทำถูกสถานเดียว แต่ทีนี้เพลงชาตินี่มันเป็น มันเหมือนเจดีย์ภูเขาทองน่ะ เพราะฉะนั้นเรามีหน้าที่ไปขีดสีฉวีวรรณได้ ทำความสะอาดได้ บูรณะได้ แต่เราเปลี่ยนไม่ได้ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองนี่คุณเปลี่ยนได้หรือเปล่า จะบอกว่าสังคมเปลี่ยน อะไรเปลี่ยน เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จักศาลเจ้าพ่อหลักเมือง คุณไปเปลี่ยนได้หรือเปล่า มันเปลี่ยนไม่ได้ มันเป็นโบราณสถาน โบราณวัตถุ มันศักดิ์สิทธิ์ ความศักดิ์สิทธิ์นี่มันเปลี่ยนไม่ได้
จินดารัตน์ – แต่อาจารย์คะ อย่างบริษัทแกรมมี่เขาให้เหตุผลบอกว่า เอาล่ะ ทางหน่วยงานภาครัฐ กระทรวงกลาโหมนี่ ได้มอบหมายให้เขาทำ ถ้าจะมองว่าเป็นการบูรณะ เป็นการไปปัดฝุ่นใหม่ เป็นการเรียบเรียงใหม่ อย่างนี้ได้ไหมคะ อาจารย์ ไม่ได้ไปเปลี่ยนเนื้อเพลง ไม่ได้ไปเปลี่ยนทำนอง ดิฉันพูดถูกไหมคะ
ดร.สุกรี – มันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้นะ คือคนมีสิทธิทำอะไรได้ทั้งนั้น แต่ทำเพื่ออะไร แต่ถ้าทำเพื่อเพราะว่าจะเปลี่ยนแปลงให้มันดีขึ้น ทำรักษาให้ดีขึ้นก็ทำได้ แต่ทำแล้ว บูรณะแล้วนี่มันทำลายของเก่านี่ แต่การทำลายโดยที่เขาไม่รู้นี่ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์นี่ ผมไม่อยากใช้คำว่าด้อยสติปัญญานะ แต่เราก็โทษเขาไม่ได้ เพราะว่าเขาก็รู้แค่นั้นน่ะ ณ เวลานั้น ขณะนั้น เขารู้แค่นั้น
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ รู้แค่นั้นในความหมายของอาจารย์ เหมือนกับว่า ก็คือเขาไม่รู้นั่นแหละ
ดร.สุกรี – เขาไม่รู้ จะว่าเขาผิดไหม ตัวเขาก็ไม่รู้ว่ามันผิด คนรู้ไม่มีโอกาสได้บอกนะครับ คนไม่รู้มีโอกาสทำ อันนี้คือปัญหาประเทศไทย แล้วเป็นปัญหาต่อไปว่า การศึกษาถ้าหากประเทศไทยไม่สามารถบอกได้ว่า เพลงชาติของตัวเองที่ถูกที่ผิดเป็นอย่างไร อนาถไหม ผมว่าอนาถมากนัก อยู่ที่ระบบการศึกษา การศึกษานี่ไม่สามารถสอนแม้แต่เพลงชาติของตัวเองว่า ที่ถูกที่ผิดคืออะไรนี่ อันนี้เป็นความอนาถ และผมว่าบอบช้ำและชอกช้ำของกระทรวงศึกษาธิการด้วย
จินดารัตน์ – อาจารย์ณรงค์ฤทธิ์คะ ลูกศิษย์ลูกหา อาจจะเป็นเด็กๆวัยรุ่นสมัยใหม่นี่นะคะ หรืออาจจะเป็นเด็กเล็กๆ อาจารย์เคยถามเรื่องเพลงชาติไทย หรือว่าอาจจะให้เป็นเพลงบรรเลงเป็นเพลงจากดนตรีไทย เครื่องดนตรีไทย เด็กๆเขารู้ไหมคะ ว่าตกลงว่าร้องเวอร์ชั่นที่ถูกต้อง ที่เป็นต้นฉบับนั้น มันคือตรงไหน เพลงไหนอย่างไร เขาทราบกันไหมคะ
ณรงค์ฤทธิ์ – ผมพูดจริงๆเลยนะครับ ผมก็เหมือนกับ ผมก็เกิดไม่ทันพระเจนเหมือนกัน ผมก็เหมือนกับอาจจะรู้ไม่จริงเหมือนกัน ถ้าผิดตรงไหนผมก็ต้องผิดตามด้วย สิ่งที่ผมอยากจะบอกว่า ผมเพิ่งได้รับความรู้จากครูสันติเมื่อกี๊นี้เองว่า ผิดจุดไหน ปกติผมก็ไม่รู้จริงๆนะครับ อาจจะมีผิดบ้าง เพราะมันเป็นอะไรที่ละเอียด
จินดารัตน์ – ไม่เคยมีใครบอก ภาครัฐไม่เคยออกมาบอก
ณรงค์ฤทธิ์ – ไม่เคยมีใครบอก บางครั้งก็อาจจะผิดนิดๆหน่อยๆคิดว่าไม่เป็นไรมั้ง ไม่สำคัญมั้ง คงนิดๆหน่อยๆ พอผิดปุ๊บเราจะกล้าวิจารณ์ไหม เป็นเพลงชาติ คำว่าเพลงชาตินี่ไม่ใช่เพลงคุณสุชาติ ไม่ได้เพลงของนางสาวปาริชาติ มันเป็นของคนทั้งชาติ ถ้ารู้ไม่จริงผมก็ไม่กล้าพูด ถ้าอย่างครูสันตินี่ถือว่าเป็นผู้รู้ครับ คือผมเด็กๆก็ได้ยินเพลงปลุกใจจากครูเขานี่แหละ ก็จำเสียงได้ นั่งฟังก็ขนลุก เพราะท่านมีเพาเวอร์และรู้จริงด้วย ผมคิดว่าถ้าจะทำนะครับ ควรทำในสิ่งที่ถูกอย่างที่อาจารย์สุกรีบอก คือทำให้มันถูกต้องเลย เพลงชาติ
จินดารัตน์ – คือเอาผู้รู้มาเลย คนที่รู้จริงๆนะคะ
ณรงค์ฤทธิ์ – ทำไมไม่ปรึกษาคนที่เป็นผู้รู้อย่างนี้ ถ้าเป็นผม ถ้าผมเป็นจะให้คนทำนะครับ ผมคิดว่าผมต้องเสาะหาคนที่รู้จริงก่อน แล้วผมจะให้เขาทำ ไม่ให้ทำก็ได้ แต่ผมปรึกษาครูสันติ จริงๆแล้วเพลงชาติถ้าผมคิดตรงนี้นะครับ ไม่ต้องทำอะไรมากหรอกครับ ให้ครูสันติไปร้องคนเดียวก็พอแล้ว
จินดารัตน์ – เป็นเพลงที่ทุกงานและทุกสถานที่ใช้ได้ และเป็นเอกลักษณ์
ณรงค์ฤทธิ์ – และก็อีกอย่างหนึ่ง ผมฟังว่า เพลงชาติถูกผิดนิดหน่อยอาจจะไม่มีใครรู้ ผมเองก็บางช่วงก็ไม่รู้จริงๆ ทีนี้ที่ฟังออกมาแล้วนี่ ผมไม่เคยฟังนะครับ อยากจะฟังเต็มๆทั้ง 6 เวอร์ชั่นด้วย แต่ก็ฟังนิดๆหน่อยๆคร่าวๆว่า เพลงชาติมันควรจะทำซักทีหนึ่งก็ดีเหมือนกัน แต่ขอทำเป็นเวอร์ชั่นเดียวแล้วกัน
จินดารัตน์ – ไหนๆก็พูดกันถึงเรื่องนี้แล้ว ไหนๆก็จะเอาไปให้คนโน้นคนนี้ทำแล้ว มาล้างไพ่กันใหม่ มาทำกันใหม่
ณรงค์ฤทธิ์ – ใช่ ทำให้เวอร์ชั่นเดียว ให้ถูกต้อง และก็ควรจะเข้มแข็งเหมือนที่ครูเขาร้อง เพลงชาติมันต้องเข้มแข็งเป็นหนึ่งเดียวด้วย เพลงชาติชาติเดียวจะเรียบเรียงเป็นหลายเวอร์ชั่น มีคนก่อนหน้าก็ถามอย่างนี้ ทำไมอาจารย์เอาค้างคาวกินกล้วยไปทำหลายเวอร์ชั่นได้ล่ะ มันไม่ใจแคบไปหน่อยหรือ อ้าว ก็ค้างคาวกินกล้วยฟังแล้วมันไม่ต้องยืนตรงนี่ครับ แต่เพลงชาติฟังแล้วทุกคนต้องยืนตรง
จินดารัตน์ – ต้องเรียกอย่างที่อาจารย์สุกรีบอกว่า ค้างคาวกินกล้วยไม่ใช่ของศักดิ์สิทธิ์
ณรงค์ฤทธิ์ – ใช่ครับ ต้องยืนตรง ต้องทำความเคารพ แล้วอีกอย่างนึงผมบอกว่า ประเด็นหลักเพลงชาติ รวม คำว่ารวมเลือดเนื้อเป็นชาติเชื้อไทย ทุกคนต้องรวมใจกันนะครับ ถ้าแกรมมี่ทำ อาร์เอสก็ต้องทำด้วย โซนี่มิวสิคก็มีสิทธิทำเหมือนกัน แล้วคนที่รู้จริงๆอย่างครูสันติไปไหน
จินดารัตน์ – แกรมมี่รู้จริงหรือเปล่า ไม่มีใครตอบได้ พอทำออกมาคำตอบก็คงจะอยู่ในเพลงแล้วใช่ไหมคะ อันนี้แต่ว่าคือต้องเรียนถามอาจารย์ทั้ง 3 ท่านก่อนว่า ก่อนที่เราจะไปดูว่า เราจะทำเพลงชาติที่เป็นเอกลักษณ์จริงๆขึ้นมาเพียงแต่ 1 เวอร์ชั่นเท่านั้น แต่ถามจริงๆค่ะว่า หลายคนมีคำถามอยู่ในใจว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมกระทรวงกลาโหมอยู่ๆก็มาบอกมอบหมายให้แกรมมี่ บริษัทแกรมมี่นี่นะคะ เป็นบริษัททำเพลงวัยรุ่นสมัยใหม่นี่ เอาไปทำเพลงชาติมาใหม่ เวอร์ชั่นไหนก็ได้ เกิดอะไรขึ้นคะ อาจารย์สุกรีคะ
ดร.สุกรี – คุณต้องไปถามกลาโหม มาถามผม ผมตอบไม่ได้
จินดารัตน์ – อาจารย์พอจะเดาใจได้ไหมคะ ว่ามันอะไร มันคืออะไร
ดร.สุกรี – อย่าให้ผมเดาเลย ผมไม่รู้เลย
ณรงค์ฤทธิ์ – ผมว่าเขาอาจจะหวังดีก็ได้ เห็นว่าที่มีอยู่นี่มันไม่ทันสมัย หรือล้าสมัยเกินไป อย่างอื่นมันทันสมัยหมดแล้ว แต่ว่าเพลงชาติมันเหมือนกับว่า มันก็มองได้อีกมุมหนึ่ง แต่ว่ามุมของผมจะมองว่า ความขลังมันอยู่ตรงนี้นะ มันก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ เพลงชาติจำเป็นต้องทันสมัยไหมคะ
ณรงค์ฤทธิ์ – ผมว่าจำเป็นต้องเข้มแข็งมากกว่า
ดร.สุกรี – สมัยนี่มันเปลี่ยน เวลากาลเวลาเปลี่ยน ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเปลี่ยนไหมครับ ใช่ไหม สมมุติว่าเกิดระเบิดปรมาณู คนตายหมดเหลืออยู่คนนึง คนๆนั้นวิ่งมาหาศาลเจ้าพ่อหลักเมือง บอกศาลยังอยู่ ประเทศฉันยังอยู่นะ ไปหาตอไม้บอกตอไม้ยังอยู่นี่ได้ไหม แทนศาลเจ้าพ่อหลักเมืองได้หรือเปล่า มันไม่ได้ เพราะฉะนั้นกาลเวลาเปลี่ยนนี่ ความศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง เหมือนพระสวดนะโมตัสสะ คุณเปลี่ยนได้ไหม คุณเปลี่ยนไม่ได้ เรื่องบางเรื่องมันเปลี่ยนไม่ได้ เพราะมันเป็นความศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นชาติไปแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เนี่ย มันเป็นคำตอบด้วยตัวมันเองนะครับ เพราะฉะนั้นการที่จะไปเปลี่ยน บางอย่างเปลี่ยนได้ บางอย่างเปลี่ยนไม่ได้ แต่ว่าความเป็นชาติ ในกรณีที่ว่าทำหลายเวอร์ชั่น ถามว่าประเทศไทยมีหลายประเทศไหมล่ะ มี 6 ประเทศไหมล่ะ เมื่อมีประเทศเดียวนี่มันก็ควรจะมีเวอร์ชั่นเดียว อันนี้คำตอบง่ายๆ Simple ที่สุดเลย
จินดารัตน์ – แต่หลายคนเขาบอกว่าอย่างนี้นะคะว่า เขาบอกว่าไปเมืองนอก อย่างที่สหรัฐอเมริกาเอง อย่างงานการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล เขาก็จะมีเพลงชาติของอเมริกาที่เป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง ก็เอาไว้เปิดงานนี้งานเดียว แล้วทำไมแกรมมี่จะทำไม่ได้ เอาไว้เปิดในงานลีลาศ เอาไว้เปิดในโรงเรียนประถมที่เป็นเสียงเด็กร้อง
ดร.สุกรี – เดี๋ยวนะครับ อันนี้ 1. เราเริ่มต้นด้วยการเลียนแบบชาวบ้านถูกหรือเปล่า เมื่อไหร่จะเป็นตัวของตัวเองบ้าง 2. เข้าใจผิดว่าอเมริกามีหลายเวอร์ชั่น ที่เขาร้องตามงานต่างๆเป็นเพลงเฉพาะกิจนะ คือเหมือนกับเราร้องเพลงชาติในห้องน้ำส่วนตัว คือร้องในงานนั้นเพื่อวัตถุประสงค์ของชิ้นนั้น
จินดารัตน์ – แต่ไม่ได้เป็นต้นแบบ
ดร.สุกรี – ไม่ใช่ต้นแบบ
ณรงค์ฤทธิ์ – ถ้าท้าวความนิดนึง ผมจำได้ว่าจะเป็นการเรียบเรียงเสียงประสาน มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีการชกมวยในเมืองไทย แล้วผมจำได้ว่ามีคุณเล็ก คาราบาว 1 คนละ เป็นแบบอเมริกาเลย ไม่มีดนตรี ตอนที่ผมไม่แน่ใจว่าเขาทราย หรือสด เป็นเพลงชาติแล้วร้องเป็นประสานเสียงล้วนๆเลย แล้วมีเป็นตอนสุดท้ายเอื้อนไชโยเสียงยาวมากๆ เท่านั้นแหละครับโดนด่าเพียบผมจำได้เลย โดนว่า ติมากๆ ขนาดว่านั่นเป็นเฉพาะกิจนะครับ เคยอ่านเจอด้วยว่าแค่คิดก็บาปแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าใครเขียน ไม่รู้ว่าใครเขียน
สันติ – คือต้องเข้าใจก่อนว่า เราอย่าไปพูดถึงอเมริกาอะไรต่ออะไร ผมเองเคยไปร้องเพลงชาติให้คนอเมริกันฟังมาแล้ว สิ่งที่กลับมาก็คือพอร้องจบแล้ว มีนายทหารแก่ๆคนหนึ่งมาจับมือผม ถามบอกมาจากไหน ผมก็บอกว่ามาจากประเทศสยาม ถามว่าสยามไหน ประเทศไทย เขาบอกว่าคุณควรจะมาอยู่ที่อเมริกา แล้วสอนให้คนอเมริกัน ร้องเพลงชาติอเมริกันอย่างคุณร้อง เพราะอะไร ทุกวันนี้เพลงชาติอเมริกันทำนองเป็นอย่างไรไม่รู้ ไม่รู้อะไร พวกแร็พ พวกอะไรมาร้องเสียเลอะไปหมด
จินดารัตน์ – เพราะฉะนั้นลักษณะเพลงชาติที่ควรจะเป็น ควรจะเป็นอย่างไรคะ
สันติ – ก็ควรจะเป็นอย่างที่ทำนองที่เขาแต่งมาอย่างถูกต้อง อย่างเพลงชาติไทยน่ะ คุณพระเจนดุริยางค์แต่งมานี่ ท่านแต่งมาเพื่อเป็นผลงานคลาสสิกของท่าน เพราะฉะนั้นในเมื่อเป็นผลงานคลาสสิก ท่านเป็นคนคลาสสิก สไตล์ของท่านก็คือเป็นยุโรป แน่นอนในเมื่อคำว่าคลาสสิกนี่คุณต้องเข้าใจให้ลึกซึ้ง ที่เถียงกันไปเถียงกันมานี่ ผมว่ายังไม่ลึก ลึกจริงๆเข้าไปเขาจะรู้ เพลงคลาสสิกนี่ 300 ปีทุกวันนี้มาฟังยังสมัยใหม่ เล่นเมื่อไหร่ก็สมัยใหม่ไม่มีเปลี่ยน แล้วคนที่เล่นก็ไม่กล้าเอาไปเปลี่ยนเขา นอกจากอาจจะมีเปลี่ยนทำนองนิดหน่อยไม่ว่ากัน แต่คนก็ไม่เปลี่ยน คนที่เล่นบรรเลงอะไร แต่คนร้องโอเปร่าก็จริงเขาไม่เปลี่ยน เพราะเขาถือ คนที่เปลี่ยนทำนองตัดโน้ตตัดอะไรนี่ คนในวงการคลาสสิกเขาถือว่าเสียมารยาทอย่างที่สุด แต่เขาไม่พูด
จินดารัตน์ – เพราะฉะนั้นแต่ว่าเพลงชาติไม่ว่าจะชาติใดก็แล้วแต่ แต่ถ้าเป็นเพลงชาตินี่นะคะ พอร้องออกมาแล้ว จะให้ความรู้สึกปลุกใจ จะให้ความรู้สึกเหมือนกับทำให้เรารักชาติ อันนี้จำเป็นไหมคะ
สันติ – แน่นอน จำเป็นครับ ก็เวลานักมวยบนเวทีมันชกน่ะ ฟิลิปปินส์มาบ่อยๆแล้วมาถึงต้องมีเพลงชาติไทย กับฟิลิปปินส์ เพลงชาติไทยก็เปิดเพลงไทย และก็ฟิลิปปินส์เขาก็มีเวอร์ชั่นของเขาจริงๆ เป็นทำนองเลยเขาบรรเลง แล้วนักมวยก็จะร้อง
ดร.สุกรี – คือประเด็นนี่ ถ้าเราฟังเพลงชาติแล้วนี่ 1. ถ้าเรารู้สึกภูมิใจนะครับ มีความภูมิใจ มีความเชื่อมั่น แล้วมีความรู้สึกยิ่งใหญ่ นี่ประเทศฉันนะ แล้วในกรณีที่ว่าคลาสสิกนี่ ไม่ได้แปลว่าเป็น Classical Music อย่างเดียวนะ คำว่าคลาสสิกนี่แปลว่าหนึ่งเดียว เพลงนี้เป็นตัวแทนฉัน และก็ที่สุดด้วยความที่สุด คนร้องๆดีที่สุด คนเล่นๆดีที่สุด คนเขียนงามที่สุด คำว่าที่สุดเหล่านี้มันประกอบทั้งหมดขึ้นเป็นเพลงชาติ ถามว่าถ้าเราฟังเวอร์ชั่นต่างๆ ถามว่า 1. ภูมิใจไหม เชื่อมั่นไหมว่าฟังแล้วนี่ ถ้าร้องเพลงชาตินี้ขึ้นชกมวย ถามว่ามันก็แพ้ตั้งแต่นักมวยเรายังไม่ขึ้นชกเลย แล้วที่สุดหรือเปล่า เมื่อไม่ใช่ที่สุดนี่มันไม่ได้หรอก แต่ถ้าร้องเพื่อความสุขส่วนตัวก็ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอก
จินดารัตน์ – ก็นั่นก็จะเป็นแล้วแต่วาระโอกาส คุณจะร้องที่ไหนมันก็อีกเรื่องหนึ่ง
ดร.สุกรี – ใครจะทำเพลงชาติกี่เวอร์ชั่นก็ได้ แต่ตราบเท่าที่ไม่เป็นของชาติ คุณทำบันทึกเสียงเพลงชาติส่วนตัว คุณร้องที่บ้าน ฟังที่บ้าน ให้ลูกฟังก็ได้ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย แม่ผมจะร้องเพลงชาติอย่างไรก็เรื่องของแม่ผมน่ะ แต่ว่ามันไม่ใช่เป็นตัวแทนของชาติ
จินดารัตน์ – มันไม่ใช่หนึ่งเดียว
ดร.สุกรี – เพราะฉะนั้นคนที่ร้องเพื่อชาตินี่มันต้อง The Best เพราะฟังแล้วบอกได้ว่าประเทศนั้นเจริญหรือไม่เจริญ
จินดารัตน์ – แสดงว่าเราพลาดตั้งแต่แรกแล้ว เราไม่มีหนึ่งเดียวเลยตอนนี้ เราก็ต้องยอมรับใช่ไหมคะ อาจารย์
ดร.สุกรี – ผมไม่ยอมรับ คนที่เก่งที่สุดในประเทศไทยต้องมีน่ะ
จินดารัตน์ – แต่ว่าวันนี้ที่เปิดตามสถานีโทรทัศน์ หรือว่าร้องกันตามโรงเรียน เปิดกันในงานโน้นงานนี้ ก็ไม่รู้ว่าอันไหนเป็นหนึ่งเดียว เป็นเอกลักษณ์จริงๆ วันนี้เราควรเริ่มกลับมาคิดทบทวนเรื่องนี้ไหมคะ อาจารย์
ดร.สุกรี – เราคิดได้ แต่เราทำได้หรือเปล่า เพราะเราไม่มีอำนาจอะไรที่จะทำนี่
จินดารัตน์ – คนรู้ไม่มีอำนาจ คนไม่รู้แต่มีอำนาจ ถูกไหมคะ อาจารย์
ดร.สุกรี – คนไม่รู้ไม่ชี้มากเกินไป คนไม่รู้แล้วชี้มีมากพอสมควร คนรู้แล้วชี้นี่มีน้อยแต่ไม่ชี้อีก คือก็หลบมุมไม่อยากยุ่งก็มีเยอะแยะไป แต่จะบอกประเทศนี้แบบกรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดีน่ะ แต่กรุงศรีอยุธยามาทีไรกรุงแตกทุกที มันมาตอนกรุงแตก แต่สำหรับผมในกรณีนี้ๆนี่ ในกรณีเพลงชาตินี่ ผมดีใจนะว่าได้มีการทำเกิดขึ้น เพราะว่าอย่างน้อยที่สุดเราจะได้เห็นว่าประเทศไทยคนรักชาติ
จินดารัตน์ – เป็นการสัดความรู้สึกคน
ดร.สุกรี – จริงๆเพลงชาติสำหรับส่วนตัวผมนะ เป็นเพลงเล็กๆนะ แต่ว่ามันสำคัญมามากๆ เป็นเพลงเล็กที่ยิ่งใหญ่ แต่วันนี้เพลงชาติสามารถวัดความรู้สึกของคนในชาติได้ว่า คนไทยมีความรู้สึกเกี่ยวกับชาติยังไง นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ผมเล่าเรื่อยเปื่อยซักนิดนึง ผมกลับมาจากต่างประเทศนี่ ผมไปสอนเด็กมหาลัยนี่ สอนปั๊บนี่มันไม่สนใจเลย บีโธเฟน โมสาร์ทนี่ ผมถามตัวเองว่าผมรู้จักเพลงชาติไหม ไม่รู้หรอก ไม่รู้ก็กลับไปเขียนหนังสือเรื่องเพลงชาตินี่เมื่อปี 2530 แล้วผมก็ยังขำตัวเอง ผมเขียนแล้วไม่มีใครอ่านเลยซักคน จนกระทั่งถึงวันนี้นะ 20 ปี คนก็มีหาเล่มนี้ ตลกไหม ผมเริ่มต้นจากไม่รู้อะไรเลย แล้วก็ค้นคว้า เลยกลายเป็นว่าสิ่งเหล่านี้หญ้าปากคอก ในที่สุดก็กลับไปที่เดิมที่ว่า มันน่าอนาถที่ว่าการศึกษาไทย ไม่สามารถบอกได้ว่าเพลงชาติตัวเองผิดหรือถูก
จินดารัตน์ – ชัดเจนค่ะ อาจารย์ อาจารย์ณรงค์ฤทธิ์ล่ะคะ ถ้าหากถามว่าอย่างเหตุผลที่ทางบริษัทแกรมมี่ทำมา 6 เวอร์ชั่น เขาบอกว่าบางเวอร์ชั่นเอาไปเปิดในงานลีลาสก็จะเป็นประสานเสียงไพเราะ นุ่นนวล อีกเวอร์ชั่นนึงให้เด็กๆร้อง เพื่อที่จะไปเปิดในโรงเรียนประถม อาจารย์คิดว่าถ้าหากว่าเอาเวอร์ชั่นที่คิดว่าเป็นหนึ่งเดียว อย่างสมมุตินะคะ ยกตัวอย่างเอาเสียงอาจารย์สันติไปร้องนี่ ปลุกใจ มีอารมณ์ร่วม กับอีกเวอร์ชั่นนึงที่แกรมมี่ทำเป็นเด็กๆร้อง ถ้าวัดใจกันแล้ว เวอร์ชั่นไหนอย่างไร เด็กๆจะสนใจ และมีความรู้สึกร่วมกับเพลงชาติมากกว่ากัน
ณรงค์ฤทธิ์ – วัดด้วยความสนใจ ผมว่าความสนใจในเพลงชาตินั้นไม่ต้องวัดครับ ทุกคนต้องสนใจ ถ้าคุณได้ยินเพลงชาติแล้วคุณไม่ยืนตรง อาจจะโดนจับก็ได้นะ ผมว่าอะไรก็ได้ให้มันดูขลัง ฟังแล้วมันมีพลัง นี่แหละคือพลังของชาติไทย ต้องสร้างความรู้สึก ไม่ใช่เพลงชาติเด็กร้อง เหมือนกับว่าให้เด็กร้อง เด็กจะได้ฟัง ไม่ใช่ของเด็กเล่น
ดร.สุกรี – คือจริงๆนี่ เพลงชาติที่เขาทำมานี่มันใช้ได้เหมือนกัน สำหรับสอนเด็กให้มีความสนใจ ว่าด้วยค่านิยมของเพลงชาตินะ แต่ว่าสุดยอดของเพลงชาติจริงๆเป็นเรื่องรสนิยมนะ ไม่ใช่เรื่องค่านิยมนะ
จินดารัตน์ – ค่านิยมกับรสนิยมไม่เหมือนกันนะคะ อาจารย์
ดร.สุกรี – ค่านิยมก็คือสร้างให้ความนิยม สร้างค่าขึ้นมาให้เกิดความนิยม การที่จะเอาเวอร์ชั่นต่างๆไปให้คนต่างๆฝึกร้องเพลงชาตินี่ ก็ว่าไปเถอะ แต่ว่าอันนี้เราพูดถึงจุดสุดยอดของประเทศไทยนี่นะ เราต้องพูดเรื่องรสนิยมสถานเดียว
จินดารัตน์ – เอาล่ะ อาจารย์คะ แต่ว่าแกรมมี่เขาทำมานี่ เพื่อให้ทางหน่วยงานภาครัฐเลือก 1 เวอร์ชั่นที่จะเป็นเอกลักษณ์นะคะ แล้ววันนี้เขาออกมาแถลงข่าวตลอดเวลา วันสองวันที่ผ่านมา เขาบอกว่าหมดหน้าที่ของเขาแล้ว แกรมมี่เขาบอกหมดหน้าที่แล้ว ทำออกมาโดยอิงจากการนำไปใช้งานในกาลเทศะที่แตกต่างกัน ซึ่งก็แล้วแต่ทางภาครัฐว่าจะเลือกใช้หรือไม่ ส่วนเนื้อร้องและทำนองนั้นคงเดิม เพียงแต่มีการอัดเสียงใหม่
ดร.สุกรี – ความจริงเขาพูดถูกนะ คือเขาทำได้แค่นั้น ทีนี้คนเลือกต่างหาก ถ้าเลือกด้วยความไม่รู้ แล้วเอาความไม่รู้เหล่านี้กระจายไปสู่ปวงชน ค่านิยมอันนั้นก็จะเป็นค่านิยมผิดๆ
จินดารัตน์ – ก็จะไม่รู้กันทั้งประเทศ
ดร.สุกรี – คนที่ความรู้เขาฟัง มันอายเขา
จินดารัตน์ – ถ้าฟังเวอร์ชั่น 1 นะคะ ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นแบบเป็นทางการ ปลุกใจสร้างพลังรักชาติ อาจารย์สันติฟังแล้วคิดว่ายังไงคะ
สันติ – ทำไมนะ แปลกแท้ๆเลย ทำไมผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรานี่ มองข้ามคนเก่งๆ คนที่เขาเก่งจริงๆ อย่างเช่นผมยกตัวอย่าง ท่านอาจารย์ พล.ร.ต.วีระพันธ์ วอกลาง ท่าน พล.ร.ต. หม่อมหลวงอัสนี ปราโมช ซึ่งตอนนี้ท่านไปอยู่ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท อาจารย์วีระพันธ์นี่ใกล้ชิดกับในหลวง และทำงานให้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นปีๆ แล้วรู้เรื่องเพลงคลาสสิกทั้งหมด ทำไมคนที่ดีๆอย่างเช่นอาจารย์สุกรี อาจารย์ชูชาติ อาจารย์ทั้งหลายซึ่งเป็นเจ้าของสถาบันต่างๆ ทำไมไม่เชิญมา แล้วก็มาพูดให้ทำพวกนี้ เพลงชาติไม่ใช่บริษัทที่ทำเทปขายกันอยู่นะครับ คนละเรื่อง
จินดารัตน์ – สรุปแล้วฟังเวอร์ชั่นแรก ปลุกใจได้ไหมคะ อาจารย์
สันติ – ฟังมันก็เหมือนปลุกใจแหละ แต่ฟังแล้วผมบอกแล้วว่าทำนองมันไม่ถูกอย่างนี้ ตัวคนร้องเองก็ไม่รู้ บริษัทแกรมมี่เองก็ไม่รู้ว่านี่มันผิด ถูกตัดไปไม่รู้
จินดารัตน์ – อาจารย์ณรงค์ฤทธิ์ล่ะคะ ฟังแล้วปลุกใจได้ไหมคะ แบบนี้ ในความรู้สึก
ณรงค์ฤทธิ์ – เวอร์ชั่นนี้ในความรู้สึกผมก็ยังพอรับได้อยู่ มีความเข้มแข็งอยู่ แล้วความผิดความถูกก็ต้องชี้ชัด ก็ยังรับได้ว่าเข้มแข็ง แต่ว่าก็ยังมองอีกมุมหนึ่งนะครับว่า เหมือนกับคล้ายๆกับอาจารย์ที่บอกว่าไม่ถูกต้อง แล้วก็ปรากฏว่าเหมือนกับที่จะตั้งไม่ตั้งไปนั่ง ที่จะนั่งไม่น่าเอาไปตั้ง คือลักษณะของคนที่ร้องเพลงนี่แหละครับ โดยวิธีการร้องไม่ต้องครับ เอาแค่ชื่อก็รู้แล้วว่าใครควรร้อง
จินดารัตน์ – ความเชื่อมั่นในน้ำเสียง และตัวศิลปินเอง ถูกไหมคะ อันนี้มีส่วนใช่ไหมคะ อาจารย์
ณรงค์ฤทธิ์ – ใช่ มีส่วนครับ ถึงจะมองในภาพมันก็จะออกเป็น
จินดารัตน์ – ถึงจะร้องเพลงชาติแต่ก็นึกถึงคุณเสก โลโซ ถือกีต้าร์ตัวนึง แล้วก็โยกหัวผมหยิกๆนิดหน่อยอะไรอย่างนั้นหรือเปล่าคะ
ณรงค์ฤทธิ์ – ใช่ครับ
สันติ – คือที่ผมพูดไปเมื่อกี๊นี้ ที่เอาผู้รู้มานี่ ไม่จำเป็นจะต้องเอาผมไป ผมไม่ต้องก็ได้ เอาคนรู้เขาทำ คนรู้อย่างที่ผมบอกไปนี่ ทำไมไม่ไปเชิญเขามา ท่านรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม ท่านมาพูดเมื่อเช้า ท่านพูดเก่ง ท่านดึงตัวท่านออก คือพูดแบบคนไม่รู้ ถูกต้องท่านไม่รู้ เพราะเมื่อเพลงผมบอกแล้วไง เพลงชาตินี่ถือเป็นเพลงคลาสสิก คลาสสิกที่ท่านอาจารย์สุกรีอธิบาย ไม่ใช่เพลงคลาสสิกโอเปร่าไม่ใช่ เป็นเพลงคลาสสิกชิ้นนึงของท่านอาจารย์
จินดารัตน์ – ถ้าฝรั่งเขาบอกก็เป็น Masterpiece
สันติ – Masterpiece ตั้งแต่พระเจนดุริยางค์ เพราะฉะนั้นจึงถือว่าเราจะต้องพยายามร้องให้ถูก อย่าไปพูดว่ามันยากแล้วตัดออก ในโลกนี้เขาไม่ทำกัน ยากแล้วตัดออก ลดคีย์ลงอะไรอย่างนี้ ทำให้มันดีไม่ว่า แต่ทำนองขอให้ถูก ทุกวันนี้ท่านพูดตลอดเวลาว่าท่านทำถูกต้อง ไม่ได้เปลี่ยนไม่ได้อะไร แต่ท่านไม่รู้ บริษัทแกรมมี่เองก็ไม่รู้ ท่านถูกเปลี่ยนไปแล้วโดยไม่รู้ตัว
จินดารัตน์ – ก็คิดว่าอันนั้นถูกต้องแล้ว ที่ทำออกมา
สันติ – แต่ความจริงแล้วมันถูกตัดไปนี่ ถูกเปลี่ยนไป 4 แห่ง โน้ตถูกตัดไป 2 ตัว เปลี่ยนไป 1 ตัว แล้วก็ตอนสุดท้ายโดยที่ไม่รู้ ยังคิดว่าถูก
จินดารัตน์ – ดิฉันคิดว่าคุณผู้ชมทางบ้านหลายคน เกือบจะทั้งหมดแหละค่ะ คงจะมีความรู้สึกว่าเพิ่งจะได้ทราบความจริงวันนี้
สันติ – นี่แหละความจริง เรียนนิดนึงนะครับ ทั้งหมดนี่เมื่อนักร้องรุ่นคุณพระเจนดุริยางค์ยังมีชีวิตอยู่ เขาร้องไว้ ผมมีโอกาสได้ไปไหว้ท่านครั้งเดียว แล้วก็ท่านกำลังไม่รู้เรื่องแล้ว จะไปเรียนกับท่านแล้วก็ไม่รู้เรื่อง ท่านมีชีวิตอยู่ท่านก็ให้นักร้องเหล่านี้ร้องเพลงชาติ แล้วเขาก็ร้องอย่างนี้ เวอร์ชั่นอันนี้เลย แล้วก็เทปม้วนนี้ไปอยู่ที่ไหนหมดก็ไม่ทราบ ที่ไหนมีอยู่ก็ลองไปหาฟังดู อย่างนี้เลย
จินดารัตน์ – หาไม่ได้แล้วหรือเปล่าคะ อาจารย์
สันติ – ไม่รู้ ผมก็ไม่รู้ แต่รุ่นเก่าๆผมยกตัวอย่างเช่น พี่เส คุณเสนีย์ รุ่นนั้นเขาร้องไว้ เขาร้องอย่างนี้ ทีนี้ก็ล้มหายตายจากไป ผมก็ร้องตามเขามา แล้วก็จำเอาโน้ตมาว่าอย่างนี้ถูกต้อง ทุกวันก็อย่างนี้
จินดารัตน์ – อาจารย์สุกรีล่ะคะ ฟังเวอร์ชั่นแรกของแกรมมี่ที่เขาบอกว่าเอาไปเปิดในงานราชการ หรือปลุกใจอะไรทั้งหลายแหล่ อาจารย์ฟังแล้วเป็นอย่างไรคะ
ดร.สุกรี – เขาใช้ไม่ได้นะ เพราะว่าถ้าเราจะถือว่าอันนี้เป็นเพลงชาติ เพื่อการปลุกใจชาติเฉพาะกิจนี่ ไปร้องให้ใครเขาฟังเพื่อเฉพาะกิจ โอเคนะ
จินดารัตน์ – อาจจะเป็นงานคอนเสิร์ตของแกรมมี่จัดเอง คุณจะเปิดก็เปิดไป ไม่เป็นไร
ดร.สุกรี – เพราว่ามันใช้เฉพาะกิจได้ เฉพาะส่วน เฉพาะองค์กร แต่ไม่ใช่เป็นตัวแทนของประเทศ เพราะเมื่อเป็นตัวแทนของประเทศปั๊บ เพลงชาตินี่ไม่ใช่ของคุณคนเดียวนะ ถ้าคุณร้องเพื่อประเทศ เป็นของผมด้วยนะ ผมมีส่วนด้วย เพราะฉะนั้นความภูมิใจ ความศรัทธา เสียงมันมีอำนาจ มีพลัง เพราะฉะนั้นเสียงร้องที่ออกมานี่ มันต้องเป็นเสียงของจักรวาล ตรงนี้มันสำคัญนะ แล้วใครจะตอบได้ คนรู้เท่านั้นที่ตอบได้ว่ามันมีพลังหรือเปล่า เมื่อไม่มีพลัง ไม่มีอำนาจ ก็ไม่สามารถที่จะขนลุกได้ เพลงชาติที่เราไม่ฟังๆปัจจุบันนี่ ตอนที่เหรียญโอลิมปิกได้ปั๊บนี่ ผมว่าพอเปิดเพลงชาติเวอร์ชั่นเก่าที่ว่าไม่ดีนี่ คนร้องไห้กันทั่วประเทศ มันเกิดอะไรขึ้น เพราะแต่ก่อนหน้านั้นไม่มีใครตั้งใจฟังไง พอตั้งใจฟังใจจดใจจ่อไปที่เพลงชาติที่เปิด ที่ไทยได้เหรียญโอลิมปิก คนน้ำตาซึมเพราะมันมีอำนาจกำหนดจิตคนได้ อันนี้เป็นตัวแทนชาติ
จินดารัตน์ – เพลงเวอร์ชั่นที่ 2 นี่ มีลักษณะเป็นแบบไม่แข็งกร้าวนะคะ แต่ว่าก็ใช้ปลุกใจได้เหมือนกัน แต่อาจจะเป็นใช้เสียงประสานแทนการใช้ดนตรี ฟังแล้วเป็นอย่างไรคะ พอไหวไหมคะ แต่ก็ยังผิดอยู่ ถูกไหมคะ อาจารย์
สันติ – ก็ผมเรียนให้ทราบตั้งแต่ต้นแล้วไง 6 เวอร์ชั่นผมไปฟังมาแล้ว ทำนองมันถูกทั้งนั้น นี่ทำนองมันหายไป เปิดอีก 3-4 เวอร์ชั่นผมก็บอกว่ามันไม่ถูก ถ้าเผื่อร้องให้ถูกผมก็จะโอเค
จินดารัตน์ – จะร้องประสานเสียงแต่ว่าร้องให้ถูก
สันติ – ร้องให้ถูกทำนองเขา
จินดารัตน์ – ถูกตัวโน้ตที่มีมาตั้งแต่แรก
สันติ – ถูกตัวโน้ต แล้วมีโน้ตปีศาลโผล่ขึ้นมาอยู่ครั้งนึง ผมไม่ทราบว่าใครเขียน ไปตัดเอาพวกนี้ออกแล้วก็บอกต้องร้องอย่างนี้ ตัดเอาพวก 3-4 ตัวออกนี่คือร้อง แล้วลอกเอาโน้ตนี่อีกข้างล่างนี่คือดนตรี แสดงว่าโน้ตร้องไม่มีตัวพวกนี้ คิดว่าคุณพระเจนดุริยางค์ใส่โน้ตไว้เพื่ออะไร ท่านคงไม่ใส่โน้ตห่วยๆตัวเดียวเอาไว้ เป็นไปไม่ได้ ท่านต้องการให้เป็นทำนอง ไม่ใช่ตัดออก
จินดารัตน์ – ไม่ใช่เห็นว่ามันไม่สำคัญไม่ได้เลยตัดออก
สันติ – นี่คือการที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
จินดารัตน์ – ส่วนเวอร์ชั่นที่ 3 และ 4 ก็คือเอาใจวัยรุ่น และก็อาจจะเป็นเรื่องของเด็กรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่ที่เป็นเสียงเบิร์ด ธงไชย กับคุณตู่ นันทิดา อาจารย์วิพากษ์วิจารณ์หน่อยไหมคะ
ดร.สุกรี – เขาก็ตั้งใจร้องนะ บรรจงร้องมาก แต่ในกรณีที่ว่า เพลงชาตินี่มันเป็นเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ เป็นเรื่องความภูมิใจ เป็นเรื่องความเชื่อมั่น เป็นเรื่องความยิ่งใหญ่ มันไม่ได้ สิ่งเหล่านี้มันขาดไปหมด แล้วประกอบกับร้องไม่ถูกต้องทั้งภาษา ทั้งทำนองนี่ และก็ดนตรีก็ใส่ไปแบบคาราโอเกะน่ะ แล้วประเทศไทยมันเป็นประเทศคาราโอเกะหรือเปล่า ผมก็คุยเล่นๆเมื่อกี๊นะครับว่า สมมุติพระเจนท่านมีชีวิตอยู่นี่ คุณสันติก็อาจจะสงสารคุณพระเจนนะ
สันติ – ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่นี่โดนด่าเปิงเลยนะ คุณพระเจนดุริยางค์ดุนะ
ดร.สุกรี – แต่ผมสงสารประเทศไทยมากกว่า ประเทศทำไมถึงด้อยปัญญาถึงขนาดนี้
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ อาจารย์คิดว่าควรจะโทษใครดีคะ
ดร.สุกรี – ผมโทษกระทรวงศึกษาธิการไม่ศึกษาให้รู้ ไม่สอนคนให้รู้ แล้วไม่สอนคนให้ทำในสิ่งที่ถูกๆ ผมไม่โทษคนที่ทำผิดครับ เพราะเขาทำด้วยความตั้งใจดี เขาคิดว่ามันดีที่สุดแต่เขารู้แค่นั้น ทำได้แค่นั้น แต่สิ่งที่ดีที่สุดของคุณนี่มันอาจจะไม่ดีพอ แต่ว่าเขาทำดีที่สุดแล้ว แต่ว่าเราจะโทษใคร จากพระเจนดุริยางค์ 2475 ถึงปัจจุบันนี่นะ ประเทศมันน่าจะเจริญมากกว่านี้นะ แล้วก็ควรจะสร้างเพลงชาติที่มีความอลังการ จากสิ่งที่มีอยู่
จินดารัตน์ – จริงๆเราควรทำมาตั้งนานแล้วใช่ไหมคะ อาจารย์ ไม่ใช่ปล่อยให้แต่ละคนต่างคนต่างก็ใช้กันไปหลายเวอร์ชั่น
ดร.สุกรี – ไทยไม่เคยใส่ใจสิ่งเหล่านี้แค่นั้นเอง โดยเฉพาะกรมศิลปากร เป็นหน้าที่ของเขาโดยตรง กรมประชาสัมพันธ์มีหน้าที่เผยแพร่สิ่งที่ถูกๆ เมื่อ 2 ตำแหน่งหน้าที่ตรงนี้ไม่ทำนี่ คนอื่นไปทำก็โทษเขาไม่ได้นะ เขาตั้งใจดีนะ
จินดารัตน์ – ต้องรอให้หน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องมายื่นมือเข้ามาทำ แล้วก็ทำไม่ถูกออกมาอย่างที่เห็น
ดร.สุกรี – เพราะฉะนั้นกระทรวงวัฒนธรรมนี่ก็ผิดแล้ว เพราะไม่ทำ เขามีกระทรวงไว้เพื่อให้ทำ แต่ไม่ทำ แล้วจะมาวิจารณ์ว่าคนอื่นทำ วิจารณ์โน่นไม่ดีนี่ไม่ดี กระทรวงวัฒนธรรมต้องรู้ต้องทำ กรมศิลป์ต้องรู้ต้องทำ กรมประชาสัมพันธ์ต้องเผยแพร่สิ่งที่ดี ที่รู้ให้กับประชาชนเข้าใจ แล้วกระทรวงศึกษาธิการต้องสอนสิ่งที่ถูกๆให้กับสังคม
จินดารัตน์ – ต้องเป็นความรู้ที่เป็นหนึ่งเดียวเหมือนกันหมด
ดร.สุกรี – ไม่ใช่หนึ่งเดียว คืออธิบายความถูกต้อง
จินดารัตน์ – ว่าที่ถูกมันคืออะไร ที่ใช้กันมาผิดๆมันคืออะไร อาจารย์ณรงค์ฤทธิ์ล่ะคะ คิดอย่างไรคะ
ณรงค์ฤทธิ์ – อันนี้ผมว่าผมแทยไม่ต้องวิจารณ์เลยครับ เพราะฟังผมว่าใครก็ต้องคิดเหมือนผมนะ คิดง่ายๆอันนี้ผมว่าอาจจะไม่ใช่อันนี้เป็นเวอร์ชั่นที่เป็นต้นฉบับถาวร
จินดารัตน์ – แต่ถ้าคิดจะใช้อันนี้นี่ก็ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก
ณรงค์ฤทธิ์ – เขาบอกว่าเพลงชาติมีหลายเวอร์ชั่น ที่ผมได้ยินมานะ ยังไงมันก็คล้ายกันอยู่ ก็ยังเกาะแถว ก็ยังคล้ายๆกันอยู่ครับ มันไม่ฉีกอะไรจากกันเท่าไหร่หรอกครับ
สันติ – เขาไม่ทราบ คนที่ทำคนร้องก็ไม่ทราบ เพราะฉะนั้นผมถึงได้เรียนเมื่อกี๊ไงว่า เชิญผู้รู้มาทำเสีย ไม่จำเป็นต้องเป็นสันติก็ได้ ใครก็ได้ที่เขารู้เพลงพวกนี้ แล้วเขาชี้ให้ทำ
ณรงค์ฤทธิ์ – อันนี้ผมยืนยันว่า เพลงชาติถึงจะเวอร์ชั่นไหน ตอนเช้า 8 โมงได้ยินที่โน่นที่นี่มันก็ยังคล้ายๆกันอยู่ แต่อันนี้มันเห็นปั๊บ มันดูเป็นอย่างอื่นมากกว่าน่าจะเป็นเพลงชาติน่ะครับ เพราะนักร้องก็ไม่ได้ ความรู้สึกเหมือนกับว่าถ้าผมเป็นประเทศที่ไม่ใช่ประเทศไทย คือฟังแล้วรู้สึกว่าประเทศนี้นี่มันอ่อนแอเหลือเกิน ผมคนไทยมีความมีเอกราช เข้มแข็ง มันต้องเข้มแข็ง เพลงชาตินี่ต้องอย่างที่ครูสันติร้องนี่โอเค
สันติ – คุณพระเจนดุริยางค์ท่านเขียนไว้บนหัวข้างบน จังหวะปานกลาง และก็องอาจ หมายถึงอะไรครับ คือเพลงแกรนด์มาร์ช เพราะฉะนั้นไม่ใช่ของเล่นนะ ผู้หลักผู้ใหญ่ในแผ่นดิน ฟังผมวันนี้แล้วท่านไปคิดว่าผมผิดหรือถูก
จินดารัตน์ – ที่นี้ไหนก็พูดเรื่องเพลงชาติกันแล้ว จะเอาให้แกรมมี่ไปทำ หรือให้ใครไปทำก็แล้วแต่ วันนี้นี่นะคะ เราควรกลับไปทบทวนกันใหม่ไหมคะ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง กรมศิลปากร กรมประชาสัมพันธ์ กระทรวงศึกษาธิการ อาจารย์คะ หน่วยงานต่างๆเหล่านี้ ควรทำตัวอย่างไรวันนี้ แสดงบทบาทตัวเองอย่างไรดีคะ
ดร.สุกรี – ผมตอบไม่ได้ เพราะว่าผมไม่เป็นรัฐมนตรีนี่
จินดารัตน์ – ถ้าอาจารย์จะเรียกร้องให้หน่วยงานเหล่านี้แสดงความรับผิดชอบ เอาล่ะ เป็นหน้าที่ของคุณ คุณต้องทำ ควรจะเริ่มต้นจากไหน อาจารย์พอจะแนะได้ไหม
ดร.สุกรี – มันก็ต้องทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าการที่คนในสังคมแห่ตะลุมบอนเรื่องเพลงชาตินี่ ผมว่ามันมีอะไรบางอย่างผิดปกติแล้วนะ ถ้าผิดปกติแล้วเราจะแก้ตรงไหน อย่างไร ถ้าเป็นผมมันพูดไม่ได้นะ เพราะว่าไม่ได้เป็นรัฐมนตรี จริงๆง่ายที่สุดก็คือ รวมนักปราชญ์ราชบัณฑิตที่เกี่ยวกับดนตรี เกี่ยวกับความเป็นชาติ ให้ท่านไปประชุมกัน ว่าเอายังไงกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น คนมีความต้องการเปลี่ยนแปลงใช่ไหม ความเปลี่ยนของเวอร์ชั่นเก่าที่มีอยู่นี่ เช่นว่าเครื่องดนตรีเก่า เขาเล่นออกมาการบันทึกเสียงไม่ดีเอย นักร้องเสียงโบราณเอย การเล่น การอะไรต่างๆ สิ่งเหล่านี้นี่เทคโนโลยีใหม่ๆมันมีมากขึ้น ฝีมือนักดนตรีมีมากขึ้น สมมุติรวมนักปราชญ์ราชบัณฑิตมาคุยกันเสร็จแล้วนี่ ทำให้สมกับที่พระเจนท่านเขียนไว้ โน้ตเพลงนี่พระเจนท่านเขียนไว้หมดทุกประการ ไม่ใช่ไม่มี มันมีอยู่แล้วที่กรมศิลปากรนี่ มีเวอร์ชั่นที่ถูกต้องที่เป็นหลักของชาติ ทำให้ถูกต้องตรงนั้น โดยใช้นักร้องสมัยใหม่ ที่ถูกฝึกมาอย่างดีแล้วร้องให้ถูกต้อง มีคนรู้กำกับอะไรถูก อะไรผิด แล้วเมื่อถูกชี้ถูกชี้ผิดความถูกต้องออกหมดแล้ว สิ่งเหล่านั้นถึงจะออกไปได้
จินดารัตน์ – อาจารย์เชื่อมั่นว่าถ้าทำอย่างที่อาจารย์แนะนำไปนี่ พอทำออกมาแบบนี้แล้ว ทุกคนจะมีความรู้สึกเดียวกันได้
ดร.สุกรี – ต้องประกอบด้วยฝีมือสุดยอดด้วยนะ คือคนที่ทำด้วยฝีมือสุดยอดไม่มีใครกล้าแตะต้อง เพราะคนอื่นๆมันไปไม่ถึงไง เพลงชาติเมื่อฟังปั๊บอย่างที่คุณณรงค์ฤทธิ์บอกว่า ฟังแล้วขนลุก คำว่าขนลุกตรงนั้นมันใช่ แต่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามฟังแล้วคนแหยงนี่ ฟังแล้วแหย เอ๊ะ ประเทศไทยนี่มันมีเพลงชาติหรือเปล่า อันนี้มันตั้งคำถามแล้วว่าสิ่งเหล่านั้นมันใช้ไม่ได้
จินดารัตน์ – อาจารย์ณรงค์ฤทธิ์ล่ะคะ คิดเห็นอย่างไรคะ อยากได้เพลงชาติที่เป็นเอกลักษณ์จริงๆไปเปิดที่กรมประชาสัมพันธ์ เปิดที่หน่วยงานภาครัฐ ควรจะเป็นเพลงเดียวกันทั้งหมด เอามาทำกันใหม่อย่างที่อาจารย์บอกหรือเปล่าคะ
ณรงค์ฤทธิ์ – ผมว่าในขณะนี้นะครับ ด้วยอะไรทุกอย่างโดยภาพรวม ผมว่ายังไม่มีอะไรต้องทำ เพราะทำไปแล้วผมว่ายังไม่ถึงอย่างที่อาจารย์ว่า คืออย่างน้อยๆนักร้องที่จะต้องร้อง ผมว่าควรจะเป็นภาพเหมือนผมตอนเด็กๆ ผมได้ยินเพลงปลุกใจของครูสันติ
จินดารัตน์ – คือถ้าได้ยินเสียงของคุณสันติ คือต้องเป็นเพลงประเภทนี้
ณรงค์ฤทธิ์ – ใช่ครับ เป็นเพลงประเภทนี้เด็ดขาด เหมาะสมจะร้องเพลงชาติ ถ้าจะทำเพลงชาติ ควรจะหานักร้อง ไม่ใช่มีความสามารถอย่างที่อาจารย์บอก ต้องสร้างเหมือนกับความเป็นอิมเมจของตัวเขาเอง ต้องให้ถึงอย่างนี้ก่อน ให้คนยอมรับ
จินดารัตน์ – ไม่จำเป็นต้องเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง
ณรงค์ฤทธิ์ – มันคนละเรื่องครับ จริงๆแล้วอย่างนี้แกรมมี่เขาก็ไม่ผิดนะครับ เพราะมีคนให้ทำ แต่ทำแล้วต้องปกป้องตัวเองทุกอย่าง ทำแล้วมั่นใจว่าไม่โดนว่า ทำอย่างไร แนวดนตรีทุกอย่าง และนักร้องนี่สำคัญที่สุด ต้องมีภาพเป็นนักร้องเพลงปลุกใจอย่างครู และก็ต้องสร้างนักร้องใหม่ๆขึ้นมา เพื่อเหมือนกับให้มีประชาชนไว้ใจ คนที่ร้องเพลงชาติได้อย่างนี้ คือเป็นยี่ห้อเลยครับ ต้องเป็นแบบนี้ก่อนถึงจะยอมรับ ต้องสร้างนักร้องให้เหมาะสมกับที่จะร้องเพลงชาติ ต้องปั้นตรงๆเลย
จินดารัตน์ – สมมุติว่าวันนี้ได้อย่างที่อาจารย์แนะมาแล้ว ว่าเอาผู้รู้ทั้งหลายมาคุยกันหมดเลย ว่าควรจะออกมาเป็นแบบไหนอย่างไร พอทำออกมาเป็นต้นฉบับจริงๆแล้ว ทีนี้การไปเปิดล่ะคะ มันจำเป็นสำคัญมาก เพราะว่าบางคนก็บอกว่า หน่วยงานราชการเองบางทีก็ยังไม่เห็นเปิดเลย ไม่เห็นเปิดอย่างที่เขาทำกันมาเพื่อที่จะให้เป็นเอกลักษณ์จริงๆของเรา อาจารย์เห็นเป็นอย่างไรคะ ว่าเอกชน หรือว่าสถานีโทรทัศน์ จำเป็นไหมคะ ควรบังคับกันไปเลยไหมว่าต้องเปิดนะ ต้องเป็นเวอร์ชั่นนี้เวอร์ชั่นเดียว
สันติ – ผมไม่ทราบความตื้นลึกหนาบางภายในสถานีโทรทัศน์แต่ละแห่ง เพลงพระราชนิพนธ์ในหลวงเคยทำไว้เมื่อประมาณ 20-30 ที่แล้ว ผมร้องไว้กับวงทหารเรือ ท่านทำเสร็จแล้วก็ทรงทำเป็นเทปแจกสถานี ทุกวันนี้ผมยังไม่ค่อยได้ยินเลย นี่คือคำตอบ
ดร.สุกรี – จริงๆแล้วนี่ เขาจะเปิดหรือไม่เปิดก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก แต่ด้วยปัจจุบันประเทศไทยนี่สื่อเป็นเจ้าพ่อหมดแล้ว คือยิ่งใหญ่ที่สุด กลุ่มความรู้ทั้งมวล เก็บข้อมูลและก็ควบคุมความรู้ แต่ถ้าหากว่าเพลงชาติมันไปอยู่กับเด็กทุกๆคน ในกระทรวงศึกษาธิการนี่มีครูดนตรีร้องถูกต้องนี่ ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องไปอยู่ที่ไหน เพราะคนโตมาก็ร้องเพลงชาติถูกต้องตั้งแต่ประถมยันมัธยมทุกวันนี่ โตขึ้นมาแล้วเขาไม่จำเป็นต้องฟังเท่าไหร่หรอก เหมือนๆกับอยู่ในตัวเขาแล้ว
ณรงค์ฤทธิ์ – ผมว่ามันเป็นสิทธิของผู้เปิด เขาจะเปิดหรือไม่เปิด อยากเวอร์ชั่นไหน แล้วถ้าถามว่าถ้าทำแล้วคนเปิด ทำมาเพื่ออะไร ทำเพื่อให้เป็นหนึ่งก็ต้องเปิดสิครับ ไม่เปิดจะทำทำไม อยู่เฉยๆไม่โดนว่าด้วย ทีนี้พอทำมาแล้วได้ไม่ได้ จะเปิดไม่เปิดก็ต้องดู สมมุติว่าถ้าทำดีเปิดเลย ทั้งประเทศพร้อมใจเปิด
จินดารัตน์ – ให้รัฐบาลประกาศเลยว่า นี่เป็นเวอร์ชั่นเดียวที่เป็นต้นฉบับจริงๆตอนนี้
ณรงค์ฤทธิ์ – แต่ต้องเป็นที่ยอมรับของคนทั้งชาติ
จินดารัตน์ – ควรทำประชาพิจารณ์ไหมคะ
ณรงค์ฤทธิ์ – ครับใช่
จินดารัตน์ – คือเปิดให้ฟังแล้วฟังเสียงประชาชนว่าชอบหรือไม่ชอบ
ดร.สุกรี – คือในความเป็นจริงนี่ ถ้าของมันดี มันดีด้วยของมันดี มันดีในตัวมันเอง คือคนจะรู้สึกอย่างไรมันเป็นความรู้สึกส่วนตัวของคน แต่ของเหล่านั้น สมมุติว่าก้อนหินมันแข็ง ยังไงมันก็แข็ง ร้อยวันพันปีมันก็แข็ง ศิลปะเหมือนกับคุณโมนาลิซ่าเนี่ย คุณไปเปลี่ยนเขาได้ไหม ร้อยวันพันปีมันก็เป็นโมนาลิซ่า ก็แค่นั้นแหละ เพราะฉะนั้นของดีมันดีเพราะของดี
จินดารัตน์ – ความสวย คุณค่ามันอยู่ในตัวของมันเองนะคะ ตอนนี้เราไปที่ต้นเรื่อง จากกระทรวงกลาโหม ท่าน พล.ท.พลางกูร กล้าหาญ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด อดีตโฆษกกระทรวงกลาโหม ถามกันชัดๆไปเลย เพราะมีคุณผู้ชมทางบ้านถามว่า กระทรวงกลาโหมไม่มีอะไรทำกันแล้วหรือ ว่างมากหรือเปล่า เพราะฉะนั้นถามท่านเจ้ากรมเลยค่ะ ท่านเจ้ากรมคะ สวัสดีค่ะ
พล.ท.พลางกูร – สวัสดีครับ คุณจินดารัตน์ครับ
จินดารัตน์ – ท่านเจ้ากรมคะ ตอนนี้หลายคนสงสัยว่า เหตุผลทำไมกระทรวงกลาโหมถึงต้องให้บริษัทแกรมมี่ ไปทำเพลงชาติไทยใหม่ค่ะ เพื่ออะไรคะ
พล.ท.พลางกูร – ผมตอบโดยสรุปเลยแล้วกันนะครับ วันนี้ท่าน พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ ท่านอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และก็รัฐมนตรีกลาโหมนะครับ ย้อนหลังไปซัก 3 ปีที่แล้วโดยประมาณนี่ ก็เป็นนโยบายของรัฐบาล ในเรื่องของการที่จะให้พี่น้องคนไทย เกิดความรักสำนึกในชาติบ้านเมืองนะครับ ก็อาจจะมีจุดของ เรื่องของเพลงชาติไทยนี่นะครับ ซึ่งก็รู้ว่าตอนนี้เป็นข่าวที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจมาก ซึ่งเดิมนั้นก็มีการพูดคุยกันว่า ไม่ได้เปลี่ยนเนื้อเพลงชาติไทยนะครับ อาจจะมีการลักษณะว่า มีการปรับปรุงทำนอง แล้วก็เงียบหายไปพักหนึ่ง แล้วก็มาเกิดเพลงเขาเรียกว่า รักเธอประเทศไทย คงจำได้นะครับ ก็จะได้รับการตอบสนองมาก เพราะฉะนั้นวันนี้ที่กลับมาเป็นข่าวอีก ผมอยากจะเรียนโดยตรงว่า ก็อาจจะเป็นลักษณะหนึ่งที่ค่ายแกรมมี่เขาอาจจะเคยเสนอไว้เดิมนะครับ แล้วก็เกิดเป็นข่าวขึ้นมา ถ้าเรามองในมุมกลับว่า ก็แสดงให้เห็นว่าคนไทยนี่ รักในสิ่งที่เป็นของชาติบ้านเมือ ง เพลงชาติไทยผมเองก็ได้ยินมาตั้งแต่เกิด ตอนนี้ก็ 52 แล้ว
จินดารัตน์ – ท่านเจ้ากรมคะ แต่ว่า 6 เวอร์ชั่นที่แกรมมี่ทำส่งมาให้ทางหน่วยงานราชการนี่นะคะ ท่านผู้รู้ทั้งหลายวันนี้มานั่งอยู่กับดิฉัน ทั้ง 3 ท่านยืนยันชัดเจนว่า เพลงชาติที่ทางแกรมมี่ทำส่งมาทั้ง 6 เวอร์ชั่นนั้น ไม่มีเวอร์ชั่นไหนเลยที่ถูกต้องเหมือนแต่เดิมที่พระเจนดุริยางค์ได้ประพันธ์เอาไว้
สันติ – ไม่ได้หมายความว่าถูกหรือผิด เพียงแต่โน้ตบางตัวที่ควรจะมีไปตัดเขาออกเสีย แล้วก็ไปเปลี่ยนเมโลดี้เสีย โดยที่ผมทราบว่าทางแกรมมี่เองก็ไม่รู้
พล.ท.พลางกูร – ผมเรียนอย่างนี้แล้วกัน ท่านอาจารย์ครับ ด้วยความเคารพนะครับ ทางกระทรวงกลาโหมก็ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น แล้วก็อาจจะเป็นข่าวที่บูมขึ้นมาในช่วงนี้ ก็ถือว่าเป็นการจุดประกายว่าคนไทยเราก็รัก ศรัทธา เพลงชาติไทยที่มีมาแต่ดั้งเดิม
จินดารัตน์ – และตกลงจะเลือกเวอร์ชั่นไหนคะ ที่เป็นเอกลักษณ์จริงๆ จะเลือกไหมคะ
พล.ท.พลางกูร – ถ้าถามผมใช่ไหมครับ ขออนุญาตใช้สิทธิส่วนบุคคล คือผมเลือกของเดิมครับ ของเดิมที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิม ที่ผมเคารพธงชาติไทยมาโดยตลอด อันนี้ก็อยู่ที่สิทธิของแต่ละท่านนะครับ แต่ขอความกรุณาว่า ในส่วนของแกรมมี่เอง เขาก็คงไม่ได้คิดที่จะไปหักล้าง หรือว่าเปลี่ยนแนวความคิดนะครับ
จินดารัตน์ – ท่านเจ้ากรมคะ ถูกไหมคะที่บริษัทแกรมมี่บอกว่า เขาไม่ได้เรียกค่าจ้าง สินจ้างอะไรใดๆทั้งสิ้น แล้วไม่ได้คิดค่าเอาไปทำใหม่ทั้ง 6 เวอร์ชั่น คือไม่ได้หวังผลประโยชน์
พล.ท.พลางกูร – ผมอยากให้ฟังหรือติดตามข่าวในวันพรุ่งนี้ เพราะว่าท่าน พล.อ.สัมพันธ์ท่านให้สัมภาษณ์ไปค่อนข้างจะยาว แล้วก็เรียนว่าในทางหลักการและเหตุผลนั้น ทางแกรมมี่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรนะครับ แล้วก็ในส่วนของการที่เป็นข่าวบูมขึ้นมา ก็ต้องคิดในแง่จิตวิทยามวลชน ก็ต้องถือว่าพี่น้องคนไทยนี่เรายังรักและผูกพันกับเพลงชาติไทยเดิม ก็เป็นสิ่งที่ดีครับ ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็รณรงค์กันเรื่องความรักชาติบ้านเมือง ก็แก้ไขปัญหานี่คะ
จินดารัตน์ – แล้วเมื่อกระทรวงกลาโหมคิดจะทำ ทำไมถึงไม่ให้หน่วยงานของราชการ เช่น กรมศิลปากร ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงไปทำ ทำไมต้องให้แกรมมี่ทำ
พล.ท.พลางกูร – คืออย่างนี้ครับ ที่มาที่ไปผมอาจจะรู้ไม่ชัดเจน แต่ว่าพรุ่งนี้ลองอ่านข่าวที่ พล.อ.สัมพันธ์ท่านให้สัมภาษณ์นะครับ พรุ่งนี้ลองติดตามดู แล้วผมจะเรียนเพิ่มเติมแล้วกัน
จินดารัตน์ – แล้วใครเป็นผู้ตัดสินใจได้คะ ว่าจะเอาเวอร์ชั่นไหน หรือจะเอาหรือไม่เอา
พล.ท.พลางกูร – ไม่มีใครตัดสินใจได้หรอกครับ อยุ่ที่พี่น้องประชาชนครับ
จินดารัตน์ – เอาล่ะค่ะ วันนี้ต้องฟังเสียงของประชาชนทั่วประเทศนะคะ ขอบพระคุณค่ะ ท่านเจ้ากรมคะ สวัสดีค่ะ เท่าที่ดิฉันได้ไปดูในเว็บไซด์ของผู้จัดการ ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นกว่าหมื่นคน มากกว่า 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ค่ะ ที่ไม่เห็นด้วยและไม่เอาด้วย อาจารย์เห็นว่าอย่างไรคะ
ดร.สุกรี – คือโดยส่วนตัวนี่ ผมดีใจว่าเพลงชาติได้รับความสนใจ และผมคิดว่าถึงเวลาที่ผู้ที่เกี่ยวข้องนี่ ต้องหันมาทำเพลงชาติดีๆ ถูกต้อง และเป็นแม่แบบ เป็นหลักฐาน เป็นเสาหลักเหมือนกับศาลเจ้าพ่อหลักเมืองน่ะ
สันติ – คือจะไปโทษแกรมมี่เขาก็ไม่ได้ เพราะว่าแกรมมี่เขามีวิชั่น มีความรู้แค่นี้ แค่ที่ทำแค่นี้ ไม่มีมากกว่านี้ ก็เขาทำออกมาเขายังเขียนบอกว่า ไม่ได้เปลี่ยน ถูกต้อง เขาทำอย่างนี้ เขาพูดโดยที่เขายังไม่รู้เลย ว่าโน้ตมันขาดไป 2-3 ตัวเขายังไม่รู้ ก็ไปโทษเขาไม่ได้ เขามีความรู้แค่นี้ ที่ผมเรียนไปแล้วว่าเพลงชาติ ไม่ใช่ว่าให้บริษัทเทปมาทำ ไม่ใช่สถานีวิทยุที่ไหนทำ เพลงชาติต้องให้ผู้รู้ ไม่ไปนิมนต์เขาล่ะ ไปนิมนต์เขามาสิ
จินดารัตน์ – วันนี้ชัดเจนนะคะ ขอบพระคุณอาจารย์ทั้ง 3 ท่านเป็นอย่างสูงค่ะ วันนี้ขอบคุณ คุณผู้ชมทางบ้านทุกสายค่ะ ขอบคุณในความรักชาติของทุกๆท่านด้วยนะคะ วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีค่ะ
รายการคนในข่าว ออกอากาศทาง News 1 เวลา 21.05-22.00 น. ดำเนินรายการโดยจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
จินดารัตน์ – สวัสดีค่ะ คุณผู้ชม ขอต้อนรับเข้าสู่คนในข่าวค่ะ วันนี้กระแสเพลงชาติ 6 เวอร์ชั่นจาก GMM Grammy กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในสังคม คำถามที่ว่าทำไมจะต้องมีการเปลี่ยน เรื่องของทำนอง เรื่องของลีลาในการร้องเพลงชาติ อย่างเดิมไม่ดีหรืออย่างไร วันนี้นะคะเราจะมาคุยกันถึงประเด็นปัญหานี้ และคุณผู้ชมเชื่อหรือไม่คะว่า เพลงชาติที่คุณผู้ชมได้ยินได้ฟังกัน ไม่ใช่เวอร์ชั่นที่แกรมมี่ทำออกมาทั้ง 6 เวอร์ชั่นนะคะ
ไม่ว่าจะเป็นจากสถานีโทรทัศน์แต่ละช่องซึ่งก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่ละหน่วยงานราชการ หรือแต่ละโรงเรียนที่เปิดนั้น เราต่างคนก็ต่างไม่ทราบว่า ตกลงเวอร์ชั่นไหนเป็นเวอร์ชั่นที่เป็นต้นตำรับที่แท้จริงของเพลงชาติไทยกันแน่ วันนี้คุณผู้ชมจะได้รับคำตอบจากรายการของเราแน่นอนค่ะ และเรามาพูดถึงความเหมาะสมในการเปลี่ยนแปลงด้วยว่า มีความจำเป็นแค่ไหน และวันนี้เราควรจะทำเพลงชาติไทยให้เป็น 1 เวอร์ชั่น เป็นเอกลักษณ์เพียง 1 เดียวจำเป็นไหมนะคะ
เราคุยกับผู้รู้ 3 ท่านด้วยกันค่ะ ท่านแรกนะคะ อ.สันติ ลุนเพ นักร้อง นักดนตรีอาชีพ และเป็นที่ปรึกษาวิทยาลัยดุริยางค์ศิลป์ ม.มหิดลค่ะ ท่านต่อมานะคะ ดร.สุกรี เจริญสุข ท่านเป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยดุริยางค์ศิลป์ ม.มหิดลค่ะ และอีกท่านนึงนะคะ อ.ณรงค์ฤทธิ์ โตสง่า นักดนตรีร่วมสมัย และอาจารย์เป็นหัวหน้าวงดนตรีบางกอกอะคูสติกค่ะ อาจารย์คะ สวัสดีค่ะ อ.สันติคะ สิ่งที่ดิฉันเรียนคุณผู้ชมไป ถูกต้องไหมคะ ตกลงว่าเพลงชาติที่เปิดกันอยู่ทุกวันนี้ มันก็ไม่ใช่เป็นต้นฉบับดั้งเดิมที่เราคิดว่าจะเป็น
สันติ – ที่จริงที่เปิดอยู่ทุกวันนี้ ฟังดูมันคล้ายๆกับถูกต้อง
จินดารัตน์ – คือฟังเผินๆ ฟังเหมือนคนทั่วไป มันก็เพลงชาตินั่นแหละ
สันติ – แต่เถียงกันนี่ ผมฟังดูเถียงกันมาหลายวันแล้ว ผมก็ดูฟังข่าวนี่ เถียงกันไปเถียงกันมา ท่านไม่รู้ว่า ที่ท่านฟังอยู่ทุกวันนี่ ทำนองนี่ โน้ตในตัวทำนองนี่ถูกตัดออกไปแล้ว 2-3 แห่ง
จินดารัตน์ – ยังไงคะ มันผิดเพี้ยนหรือว่าอย่างไรคะ
สันติ – ไม่ได้ผิด ไปตัดเขาออก หายไปเลย แล้วก็ได้ทราบว่า มีผู้อ้างว่าเขียนมาใหม่เลยว่า ทำนองที่ร้องเพลงไม่ได้โน้ตตัวนี้เขียนมาใหม่เลย นี่คือร้อง แล้วก็นี่คือดนตรี แต่ผมว่าคุณพระเจนดุริยางค์ประพันธ์เพลงนี้มา โน้ตตัวนี้ที่ท่านใส่เข้าไปนี่ มีความหมายที่ท่านต้องการให้เอื้อนลง ไม่ใช่อยู่ดีๆเป็นลูกล้อลูกเล่น
จินดารัตน์ – เพื่ออะไรคะ อาจารย์
สันติ – เพื่อความสง่างามของเพลง เพราะฉะนั้นคนที่ตัดออกนี่ ผมไม่ทราบว่าจะด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือว่าด้วยเหตุผลกลใดผมไม่ทราบ
จินดารัตน์ – ในกระดาษโน้ตเพลงนี้ดิฉันเห็นว่าหายไปทั้งหมด 4 ตัวโน้ตด้วยกัน
สันติ – ไม่ใช่ 4 ตัวโน้ต หายไป 2 ตัวโน้ต เปลี่ยน 1 ตัวโน้ต แล้วก็ไปเมื่อกี๊นี้ผมได้ยินอยู่เวอร์ชั่นนึงที่เด็กร้อง เวอร์ชั่นสุดท้ายน่ะ อันนั้นเขาร้องถูกบอกว่าเป็นชาติพลี แต่ที่ร้องทุกวันที่บอกว่าเป็นว่า เป็นชาติ พะ-ลีนี่มันไม่ค่อยถูกนัก คราวนี้ผมขอย้อนไปนิดนึง เพลงชาติในนี้ เมื่อโบราณขณะที่คุณพระเจนดุริยางค์ยังมีชีวิตอยู่นี่ ท่านก็ทำเทปออกมา ทำแผ่นเสียงออกมา นักร้องสมัยนั้น สมัยจะเป็นกองทัพอากาศ หรือเป็นกองทัพบกหรืออย่างไรก็ไม่ทราบก็ร้องออกมา ถูกต้องตามโน้ตทุกอย่าง ถ้าเผื่อท่านไม่ชอบ มันผิดไม่ดี ท่านเปลี่ยนตรงนั้นแล้ว ท่านเปลี่ยนแล้ว แต่ท่านไม่เปลี่ยน คุณหลวงสารานุประพันธ์ท่านก็ฟังอยู่ ไม่เปลี่ยน ถูกต้อง คุณหลวงสารานุประพันธ์ก็เก่งเหลือกำลังในภาษาไทย คุณพระเจนดุริยางค์ก็เก่งในทางดนตรี ท่านมีเชื้อเป็นเยอรมัน เพราะฉะนั้นเพลงชาตินี้ ที่ท่านประพันธ์ออกมานี่ จึงมีลวดลาย ความสวยงาม ความไพเราะเป็นระดับโลก
จินดารัตน์ – งั้นต้องเรียนถามอาจารย์สุกรีว่า ความสวยงาม ความสง่างามในเพลงชาติไทยในทำนองเดิมๆ ที่ถูกเปลี่ยนแปลงตัวโน้ต ทั้งหมดนี้นะคะที่อาจารย์สันติมาให้เราดู ความสวยงาม ความแตกต่าง มันแตกต่างไปยังไง อาจารย์ช่วยอธิบายนิดนึงค่ะ
ดร.สุกรี – คือคนที่ร้องเขาร้องไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าที่ถูกเป็นยังไง เมื่อไม่รู้นี่ก็เขาทำผิด ความเห็นผมก็คือ จริงๆแล้วเขาไม่เก่งพอที่จะทำอะไรผิดๆ คือต้องทำถูกสถานเดียว แต่ทีนี้เพลงชาตินี่มันเป็น มันเหมือนเจดีย์ภูเขาทองน่ะ เพราะฉะนั้นเรามีหน้าที่ไปขีดสีฉวีวรรณได้ ทำความสะอาดได้ บูรณะได้ แต่เราเปลี่ยนไม่ได้ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองนี่คุณเปลี่ยนได้หรือเปล่า จะบอกว่าสังคมเปลี่ยน อะไรเปลี่ยน เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จักศาลเจ้าพ่อหลักเมือง คุณไปเปลี่ยนได้หรือเปล่า มันเปลี่ยนไม่ได้ มันเป็นโบราณสถาน โบราณวัตถุ มันศักดิ์สิทธิ์ ความศักดิ์สิทธิ์นี่มันเปลี่ยนไม่ได้
จินดารัตน์ – แต่อาจารย์คะ อย่างบริษัทแกรมมี่เขาให้เหตุผลบอกว่า เอาล่ะ ทางหน่วยงานภาครัฐ กระทรวงกลาโหมนี่ ได้มอบหมายให้เขาทำ ถ้าจะมองว่าเป็นการบูรณะ เป็นการไปปัดฝุ่นใหม่ เป็นการเรียบเรียงใหม่ อย่างนี้ได้ไหมคะ อาจารย์ ไม่ได้ไปเปลี่ยนเนื้อเพลง ไม่ได้ไปเปลี่ยนทำนอง ดิฉันพูดถูกไหมคะ
ดร.สุกรี – มันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้นะ คือคนมีสิทธิทำอะไรได้ทั้งนั้น แต่ทำเพื่ออะไร แต่ถ้าทำเพื่อเพราะว่าจะเปลี่ยนแปลงให้มันดีขึ้น ทำรักษาให้ดีขึ้นก็ทำได้ แต่ทำแล้ว บูรณะแล้วนี่มันทำลายของเก่านี่ แต่การทำลายโดยที่เขาไม่รู้นี่ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์นี่ ผมไม่อยากใช้คำว่าด้อยสติปัญญานะ แต่เราก็โทษเขาไม่ได้ เพราะว่าเขาก็รู้แค่นั้นน่ะ ณ เวลานั้น ขณะนั้น เขารู้แค่นั้น
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ รู้แค่นั้นในความหมายของอาจารย์ เหมือนกับว่า ก็คือเขาไม่รู้นั่นแหละ
ดร.สุกรี – เขาไม่รู้ จะว่าเขาผิดไหม ตัวเขาก็ไม่รู้ว่ามันผิด คนรู้ไม่มีโอกาสได้บอกนะครับ คนไม่รู้มีโอกาสทำ อันนี้คือปัญหาประเทศไทย แล้วเป็นปัญหาต่อไปว่า การศึกษาถ้าหากประเทศไทยไม่สามารถบอกได้ว่า เพลงชาติของตัวเองที่ถูกที่ผิดเป็นอย่างไร อนาถไหม ผมว่าอนาถมากนัก อยู่ที่ระบบการศึกษา การศึกษานี่ไม่สามารถสอนแม้แต่เพลงชาติของตัวเองว่า ที่ถูกที่ผิดคืออะไรนี่ อันนี้เป็นความอนาถ และผมว่าบอบช้ำและชอกช้ำของกระทรวงศึกษาธิการด้วย
จินดารัตน์ – อาจารย์ณรงค์ฤทธิ์คะ ลูกศิษย์ลูกหา อาจจะเป็นเด็กๆวัยรุ่นสมัยใหม่นี่นะคะ หรืออาจจะเป็นเด็กเล็กๆ อาจารย์เคยถามเรื่องเพลงชาติไทย หรือว่าอาจจะให้เป็นเพลงบรรเลงเป็นเพลงจากดนตรีไทย เครื่องดนตรีไทย เด็กๆเขารู้ไหมคะ ว่าตกลงว่าร้องเวอร์ชั่นที่ถูกต้อง ที่เป็นต้นฉบับนั้น มันคือตรงไหน เพลงไหนอย่างไร เขาทราบกันไหมคะ
ณรงค์ฤทธิ์ – ผมพูดจริงๆเลยนะครับ ผมก็เหมือนกับ ผมก็เกิดไม่ทันพระเจนเหมือนกัน ผมก็เหมือนกับอาจจะรู้ไม่จริงเหมือนกัน ถ้าผิดตรงไหนผมก็ต้องผิดตามด้วย สิ่งที่ผมอยากจะบอกว่า ผมเพิ่งได้รับความรู้จากครูสันติเมื่อกี๊นี้เองว่า ผิดจุดไหน ปกติผมก็ไม่รู้จริงๆนะครับ อาจจะมีผิดบ้าง เพราะมันเป็นอะไรที่ละเอียด
จินดารัตน์ – ไม่เคยมีใครบอก ภาครัฐไม่เคยออกมาบอก
ณรงค์ฤทธิ์ – ไม่เคยมีใครบอก บางครั้งก็อาจจะผิดนิดๆหน่อยๆคิดว่าไม่เป็นไรมั้ง ไม่สำคัญมั้ง คงนิดๆหน่อยๆ พอผิดปุ๊บเราจะกล้าวิจารณ์ไหม เป็นเพลงชาติ คำว่าเพลงชาตินี่ไม่ใช่เพลงคุณสุชาติ ไม่ได้เพลงของนางสาวปาริชาติ มันเป็นของคนทั้งชาติ ถ้ารู้ไม่จริงผมก็ไม่กล้าพูด ถ้าอย่างครูสันตินี่ถือว่าเป็นผู้รู้ครับ คือผมเด็กๆก็ได้ยินเพลงปลุกใจจากครูเขานี่แหละ ก็จำเสียงได้ นั่งฟังก็ขนลุก เพราะท่านมีเพาเวอร์และรู้จริงด้วย ผมคิดว่าถ้าจะทำนะครับ ควรทำในสิ่งที่ถูกอย่างที่อาจารย์สุกรีบอก คือทำให้มันถูกต้องเลย เพลงชาติ
จินดารัตน์ – คือเอาผู้รู้มาเลย คนที่รู้จริงๆนะคะ
ณรงค์ฤทธิ์ – ทำไมไม่ปรึกษาคนที่เป็นผู้รู้อย่างนี้ ถ้าเป็นผม ถ้าผมเป็นจะให้คนทำนะครับ ผมคิดว่าผมต้องเสาะหาคนที่รู้จริงก่อน แล้วผมจะให้เขาทำ ไม่ให้ทำก็ได้ แต่ผมปรึกษาครูสันติ จริงๆแล้วเพลงชาติถ้าผมคิดตรงนี้นะครับ ไม่ต้องทำอะไรมากหรอกครับ ให้ครูสันติไปร้องคนเดียวก็พอแล้ว
จินดารัตน์ – เป็นเพลงที่ทุกงานและทุกสถานที่ใช้ได้ และเป็นเอกลักษณ์
ณรงค์ฤทธิ์ – และก็อีกอย่างหนึ่ง ผมฟังว่า เพลงชาติถูกผิดนิดหน่อยอาจจะไม่มีใครรู้ ผมเองก็บางช่วงก็ไม่รู้จริงๆ ทีนี้ที่ฟังออกมาแล้วนี่ ผมไม่เคยฟังนะครับ อยากจะฟังเต็มๆทั้ง 6 เวอร์ชั่นด้วย แต่ก็ฟังนิดๆหน่อยๆคร่าวๆว่า เพลงชาติมันควรจะทำซักทีหนึ่งก็ดีเหมือนกัน แต่ขอทำเป็นเวอร์ชั่นเดียวแล้วกัน
จินดารัตน์ – ไหนๆก็พูดกันถึงเรื่องนี้แล้ว ไหนๆก็จะเอาไปให้คนโน้นคนนี้ทำแล้ว มาล้างไพ่กันใหม่ มาทำกันใหม่
ณรงค์ฤทธิ์ – ใช่ ทำให้เวอร์ชั่นเดียว ให้ถูกต้อง และก็ควรจะเข้มแข็งเหมือนที่ครูเขาร้อง เพลงชาติมันต้องเข้มแข็งเป็นหนึ่งเดียวด้วย เพลงชาติชาติเดียวจะเรียบเรียงเป็นหลายเวอร์ชั่น มีคนก่อนหน้าก็ถามอย่างนี้ ทำไมอาจารย์เอาค้างคาวกินกล้วยไปทำหลายเวอร์ชั่นได้ล่ะ มันไม่ใจแคบไปหน่อยหรือ อ้าว ก็ค้างคาวกินกล้วยฟังแล้วมันไม่ต้องยืนตรงนี่ครับ แต่เพลงชาติฟังแล้วทุกคนต้องยืนตรง
จินดารัตน์ – ต้องเรียกอย่างที่อาจารย์สุกรีบอกว่า ค้างคาวกินกล้วยไม่ใช่ของศักดิ์สิทธิ์
ณรงค์ฤทธิ์ – ใช่ครับ ต้องยืนตรง ต้องทำความเคารพ แล้วอีกอย่างนึงผมบอกว่า ประเด็นหลักเพลงชาติ รวม คำว่ารวมเลือดเนื้อเป็นชาติเชื้อไทย ทุกคนต้องรวมใจกันนะครับ ถ้าแกรมมี่ทำ อาร์เอสก็ต้องทำด้วย โซนี่มิวสิคก็มีสิทธิทำเหมือนกัน แล้วคนที่รู้จริงๆอย่างครูสันติไปไหน
จินดารัตน์ – แกรมมี่รู้จริงหรือเปล่า ไม่มีใครตอบได้ พอทำออกมาคำตอบก็คงจะอยู่ในเพลงแล้วใช่ไหมคะ อันนี้แต่ว่าคือต้องเรียนถามอาจารย์ทั้ง 3 ท่านก่อนว่า ก่อนที่เราจะไปดูว่า เราจะทำเพลงชาติที่เป็นเอกลักษณ์จริงๆขึ้นมาเพียงแต่ 1 เวอร์ชั่นเท่านั้น แต่ถามจริงๆค่ะว่า หลายคนมีคำถามอยู่ในใจว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมกระทรวงกลาโหมอยู่ๆก็มาบอกมอบหมายให้แกรมมี่ บริษัทแกรมมี่นี่นะคะ เป็นบริษัททำเพลงวัยรุ่นสมัยใหม่นี่ เอาไปทำเพลงชาติมาใหม่ เวอร์ชั่นไหนก็ได้ เกิดอะไรขึ้นคะ อาจารย์สุกรีคะ
ดร.สุกรี – คุณต้องไปถามกลาโหม มาถามผม ผมตอบไม่ได้
จินดารัตน์ – อาจารย์พอจะเดาใจได้ไหมคะ ว่ามันอะไร มันคืออะไร
ดร.สุกรี – อย่าให้ผมเดาเลย ผมไม่รู้เลย
ณรงค์ฤทธิ์ – ผมว่าเขาอาจจะหวังดีก็ได้ เห็นว่าที่มีอยู่นี่มันไม่ทันสมัย หรือล้าสมัยเกินไป อย่างอื่นมันทันสมัยหมดแล้ว แต่ว่าเพลงชาติมันเหมือนกับว่า มันก็มองได้อีกมุมหนึ่ง แต่ว่ามุมของผมจะมองว่า ความขลังมันอยู่ตรงนี้นะ มันก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ เพลงชาติจำเป็นต้องทันสมัยไหมคะ
ณรงค์ฤทธิ์ – ผมว่าจำเป็นต้องเข้มแข็งมากกว่า
ดร.สุกรี – สมัยนี่มันเปลี่ยน เวลากาลเวลาเปลี่ยน ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเปลี่ยนไหมครับ ใช่ไหม สมมุติว่าเกิดระเบิดปรมาณู คนตายหมดเหลืออยู่คนนึง คนๆนั้นวิ่งมาหาศาลเจ้าพ่อหลักเมือง บอกศาลยังอยู่ ประเทศฉันยังอยู่นะ ไปหาตอไม้บอกตอไม้ยังอยู่นี่ได้ไหม แทนศาลเจ้าพ่อหลักเมืองได้หรือเปล่า มันไม่ได้ เพราะฉะนั้นกาลเวลาเปลี่ยนนี่ ความศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง เหมือนพระสวดนะโมตัสสะ คุณเปลี่ยนได้ไหม คุณเปลี่ยนไม่ได้ เรื่องบางเรื่องมันเปลี่ยนไม่ได้ เพราะมันเป็นความศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นชาติไปแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เนี่ย มันเป็นคำตอบด้วยตัวมันเองนะครับ เพราะฉะนั้นการที่จะไปเปลี่ยน บางอย่างเปลี่ยนได้ บางอย่างเปลี่ยนไม่ได้ แต่ว่าความเป็นชาติ ในกรณีที่ว่าทำหลายเวอร์ชั่น ถามว่าประเทศไทยมีหลายประเทศไหมล่ะ มี 6 ประเทศไหมล่ะ เมื่อมีประเทศเดียวนี่มันก็ควรจะมีเวอร์ชั่นเดียว อันนี้คำตอบง่ายๆ Simple ที่สุดเลย
จินดารัตน์ – แต่หลายคนเขาบอกว่าอย่างนี้นะคะว่า เขาบอกว่าไปเมืองนอก อย่างที่สหรัฐอเมริกาเอง อย่างงานการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล เขาก็จะมีเพลงชาติของอเมริกาที่เป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง ก็เอาไว้เปิดงานนี้งานเดียว แล้วทำไมแกรมมี่จะทำไม่ได้ เอาไว้เปิดในงานลีลาศ เอาไว้เปิดในโรงเรียนประถมที่เป็นเสียงเด็กร้อง
ดร.สุกรี – เดี๋ยวนะครับ อันนี้ 1. เราเริ่มต้นด้วยการเลียนแบบชาวบ้านถูกหรือเปล่า เมื่อไหร่จะเป็นตัวของตัวเองบ้าง 2. เข้าใจผิดว่าอเมริกามีหลายเวอร์ชั่น ที่เขาร้องตามงานต่างๆเป็นเพลงเฉพาะกิจนะ คือเหมือนกับเราร้องเพลงชาติในห้องน้ำส่วนตัว คือร้องในงานนั้นเพื่อวัตถุประสงค์ของชิ้นนั้น
จินดารัตน์ – แต่ไม่ได้เป็นต้นแบบ
ดร.สุกรี – ไม่ใช่ต้นแบบ
ณรงค์ฤทธิ์ – ถ้าท้าวความนิดนึง ผมจำได้ว่าจะเป็นการเรียบเรียงเสียงประสาน มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีการชกมวยในเมืองไทย แล้วผมจำได้ว่ามีคุณเล็ก คาราบาว 1 คนละ เป็นแบบอเมริกาเลย ไม่มีดนตรี ตอนที่ผมไม่แน่ใจว่าเขาทราย หรือสด เป็นเพลงชาติแล้วร้องเป็นประสานเสียงล้วนๆเลย แล้วมีเป็นตอนสุดท้ายเอื้อนไชโยเสียงยาวมากๆ เท่านั้นแหละครับโดนด่าเพียบผมจำได้เลย โดนว่า ติมากๆ ขนาดว่านั่นเป็นเฉพาะกิจนะครับ เคยอ่านเจอด้วยว่าแค่คิดก็บาปแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าใครเขียน ไม่รู้ว่าใครเขียน
สันติ – คือต้องเข้าใจก่อนว่า เราอย่าไปพูดถึงอเมริกาอะไรต่ออะไร ผมเองเคยไปร้องเพลงชาติให้คนอเมริกันฟังมาแล้ว สิ่งที่กลับมาก็คือพอร้องจบแล้ว มีนายทหารแก่ๆคนหนึ่งมาจับมือผม ถามบอกมาจากไหน ผมก็บอกว่ามาจากประเทศสยาม ถามว่าสยามไหน ประเทศไทย เขาบอกว่าคุณควรจะมาอยู่ที่อเมริกา แล้วสอนให้คนอเมริกัน ร้องเพลงชาติอเมริกันอย่างคุณร้อง เพราะอะไร ทุกวันนี้เพลงชาติอเมริกันทำนองเป็นอย่างไรไม่รู้ ไม่รู้อะไร พวกแร็พ พวกอะไรมาร้องเสียเลอะไปหมด
จินดารัตน์ – เพราะฉะนั้นลักษณะเพลงชาติที่ควรจะเป็น ควรจะเป็นอย่างไรคะ
สันติ – ก็ควรจะเป็นอย่างที่ทำนองที่เขาแต่งมาอย่างถูกต้อง อย่างเพลงชาติไทยน่ะ คุณพระเจนดุริยางค์แต่งมานี่ ท่านแต่งมาเพื่อเป็นผลงานคลาสสิกของท่าน เพราะฉะนั้นในเมื่อเป็นผลงานคลาสสิก ท่านเป็นคนคลาสสิก สไตล์ของท่านก็คือเป็นยุโรป แน่นอนในเมื่อคำว่าคลาสสิกนี่คุณต้องเข้าใจให้ลึกซึ้ง ที่เถียงกันไปเถียงกันมานี่ ผมว่ายังไม่ลึก ลึกจริงๆเข้าไปเขาจะรู้ เพลงคลาสสิกนี่ 300 ปีทุกวันนี้มาฟังยังสมัยใหม่ เล่นเมื่อไหร่ก็สมัยใหม่ไม่มีเปลี่ยน แล้วคนที่เล่นก็ไม่กล้าเอาไปเปลี่ยนเขา นอกจากอาจจะมีเปลี่ยนทำนองนิดหน่อยไม่ว่ากัน แต่คนก็ไม่เปลี่ยน คนที่เล่นบรรเลงอะไร แต่คนร้องโอเปร่าก็จริงเขาไม่เปลี่ยน เพราะเขาถือ คนที่เปลี่ยนทำนองตัดโน้ตตัดอะไรนี่ คนในวงการคลาสสิกเขาถือว่าเสียมารยาทอย่างที่สุด แต่เขาไม่พูด
จินดารัตน์ – เพราะฉะนั้นแต่ว่าเพลงชาติไม่ว่าจะชาติใดก็แล้วแต่ แต่ถ้าเป็นเพลงชาตินี่นะคะ พอร้องออกมาแล้ว จะให้ความรู้สึกปลุกใจ จะให้ความรู้สึกเหมือนกับทำให้เรารักชาติ อันนี้จำเป็นไหมคะ
สันติ – แน่นอน จำเป็นครับ ก็เวลานักมวยบนเวทีมันชกน่ะ ฟิลิปปินส์มาบ่อยๆแล้วมาถึงต้องมีเพลงชาติไทย กับฟิลิปปินส์ เพลงชาติไทยก็เปิดเพลงไทย และก็ฟิลิปปินส์เขาก็มีเวอร์ชั่นของเขาจริงๆ เป็นทำนองเลยเขาบรรเลง แล้วนักมวยก็จะร้อง
ดร.สุกรี – คือประเด็นนี่ ถ้าเราฟังเพลงชาติแล้วนี่ 1. ถ้าเรารู้สึกภูมิใจนะครับ มีความภูมิใจ มีความเชื่อมั่น แล้วมีความรู้สึกยิ่งใหญ่ นี่ประเทศฉันนะ แล้วในกรณีที่ว่าคลาสสิกนี่ ไม่ได้แปลว่าเป็น Classical Music อย่างเดียวนะ คำว่าคลาสสิกนี่แปลว่าหนึ่งเดียว เพลงนี้เป็นตัวแทนฉัน และก็ที่สุดด้วยความที่สุด คนร้องๆดีที่สุด คนเล่นๆดีที่สุด คนเขียนงามที่สุด คำว่าที่สุดเหล่านี้มันประกอบทั้งหมดขึ้นเป็นเพลงชาติ ถามว่าถ้าเราฟังเวอร์ชั่นต่างๆ ถามว่า 1. ภูมิใจไหม เชื่อมั่นไหมว่าฟังแล้วนี่ ถ้าร้องเพลงชาตินี้ขึ้นชกมวย ถามว่ามันก็แพ้ตั้งแต่นักมวยเรายังไม่ขึ้นชกเลย แล้วที่สุดหรือเปล่า เมื่อไม่ใช่ที่สุดนี่มันไม่ได้หรอก แต่ถ้าร้องเพื่อความสุขส่วนตัวก็ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอก
จินดารัตน์ – ก็นั่นก็จะเป็นแล้วแต่วาระโอกาส คุณจะร้องที่ไหนมันก็อีกเรื่องหนึ่ง
ดร.สุกรี – ใครจะทำเพลงชาติกี่เวอร์ชั่นก็ได้ แต่ตราบเท่าที่ไม่เป็นของชาติ คุณทำบันทึกเสียงเพลงชาติส่วนตัว คุณร้องที่บ้าน ฟังที่บ้าน ให้ลูกฟังก็ได้ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย แม่ผมจะร้องเพลงชาติอย่างไรก็เรื่องของแม่ผมน่ะ แต่ว่ามันไม่ใช่เป็นตัวแทนของชาติ
จินดารัตน์ – มันไม่ใช่หนึ่งเดียว
ดร.สุกรี – เพราะฉะนั้นคนที่ร้องเพื่อชาตินี่มันต้อง The Best เพราะฟังแล้วบอกได้ว่าประเทศนั้นเจริญหรือไม่เจริญ
จินดารัตน์ – แสดงว่าเราพลาดตั้งแต่แรกแล้ว เราไม่มีหนึ่งเดียวเลยตอนนี้ เราก็ต้องยอมรับใช่ไหมคะ อาจารย์
ดร.สุกรี – ผมไม่ยอมรับ คนที่เก่งที่สุดในประเทศไทยต้องมีน่ะ
จินดารัตน์ – แต่ว่าวันนี้ที่เปิดตามสถานีโทรทัศน์ หรือว่าร้องกันตามโรงเรียน เปิดกันในงานโน้นงานนี้ ก็ไม่รู้ว่าอันไหนเป็นหนึ่งเดียว เป็นเอกลักษณ์จริงๆ วันนี้เราควรเริ่มกลับมาคิดทบทวนเรื่องนี้ไหมคะ อาจารย์
ดร.สุกรี – เราคิดได้ แต่เราทำได้หรือเปล่า เพราะเราไม่มีอำนาจอะไรที่จะทำนี่
จินดารัตน์ – คนรู้ไม่มีอำนาจ คนไม่รู้แต่มีอำนาจ ถูกไหมคะ อาจารย์
ดร.สุกรี – คนไม่รู้ไม่ชี้มากเกินไป คนไม่รู้แล้วชี้มีมากพอสมควร คนรู้แล้วชี้นี่มีน้อยแต่ไม่ชี้อีก คือก็หลบมุมไม่อยากยุ่งก็มีเยอะแยะไป แต่จะบอกประเทศนี้แบบกรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดีน่ะ แต่กรุงศรีอยุธยามาทีไรกรุงแตกทุกที มันมาตอนกรุงแตก แต่สำหรับผมในกรณีนี้ๆนี่ ในกรณีเพลงชาตินี่ ผมดีใจนะว่าได้มีการทำเกิดขึ้น เพราะว่าอย่างน้อยที่สุดเราจะได้เห็นว่าประเทศไทยคนรักชาติ
จินดารัตน์ – เป็นการสัดความรู้สึกคน
ดร.สุกรี – จริงๆเพลงชาติสำหรับส่วนตัวผมนะ เป็นเพลงเล็กๆนะ แต่ว่ามันสำคัญมามากๆ เป็นเพลงเล็กที่ยิ่งใหญ่ แต่วันนี้เพลงชาติสามารถวัดความรู้สึกของคนในชาติได้ว่า คนไทยมีความรู้สึกเกี่ยวกับชาติยังไง นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ผมเล่าเรื่อยเปื่อยซักนิดนึง ผมกลับมาจากต่างประเทศนี่ ผมไปสอนเด็กมหาลัยนี่ สอนปั๊บนี่มันไม่สนใจเลย บีโธเฟน โมสาร์ทนี่ ผมถามตัวเองว่าผมรู้จักเพลงชาติไหม ไม่รู้หรอก ไม่รู้ก็กลับไปเขียนหนังสือเรื่องเพลงชาตินี่เมื่อปี 2530 แล้วผมก็ยังขำตัวเอง ผมเขียนแล้วไม่มีใครอ่านเลยซักคน จนกระทั่งถึงวันนี้นะ 20 ปี คนก็มีหาเล่มนี้ ตลกไหม ผมเริ่มต้นจากไม่รู้อะไรเลย แล้วก็ค้นคว้า เลยกลายเป็นว่าสิ่งเหล่านี้หญ้าปากคอก ในที่สุดก็กลับไปที่เดิมที่ว่า มันน่าอนาถที่ว่าการศึกษาไทย ไม่สามารถบอกได้ว่าเพลงชาติตัวเองผิดหรือถูก
จินดารัตน์ – ชัดเจนค่ะ อาจารย์ อาจารย์ณรงค์ฤทธิ์ล่ะคะ ถ้าหากถามว่าอย่างเหตุผลที่ทางบริษัทแกรมมี่ทำมา 6 เวอร์ชั่น เขาบอกว่าบางเวอร์ชั่นเอาไปเปิดในงานลีลาสก็จะเป็นประสานเสียงไพเราะ นุ่นนวล อีกเวอร์ชั่นนึงให้เด็กๆร้อง เพื่อที่จะไปเปิดในโรงเรียนประถม อาจารย์คิดว่าถ้าหากว่าเอาเวอร์ชั่นที่คิดว่าเป็นหนึ่งเดียว อย่างสมมุตินะคะ ยกตัวอย่างเอาเสียงอาจารย์สันติไปร้องนี่ ปลุกใจ มีอารมณ์ร่วม กับอีกเวอร์ชั่นนึงที่แกรมมี่ทำเป็นเด็กๆร้อง ถ้าวัดใจกันแล้ว เวอร์ชั่นไหนอย่างไร เด็กๆจะสนใจ และมีความรู้สึกร่วมกับเพลงชาติมากกว่ากัน
ณรงค์ฤทธิ์ – วัดด้วยความสนใจ ผมว่าความสนใจในเพลงชาตินั้นไม่ต้องวัดครับ ทุกคนต้องสนใจ ถ้าคุณได้ยินเพลงชาติแล้วคุณไม่ยืนตรง อาจจะโดนจับก็ได้นะ ผมว่าอะไรก็ได้ให้มันดูขลัง ฟังแล้วมันมีพลัง นี่แหละคือพลังของชาติไทย ต้องสร้างความรู้สึก ไม่ใช่เพลงชาติเด็กร้อง เหมือนกับว่าให้เด็กร้อง เด็กจะได้ฟัง ไม่ใช่ของเด็กเล่น
ดร.สุกรี – คือจริงๆนี่ เพลงชาติที่เขาทำมานี่มันใช้ได้เหมือนกัน สำหรับสอนเด็กให้มีความสนใจ ว่าด้วยค่านิยมของเพลงชาตินะ แต่ว่าสุดยอดของเพลงชาติจริงๆเป็นเรื่องรสนิยมนะ ไม่ใช่เรื่องค่านิยมนะ
จินดารัตน์ – ค่านิยมกับรสนิยมไม่เหมือนกันนะคะ อาจารย์
ดร.สุกรี – ค่านิยมก็คือสร้างให้ความนิยม สร้างค่าขึ้นมาให้เกิดความนิยม การที่จะเอาเวอร์ชั่นต่างๆไปให้คนต่างๆฝึกร้องเพลงชาตินี่ ก็ว่าไปเถอะ แต่ว่าอันนี้เราพูดถึงจุดสุดยอดของประเทศไทยนี่นะ เราต้องพูดเรื่องรสนิยมสถานเดียว
จินดารัตน์ – เอาล่ะ อาจารย์คะ แต่ว่าแกรมมี่เขาทำมานี่ เพื่อให้ทางหน่วยงานภาครัฐเลือก 1 เวอร์ชั่นที่จะเป็นเอกลักษณ์นะคะ แล้ววันนี้เขาออกมาแถลงข่าวตลอดเวลา วันสองวันที่ผ่านมา เขาบอกว่าหมดหน้าที่ของเขาแล้ว แกรมมี่เขาบอกหมดหน้าที่แล้ว ทำออกมาโดยอิงจากการนำไปใช้งานในกาลเทศะที่แตกต่างกัน ซึ่งก็แล้วแต่ทางภาครัฐว่าจะเลือกใช้หรือไม่ ส่วนเนื้อร้องและทำนองนั้นคงเดิม เพียงแต่มีการอัดเสียงใหม่
ดร.สุกรี – ความจริงเขาพูดถูกนะ คือเขาทำได้แค่นั้น ทีนี้คนเลือกต่างหาก ถ้าเลือกด้วยความไม่รู้ แล้วเอาความไม่รู้เหล่านี้กระจายไปสู่ปวงชน ค่านิยมอันนั้นก็จะเป็นค่านิยมผิดๆ
จินดารัตน์ – ก็จะไม่รู้กันทั้งประเทศ
ดร.สุกรี – คนที่ความรู้เขาฟัง มันอายเขา
จินดารัตน์ – ถ้าฟังเวอร์ชั่น 1 นะคะ ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นแบบเป็นทางการ ปลุกใจสร้างพลังรักชาติ อาจารย์สันติฟังแล้วคิดว่ายังไงคะ
สันติ – ทำไมนะ แปลกแท้ๆเลย ทำไมผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรานี่ มองข้ามคนเก่งๆ คนที่เขาเก่งจริงๆ อย่างเช่นผมยกตัวอย่าง ท่านอาจารย์ พล.ร.ต.วีระพันธ์ วอกลาง ท่าน พล.ร.ต. หม่อมหลวงอัสนี ปราโมช ซึ่งตอนนี้ท่านไปอยู่ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท อาจารย์วีระพันธ์นี่ใกล้ชิดกับในหลวง และทำงานให้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นปีๆ แล้วรู้เรื่องเพลงคลาสสิกทั้งหมด ทำไมคนที่ดีๆอย่างเช่นอาจารย์สุกรี อาจารย์ชูชาติ อาจารย์ทั้งหลายซึ่งเป็นเจ้าของสถาบันต่างๆ ทำไมไม่เชิญมา แล้วก็มาพูดให้ทำพวกนี้ เพลงชาติไม่ใช่บริษัทที่ทำเทปขายกันอยู่นะครับ คนละเรื่อง
จินดารัตน์ – สรุปแล้วฟังเวอร์ชั่นแรก ปลุกใจได้ไหมคะ อาจารย์
สันติ – ฟังมันก็เหมือนปลุกใจแหละ แต่ฟังแล้วผมบอกแล้วว่าทำนองมันไม่ถูกอย่างนี้ ตัวคนร้องเองก็ไม่รู้ บริษัทแกรมมี่เองก็ไม่รู้ว่านี่มันผิด ถูกตัดไปไม่รู้
จินดารัตน์ – อาจารย์ณรงค์ฤทธิ์ล่ะคะ ฟังแล้วปลุกใจได้ไหมคะ แบบนี้ ในความรู้สึก
ณรงค์ฤทธิ์ – เวอร์ชั่นนี้ในความรู้สึกผมก็ยังพอรับได้อยู่ มีความเข้มแข็งอยู่ แล้วความผิดความถูกก็ต้องชี้ชัด ก็ยังรับได้ว่าเข้มแข็ง แต่ว่าก็ยังมองอีกมุมหนึ่งนะครับว่า เหมือนกับคล้ายๆกับอาจารย์ที่บอกว่าไม่ถูกต้อง แล้วก็ปรากฏว่าเหมือนกับที่จะตั้งไม่ตั้งไปนั่ง ที่จะนั่งไม่น่าเอาไปตั้ง คือลักษณะของคนที่ร้องเพลงนี่แหละครับ โดยวิธีการร้องไม่ต้องครับ เอาแค่ชื่อก็รู้แล้วว่าใครควรร้อง
จินดารัตน์ – ความเชื่อมั่นในน้ำเสียง และตัวศิลปินเอง ถูกไหมคะ อันนี้มีส่วนใช่ไหมคะ อาจารย์
ณรงค์ฤทธิ์ – ใช่ มีส่วนครับ ถึงจะมองในภาพมันก็จะออกเป็น
จินดารัตน์ – ถึงจะร้องเพลงชาติแต่ก็นึกถึงคุณเสก โลโซ ถือกีต้าร์ตัวนึง แล้วก็โยกหัวผมหยิกๆนิดหน่อยอะไรอย่างนั้นหรือเปล่าคะ
ณรงค์ฤทธิ์ – ใช่ครับ
สันติ – คือที่ผมพูดไปเมื่อกี๊นี้ ที่เอาผู้รู้มานี่ ไม่จำเป็นจะต้องเอาผมไป ผมไม่ต้องก็ได้ เอาคนรู้เขาทำ คนรู้อย่างที่ผมบอกไปนี่ ทำไมไม่ไปเชิญเขามา ท่านรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม ท่านมาพูดเมื่อเช้า ท่านพูดเก่ง ท่านดึงตัวท่านออก คือพูดแบบคนไม่รู้ ถูกต้องท่านไม่รู้ เพราะเมื่อเพลงผมบอกแล้วไง เพลงชาตินี่ถือเป็นเพลงคลาสสิก คลาสสิกที่ท่านอาจารย์สุกรีอธิบาย ไม่ใช่เพลงคลาสสิกโอเปร่าไม่ใช่ เป็นเพลงคลาสสิกชิ้นนึงของท่านอาจารย์
จินดารัตน์ – ถ้าฝรั่งเขาบอกก็เป็น Masterpiece
สันติ – Masterpiece ตั้งแต่พระเจนดุริยางค์ เพราะฉะนั้นจึงถือว่าเราจะต้องพยายามร้องให้ถูก อย่าไปพูดว่ามันยากแล้วตัดออก ในโลกนี้เขาไม่ทำกัน ยากแล้วตัดออก ลดคีย์ลงอะไรอย่างนี้ ทำให้มันดีไม่ว่า แต่ทำนองขอให้ถูก ทุกวันนี้ท่านพูดตลอดเวลาว่าท่านทำถูกต้อง ไม่ได้เปลี่ยนไม่ได้อะไร แต่ท่านไม่รู้ บริษัทแกรมมี่เองก็ไม่รู้ ท่านถูกเปลี่ยนไปแล้วโดยไม่รู้ตัว
จินดารัตน์ – ก็คิดว่าอันนั้นถูกต้องแล้ว ที่ทำออกมา
สันติ – แต่ความจริงแล้วมันถูกตัดไปนี่ ถูกเปลี่ยนไป 4 แห่ง โน้ตถูกตัดไป 2 ตัว เปลี่ยนไป 1 ตัว แล้วก็ตอนสุดท้ายโดยที่ไม่รู้ ยังคิดว่าถูก
จินดารัตน์ – ดิฉันคิดว่าคุณผู้ชมทางบ้านหลายคน เกือบจะทั้งหมดแหละค่ะ คงจะมีความรู้สึกว่าเพิ่งจะได้ทราบความจริงวันนี้
สันติ – นี่แหละความจริง เรียนนิดนึงนะครับ ทั้งหมดนี่เมื่อนักร้องรุ่นคุณพระเจนดุริยางค์ยังมีชีวิตอยู่ เขาร้องไว้ ผมมีโอกาสได้ไปไหว้ท่านครั้งเดียว แล้วก็ท่านกำลังไม่รู้เรื่องแล้ว จะไปเรียนกับท่านแล้วก็ไม่รู้เรื่อง ท่านมีชีวิตอยู่ท่านก็ให้นักร้องเหล่านี้ร้องเพลงชาติ แล้วเขาก็ร้องอย่างนี้ เวอร์ชั่นอันนี้เลย แล้วก็เทปม้วนนี้ไปอยู่ที่ไหนหมดก็ไม่ทราบ ที่ไหนมีอยู่ก็ลองไปหาฟังดู อย่างนี้เลย
จินดารัตน์ – หาไม่ได้แล้วหรือเปล่าคะ อาจารย์
สันติ – ไม่รู้ ผมก็ไม่รู้ แต่รุ่นเก่าๆผมยกตัวอย่างเช่น พี่เส คุณเสนีย์ รุ่นนั้นเขาร้องไว้ เขาร้องอย่างนี้ ทีนี้ก็ล้มหายตายจากไป ผมก็ร้องตามเขามา แล้วก็จำเอาโน้ตมาว่าอย่างนี้ถูกต้อง ทุกวันก็อย่างนี้
จินดารัตน์ – อาจารย์สุกรีล่ะคะ ฟังเวอร์ชั่นแรกของแกรมมี่ที่เขาบอกว่าเอาไปเปิดในงานราชการ หรือปลุกใจอะไรทั้งหลายแหล่ อาจารย์ฟังแล้วเป็นอย่างไรคะ
ดร.สุกรี – เขาใช้ไม่ได้นะ เพราะว่าถ้าเราจะถือว่าอันนี้เป็นเพลงชาติ เพื่อการปลุกใจชาติเฉพาะกิจนี่ ไปร้องให้ใครเขาฟังเพื่อเฉพาะกิจ โอเคนะ
จินดารัตน์ – อาจจะเป็นงานคอนเสิร์ตของแกรมมี่จัดเอง คุณจะเปิดก็เปิดไป ไม่เป็นไร
ดร.สุกรี – เพราว่ามันใช้เฉพาะกิจได้ เฉพาะส่วน เฉพาะองค์กร แต่ไม่ใช่เป็นตัวแทนของประเทศ เพราะเมื่อเป็นตัวแทนของประเทศปั๊บ เพลงชาตินี่ไม่ใช่ของคุณคนเดียวนะ ถ้าคุณร้องเพื่อประเทศ เป็นของผมด้วยนะ ผมมีส่วนด้วย เพราะฉะนั้นความภูมิใจ ความศรัทธา เสียงมันมีอำนาจ มีพลัง เพราะฉะนั้นเสียงร้องที่ออกมานี่ มันต้องเป็นเสียงของจักรวาล ตรงนี้มันสำคัญนะ แล้วใครจะตอบได้ คนรู้เท่านั้นที่ตอบได้ว่ามันมีพลังหรือเปล่า เมื่อไม่มีพลัง ไม่มีอำนาจ ก็ไม่สามารถที่จะขนลุกได้ เพลงชาติที่เราไม่ฟังๆปัจจุบันนี่ ตอนที่เหรียญโอลิมปิกได้ปั๊บนี่ ผมว่าพอเปิดเพลงชาติเวอร์ชั่นเก่าที่ว่าไม่ดีนี่ คนร้องไห้กันทั่วประเทศ มันเกิดอะไรขึ้น เพราะแต่ก่อนหน้านั้นไม่มีใครตั้งใจฟังไง พอตั้งใจฟังใจจดใจจ่อไปที่เพลงชาติที่เปิด ที่ไทยได้เหรียญโอลิมปิก คนน้ำตาซึมเพราะมันมีอำนาจกำหนดจิตคนได้ อันนี้เป็นตัวแทนชาติ
จินดารัตน์ – เพลงเวอร์ชั่นที่ 2 นี่ มีลักษณะเป็นแบบไม่แข็งกร้าวนะคะ แต่ว่าก็ใช้ปลุกใจได้เหมือนกัน แต่อาจจะเป็นใช้เสียงประสานแทนการใช้ดนตรี ฟังแล้วเป็นอย่างไรคะ พอไหวไหมคะ แต่ก็ยังผิดอยู่ ถูกไหมคะ อาจารย์
สันติ – ก็ผมเรียนให้ทราบตั้งแต่ต้นแล้วไง 6 เวอร์ชั่นผมไปฟังมาแล้ว ทำนองมันถูกทั้งนั้น นี่ทำนองมันหายไป เปิดอีก 3-4 เวอร์ชั่นผมก็บอกว่ามันไม่ถูก ถ้าเผื่อร้องให้ถูกผมก็จะโอเค
จินดารัตน์ – จะร้องประสานเสียงแต่ว่าร้องให้ถูก
สันติ – ร้องให้ถูกทำนองเขา
จินดารัตน์ – ถูกตัวโน้ตที่มีมาตั้งแต่แรก
สันติ – ถูกตัวโน้ต แล้วมีโน้ตปีศาลโผล่ขึ้นมาอยู่ครั้งนึง ผมไม่ทราบว่าใครเขียน ไปตัดเอาพวกนี้ออกแล้วก็บอกต้องร้องอย่างนี้ ตัดเอาพวก 3-4 ตัวออกนี่คือร้อง แล้วลอกเอาโน้ตนี่อีกข้างล่างนี่คือดนตรี แสดงว่าโน้ตร้องไม่มีตัวพวกนี้ คิดว่าคุณพระเจนดุริยางค์ใส่โน้ตไว้เพื่ออะไร ท่านคงไม่ใส่โน้ตห่วยๆตัวเดียวเอาไว้ เป็นไปไม่ได้ ท่านต้องการให้เป็นทำนอง ไม่ใช่ตัดออก
จินดารัตน์ – ไม่ใช่เห็นว่ามันไม่สำคัญไม่ได้เลยตัดออก
สันติ – นี่คือการที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
จินดารัตน์ – ส่วนเวอร์ชั่นที่ 3 และ 4 ก็คือเอาใจวัยรุ่น และก็อาจจะเป็นเรื่องของเด็กรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่ที่เป็นเสียงเบิร์ด ธงไชย กับคุณตู่ นันทิดา อาจารย์วิพากษ์วิจารณ์หน่อยไหมคะ
ดร.สุกรี – เขาก็ตั้งใจร้องนะ บรรจงร้องมาก แต่ในกรณีที่ว่า เพลงชาตินี่มันเป็นเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ เป็นเรื่องความภูมิใจ เป็นเรื่องความเชื่อมั่น เป็นเรื่องความยิ่งใหญ่ มันไม่ได้ สิ่งเหล่านี้มันขาดไปหมด แล้วประกอบกับร้องไม่ถูกต้องทั้งภาษา ทั้งทำนองนี่ และก็ดนตรีก็ใส่ไปแบบคาราโอเกะน่ะ แล้วประเทศไทยมันเป็นประเทศคาราโอเกะหรือเปล่า ผมก็คุยเล่นๆเมื่อกี๊นะครับว่า สมมุติพระเจนท่านมีชีวิตอยู่นี่ คุณสันติก็อาจจะสงสารคุณพระเจนนะ
สันติ – ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่นี่โดนด่าเปิงเลยนะ คุณพระเจนดุริยางค์ดุนะ
ดร.สุกรี – แต่ผมสงสารประเทศไทยมากกว่า ประเทศทำไมถึงด้อยปัญญาถึงขนาดนี้
จินดารัตน์ – อาจารย์คะ อาจารย์คิดว่าควรจะโทษใครดีคะ
ดร.สุกรี – ผมโทษกระทรวงศึกษาธิการไม่ศึกษาให้รู้ ไม่สอนคนให้รู้ แล้วไม่สอนคนให้ทำในสิ่งที่ถูกๆ ผมไม่โทษคนที่ทำผิดครับ เพราะเขาทำด้วยความตั้งใจดี เขาคิดว่ามันดีที่สุดแต่เขารู้แค่นั้น ทำได้แค่นั้น แต่สิ่งที่ดีที่สุดของคุณนี่มันอาจจะไม่ดีพอ แต่ว่าเขาทำดีที่สุดแล้ว แต่ว่าเราจะโทษใคร จากพระเจนดุริยางค์ 2475 ถึงปัจจุบันนี่นะ ประเทศมันน่าจะเจริญมากกว่านี้นะ แล้วก็ควรจะสร้างเพลงชาติที่มีความอลังการ จากสิ่งที่มีอยู่
จินดารัตน์ – จริงๆเราควรทำมาตั้งนานแล้วใช่ไหมคะ อาจารย์ ไม่ใช่ปล่อยให้แต่ละคนต่างคนต่างก็ใช้กันไปหลายเวอร์ชั่น
ดร.สุกรี – ไทยไม่เคยใส่ใจสิ่งเหล่านี้แค่นั้นเอง โดยเฉพาะกรมศิลปากร เป็นหน้าที่ของเขาโดยตรง กรมประชาสัมพันธ์มีหน้าที่เผยแพร่สิ่งที่ถูกๆ เมื่อ 2 ตำแหน่งหน้าที่ตรงนี้ไม่ทำนี่ คนอื่นไปทำก็โทษเขาไม่ได้นะ เขาตั้งใจดีนะ
จินดารัตน์ – ต้องรอให้หน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องมายื่นมือเข้ามาทำ แล้วก็ทำไม่ถูกออกมาอย่างที่เห็น
ดร.สุกรี – เพราะฉะนั้นกระทรวงวัฒนธรรมนี่ก็ผิดแล้ว เพราะไม่ทำ เขามีกระทรวงไว้เพื่อให้ทำ แต่ไม่ทำ แล้วจะมาวิจารณ์ว่าคนอื่นทำ วิจารณ์โน่นไม่ดีนี่ไม่ดี กระทรวงวัฒนธรรมต้องรู้ต้องทำ กรมศิลป์ต้องรู้ต้องทำ กรมประชาสัมพันธ์ต้องเผยแพร่สิ่งที่ดี ที่รู้ให้กับประชาชนเข้าใจ แล้วกระทรวงศึกษาธิการต้องสอนสิ่งที่ถูกๆให้กับสังคม
จินดารัตน์ – ต้องเป็นความรู้ที่เป็นหนึ่งเดียวเหมือนกันหมด
ดร.สุกรี – ไม่ใช่หนึ่งเดียว คืออธิบายความถูกต้อง
จินดารัตน์ – ว่าที่ถูกมันคืออะไร ที่ใช้กันมาผิดๆมันคืออะไร อาจารย์ณรงค์ฤทธิ์ล่ะคะ คิดอย่างไรคะ
ณรงค์ฤทธิ์ – อันนี้ผมว่าผมแทยไม่ต้องวิจารณ์เลยครับ เพราะฟังผมว่าใครก็ต้องคิดเหมือนผมนะ คิดง่ายๆอันนี้ผมว่าอาจจะไม่ใช่อันนี้เป็นเวอร์ชั่นที่เป็นต้นฉบับถาวร
จินดารัตน์ – แต่ถ้าคิดจะใช้อันนี้นี่ก็ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก
ณรงค์ฤทธิ์ – เขาบอกว่าเพลงชาติมีหลายเวอร์ชั่น ที่ผมได้ยินมานะ ยังไงมันก็คล้ายกันอยู่ ก็ยังเกาะแถว ก็ยังคล้ายๆกันอยู่ครับ มันไม่ฉีกอะไรจากกันเท่าไหร่หรอกครับ
สันติ – เขาไม่ทราบ คนที่ทำคนร้องก็ไม่ทราบ เพราะฉะนั้นผมถึงได้เรียนเมื่อกี๊ไงว่า เชิญผู้รู้มาทำเสีย ไม่จำเป็นต้องเป็นสันติก็ได้ ใครก็ได้ที่เขารู้เพลงพวกนี้ แล้วเขาชี้ให้ทำ
ณรงค์ฤทธิ์ – อันนี้ผมยืนยันว่า เพลงชาติถึงจะเวอร์ชั่นไหน ตอนเช้า 8 โมงได้ยินที่โน่นที่นี่มันก็ยังคล้ายๆกันอยู่ แต่อันนี้มันเห็นปั๊บ มันดูเป็นอย่างอื่นมากกว่าน่าจะเป็นเพลงชาติน่ะครับ เพราะนักร้องก็ไม่ได้ ความรู้สึกเหมือนกับว่าถ้าผมเป็นประเทศที่ไม่ใช่ประเทศไทย คือฟังแล้วรู้สึกว่าประเทศนี้นี่มันอ่อนแอเหลือเกิน ผมคนไทยมีความมีเอกราช เข้มแข็ง มันต้องเข้มแข็ง เพลงชาตินี่ต้องอย่างที่ครูสันติร้องนี่โอเค
สันติ – คุณพระเจนดุริยางค์ท่านเขียนไว้บนหัวข้างบน จังหวะปานกลาง และก็องอาจ หมายถึงอะไรครับ คือเพลงแกรนด์มาร์ช เพราะฉะนั้นไม่ใช่ของเล่นนะ ผู้หลักผู้ใหญ่ในแผ่นดิน ฟังผมวันนี้แล้วท่านไปคิดว่าผมผิดหรือถูก
จินดารัตน์ – ที่นี้ไหนก็พูดเรื่องเพลงชาติกันแล้ว จะเอาให้แกรมมี่ไปทำ หรือให้ใครไปทำก็แล้วแต่ วันนี้นี่นะคะ เราควรกลับไปทบทวนกันใหม่ไหมคะ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง กรมศิลปากร กรมประชาสัมพันธ์ กระทรวงศึกษาธิการ อาจารย์คะ หน่วยงานต่างๆเหล่านี้ ควรทำตัวอย่างไรวันนี้ แสดงบทบาทตัวเองอย่างไรดีคะ
ดร.สุกรี – ผมตอบไม่ได้ เพราะว่าผมไม่เป็นรัฐมนตรีนี่
จินดารัตน์ – ถ้าอาจารย์จะเรียกร้องให้หน่วยงานเหล่านี้แสดงความรับผิดชอบ เอาล่ะ เป็นหน้าที่ของคุณ คุณต้องทำ ควรจะเริ่มต้นจากไหน อาจารย์พอจะแนะได้ไหม
ดร.สุกรี – มันก็ต้องทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าการที่คนในสังคมแห่ตะลุมบอนเรื่องเพลงชาตินี่ ผมว่ามันมีอะไรบางอย่างผิดปกติแล้วนะ ถ้าผิดปกติแล้วเราจะแก้ตรงไหน อย่างไร ถ้าเป็นผมมันพูดไม่ได้นะ เพราะว่าไม่ได้เป็นรัฐมนตรี จริงๆง่ายที่สุดก็คือ รวมนักปราชญ์ราชบัณฑิตที่เกี่ยวกับดนตรี เกี่ยวกับความเป็นชาติ ให้ท่านไปประชุมกัน ว่าเอายังไงกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น คนมีความต้องการเปลี่ยนแปลงใช่ไหม ความเปลี่ยนของเวอร์ชั่นเก่าที่มีอยู่นี่ เช่นว่าเครื่องดนตรีเก่า เขาเล่นออกมาการบันทึกเสียงไม่ดีเอย นักร้องเสียงโบราณเอย การเล่น การอะไรต่างๆ สิ่งเหล่านี้นี่เทคโนโลยีใหม่ๆมันมีมากขึ้น ฝีมือนักดนตรีมีมากขึ้น สมมุติรวมนักปราชญ์ราชบัณฑิตมาคุยกันเสร็จแล้วนี่ ทำให้สมกับที่พระเจนท่านเขียนไว้ โน้ตเพลงนี่พระเจนท่านเขียนไว้หมดทุกประการ ไม่ใช่ไม่มี มันมีอยู่แล้วที่กรมศิลปากรนี่ มีเวอร์ชั่นที่ถูกต้องที่เป็นหลักของชาติ ทำให้ถูกต้องตรงนั้น โดยใช้นักร้องสมัยใหม่ ที่ถูกฝึกมาอย่างดีแล้วร้องให้ถูกต้อง มีคนรู้กำกับอะไรถูก อะไรผิด แล้วเมื่อถูกชี้ถูกชี้ผิดความถูกต้องออกหมดแล้ว สิ่งเหล่านั้นถึงจะออกไปได้
จินดารัตน์ – อาจารย์เชื่อมั่นว่าถ้าทำอย่างที่อาจารย์แนะนำไปนี่ พอทำออกมาแบบนี้แล้ว ทุกคนจะมีความรู้สึกเดียวกันได้
ดร.สุกรี – ต้องประกอบด้วยฝีมือสุดยอดด้วยนะ คือคนที่ทำด้วยฝีมือสุดยอดไม่มีใครกล้าแตะต้อง เพราะคนอื่นๆมันไปไม่ถึงไง เพลงชาติเมื่อฟังปั๊บอย่างที่คุณณรงค์ฤทธิ์บอกว่า ฟังแล้วขนลุก คำว่าขนลุกตรงนั้นมันใช่ แต่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามฟังแล้วคนแหยงนี่ ฟังแล้วแหย เอ๊ะ ประเทศไทยนี่มันมีเพลงชาติหรือเปล่า อันนี้มันตั้งคำถามแล้วว่าสิ่งเหล่านั้นมันใช้ไม่ได้
จินดารัตน์ – อาจารย์ณรงค์ฤทธิ์ล่ะคะ คิดเห็นอย่างไรคะ อยากได้เพลงชาติที่เป็นเอกลักษณ์จริงๆไปเปิดที่กรมประชาสัมพันธ์ เปิดที่หน่วยงานภาครัฐ ควรจะเป็นเพลงเดียวกันทั้งหมด เอามาทำกันใหม่อย่างที่อาจารย์บอกหรือเปล่าคะ
ณรงค์ฤทธิ์ – ผมว่าในขณะนี้นะครับ ด้วยอะไรทุกอย่างโดยภาพรวม ผมว่ายังไม่มีอะไรต้องทำ เพราะทำไปแล้วผมว่ายังไม่ถึงอย่างที่อาจารย์ว่า คืออย่างน้อยๆนักร้องที่จะต้องร้อง ผมว่าควรจะเป็นภาพเหมือนผมตอนเด็กๆ ผมได้ยินเพลงปลุกใจของครูสันติ
จินดารัตน์ – คือถ้าได้ยินเสียงของคุณสันติ คือต้องเป็นเพลงประเภทนี้
ณรงค์ฤทธิ์ – ใช่ครับ เป็นเพลงประเภทนี้เด็ดขาด เหมาะสมจะร้องเพลงชาติ ถ้าจะทำเพลงชาติ ควรจะหานักร้อง ไม่ใช่มีความสามารถอย่างที่อาจารย์บอก ต้องสร้างเหมือนกับความเป็นอิมเมจของตัวเขาเอง ต้องให้ถึงอย่างนี้ก่อน ให้คนยอมรับ
จินดารัตน์ – ไม่จำเป็นต้องเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง
ณรงค์ฤทธิ์ – มันคนละเรื่องครับ จริงๆแล้วอย่างนี้แกรมมี่เขาก็ไม่ผิดนะครับ เพราะมีคนให้ทำ แต่ทำแล้วต้องปกป้องตัวเองทุกอย่าง ทำแล้วมั่นใจว่าไม่โดนว่า ทำอย่างไร แนวดนตรีทุกอย่าง และนักร้องนี่สำคัญที่สุด ต้องมีภาพเป็นนักร้องเพลงปลุกใจอย่างครู และก็ต้องสร้างนักร้องใหม่ๆขึ้นมา เพื่อเหมือนกับให้มีประชาชนไว้ใจ คนที่ร้องเพลงชาติได้อย่างนี้ คือเป็นยี่ห้อเลยครับ ต้องเป็นแบบนี้ก่อนถึงจะยอมรับ ต้องสร้างนักร้องให้เหมาะสมกับที่จะร้องเพลงชาติ ต้องปั้นตรงๆเลย
จินดารัตน์ – สมมุติว่าวันนี้ได้อย่างที่อาจารย์แนะมาแล้ว ว่าเอาผู้รู้ทั้งหลายมาคุยกันหมดเลย ว่าควรจะออกมาเป็นแบบไหนอย่างไร พอทำออกมาเป็นต้นฉบับจริงๆแล้ว ทีนี้การไปเปิดล่ะคะ มันจำเป็นสำคัญมาก เพราะว่าบางคนก็บอกว่า หน่วยงานราชการเองบางทีก็ยังไม่เห็นเปิดเลย ไม่เห็นเปิดอย่างที่เขาทำกันมาเพื่อที่จะให้เป็นเอกลักษณ์จริงๆของเรา อาจารย์เห็นเป็นอย่างไรคะ ว่าเอกชน หรือว่าสถานีโทรทัศน์ จำเป็นไหมคะ ควรบังคับกันไปเลยไหมว่าต้องเปิดนะ ต้องเป็นเวอร์ชั่นนี้เวอร์ชั่นเดียว
สันติ – ผมไม่ทราบความตื้นลึกหนาบางภายในสถานีโทรทัศน์แต่ละแห่ง เพลงพระราชนิพนธ์ในหลวงเคยทำไว้เมื่อประมาณ 20-30 ที่แล้ว ผมร้องไว้กับวงทหารเรือ ท่านทำเสร็จแล้วก็ทรงทำเป็นเทปแจกสถานี ทุกวันนี้ผมยังไม่ค่อยได้ยินเลย นี่คือคำตอบ
ดร.สุกรี – จริงๆแล้วนี่ เขาจะเปิดหรือไม่เปิดก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก แต่ด้วยปัจจุบันประเทศไทยนี่สื่อเป็นเจ้าพ่อหมดแล้ว คือยิ่งใหญ่ที่สุด กลุ่มความรู้ทั้งมวล เก็บข้อมูลและก็ควบคุมความรู้ แต่ถ้าหากว่าเพลงชาติมันไปอยู่กับเด็กทุกๆคน ในกระทรวงศึกษาธิการนี่มีครูดนตรีร้องถูกต้องนี่ ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องไปอยู่ที่ไหน เพราะคนโตมาก็ร้องเพลงชาติถูกต้องตั้งแต่ประถมยันมัธยมทุกวันนี่ โตขึ้นมาแล้วเขาไม่จำเป็นต้องฟังเท่าไหร่หรอก เหมือนๆกับอยู่ในตัวเขาแล้ว
ณรงค์ฤทธิ์ – ผมว่ามันเป็นสิทธิของผู้เปิด เขาจะเปิดหรือไม่เปิด อยากเวอร์ชั่นไหน แล้วถ้าถามว่าถ้าทำแล้วคนเปิด ทำมาเพื่ออะไร ทำเพื่อให้เป็นหนึ่งก็ต้องเปิดสิครับ ไม่เปิดจะทำทำไม อยู่เฉยๆไม่โดนว่าด้วย ทีนี้พอทำมาแล้วได้ไม่ได้ จะเปิดไม่เปิดก็ต้องดู สมมุติว่าถ้าทำดีเปิดเลย ทั้งประเทศพร้อมใจเปิด
จินดารัตน์ – ให้รัฐบาลประกาศเลยว่า นี่เป็นเวอร์ชั่นเดียวที่เป็นต้นฉบับจริงๆตอนนี้
ณรงค์ฤทธิ์ – แต่ต้องเป็นที่ยอมรับของคนทั้งชาติ
จินดารัตน์ – ควรทำประชาพิจารณ์ไหมคะ
ณรงค์ฤทธิ์ – ครับใช่
จินดารัตน์ – คือเปิดให้ฟังแล้วฟังเสียงประชาชนว่าชอบหรือไม่ชอบ
ดร.สุกรี – คือในความเป็นจริงนี่ ถ้าของมันดี มันดีด้วยของมันดี มันดีในตัวมันเอง คือคนจะรู้สึกอย่างไรมันเป็นความรู้สึกส่วนตัวของคน แต่ของเหล่านั้น สมมุติว่าก้อนหินมันแข็ง ยังไงมันก็แข็ง ร้อยวันพันปีมันก็แข็ง ศิลปะเหมือนกับคุณโมนาลิซ่าเนี่ย คุณไปเปลี่ยนเขาได้ไหม ร้อยวันพันปีมันก็เป็นโมนาลิซ่า ก็แค่นั้นแหละ เพราะฉะนั้นของดีมันดีเพราะของดี
จินดารัตน์ – ความสวย คุณค่ามันอยู่ในตัวของมันเองนะคะ ตอนนี้เราไปที่ต้นเรื่อง จากกระทรวงกลาโหม ท่าน พล.ท.พลางกูร กล้าหาญ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด อดีตโฆษกกระทรวงกลาโหม ถามกันชัดๆไปเลย เพราะมีคุณผู้ชมทางบ้านถามว่า กระทรวงกลาโหมไม่มีอะไรทำกันแล้วหรือ ว่างมากหรือเปล่า เพราะฉะนั้นถามท่านเจ้ากรมเลยค่ะ ท่านเจ้ากรมคะ สวัสดีค่ะ
พล.ท.พลางกูร – สวัสดีครับ คุณจินดารัตน์ครับ
จินดารัตน์ – ท่านเจ้ากรมคะ ตอนนี้หลายคนสงสัยว่า เหตุผลทำไมกระทรวงกลาโหมถึงต้องให้บริษัทแกรมมี่ ไปทำเพลงชาติไทยใหม่ค่ะ เพื่ออะไรคะ
พล.ท.พลางกูร – ผมตอบโดยสรุปเลยแล้วกันนะครับ วันนี้ท่าน พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ ท่านอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และก็รัฐมนตรีกลาโหมนะครับ ย้อนหลังไปซัก 3 ปีที่แล้วโดยประมาณนี่ ก็เป็นนโยบายของรัฐบาล ในเรื่องของการที่จะให้พี่น้องคนไทย เกิดความรักสำนึกในชาติบ้านเมืองนะครับ ก็อาจจะมีจุดของ เรื่องของเพลงชาติไทยนี่นะครับ ซึ่งก็รู้ว่าตอนนี้เป็นข่าวที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจมาก ซึ่งเดิมนั้นก็มีการพูดคุยกันว่า ไม่ได้เปลี่ยนเนื้อเพลงชาติไทยนะครับ อาจจะมีการลักษณะว่า มีการปรับปรุงทำนอง แล้วก็เงียบหายไปพักหนึ่ง แล้วก็มาเกิดเพลงเขาเรียกว่า รักเธอประเทศไทย คงจำได้นะครับ ก็จะได้รับการตอบสนองมาก เพราะฉะนั้นวันนี้ที่กลับมาเป็นข่าวอีก ผมอยากจะเรียนโดยตรงว่า ก็อาจจะเป็นลักษณะหนึ่งที่ค่ายแกรมมี่เขาอาจจะเคยเสนอไว้เดิมนะครับ แล้วก็เกิดเป็นข่าวขึ้นมา ถ้าเรามองในมุมกลับว่า ก็แสดงให้เห็นว่าคนไทยนี่ รักในสิ่งที่เป็นของชาติบ้านเมือ ง เพลงชาติไทยผมเองก็ได้ยินมาตั้งแต่เกิด ตอนนี้ก็ 52 แล้ว
จินดารัตน์ – ท่านเจ้ากรมคะ แต่ว่า 6 เวอร์ชั่นที่แกรมมี่ทำส่งมาให้ทางหน่วยงานราชการนี่นะคะ ท่านผู้รู้ทั้งหลายวันนี้มานั่งอยู่กับดิฉัน ทั้ง 3 ท่านยืนยันชัดเจนว่า เพลงชาติที่ทางแกรมมี่ทำส่งมาทั้ง 6 เวอร์ชั่นนั้น ไม่มีเวอร์ชั่นไหนเลยที่ถูกต้องเหมือนแต่เดิมที่พระเจนดุริยางค์ได้ประพันธ์เอาไว้
สันติ – ไม่ได้หมายความว่าถูกหรือผิด เพียงแต่โน้ตบางตัวที่ควรจะมีไปตัดเขาออกเสีย แล้วก็ไปเปลี่ยนเมโลดี้เสีย โดยที่ผมทราบว่าทางแกรมมี่เองก็ไม่รู้
พล.ท.พลางกูร – ผมเรียนอย่างนี้แล้วกัน ท่านอาจารย์ครับ ด้วยความเคารพนะครับ ทางกระทรวงกลาโหมก็ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น แล้วก็อาจจะเป็นข่าวที่บูมขึ้นมาในช่วงนี้ ก็ถือว่าเป็นการจุดประกายว่าคนไทยเราก็รัก ศรัทธา เพลงชาติไทยที่มีมาแต่ดั้งเดิม
จินดารัตน์ – และตกลงจะเลือกเวอร์ชั่นไหนคะ ที่เป็นเอกลักษณ์จริงๆ จะเลือกไหมคะ
พล.ท.พลางกูร – ถ้าถามผมใช่ไหมครับ ขออนุญาตใช้สิทธิส่วนบุคคล คือผมเลือกของเดิมครับ ของเดิมที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิม ที่ผมเคารพธงชาติไทยมาโดยตลอด อันนี้ก็อยู่ที่สิทธิของแต่ละท่านนะครับ แต่ขอความกรุณาว่า ในส่วนของแกรมมี่เอง เขาก็คงไม่ได้คิดที่จะไปหักล้าง หรือว่าเปลี่ยนแนวความคิดนะครับ
จินดารัตน์ – ท่านเจ้ากรมคะ ถูกไหมคะที่บริษัทแกรมมี่บอกว่า เขาไม่ได้เรียกค่าจ้าง สินจ้างอะไรใดๆทั้งสิ้น แล้วไม่ได้คิดค่าเอาไปทำใหม่ทั้ง 6 เวอร์ชั่น คือไม่ได้หวังผลประโยชน์
พล.ท.พลางกูร – ผมอยากให้ฟังหรือติดตามข่าวในวันพรุ่งนี้ เพราะว่าท่าน พล.อ.สัมพันธ์ท่านให้สัมภาษณ์ไปค่อนข้างจะยาว แล้วก็เรียนว่าในทางหลักการและเหตุผลนั้น ทางแกรมมี่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรนะครับ แล้วก็ในส่วนของการที่เป็นข่าวบูมขึ้นมา ก็ต้องคิดในแง่จิตวิทยามวลชน ก็ต้องถือว่าพี่น้องคนไทยนี่เรายังรักและผูกพันกับเพลงชาติไทยเดิม ก็เป็นสิ่งที่ดีครับ ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็รณรงค์กันเรื่องความรักชาติบ้านเมือง ก็แก้ไขปัญหานี่คะ
จินดารัตน์ – แล้วเมื่อกระทรวงกลาโหมคิดจะทำ ทำไมถึงไม่ให้หน่วยงานของราชการ เช่น กรมศิลปากร ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงไปทำ ทำไมต้องให้แกรมมี่ทำ
พล.ท.พลางกูร – คืออย่างนี้ครับ ที่มาที่ไปผมอาจจะรู้ไม่ชัดเจน แต่ว่าพรุ่งนี้ลองอ่านข่าวที่ พล.อ.สัมพันธ์ท่านให้สัมภาษณ์นะครับ พรุ่งนี้ลองติดตามดู แล้วผมจะเรียนเพิ่มเติมแล้วกัน
จินดารัตน์ – แล้วใครเป็นผู้ตัดสินใจได้คะ ว่าจะเอาเวอร์ชั่นไหน หรือจะเอาหรือไม่เอา
พล.ท.พลางกูร – ไม่มีใครตัดสินใจได้หรอกครับ อยุ่ที่พี่น้องประชาชนครับ
จินดารัตน์ – เอาล่ะค่ะ วันนี้ต้องฟังเสียงของประชาชนทั่วประเทศนะคะ ขอบพระคุณค่ะ ท่านเจ้ากรมคะ สวัสดีค่ะ เท่าที่ดิฉันได้ไปดูในเว็บไซด์ของผู้จัดการ ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นกว่าหมื่นคน มากกว่า 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ค่ะ ที่ไม่เห็นด้วยและไม่เอาด้วย อาจารย์เห็นว่าอย่างไรคะ
ดร.สุกรี – คือโดยส่วนตัวนี่ ผมดีใจว่าเพลงชาติได้รับความสนใจ และผมคิดว่าถึงเวลาที่ผู้ที่เกี่ยวข้องนี่ ต้องหันมาทำเพลงชาติดีๆ ถูกต้อง และเป็นแม่แบบ เป็นหลักฐาน เป็นเสาหลักเหมือนกับศาลเจ้าพ่อหลักเมืองน่ะ
สันติ – คือจะไปโทษแกรมมี่เขาก็ไม่ได้ เพราะว่าแกรมมี่เขามีวิชั่น มีความรู้แค่นี้ แค่ที่ทำแค่นี้ ไม่มีมากกว่านี้ ก็เขาทำออกมาเขายังเขียนบอกว่า ไม่ได้เปลี่ยน ถูกต้อง เขาทำอย่างนี้ เขาพูดโดยที่เขายังไม่รู้เลย ว่าโน้ตมันขาดไป 2-3 ตัวเขายังไม่รู้ ก็ไปโทษเขาไม่ได้ เขามีความรู้แค่นี้ ที่ผมเรียนไปแล้วว่าเพลงชาติ ไม่ใช่ว่าให้บริษัทเทปมาทำ ไม่ใช่สถานีวิทยุที่ไหนทำ เพลงชาติต้องให้ผู้รู้ ไม่ไปนิมนต์เขาล่ะ ไปนิมนต์เขามาสิ
จินดารัตน์ – วันนี้ชัดเจนนะคะ ขอบพระคุณอาจารย์ทั้ง 3 ท่านเป็นอย่างสูงค่ะ วันนี้ขอบคุณ คุณผู้ชมทางบ้านทุกสายค่ะ ขอบคุณในความรักชาติของทุกๆท่านด้วยนะคะ วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีค่ะ