•• อันที่จริง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังถือได้ว่าเป็น นายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา และ ณ นาทีนี้ก็ยังถือว่า ไม่มีคู่เปรียบเทียบ แต่ท่านกำลัง เสื่อมลง, เสื่อมลง และ เสื่อมลง ในอัตราเร่งเพราะไม่ปฏิบัติตาม มงคลสูตรข้อ 1 ว่าด้วย อเสวนา จะ พาลานัง – การไม่คบคนพาล พระพุทธองค์ทรงตรัสถึงลักษณะของ คนพาล ไว้ว่าคือ คนไม่ดี, คนโง่ และ คนชั่ว และจำแนกแยกย่อยลงไปว่า ความชั่ว ณ ที่นี้นั้นมี 3 ด้านด้วยกันคือ ทำชั่ว, พูดชั่ว และ คิดชั่ว ทำชั่วคือการกระทำชั่วทางกาย ประกอบด้วย ฆ่าสัตว์ 1 ลักทรัพย์ 1 ประพฤติผิดในกาม 1 พูดชั่วคือการกระทำชั่วทางวาจาประกอบด้วย พูดเท็จ 1 พูดส่อเสียด 1 พูดคำหยาบ 1 พูดเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้สาระ 1และคิดชั่วคือการกระทำชั่วทางใจประกอบด้วย คิดอยากได้ของของผู้อื่นมาเป็นของตน 1 คิดพยาบาทปองร้ายให้ผู้อื่นพินาศ 1 คิดวิปริตเป็นมิจฉาทิฐิ 1 รวมความว่าคนพาลหมายถึง คนที่ทำชั่วทางกาย 3 ทางวาจา 4 ทางใจ 3 อันได้แก่ ทุจริตกรรม 10 หรือนัยหนึ่ง อกุศลกรรมบถ 10 ประการ คนพาลที่มีความประพฤติอย่างนี้พระพุทธองค์ทรงสอน ไม่ให้คบหาเข้าใกล้ เพราะ “...เมื่อคบหาเข้าใกล้ชิดสนิทสนมด้วย ก็จะทำให้เรามีใจโน้มเอียงคล้อยตาม ยินดีชอบใจในการกระทำของเขา เอาอย่างเขา อันจะเป็นเหตุให้เรากลายเป็นคนพาลไปด้วย คนพาลจึงเปรียบเหมือนปลาเน่า ใบไม้นั้นก็พลอยเหม็นเน่าไปด้วย เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรคบคนพาล ไม่ควรฟังคำพูดของคนพาล ไม่ควรอยู่ร่วมกับคนพาล ไม่ควรเจรจาปราศรัยกับคนพาล ไม่ควรชอบใจความประพฤติของคนพาล เพราะคนพาลนำมาแต่ความพินาศเพียงประการเดียว.” หากปรับประยุกต์เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันก็คือต่อให้ นายกรัฐมนตรีเก่งกาจปานใด แต่หากยังมี รัฐมนตรีฉ้อฉล อยู่ข้างกายข้างใจก็อย่าหวังว่าจะพบ ความสำเร็จ, ความเจริญ และ การได้สมบัติทั้งปวง อันเป็นความหมายของ มงคลสูตร ที่มีอยู่รวม 38 ประการ และจะต้องปฏิบัติไล่เรียงเป็นลำดับ ๆ ไปโดยเริ่มต้นที่ ข้อ 1 อเสวนา จะ พาลานัง – การไม่คบคนพาล ก่อนเป็นปฐม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เคยกล่าวไว้หลายครั้งหลายหนว่า “...รัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่เครื่องฟอกมนุษย์.” เหตุไฉนจึงไม่เร่ง สลัดคนพาลออกไป เล่า
•• กลับจาก บุรีรัมย์ แล้วอย่ามัวแต่ซาบซึ้งตรึงใจกับการต้อนรับอันอบอุ่นของ เนวิน ชิดชอบ เร่งพิจารณากรณี ทุจริตกล้ายาง อย่าง จริงจัง, จริงใจ และ มีหลักประกันในความน่าเชื่อถือ มันผู้ใดพิจารณาได้ว่า มีเจตนาฉ้อฉล แม้ว่า ยากจะหาหลักฐานลงทัณฑ์ ท่านก็ต้องเร่งใช้ มาตรการทางบริหาร – ประหารชีวิตทางการเมือง ให้เป็นที่ประจักษ์แก่แผ่นดินตามที่ท่านเคย สัญญาแล้วสัญญาอีก เสียที
•• ถ้าจะให้ดีก็ดำเนินการไปพร้อม ๆ กับกรณี ทุจริตซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดสนามบินสุวรรณภูมิ คือใช้ มาตรการทางบริหาร – ประหารชีวิตทางการเมือง รัฐมนตรีร่วมรัฐบาลสัก 2 คน ท่านก็เริ่มหันบังเหียนชีวิตเข้าสู่ลู่ทางของ มงคลสูตร ได้อีกครั้ง
•• กรณี กล้ายาง นั้น “เซี่ยงเส้าหลง” ไม่ได้เล่าสู่กันฟังมาก่อนเพราะเห็น ข่าวหน้า 1, รายงานพิเศษ เขาร่ายยาวไว้อย่างละเอียดพิสดารแล้ว
•• มาวันนี้จะขอ สรุปสั้น ๆ เพื่อประหยัดเวลาให้ผู้อ่านที่ไม่ได้ติดตามมาก่อนเป็น ปฐมบท ก่อนจะ ร่ายยาว ต่อในวันพรุ่งนี้ที่น่าจะมีเนื้อที่ให้นำเสนอมากกว่า
•• กรณี กล้ายาง เกิดขึ้นใน โครงการขยายพื้นที่ปลูก 3 ล้านไร่ 90 ล้านต้น ซึ่งมีระยะดำเนินการต่อเนื่อง 3 ปี แค่ปีแรกก็ ตายไปกว่า 30 % จากอัตราปกติ ควรจะตายเพียงประมาณ 10 % เท่านั้น ไม่ได้เกิดเหตุมาจาก ภัยแล้ง สาเหตุมาจากให้ เครือซีพี -- เอกชนเพียงรายเดียว ได้โครงการไปทั้ง ๆ ที่ ไม่พร้อม, ไม่มีแปลงเพาะกล้ายางของตัวเอง จึงมีสภาพเป็น หัวคิวในการจัดหากล้ายาง โดย รัฐเต็มใจยกให้ ภายใต้ สัญญาที่มีเงื่อนงำ – ในทำนองล็อกสเปค ดังนั้นทั้งเรื่อง การส่งมอบ, การควบคุมคุณภาพ จึง ไม่มีมาตรฐาน ตั้งแต่หน้าแล้งปี 2547 เป็นต้นมาคนที่มีอาชีพด้านการเพาะกล้ายางแถบ สุราษฎร์ธานี, ชุมพร, พังงา, นครศรีธรรมราช ได้รับ ออร์เดอร์สั่งกล้ายาง ไปให้ อีสาน, เหนือ ซื้อขายกันในราคา ต้นละ 5 บาทเท่านั้น แถม ต้องตีรถไปส่งมอบเอง และถ้าหากยางกระทบกระเทือนจนช้ำก็ ขายไม่ได้, แปลงไม่รับซื้อ ทว่าเชื่อไหมว่าก็ยังมี คนร่ำรวยจากการนี้ไปไม่น้อย แต่กล้ายางต้นละ 5 บาทเดียวกันนี้ถูกนำไปขายให้เกษตรกรในโครงการของรัฐบาลถึง ต้นละเกือบ 14 บาท และถึงแม้ว่าในประเด็นคุณภาพนี้ ดูยาก บางต้นก็ ตายไปแล้ว ไม่เหมือนกับการโกงเหล็กเส้นในการก่อสร้างที่ เอาค้อนทุบดูก็พิสูจน์ได้ แต่มันก็จะยังมีหลักฐานอยู่ให้เห็นในอนาคตเช่น ยางไม่มีรากแก้ว -- ปลูกไปยิ่งนาน 4 - 5 ปีเกษตรกรก็ยิ่งเสียเวลาและเสียโอกาส อย่าลืมว่ากล้าที่ไม่สมบูรณ์พอบางต้นแม้จะ รอดไปได้ แต่มันจะไป แสดงอาการตอนอายุ 6 - 7 ปี ซึ่งเป็นระยะที่จะ กรีดยาง แต่มันจะกลายเป็น ยางแคระ คือ ไม่ให้น้ำยางเอาดื้อ ๆ เมื่อถึงเวลานั้นคือในอีก 6 - 7 ปีข้างหน้า คนที่เกี่ยวข้องหลายคนคงจะ เกษียณอายุราชการ, กินบำนาญ หรือไปเป็น ที่ปรึกษาบริษัทเอกชน ส่วนเกษตรกรที่คิดจะ พลิกชีวิตตัวเอง, ไถสวนเก่าเพื่อปลูกยางพารา หวังจะ ขายแพง ๆ เขาจะอยู่ต่อได้อย่างไร
•• เรื่องนี้เข้าลักษณะ คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย เพราะแม้โครงการจะ มีประโยชน์ แต่แทนที่จะมอบหมายให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีความชำนาญโดยตรง เป็น ผู้ดำเนินการ กลับมอบหมายให้อยู่ในการบริหารจัดการของ กรมวิชาการเกษตร ที่อยู่ภายใต้ อิทธิพล, บารมี ของนักการเมืองคนหนึ่งที่ดูแลกรมนี้เกือบจะ ต่อเนื่อง กันมา 8 ปี จึงเกิดปรากฏการณ์เห็นพ้องต้องกันหมดตั้งแต่ พ่อค้า, ข้าราชการประจำ ไปจนถึง นักการเมือง ครบองค์ 3 พอดี
•• ก่อนหน้าจะเป็น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แรกเริ่มเดิมทีกระทรวงแห่งนี้คือ กรมนา เป็น 1 ใน 4 ของ จตุสดมภ์ ซึ่งโดยความหมายก็คือ 1 ใน 4 เสาหลักของสังคมไทย เป็นหน่วยที่ ดูแลการผลิตของสังคมไทยมาแต่โบราณกาล การจัดวางบุคลากรลง ณ ที่นี้จะต้องให้มั่นใจว่า ปราศจากคนพาล โดยเด็ดขาด
•• ลำพัง คอร์รัปชั่น ไม่ว่าเกิดขึ้นที่ไหนที่กระทรวงใดมันก็ เลวร้าย แต่หากเกิดขึ้นใน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือเดิมคือ กรมนา ความเลวร้ายดังกล่าวจะยิ่ง ทบทวีขึ้นเป็น 2 เท่า ก็เพราะว่ามันเป็น การทำมาหากินบนน้ำตาและความทุกข์ยากของประชาชนคนชั้นล่าง ที่โดยปกติก็แทบจะ ไม่มีโอกาสในทางสังคมเทียบเท่าคนในกลุ่มอื่น ๆ อยู่แล้ว แต่เชื่อ “เซี่ยงเส้าหลง” ไหมว่าแทบจะร้อยทั้งร้อย ช่องทางการทุจริตในกระทรวงเกษตรฯ – ส่วนใหญ่ตั้งเรื่องขึ้นมาจากเหตุความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน เราจะพบรูปแบบของกระบวนการ หากินกับภัยแล้ง, หากินกับการประกันราคา-พยุงราคา, หากินกับวิกฤตเศรษฐกิจ และ ตั้งโครงการใหม่ ๆ หนึ่งในราษฎรอาวุโสของแผ่นดิน ศ.ระพี สาคริก กล่าวไว้ว่าเรื่อง การทุจริตในกระทรวงเกษตรฯ นั้น “...ถ้าจะเอาเรื่องจริง ๆ อาจไม่มีคุกจะใส่พอ.” พรุ่งนี้จะนำจดหมายของท่านฉบับหนึ่งที่มาถึง สนธิ ลิ้มทองกุล มาลงให้อ่านกัน
•• เมื่อวันขึ้นปีใหม่ 2548 หมาด ๆ นี่เอง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวกับประชาชนทั่วประเทศว่า “ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นจะเป็นเรื่องสำคัญต่อไปที่รัฐบาลจะเข้าไปดูแลแก้ปัญหา เช่นเดียวกันการทำสงครามกับยาเสพติด โดยอันดับแรกที่จะดำเนินการคือ ปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สามารถเอาผิดกับข้าราชการการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชั่นได้โดยตรง ... ทั้งนี้ รัฐบาลเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศรวมเป็นพลังแผ่นดิน จะทำให้เราได้รับชัยชนะในการต่อสู้กับปัญหาดังกล่าว เช่นเดียวกับที่ได้ชัยชนะในสงครามกับยาเสพติดมาแล้ว แม้จะต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการแก้ปัญหาก็ตาม.” พิสูจน์ด้วย การกระทำ สิท่าน
•• ถึงเวลาแล้วที่ ประชาชนทั้งแผ่นดิน จะต้อง ขานรับดัง ๆ ขึ้นพร้อมกัน ร่วมก่อตั้งชมรม บูชาในหลวงด้วยปฏิบัติบูชา – ร่วมกันกำจัดกังฉินให้พ้นแผ่นดิน ดีไหม
•• กลับจาก บุรีรัมย์ แล้วอย่ามัวแต่ซาบซึ้งตรึงใจกับการต้อนรับอันอบอุ่นของ เนวิน ชิดชอบ เร่งพิจารณากรณี ทุจริตกล้ายาง อย่าง จริงจัง, จริงใจ และ มีหลักประกันในความน่าเชื่อถือ มันผู้ใดพิจารณาได้ว่า มีเจตนาฉ้อฉล แม้ว่า ยากจะหาหลักฐานลงทัณฑ์ ท่านก็ต้องเร่งใช้ มาตรการทางบริหาร – ประหารชีวิตทางการเมือง ให้เป็นที่ประจักษ์แก่แผ่นดินตามที่ท่านเคย สัญญาแล้วสัญญาอีก เสียที
•• ถ้าจะให้ดีก็ดำเนินการไปพร้อม ๆ กับกรณี ทุจริตซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดสนามบินสุวรรณภูมิ คือใช้ มาตรการทางบริหาร – ประหารชีวิตทางการเมือง รัฐมนตรีร่วมรัฐบาลสัก 2 คน ท่านก็เริ่มหันบังเหียนชีวิตเข้าสู่ลู่ทางของ มงคลสูตร ได้อีกครั้ง
•• กรณี กล้ายาง นั้น “เซี่ยงเส้าหลง” ไม่ได้เล่าสู่กันฟังมาก่อนเพราะเห็น ข่าวหน้า 1, รายงานพิเศษ เขาร่ายยาวไว้อย่างละเอียดพิสดารแล้ว
•• มาวันนี้จะขอ สรุปสั้น ๆ เพื่อประหยัดเวลาให้ผู้อ่านที่ไม่ได้ติดตามมาก่อนเป็น ปฐมบท ก่อนจะ ร่ายยาว ต่อในวันพรุ่งนี้ที่น่าจะมีเนื้อที่ให้นำเสนอมากกว่า
•• กรณี กล้ายาง เกิดขึ้นใน โครงการขยายพื้นที่ปลูก 3 ล้านไร่ 90 ล้านต้น ซึ่งมีระยะดำเนินการต่อเนื่อง 3 ปี แค่ปีแรกก็ ตายไปกว่า 30 % จากอัตราปกติ ควรจะตายเพียงประมาณ 10 % เท่านั้น ไม่ได้เกิดเหตุมาจาก ภัยแล้ง สาเหตุมาจากให้ เครือซีพี -- เอกชนเพียงรายเดียว ได้โครงการไปทั้ง ๆ ที่ ไม่พร้อม, ไม่มีแปลงเพาะกล้ายางของตัวเอง จึงมีสภาพเป็น หัวคิวในการจัดหากล้ายาง โดย รัฐเต็มใจยกให้ ภายใต้ สัญญาที่มีเงื่อนงำ – ในทำนองล็อกสเปค ดังนั้นทั้งเรื่อง การส่งมอบ, การควบคุมคุณภาพ จึง ไม่มีมาตรฐาน ตั้งแต่หน้าแล้งปี 2547 เป็นต้นมาคนที่มีอาชีพด้านการเพาะกล้ายางแถบ สุราษฎร์ธานี, ชุมพร, พังงา, นครศรีธรรมราช ได้รับ ออร์เดอร์สั่งกล้ายาง ไปให้ อีสาน, เหนือ ซื้อขายกันในราคา ต้นละ 5 บาทเท่านั้น แถม ต้องตีรถไปส่งมอบเอง และถ้าหากยางกระทบกระเทือนจนช้ำก็ ขายไม่ได้, แปลงไม่รับซื้อ ทว่าเชื่อไหมว่าก็ยังมี คนร่ำรวยจากการนี้ไปไม่น้อย แต่กล้ายางต้นละ 5 บาทเดียวกันนี้ถูกนำไปขายให้เกษตรกรในโครงการของรัฐบาลถึง ต้นละเกือบ 14 บาท และถึงแม้ว่าในประเด็นคุณภาพนี้ ดูยาก บางต้นก็ ตายไปแล้ว ไม่เหมือนกับการโกงเหล็กเส้นในการก่อสร้างที่ เอาค้อนทุบดูก็พิสูจน์ได้ แต่มันก็จะยังมีหลักฐานอยู่ให้เห็นในอนาคตเช่น ยางไม่มีรากแก้ว -- ปลูกไปยิ่งนาน 4 - 5 ปีเกษตรกรก็ยิ่งเสียเวลาและเสียโอกาส อย่าลืมว่ากล้าที่ไม่สมบูรณ์พอบางต้นแม้จะ รอดไปได้ แต่มันจะไป แสดงอาการตอนอายุ 6 - 7 ปี ซึ่งเป็นระยะที่จะ กรีดยาง แต่มันจะกลายเป็น ยางแคระ คือ ไม่ให้น้ำยางเอาดื้อ ๆ เมื่อถึงเวลานั้นคือในอีก 6 - 7 ปีข้างหน้า คนที่เกี่ยวข้องหลายคนคงจะ เกษียณอายุราชการ, กินบำนาญ หรือไปเป็น ที่ปรึกษาบริษัทเอกชน ส่วนเกษตรกรที่คิดจะ พลิกชีวิตตัวเอง, ไถสวนเก่าเพื่อปลูกยางพารา หวังจะ ขายแพง ๆ เขาจะอยู่ต่อได้อย่างไร
•• เรื่องนี้เข้าลักษณะ คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย เพราะแม้โครงการจะ มีประโยชน์ แต่แทนที่จะมอบหมายให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีความชำนาญโดยตรง เป็น ผู้ดำเนินการ กลับมอบหมายให้อยู่ในการบริหารจัดการของ กรมวิชาการเกษตร ที่อยู่ภายใต้ อิทธิพล, บารมี ของนักการเมืองคนหนึ่งที่ดูแลกรมนี้เกือบจะ ต่อเนื่อง กันมา 8 ปี จึงเกิดปรากฏการณ์เห็นพ้องต้องกันหมดตั้งแต่ พ่อค้า, ข้าราชการประจำ ไปจนถึง นักการเมือง ครบองค์ 3 พอดี
•• ก่อนหน้าจะเป็น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แรกเริ่มเดิมทีกระทรวงแห่งนี้คือ กรมนา เป็น 1 ใน 4 ของ จตุสดมภ์ ซึ่งโดยความหมายก็คือ 1 ใน 4 เสาหลักของสังคมไทย เป็นหน่วยที่ ดูแลการผลิตของสังคมไทยมาแต่โบราณกาล การจัดวางบุคลากรลง ณ ที่นี้จะต้องให้มั่นใจว่า ปราศจากคนพาล โดยเด็ดขาด
•• ลำพัง คอร์รัปชั่น ไม่ว่าเกิดขึ้นที่ไหนที่กระทรวงใดมันก็ เลวร้าย แต่หากเกิดขึ้นใน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือเดิมคือ กรมนา ความเลวร้ายดังกล่าวจะยิ่ง ทบทวีขึ้นเป็น 2 เท่า ก็เพราะว่ามันเป็น การทำมาหากินบนน้ำตาและความทุกข์ยากของประชาชนคนชั้นล่าง ที่โดยปกติก็แทบจะ ไม่มีโอกาสในทางสังคมเทียบเท่าคนในกลุ่มอื่น ๆ อยู่แล้ว แต่เชื่อ “เซี่ยงเส้าหลง” ไหมว่าแทบจะร้อยทั้งร้อย ช่องทางการทุจริตในกระทรวงเกษตรฯ – ส่วนใหญ่ตั้งเรื่องขึ้นมาจากเหตุความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน เราจะพบรูปแบบของกระบวนการ หากินกับภัยแล้ง, หากินกับการประกันราคา-พยุงราคา, หากินกับวิกฤตเศรษฐกิจ และ ตั้งโครงการใหม่ ๆ หนึ่งในราษฎรอาวุโสของแผ่นดิน ศ.ระพี สาคริก กล่าวไว้ว่าเรื่อง การทุจริตในกระทรวงเกษตรฯ นั้น “...ถ้าจะเอาเรื่องจริง ๆ อาจไม่มีคุกจะใส่พอ.” พรุ่งนี้จะนำจดหมายของท่านฉบับหนึ่งที่มาถึง สนธิ ลิ้มทองกุล มาลงให้อ่านกัน
•• เมื่อวันขึ้นปีใหม่ 2548 หมาด ๆ นี่เอง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวกับประชาชนทั่วประเทศว่า “ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นจะเป็นเรื่องสำคัญต่อไปที่รัฐบาลจะเข้าไปดูแลแก้ปัญหา เช่นเดียวกันการทำสงครามกับยาเสพติด โดยอันดับแรกที่จะดำเนินการคือ ปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สามารถเอาผิดกับข้าราชการการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชั่นได้โดยตรง ... ทั้งนี้ รัฐบาลเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศรวมเป็นพลังแผ่นดิน จะทำให้เราได้รับชัยชนะในการต่อสู้กับปัญหาดังกล่าว เช่นเดียวกับที่ได้ชัยชนะในสงครามกับยาเสพติดมาแล้ว แม้จะต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการแก้ปัญหาก็ตาม.” พิสูจน์ด้วย การกระทำ สิท่าน
•• ถึงเวลาแล้วที่ ประชาชนทั้งแผ่นดิน จะต้อง ขานรับดัง ๆ ขึ้นพร้อมกัน ร่วมก่อตั้งชมรม บูชาในหลวงด้วยปฏิบัติบูชา – ร่วมกันกำจัดกังฉินให้พ้นแผ่นดิน ดีไหม