“พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี” รองผอ.กอ.รมน.และที่ปรึกษารมว.กลาโหม เปิดใจในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ (28 เม.ย.) เผย เสียใจที่ไม่ระงับเหตุแต่เช้าทำให้ลูกน้องต้องตาย พ้อ พูดถึง “เหตุกรือเซะ” ทีไร ไม่มีใครนึกถึงทหารตำรวจที่พลีชีพสักคน แฉ “บิ๊กจิ๋ว” สั่งคำเดียว “ระวังมัสยิดพัง”-พร้อมระบุ ปัญหาใต้เรื้อรังมานับร้อยปี และปรับรูปแบบเป็นสงครามกองโจร แนะ วิธีแก้ต้องดึงแนวร่วมมาเป็นพวก และปรับแนวคิดให้เข้าใจว่า “ทุกคนคือคนไทย”
รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 28 เมษายน 2548 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร และบัณฑิต ปิ่นมงคลกุล
สำราญ – ครับ ก็กลับมาที่รายการสภาท่าพระอาทิตย์นะครับ คุณบัณฑิตและผมสำราญนะครับ ก็อย่างที่เกริ่นกันไว้ ก็ครบรอบเหตุการณ์ 1 ปีสถานการณ์ที่กรือเซะ 28 เมษายน 2547 ถึง 28 เมษายน 2548 คือวันนี้นะครับ ตัวละครหรือบุคคลสำคัญที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น ในส่วนของทางการทางราชการก็คือ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณีนะครับ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถูกพาดพิงภาคทัณฑ์ในมิติต่างๆนะครับ ถูกมองว่าเป็นสายเหยี่ยวสร้างความรุนแรงอะไรก็แล้วแต่นะครับ แต่ว่าวันเวลาก็พิสูจน์ข้อเท็จจริงอะไรหลายสิ่งหลายอย่างให้ได้รับทราบกันนะครับ รวมทั้งมีการเขียนหนังสือโดยบุคคลบางกลุ่ม พูดถึงปฏิบัติการตัดสินใจของท่าน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ในชื่อหนังสือว่า “ผมผิดหรือ ... ที่ยึดกรือเซะ” ก็กำลังขายดิบขายดีนะครับ ท่านผู้ชม ท่านผู้ฟังหลายท่านคงจะได้อ่านดูบ้างแล้วนะครับ ก็เอาล่ะครับ ตอนนี้ขอต้อนรับ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณีนะครับ ตำแหน่งที่เป็นทางการก็คือ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และก็อีกตำแหน่งหนึ่งที่เป็นทางการนะครับ ใหม่หมาดๆซัก 2 เดือนที่ผ่านมา เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมครับ สวัสดีครับ
บัณฑิต – สวัสดีครับ
พล.อ.พัลลภ – สวัสดีครับ
สำราญ – ขอบพระคุณนะครับ เห็นว่าจะไปประชุมสภากลาโหมต่อ เลยต้องรีบคุยนะครับ ท่านผู้ฟังมีคำถามก็เชิญเลยนะครับ 02-6294433 เราคงเริ่มกันที่ 28 เมษายนปีที่แล้วซักนิดหนึ่ง
บัณฑิต – ย้อนความหลังก่อน
สำราญ – จริงๆโดยตำแหน่งนี่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณีนี่เกี่ยวข้องโดยตรงไหมครับตอนนั้น
พล.อ.พัลลภ – ช่วงนั้นเกี่ยวข้อง 2 ตำแหน่งครับ ตำแหน่งแรกคือผมเป็นรอง ผอ.กอ.สสส.จชต. นะครับ พล.อ.ชวลิตท่านเป็นผู้อำนวยการ ท่านให้ผมไปรับผิดชอบในพื้นที่ครับ นั่นตำแหน่งหนึ่ง อีกตำแหน่งก็คือฐานะรอง ผอ.กตร. นะครับ ที่ควบคุมพลภาคชายแดนอยู่ครับ
สำราญ – เหตุการณ์นี่ ทำไมต้องไปที่มัสยิดกรือเซะ เหตุการณ์พาไปอย่างไรครับ
พล.อ.พัลลภ – คือเรื่องอย่างนี้นะครับ วันนี้เวลาตี 5 โจรก่อการร้ายได้เข้าปฏิบัติการในวันที่ 28 เมษายน 2547 เข้าอุบัติการณ์ 11 จุดใน 3 จังหวัดนะครับ คือ 6 จุดที่ยะลา 4 จุดที่ปัตตานี และอีกจุดหนึ่งคือที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลานะครับ เข้าปฏิบัติการพร้อมกัน 11 จุด ทีนี้เรื่องนี่ครับเราพอทราบข่าวมา ตอนนี้ผมรับผิดชอบภาคใต้อยู่ ก็ได้เตือนไป ที่เราทราบข่าวเพราะอะไร เพราะว่าวันที่ 28 เมษายน ทางขบวนการโจรก่อการร้าย ถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของขบวนการ ถ้าเราย้อนไป “กบฏดุซงยอ” ที่เกิดขึ้นที่นราธิวาสเมื่อ พ.ศ.2491 นะครับ ก็ 28 เมษายนเหมือนกัน เราก็ได้เตรียมกำลังไว้ ทำให้การที่เขาเข้าโจมตีใช้กำลังหลายร้อยคนนะครับใน 11 จุด ทำให้การสูญเสียฝ่ายเรานี่น้อย เพราะเรารู้ตัวอยู่แล้ว ใน 11 จุดนี่เราเสียชีวิต 5 บาดเจ็บ 17 นะครับ ส่วนโจรก่อการร้ายเสียชีวิต 107 คนนะครับ เราจับเป็นได้ 5 คน
สำราญ - พล.อ.พัลลภไปมัสยิดกรือเซะตอนไหนครับ
พล.อ.พัลลภ – ผมไปตอนเกือบ 11 โมงกว่าแล้วครับ คือเรื่องนี้ครับวันนั้นซักตี 5 ครึ่ง พล.ท.ขวัญชาติ กล้าหาญ ตอนนั้นท่านเป็นรองแม่ทัพอยู่ สำหรับ พล.ท.ขวัญชาตินี่เคยเป็นลูกน้องผม สมัยผมเป็นผู้พันที่ปัตตานี ก็โทรมารายงานว่าผู้ก่อการร้ายได้เข้าโจมตีใน 11 จุด เราสามารถยับยั้งไว้ได้เว้นจุดเดียวที่กรือเซะ คือที่กรือเซะเขารายงานบอกว่า มีประมาณ 30-50 คนเดิมรายงานว่าอย่างนั้นนะครับ หลังจากที่เข้าโจมตีป้อมที่กรือเซะ ป้อมกรือเซะเป็นป้อมตำรวจที่ห่างจากกรือเซะ ประมาณ 100 เมตร โจมตียิงตำรวจตาย 1 บาดเจ็บสาหัส 1 เผาป้อมและเผามอเตอร์ไซด์ แล้วหลบเข้าไปอยู่มัสยิดกรือเซะ รายงานผมมาอย่างนั้น
ผมก็สั่งการบอกว่าให้กำลังปิดล้อมให้ พยายามจับเป็นให้ได้ ในชั้นต้นตอนเกือบ 6 โมงเช้า พอดีช่วงนั้นมีนักข่าวสายทหารนี่นะครับ ไปเยี่ยมกองอำนวยการผมพอดี ผมก็บรรยายสรุปถึงเหตุการณ์ภาคใต้อยู่ซัก 10 โมงกว่า ก็มีฝ่ายข่าวคนหนึ่งมากระซิบผม บอกท่านครับ ที่กรือเซะทหารเราถูกจับตัวเป็นตัวประกัน 2 คน เมื่อเป็นเช่นนั้นผมก็ถามว่าแล้วแม่ทัพภาค 4 อยู่ที่ไหน เขาบอกแม่ทัพภาค 4 ตอนนี้ไปอยู่ที่กงปีนัง เพราะกงปีนังนี่เป็นจุดหนึ่งที่เข้าตีเมื่อตี 5 แล้ว 8 โมงเข้าตีอีกครั้งหนึ่ง เข้าตี 2 ครั้ง แม่ทัพภาค 4 ไปอยู่ที่นั่น
เมื่อเป็นดังนี้ผมก็เลยไปอีก้อเซอะ ผมไปถึงประมาณ 11 โมงกว่า ไปถึงก็ยังมีการยิงกันประปรายอยู่เราก็ปิดล้อมไว้ เมื่อผมไปถึงนั้นผมทราบว่า ก็พบรองผู้บัญชาการภูธรภาค 9 พล.ต.ต.ธานี ทวิชศรี นะครับ และ พ.อ.มนัส คงแป้น ผู้บัญชาการปัตตานี และการ พล.ต.ฟ้อย ซึ่งเป็นรองฝ่ายทหารของ จ.ปัตตานีอยู่ที่นั่น ผมก็ถามถึงเหตุการณ์ว่าเป็นจริงไหม เขาบอกว่าไม่ใช่หรอกครับ เป็นชาวบ้านแล้วปล่อยออกมาแล้ว
สำราญ – ที่ถูกยึดตัวประกันนะครับ
พล.อ.พัลลภ – ครับ เป็นชาวบ้านปล่อยออกมาแล้ว ผมก็ถามว่าได้ดำเนินการอะไรไปบ้างแล้ว เขาบอกว่าพยายามทุกอย่างนะครับ พยายามส่งกำลังเข้าไปเจรจาก็ถูกยิงมา อย่างเช่น ส.อ.สามารถนี่ เป็นหน่วยรบพิเศษนะครับ พอไปเจรจาก็ถูกยิงแสกหน้าเสียชีวิตทันที ลักษณะแบบนั้น ช่วงผมไปถึงนี่ครับ ของเรานี่เสียชีวิต 3 บาดเจ็บสาหัส 7 นะครับที่รายล้อมมัสยิดอยู่ ขณะที่ผมกำลังเจรจาอยู่นั้น ก็ตำรวจบาดเจ็บสาหัสไปอีกคนหนึ่ง คือมีการยิงประปรายอยู่เรื่องนะครับ ผมก็ถามว่าทำอะไรไป เขาก็บอกว่าพยายามยิงแก๊สน้ำตานะครับเพื่อจะจับเป็น
แต่ปรากฏว่ายิงไม่เข้าเพราะมัสยิดกรือเซะนี่นะครับมีกรงเหล็ก และก็เขาเอาผ้าใบลง เพราะฉะนั้นแก๊สน้ำตายิงไม่เข้า เมื่อเป็นดังนั้นผมก็บอกว่า พ.อ.มนัส บอกขอ ฮ. ผมกะจะมายิงให้หลังคามันเปิดแล้วยิงแก๊สน้ำตาเข้าไป เพื่อจะจับเป็น ปรากฏเมื่อขอ ฮ. มาแล้วนี่ ปรากฏไม่ได้ครับ เพราะประชาชนที่มามุงดูนี่นะครับเข้ามาใกล้เกินระยะ 100 เมตร เพราะระยะนิรภัยเราจะต้อง 100 เมตร นี่เข้ามาเพียงถนนขวางเท่านั้นเองไม่ถึง 100 เมตร ผมก็เกรงว่าถ้าใช้ไปมันพลาดปั๊บ มันจะโดนประชาชน ปัญหาใหญ่ตามมา ผมก็สั่งระงับใช้
ขณะนั้นเราก็สังเกตว่าประชาชนนี่เพิ่มขึ้นเร็วเหลือเกินนะครับ ตอนผมไปถึงตอน 11 โมงนี่ ผมสังเกตทางทิศตะวันออกนะครับ มีอยู่ประมาณ 300-400 คนนะครับ ผู้คนที่มาดู และทางทิศเหนือก็ไล่เลียงกันนะครับ หลังจากนั้นก็ทั้ง 2 กลุ่มนี่มารวมกันทางทิศตะวันออกเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้นะครับ อีกอย่างหนึ่งเมื่อเรายิงตอบโต้นี่ครับ แล้วเราประกาศให้โจรวางอาวุธนี่นะครับ ชาวบ้านจะโห่ร้อง แต่พอโจรยิงเราตบมือครับ อันนี้ผมก็มองสถานการณ์ออก ในฐานะที่ผมเรียนตั้งแต่ต้นแล้วว่า ผมนี่เคยเป็นผู้พันปัตตานีมา 4 ปี แล้วผมเคยต่อสู้พวกนี้มาทั้ง 4 ปี ผมรู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ผมก็สั่ง พ.อ.มนัสบอกไปเอากำลังมาเพิ่ม เพื่อคุมฝูงชนพวกนี้นะครับ ปรากฏว่าวันนั้นกำลังที่ส่งมาให้ผมได้ 30 คน คุณลองคิดว่าคน 30 คนจะคุมคน 3000-4000 คนได้อย่างไร ใช่ไหมครับ เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนั้นผมก็มองแล้วว่า เราไม่มีทางเลือกอย่างอื่นหรอกครับ ผมดูแล้วขณะนั้นผมมีทางเลือก 2 ทาง ทางแรกคือผมถอนกำลังทหาร ตำรวจออกเลยนะครับ คุณลองคิดดูครับว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าผมทำแบบนั้นอำนาจรัฐใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นี่จะจบเลย ใช่ไหมครับ อีกอย่างหนึ่งเกียรติภูมิทหาร ตำรวจจะเหลือที่ไหน เป็นหน่วยรบพิเศษ หน่วยคอมมาโดวิ่งหนีโจร มันก็จบเลย ผมก็คิดว่าถ้าผมจะทำอย่างนี้ ผมยอมตายที่มัสยิดกรือเซะดีกว่า
อันที่สองผมมองว่าถ้าผมปิดล้อมไว้จนกระทั่งเย็นนะครับ และประชาชนฮือเข้ามา ผมก็จำเป็นต้องใช้อาวุธใช่ไหมครับ เมื่อผมใช้อาวุธอะไรจะเกิดขึ้นครับ ก็จะบาดเจ็บล้มตายเป็นร้อยเป็นพันเลย ก็จะเกิดจลาจลขึ้นเลย ก็จะเข้าตามล็อคที่เขาวาง ที่ผมพูดเข้าตามล็อคเขาวางเพราะอะไร เพราะว่าโจรพวกนี้ตอนมาปล้นด่านตำรวจที่กรือเซะเมื่อตี 5 แล้ว ถ้าเขาไม่มีแผนการที่จะทำอะไรต่อไปนี่ เขาเพียงแต่เดินไปทางทิศตะวันตกข้ามถนนไป 200 เมตรกว่าได้ ก็จะเข้าป่าสวนยางขึ้นเขาไปได้เลย ทำไมเขามายึดมัสยิดกรือเซะไว้ เขามีแผนตัวนี้ครับ ต้องการตัวนี้ครับ
สำราญ – ก็เลยตัดสินใจ
พล.อ.พัลลภ – เมื่อเป็นแบบนี้ผมก็พยายามทุกอย่าง พยายามพูดอะไรต่ออะไร ก่อนจะเข้าผมก็เรียกกำนันมานะครับ กำนันที่อยู่ในพื้นที่นั้น ผมถามบอกว่ากำนันรู้จักไหม คนที่อยู่ในพื้นที่นั้น กำนันได้ยืนยันกับผมบอกว่าไม่รู้จัก เป็นคนต่างพื้นที่ ไม่ใช่คนในพื้นที่เขต อ.เมือง ปัตตานี
บัณฑิต – หมายถึงคนที่มาล้อมหรือครับ
พล.อ.พัลลภ – ไม่ใช่ คนที่อยู่ในมัสยิด
บัณฑิต – มองเห็นหรือครับ
พล.อ.พัลลภ – กำนันเขาเห็นครับ เขาเข้าไป กำนันเป็นคนมุสลิมที่นั่น ผมเรียกกำนันมาแล้วครับก็ถาม จนกระทั่งครั้งสุดท้ายผมดูว่า ถ้าผมปล่อยไปมันก็จะเกิดปัญหาอย่างที่ว่านี่นะครับ ผมก็ต้องตัดสินใจ ก็รายงานให้ พล.อ.ชวลิตท่านทราบถึงสถานการณ์ เพราะสถานการณ์เป็นแบบนี้ เราไม่มีทางเลือกอย่างอื่นแล้ว ถ้าปล่อยไว้ค่ำปั๊บก็จะเข้าแผนเขา จะเกิดการจลาจลแน่นอน ผมบอกว่าผมจำเป็นต้องกวาดล้าง
ท่านก็ท้วงมาคำเดียวครับ ท่านไม่ได้ท้วงว่าห้ามไม่ให้ผมเข้ากวาดล้าง ท่านบอกว่า อย่า เดี๋ยวมัสยิดจะพัง ท่านกลัวมัสยิดจะพัง ท่านบอกว่าท่านกำลังจะซ่อมอยู่ เมื่อเป็นดังนี้ผมก็คิดในใจว่า ผมทำได้ไม่ให้มันพัง ก่อนผมจะยกพลเข้า ผมก็ให้โอกาสเขาครั้งสุดท้าย ผมเอา RPG 40 ยิงเข้าไปที่ฐานมัสยิด 5 นัด ผมรู้ว่า 40 นี่ไม่สามารถทำลายมัสยิดได้หรอก เพราะว่าเขาสร้างมาสำหรับเหล็ก รถถังอะไรพวกนี้ ยิงบังเกอร์นะครับ ผมยิงเตือนครับ ยิงไป 5 นัดที่ฐานมัสยิด
ผมรู้อยู่แล้วว่าทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าอิฐ ไม้นี่ RPG ทำอะไรไม่ได้ เสียงดังอย่างกับฟ้าผ่า แต่ที่เขาตอบผมมาคืออะไรครับ เสียงเขาประกาศมา เขาก็สวดมนต์ เสียงสวดมนต์แล้วประกาศจีฮัจญ์ พร้อมที่ยอมตาย เขาประกาศออกมาอย่างนั้นไม่พอ เขาประกาศประชาชนให้มาร่วมกับเขาอีก เมื่อเป็นดังนั้นผมไม่มีทางอื่นนะครับ ผมก็จำเป็นต้องสั่งให้กำลังเข้ากวาดล้าง กำลังเข้ากวาดล้างนี่ผมใช้หน่วยรบพิเศษพูดง่ายๆเพียง 17 คนเท่านั้นเอง แบ่งออกเป็น 2 ชุด อีกชุดหนึ่งเข้าทางทิศเหนือเป็นฐานยิง อีกทิศหนึ่ง 5 คนนะครับเข้าทางทิศตะวันตก
สำราญ – เป็นทหารมาจากหน่วยอะไรครับ
พล.อ.พัลลภ – หน่วยรบพิเศษลพบุรีครับ ผมใช้แค่นั้นเอง จะเห็นว่าถ้าผมนี่ต้องการให้โจรตายนะ ช่วงผมเอา RPG ยิงที่ฐาน ผมยิงเข้าหน้าต่างเลยครับ ตายหมดแหละครับ เพียง 5 นัดนี่ตายหมดเลย ผมว่าเหล็กดัดนี่ทาน RPG ผมไม่อยู่หรอกครับ แต่ผมก็ไม่ได้ทำ ผมพยายามให้โอกาสเขาครั้งสุดท้าย
สำราญ – ตกลงใช้ 17 คน 2 ชุด
พล.อ.พัลลภ – 2 ชุดครับ แต่ว่าเข้าไปนั้นมัสยิดจริงๆเพียง 5 คนเท่านั้นเอง ที่เหลือเป็นฐานยิงอยู่ข้างนอก เราใช้เวลาประมาณ 20 นาทีครับ ทุกอย่างก็ยุติ
บัณฑิต – คือยิง RPG เข้าไปในนั้น
พล.อ.พัลลภ – ไม่ได้ยิงครับ RPG ผมยิงที่ฐานเพื่อขู่ ยิงขู่เพื่อให้เขาวางอาวุธ
บัณฑิต – แล้วคนร้ายส่วนใหญ่ตายเพราะอะไรครับ
พล.อ.พัลลภ – ก็ตายเพราะระเบิดมือครับ คือระเบิดมือกับอาวุธประจำกายคือ M-16 คืออย่างนี้ครับ ทุกคนไปมองว่า พูดง่ายๆอย่างคณะกรรมการที่สอบสวนผมนี่ครับ ก็สรุปมาตอนหนึ่งว่าผมใช้เกินกว่าเหตุ คือใช้ระเบิดมือถึง 9 ลูก อันนี้ผมไม่ได้โทษท่านหรอก เพราะอันนี้ต้องเข้าใจว่าเป็นยุทธวิธีทางการทหารนะครับ ในเมื่อข้าศึกนี่อยู่ในบังเกอร์ที่แข็งแรง และก็อาวุธประจำกายทหารเราคือ M-16 เป็นอาวุธยิงตรงใช่ไหมครับ ไม่สามารถยิงทะลุกำแพง ไม่สามารถจะทำลายข้าศึกได้ เพราะฉะนั้นในเมื่อเราจะจู่โจมเข้ากวาดล้างนี่ครับ เราก็ต้องใช้ระเบิดมือใช่ไหมครับนำเข้าไป เสร็จแล้วเราวิ่งชาร์ทเข้าไป อันนี้เป็นยุทธวิธีทางทหารครับ ทีนี้คนที่พูดนี่ท่านไม่เข้าใจวิธีทางการทหาร คุณไปดูได้ครับในหนังสงคราม หรือว่าทหารทุกประเทศในโลกนี้ ถ้าสถานการณ์แบบนี้ เขาจะใช้แบบนี้ทั้งนั้นแหละครับ ขว้างเข้าไปเพียง 9 ลูก ไม่ใช่เอา RPG ยิงเข้าไปในมัสยิด
สำราญ – ตกลงกี่ศพครับข้างใน
พล.อ.พัลลภ – 32 ศพครับ
สำราญ – อยู่กันกี่คนทั้งหมด
พล.อ.พัลลภ – หมดน่ะครับ หมดเลยครับ คือที่ตายหมดอย่างนี้มีบางคนบอกว่า ไปดูศพแล้วอย่างที่เห็นที่นอนนี่
สำราญ – เอาว่าแต่งกายมีสัญลักษณ์อะไรชัดเจน
พล.อ.พัลลภ – คือศพที่ตายนี่ต้องไปมองว่า คล้ายๆว่าผมยิงทิ้ง เพราะมันโดนระหว่างอกกับศีรษะทั้งนั้น ใช่ไหมครับ ที่จริงในข้อเท็จจริงต้องเข้าใจนะครับ พวกนี้เขาหมอบอยู่ในบังเกอร์ ในมัสยิดใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่เขาที่สุดคือหัวกับอก เมื่อเราชาร์ทเข้าไปทหารจะยิงมันก็ต้องเข้าเป้าหัวกับอก ไปโดนขาไม่ได้เพราะว่าขามันหมอบอยู่ อันนี้ข้อเท็จจริงคนไม่เข้าใจครับเรื่องนี้ คือการแต่งกายของเขานี่บ่งชัด เขาจะนั่งกางเกงยีนส์ ใส่เสื้อยืดไม่สีเขียวก็สีดำนะครับ และก็อาบน้ำมันมีผ้าโพกสีแดง มีกำไลห้อยคอนะครับ และหน้าอกจะเขียนว่าจีฮัจญ์นะครับเหมือนกันหมด อันนี้เป็นการพิสูจน์ได้ว่า โจรก่อการร้ายทั้ง 32 คนนี่ ผมยืนยันว่าไม่ใช่ประชาชนบริสุทธิ์ที่มา อย่างเขาว่าก็มาละหมาดอยู่ในมัสยิดไม่ใช่ครับ เพราะการแต่งกายชัดมากครับ
บัณฑิต – ที่เขียนไว้นี่เขียนว่าจีฮัจญ์
สำราญ – ก็สุดท้ายอย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุแล้วนี่ ท่านก็โดยเด้งมาใช่ไหมครับ
พล.อ.พัลลภ – ครับ ผมโดนย้ายข้อหาขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา
สำราญ – คำสั่งท่านบิ๊กจิ๋วที่ว่า มัสยิดจะพังนะครับ
พล.อ.พัลลภ – แต่ว่ามัสยิดก็ไม่ได้พังครับ เป็นเพียงแต่ที่รอยพื้นนี่ก็กระเบื้องแตกนิดหน่อย รอยระเบิดมือแค่นั้น
สำราญ – รุ่งขึ้นนี่สั่งให้มาเลยใช่ไหมครับ
พล.อ.พัลลภ – สั่งให้ออกมาเดี๋ยวนั้นเลยครับ 4 โมงเย็น ผมกำลังเก็บศพอยู่ กำลังพิสูจน์ศพอยู่ สั่งให้กลับภายในวันนี้เลย ผมก็หิ้วกระเป๋ากลับมาเลยครับ
สำราญ – มาค่ายทหารเก็บของเข้า กทม. เลย
พล.อ.พัลลภ – ไม่ทันได้เก็บของเลยครับ พอดีช่วงนั้นเสนาธิการทหารบกนะครับ ท่านไปภาคใต้พอดี ท่านจะกลับอยู่แล้ว ท่านเอาเครื่องบินกองทัพบกไป ผมก็บอกท่านบอกว่าคอยผมหน่อย ผมออกจากนี่ผมก็ขึ้นเครื่องบินมาเลย ไม่ได้เก็บของมาเลยครับ เพราะว่าคำสั่งบอกให้ออกทันทีนี่ครับ ในข้อหาผมขัดคำสั่ง อันนี้ผมยอมรับนะครับว่าผมขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา แต่ผมอยากเรียนว่า คำสั่งผู้บังคับบัญชานี่ต้องเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายและมีเหตุผล ใช่ไหมครับ ที่ผมบอกว่าของท่านนี่ชอบด้วยกฎหมาย คือผมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ท่านเป็นผู้บังคับบัญชา แต่เหตุผลของท่านกลัวมัสยิดพัง กับการที่ประชาชนจะต้องก่อจลาจลนี่ มันเทียบกันไม่ได้ หรือพวกผมจะต้องตายอย่างนี้ใช่ไหมครับ มันเทียบกันไม่ได้เลย
สำราญ – ก็เรียนท่านผู้ชม ท่านผู้ฟังซักนิดนะครับ ที่เรียนเรื่องนี้ให้ฟังไม่ได้มาฟื้นฝอย หรือต้องการมาตอกย้ำความแตกร้าวหรือว่าอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ต้องการบันทึกข้อเท็จจริงนั้น ประการหนึ่งนะครับ และก็ทุกอย่างก็เป็นบทเรียนได้นะครับ ถ้ามีคำถาม รู้สึกว่าจะถามมาเยอะเหมือนกัน แต่ถามนิดเดียวครับ ท่าน พล.อ.พัลลภครับ สมมุติ จริงๆผมไม่อยากใช้คำถามสมมุตินี่ ถ้าย้อนเวลาได้นะครับ ผมคิดว่าท่านก็คงจะยืนยันที่จะตัดสินใจในการเข้าชาร์จนั่นแหละ สมมุตินะ สมมุติมาคิดเดี๋ยวนี้ก็เถอะ แต่ถ้าย้อนเวลาได้นี่ ตรงไหนคิดว่าจะทำให้มันละมุนละม่อมได้มากกว่านั้นนี่ มีไหมครับ มีจุดไหนไหม
พล.อ.พัลลภ – ผมมองดูทุกจุดนะครับ ผมนี่เป็นคนอดทนมากนะครับ วันนี้ผมเรียนตรงๆ ผมนี่ยังเสียใจ ที่ผมเสียเพราะอะไร เพราะว่าถ้าผมปฏิบัติการเสียตั้งแต่ตอนเช้า ลูกน้องผมจะไม่เสียชีวิต 3 คนหรือบาดเจ็บไป วันนี้ที่ผมไม่เข้าใจอย่างหนึ่งก็คือว่า เมื่อพูดถึงเรื่องกรือเซะนี่นะครับ ไม่มีใครพูดถึงทหารตำรวจที่เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บสาหัส 8 คน พูดแต่เรื่องโจรๆๆ ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่านี่มันคืออะไร ทหารพวกนี้นะครับ ตำรวจพวกนี้เขาพลีชีวิตเพื่อชาติ เพื่อความสงบสุขของประชาชนนะครับ เขาเป็นคนที่ชีวิตเขามีค่านะครับ เขามีพ่อมีแม่มีลูกมีเมียเหมือนกัน ไม่มีใครพูดถึงเลยครับ พูดถึงแต่เรื่องโจรทั้งนั้นเลยครับ นี่ผมไม่เข้าใจว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นในสังคมไทย
สำราญ – ผลสอบออกมานี่ท่านพอใจไหมครับ
พล.อ.พัลลภ – ผลสอบออกมานี่ผมพอใจครับ ผมบอกแล้วว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ อะไรจะเกิดขึ้นก็แล้วแต่ ผมรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เพราะผมคนสั่งเข้ากวาดล้าง อย่าต้องไปเดือดร้อนเด็กๆเลยครับ เพราะเขาปฏิบัติตามคำสั่งผมนะครับ
สำราญ – ก็สรุปแล้วก็ไม่มีคนอื่นได้รับผลกระทบกระเทือนใช่ไหมครับ
พล.อ.พัลลภ – ครับ ไม่มีครับตอนนี้ยังไม่มีครับ
สำราญ – ทางราชการก็ไม่มีใครถูกย้ายหรือว่าอะไร ลดขั้นไม่มีนะครับ
พล.อ.พัลลภ - ไม่มีครับ
สำราญ – ตัวท่านเองก็ถูกย้ายมาชั่วคราว แต่สุดท้ายก็อยู่ตำแหน่งเดิม
พล.อ.พัลลภ – ไม่ตำแหน่งเดิมครับ ผมก็พ้นจาก กอ.สสส.จชต.
สำราญ – เอาล่ะครับ นั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะครับ ท่านคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้ มองไปข้างหน้าแล้วนี่ เหลียวหลังแลหน้าแล้วนี่ ท่าน พล.อ.พัลลภคิดว่ามันจะเกิดขึ้นอีกบ้างไหมครับ โอกาสที่มันจะเกิดซ้ำรอยขึ้นมานี่
พล.อ.พัลลภ – สำหรับอันนี้นะครับ ผมไม่กล้ายืนยันหรอกครับ เพราะตามประวัติศาสตร์ที่แล้วๆมานี่นะครับ วันใดที่ประเทศเรามีปัญหา วันใดที่อำนาจรัฐอ่อนแอนะครับ ก็จะเกิดเหตุแบบนี้เสมอ อย่างเช่นที่ผมบอกว่า เมื่อปี 2491 กบฏดุซงยอ ก็ลักษณะเดียวกันครับ ตายบาดเจ็บมากกว่าผมครับ 400 กว่าคนที่รบกันอยู่ ลักษณะแบบเดียวกัน การแต่งกายนะครับ แต่งงานเสื้อยืดอาบน้ำมันแล้วก็วิ่งเข้าชาร์ทแบบไม่กลัวตายแบบเดียวกัน เพราะฉะนั้นที่คุณสำราญถามนี่ผมไม่กล้ายืนยันนะครับ เพราะประวัติศาสตร์มันเคยมีมานะครับ
สำราญ – แต่ 28 เมษายน 2547 ก็คือก็เป็นเหตุการณ์อย่างที่ท่านว่า คืออย่างน้อยก็จะต้องมีคนเป่านกหวีด มีคนจัดให้มาคล้ายๆว่าไปตายว่างั้นเถอะ เพื่อสร้างความทรงจำ เพื่อจะได้ใช่เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขในการขยายผล กล่าวหารัฐบาลว่าโหดร้าย
พล.อ.พัลลภ – โหดร้ายใช้ความรุนแรงนะครับ ไม่เคารพมัสยิดซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ผมอยากเรียนว่าสำหรับผมนี่นะครับ ช่วงปี 2520-2524 ตอนนี้ก็เกิดสถานการณ์แบบนี้ แบบเดียวกันเลยนะครับ ก็ปัญหาใหญ่คือปัญหาที่การสร้างเขื่อนบางลาง ที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ตอนนี้สร้างไม่ได้เลยครับ ทั้งทหาร ทั้งนายช่างถูกจับโดนระเบิดแบบเดียวกันครับ รัฐบาลขณะนั้นก็ตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบชายแดนภาคใต้ขึ้นนะครับ โดยมี พล.อ.เทียนชัย ศิริสัมพันธ์ เป็นผุ้อำนวยการนะครับ ผมนี่สมัครไปเป็นผู้พัน ผมก็ใช้เวลาในการปราบปรามอยู่ 4 ปี สถานการณ์ถึงยุติลงนะครับ เขื่อนบางลางก็เสร็จ เพราะฉะนั้นหลายคนบอกว่าผมนี่ใช้ความรุนแรง ไม่รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณี ไม่ใช่หรอกครับ ผมรู้จักดี ผมเข้าใจขนบประเพณีของประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่มานาน ผมถึงอดทนนะครับ ผมอดทนอยู่ถึง 9 ชั่วโมงนะครับ แล้วผมพยายามทำจากเบาไปหาหนักหมด บางคนบอกทำไมผมไม่ส่งคนเจรจา การเจรจานี่ต้องมีเงื่อนไขใช่ไหมครับ นี่เขาไม่มีเงื่อนไขอะไรเลยครับ เขาประกาศจะสู้ตายลูกเดียว จะพลีชีพอย่างเดียว จะให้ผมไปเจรจากับใคร ใช่ไหมครับ
บัณฑิต – กรณีไม่กันชาวบ้านออกไปล่ะครับ กันชาวบ้านล้อมอยู่ตรงนั้นครับ
พล.อ.พัลลภ – ก็ผมเรียนตั้งแต่ต้นแล้วว่า ผมรู้ครับว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชาวบ้านเขาเข้ามาห้อมล้อม ผมขอกำลังแล้วเขาก็ให้ผมมาได้ 30 คน ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่าอะไร เพราะว่าก่อนเกิดเหตุนี่ครับอาทิตย์หนึ่ง จำได้นะครับ ที่นราธิวาสโดนเผา 24 จุดใช่ไหม แล้วก็เข้าโจมตีพร้อมกันทั้ง 11 จุด เพราะฉะนั้นกำลังทหาร ตำรวจในพื้นที่นี่จะตึงหมดเลยครับ ไม่สามารถช่วยผมได้ ลอง
คิดดูคน 3000-4000 คนนี่ ถ้าเราจะมาบล็อกคนเหล่านี้นะครับ เราต้องใช้ทหารไม่ต่ำกว่า 500 คน นี่ให้ผมมา 30 คน
สำราญ – ทีนี้เอาล่ะ ตัดภาพจากกรือเซะไปที่ตากใบนิดหนึ่งนะครับ เดือนตุลาคม ท่าน พล.อ.พัลลภมองว่า กรณีตากใบนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือว่ามันคล้ายๆกรือเซะ คือคล้ายๆมีคนต้องการให้มันเกิดขึ้น และก็เพื่อจะสร้างเงื่อนไขอย่างนี้แหละ ทำให้โลกเห็นว่ารัฐบาลป่าเถื่อน รัฐบาลโหดร้ายอะไรอย่างนี้ เป็นทำนองเดียวกันไหมครับ
พล.อ.พัลลภ – ผมคิดว่าความมุ่งหมายอันเดียวกัน แต่ว่าใช้เรื่อง ชคบ. 6 คนนั้นเป็นเรื่องนำนะครับ เพราะฉะนั้นเรื่องเดียวกัน เป้าหมายอันเดียวกันครับ
สำราญ – แต่ว่าทางรัฐบาล ทางกลไกรัฐต้องยอมรับว่า ก็พลาดในเชิงปฏิบัติการไหมครับ
พล.อ.พัลลภ – อันนี้ถ้าตากใบในทัศนคติผมที่ผมมองนี่ ต้องแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือการที่ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐ จำเป็นต้องสลายการชุมนุมนะครับ เพราะถ้าปล่อยไว้ก็จะมีปัญหาแบบกรือเซะผมน่ะ ถ้าค่ำลงนะครับ อันนี้ผมว่าถูกต้อง แต่ที่ไม่ถูกต้องคือการเคลื่อนย้าย ที่ทำให้เขาตายอันนี้แหละครับ อันนี้เป็นข้อบกพร่องที่ต้องพิจารณา เพราะว่าเขาอยู่ในความคุ้มครองของเรา แล้วเราทำให้เขาตายนะครับ ต้องแยก 2 ประเด็นนะครับ สำหรับที่ตากใบ
บัณฑิต – ทีนี้จาก 2 เหตุการณ์นี้ครับ มันก็ทำให้เหมือนกับว่าพอมีความรุนแรงเกิดขึ้น ก็ไปเข้าทางสิ่งที่บรรดากลุ่มโจรต้องการเลยทีเดียว ก็คือทำให้มวลชนไม่พอใจเจ้าหน้าที่รัฐมากขึ้น
พล.อ.พัลลภ – คือผมมองอย่างนี้ ในฐานะที่ผมเรียนแล้วนะครับ ผมเรียนตรงๆผมเป็นหัวหน้ากองโจรมาเก่านะครับ ผมรบอยู่ในประเทศที่ 3 เป็นปีๆ เพราะฉะนั้นผมรู้จุดอ่อนจุดแข็งของกองโจร ภาคใต้นี่ต้องเข้าใจว่าตอนนี้คือสงครามกองโจรนะครับ แบ่งแยกดินแดน แต่รบในเมือง ผมรบในป่า ก็รูปแบบเดียวกันครับ ไม่มีอะไรครับ ยุทธวิธีกองโจรก็ Hit & Run ก็เหมือนกัน ในเมืองในป่าเหมือนกันนะครับ ทีนี้พูดถึงเรื่องนี้เราก็ต้องมองว่า มาถึงวันนี้มันมีหลายอย่างนะครับที่เราต้องมาพิจารณากันนะครับ ในแนวคิดของผมนะ อันแรกเลยนี่ปัญหาภาคใต้เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมาเป็นร้อยๆปี อย่างที่ผมบอกวันไหนที่ประเทศเรามีปัญหา ปัญหาที่อำนาจรัฐอ่อนแอ ก็จะเกิดเหตุแบบนี้มาตลอด ไล่มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เลย มีมาตลอด เพราะฉะนั้นภาคใต้นี่มันอยู่ในจิตวิญญาณและสายเลือดนะครับ
บัณฑิต – ท่านมองว่าปัจจัยอำนาจรัฐนี่เป็นปัจจัยสำคัญเลย
พล.อ.พัลลภ – ปัจจัยอำนาจรัฐสำคัญครับ แต่ว่าการมองวันนี้อันแรกที่ผมอยากพูดถึงเรื่องภาคใต้ คือเขากับเรานี่มองผิดกันนะครับ คือเรามองว่าเขานี่เป็นกบฏต่อแผ่นดิน แยกดินแดน แต่เขามองว่าเขากำลังกู้ชาติ ใช่ไหมครับ อันนี้ตัวนี้แหละครับ ผมว่าคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมา คณะกรรมการสมานฉันท์จะต้องเอาตัวนี้มาเป็นตัวตั้งในการพิจารณา ต้องทำปรับความถี่เขากับเราให้เข้ากันให้ได้ ต้องมองให้เขารู้ว่านี่คือประเทศไทยนะ เขาเป็นคนไทย มันเป็นแบบนั้น
อันที่สองอย่างผมบอกว่าในภาคใต้วันนี้เป็นสงครามกองโจร แต่สงครามกองโจรที่เข้ามายึดชุมชนเมืองและหมู่บ้าน ช่วงที่ผมลงไปรับผิดชอบเมื่อเดือนมีนาคมที่แล้ว มีร้านอาหารร้านหนึ่งนะครับที่ปัตตานี ผมชอบไปทาน เถ้าแก่สนิทมากตอนช่วงที่ผมไปอยู่ 4 ปี พอผมลงไปผมก็ไปทาน สิ่งที่ผมตกใจที่สุดคืออะไรรู้ไหมครับ เถ้าแก่มากระซิบผม บอกผู้พันทำไมเพิ่งมาล่ะครับ เขาเข้ามาอยู่เต็มเมืองหมดแล้ว อันนี้เป็นบทพิสูจน์ชัดว่า เรานี่ปล่อยปละละเลยมานานครับ
สำราญ – มันต้องเกิดช่องว่างขึ้นมาซักพักหนึ่งแหละ ตอนนี้ประเมินเสียงแล้วเป็นอย่างไรครับ คนที่ให้กำลังใจ กับคนที่ให้ก้อนอิฐนี่
พล.อ.พัลลภ – วันนั้นที่ผมไปออกรายการของคุณสรยุทธนะครับ ช่อง 9 คนเห็นใจผม 97 กว่าเปอร์เซ็นต์นะครับ ช่วงที่เกิดเรื่องใหม่ๆนะครับ
สำราญ – เห็นใจที่ถูกย้ายหรือครับ
พล.อ.พัลลภ – เห็นใจว่าผมทำนี่ถูกต้องแล้วครับ แล้วก็เห็นใจว่าที่ย้ายนะครับ
สำราญ – อยากจะถามถึงทิศทางและการแก้ไขปัญหา ท่าน พล.อ.พัลลภคิดว่า ปัจจุบันรัฐบาลก็พยายามปรับทิศเปลี่ยนทางมาพอสมควรแล้วนี่ มีข้อคิดความเห็นอย่างไรบ้างครับ
พล.อ.พัลลภ – สำหรับปัญหาภาคใต้นะครับ อย่างที่เราทราบมา เป็นปัญหาที่เรื้อรังมาเป็นร้อยๆปีนะครับ วันใดที่ประเทศมีปัญหา อำนาจรัฐอ่อนแอก็จะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้เสมอนะครับ สำหรับการแก้ปัญหานั้น คือต้องเข้าใจนะครับว่า ขบวนการโจรแยกดินแดนภาคใต้นี่ ใช้ศาสนานำหน้านะครับ แล้วเขากับเราคืออันแรกที่เราแก้คือ ปรับแนวความคิดเขากับเราก่อนให้ตรงกัน คือเรามองว่าเขาเป็นกบฏแบ่งแยกดินแดน แต่ว่าเขามองว่าเขากำลังกู้ชาตินะครับ เพราะฉะนั้นตัวนี้เราต้องแก้ให้เข้าใจว่า นี่คือประเทศไทยนะ และเขาเป็นคนไทย ประการแรกเลยนะครับ
ประการที่สองภาคใต้วันนี้เป็นสงครามกองโจร เมื่อสงครามกองโจรนี่กองโจรจะมี 3 ส่วน คือส่วนนำ กองกำลังติดอาวุธ แนวร่วม แนวร่วมนี่ถือว่าสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นเราต้องสยบกองโจรได้ เราจะต้องดึงแนวร่วมนี่แหละครับให้มาเป็นพวก การไปเอาแนวร่วมมาเป็นพวกได้นะครับ กองกำลังติดอาวุธนี่เราจะต้องทำลาย ที่ผมพูดอย่างนี่เพราะอะไร เพราะว่ากองกำลังติดอาวุธวันนี้คุมแนวร่วม คุมประชาชนอยู่ คือเรานี่เสียเปรียบ เราใช้ด้านกฎหมาย แต่เขาใช้อำนาจปืนที่ควบคุมอยู่
บัณฑิต – เอาปืนไปขู่ชาวบ้าน
พล.อ.พัลลภ – ลักษณะแบบนี้อยู่ คุมด้วยอาวุธปืน คือจะเห็นว่าเขามีความเด็ดขาดและโหดเหี้ยม ในการจัดการคนที่ไม่ให้ความร่วมมือกับเขา
สำราญ – ที่เราไม่ทำลายกองกำลังคิดอาวุธของเขานี่นะ เป็นเพราะการข่าวเราไม่ดี หรือเป็นเพราะเรากลัวว่ามันจะไปกระทบกับผู้บริสุทธิ์ หรือกลัวอะไรครับ
พล.อ.พัลลภ – ก็สองส่วนนะครับ ปัญหาแรกคือการข่าว คือหลังจากที่ผมถอนทหารพรานนะครับ ออกจากพื้นที่เมื่อเดือนกันยายน 2547 เดิมเราวางแหล่งข่าวในพื้นที่ไว้โดยใช้ทหารพราน เมื่อเราถอนออกมานี่ครับ ทำให้สายข่าวเราถอนตัวออกหมดเลย ที่เขาถอนตัวเพราะว่าที่ถอนออกมาไม่มีกำลังที่คุ้มครองเขา เขาก็ถอนออกมาครับ อันนี้เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้การข่าวเราไม่ลึก อีกอันหนึ่งครับ ที่ผมบอกว่ากองกำลังติดอาวุธเราต้องทำลาย ก็เหมือนเราจะจับปลาในบ่อน้ำ เราจะจับปลาได้ทำอย่างไรครับ เราก็ต้องกวนบ่อน้ำนี้ให้ขุ่น ปลาก็จะลอยขึ้นแล้วเราก็จะตักเอามา มันก็จะแยกปลาออกจากน้ำได้
บัณฑิต – คือโจรเปรียบเสมือนปลา ชาวบ้านเปรียบเสมือนน้ำนะครับ
พล.อ.พัลลภ – เพราะฉะนั้นเราจะจับได้ เราก็ต้องกวนน้ำให้ขุ่น
บัณฑิต – ทำอย่างไรครับ ถ้าในหมู่บ้านมีโจรอยู่อย่างนี้ครับ
พล.อ.พัลลภ – มันมีหลายวิธีครับ ที่เราจะแยกโจรออกจากหมู่บ้านได้ อันแรกหมู่บ้านต้องเข้าใจนะครับ ว่าทางยุทธวิธีของเรานี่ ทาง 3 จังหวัดชายแดนทางภาคใต้นี่มี 1572 หมู่บ้าน ตอนนี้ช่วงผมไปอยู่นี่ หมู่บ้านที่เป็นสีแดงจริงๆนี่มี 182 หมู่บ้าน
สำราญ – สีแดงนี่หมายถึงว่า มีพวก จกร. เคลื่อนไหวอยู่ว่าอย่างนั้นเถอะ
พล.อ.พัลลภ – ครับ คือในพื้นที่ภาคใต้นี่ครับ ช่วงผมไปอยู่นี่ เขานี่เปิดเผยเลยนะครับ หมู่บ้านไหนที่มีหน่วยคอมมาโดเขาอยู่นี่ ป้ายบ้านนี่เขาจะเป็นสีดำ ถ้ามีหน่วยปฏิบัติการพิเศษหรือแนวร่วมอยู่จะเป็นสีแดง
สำราญ – ใครติดครับ
พล.อ.พัลลภ – เขาทำของเขาเองครับ เพราะฉะนั้นเราเช็คได้เลย เขาเปิดเผยขนาดนั้น
สำราญ – อันนี้เมื่อปี พ.ศ. ไหนครับ
พล.อ.พัลลภ – ตอนผมไปมีนาคม 2547 นี่เองครับ เป็นแบบนั้นครับ ก่อนเกิดเหตุกรือเซะ มันเช็คแล้วมี 182 หมู่บ้านที่เป็นสีแดง
สำราญ – แต่ปัจจุบันเขาบอกว่ามีสีแดงเยอะนะครับ
พล.อ.พัลลภ – 360 กว่าหมู่บ้านครับ
สำราญ – แสดงว่าสถานการณ์ไม่ดี
พล.อ.พัลลภ – ก็เพิ่มขึ้นมาครับ วันนี้นะครับขึ้นมา 300 กว่าหมู่บ้าน
สำราญ – ก็เอาล่ะ หลักของ พล.อ.พัลลภจะนั่นได้ก็คือ ต้องไปปราบโจรออกจากแนวร่วม คือต้องทำลายกองติดอาวุธ
พล.อ.พัลลภ – คือมี 3 อันครับ อันแรกที่ผมพูดไปแล้ว ต้องปรับทัศนคติของเขาให้ตรงกัน อันที่สอง แนวร่วมนี่เราถือว่าสำคัญ เพราะฉะนั้นเราต้องดึงแนวร่วมมาเป็นพวกเราให้ได้ เราจะดึงแนวร่วมออกมาได้ เราต้องทำลายกองกำลังติดอาวุธ การทำลายของผมนี่มันไม่จำเป็นต้องทำลายด้วยอาวุธนะครับ โดยใช้ด้านกฎหมายก็ได้ อันที่สามคือเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่สำคัญคือหมู่บ้านนะครับ เพราะหมู่บ้านนี่เราต้องวางยุทธศาสตร์ในการที่เขาควบคุมให้ได้ เพราะฉะนั้นสงครามกองโจรมีแค่นี้แหละครับ ถ้าเราทำ 3 อย่างพร้อมกันได้ ผมคิดว่าสถานการณ์ภาคใต้นี่ก็จะจบสิ้นเร็วนะครับ แต่ต้องใช้เวลา มันต้องใช้เวลาหน่อยครับ
สำราญ – ตอนนี้มันเกิดขึ้นของคณะกรรมการสมานฉันท์นี่เป็นอย่างไรบ้างครับ ท่านมีความหวังแค่ไหนครับ
พล.อ.พัลลภ – สำหรับคณะกรรมการสมานฉันท์นี่นะครับ ผมก็มองว่าเป็นวิธีหนึ่งในการที่จะแก้ปัญหาภาคใต้ แต่ในส่วนตัวผมแล้ว ผมมองแล้วก็ยังไม่เข้าใจนะครับ ว่าท่านจะสมานฉันท์อย่างไร การสมานฉันท์ได้นี่จะต้องร่วมมือกันทั้ง 2 ฝ่าย วันนี้ผมเห็นมีเราฝ่ายเดียวใช่ไหมครับ วันนี้เรามีเราฝ่ายเดียว คือต้อง 2 ฝ่ายมีข้อเงื่อนไขที่มาเจรจากัน วันนี้มีเราฝ่ายเดียว แล้วอีกอย่างหนึ่งกรรมการสมานฉันท์นั้นจะต้องวางแผนยุทธศาสตร์ไปในอนาคต อย่าย้อนไปอดีตนะครับ ถ้าย้อนไปอดีตนี่มันวุ่นนะครับ
สำราญ – คือถ้าย้อนประวัติศาสตร์มาก คือย้อนได้แต่อย่าย้อนมาก หรือไม่ควรจะย้อนเลย
พล.อ.พัลลภ – ผมว่าทางที่ดีไม่ควรจะย้อนนะครับ เพราะว่าต้องมองไปข้างหน้าสิครับ เพราะสมานฉันท์ต้องเข้าข้างหน้าใช่ไหมครับ ถ้าย้อนประวัติศาสตร์มันก็จะเจอปัญหากรือเซะ ตากใบที่ว่ากัน ที่เขาว่ากันทุกวันนี่นะครับ
สำราญ – แต่เขาบอกว่า ถ้าไม่เข้าใจประวัติศาสตร์นี่ อนาคตก็มีปัญหานะครับ
พล.อ.พัลลภ – คือประวัติศาสตร์นี่นะครับเราศึกษา แต่ว่าย้อนประวัติศาสตร์นี่หมายถึงไปรื้อเรื่องเก่าๆขึ้นมาเล่นนี่ครับ มันก็จะมีปัญหาขัดแย้งกัน
สำราญ – เอาล่ะครับ ผมขอรวบรัดตัวความนิดนะครับ เวลาอีกซัก 5 นาทีที่เหลือนะครับ เอาอย่างเร็วนะครับ จากแคลิฟอร์เนียบอกว่า ตอนนี้คนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางนี้ เจ้าหน้าที่รัฐได้ให้อะไรกับเขาบ้าง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้รับผลอย่างไรบ้าง อันนี้ก็ตอบได้ว่ามีการเยียวยากันพอสมควรนะ ในภาครัฐนี่คุณจาตุรนต์ ฉายแสงก็ดำเนินการ เจ้าหน้าที่นี่ก็เป็นยังไงครับ
พล.อ.พัลลภ – คือการเยียวยานี่นะครับ ผมเห็นด้วยนะครับ ในการเยียวยา ในการช่วยเหลือ แต่ต้องพิจารณาโดยละเอียดนะครับ ปัญหาการเยียวยานี่เป็นเรื่องของสงครามกองโจรนี่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะครับ ถ้าเราไม่มีหลักเกณฑ์ในการเยียวยาเนี่ย ก็จะทำเป็นเงื่อนไขสงครามขึ้นมา อย่างกรณีผมนี่เอาง่ายๆ กรือเซะนี่ ทุกคนต้องยอมรับอย่างผมแสดง ผมมีหลายอย่างครับ แสดงว่าโจรทั้ง 32 คนนี่คือโจรแบ่งแยกดินแดน พวกนี้เป็นกบฏต่อแผ่นดินใช่ไหมครับ โทษนี่ประหารชีวิตอยู่แล้ว สมัยโบราณก็ 7 ชั่วโคตรนะครับ
เมื่อเราปะทะกันด้วยกำลังอาวุธ เขาเสียชีวิตลง เสร็จแล้วเราไปเยียวยาญาติพี่น้องเขา เอาเงินไปให้หรืออะไรมาให้นี่ อันนี้เป็นเงื่อนไขนะ เพราะอะไรที่ผมบอกว่าเป็นเงื่อนไขนี่ผมเจอมาแล้วครับ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่แล้วนี่เอง ผมก็ไปขึ้นศาลปัตตานีไต่สวนคดีนี้ ก็มีประชาชนนี่ครับมาแน่นศาลเลย ผมก็ตกใจว่าเขามาทำไมกัน ผมก็ส่งลูกน้องผมไปถามว่ามาทำไมกัน เขาบอกว่าเขาจะมาทวงเงินกับผม บอกว่าจะให้เขา 2 แสนวันนี้เขาได้หมื่นเดียว นี่ครับเป็นเงื่อนไขที่ผู้ไม่หวังดีนั่นต่อเลย แล้วอีกอย่างเขามองว่าผมนี่ผิด ถ้าผมไม่ผิดเอาเงินมาให้เขาทำไม อันนี้ต้องระวังนะครับ กองโจรนี่เป็นเงื่อนไขครับ อะไรที่เป็นเงื่อนไขนี่จะต้องละเอียดอ่อนครับ
สำราญ – จากเนวาดาก็ให้กำลังใจมา จากสระแก้ว คุณสมชายก็เห็นใจเจ้าหน้าที่ จากนราธิวาสบอกว่าไม่อยากให้ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา อันนี้ก็เป็นข้อคิดความเห็นรับฟังไว้นะครับ คุณสุนีย์ พัทลุงก็บอกว่า อยากให้ใช้ความอดทนมากกว่านี้อีกหน่อย เพราะในต่างประเทศเวลาเกิดเหตุการณ์อย่างนี้เขาใช้เวลานานในการล้อม จริงๆท่านก็ชี้แจงไปแล้ว
พล.อ.พัลลภ – คืออย่างนี้คุณสำราญ ที่ว่าเรื่องล้อมนี่ครับ ถ้าวันนั้นไม่มีประชาชนมากดดันผม แล้วจะก่อเหตุการณ์ขึ้น เดือนหนึ่งผมก็ล้อมได้ ไม่มีปัญหาครับ เดือนหนึ่งไม่มีปัญหาเลย ที่ผมจำเป็นต้องทำอย่างที่ผมชี้แจงแล้ว
สำราญ – คุณนิรันดร์บอกว่า ทำไมเรามีบทเรียนจากกรือเซะแล้ว ยังมีปัญหาขึ้นอีกที่ตากใบ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบก็เดิมๆ หน้าเดิมๆ อยากให้ปรับปรุง อันนี้ท่านไม่เกี่ยวกับตากใบนะครับ ผุ้ชมรายการจากปัตตานีบอกว่านี่ ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ทหารใช้ความรุนแรงน้อยลงกว่าเมื่อก่อนแล้ว รู้สึกอุ่นใจขึ้น จากลอสแองเจอลิสบอกว่า ทำไมตอนนั้นไม่ใช้เวลาการปิดล้อมให้นานกว่านี้ เมื่อซักครู่ชี้แจงไปแล้วนะครับ แล้วก็จากโคราช ทำไมชาวบ้านถึงโห่ดีใจ เมื่อเจ้าหน้าที่ถูกยิง อย่างนี้แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้รับความยอมรับจากชาวบ้าน จริงหรือเปล่าครับ สั้นๆครับ
พล.อ.พัลลภ – อันนี้ไม่ใช่หรอกครับ ต้องยอมรับว่าในชาวบ้านมีแนวร่วมอยู่นะครับ ถ้าย้อนไปเมื่อปีที่แล้วนะครับ กรณีโจรนินจา ที่อ.ระแงะ จ.นราธิวาสนะครับ ที่ตำรวจชายแดน 2 คนโดนประชาทัณฑ์ตาย ก็ลักษณะแบบเดียวกันนี่แหละครับ
สำราญ – จากสุราษฎร์บอกว่า ปัญหาใต้นี่แก้ไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ไร้ความสามารถ อำนาจสั่งการไม่ชัดเจน อันนี้ก็รับฟังกันไว้นะครับ คุณจิตติจาก กทม. บอกว่า อยากให้เห็นใจชาวบ้านในพื้นที่ ไม่อยากให้ใช้ความรุนแรงในการแก้ไข และก็อย่าทำให้เรื่องนี้กลายเป็นความขัดแย้งในทางศาสนา จากอเมริกาถามว่า ท่านพัลลภมองว่าใครเป็นคนก่อปัญหา ถามกว้างๆ
พล.อ.พัลลภ – อันนี้เป็นกระบวนการอยู่แล้วนะครับ
สำราญ – จากฟลอริดา ก็อยากให้กำลังใจทหารตำรวจในพื้นที่ รู้สึกเห็นใจเพราะมีคนมากดดันจึงต้องทำอย่างนั้น จากจังหวัดตราด คุณธวัชชัยก็อยากให้กำลังใจท่านพัลลภ แล้วก็เห็นใจด้วยนะครับ จากเชียงรายบอกว่า เพราะว่าท่านบิ๊กจิ๋วไม่กล้าตัดสินใจ ไม่มีอำนาจที่แท้จริง จึงทำให้เรื่องเป็นแบบนี้ ถ้าบิ๊กจิ๋วอยู่ในภาวะอย่างนั้น คงต้องทำอย่าง พล.อ.พัลลภเช่นกัน
พล.อ.พัลลภ – ผมคิดว่าใครอยู่ในคณะแบบนั้นก็ต้องทำแบบนั้นนะครับ
สำราญ – คุณเอื้อมพร นครสวรรค์ ก็อยากให้กำลังใจท่านพัลลภ ทำถูกต้องแล้ว ดีที่สุดแล้ว แคลิฟอร์เนียก็เห็นด้วยกับท่านนะครับ จากตราดอีกสายหนึ่งบอกว่า ถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็อยากให้กำลังใจนะครับ จากยะลาบอกว่าอยากให้กำลังใจท่าน และก็ไม่อยากให้ยกเลิกกฎอัยการศึกด้วย น้ำฝน โคราชบอกว่า ถูกต้องแล้วที่ท่านทำ
บัณฑิต – คุณวิวัฒน์ จากนครศรีธรรมราช บอกว่าอยากให้พูดถึงทหารที่เสียชีวิตด้วย
สำราญ – ลูกน้องได้รับการเยียวยา ใช้ได้ไหมครับ ท่าน พล.อ.พัลลภ
พล.อ.พัลลภ – ก็ดูแลดีครับ ได้รับการดูแลตามสิทธิที่ได้รับดี
สำราญ – เอาล่ะครับ อีกซักครึ่งนาทีให้ท่านได้ส่งท้ายรายการแล้วกันนะครับว่า ท่ามกลางปัญหาเยอะ อำนาจรัฐอาจจะอ่อนแอในห้วงปีสองปีที่ผ่านมา แต่ในซีกของความหวัง ท่านยังมั่นใจว่าสุดท้ายแล้ว เราต้องสถาปนาความมั่นคงเกิดขึ้นได้ไหมครับ
พล.อ.พัลลภ – ผมคิดว่าปัญหาภาคใต้นี่นะครับ เป็นปัญหาที่ผมเรียนตั้งแต่ต้นแล้วว่าเป็นปัญหายืดเยื้อมาเป็นร้อยๆปีแล้วครับ เพราะฉะนั้นถ้าเราเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องนะครับ ผมคิดว่าต้องใช้เวลานิดหนึ่ง ต้องใจเย็นหน่อย ใจเย็นในการรอคอย แต่ว่าอยากแนะนำนิดหนึ่งนะครับ ว่าการแก้ปัญหาในภาคใต้นั้น การทหารกับการเมืองต้องไปพร้อมกัน อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า อย่างกองกำลังติดอาวุธนี่ ถ้าเราไม่ทำลาย เราก็ไม่มีทางที่จะดึงแนวร่วม ดึงประชาชนเข้ามาเป็นพวกเราได้
สำราญ – หมายถึงว่างานการเมือง งานมวลชนก็ทำไป
พล.อ.พัลลภ – แต่งานทหารต้องเดินไปพร้อมๆกัน
สำราญ – คือการทหารก็ต้องทำด้วย พร้อมๆกันเลย
พล.อ.พัลลภ – ครับ ถ้าเราไปทำงานการเมืองนี่นะครับ การทหารเราไม่เดินนี่ ไม่มีประชาชนหรอกครับ ที่จะมาร่วมมือกับเรา เพราะว่าประชาชนในภาคใต้นี่ พูดง่ายๆคือ 1.8 ล้านคนมีไม่ถึง 5% นะครับ แต่ว่าคนเหล่านั้นเขาไม่เชื่อว่า เราจะสามารถคุ้มครองเขาได้ ถ้าเขาให้เราดูแลเขา เพราะว่าอะไร เพราะว่าที่เป็นแบบนี้เนื่องจากกองกำลังติดอาวุธนะครับ จะคุมอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ
สำราญ – หมายถึงว่าถ้าเราดูแลชาวบ้านไม่ได้ ฝ่ายโน้นก็จะมาดูแลเสียเอง
พล.อ.พัลลภ – แล้วเขาใช้วิธีป่าเถื่อนกว่าเรา คือเขาใช้วิธีเด็ดขาดนะครับ เพราะฉะนั้นชาวบ้านจะเงียบหมดครับ จะไม่ให้ความร่วมมือ เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่า เราต้องทำการทหารและการเมืองไปพร้อมๆกันนะครับ เราดึงแนวร่วมมาเป็นพวก กองกำลังติดอาวุธนี่เราต้องทำลาย ทำลายนี่ไม่ใช้ว่าต้องใช้อาวุธทำลายนะครับ นอกจากว่าเขาไม่ยอมวางอาวุธ อันนั้นช่วยไม่ได้ แต่เขาวางอาวุธมาสู้กันในทางศาล
บัณฑิต – คือท่านไม่เห็นด้วยกับการเมืองนำการทหาร
พล.อ.พัลลภ – ฐานะภาคใต้ใช้ไม่ได้หรอกครับ มันต้องไปพร้อมกัน
สำราญ – ท่านบอกว่าต้องทำทั้ง 2 อย่าง แต่ต้องไปพร้อมๆกัน คือทุกวันนี้อย่าเน้นแต่งานมวลชนอย่างเดียว ต้องเน้นการทหารพร้อมกันด้วย ไม่ถึงกับปฏิเสธงานการเมือง
พล.อ.พัลลภ – ไม่ครับ จำเป็นครับ การเมือง ด้านการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม ต้องว่าไปพร้อมๆกันนะครับ ทางการทหาร คือสรุปแล้วอย่างนี้นะครับ ว่าถ้าเราไม่สามารถทำลายกองกำลังติดอาวุธได้ กองกำลังนี้คุมประชาชน คุมแนวร่วมอยู่ เราก็ไม่มีทางที่จะดึงประชาชนมาเป็นพวกเราได้ แค่นั้นแหละครับ
สำราญ – เอาล่ะครับ ก็คงได้รับบทสรุปมีการทบทวนประวัติศาสตร์ในปีที่แล้วกันนิดหน่อยพอสมควร วันนี้ 28 เมษายน 2548 หนึ่งปีของสถานการณ์กรือเซะนะครับ ตัวละครคนสำคัญ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณีก็มาอยู่ตรงนี้ มาเปิดใจกับเรา พร้อมกับให้ข้อคิดความเห็นในแนวทางที่จะแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็หวังว่าจะมีประโยชน์ตามสมควร จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนะครับ ท่านก็คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น และก็เป็นแบบนี้มานานแล้วด้วยนะครับ ขอบพระคุณที่ท่านให้เวลาวันนี้นะครับ
บัณฑิต – ขอบพระคุณมากครับ
พล.อ.พัลลภ – ครับ สวัสดีครับ