•• การเมืองเรื่องน่าเบื่อ ความขัดแย้ง ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับ เสนาะ เทียนทอง ที่ยืดเยื้อมากว่า 1 สัปดาห์วนเวียนอยู่กับเรื่องก๊วนกอล์ฟและงานวันเกิดจนดูเหมือน ไม่เกรงใจประชาชนคนรากหญ้าที่ทั้งชีวิตไม่มีโอกาสสัมผัสเกมกอล์ฟและจัดงานวันเกิด แม้วันนี้จะยังคง ไม่ลงตัว แต่ก็ดูเหมือนจะค้นพบ สาเหตุหลัก แล้วว่ามาจากหนังสือเขียนแจกเนื่องในวันเกิด(อีกแล้ว)ของ ประมวล รุจนเสรี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยหนึ่งใน แกนนำ คนสำคัญของ กลุ่มวังน้ำเย็น แค่ชื่อหนังสือฟังแล้วก็จักกะจี้หัวใจนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ประมุขสูงสุดของพรรคไทยรักไทย “...การใช้อำนาจ – เป็นธรรมชาติของมนุษย์.” อ่านผ่าน ๆ อาจจะไม่น่ามีอะไรทำให้เกิด ความไม่พอใจรุนแรง เพราะเป็นเสมือน ตำราทางรัฐศาสตร์ทั่วไป แต่เมื่อ “เซี่ยงเส้าหลง” อ่านไปถึงบท การใช้อำนาจในระดับชาติ, การใช้อำนาจของนักการเมืองและพรรคการเมือง ที่มี การยกตัวอย่างประกอบ แล้วก็พอเข้าใจได้ว่าไฉนนี่จึงเป็น ต้นเหตุ ถึงขนาดทำให้ ข้าราชการรัฐสภา ไม่อนุญาตให้มีการแจกจ่ายหนังสือเล่มนี้ให้แก่ ส.ส., ส.ว. ตาม ช่องทางปกติ เมื่อ วันที่ 30 มีนาคม 2548 ขอนำบางส่วนของข้อความที่น่าจะส่งผลให้ผู้เขียน หมดอนาคตในพรรคไทยรักไทย หรือถ้ายังคง ไม่ยอมแสดงอาการรับผิด อาจจะถึงขั้น ถูกขับออกจากพรรค ให้สาธารณชนทั้งหลาย อ่าน, พิจารณา กันในล้อมกรอบหัวข้อ “...เมื่อพรรคไทยรักไทยถูกคนในแฉ.” ใกล้ ๆ กันนี้
•• ต้องเข้าใจเป็นพื้นฐานว่า ประมวล รุจนเสรี มีความผูกพันมานานวันกับ เสนาะ เทียนทอง ตั้งแต่สมัยเป็น ปลัดจังหวัดปราจีนบุรี อยู่นานถึง 9 ปี ในขณะที่ อุไรวรรณ เทียนทอง รับราชการเป็น เสมียนตราจังหวัดปราจีนบุรี ความก้าวหน้าในชีวิตราชการของเขานอกจาก ความสามารถส่วนตัว แล้วยังแยกไม่ออกจากการเป็น รัฐมนตรี หลายครั้งหลายยุคต่อเนื่องกันของ เสนาะ เทียนทอง อย่างเด็ดขาด
•• ขอพูดแตกกิ่งก้านสาขาไปที่ อุไรวรรณ เทียนทอง สักเล็กน้อยว่าที่ได้เข้ามาเป็น รัฐมนตรี คำตอบทั่วไปเหมือน ๆ กันคงบอกว่าเพราะเธอเป็น “...ภรรยาของเสนาะ เทียนทอง.” แต่นั่นไม่ใช่ ปัจจัยหลัก ฟันธงได้ว่าเพราะเธอผู้นี้เสมือนเป็น หัวหน้ากลุ่มวังน้ำเย็นตัวจริง นักการเมืองในมุ้งนี้ที่เข้านอกออกใน บ้านเมืองทองธานี เป็นประจำจะรู้ดีว่าที่นั่นใครคือ หัวใจ ใครทำหน้าที่ แสวงหางบประมาณ, จัดสรรงบประมาณ, จัดวางกำลังคน กระทั่ง ตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเธอเป็นคนที่ เป็นกันเองกับทุกคน, พบง่าย, ไม่มีพิธีรีตรอง จนทุกคนยอมรับใน น้ำใจ จนมีคำกล่าวเปรียบเปรยว่า “...แขกที่เข้าบ้านเมืองทอง นอกจากจะได้กินข้าวกินน้ำแล้ว ยังได้กินน้ำใจอีกต่างหาก.” และถ้าอยู่มานานยิ่งจะรู้ว่าใครกันทำให้กลุ่มธุรกิจ ส. เทียนทอง แห่ง จังหวัดสระแก้ว (เดิมรวมอยู่ใน จังหวัดปราจีนบุรี) กลายเป็นธุรกิจที่ เจริญรุ่งเรืองมาอย่างต่อเนื่อง คำตอบคือ นักบัญชี ชื่อ อุไรวรรณ เทียนทอง ที่สมรสกับ เสนาะ เทียนทอง 1 ใน 3 หุ้นส่วนสำคัญร่วมกับ เอื้อ เทียนทอง และ พิเชษฐ์ เทียนทอง เมื่อ วันที่ 11 สิงหาคม 2517 ขณะรับราชราชการในตำแหน่ง เสมียนตราจังหวัดปราจีนบุรี ทำงานในส่วน คลังจังหวัด (ขณะที่ในภายหลัง ประมวล รุจนเสรี ย้ายเข้าไปเป็นใหญ่พอสมควรในตำแหน่ง ปลัดจังหวัดปราจีนบุรี) มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ความผูกพัน จึงค่อนข้าง ลึกซึ้ง, ยาวนาน พอสมควร
•• จริง ๆ แล้วที่ บ้านเมืองทองธานี ไม่เพียงแต่ อุไรวรรณ เทียนทอง เท่านั้นที่มากไปด้วย น้ำใจ ใครต่อใครที่ไปเยือนบ้านนั้นยังมี ผู้เป็นที่รักของทุกคน อยู่อีกหนึ่งคือ คุณยายสาคร เทศะแพทย์ มารดาของ สะใภ้ใหญ่ตระกูลเทียนทอง นั่นเอง
•• ทั้ง บรรหาร ศิลปอาชา และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เคยประเมิน พลาด มาแล้วเมื่อ ปี 2539 และ ปี 2543 ปรามาส จำนวนคน ของ กลุ่มวังน้ำเย็น ว่าไม่น่าวิตกเพราะมีอย่างมากก็ แค่ 10 – 20 คน แต่สุดท้ายก็เพราะ ความผูกพันในน้ำใจ ที่มีต่อ อุไรวรณ เทียนทอง คนนี้แหละที่ทำให้ทั้ง พรรคชาติไทย และ พรรคความหวังใหม่ เสียศูนย์เกือบหมดสภาพมาแล้วเมื่อคราวที่ เสนาะ เทียนทอง แยกตัวออกมา
•• พูดง่าย ๆ ว่า คุณหญิงพจมาน ชินวัตร มีความหมายต่อ ชินคอร์ป และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ฉันใด อุไรวรรณ เทียนทอง ก็มีความหมายต่อ ส. เทียนทอง และ เสนาะ เทียนทอง ฉันนั้น
•• จึงเป็นเรื่องที่ น่าจับตายิ่ง ว่า เสนาะ - อุไรวรรณ เทียนทอง จะยอมสูญเสีย ขุนพลคนสนิท ที่คบหาสมาคมกันมา ยาวนาน ตั้งแต่ยุค ก่อร่างสร้างตัว เพื่อกลับมา คืนดี กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่
•• หนังสือ การใช้อำนาจเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ของ ประมวล รุจนเสรี วันนี้ก็คลับคล้ายคลับคลากับหนังสือดังในอดีต คนดีไม่มีเสื่อม มั่นคง ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา - ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ที่ ณ วันนี้ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติก็ยังคงเป็น หนังสือขายดี ทั้ง 2 เล่มอ่านแล้วให้นึกถึง ยาป สตัม นักฟุตบอลอาชีพร่างยักษ์ชาวฮอลแลนด์ผู้มีฝีเท้ายอดเยี่ยมในตำแหน่ง เซนเตอร์ฮาล์ฟ ที่ต้องโดน เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน ขายออกจากทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปเมื่อ 3 - 4 ปีที่แล้ว ด้วย เหตุผลอื่นนอกเหนือจากความสามารถในการเล่นฟุตบอล แฟนฟุตบอล EPL คงจะจำกันได้ว่า สาเหตุหลัก มาจากหนังสือเรื่อง Head to Head ที่เจ้าตัวเล่าอัตชีวประวัติตนเองออกมาแล้วเผลอไผลไป เปิดเผยเรื่องราวภายใน ของสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และคำพูดคำจาของ เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน ที่ควรจะเป็น เรื่องภายใน ออกมาจนเกิด อื้อฉาว ขึ้น
•• ซึ่งว่าไปแล้วในความเป็น ซีอีโอ, ซูเปอร์ซีอีโอ ที่ถึงพร้อมทั้ง ความสามารถ, ความสำเร็จ, ความเป็นผู้นำ และ ความเชื่อมั่นในตัวเองที่สูง กล่าวได้ว่า เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน ไม่ได้แตกต่างไปจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คนที่เขามอบ เสื้อทีมหมายเลข 52 ให้ระหว่างนำทีมมาเยือนไทยเมื่อ 4 ปีก่อน อย่าว่าแต่ ยาป สตัม แม้แต่ เดวิด เบ็คแฮม ที่เป็นเสมือน หัวใจ, สัญลักษณ์, สินค้าสูงราคา ของทีมฟุตบอลที่ได้รับการยอมรับว่าประสบความสำเร็จทางธุรกิจมากที่สุดในโลกยัง ถูกขายออกไป โดยไม่กังวล เสียงวิจารณ์รอบด้าน หลังเกิด ความขัดแย้ง ชนิด ลึก, คุกรุ่น เป็น ไฟสุมขอน เสียงวิจารณ์ส่วนใหญ่เป็นไปในทำนองตำหนิท่านเซอร์ว่า อัตตาสูง, บ้าอำนาจ, เผด็จการ และ ไม่ต้องการให้ใครมีความสำคัญกับทีมมากกว่าตน คงจำกันได้
•• ในหนังสือ Japp Stam - Head to Head Book เนื้อหาที่เป็นปัญหาก็คือเปิดเผย วิธีการซื้อตัวนักฟุตบอล ของ เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน ที่อาจถูกพิจารณาได้ว่าเข้าข่าย ผิดกฎ เพราะ ติดต่อกับนักฟุตบอลล่วงหน้า - ก่อนเปิดเจรจากับสโมสรต้นสังกัด ส่วนในหนังสือ คนดีไม่มีเสื่อม มั่นคง ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา - ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ นั้นเปิดเผยให้ ตีความ ได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ผิดคำพูด ที่ เคยรับปาก ไว้ว่าถ้าจะมี การเปลี่ยนแปลง(ตำแหน่ง) ขอให้ พูดกันตรง ๆ นอกจากนั้นยังเน้นย้ำเรื่อง สาเหตุที่อาจจะเป็นข้อขัดแย้ง กับ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ – ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในเรื่อง คน, งบประมาณ และ ท่าที-ท่วงทำนอง ตรงนี้อาจก่อให้เกิดกรณี ตีความ ได้อีกว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของบ้านนี้เมืองนี้เลือกคนที่เป็น ปลัดกระทรวง (และ น้องเขย) มากกว่า รัฐมนตรี (และ เพื่อน) ส่วนในหนังสือ การใช้อำนาจเป็นธรรมชาติของมนุษย์ นั้นเปิดเผยให้เห็นรอยร้าวลึกระหว่าง ส.ส.เขต (หรือ นักการเมืองรุ่นเก่า) กับ รัฐมนตรี (หรือนัยหนึ่ง กลุ่มทุน, คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี) และที่ออกจะ แรงมาก คือเป็นการให้ภาพภายในของพรรคไทยรักไทยว่า บริหารจัดการด้วยระบบรวบอำนาจ ที่จริงเนื้อหาในหนังสือทั้ง 3 เล่มไม่ใช่ เรื่องใหม่, เรื่องใหญ่ เป็นปกติของ ธุรกิจ, การเมือง เพียงแต่การออกมา เปิดเผยต่อสาธารณะ แม้โดย ไม่ตั้งใจ, ไม่เจตนา แต่ก็ย่อมเป็น อาหารอันโอชะ ให้ สื่ออื่น นำไป เล่นต่อ ในฐานะที่ทั้ง เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่างเป็น คนดัง ที่เป็น เป้าหมาย อยู่ด้วยกัน
•• ชะตากรรมของ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ แม้จะไม่ถูก โละทิ้ง เหมือน ยาป สตัม แต่ก็ตกอยู่ในสภาพเสมือน ตัวประกัน ถูกกักบริเวณอยู่ในตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี พูดจาประสาฟุตบอลก็ต้องบอกว่า ติดสนับก้น, สิงห์ม้ายาว นั่นคือ นั่งเป็นตัวสำรองข้างสนาม – ไม่ได้ลงสนามโชว์ฝีเท้า และเมื่อหมดฤดูกาลก็ เลิกเล่น ไปเลย
•• น่าสนใจเหมือนกันว่าชะตากรรมของ ประมวล รุจนเสรี จะตกอยู่ในสถานะใดในเมื่อ คุณค่า, ความผูกพัน และ ความจำเป็นของสถานการณ์ที่ทำให้ต้องรักษาไว้ เมื่อเทียบกับ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ แล้วต้องถือว่า ห่างชั้น อย่างน้อยก็ในสายตา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เวลานี้
เมื่อ‘พรรคไทยรักไทย’ถูก‘คนใน’แฉ !
ผลที่มองเห็นจาก 4 ปีของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนก็คือ บรรดารัฐมนตรีต่าง ๆ มุ่งสร้างความสัมพันธ์ที่ดียิ่งกับนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งถอดถอน ยิ่งพรรคไทยรักไทยมีมติมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีสามารถใช้ดุลพินิจคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่าง ๆ ได้เอง ความสัมพันธ์ต่าง ๆ จึงอยู่กับตัวนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผุ้เดียว
รัฐมนตรีขาดความสนใจส.ส. ไม่ค่อยเข้าประชุมพรรค เมื่อออกพื้นที่ไปเยี่ยมเยียนประชาชนก็ไม่ค่อยยกย่องให้เกียรติแก่ส.ส.เจ้าของพื้นที่
ความห่างเหินระหว่างส.ส.กับผู้บริหารมีมาก
ความเดือดร้อนของประชาชนที่ส.ส.นำมาเสนอกับรัฐมนตรีไม่ค่อยได้รับการตอบสนอง
เมื่อมีความสงสัยในข้อราชการใดก็ไม่สามารถซักถามได้ในพรรค เมื่อจะกระทู้ถามในสภาก็ถูกระบบโควต้าปิดกั้นไว้ ส.ส.ฝ่ายค้านกลับมีโอกาสสอบถามรัฐมนตรีมากกว่าส.ส.ฝ่ายรัฐบาล
ยามใดที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเกิดขึ้น ส.ส.จำต้องฝืนใจลงมติไว้วางใจตามมติพรรค
สถานการณ์เช่นนี้สร้างความห่างเหินกับตัวแทนประชาชนมาก
ควรจะต้องแก้ไขในระดับพรรคเอง และในตัวรัฐธรรมนูญที่ไม่น่าจะใช้ 2 ระบบ คือระบบประธานาธิบดีและระบบรัฐสภา มาผสมผสานกัน
ประเด็นปัญหาอีกประการหนึ่งก็คือ การตรวจสอบควบคุมของฝ่ายนิติบัญญัติต่อฝ่ายบริหารที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้สมาชิกจำนวน 2 ใน 5 คือ 200 คน จึงจะสามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้ ความจริงก็เป็นเจตนารมณ์ที่ต้องการให้เกิด Strong Executive ขึ้น นายกรัฐมนตรีจะได้ไม่ถูกอภิปรายบ่อยครั้ง แต่ข้อเท็จจริงก็ปรากฎว่า ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรมีส.ส.ไม่ถึง 200 คน จึงไม่มีสิทธิอภิปรายนายกรัฐมนตรี ตลอด 4 ปีเต็ม
การไม่สามารถอภิปรายนายกรัฐมนตรีได้ ก็เท่ากับหน่วยงานที่นายกรัฐมนตรีดูแลที่สำคัญ คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานอื่น ไม่ถูกตรวจสอบด้วยเช่นกัน
ผลร้ายก็ตกอยู่กับประชาชน ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตและไม่สมควรต่าง ๆ
............................
โดยที่พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคใหญ่ หัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค จึงรวมตัวกันอยู่ในคณะรัฐมนตรี การตัดสินใจใด ๆ ของคณะรัฐมนตรีก็แทบจะเป็นการตัดสินใจอย่างเดียวกันของคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยอยู่แล้ว
จึงเกิดปรากฏการณ์ไม่ค่อยมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคหรือคณะผู้บริหารพรรคไทยรักไทยขึ้น
การประชุมส.ส.ของพรรคไทยรักไทยจึงเป็นการแจ้งข้อมูลข่าวสารจากครม.สู่ส.ส.
ส่วนการสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากส.ส.สู่คณะรัฐมนตรี แทบจะไม่เกิดผลตอบสนองจากรัฐมนตรีเลย เพราะรัฐมนตรีให้ความสนใจที่จะมาประชุมส.ส.ของพรรคน้อยมาก
ทั้งนี้ก็เกิดจากรัฐธรรมนูญที่แยกฝ่ายบริหารออกจากฝ่ายนิติบัญญัติโดยเด็ดขาด พลอยทำให้สัมพันธภาพที่ดีระหว่างรัฐมนตรีกับส.ส.มีน้อยลง
............................
(บางส่วนจากหนังสือ “การใช้อำนาจเป็นธรรมชาติของมนุษย์” โดย “ประมวล รุจนเสรี” หน้า 65 – 84 และ “เซี่ยงเส้าหลง” นำมาจัดย่อหน้าใหม่และเน้นตัวเพิ่มเติมเพื่อความสะดวกในการอ่าน)

หนังสือต้นเหตุ – ปกสีแดง หนา 180 หน้า ไม่ขาย แต่จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่เป็นวิทยาทานโดยมูลนิธิพัฒนาพลังแผ่นดิน เนื้อาหบางส่วนส่อเค้าให้ผู้เขียนคือ “ประมวล รุจนเสรี” มีสิทธิตกที่นั่งเดียวกับ “ยาฟ สตัม” ที่ไปเปิดเผยเรื่องราวภายในสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จนโดน “เฟอร์กี้” โละทิ้งในเวลาอันรวดเร็วทั้ง ๆ ที่ยังมีฝีมืออยู่
•• ต้องเข้าใจเป็นพื้นฐานว่า ประมวล รุจนเสรี มีความผูกพันมานานวันกับ เสนาะ เทียนทอง ตั้งแต่สมัยเป็น ปลัดจังหวัดปราจีนบุรี อยู่นานถึง 9 ปี ในขณะที่ อุไรวรรณ เทียนทอง รับราชการเป็น เสมียนตราจังหวัดปราจีนบุรี ความก้าวหน้าในชีวิตราชการของเขานอกจาก ความสามารถส่วนตัว แล้วยังแยกไม่ออกจากการเป็น รัฐมนตรี หลายครั้งหลายยุคต่อเนื่องกันของ เสนาะ เทียนทอง อย่างเด็ดขาด
•• ขอพูดแตกกิ่งก้านสาขาไปที่ อุไรวรรณ เทียนทอง สักเล็กน้อยว่าที่ได้เข้ามาเป็น รัฐมนตรี คำตอบทั่วไปเหมือน ๆ กันคงบอกว่าเพราะเธอเป็น “...ภรรยาของเสนาะ เทียนทอง.” แต่นั่นไม่ใช่ ปัจจัยหลัก ฟันธงได้ว่าเพราะเธอผู้นี้เสมือนเป็น หัวหน้ากลุ่มวังน้ำเย็นตัวจริง นักการเมืองในมุ้งนี้ที่เข้านอกออกใน บ้านเมืองทองธานี เป็นประจำจะรู้ดีว่าที่นั่นใครคือ หัวใจ ใครทำหน้าที่ แสวงหางบประมาณ, จัดสรรงบประมาณ, จัดวางกำลังคน กระทั่ง ตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเธอเป็นคนที่ เป็นกันเองกับทุกคน, พบง่าย, ไม่มีพิธีรีตรอง จนทุกคนยอมรับใน น้ำใจ จนมีคำกล่าวเปรียบเปรยว่า “...แขกที่เข้าบ้านเมืองทอง นอกจากจะได้กินข้าวกินน้ำแล้ว ยังได้กินน้ำใจอีกต่างหาก.” และถ้าอยู่มานานยิ่งจะรู้ว่าใครกันทำให้กลุ่มธุรกิจ ส. เทียนทอง แห่ง จังหวัดสระแก้ว (เดิมรวมอยู่ใน จังหวัดปราจีนบุรี) กลายเป็นธุรกิจที่ เจริญรุ่งเรืองมาอย่างต่อเนื่อง คำตอบคือ นักบัญชี ชื่อ อุไรวรรณ เทียนทอง ที่สมรสกับ เสนาะ เทียนทอง 1 ใน 3 หุ้นส่วนสำคัญร่วมกับ เอื้อ เทียนทอง และ พิเชษฐ์ เทียนทอง เมื่อ วันที่ 11 สิงหาคม 2517 ขณะรับราชราชการในตำแหน่ง เสมียนตราจังหวัดปราจีนบุรี ทำงานในส่วน คลังจังหวัด (ขณะที่ในภายหลัง ประมวล รุจนเสรี ย้ายเข้าไปเป็นใหญ่พอสมควรในตำแหน่ง ปลัดจังหวัดปราจีนบุรี) มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ความผูกพัน จึงค่อนข้าง ลึกซึ้ง, ยาวนาน พอสมควร
•• จริง ๆ แล้วที่ บ้านเมืองทองธานี ไม่เพียงแต่ อุไรวรรณ เทียนทอง เท่านั้นที่มากไปด้วย น้ำใจ ใครต่อใครที่ไปเยือนบ้านนั้นยังมี ผู้เป็นที่รักของทุกคน อยู่อีกหนึ่งคือ คุณยายสาคร เทศะแพทย์ มารดาของ สะใภ้ใหญ่ตระกูลเทียนทอง นั่นเอง
•• ทั้ง บรรหาร ศิลปอาชา และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เคยประเมิน พลาด มาแล้วเมื่อ ปี 2539 และ ปี 2543 ปรามาส จำนวนคน ของ กลุ่มวังน้ำเย็น ว่าไม่น่าวิตกเพราะมีอย่างมากก็ แค่ 10 – 20 คน แต่สุดท้ายก็เพราะ ความผูกพันในน้ำใจ ที่มีต่อ อุไรวรณ เทียนทอง คนนี้แหละที่ทำให้ทั้ง พรรคชาติไทย และ พรรคความหวังใหม่ เสียศูนย์เกือบหมดสภาพมาแล้วเมื่อคราวที่ เสนาะ เทียนทอง แยกตัวออกมา
•• พูดง่าย ๆ ว่า คุณหญิงพจมาน ชินวัตร มีความหมายต่อ ชินคอร์ป และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ฉันใด อุไรวรรณ เทียนทอง ก็มีความหมายต่อ ส. เทียนทอง และ เสนาะ เทียนทอง ฉันนั้น
•• จึงเป็นเรื่องที่ น่าจับตายิ่ง ว่า เสนาะ - อุไรวรรณ เทียนทอง จะยอมสูญเสีย ขุนพลคนสนิท ที่คบหาสมาคมกันมา ยาวนาน ตั้งแต่ยุค ก่อร่างสร้างตัว เพื่อกลับมา คืนดี กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่
•• หนังสือ การใช้อำนาจเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ของ ประมวล รุจนเสรี วันนี้ก็คลับคล้ายคลับคลากับหนังสือดังในอดีต คนดีไม่มีเสื่อม มั่นคง ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา - ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ที่ ณ วันนี้ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติก็ยังคงเป็น หนังสือขายดี ทั้ง 2 เล่มอ่านแล้วให้นึกถึง ยาป สตัม นักฟุตบอลอาชีพร่างยักษ์ชาวฮอลแลนด์ผู้มีฝีเท้ายอดเยี่ยมในตำแหน่ง เซนเตอร์ฮาล์ฟ ที่ต้องโดน เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน ขายออกจากทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปเมื่อ 3 - 4 ปีที่แล้ว ด้วย เหตุผลอื่นนอกเหนือจากความสามารถในการเล่นฟุตบอล แฟนฟุตบอล EPL คงจะจำกันได้ว่า สาเหตุหลัก มาจากหนังสือเรื่อง Head to Head ที่เจ้าตัวเล่าอัตชีวประวัติตนเองออกมาแล้วเผลอไผลไป เปิดเผยเรื่องราวภายใน ของสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และคำพูดคำจาของ เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน ที่ควรจะเป็น เรื่องภายใน ออกมาจนเกิด อื้อฉาว ขึ้น
•• ซึ่งว่าไปแล้วในความเป็น ซีอีโอ, ซูเปอร์ซีอีโอ ที่ถึงพร้อมทั้ง ความสามารถ, ความสำเร็จ, ความเป็นผู้นำ และ ความเชื่อมั่นในตัวเองที่สูง กล่าวได้ว่า เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน ไม่ได้แตกต่างไปจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คนที่เขามอบ เสื้อทีมหมายเลข 52 ให้ระหว่างนำทีมมาเยือนไทยเมื่อ 4 ปีก่อน อย่าว่าแต่ ยาป สตัม แม้แต่ เดวิด เบ็คแฮม ที่เป็นเสมือน หัวใจ, สัญลักษณ์, สินค้าสูงราคา ของทีมฟุตบอลที่ได้รับการยอมรับว่าประสบความสำเร็จทางธุรกิจมากที่สุดในโลกยัง ถูกขายออกไป โดยไม่กังวล เสียงวิจารณ์รอบด้าน หลังเกิด ความขัดแย้ง ชนิด ลึก, คุกรุ่น เป็น ไฟสุมขอน เสียงวิจารณ์ส่วนใหญ่เป็นไปในทำนองตำหนิท่านเซอร์ว่า อัตตาสูง, บ้าอำนาจ, เผด็จการ และ ไม่ต้องการให้ใครมีความสำคัญกับทีมมากกว่าตน คงจำกันได้
•• ในหนังสือ Japp Stam - Head to Head Book เนื้อหาที่เป็นปัญหาก็คือเปิดเผย วิธีการซื้อตัวนักฟุตบอล ของ เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน ที่อาจถูกพิจารณาได้ว่าเข้าข่าย ผิดกฎ เพราะ ติดต่อกับนักฟุตบอลล่วงหน้า - ก่อนเปิดเจรจากับสโมสรต้นสังกัด ส่วนในหนังสือ คนดีไม่มีเสื่อม มั่นคง ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา - ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ นั้นเปิดเผยให้ ตีความ ได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ผิดคำพูด ที่ เคยรับปาก ไว้ว่าถ้าจะมี การเปลี่ยนแปลง(ตำแหน่ง) ขอให้ พูดกันตรง ๆ นอกจากนั้นยังเน้นย้ำเรื่อง สาเหตุที่อาจจะเป็นข้อขัดแย้ง กับ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ – ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในเรื่อง คน, งบประมาณ และ ท่าที-ท่วงทำนอง ตรงนี้อาจก่อให้เกิดกรณี ตีความ ได้อีกว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของบ้านนี้เมืองนี้เลือกคนที่เป็น ปลัดกระทรวง (และ น้องเขย) มากกว่า รัฐมนตรี (และ เพื่อน) ส่วนในหนังสือ การใช้อำนาจเป็นธรรมชาติของมนุษย์ นั้นเปิดเผยให้เห็นรอยร้าวลึกระหว่าง ส.ส.เขต (หรือ นักการเมืองรุ่นเก่า) กับ รัฐมนตรี (หรือนัยหนึ่ง กลุ่มทุน, คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี) และที่ออกจะ แรงมาก คือเป็นการให้ภาพภายในของพรรคไทยรักไทยว่า บริหารจัดการด้วยระบบรวบอำนาจ ที่จริงเนื้อหาในหนังสือทั้ง 3 เล่มไม่ใช่ เรื่องใหม่, เรื่องใหญ่ เป็นปกติของ ธุรกิจ, การเมือง เพียงแต่การออกมา เปิดเผยต่อสาธารณะ แม้โดย ไม่ตั้งใจ, ไม่เจตนา แต่ก็ย่อมเป็น อาหารอันโอชะ ให้ สื่ออื่น นำไป เล่นต่อ ในฐานะที่ทั้ง เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่างเป็น คนดัง ที่เป็น เป้าหมาย อยู่ด้วยกัน
•• ชะตากรรมของ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ แม้จะไม่ถูก โละทิ้ง เหมือน ยาป สตัม แต่ก็ตกอยู่ในสภาพเสมือน ตัวประกัน ถูกกักบริเวณอยู่ในตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี พูดจาประสาฟุตบอลก็ต้องบอกว่า ติดสนับก้น, สิงห์ม้ายาว นั่นคือ นั่งเป็นตัวสำรองข้างสนาม – ไม่ได้ลงสนามโชว์ฝีเท้า และเมื่อหมดฤดูกาลก็ เลิกเล่น ไปเลย
•• น่าสนใจเหมือนกันว่าชะตากรรมของ ประมวล รุจนเสรี จะตกอยู่ในสถานะใดในเมื่อ คุณค่า, ความผูกพัน และ ความจำเป็นของสถานการณ์ที่ทำให้ต้องรักษาไว้ เมื่อเทียบกับ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ แล้วต้องถือว่า ห่างชั้น อย่างน้อยก็ในสายตา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เวลานี้
เมื่อ‘พรรคไทยรักไทย’ถูก‘คนใน’แฉ !
ผลที่มองเห็นจาก 4 ปีของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนก็คือ บรรดารัฐมนตรีต่าง ๆ มุ่งสร้างความสัมพันธ์ที่ดียิ่งกับนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งถอดถอน ยิ่งพรรคไทยรักไทยมีมติมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีสามารถใช้ดุลพินิจคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่าง ๆ ได้เอง ความสัมพันธ์ต่าง ๆ จึงอยู่กับตัวนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผุ้เดียว
รัฐมนตรีขาดความสนใจส.ส. ไม่ค่อยเข้าประชุมพรรค เมื่อออกพื้นที่ไปเยี่ยมเยียนประชาชนก็ไม่ค่อยยกย่องให้เกียรติแก่ส.ส.เจ้าของพื้นที่
ความห่างเหินระหว่างส.ส.กับผู้บริหารมีมาก
ความเดือดร้อนของประชาชนที่ส.ส.นำมาเสนอกับรัฐมนตรีไม่ค่อยได้รับการตอบสนอง
เมื่อมีความสงสัยในข้อราชการใดก็ไม่สามารถซักถามได้ในพรรค เมื่อจะกระทู้ถามในสภาก็ถูกระบบโควต้าปิดกั้นไว้ ส.ส.ฝ่ายค้านกลับมีโอกาสสอบถามรัฐมนตรีมากกว่าส.ส.ฝ่ายรัฐบาล
ยามใดที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเกิดขึ้น ส.ส.จำต้องฝืนใจลงมติไว้วางใจตามมติพรรค
สถานการณ์เช่นนี้สร้างความห่างเหินกับตัวแทนประชาชนมาก
ควรจะต้องแก้ไขในระดับพรรคเอง และในตัวรัฐธรรมนูญที่ไม่น่าจะใช้ 2 ระบบ คือระบบประธานาธิบดีและระบบรัฐสภา มาผสมผสานกัน
ประเด็นปัญหาอีกประการหนึ่งก็คือ การตรวจสอบควบคุมของฝ่ายนิติบัญญัติต่อฝ่ายบริหารที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้สมาชิกจำนวน 2 ใน 5 คือ 200 คน จึงจะสามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้ ความจริงก็เป็นเจตนารมณ์ที่ต้องการให้เกิด Strong Executive ขึ้น นายกรัฐมนตรีจะได้ไม่ถูกอภิปรายบ่อยครั้ง แต่ข้อเท็จจริงก็ปรากฎว่า ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรมีส.ส.ไม่ถึง 200 คน จึงไม่มีสิทธิอภิปรายนายกรัฐมนตรี ตลอด 4 ปีเต็ม
การไม่สามารถอภิปรายนายกรัฐมนตรีได้ ก็เท่ากับหน่วยงานที่นายกรัฐมนตรีดูแลที่สำคัญ คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานอื่น ไม่ถูกตรวจสอบด้วยเช่นกัน
ผลร้ายก็ตกอยู่กับประชาชน ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตและไม่สมควรต่าง ๆ
............................
โดยที่พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคใหญ่ หัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค จึงรวมตัวกันอยู่ในคณะรัฐมนตรี การตัดสินใจใด ๆ ของคณะรัฐมนตรีก็แทบจะเป็นการตัดสินใจอย่างเดียวกันของคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยอยู่แล้ว
จึงเกิดปรากฏการณ์ไม่ค่อยมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคหรือคณะผู้บริหารพรรคไทยรักไทยขึ้น
การประชุมส.ส.ของพรรคไทยรักไทยจึงเป็นการแจ้งข้อมูลข่าวสารจากครม.สู่ส.ส.
ส่วนการสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากส.ส.สู่คณะรัฐมนตรี แทบจะไม่เกิดผลตอบสนองจากรัฐมนตรีเลย เพราะรัฐมนตรีให้ความสนใจที่จะมาประชุมส.ส.ของพรรคน้อยมาก
ทั้งนี้ก็เกิดจากรัฐธรรมนูญที่แยกฝ่ายบริหารออกจากฝ่ายนิติบัญญัติโดยเด็ดขาด พลอยทำให้สัมพันธภาพที่ดีระหว่างรัฐมนตรีกับส.ส.มีน้อยลง
............................
(บางส่วนจากหนังสือ “การใช้อำนาจเป็นธรรมชาติของมนุษย์” โดย “ประมวล รุจนเสรี” หน้า 65 – 84 และ “เซี่ยงเส้าหลง” นำมาจัดย่อหน้าใหม่และเน้นตัวเพิ่มเติมเพื่อความสะดวกในการอ่าน)
หนังสือต้นเหตุ – ปกสีแดง หนา 180 หน้า ไม่ขาย แต่จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่เป็นวิทยาทานโดยมูลนิธิพัฒนาพลังแผ่นดิน เนื้อาหบางส่วนส่อเค้าให้ผู้เขียนคือ “ประมวล รุจนเสรี” มีสิทธิตกที่นั่งเดียวกับ “ยาฟ สตัม” ที่ไปเปิดเผยเรื่องราวภายในสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จนโดน “เฟอร์กี้” โละทิ้งในเวลาอันรวดเร็วทั้ง ๆ ที่ยังมีฝีมืออยู่