•• จนถึงเวลานี้ โภคิน พลกุล น่าจะ ตกผลึก ได้แล้วละว่าท่านควร ปรับปรุงตนเองอย่างไร และอย่าได้ไปพุ่งเป้าตีที่ พรรคประชาธิปัตย์ นาทีนี้พรรคการเมืองพรรคนี้กำลัง ปรับตัว พยายามลดบทบาทเดิม ๆ ที่ถูกมองว่า ค้านทุกเรื่อง, เล่นการเมืองในทุกประเด็น ถ้าไม่ เหลืออด จริง ๆ คงไม่เกิดปรากฏการณ์ หัวหน้าพรรคนำสมาชิกวอล์กเอาต์ คำถามข้อใหญ่ ๆ ที่ต้องยกขึ้นถามตนเอง ณ นาทีนี้ก็คือ ทำไมไม่มีส.ส.พรรคไทยรักไทยลุกขึ้นช่วยอภิปรายปกป้องประธานสภาผู้แทนราษฎรแม้แต่สัก 1 คน เรื่องนี้มีรากฐานของปัญหามาจากที่ “เซี่ยงเส้าหลง” เคยชี้ไว้ให้เห็นแล้ว ณ ที่นี้เมื่อ วันที่ 18 มีนาคม 2548 หัวข้อ โภคิน พลกุล – เป้าลองของส.ส.ก๊วนในพรรคไทยรักไทย โดยกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “...อยากจะพยากรณ์ไว้ ณ ที่นี้ว่า อาการเครื่องรวนของพรรคไทยรักไทยจะปรากฏออกมาเรื่อย ๆ ในสภาผู้แทนราษฎรในหลากรูปแบบหลายวาระตามโอกาสอันควร -- เพราะสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นเวทีเดียวที่บรรดานักการเมืองรุ่นเก่าจะมีโอกาส สำแดงพลังให้เป็นที่ประจักษ์แก่ตาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะ ณ นาทีนี้คนเหล่านี้ถูกรุกไล่จนแทบไม่มีที่ยืน.” ที่ได้กล่าวท้วงติงการทำงานและการวางตัวของ โภคิน พลกุล มาโดยตลอดไม่ใช่เพราะต้องการให้ท่านผู้นี้ เป็นกลางจริง ๆ เพราะรู้ดีอยู่ว่า ความเป็นกลางไม่มีในโลก ทว่ามองบนพื้นฐานของการที่ผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ฝักใฝ่รัฐบาล, เป็นตัวช่วยสำคัญในยามวิกฤตของรัฐบาล สิ่งที่จำเป็นในเบื้องต้นก็คือ แกล้งเป็นกลางให้สมจริง เพื่อให้ ทุกฝ่ายยอมรับ (ในความหมายจริงคือ ทุกฝ่ายจำเป็นต้องยอมรับ) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สาธารณชนยอมรับ การที่ โภคิน พลกุล ออกมาแก้ต่างครั้งแล้วครั้งเล่าว่าตัวท่านนั้น จริงใจ, ไม่เสแสร้ง และ คิดอย่างไรแสดงออกอย่างนั้น พูดตามตรงว่าเสมือนเป็นการแสดงออกมาซึ่ง ความเป็นหนงเกี๊ยทางการเมือง เสียเหลือเกิน
•• แทนที่จะเริ่มต้นเดือนแรกบนบัลลังก์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร, ประธานรัฐสภา ได้อย่าง สง่างาม ชนิด ไม่จำเป็นต้องให้เวลาและเหตุการณ์ในอนาคตเป็นผู้พิสูจน์ ท่านกลับตัดสินใจ สร้างประเพณีการเมืองใหม่ ขึ้นถึง 3 ครั้ง โดย ไม่มีความจำเป็น มองให้ลึกซึ้งและยาวไกลสักหน่อย ฐานภาพทางเปิด ที่แสดงออกถึง ความพยายามเป็นกลางให้มากที่สุดของผู้ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา น่าจะเป็น ประโยชน์สูงสุด ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะตลอดระยะเวลา 4 ปีบนตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติไม่มีหลักประกันอะไรรับรองได้ว่าจะไม่มี สถานการณ์พิเศษ ให้ผู้ดำรงตำแหน่งนี้ต้อง ออกแรง, เปลืองตัว หรือพูดจาภาษาเกมโชว์ก็ต้องบอกว่าเป็น ตัวช่วย – ตัวสุดท้าย ทำแบบนี้เท่ากับ เสียของ ไปเปล่า ๆ ปลี้ ๆ
•• อย่าลืมว่า ตำแหน่งทางการเมือง โดยเฉพาะอย่าง ประธานสภาผู้แทนราษฎร, ประธานรัฐสภา นั้นไม่ควรจะตัดสิน คุณค่า, เกียรติคุณ กันเพียงจากมาตรวัด ครบถ้วนตรงตามรัฐธรรมนูญทุกประการ, ไม่มีการขัดรัฐธรรมนูญแม้แต่น้อย เท่านั้น
•• เคยกล่าวไว้ ณ ที่นี้แล้วว่าภูมิหลังของ โภคิน พลกุล กล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่มี ต้นทุนสูง เพราะไม่ใช่แค่เป็น ด็อกเตอร์อังดรัวต์ หากแต่ยังเพราะได้รับการยอมรับนับถือในฐานะ นักวิชาการกฎหมายมหาชนระดับท็อปไฟว์ของประเทศ – ที่มีอนาคตยาวไกลให้เลือกได้หลายทาง พิจารณาในทางสายเลือดแล้วเป็น หลาน ของอดีตนักหนังสือพิมพ์และนักต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตย อุทธรณ์ พลกุล เจ้าของนามปากกา งาแซง ทำให้ในช่วงที่ไปเรียนปริญญาเอกที่ฝรั่งเศสนั้นก็ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับ ท่านปรีดี พนมยงค์ – รัฐบุรุษอาวุโส ที่อยู่ในช่วง บั้นปลายของชีวิต จนกล่าวได้ว่าเป็นทั้ง ศิษย์ และ หลาน ที่ได้รับถ่ายทอด มรดกทางปัญญาและประสบการณ์การเมือง มาในระดับที่กล่าวได้ว่า มากที่สุดคนหนึ่ง และเมื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองครั้งแรกในยุค บรรหาร ศิลปอาชา ก็ได้รังสรรค์ผลงาน พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง พ.ศ. 2539, พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิด พ.ศ. 2539 ที่ถือเป็น เสาหลักของระบบกฎหมายปกครองไทย การดำรงตำแหน่งทางการเมืองครั้งต่อ ๆ มาก็ ไม่มีอะไรเสียหาย ทำให้ได้รับการคาดหมายว่าจะมีโอกาสสูงที่จะ สร้างเกียรติคุณ ขึ้นมาจากตำแหน่ง ประธานรัฐสภา และพูดก็พูดเถอะในเมื่อท่านก็ดิ้นรนหลีกลี้หนีจากวงจรช่วงชิงตำแหน่งรัฐมนตรีมาได้อย่าง โชคดี แล้วก็ไม่จำเป็นต้องทำตนตาม ต้นแบบ – ลูกที่ดีของนายกฯและคุณหญิงฯ อย่างเช่น เนวิน ชิดชอบ ที่ยึดมั่นในคำสอนสั่งของ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่ว่า “...ถ้าไปอยู่กับไอ้ทักษิณ มันว่าอะไร แนะนำพร่ำสอนอะไร ก็อย่าไปตีตนเสมอท่าน ถ้าตีตัวเสมอท่านเมื่อไร ไม่แตกก็หัก ให้รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน – ไปอยู่กับไอ้ทักษิณ ต้องวางตัวให้เหมาะสม ให้รู้กาลเทศะ.” อย่างเคร่งครัดไม่มีกระดิกกระเดี้ย
•• ไม่คาดมายจะให้ โภคิน พลกุล เดินตามรอย พึ่ง ศรีจันทร์ ทั้งหมดหรอก “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าวันนี้ยุคสมัยเปลี่ยนไปขอเพียงแต่ พยายามแกล้ง ๆ เป็นให้เหมือนสักเศษเสี้ยว ก็ดีถมถืดแล้ว
•• ดู อุทัย พิมพ์ใจชน ไว้เป็น ตัวอย่าง แม้ว่าจะ มึนตึง กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในประเด็น สถานที่ตั้งรัฐสภาแห่งใหม่ แต่ในยามที่จวนเจียนจะเกิด วิกฤตรัฐสภา ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง ท่านก็ทำหน้าที่ ตัวช่วย อย่าง ได้ผล ใช่ไหม
•• พูดถึง อุทัย พิมพ์ใจชน อยากจะขอย้อนพูดไปถึงบทบาทสมัยเป็น ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ แนวคิดประการสำคัญองท่านที่ปรากฏอยู่ใน รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน, กฎหมายเลือกตั้งฉบับปัจจุบัน ได้กลายมาเป็น ผลประโยชน์โดยตรง ต่อ พรรคไทยรักไทย – ยุคครองอำนาจเบ็ดเสร็จ เห็นชัดจาก ผลการเลือกตั้ง 6 กุมภาพันธ์ 2548 ใช่แล้ว “เซี่ยงเส้าหลง” กำลังพูดถึงนวัตกรรมใหม่ รวมศูนย์การเปิดหีบบัตรเลือกตั้ง – นับคะแนนที่เดียว ที่มีเป้าหมาย ขจัดการตรวจสอบ ของบรรดา เจ้าพ่อ, อิทธิพลท้องถิ่น ที่จะดำเนินการ ตรวจสอบการทำงานของหัวคะแนน ซึ่งจะทำได้ง่ายมากหาก นับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง มาตรการนี้หากพิจารณาในบริบทของ สงครามทุน แล้วเป็นข้อได้เปรียบมหาศาลของ ทุนส่วนกลางที่ครองอำนาจรัฐ และเป็นข้อเสียเปรียบอย่างหนักหนาสาหัสของ ทุนท้องถิ่น ที่สำคัญคือมันได้ทำให้การเลือกตั้งทั่วไปที่เคยถือกันว่าเป็น กิจกรรมของประชาชน โดยประชาชนในพื้นที่เมื่อ เลือกผู้แทน แล้วก็ ปรากฏผล ต่อหน้าต่อตาที่ หน้าหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งทำให้ ประชาชนใกล้ชิดการเลือกตั้ง ต่างกับการยกหีบไปนับรวมที่อำเภอหรือจังหวัดอันจะทำให้ ประชาชนห่างไกล – ตามไปดูไม่ได้ อย่าว่าแต่ ประชาชน แม้แต่ ตัวแทนพรรคการเมืองที่ไม่ใช่พรรคที่ครองอำนาจรัฐ ก็แทบ รากเลือด มาแล้ว

•• ทำเป็นเล่นไป ประชาชนตามรัฐธรรมนูญ 2540 ห่างไกลจากการเมืองเรื่องการเลือกตั้งมาก ตั้งแต่เริ่มต้น สมัครเป็นส.ส.ก็ไม่ได้ถ้าไม่จบปริญญาตรีและไม่สังกัดพรรคการเมือง ต่อมาก็ ตามไปดูผลการเลือกตั้งก็ลำบาก - เพราะไม่ได้นับที่หน่วยเลือกตั้งเหมือนเดิม แต่กลับถูก บังคับ ให้มี หน้าที่ไปเลือกตั้ง ไม่ไปก็จะถูก ลงโทษ ให้ เสียสิทธิ หนักขึ้นไปอีก
•• มีคนบอก “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าถ้ายังคง นับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง เผลอ ๆ ผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุด พรรคไทยรักไทย อาจจะได้ ไม่ถึง 377 เสียง อย่างมากก็จะแค่ ไม่เกิน 320 เสียง เท่านั้น
•• ยอดจอง เมืองไทยรายสัปดาห์ 1 ชุด 3 เล่ม สูงถึง มากกว่า 3,000 เล่ม ทำให้ทั้ง สนธิ ลิ้มทองกุล – สโรชา พรอุดมศักดิ์ สาละวนอยู่กับกระบวนการ เซ็นชื่อขอบคุณ แต่ถึงอย่างไรก็จะไปร่วมงาน เปิดตัวหนังสือ ที่ ห้องมีตติ้งรูม 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อาทิตย์ที่ถึงนี้ วันที่ 3 เมษายน 2548 เวลาบ่าย 13.30 – 16.00 น. ด้วยการจัดรายการจำลองของจริง เมืองไทยรายสัปดาห์ภาคพิเศษ – ปิดห้องคุย ที่นั่งมีจำกัดมาก ๆ สนใจ จองที่นั่ง กรุณาติดต่อสอบถามไปได้ที่ หมายเลข 0-2629-4488 ต่อ 2208, 2209 ด่วน
•• แทนที่จะเริ่มต้นเดือนแรกบนบัลลังก์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร, ประธานรัฐสภา ได้อย่าง สง่างาม ชนิด ไม่จำเป็นต้องให้เวลาและเหตุการณ์ในอนาคตเป็นผู้พิสูจน์ ท่านกลับตัดสินใจ สร้างประเพณีการเมืองใหม่ ขึ้นถึง 3 ครั้ง โดย ไม่มีความจำเป็น มองให้ลึกซึ้งและยาวไกลสักหน่อย ฐานภาพทางเปิด ที่แสดงออกถึง ความพยายามเป็นกลางให้มากที่สุดของผู้ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา น่าจะเป็น ประโยชน์สูงสุด ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะตลอดระยะเวลา 4 ปีบนตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติไม่มีหลักประกันอะไรรับรองได้ว่าจะไม่มี สถานการณ์พิเศษ ให้ผู้ดำรงตำแหน่งนี้ต้อง ออกแรง, เปลืองตัว หรือพูดจาภาษาเกมโชว์ก็ต้องบอกว่าเป็น ตัวช่วย – ตัวสุดท้าย ทำแบบนี้เท่ากับ เสียของ ไปเปล่า ๆ ปลี้ ๆ
•• อย่าลืมว่า ตำแหน่งทางการเมือง โดยเฉพาะอย่าง ประธานสภาผู้แทนราษฎร, ประธานรัฐสภา นั้นไม่ควรจะตัดสิน คุณค่า, เกียรติคุณ กันเพียงจากมาตรวัด ครบถ้วนตรงตามรัฐธรรมนูญทุกประการ, ไม่มีการขัดรัฐธรรมนูญแม้แต่น้อย เท่านั้น
•• เคยกล่าวไว้ ณ ที่นี้แล้วว่าภูมิหลังของ โภคิน พลกุล กล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่มี ต้นทุนสูง เพราะไม่ใช่แค่เป็น ด็อกเตอร์อังดรัวต์ หากแต่ยังเพราะได้รับการยอมรับนับถือในฐานะ นักวิชาการกฎหมายมหาชนระดับท็อปไฟว์ของประเทศ – ที่มีอนาคตยาวไกลให้เลือกได้หลายทาง พิจารณาในทางสายเลือดแล้วเป็น หลาน ของอดีตนักหนังสือพิมพ์และนักต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตย อุทธรณ์ พลกุล เจ้าของนามปากกา งาแซง ทำให้ในช่วงที่ไปเรียนปริญญาเอกที่ฝรั่งเศสนั้นก็ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับ ท่านปรีดี พนมยงค์ – รัฐบุรุษอาวุโส ที่อยู่ในช่วง บั้นปลายของชีวิต จนกล่าวได้ว่าเป็นทั้ง ศิษย์ และ หลาน ที่ได้รับถ่ายทอด มรดกทางปัญญาและประสบการณ์การเมือง มาในระดับที่กล่าวได้ว่า มากที่สุดคนหนึ่ง และเมื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองครั้งแรกในยุค บรรหาร ศิลปอาชา ก็ได้รังสรรค์ผลงาน พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง พ.ศ. 2539, พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิด พ.ศ. 2539 ที่ถือเป็น เสาหลักของระบบกฎหมายปกครองไทย การดำรงตำแหน่งทางการเมืองครั้งต่อ ๆ มาก็ ไม่มีอะไรเสียหาย ทำให้ได้รับการคาดหมายว่าจะมีโอกาสสูงที่จะ สร้างเกียรติคุณ ขึ้นมาจากตำแหน่ง ประธานรัฐสภา และพูดก็พูดเถอะในเมื่อท่านก็ดิ้นรนหลีกลี้หนีจากวงจรช่วงชิงตำแหน่งรัฐมนตรีมาได้อย่าง โชคดี แล้วก็ไม่จำเป็นต้องทำตนตาม ต้นแบบ – ลูกที่ดีของนายกฯและคุณหญิงฯ อย่างเช่น เนวิน ชิดชอบ ที่ยึดมั่นในคำสอนสั่งของ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่ว่า “...ถ้าไปอยู่กับไอ้ทักษิณ มันว่าอะไร แนะนำพร่ำสอนอะไร ก็อย่าไปตีตนเสมอท่าน ถ้าตีตัวเสมอท่านเมื่อไร ไม่แตกก็หัก ให้รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน – ไปอยู่กับไอ้ทักษิณ ต้องวางตัวให้เหมาะสม ให้รู้กาลเทศะ.” อย่างเคร่งครัดไม่มีกระดิกกระเดี้ย
•• ไม่คาดมายจะให้ โภคิน พลกุล เดินตามรอย พึ่ง ศรีจันทร์ ทั้งหมดหรอก “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าวันนี้ยุคสมัยเปลี่ยนไปขอเพียงแต่ พยายามแกล้ง ๆ เป็นให้เหมือนสักเศษเสี้ยว ก็ดีถมถืดแล้ว
•• ดู อุทัย พิมพ์ใจชน ไว้เป็น ตัวอย่าง แม้ว่าจะ มึนตึง กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในประเด็น สถานที่ตั้งรัฐสภาแห่งใหม่ แต่ในยามที่จวนเจียนจะเกิด วิกฤตรัฐสภา ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง ท่านก็ทำหน้าที่ ตัวช่วย อย่าง ได้ผล ใช่ไหม
•• พูดถึง อุทัย พิมพ์ใจชน อยากจะขอย้อนพูดไปถึงบทบาทสมัยเป็น ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ แนวคิดประการสำคัญองท่านที่ปรากฏอยู่ใน รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน, กฎหมายเลือกตั้งฉบับปัจจุบัน ได้กลายมาเป็น ผลประโยชน์โดยตรง ต่อ พรรคไทยรักไทย – ยุคครองอำนาจเบ็ดเสร็จ เห็นชัดจาก ผลการเลือกตั้ง 6 กุมภาพันธ์ 2548 ใช่แล้ว “เซี่ยงเส้าหลง” กำลังพูดถึงนวัตกรรมใหม่ รวมศูนย์การเปิดหีบบัตรเลือกตั้ง – นับคะแนนที่เดียว ที่มีเป้าหมาย ขจัดการตรวจสอบ ของบรรดา เจ้าพ่อ, อิทธิพลท้องถิ่น ที่จะดำเนินการ ตรวจสอบการทำงานของหัวคะแนน ซึ่งจะทำได้ง่ายมากหาก นับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง มาตรการนี้หากพิจารณาในบริบทของ สงครามทุน แล้วเป็นข้อได้เปรียบมหาศาลของ ทุนส่วนกลางที่ครองอำนาจรัฐ และเป็นข้อเสียเปรียบอย่างหนักหนาสาหัสของ ทุนท้องถิ่น ที่สำคัญคือมันได้ทำให้การเลือกตั้งทั่วไปที่เคยถือกันว่าเป็น กิจกรรมของประชาชน โดยประชาชนในพื้นที่เมื่อ เลือกผู้แทน แล้วก็ ปรากฏผล ต่อหน้าต่อตาที่ หน้าหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งทำให้ ประชาชนใกล้ชิดการเลือกตั้ง ต่างกับการยกหีบไปนับรวมที่อำเภอหรือจังหวัดอันจะทำให้ ประชาชนห่างไกล – ตามไปดูไม่ได้ อย่าว่าแต่ ประชาชน แม้แต่ ตัวแทนพรรคการเมืองที่ไม่ใช่พรรคที่ครองอำนาจรัฐ ก็แทบ รากเลือด มาแล้ว
•• ทำเป็นเล่นไป ประชาชนตามรัฐธรรมนูญ 2540 ห่างไกลจากการเมืองเรื่องการเลือกตั้งมาก ตั้งแต่เริ่มต้น สมัครเป็นส.ส.ก็ไม่ได้ถ้าไม่จบปริญญาตรีและไม่สังกัดพรรคการเมือง ต่อมาก็ ตามไปดูผลการเลือกตั้งก็ลำบาก - เพราะไม่ได้นับที่หน่วยเลือกตั้งเหมือนเดิม แต่กลับถูก บังคับ ให้มี หน้าที่ไปเลือกตั้ง ไม่ไปก็จะถูก ลงโทษ ให้ เสียสิทธิ หนักขึ้นไปอีก
•• มีคนบอก “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าถ้ายังคง นับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง เผลอ ๆ ผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุด พรรคไทยรักไทย อาจจะได้ ไม่ถึง 377 เสียง อย่างมากก็จะแค่ ไม่เกิน 320 เสียง เท่านั้น
•• ยอดจอง เมืองไทยรายสัปดาห์ 1 ชุด 3 เล่ม สูงถึง มากกว่า 3,000 เล่ม ทำให้ทั้ง สนธิ ลิ้มทองกุล – สโรชา พรอุดมศักดิ์ สาละวนอยู่กับกระบวนการ เซ็นชื่อขอบคุณ แต่ถึงอย่างไรก็จะไปร่วมงาน เปิดตัวหนังสือ ที่ ห้องมีตติ้งรูม 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อาทิตย์ที่ถึงนี้ วันที่ 3 เมษายน 2548 เวลาบ่าย 13.30 – 16.00 น. ด้วยการจัดรายการจำลองของจริง เมืองไทยรายสัปดาห์ภาคพิเศษ – ปิดห้องคุย ที่นั่งมีจำกัดมาก ๆ สนใจ จองที่นั่ง กรุณาติดต่อสอบถามไปได้ที่ หมายเลข 0-2629-4488 ต่อ 2208, 2209 ด่วน