xs
xsm
sm
md
lg

"พายัพ"รับท้าสาบานกลางสภาฯ สวนหมัด"รังสิมา"ใส่ร้ายทำให้เสียหาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“พายัพ ปั้นเกตุ” ส.ส.สิงห์บุรี พรรคไทยรักไทย กล่าวใน "สภาท่าพระอาทิตย์" (17 มี.ค.2548) โต้ “รังสิมา รอดรัศมี”ว่า สร้างความเสียหายให้กับตนเอง หวั่นเวลาสอบนานประชาชนจะเข้าใจผิด พร้อมแจงไม่มีการกดบัตรแทนใคร เชื่อว่าใครทำอะไรย่อมรู้ดี ระบุ ถ้าจะท้าสาบานก็ให้เป็นที่สภาฯ

รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 17 มีนาคม 2548 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร และคำนูณ สิทธิสมาน

สำราญ – เราไปกันอีกข้างหนึ่ง คนที่ถูกกล่าวหานี่นะครับ ส.ส.สิงห์บุรี พรรคไทยรักไทย คนที่ถูกกล่าวหาว่านี่แหละไปกดบัตรแทนเพื่อน

คำนูณ – คุณพายัพ ปั้นเกตุ

สำราญ – ครับ ตอนนี้มาแล้วครับ

คำนูณ – สวัสดีครับ

พายัพ – สวัสดีครับ

คำนูณ – คุณพายัพยังคงยืนยันว่าไม่ได้กดแทนใครทั้งสิ้น

พายัพ – ยืนยันเหมือนเดิม เพราะว่าอะไรที่เราทำแล้วก็ต้องรับผิดชอบ อะไรที่ไม่ทำก็ต้องรับผิดชอบ ผู้ที่กล่าวหาก็ต้องรับผิดชอบเช่นเดียวกัน

คำนูณ – สมมุตินะครับ สมมุติว่ากรรมการสอบสวนนี่สรุปผลออกมา และก็ประธานสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่า ผลการสอบสวนออกมาว่า คุณพายัพไม่ได้กระทำจริง คุณพายัพจะทำอย่างไรต่อไปกับคุณรังสิมาครับ

พายัพ – ผมจะดูว่า ประธานสภาจะทำหน้าที่อย่างไรต่อไป เพราะว่านี่เป็นบรรทัดฐานในการประชุมสภานะครับ เพราะว่าถ้าอย่างนั้นการกล่าวหาผู้หนึ่งผู้ใดในสภาที่ทรงเกียรติของประเทศนี่นะครับ ถ้าอย่างนั้นใครก็ได้ที่ลุกขึ้นกล่าวหาว่า คนโน้นกระทำความผิด คนนี้กระทำความผิด แล้วก็ถึงเวลาก็บอก ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ถอนคำพูดหรอก ต้องตั้งกรรมการก่อนสิ ดึงเวลาไปก่อน กว่าจะตั้งกรรมการเสร็จ พิจารณาเสร็จอีก 2 อาทิตย์ ภาพผมถูกกล่าวหามันเสียหายไปแล้วนะครับ

คำนูณ – คือนาทีนี้นี่นะ คุณรังสิมาเขายังไม่ได้ถอนคำพูด ที่ผมถามก็คือถ้าผลการสอบสวนออกมา ปรากฏว่าคุณพายัพไม่ได้กระทำความผิด คือไม่ได้กดแทน คุณพายัพจะต้องยืนยันให้คุณรังสิมาถอนคำพูดในสภาหรือเปล่า

พายัพ – ผมยืนยันตรงนี้เต็มที่ ตอนนี้ผมเคารพกติกานะครับ ทั้งๆที่ผมเสียหาย แต่ผมยังเคารพประธาน แล้วต้องพิสูจน์ออกมา ที่จริง 2 อาทิตย์นี่นานเกินไป ต้องอาทิตย์เดียวแล้ว มันต้องรู้เพราะมันไม่มีอะไรมากแล้วนี่ครับ คนแถวนั่งกี่คนก็เห็นอยู่แล้ว เมื่อความเห็นแตกต่างกันอย่างนี้ก็ต้องลงคะแนน ก็มีการกดออดเรียก ส.ส. ที่อยู่ภายนอกเข้าห้องประชุมสภา นั่นเป็นธรรมเนียมนะครับ

แล้วระหว่างนั้นนี่เมื่อเห็นว่าบัตรข้างหน้าเราเต็มอยู่ เพราะเรามานั่งกับท่านประมวลอยู่นะครับ เราก็จะกดบัตรของเรา จะสังเกตว่าบัตรของพายัพก็อยู่ที่พายัพ ไม่ได้ฝากคนอื่นนะครับ อยู่กระเป๋าแล้วก็เดินไปแถวหน้า แล้วก็ไปเสียบบัตร แล้วท่านประธานก็บอกว่า ท่านขอให้ลงมติ สั่งให้มติสัญญาณจึงขึ้น เราก็ต้องกดบัตรว่าเราไม่เห็นด้วย กดหมายเลข 2 ในระหว่างที่เราอยู่แถวหลังนี่ท่านประธานบอกว่า เมื่อมีความเห็นแตกต่างกัน อย่างนี้ต้องขอมติ สัญญาณยังไม่ขึ้นนี่ ไปกดให้ตายมันก็ไม่ขึ้นหรอกครับ สัญญาณน่ะ

ทีนี้ผมเข้าใจว่าคุณรังสิมากำลังจะทำหน้าที่ในสภา ในพรรคฝ่ายค้านเต็มที่ มันมีคติทางท่านอยู่ข้างใน จะเป็นลบหรืออย่างไรไม่ทราบกับฝ่ายรัฐบาล ท่านก็แสดงให้เห็นเลยว่า เขาเป็นคนรับผิดชอบตรงนี้ในสภา เห็นตรงนี้เต็มที่เลย ทั้งๆที่คุณรังสิมาห่างจากโต๊ะที่ผมนั่งประมาณ 20 เมตร แต่ละแถวห่างกันประมาณศอกเดียวนะครับ ห่างกันแค่ศอกเดียว คนที่อยู่ใกล้กัน ทำไมคนที่อยู่พรรคประชาธิปัตย์เหมือนกัน อยู่ห่างกับผมเพียง 4-5 เมตรทำไมไม่เห็น ทำไมพวก 20 เมตรต้องเห็นล่ะ หรือมันไม่ได้มองนะครับ อย่างนี้ แล้วคนอื่นๆตั้งอีกหลาย 10 คน ทำไมเขาไม่เห็นล่ะครับ เมื่อไปกดคะแนนกลับมาแล้ว เราไม่รู้หรอกครับว่าใครเป็นคนละลงคะแนนกันอย่างไร

คำนูณ – คุณพายัพครับ ขอช้าๆนิดนึงนะครับว่า คุณพายัพไปนั่งคุยกับท่านประมวล บัตรอยู่ในกระเป๋าคุณพายัพ

พายัพ – ถูกต้องครับ ในขณะที่เรานั่งนี่ คุยกับท่านประมวลหารือกันในเรื่องงานในสภานี่นะครับ เราก็นั่งคุยกันไป ในขณะนั้นนี่ท่านประธานก็บอกว่า มีการอภิปรายเรื่องการลงเวลาว่าจะประชุมวันไหนบ้าง ท่านประธานบอกว่าเมื่อเป็นข้อสรุปได้แล้วว่า ตอนนี้มีความคิดแบ่งแยกเป็น 2 ฝ่าย ประธานบอกว่าอย่างนี้ต้องลงมติ ก็ต้องมีการเชิญให้ ส.ส. ที่อยู่ข้างนอกเข้าประชุมสภา ในระหว่างนี้สัญญาณยังไม่ขึ้น

คำนูณ – สัญญาณที่จะให้แสดงตัวยังไม่ขึ้น ทีนี้คุณพายัพเดินไปที่แถวหน้า

พายัพ – เราก็เห็นแล้วว่าข้างหน้า มันไม่มีช่องของเรา เราก็ลุกขึ้นไปแถวหน้า แล้วไปเสียบบัตร ในระหว่างที่เสียบบัตรท่านประธานยังบอกว่า ใครที่เห็นด้วยให้ลงคะแนนไม่เห็นด้วย ใครเห็นด้วยก็ให้ลงคะแนนเห็นด้วย เราจึงได้กดบัตรไม่เห็นด้วย ในที่ประชุมเมื่อเราไปอยู่แถวหน้าแล้ว สัญญาณถึงได้ขึ้น เมื่อแถวหน้าสัญญาณขึ้นเราจึงกดบัตร เพราะฉะนั้นข้างหลังเราจะไม่ทราบ นั่นคือประการที่ 1

ประการที่ 2 นี่นะครับ จากข้อกล่าวหาของคุณรังสิมานี่ บอกว่าเห็นผม ในขณะที่คุณรังสิมาห่างจากผม 20 เมตร ประมาณนั้นครับ แล้วก็มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อยู่ใกล้ผมอีกตั้งแค่ประมาณ 4-5 เมตรเอง ทำไมไม่เห็นชัดกว่าล่ะครับ แล้วนอกจากนั้นมี ส.ส. ไทยรักไทยที่อยู่แถวข้างๆที่ห่างกันประมาณศอกเดียว มันน่าจะเห็นเยอะกว่า อยู่ข้างหลังนี่จังๆไปหมดเลยนะครับ คือน่าจะเห็นมากกว่า แล้วทำไมเขาไม่เห็น แต่ทีนี้เราลุกขึ้นไปตอนนั้นนี่ เราเป็นผู้ชาย เราแสดงว่าไม่ได้กระทำ เราจะรู้สึกโกรธนะ โกรธมากๆเลยครับ

สำราญ – คุณพายัพครับ นิดเดียวนะครับ ตอนที่อยุ่กับท่านประมวลนี่ ตอนนั้นทำไม ข้างหน้าไม่มีที่เสียบบัตรหรือครับ

พายัพ – มีที่เสียบครับ แต่ว่ามีบัตรของ ส.ส. ท่านอื่นเสียบคาอยู่แล้ว เราต้องลุกไปหาที่อื่น ถึงแม้ถ้าบอกว่าเรากดนี่นะครับ ถึงจะกดไป 20-30 ครั้งมันก็ไม่ขึ้นหรอกครับ เพราะว่าสัญญาณมันไม่ขึ้น

สำราญ – เข้าใจครับ เอาเป็นว่าคือ 1. มีที่เสียบบัตรของคนอื่นคาอยู่แล้ว เราเลยต้องลุกเดินไปอีกกี่แถวนะครับ

พายัพ – 1. มีบัตรคาอยู่แล้ว 2. สัญญาณยังไม่ขึ้น 3. เราลุกขึ้นไปแล้ว

สำราญ – เดินไปอีกกี่แถวครับ

พายัพ – เดินมาแถวหน้าเลย มันเป็นช่องว่าง ช่องกลางพอดีนะครับ ก็ห่างกันประมาณซักหลายเมตรนะครับ

คำนูณ – คือลงไปเสียบบัตรของคุณพายัพที่ใช้สิทธินี่ แถวข้างหน้า ตอนที่นั่งอยู่กับท่านประมวลนี่ ไม่ได้เสียบ ไม่ได้กด

พายัพ – ไม่ได้เสียบ ไม่ได้กด เพราะช่องมันไม่มี

สำราญ – ทีนี้พอกดเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยแล้ว ก็อยู่กับที่ หรือว่าไปกดตรงอื่น ไม่มีนะครับ

พายัพ – ตรงที่ผมนั่งอยู่ 3 คน คือมีคุณสุขุมพงศ์ โง่นคำ มีคุณสุชาติ ลายน้ำเงิน ผมยังหันไปถามคุณสุชาติด้วยซ้ำไปว่า เบอร์อะไร กดไม่เห็นด้วยนี่เบอร์อะไร

คำนูณ – แล้วคุณพายัพเห็นใครมีการกดแทนใครไหมครับ

พายัพ – ผมอยู่ข้างหลัง คือข้างหลังโต๊ะมานี่เราไม่ทราบ เพราะเราเดินไปข้างหน้า เราจะมองไม่เห็นคนข้างหลังหรอกครับ ต้องไปถามคนข้างหลังผมอีกทีว่าเขาเห็นไหม

สำราญ – ทีนี้คุณพงษ์ศักดิ์ที่เขาบอกว่ามีคนกดแทนเขานี่ บัตรเขาอยู่แถวไหนครับ

พายัพ – อันนั้นต้องไปถามเขาว่า ใครเป็นทำกระทำนะครับ เพราะว่าเราลุกขึ้นไปแล้วนะครับ

สำราญ – บัตรอยู่แถวเดียวกับที่คุณพายัพไปกดหรือเปล่า

พายัพ – คนละแถวกันแล้ว ผมลุกไปแล้ว คนละแถวแล้ว

คำนูณ – ตอนนี้มี 2 ประเด็นแล้วล่ะ ประเด็นหนึ่งคือคุณพายัพกดหรือไม่กดแทนใครหรือเปล่า ประเด็นที่สองก็คือใครเป็นคนกดแทนคุณพงษ์ศักดิ์

พายัพ – ดังนั้นคงต้องไปหาประเด็นที่สองแล้วครับ ว่าใครเป็นคนกดหรือไม่ แต่ไม่ใช่ว่ามาบอกชี้หน้าว่าพายัพกดอย่างนี้นะครับ

คำนูณ – คราวนี้ประเด็นที่กรรมการสอบสวน ที่ตั้งขึ้นมานี่ จะต้องมาหาคำตอบทั้ง 2 ประเด็นหรือเปล่า

พายัพ – ในเมื่อสอบแล้วก็น่าจะหาประเด็นไปเลย ว่ามันเป็นประเด็นไหนนะครับ แต่ตั้งประเด็นผมเป็นข้อกล่าวหา ก็สอบผมก่อนว่าใช่หรือไม่ใช่แค่นั้นจบ ส่วนเขาจะทำต่อหรือไม่ เป็นเรื่องของสภาเขาแล้ว ว่าจะทำอย่างไรหรือไม่ แต่ว่าของผมนี่ต้องชี้ให้เร็วครับ อย่าช้า ไม่อย่างนั้นประชาชนเขาสับสน

สำราญ – ก็ 15 วันแหละครับ

พายัพ – นานไป

คำนูณ – เมื่อซักครู่ผมถามคุณรังสิมาด้วยคำถามนี้ ก็ขอถามคุณพายัพด้วยนะครับ ไปสาบานวัดพระแก้วเอาไหม

พายัพ – สาบานในสภากันเถอะครับ ให้สภาเป็นคนตัดสินดีกว่า

คำนูณ – ไปสาบานวัดพระแก้วเอาไหมครับ

พายัพ – ยิ่งกว่าวัดพระแก้วก็ไป มีวัดอื่นอีกไหมที่น่าจะไป

คำนูณ – คุณรังสิมาเขาบอกว่าไป 10 วัดก็โอเค

พายัพ – มันรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองทำอะไรบ้าง ใครไม่สามารถจะบอกตัวเองได้ ว่าตัวเองทำอะไร

สำราญ – เมื่อกี๊ฟังไม่ชัดว่า บัตรคุณพงษ์ศักดิ์ไม่ได้อยู่แถวเดียวกับที่คุณพายัพไปกดนะครับ

พายัพ – คนละแถวกันครับ ผมก็อยู่แถวหน้า ผมมีอยู่ 3 คน คือคุณสุขุมพงศ์ กับคุณสุชาติ แล้วแถวหลัง คือแถวนั่งนี่มันมีทั้งหมดนะครับ ประมาณ 8 ที่ ผมจำได้ว่าน่าจะ 8 ไม่ใช่ว่า 7 นะครับ เมื่อเราลุกออกไป ก็เท่ากับว่าแถวนี้อยู่ข้างหลังเราแล้ว เราก็ไม่ทราบว่าจะทำอะไรหรือไม่ จะไม่ทราบ เราก็ไปทำหน้าที่เรา และที่สำคัญก็คือสัญญาณไฟมันยังไม่ขึ้น ถ้าใครรู้ในสภานี่ จะมองออกว่าใครอยู่ใกล้ ใครไม่อยู่ใกล้ และก็จะกดบัตรได้ตอนไหน อย่าไปพูดให้ประชาชนที่เขาไม่รู้นี่นะครับ ประชาชนเขาจะเกิดความสับสนด้วยคำถามอะไรก็ตามแต่ และก็ถ้าไปกล่าวหาคนอื่นเขา ถ้าคนอื่นเขาไม่ได้กระทำผิดจริง แล้วภาพมันเกิดความเสียหายไปแล้ว ใครจะรับผิดชอบ รับผิดชอบมากน้อยสมกับที่เขาเสียหายไปหรือไม่ นี่เป็นเรื่องสำคัญ สภาจะต้องสร้างบรรทัดฐานตรงนี้ให้ชัดเจน

คำนูณ – เอาล่ะครับ ขอบคุณมากครับ

สำราญ – ขอบคุณครับ คุณพายัพครับ

พายัพ – ครับ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น