เสนาคาม
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย กลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ได้สมใจต่ออีกสมัย หลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ ลงมติกันด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น
เห็นชอบ 377 เสียง งดออกเสียง 116 เสียง และไม่เห็นด้วย 1 เสียง จากองค์ประชุมในขณะนั้น 494 เสียง ส่วนอีก 6 คน ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วยไทยรักไทย 2 ปวีณา หงสกุล และพายัพ ชินวัตร ส่วนอีก 4 เป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มี สุรินทร์ พิศสุวรรณ มาโนช วิชัยกุล สุพัฒน์ ธรรมเพชร และธานินทร์ ใจสมุทร
ซึ่งแน่นอนว่า 1 เสียง ที่ยกมือสวน ไม่เอาด้วยกับชาวบ้าน ย่อมเป็น ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หนึ่งเดียวจากพรรคชาติไทย ที่ดูเหมือนจะประกาศตัวล่วงหน้าไว้นานแล้วว่า หากไม่เป็นฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องทำหน้าที่ของฝ่ายค้านให้สมบูรณ์เต็มที่ ว่ากันอย่างนั้น
แต่การลงมติแบบหลุดเดี่ยวเข้าทำประตูของ”เสี่ยอ่าง”หนนี้ ก็ทำให้กังขาได้เหมือนกันว่า เป็นการลงทุนรักษามาร์เก็ตติ้ง ที่เกินกว่าเหตุไปหรือไม่ เพราะขนาดฝ่ายค้านเต็มร้อยอย่างประชาธิปัตย์แท้ๆ ยังทำได้แค่งดออกเสียงเท่านั้น
หนึ่งเสียงของชูวิทย์ ที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ การเลือกนายกรัฐมนตรี ของสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 22 เที่ยวนี้ ไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และสมาชิกพรรคไทยรักไทย จะรู้สึกกันอย่างไรหรือไม่ก็ตาม
แต่กับพรรคชาติไทยแล้ว เชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะไม่จบลงง่ายๆ และคงจะต้องมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน เพราะ ประภัตร โพธสุธน รักษาเลขาธิการพรรค ได้ประกาศถึงความไม่พอใจนั้นไปแล้ว
ส่วนไฮไลต์ที่ต้องนำมาบันทึกเอาไว้อีกเหมือนกัน คือกรณีของ โภคิน พลกุล ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้โหวตลงมติเห็นชอบให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย เช่นเดียวกับรองประธานสภาผู้แทนราษฎร อีก 2 คน ก็ขานคะแนนให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยเหมือนกัน
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นไม่ถึง 10 นาที เป็น โภคิน พลกุล คนเดียวกันนี้แหละ ที่ได้พูดจาปวารณาตัวต่อที่ประชุม ให้คำมั่นจะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ภาพที่ออกมาจึงทำให้การออกตัวในเก้าอี้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติวันวาน เหมือนจะมีตำหนิอยู่เล็กน้อย
นอกจากนั้น ที่ต้องบันทึกไว้อีกเหมือนกันคือ เรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาความสง่างามด้วยการ "งดออกเสียง"ไม่ลงคะแนนให้ตัวเอง ซึ่งต่างจากลูกผู้ชายชื่อ บรรหาร ศิลปอาชา ที่ยึดมั่นกับสัจจะนิยม ยอมลงมติสวนทางกับ ส.ส.พรรคชาติไทย อีก 23 คน ที่ต่างล้วนใช้วิธีงดออกเสียงกันทั้งสิ้น
เอาเป็นว่า ผู้ที่มาเติมเต็มตัวเลข 377 เสียง ให้กับพรรคไทยรักไทยครั้งนี้ หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ งดออกเสียง และอีก 2 คนไม่มาประชุม นอกจาก 1 เสียงจากพรรคชาติไทยแล้ว ยังมีอีก 2 เสียงจากพรรคมหาชน ตุ่น จินตะเวช และ ทัศนียา รัตนเศรษฐ
ทั้งหมดนี้คือ บันทึกหนึ่งจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร “นัดประวัติศาสตร์”ที่มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีกันในสภา ครั้งที่ 2 หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540
ส่วนต่อจากนี้ พรรคชาติไทย จะไปตามเช็คบิลเอาผิดกับ "เสี่ยอ่าง" ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ กันอย่างไร และฝ่ายค้านที่ค้านกันจริงๆ นั้น จะมีกี่พรรคกันแน่ รวมทั้ง พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีแค่ 96 เสียง จะวางจังหวะก้าว ขับเคลื่อนงานในสภากันอย่างไร
คงต้องเฝ้าติดตามดูกันต่อไป.
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย กลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ได้สมใจต่ออีกสมัย หลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ ลงมติกันด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น
เห็นชอบ 377 เสียง งดออกเสียง 116 เสียง และไม่เห็นด้วย 1 เสียง จากองค์ประชุมในขณะนั้น 494 เสียง ส่วนอีก 6 คน ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วยไทยรักไทย 2 ปวีณา หงสกุล และพายัพ ชินวัตร ส่วนอีก 4 เป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มี สุรินทร์ พิศสุวรรณ มาโนช วิชัยกุล สุพัฒน์ ธรรมเพชร และธานินทร์ ใจสมุทร
ซึ่งแน่นอนว่า 1 เสียง ที่ยกมือสวน ไม่เอาด้วยกับชาวบ้าน ย่อมเป็น ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หนึ่งเดียวจากพรรคชาติไทย ที่ดูเหมือนจะประกาศตัวล่วงหน้าไว้นานแล้วว่า หากไม่เป็นฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องทำหน้าที่ของฝ่ายค้านให้สมบูรณ์เต็มที่ ว่ากันอย่างนั้น
แต่การลงมติแบบหลุดเดี่ยวเข้าทำประตูของ”เสี่ยอ่าง”หนนี้ ก็ทำให้กังขาได้เหมือนกันว่า เป็นการลงทุนรักษามาร์เก็ตติ้ง ที่เกินกว่าเหตุไปหรือไม่ เพราะขนาดฝ่ายค้านเต็มร้อยอย่างประชาธิปัตย์แท้ๆ ยังทำได้แค่งดออกเสียงเท่านั้น
หนึ่งเสียงของชูวิทย์ ที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ การเลือกนายกรัฐมนตรี ของสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 22 เที่ยวนี้ ไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และสมาชิกพรรคไทยรักไทย จะรู้สึกกันอย่างไรหรือไม่ก็ตาม
แต่กับพรรคชาติไทยแล้ว เชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะไม่จบลงง่ายๆ และคงจะต้องมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน เพราะ ประภัตร โพธสุธน รักษาเลขาธิการพรรค ได้ประกาศถึงความไม่พอใจนั้นไปแล้ว
ส่วนไฮไลต์ที่ต้องนำมาบันทึกเอาไว้อีกเหมือนกัน คือกรณีของ โภคิน พลกุล ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้โหวตลงมติเห็นชอบให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย เช่นเดียวกับรองประธานสภาผู้แทนราษฎร อีก 2 คน ก็ขานคะแนนให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยเหมือนกัน
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นไม่ถึง 10 นาที เป็น โภคิน พลกุล คนเดียวกันนี้แหละ ที่ได้พูดจาปวารณาตัวต่อที่ประชุม ให้คำมั่นจะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ภาพที่ออกมาจึงทำให้การออกตัวในเก้าอี้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติวันวาน เหมือนจะมีตำหนิอยู่เล็กน้อย
นอกจากนั้น ที่ต้องบันทึกไว้อีกเหมือนกันคือ เรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาความสง่างามด้วยการ "งดออกเสียง"ไม่ลงคะแนนให้ตัวเอง ซึ่งต่างจากลูกผู้ชายชื่อ บรรหาร ศิลปอาชา ที่ยึดมั่นกับสัจจะนิยม ยอมลงมติสวนทางกับ ส.ส.พรรคชาติไทย อีก 23 คน ที่ต่างล้วนใช้วิธีงดออกเสียงกันทั้งสิ้น
เอาเป็นว่า ผู้ที่มาเติมเต็มตัวเลข 377 เสียง ให้กับพรรคไทยรักไทยครั้งนี้ หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ งดออกเสียง และอีก 2 คนไม่มาประชุม นอกจาก 1 เสียงจากพรรคชาติไทยแล้ว ยังมีอีก 2 เสียงจากพรรคมหาชน ตุ่น จินตะเวช และ ทัศนียา รัตนเศรษฐ
ทั้งหมดนี้คือ บันทึกหนึ่งจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร “นัดประวัติศาสตร์”ที่มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีกันในสภา ครั้งที่ 2 หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540
ส่วนต่อจากนี้ พรรคชาติไทย จะไปตามเช็คบิลเอาผิดกับ "เสี่ยอ่าง" ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ กันอย่างไร และฝ่ายค้านที่ค้านกันจริงๆ นั้น จะมีกี่พรรคกันแน่ รวมทั้ง พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีแค่ 96 เสียง จะวางจังหวะก้าว ขับเคลื่อนงานในสภากันอย่างไร
คงต้องเฝ้าติดตามดูกันต่อไป.