ผู้ป่วยที่ตั้งท้องหลังขูดมดลูก ขอร้องแพทย์มีความรอบคอบมากกว่านี้ อย่าเห็นชีวิตคนเป็นเรื่องง่ายๆ ด้านแพทย์ระบุทำแท้งไม่ได้ เพราะกฎหมายยังไม่เปิดช่อง แนะมี 4 ช่องทางให้ร้องเรียน คือ ทางจริยธรรม วินัย แพ่ง และอาญา โดยมีผู้ร่วมรายการคือ “คุณแจน” ผู้เสียหาย และ “รศ.นพ.วิสูตร ผ่องสิริไพบูลย์” กรรมการแพทยสภา
รายการคนในข่าว ออกอากาศทางช่อง 11 News 1 วันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 21.05-22.00 น. ดำเนินรายการโดยจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
จินดารัตน์ – สวัสดีค่ะ คุณผู้ชมคะ รายการคนในข่าวในค่ำคืนวันนี้นะคะ เราจะมาคุยถึงการเรียกร้อง สิทธิอันพึงควรมีและควรได้ 2-3 ปีที่ผ่านมา คุณผู้ชมคงจะสังเกตว่าสังคมไทยนั้นเปลี่ยนไปเยอะค่ะ ประชาชนคนไทยนั้นเริ่มที่จะรักษาสิทธิของตนเอง เริ่มรู้แล้วล่ะว่าเราจะรักษาความยุติธรรมให้กับตัวเองได้อย่างไร ด้วยการออกมาเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลายๆกรณีที่เกิดขึ้นนะคะ เราคงจะเห็นเป็นข่าวเป็นคราวกันแล้ว
ล่าสุดค่ะเมื่อวันก่อนนี่เองนะคะ มีหญิงสาวคนหนึ่งเป็นอดีตพยาบาลที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมเรื่องของการตั้งครรภ์ เรื่องของการไปขูดมดลูก แล้วทำไมตัวเองถึงยังตั้งครรภ์อยู่ นี่เป็นประเด็นปัญหาที่เราจะคุยกันในค่ำคืนวันนี้ค่ะ วันนี้นะคะเราจะคุยกับแขกรับเชิญของเราทั้ง 2 ท่าน ท่านแรกค่ะดิฉันขออนุญาตคุณผู้ชมใช้นามสมมุตินะคะ คุณแจนค่ะ จากกรณีที่เกิดขึ้นเองค่ะ และอีกท่านหนึ่งค่ะ รศ.นพ.วิสูตร ผ่องสิริไพบูลย์ ท่านเป็นกรรมการแพทยสภาค่ะ สวัสดีค่ะ ทั้งสองท่านนะคะ ขอบพระคุณค่ะที่มาคุยกันวันนี้นะคะ คุณแจนสุขภาพเป็นอย่างไรคะตอนนี้
แจน – ตอนนี้ก็ดีขึ้นนิดนึงค่ะ
จินดารัตน์ – ช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้างคะ
แจน – เครียดมาก ก็ตั้งแต่ทราบว่ายังมีน้องอยู่ก็จะเครียด คือไม่มีวันไหนที่ไม่นอนร้องไห้ค่ะ
จินดารัตน์ – แล้วเรื่องครอบครัวเป็นยังไงคะ
แจน – ก็เริ่มมีปัญหากันบ้าง เพราะว่าตอนนี้คือแฟนก็ต้องทำงานหนักขึ้น ก็เครียดกับปัญหา ว่าเราก็ไม่ทันตั้งรับตรงนี้ อันนี้มีปัญหากันมามากขึ้น เรื่องค่าใช้จ่าย ค่าดูแลสุขภาพ หรือทุกๆอย่างอะไรอย่างนี้ค่ะ ก็ต้องเตรียมเผื่อไว้
จินดารัตน์ – คุณผู้ชมค่ะ เดี๋ยวเราจะพักกันตรงนี้ก่อนนะคะ ช่วงหน้ากลับมาเราจะมาคุยกันว่า ประเด็นปัญหามันเกิดขึ้นตรงไหนและทำไมผู้หญิงคนนี้ต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม และที่สำคัญที่สุด กรณีแบบนี้อย่างตั้งท้องแล้ว ดูเหมือนจะแท้งลูก ไปขูดมดลูก แล้วทำไมเด็กถึงยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เธอท้องประมาณ 5 เดือนแล้ว พักกันซักครู่ก่อนค่ะ
จินดารัตน์ – กลับมามาช่วงนี้นะคะ เรามาคุยกันเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งเกิดตั้งท้องขึ้นมาและแท้งไปหนึ่งครั้ง ไปขูดมดลูกแล้ว พอกลับมาก็ตั้งครรภ์ รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์นะคะ จริงๆ แล้วความเข้าใจผิดนั้น สื่อมวลชนบางฉบับอาจจะลงข่าวก็เลยสร้างความเข้าใจผิดให้กับคนอ่านกันไป ที่บอกว่า ท้องครั้งที่สองนั้นคุณแจนไม่รู้ว่าตัวเองท้องและจริงๆ แล้วเธอรู้นะคะ เราจะมาคุยกันว่าแล้วพอขูดมดลูกครั้งที่สองแล้วทำไมถึงยังมีเด็กอยู่ในท้องอีกได้ คุณแจนเล่าให้ฟังนิดนึงค่ะว่า เหตุการณ์ในช่วงท้องแรกเป็นยังไง
แจน – ในช่วงท้องแรก ช่วงเดือนมิถุนายน เริ่มมีเลือดออกและวันที่ 24 มิถุนายน ตกบันได
จินดารัตน์ – ของปีที่แล้ว วันที่ 24 มิถุนายน
แจน – ตกบันไดแล้วทำให้มีเลือดออกมากขึ้นไงค่ะ
จินดารัตน์ – ตอนนั้นท้องกี่เดือนค่ะ
แจน – คุณหมอบอกว่าประมาณ 14 สัปดาห์
จินดารัตน์ – กี่เดือนค่ะคุณหมอ
รศ.นพ.วิสูตร – ประมาณ 3 เดือนครึ่ง
จินดารัตน์ – โอกาสแท้งก็ยังมีได้
รศ.นพ.วิสูตร – ยังมีอยู่ในช่วงนั้น ก็สูงพอสมควรทีเดียวครับ
จินดารัตน์ – และยิ่งกรณีคุณแจน ตกบันไดเลย
รศ.นพ.วิสูตร – อาจจะเป็นจากหน้าท้องกระทบกระแทกรุนแรงทำให้มีผลต่อการตั้งครรภ์ก็ได้ครับ
จินดารัตน์ – ตกบันไดแล้วยังไงค่ะ ไปหาคุณหมอ
แจน – ตอนแรกก็ยังไม่ได้ไปทันทีค่ะ ก็มานอนพัก
จินดารัตน์ – มีเลือดออกทันทีไหมค่ะ
แจน – พอนอนพักไปซักพักหนึ่งนะคะ พอตื่นมารู้สึกว่า อยากเข้าห้องน้ำ เริ่มเห็นแล้วว่ามีเลือดออก มันมีมูกเลือดออกมาแล้ว
จินดารัตน์ – เยอะไหมค่ะ
แจน – เยอะค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – เลือดออกเป็นก้อนๆ เลยครับ
แจน – เป็นก้อน ๆ เป็นลิ่มออกมาเลยค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – เป็นชิ้นส่วนเป็นชิ้นเนื้อออกมาเห็นได้ชัด
แจน – ไม่ใช่ชิ้นเนื้อค่ะ เป็นเลือดก้อนๆ ออกมานะคะ
จินดารัตน์ – ขออภัยนะคะ เหมือนผู้หญิงมีประจำเดือนทั่วๆ ไป
แจน – ไม่เหมือน สีมันสดกว่า และมีชิ้นเยอะกว่า
จินดารัตน์ – จากนั้นก็ไปหาหมอ ที่โรงพยาบาลหนองจอก
แจน – ค่ะ และหมอขูดมดลูกให้ ไปถึงปั๊บจะได้ขูดมดลูกเลย
จินดารัตน์- หมอบอกเลยว่าแท้งแล้ว
แจน – แท้งค่ะ ไปตรวจภายในก็คือแท้ง ก็ขูดมดลูกเลย ครั้งแรก โดนขูดมดลูกสองครั้ง หมอกลัวว่าจะไม่หมด เพราะเลือดยังออกเยอะอยู่ ก็ขูดไปประมาณตี 4-5 ครั้งหนึ่ง และขูดตอนบ่ายอีกครั้งหนึ่ง
จินดารัตน์ – คุณหมอค่ะ อย่างกรณีแท้งแบบนี้ขูดสองครั้งเลยหรือค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – ครับ ถ้าเกิดคุณหมอท่านนั้นพิจารณาแล้วว่าขูดมดลูกทำให้เป็นอาการหนึ่งของการขูดมดลูก มันยังไม่สามารถที่จะทำให้เลือดออกหยุดได้ ก็อาจจะจำเป็นที่จะต้องทำการขูดซ้ำ ทั้งนี้เนื่องจากจะต้องเอาชิ้นส่วนของรกที่อาจจะมีค้างอยู่ออก ตรงนี้ทำอย่างไรก็ตาม ที่จะให้เลือดหยุด ก็เป็นวิธีการรักษาอย่างหนึ่ง
จินดารัตน์- อันนี้ก็ถูกนะคะ
รศ.นพ.วิสูตร – ถูกต้อง ถ้าเป็นตามนี้นะครับ
จินดารัตน์ – แล้วยังไงต่อค่ะ
แจน – ก็นอนโรงพยาบาล 3 วัน หลังจากกลับมาจะมีเลือดออกตลอด ก็เลยนับไม่ได้ว่า เลือดที่ออกมาเป็นประจำเดือนหรือว่าเลือดที่ออกจากการขูดมดลูกไปใช่ไหมค่ะ เพราะเราไปวางแผนคุมกำเนิดไม่ถูก
จินดารัตน์ – หลังจากกลับมาจากการขูดมดแล้ว คุณหมอได้แนะนำอะไรไหมค่ะ ว่า ตั้งท้องยังไม่ได้ช่วงนี้หรือยังไงค่ะ
แจน – คือให้คุมกำเนิดไว้ก่อนช่วงนี้
จินดารัตน์ – กี่เดือนค่ะ คุณหมอบอก
แจน – ตอนนั้นบอกว่า 6 สัปดาห์ให้คุมกำเนิดไว้ก่อน
จินดารัตน์ – ประมาณเดือนครึ่ง
แจน – ให้คุมกำเนิดไว้ก่อนแล้วถ้าเกิดมีอาการผิดปกติ มีเลือดออกไม่หยุด หรือเลือดออกมาก ซีด ให้กลับมา
จินดารัตน์ – หลังจากนั้นกลับไปพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน นานแค่ไหนค่ะ ถึงมีเลือดออกอีกครั้งหนึ่ง
แจน – คือมันก็มีเลือดออกมาเรื่อยๆ นะคะ 2 เดือนแรกคือจะออกมาก เหมือนเป็นประจำเดือนทั้งเดือน ก็หลังจากนั้นมาก็เริ่มมาจาง กระปิดกระปอย ใส่แผ่นรองแคร์ฟรีได้ ใช้ผ้าอนามัยใช่ไหมค่ะ จะมากเดือนตุลาคมนะคะ ก็มีประมาณ 4 วัน ช่วงต้นเดือน วันที่ 1-4 วันที่ 4 ก็จางหายไปแล้ว ก็คิดว่าคงไม่ได้เป็นอะไร
จินดารัตน์ – แล้วตอนนั้น รู้ตัวเองว่าท้องหรือยังไงค่ะ
แจน – ก็หลังจากนั้นนะคะ เริ่มผิดปกติ เพราะพอเดือนตุลาคม เราไปซื้อแผ่นตรวจมาตรวจ ในปลายเดือนตุลาคม คือไม่ขึ้น
จินดารัตน์ – คือไม่ได้ตั้งท้องหรือค่ะ
แจน – ค่ะ ผลเป็นลบ ไม่ได้ตั้งครรภ์ แต่หลังจากนั้นมาคือเริ่มมีอาการผิดปกติ เริ่มอีกครั้งหนึ่งประมาณ 14 พฤศจิกายน ก็ผลเป็นบวก คือยังไม่แน่ใจ เพราะว่าตรงนี้ก็รอดูก่อนใช่ไหมค่ะ แต่คือรู้ว่าผลเป็นบวกแล้ว คือพยายามทำใจเผื่อไว้ครึ่งหนึ่งแล้ว ใช่ไหมค่ะ พยายามระวัง และวันที่ 16 พฤศจิกายนไปทำงาน พอกลับมาก็นอนพัก ก็เริ่มมีอาการปวดท้อง เหมือนจะถ่ายท้องเสีย ก็ลุกเข้าห้องน้ำ ไม่ได้เปิดไฟ ลุกไปเข้าห้องน้ำเลย ไม่ทันมองว่าแผ่นแคร์ฟรี มีเลือดเต็มแล้ว ก็คือก้มไปดู เห็นว่ามีเลือดปนออกมา
จินดารัตน์ – นั่นหมายความว่าช่วงเดือนตุลาคม ตั้งแต่มีเลือดออกกระปิดกระปอยช่วงนั้น จนถึงเดือนพฤศจิกายน กลางเดือน เลือดไม่ไหลอีกเลย ไม่มีเลือด และก็รู้ว่าตัวเองท้อง รู้แล้วแต่ยังไม่ได้ไปหาคุณหมอ คือทดสอบด้วยตัวเอง รู้ผลออกมาว่าตั้งครรภ์ หลังจากนั้นไม่กี่วัน มีเลือดออก แล้วยังไงต่อค่ะ
แจน – พอมีเลือดออกใช่ไหมค่ะ ตอนแรกโทร.ถามแฟนว่ามีเลือดออกจะไปโรงพยาบาลไหม เขาบอกว่า เดี๋ยวดูก่อน ถ้ามันไม่มากอะไร ไปตอนเช้าดีกว่า เพราะมันดึกแล้ว ก็ทนไม่ไหว เริ่มปวดท้องและเลือดเริ่มออกมากขึ้น เหมือนกับจะมีแรงเบ่งซักอย่างหนึ่ง เริ่มกดลง คือไม่ไหว ก็ให้น้องไปส่งที่โรงพยาบาล
จินดารัตน์ – อาการที่เกิดขึ้นกับคุณแจนนะคะ เป็นอาการของแท้งคุกคาม หรือยังไงค่ะ คุณหมอ
รศ.นพ.วิสูตร – จะเป็นอาการของแท้งคุกคาม ก็ได้ เพราะว่ามีเลือดออกนะครับ ซึ่งตรงนี้คงต้องวินิจฉัยโดยแพทย์เท่านั้น ก็คงต้องตรวจภายในดูนะครับ ว่ามีลักษณะเป็นแท้งหรือไม่ และอย่างไร ซึ่งเข้าใจว่า ผู้ป่วยรายนี้ก็ได้มีการไปหาแพทย์และทำการตรวจต่อด้วยนะครับ
จินดารัตน์ – ค่ะ หลังจากนั้นไปหาคุณหมอคนเดิม
แจน - คุณหมอคนแรกที่รับแอดมิทคือคุณแพทย์เวร คุณหมอผู้ชาย คุณหมอเลยบอกว่าทนไหวไหม จะให้เอาอาการเลือดออกไปก่อน ให้นอนอยู่โรงพยาบาลนะคะ ถ้าเกิดไหวจะให้หมอผู้หญิงมาขูดมดลูก เพราะจะเป็นการไม่เปิดเผยคนไข้ คือจะได้ไม่อายมาก ก็พยายามทน เพราะมันจะเช้าแล้ว
จินดารัตน์ – คือคุณหมอเวรบอกแล้วว่าแท้งแน่ๆ
แจน – ยังไม่บอกว่าแท้ง คือคุณหมอบอกว่าให้รอดูเลือดออก และตรวจปัสสาวะซ้ำตอนตี 5 ผลปรากฏว่าเป็นบวก
จินดารัตน์ – คืออยู่ในภาวะตั้งครรภ์ และยังไง
แจน – คุณหมอก็บอกว่า อาจต้องขูดมดลูกนะ เพราะว่าตรวจปัสสาวะแล้วเป็นบวก อาจจะเกิดอาการแท้งบุตร ใช่ไหมค่ะ และก็นัดคุณหมอผู้หญิงคนนี้ 07.30 น. เพื่อทำการขูดมดลูก
จินดารัตน์ – คุณหมอคนเดิม
แจน – ค่ะ ตอน 07.30 น. ก็ไปที่ห้องผ่าตัด คุณหมอก็ตรวจภายใน ก็มีเลือดออกมา คุณหมอก็บอกว่าแท้งนะ แต่คุณหมอจะขูดมดลูกให้ ก็ให้พยายามดมยามาคุย เรียบร้อยแล้ว ทำเสร็จ ขูดมดลูกเสร็จ เขาก็บอกว่าแท้งไปแล้วนะ ขูดมดลูกให้เรียบร้อย ก็กลับมาพักฟื้น ก็นอนโรงพยาบาลอยู่ 2 วัน ตอนนั้นในใจคิดว่า คือว่าในเมื่อหมอพูดมาแล้วว่าแท้งแล้ว ขูดมดลูกแล้ว เราก็ไม่ทันระวังตัวอะไร ปรากฏว่าคุยกับแฟนว่า ตอนนี้คือเราไม่มีไม่เป็นไร หลังจากนั้น 3-4 ปี หรือ 5 ปี ค่อยมีก็ได้ ตอนนี้อยากไปทำงานแล้ว ก็คุยกันว่าจะไปทำงานที่เมืองนอก คือไปต่างประเทศ ตอนนั้นคือโหมกินยาลดน้ำหนัก ยาละลายไขมันทุกอย่างที่มี ไปฟิตเนส ไปทำดีท็อกซ์ ทุกอย่างที่ให้กลับมาฟิตไวๆ น้ำหนักส่วนเกินให้หายไป ก็ไม่รู้จนมีอาการผิดปกติวันที่ 30 พฤศจิกายน ก็กลับไปหมออีกครั้งหนึ่ง
จินดารัตน์ – มีอาการอะไรค่ะ
แจน – เลือดยังออกอยู่ค่ะ แต่ไม่เยอะ ก็ไปหาคุณหมอ ไม่เจอคุณหมอคนเดิม เป็นหมอเวรเหมือนกัน คุณหมอบอกว่าเพิ่งขูดมดลูกไปไม่น่าจะท้องได้นะ เพราะว่ามดลูกยังเป็นแผลอยู่ การฝังตัวของเด็กคือยังไม่ดี เพราะมดลูกตรงนี้มันขูดออกไป ก็ให้ยาคลายเครียดมาทาน เพราะว่าเราเครียดมากไงค่ะ ประจำเดือนก็ไม่รู้จะมาเมื่อไหร่ เราจะได้วางแผนคุมกำเนิดถูก เพราะเราจะเตรียมตัวแล้ว หลังจากนั้นก็มีอาการผิดปกติ
จินดารัตน์ – ช่วงนั้นคุมกำเนิดอยู่ด้วยใช่ไหมค่ะ
แจน – ยังไม่ได้คุมค่ะ เพราะว่าประจำเดือนยังไม่มา
จินดารัตน์ – คือครึ่งเดือนนับจากที่ไปตรวจมดลูก กลับมาทำอะไรกับตัวเองบ้างค่ะ ไปกินยาลดความอ้วน ไปฟิตเนส ดีท็อกซ์
แจน – ทุกอย่างเลย ไปเต้นแอโรบิก
รศ.นพ.วิสูตร – ตอนนั้นก็เชื่อว่าได้รับการขูดมดลูกจนกระทั่งสมบูรณ์แล้วใช่ไหมครับ ก็ไม่คิดว่าน่าจะมีโรคแทรกซ้อนอะไร
แจน – ใช่ ไม่คิด
รศ.นพ.วิสูตร – ก็เลยไปออกกำลังกาย ทานยา รวมทั้งใช้ยาทา ยาอะไรเต็มที่เลย
แจน – ทุกอย่างที่มีขาย ที่ชื่อดัง ๆ จะซื้อมาไงค่ะ และคลินิกดังๆ ที่เพื่อนแนะนำมา ตรงนี้ลดไวนะ ไม่อ่อนแรง เราก็ไป
จินดารัตน์ – ก็กินยาทุกชนิดล่ะ
แจน – ทุกชนิด ทำดีท็อกซ์ เดี๋ยวลดเหมือนกัน ก็ทำ
จินดารัตน์ – คุณหมอค่ะอย่างกรณีแบบนี้ คือกลับไปแล้ว ผู้หญิงที่ขูดมดลูกแล้ว กลับไปยังมีอาการเลือดออกไปอีกนานแค่ไหนยังไง
รศ.นพ.วิสูตร – ครับ จริงๆ ได้รับการขูดมดลูกประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน ก็อาจจะมีเลือดออกติดตามมาได้อีก 2 อาทิตย์ ผมเชื่อว่าอาจจะพอมี เพราะว่าอาจจะเป็นเพราะเป็นแผลอยู่ ก็คงจะเป็นได้ ตรงนั้นอาจจะมีเลือดบ้าง แต่ค่อยๆ ออกน้อยลง จนกระทั่งมันหายไป ซึ่งจริงๆ ก็สอดคล้องกับสภาพของผู้ป่วยที่เป็นอยู่จริงๆ เพราะว่าปลายเดือนพฤศจิกายน ต่อต้นเดือนธันวาคม ก็จะเห็นได้ชัดว่า เลือดไม่มีแล้ว ตอนต้นเดือนก็หมดแล้ว
แจน – ก็ที่หนูไปเที่ยวมาประมาณ 11-12 ธันวาคม ก็เริ่มหายไปแล้ว
รศ.นพ.วิสูตร – ก็ประมาณ 2 อาทิตย์ อาจจะ 3 อาทิตย์หน่อย ก็เป็นไปได้ตรงนี้ก็น่าเชื่อว่า ถ้าเป็นการขูดมดลูกที่สะอาดจริง และถูกต้องตามหลักวิชาก็น่าที่จะถูกต้องแล้วตรงนี้ คือการรักษาพยาบาลในเรื่องของการขูดมดลูก ก็เข้าที่ทุกอย่างเรียบร้อยหมด ตรงนี้ก็เป็นการดำเนินการทางการแพทย์อย่างสมบูรณ์แล้ว
จินดารัตน์ – หลังจากนั้นคุณหมอค่ะ หลังจากที่เลือดหมดไปแล้ว จะกลับสู่ภาวะปกติเริ่มมีประจำเดือนเหมือนเดิม ใช้ระยะเวลาแค่ไหนค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – จริงๆช่วงนี้ผมบอกได้ยาก เพราะว่าในตำราอาจจะให้ถึงประมาณ 6 สัปดาห์ขึ้นไป ก็ยังมี หรือว่าบางครั้ง ที่หลังจากมีการแท้งหรือมีการขูดมดลูกไปแล้ว ก็มีการตั้งครรภ์ต่อเนื่องมาเลย ก็มีเหมือนกัน บางครั้งหญิงก็อาจจะไม่มีประจำเดือนมาแล้ว จนกระทั่งมีการท้องครั้งใหม่ ก็จึงไม่รู้ว่าตัวเองท้องซะด้วย ผมคิดว่าคือปรากฏการณ์มีเหมือนกันครับ
จินดารัตน์ – คือพอเลือดหยุดไหล ช่วงประมาณ
แจน –ประมาณกลางธันวาคม 11-12 ได้
จินดารัตน์ – เสร็จจากนั้นยังกินยา ใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม
แจน – ทำทุกอย่าง เพราะผอม น้ำหนักลดด้วย คนรอบข้างบอกว่าดีจังลดไวมาก เพราะ 4 กิโล ลงไป คนจะชมมากเลย ลงไว และท้องแห้งไม่มีเลย เราก็คิดว่าเราผอมได้อะไรได้ เราก็ไม่ทันระวังตัว
จินดารัตน์ – และหลังจากนั้นละคะ
แจน – ก็ไปหาหมออีกครั้งหนึ่ง พอเริ่มเข้ามกราคม ก็เริ่มมีอาการเวียนศีรษะ ทานอาหารได้น้อยและเหนื่อยมากขึ้น เริ่มมีคลื่นไส้อาเจียน แต่ไม่ใช่ตอนเช้านะคะ เป็นตอนกลางคืน
จินดารัตน์ – อาการแพ้
แจน – กลางคืนทานไม่ได้ ทานข้าวแล้วจะออกหมด กลางคืนจะมีอาการตลอดนะคะ
จินดารัตน์ – นี่คืออาการช่วงเดือนมกราคม
แจน – ใช่ค่ะ ก็เลยทนรอไม่ไหว ก็ 14 มกราคมก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลหนองจอกอีกครั้งหนึ่ง
จินดารัตน์ – ที่เดิม
แจน – ค่ะ เจอแพทย์เวรอีก หมอก็ตรวจให้เบื้องต้นคือตรวจปัสสาวะซ้ำ ก็คือผลเป็นบวก และหมอบอกว่าคนไข้เครียดด้วย ผลปัสสาวะเป็นบวกในใจคิดว่า เพราะเราไม่ทันระวังเองจากการขูดมดลูกไปครั้งที่แล้ว ทำให้ติดไว เราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก คือปรึกษาหมอไงค่ะ ว่าเราจะไปเมืองนอกเราต้องทำยังไง เขาบอกว่า ถ้าเกิดประจำเดือนขาดไม่ถึงเดือนจะมีขับประจำเดือนได้
จินดารัตน์ – แล้วตอนนั้นเป็นยังไงค่ะ ผลตรวจออกมาเป็นบวก รู้ว่าตั้งครรภ์ มีคำถามสงสัยคุณหมอไหมว่าทำไมขูดมดลูกไปแล้ว ทำไมผลเลือดออกมายังเป็นบวก
แจน – คิดว่าเป็นความผิดตัวเอง เพราะว่าคุมกำเนิดไม่ดีเอง เพราะครั้งที่สอง หมอขูดมดลูกไป แล้วคงดูแลตรงนี้ไม่ดี ทำให้ติดง่าย
จินดารัตน์ – คิดว่าตัวเองอาจจะท้องขึ้นมาอีก
แจน – ใช่ ท้องใหม่ ก็ไม่โทษหมอนะคะ คิดว่าความผิดตัวเอง โทษตัวเอง ก็ปรึกษาหมอเรื่องนี้ค่ะ ว่าจะไปเมืองนอก เราต้องทานยาขับประจำเดือนได้ ถ้าประจำเดือนขาดไม่ถึงเดือน ก็คุยกันตรงนี้ และหมอบอกว่า หมอไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญตรงนี้ หมอบอกว่าแนะนำไปโรงพยาบาลนพรัตน์ดีกว่า เพราะมีผู้เชี่ยวชาญ ปรากฏว่า 17 มกราคมไปที่นพรัตน์ ไปพบสูติแพทย์ หมอไม่แน่ใจ หมอคลำท้องดูและพบแพทย์เฉพาะทางห้องรังสี ไปตรวจอัลตร้าซาวด์ หมอบอกว่าเด็กยังอยู่
จินดารัตน์ – บอกอายุครรภ์ไหมค่ะ
แจน - บอกค่ะ จะครบ 4 เดือนแล้ว ขาดอีก 4 วันจะครบ 4 เดือน
จินดารัตน์ – และน้ำหนักตัวและอาการแพ้ยังมีอยู่
แจน – ไม่แพ้ตอนเช้าไงค่ะ แพ้ตอนช่วงท้องแพ้ตอนเช้าตลอด ตอนนี้กลางคืน
จินดารัตน์ – ไม่ได้เอะใจ
แจน – ไม่ได้เอะใจ เพราะคิดว่าผลค้างเคียงจากยาลดความอ้วน ที่เราทานเข้าไป
จินดารัตน์ – พอหมอนพรัตน์บอกว่าท้องประมาณ 4 เดือน
แจน – ตอนแรกไม่เชื่อ บอกหมอว่า ให้หมอลบจอเอาใหม่
จินดารัตน์ – ทำอัลตร้าซาวด์ใหม่เลย
แจน – ใช่ เพราะคิดว่าเป็นของคนไข้คนเดิมค้างอยู่ ก็ให้เอาใหม่
จินดารัตน์ – เราเห็นไหมค่ะ
แจน – เห็นค่ะ หมอเอาหันให้ดู
จินดารัตน์ – เด็ก 4 เดือน ถ้าอัลตร้าซาวด์ลักษณะจะแค่ไหนค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – ก็คงเห็นการเคลื่อนไหว เพราะเด็กถ้า 4 เดือนจริง ก็ยาวประมาณ 16 – 18 เซ็นติเมตร ก็คงใหญ่พอสมควร เริ่มฟอร์มรูปร่างแล้ว อายุเกินกว่า 12 สัปดาห์ 3 เดือนก็เริ่มเห็นได้ค่อนข้างชัดแล้วในการทำอัลตร้าซาวด์ เพราะฉะนั้นในรายนี้ 4 เดือนผมเชื่อว่าคงจะไม่มีความผิดพลาดแน่ ถ้าคุณหมอที่เขาตรวจ เขาบอกว่าเขาท้องได้ประมาณ 4 เดือน
จินดารัตน์ –เห็นแล้วตกใจไหมค่ะ
แจน – ตกใจ ช็อก มือสั่นเลย โทร.หาแฟนก่อน ก็ไม่รู้จะเริ่มเรื่องกับเขายังไง โทร.หาหมอก่อนแล้วกัน หาหมอที่ทำให้เรา โทร.ไปที่โรงพยาบาลหนองจอก หมอไม่อยู่หมอไม่ว่าง คือพยาบาลเป็นคนบอก หมอมีเคส จนเรารอไม่ไหวแล้วนะคะ เราก็ไม่รู้ทำไง ไม่ไหวแล้ว ลองถามดูว่าผอ.อยู่ไหม ปรากฏว่าผอ.อยู่พอดี ก็ฝากเรื่องผอ.ไว้ และก็กลับมากับหมอ สูติแพทย์คนที่มาตรวจอัลตร้าซาวด์ หมอบอกว่า ทำใจดีๆ ไม่ต้องเครียด คือหมอบอกว่า เป็นการขูดมดลูกที่ไม่สำเร็จ คือตรงนี้สมองมันมึนไปแล้ว หูมันได้ยินอื้อๆ วิ้งๆ เราช็อกแล้ว คือคิดทำไม อะไร มันเกิดได้ยังไง ทำไมต้องเกิดกับเรา คือเริ่มประมวลตรงนี้ขึ้นมาแล้ว
จินดารัตน์ – คุณหมอค่ะ กรณีอย่างนี้ที่เกิดขึ้น ต้องเรียกว่ากี่เปอร์เซ็นต์ค่ะ ที่จะสามารถเกิดขึ้นได้ อย่างกรณีแบบหมอบอกว่าแท้งลูกแล้วไปขูดมดลูก เด็กก็ไม่น่าจะอยู่ได้แล้วนะคะ
รศ.นพ.วิสูตร – ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ผมคิดว่าคงต้องทำได้ค่อนข้างจะสมบูรณ์ เพราะถ้าเป็นสูตินารีแพทย์จริง ๆ ในผู้ป่วยรายนี้ ถ้าเกิดตรงนี้ท้องได้ประมาณ 4 เดือน เดือนมกราคม แสดงว่ามีการตั้งครรภ์ต้นเดือนตุลาคม และได้มีการขูดมดลูกในเดือนพฤศจิกายน ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน เพราะฉะนั้นถ้าทำโดยสูตินารีแพทย์จริงๆ และเป็นผู้เชี่ยวชาญก็คิดว่าน่าจะทำได้สมบูรณ์ ตรงนั้นโอกาสที่จะพลาดหรือว่าไม่หมด และตั้งครรภ์ต่อมาในลักษณะแบบนี้คงจะน้อยๆ มากเลย หรือว่าอาจจะไม่มีเลยก็ได้
จินดารัตน์ – เคยเจอบ้างไหมคุณหมอ
รศ.นพ.วิสูตร – ผมคิดว่าในโอกาสทางการแพทย์คงมี แต่ว่าค่อนข้างจะน้อยมาก และในรายนี้มันขึ้นกับความเชี่ยวชาญหรือความชำนาญของสูตินารีแพทย์ท่านนั้นด้วย ซึ่งถ้าเป็นตามนี้ก็คิดว่าไม่น่าจะเป็น
จินดารัตน์ – อย่างนี้พูดได้ไหมค่ะว่าเกิดจากความสะเพร่าของแพทย์ หรืออาจจะหละหลวมในการทำงาน
รศ.นพ.วิสูตร – นั่นอาจจะเข้าข่ายในเรื่องของมาตรฐาน ว่าตรงนั้นอาจจะไม่ได้ดำเนินการ คือการประกอบวิชาชีพเวชกรรมในส่วนของสูตินารีเวชศาสตร์ อาจจะไม่ได้มาตรฐาน ตรงนั้นคงจะต้องให้พิจารณาโดยคณะกรรมการแพทย์ทางสูตินารีแพทย์ ทั้งคณะอาจจะเป็นโดยราชวิทยาลัยสูตินารีแพทย์ ครับ ตรงนั้นคงจะบอกได้ว่า การดำเนินการทั้งหมดนี้เป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ ทั้งนี้คงจะต้องดูผลการตรวจวิเคราะห์ดูประวัติทั้งหมดของผู้ป่วยทั้งหมดดูก่อนและคงจะนำมาวิเคราะห์อีกทีหนึ่ง
จินดารัตน์ – จากกรณีความบกพร่องที่เกิดขึ้นทางการแพทย์ ทางแพทยสภาเคยพิจารณากรณีคล้าย ๆ กันนี้ไหมค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – ก็มีเหมือนกันอาจจะวินิจฉัยว่าเป็นก้อนเนื้อหรือเป็นเนื้องอก ก็เคยเป็นข่าวมาหลายครั้งเหมือนกัน และปรากฏว่า ในที่สุดก็เป็นการตั้งครรภ์ ซึ่งตรงนั้นที่จริงต้องถือว่าเป็นความอาจจะเป็นการประกอบอาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้มาตรฐาน เพราะว่าการตรวจมันแตกต่างกัน ถ้าเป็นเนื้องอกจริง โอกาสที่จะมีการตรวจโดยวิธีการทดสอบ การตั้งครรภ์ก็จะต้องให้ผลเป็นลบบ้าง หรือว่าจำนวนเนื้องอกอาจจะค่อยๆ งอกขึ้นมา การดิ้นของเด็กก็ไม่มี มันก็มีอาการคลื่นไส้อาเจียนก็ควรจะต้องไม่มีด้วย แต่ถ้าเป็นการท้อง ก็จะต้องมีอาการเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งตรงนั้นก็เข้าได้กับเรื่องของการประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้มาตรฐาน ส่วนในผู้ป่วยรายนี้ ก็อาจจะเป็นไปได้เหมือนกัน ว่าเข้าข่ายกับการประกอบวิชาชีพเวชกรรมทางด้านสูตินารีเวช โดยไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งตรงนี้แพทย์คนเดียวคงตอบยาก นะครับ เราจะต้องดูจากประวัติทั้งหมดและต้องเป็นคณะกรรมการในการพิจารณาเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเชื่อว่า ได้ทราบว่า ท่านได้ไปร้องกับคณะกรรมการแพทยสภาด้วย เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็คงจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ในการพิจารณาและตัดสินในเรื่องนี้แน่นอน
จินดารัตน์ – กลับมาถามคุณแจนต่อว่า วันนั้นที่ไปทำอัลตร้าซาวด์ คุณหมอบอกว่าท้อง 4 เดือน และท้องเรามันใหญ่ขึ้น หนักขึ้นไหม ผิดสังเกตไหมค่ะ
แจน – ไม่ผิดสังเกตค่ะ
จินดารัตน์ – ท้องก็ยังแบนราบเหมือนเดิม
แจน – ใช่ ทุกคนก็จะบอกว่าเก่ง ลดน้ำหนักได้ไวมาก เราก็ยังภูมิใจ วันที่ไปตรวจใส่กางเกงยีนส์ไปนะคะ ก็รัด ที่วัยรุ่นเขาใส่กัน ใส่เสื้อตัวเล็กๆ เสื้อยืดเข้ารูป ตัวเล็กๆ ไป คือยังแต่งตัวได้เหมือนปกติ เราก็ไม่ได้เอะใจอะไร
จินดารัตน์ – อย่างแรกที่คิดเลย คุณหมอบอกว่าท้อง 4 เดือน คิดอะไรอยู่ค่ะ
แจน – ตกใจค่ะ ว่ามาได้ยังไง งงไงค่ะ
จินดารัตน์ – คิดทบทวนกลับไปไหมค่ะ นึกถึงตอนที่เราไปขูดมดลูก คิดอยู่ในใจว่าเป็นไปได้ไหม ว่า คุณหมอทำให้เราไม่สมบูรณ์
แจน – เขาทำอะไรให้เรา กำลังนึกอยู่อย่างนี้ เขาทำอะไรกับเรานึกอยู่แค่นี้ เขารักษาเราหรือเปล่า คือคิดแค่นี้ เราเสียเงินนะ เราไม่ได้ไปนอนฟรี คือจะคิดขึ้นมาเอง เขาทำอะไรกับเรา นึกอย่างนี้ตลอด
จินดารัตน์ – สามีว่ายังไงค่ะ
แจน – ตอนไปบอกเขาที่ทำงาน เขาช็อกเหมือนกัน
จินดารัตน์ – และหลังจากนั้นพอตั้งสติได้ อยากจะทำอะไรต่อ ดำเนินการอะไรต่อ
แจน – คือเราอยากทราบรายละเอียดทั้งหมดจากหมอ จากปากหมอที่ทำ ไปพบหมอ วันรุ่งขึ้นวันอังคารที่ 18 มกราคม ไปพบหมอที่โรงพยาบาล ก็ยังไม่พูดเรื่องราวอะไรกับใคร ในใจคิดแต่สงสาร แฟนก็สงสารหมอคือไปคุยกันก่อน ไม่อยากเอาเป็นเรื่องเป็นราว หมอก็ไม่มาพบ จนเราทนไม่ไหว ขอโอพีดีการ์ดไม่ให้ ตรงนี้ โอเค ไม่ไหว ก็เลยถาม ตอนแรกผอ.นัดวันที่ 20 มกราคม เข้าไปคุย ปรากฏว่า มีประชุมก็ไม่ยอมโทร.บอกเรา ว่ามีประชุม เราก็ต้องโทร.ตามตลอด วันศุกร์ไปคุย รายละเอียดเบื้องต้น เชิญแฟนไปด้วย ก็คุยกันในรายละเอียดเบื้องต้นว่า ผมจะตั้งกรรมการสอบอย่างโน้นอย่างนี้
จินดารัตน์ – อันนั้นผอ.บอก คุณหมอก็ไม่ยอมมาพบเราเลย
แจน – ยังค่ะ ไม่มา
จินดารัตน์ – แต่ก็ทราบเรื่องทุกอย่างแล้ว เราฝากเรื่องไว้กับพยาบาล หรือ ผอ.
แจน – ใช่ พยาบาลหน้าห้องเขา
จินดารัตน์ – โอพีดีการ์ดคือประวัติคนไข้ใช่ไหมค่ะคุณหมอ ประวัติการรักษา
รศ.นพ.วิสูตร – ผมเชื่อว่าควรจะเป็นเวชระเบียน ดีกว่า เพราะตัวโอพีดีการ์ดหมายถึงว่า บัตรตรวจโรคผู้ป่วยนอกเท่านั้น โอพีดี เพราะฉะนั้นตรงนี้ควรจะต้องรวมทั้งบัตรตรวจโรคผู้ป่วยนอก และรวมทั้งประวัติของผู้ป่วยทั้งหมด ที่ตรงนี้เราอาจจะเรียกว่าเป็นเวชระเบียน หรือเมดิเคิล เรคคอร์ด ทั้งหมด ตรงนี้ก็คงจะต้องดูทั้งหมด ถึงจะบอกได้ ผลการตรวจต่างๆ
จินดารัตน์ – ถ้าปกติคนไข้ทั่วไป ถ้าย้ายโรงพยาบาลจะมาขอได้ไหมค่ะเป็นสิทธิที่ทำได้ไหมค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – ตรงนั้นก็เป็นสิทธิที่จะทำได้ประการหนึ่งและก็อีกอย่างหนึ่งก็คือว่าถ้าสมมติผู้ป่วยต้องการจริงๆ ในบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตรวจ หรือว่าเพื่อที่จะมาทำการรักษาต่อ หรือเพื่อประโยชน์อย่างอื่น ตรงนี้ก็สามารถทำได้เหมือนกัน เพราะเป็นสิทธิที่ผู้ป่วยอยู่ประการหนึ่ง ที่สามารถทำได้
จินดารัตน์ -ถ้าขอไปแล้วโรงพยาบาลบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ หรืออาจจะบอกว่าข้อมูลบางส่วนหายไป เราจะเรียกร้องตรงนี้ได้ยังไงค่ะคุณหมอ เราจะไปขอหรือว่าอาศัยหน่วยงานไหนพอช่วยได้
รศ.นพ.วิสูตร – ครับ ตรงนี้ก็จะมีการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ถือว่าการตรวจรักษา การบำบัดผู้ป่วย ถือว่าเป็นการประกอบวิชาชีพเวชกรรม เราก็ถูกดูแล หรือถูกควบคุมโดยองค์กรวิชาชีพ ตรงนี้เราก็มีองค์กรวิชาชีพตามกฎหมาย ตั้งแต่ พ.ศ. 2511 เป็นต้นมาที่แยกออกมา ก็จะมีแพทยสภา ขณะนี้ก็ดูแลโดยกฎหมายเป็นพ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม 2525 ตรงนี้จะให้ความเป็นธรรม ไม่ใช่เฉพาะต่อผู้ป่วย ก็ให้ความเป็นธรรมกับแพทย์ด้วยและกับผู้ป่วยด้วย เราจะพิจารณารายละเอียดทั้งหมด ในเรื่องร้องเรียนทั้งหมด ร้องเรียนในที่นี้รวมถึงไม่ว่าจะเป็นการกล่าวหา กรณีที่ผู้ป่วยเองได้กล่าวหาอย่างเช่นกรณีนี้ มีการกล่าวหาแพทย์ว่า ได้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้มาตรฐาน หรือเป็นการกล่าวโทษคือบุคคลอื่น ซึ่งไม่ได้เป็นผู้เสียหายเลย เป็นบุคคลภายนอก อาจจะเป็นใคร นาย ก. นาย ข. ก็ได้ และเห็นว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่เหมาะสม ไม่สมควรที่จะแพทย์จะทำ เช่นนี้ก็ทำการร้อง เรื่องร้องเรียนมาที่แพทยสภาซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพได้ เรียกว่าเรื่องร้องเรียนหรือการกล่าวโทษ ได้ทั้ง 2 กรณีครับ เมื่อแพทยสภาได้รับเรื่องแล้ว แพทยสภา ในฐานะที่เป็นองค์กรวิชาชีพ แพทยสภาจะต้องรวบรวมรายละเอียดทั้งหมด พิจารณาในขั้นต้น ถ้าเห็นว่ากรณีนี้มีมูลนะครับ โดยให้คณะกรรมการหรือกรรมการชุดหนึ่งที่เรียกว่า เป็นคณะอนุกรรมการจริยธรรม เรียกว่าเป็นอนุกรรมการชั้นต้นในการพิจารณา เห็นว่ามีมูลก็จะส่งให้คณะกรรมการอีกชุดหนึ่งที่เรียกว่าคณะอนุกรรมการเหมือนกัน เป็นอนุกรรมการสอบสวน ทำการสอบสวนข้อเท็จจริง ตอนนี้ได้รายละเอียดเยอะเลย ช่วงแรกอาจจะเป็นคร่าวๆ อาจจะดูว่ามีข้อเท็จจริงมากน้อยเท่าไหร่ ถ้ามีมูลก็ส่งต่อให้คณะกรรมการอีกชุดหนึ่งคือคณะกรรมการสอบสวน เมื่อสอบสวนเสร็จตรงนี้ก็จะส่งเรื่องทั้งหมดให้กับคณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 38 ท่าน ช่วยกันพิจารณาในข้อเท็จจริงทั้งหมด ที่คณะอนุกรรมการทั้ง 2 ชุดพิจารณามาให้
จินดารัตน์ – ต้องช่วยกันทั้งหมด 38 คนหรือค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร - ทั้ง 38 คนครับ จะเป็นคณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่
จินดารัตน์ – เป็นแพทย์ทั้งหมดหรือเปล่าค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – เป็นแพทย์ทั้งหมดครับ รวมทั้งความเห็นจากที่ต่างๆ เช่น ความเห็นจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ในกรณีนี้อาจจะไปขอความเห็นจากทางด้านวิทยาลัยสูติฯ หรืออาจจะไปขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่น การตรวจสอบ หรือจากแพทย์ที่ทำการตรวจทั้งหมด นะครับ ตรงนี้จะได้รายละเอียดทั้งหมดมาและนำมาพิจารณาในเรื่องนี้ทั้งหมดเลย ก็จะได้เป็นคำตอบออกมาว่า กรณีนี้แพทย์ได้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยได้มาตรฐานหรือไม่ ถ้าไม่ได้มาตรฐาน แพทยสภาก็จะมีคำสั่งลงโทษแพทย์ท่านนั้นซึ่งจะมีตั้งแต่เบา อาจจะว่ากล่าวตักเตือนธรรมดาหรือว่า กรณีภาคทัณฑ์ หรือว่า จะหนักขึ้นไปอีกคือพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ หรือว่าจะเป็นหนักที่สุดคือการเพิกถอน คือการถอนไม่ให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นแพทย์ต่อไปไม่ได้
จินดารัตน์ – คือหนักที่สุดของแพทยสภาที่จะทำได้คือเพิกถอน
รศ.นพ.วิสูตร – เพิกถอนใบอนุญาต
จินดารัตน์ – แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับคดีอาญา ทางตำรวจต้องจัดการ
รศ.นพ.วิสูตร – ถ้าเกี่ยวข้องกับคดีอาญาต้องเป็นเรื่องของทางพนักงานสอบสวน หรือว่าทางผู้เสียหายจะไปฟ้องคดีอาญาก็ได้ หรือถ้าเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการกระทำผิดมาตรฐานและตัวเองเกิดความเสียหาย เช่นตัวเองอาจขาดรายได้ไป หรือว่าตัวเองอาจจะได้รับความกระทบกระเทือน ค่ารักษาพยาบาลเยอะแยะพวกนี้อาจจะต้องไปดำเนินการทางแพ่งต่อไป ตรงนี้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก แยกต่างหาก ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของมาตรฐาน หรือเรื่องของจริยธรรมที่วินิจฉัยหรือลงโทษโดยแพทยสภา เพราะฉะนั้นก็แยกออกเป็นอย่างน้อย 3 ส่วนใหญ่ๆ ทีนี้มีอีกส่วนหนึ่ง ก็คือ อาจร้องในเรื่องที่เมื่อกี้ได้ทราบว่าไปร้องกับผู้อำนวยการก็อาจจะร้องต่อผู้อำนวยการซึ่งเดิมทีเดียวท่านก็อาจจะให้ความหวังไว้ว่าจะมีการดำเนินการสอบสวนทางวินัย
จินดารัตน์ – ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา
รศ.นพ.วิสูตร – นั่นเป็นเรื่องของการดำเนินการทางวินัย ซึ่งก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแยกต่างหาก จากเรื่องของดำเนินการทางจริยธรรมของแพทยสภา
จินดารัตน์ - นั่นหมายความว่าทางแพทยสภาก็จะดำเนินการของแพทยสภาไป โรงพยาบาลจะจัดการเรื่องวินัยอย่างไร ก็เรื่องของโรงพยาบาล ส่วนเราที่เป็นผู้ป่วยและรู้สึกได้รับความเสียหาย ก็อาจจะมีการร้องเกี่ยวกับเรื่องของคดีทางแพ่ง ก็คืออาจจะเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เสียการเสียงานไปเท่าไหร่ นั่นเป็นเรื่องทางแพ่ง หรือว่าอาจจะคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการประมาท เกิดอันตรายบาดเจ็บ ผมได้อ่านข่าวดู ก็เห็นว่าตรงนี้เข้าไปในข่ายของการทำให้เกิดอันตรายบาดเจ็บต่อกาย ต่อจิตใจหรือเปล่า นั่นก็เป็นเรื่องของคดีอาญา ซึ่งต้องไปดำเนินคดีอาญาต่อไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นดังที่เราคิดหรือไม่นั้น เราต้องมีหน่วยงานซึ่งให้ความยุติธรรมในส่วนนั้นเป็นผู้วินิจฉัย
จินดารัตน์ – แสดงว่ามีที่พึ่งหลายทางแล้วนะคะ
รศ.นพ.วิสูตร – โดยหลักเรื่องของในทางการแพทย์นั้น หลักใหญ่ๆ ที่ผมเรียนชี้แจงมา ก็จะมี 4 ทางใหญ่ๆ นะครับ คือเรื่องทางจริยธรรม เรื่องของทางวินัย เรื่องทางแพ่ง เรื่องการเรียกร้องค่าเสียหาย และเรื่องทางอาญา ก็จะมี 4 ด้านใหญ่
จินดารัตน์ – เอาละคะคุณผู้ชมค่ะ เราคุยกันถึงตรงนี้กลับมาช่วงหน้า เราจะมาฟังความคิดเห็นของคุณแจนดูว่า เธอคิดอย่างไรถึงออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม กับสื่อมวลชน เหมือนกับว่า มองหาใครไม่เจอแล้ว หรือว่าต้องการบอกอะไรกับสังคมบ้าง กับกรณีที่เกิดขึ้นนั้น สร้างความบอบช้ำให้กับครอบครัวและตัวคุณแจนมากน้อยแค่ไหน พักซักครู่ค่ะ
จินดารัตน์ – คุณผู้ชมค่ะ กลับมาคุยกันต่อนะคะ เรื่องของการเรียกร้องเพื่อความถูกต้องที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดบางประการของการขูดมดลูกจนทำให้เด็กในท้องนั้น เติบโตขึ้นมาจนตอนนี้คุณแจนท้อง 5 เดือนแล้วนะคะ คุณแจนค่ะ ตอนที่ไปร้องขอความเป็นธรรมจากโรงพยาบาล ผู้อำนวยการก็บอกว่า ผอ.โรงพยาบาลบอกว่าจะดูแล ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ และเรื่องเป็นยังไงค่ะ เงียบหายไปหรือยังไง
แจน – ก็ปรากฏว่าได้รับการติดต่อมาครั้งแรกคือ ให้รับใบส่งตัว ส่งเราไปตรวจที่สมิติเวช ซึ่งคือไปตรวจที่ไหน เป็นหมอในเครือของวชิระ ก็เหมือนกัน มาตรวจที่วชิระก็ได้เหมือนกันใช่ไหมค่ะ คือเป็นหมอประจำอยู่ที่วชิรพยาบาลเหมือนกัน ก็ไปตรวจที่สมิติเวช มีอัลตร้าซาวด์ ไม่ได้ตรวจอะไรพิเศษอย่างอื่น คืออัลตร้าซาวด์อย่างเดียว
จินดารัตน์ – นี่คือใบส่งตัวจากโรงพยาบาลหนองจอก
แจน – ส่งตัวไป
จินดารัตน์ – และเวชระเบียนที่เราขอได้ไหมค่ะ
แจน – ยังไม่ได้ ไม่ให้ คือไปพบหมอที่สมิติเวช แฟนไปด้วย ก็คือฟังศูนย์อัลตร้าซาวด์ใช่ไหมค่ะ อัลตร้าซาวด์จะเห็นปกติ เห็นมีแขน ขา ตา มีรูปโครงสร้าง แต่จะตรวจเฉพาะเจาะจงไปว่า แขนลีบขาลีบไหม คือตรงนี้มันตรวจไม่ได้ ไงค่ะ ตรวจความพิการอย่างอื่นไม่ได้
จินดารัตน์ – อันนั้นต้องใช้วิธีเจาะน้ำคร่ำใช่ไหมค่ะ คุณหมอ จึงจะรู้ความผิดปกติ
รศ.นพ.วิสูตร – ครับ เด็กช่วงนี้อาจจะถือว่าขนาดตัวยังไม่โตนัก ตรงนี้ถึงแม้จะตรวจโดยวิธีต่าง ๆ ก็คงยังบอกได้ยากนะครับ ประมาณ 4-5 เดือนว่า มีอวัยวะใดที่อาจจะบกพร่องบ้างหรือเปล่า ตรงนั้นอาจจะคงไม่กล้าให้คำยืนยันแน่ครับ
จินดารัตน์ - คุณแจนกับสามีเป็นห่วงเรื่องอะไรมากที่สุด
แจน – หลายอย่างไงค่ะ เพราะบอกว่า ขูดมดลูกไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าขูดโดนอะไรบ้าง ใช่ไหมค่ะ เอาอะไรออกไป ถ้าเผื่อเอา ทานยาไปเยอะมาก ไหนจะยาคลายเครียดอีก ผสมไปอีก และพอรู้ว่ามีน้อง ก็เครียด ก็ไม่รู้จะส่งผลอะไรกับเขาหรือเปล่า
จินดารัตน์ – คือกลัวที่สุดคือกลัวลูกจะไม่ปกติ ได้รับผลกระทบจากยา และการขูดมดลูก คุณหมอค่ะเป็นไปได้ไหมค่ะว่า ยาพวกนี้จะมีผลแน่นอนกับเด็ก
รศ.นพ.วิสูตร – ครับ ยาก็คือสารเคมีนะครับ เพราะฉะนั้นยาทุกชนิด ถึงแม้ว่าจะมีการประกาศหรือมีการทดลองแล้ว ว่าไม่มีผลต่อเด็กจริงๆ ความจริงมันก็เป็นสารเคมี สารเคมีทุกชนิดก็คงจะมีผลบ้าง แต่อาจจะน้อยมากๆ กระทั่งถือได้ว่าไม่มีผล นะครับ เพราะฉะนั้นถ้ากรณีที่คุณแจนหรือผู้ป่วยรายนี้ได้รับประทานยาหลายชนิดและคิดว่าตัวเองไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะกระทบกระเทือนต่อเด็ก ตอนนี้ก็รับประทานยาหลายอย่างเลย ตรงนี้อาจจะเป็นไปได้ว่ามียาบางประเภท ยาคลายเครียด ยากล่อมประสาท หรือยาอีกหลายๆ ชนิด ยาปฏิชีวนะ หรือเปล่าก็ยังไม่ทราบเหมือนกัน ตรงนั้นก็จะมีทานหลายประเภท ซึ่งยาเหล่านี้ก็อาจจะมีผลต่อทารกในครรภ์ได้ ตรงนี้เราจะมารวบรวมวิเคราะห์ทั้งหมดดูว่า คุณแจนได้ทานยาอะไรบ้าง และปริมาณมากน้อยเท่าไหร่ ตรงนั้นซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อเด็กได้เหมือนกัน
จินดารัตน์ – อย่างบทสรุปบทสุดท้ายที่จะรู้ว่าเด็กผิดปกติหรือไม่ ก็คือการเจาะน้ำคร่ำออกมาตรวจ อันนั้นจะได้คำตอบทุกอย่าง
รศ.นพ.วิสูตร – ก็ได้บางส่วนนะครับ ยังคงไม่ทั้งหมด ตรงนี้ ที่จริงอัลตร้าซาวด์ระยะหลังๆ ก็น่าจะเห็นโครงสร้างอวัยวะทั้งหมด อย่างไรก็ตามบางอย่างมันไม่สามารถจะตรวจได้ ในขณะที่ยังอยู่ในครรภ์เช่น สภาพการมองเห็น ในเรื่องของตา ซึ่งจริงๆ ตรงนั้นเราไม่สามารถจะบอกได้ว่ามีสภาพเป็นอย่างไร จนกระทั่งคลอดซะก่อน เพราะฉะนั้น หลายๆ อย่าง การได้ยินของเด็ก อาจจะมีผลกระทบหรือเปล่า เราจะเห็นแต่โครงสร้างใหญ่ๆ เช่นการเจริญเติบโตของแขน ขา มือ เท้า ปกติไหม ตรงนั้นเราอาจจะพอบอกได้ แต่เรื่องการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ คงบอกยากนะครับ ถ้าอยู่ในท้อง ไม่ว่าจะเป็นการเจาะถุงน้ำคร่ำหรือตรวจน้ำคร่ำ หรือตรวจอัลตร้าซาวด์ หรือวิธีการอื่นใดก็แล้วแต่ คงบอกไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์นะครับ ต้องรอเด็กคลอดออกมาก่อนถึงจะมีการตรวจซ้ำและถึงจะบอกได้ว่ามีจะมีความพิการหรือไม่
จินดารัตน์ – คุณแจนค่ะ ตอนนี้คิดอะไรอยู่ คิดจะจัดการปัญหาของตัวเองยังไง
แจน – คือต้องระวังและต้องรออย่างเดียว คือในใจก็คิดว่า คงพยายามทำให้ดีที่สุดนะคะ คือพยายามต้องเผื่อใจด้วย เพราะยังไม่รู้ ทางตัวคุณหมอเองก็บอกว่าไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนไหนที่จะมากล้าเซ็นใบรับรองว่าเด็กที่ออกมาจะสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์
จินดารัตน์ – เคยคิดถึงขนาดกลัวว่าลูกจะไม่ปกติ ถึงขนาดอยากจะเอาเด็กออก
แจน – ใช่ เพราะว่าตอนแรก คือเราฟังจากหลายๆด้านใช่ไหมค่ะ คือ ในเมื่อไม่มีใครกล้ารับรองตรงนี้ คือเราก็สงสารเขาใช่ไหมค่ะ เขาเกิดมาแล้วพิการ เขาเป็นภาระสังคมไม่พอ เขามีปมด้อยด้วย คือเราไม่อยากให้เขามารับตรงนี้ ตัดใจตั้งแต่ตอนนี้ยังดีกว่า ในใจคิด คิดคนเดียวก่อนนะคะ ยังไม่ได้บอกแฟน คือพูดคุยกับลูก บอกว่าแม่ไม่ได้ใจร้ายแต่เราป้องกันไว้ก่อน
จินดารัตน์ – ทำไมถึงออกมาเรียกร้อง แล้วออกมาบอกสื่อว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา ต้องการอะไรค่ะ
แจน – เริ่มจากตรงนี้ก่อนคะ ไปใช้ประกันสิทธิ อาจารย์นายแพทย์ประดิษฐ์ ช่วยดีมาก คือเร่งทางโรงพยาบาลหนองจอกใช่ไหมค่ะ จนโรงพยาบาลหนองจอกโทร.มาหาว่า มีผู้ใหญ่ในที่ศาลาว่าการกรุงเทพฯเชิญไปพบ คือเป็นรองผู้ว่าฯ ต้องการคุยปัญหาเรื่องนี้ ตัวต่อตัว คือลูกผู้หญิงคุยกัน ก็เลยไปพบ นึกว่าจะมีทางออกที่ดีให้เราไงค่ะ ปรากฏว่าเขาบอกว่า คืออยากให้เอาเด็กไว้ ไม่อยากให้เอาเด็กออก เขาถามว่าต้องการยังไง บอกว่า ถ้าตรงนี้ไม่มีใครกล้ารับรอง เราอยากยุติการตั้งครรภ์ แต่เขาบอกว่าอยากให้เอาไว้ ให้คิดใหม่ เขามีบ้านพักฉุกเฉิน ถ้าเกิดแจนบอกใครไม่ได้ เจอใครไม่ได้ เขาจะให้ไปหลบอยู่บ้านพักฉุกเฉิน จนคลอด ถ้าคลอดแล้วไม่อยากเลี้ยงลูกไม่มีความผูกพัน ให้เขาเลี้ยงไว้ หรือฝากเขาเลี้ยงไว้ 2 ปี แล้วค่อยรับลูกไปเลี้ยง หรือไม่เอาเลย ก็เซ็นยกให้เขาไปเลย
จินดารัตน์ – ฟังคำแนะนำเขาแล้วรู้สึกยังไงบ้าง คุณแจน
แจน – โกรธมากเลย เสียความรู้สึกมากเลย เป็นแพทย์ด้วยนะคะ พูดออกมาอย่างนี้ ซึ่งเป็นผู้หญิงด้วย คุณมีลูก แจนก็อยากรู้ความรู้สึกเขา ถ้าเป็นญาติพี่น้องเขา เป็นลูกสาวเขา โดนคำพูดนี้เข้าไป เขาจะรู้สึกยังไง คือตรงนี้โกรธมาก และเขาบอกว่าเขารองรับอีกอย่างว่า ถ้าเกิดเด็กออกมาพิการเขาก็รับเลี้ยง เขารับทุกกรณี แล้วแจนถามว่าลูกแจนผิดอะไร ถึงต้องเอาเขาไปทิ้งไว้ตรงนั้น ลูกหมูลูกหมา แจนยังเก็บมาเลี้ยง แล้วนี่ลูกตัวเองจะทิ้งให้คนอื่น ทำไมต้องมาทำให้เขามีปมด้อย และมีปัญหาทางสังคม คือเขาต้องมีปัญหาแน่นอนอยู่แล้ว และสร้างภาระให้เขาอีก
จินดารัตน์ – และหลังจากนั้นที่พูดคุยกัน
แจน – คือไม่ไหวแล้วไงค่ะ
จินดารัตน์ – ก็เลยต้องไปที่สถานีวิทยุสวพ. 91
แจน – ใช่ค่ะ พี่ชายบอกว่า เขาไม่ยอมนะ เขาไม่ไหว ในเมื่อไม่ให้เกียรติกัน ไม่ดำเนินการให้ซักทีหนึ่งและเขาไปที่สภาทนายให้ สภาทนายบอกว่าเรื่องนี้ถ้าไม่ถึงสื่อก็ไม่ดำเนินการให้คุณไวหรอก
จินดารัตน์ – ก็เลยตัดสินใจออกมาร้องกับสื่อ ให้สังคมได้รับรู้เป็นไงเป็นกัน คุณแจน และตอนนี้สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้างค่ะ
แจน – อย่างที่บอกว่า ล่าสุดที่คุยผู้ว่ากทม. คุณอภิรักษ์ ก็ออกมาแสดงความรับผิดชอบตรงนี้
จินดารัตน์ – เพราะว่าโรงพยาบาลหนองจอกสังกัดกทม.
แจน – ใช่ ก็คุยกับคุณอภิรักษ์ ประมาณรับผิดชอบตรงนี้ เราก็สบายใจขึ้นแค่เปราะหนึ่ง
จินดารัตน์ – รับผิดชอบยังไงค่ะ ท่านผู้ว่าฯ บอกไหมค่ะ
แจน – ก็ไม่ว่าเรื่องการฝากครรภ์ การตรวจพิเศษ หาหมอพิเศษให้ คลอด หลังจากคลอดก็ดำเนินการอีกต่อไปว่ายังไง
จินดารัตน์ – คุณแจนตอนนี้ตัดสินใจยังไง
แจน – คือไปฝากท้อง ได้แต่รออย่างเดียว เพราะคุณหมอบอกว่าต้องตรวจอัลตร้าซาวด์อีกครั้งหนึ่งตอน 22 สัปดาห์
จินดารัตน์ – เห็นบอกว่าจะต้องกรวดน้ำคร่ำด้วย
แจน – ใช่ กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเจาะดีไหม เพราะกลัวเขาอันตรายด้วย ถ้าเกิดถุงน้ำคร่ำรั่วไป
จินดารัตน์ – ซึ่งถ้าไม่จำเป็นคุณหมอจะไม่แนะนำใช่ไหมค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – ครับ ปกติเราจะไม่เข้าไปทำอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือว่าส่วนประกอบทั้งหมด อะไรที่ยุ่งได้น้อยที่สุด ผมจะเสริมอีกหน่อย คือเรื่องเกี่ยวกับกรณีถ้าเกิดคุณแจนอยากจะทำแท้ง หรือยุติการตั้งครรภ์ ในปัจจุบันคงจะไม่เปิดช่องให้ทำตรงนั้น เพราะในทางการแพทย์เราเอง ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบอาชีพเวชกรรม การที่จะดำเนินการยุติการตั้งครรภ์เช่นนั้นได้ จะต้องมีข้อบ่งชี้ ต้องมีเหตุผล ตรงนี้สำคัญมากๆ เลยนะครับ เหตุผลที่สำคัญ 2 ประการคือ อันที่หนึ่ง การตั้งครรภ์ต่อไปอาจจะเป็นอันตรายต่อหญิงมารดา ถ้าสมมติเป็นตรงนี้ได้ กฎหมายจะเปิดช่องให้ ถ้าเป็นอันตรายอาจจะทำให้มารดาจะมีเหตุบางอัน เช่น อาจจะมีโรคความดันหรือมีอะไรที่มีอันตรายมากๆ ตรงนั้นก็เป็นได้ หรืออันที่สอง เกิดขึ้นเนื่องจากการตั้งครรภ์เป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญา เช่น ถูกกระทำมิดีมิร้าย อย่างนี้ถ้าเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น ถ้าเป็นเช่นนี้กฎหมายยังเปิดช่องให้ เพราะฉะนั้นจะเอื้ออำนวยให้กับแพทย์เรา สามารถที่จะยุติการตั้งครรภ์ตรงนี้ได้
จินดารัตน์ – อย่างกรณีคุณแจน ถ้าตั้งครรภ์ท้องแก่มากขึ้น สุดท้าย ถ้าสมมติตรวจว่าเด็กไม่ปกติ สามารถตัดสินใจที่จะเอาเด็กออกได้ไหม หรือยังไงค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – ตรงนี้ในทางการแพทย์หรือในทางกฎหมายที่ถูกต้อง หรือชอบด้วยกฎหมายยังไม่เปิดช่องให้ทำ เคยมีเรื่องขึ้นไปถึงการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการเป็นหัดเยอรมัน การที่เป็นหัดเยอรมัน เมื่อแม่เป็นหัดเยอรมัน เด็กจะมีการฟอร์มตัว เจริญพัฒนาของตัวเด็ก คือไม่สมบูรณ์ แขนขาอาจจะมีการพิการ กรณีดังกล่าวนี้มีการตีความในคณะกรรมการกฤษฎีกาไว้เหมือนกันว่า กรณีดังกล่าวนี้ไม่เข้าข่ายที่จะให้แพทย์ได้ยุติการตั้งครรภ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 305 ได้ เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็เป็นอันหนึ่งที่ไม่เปิดช่องให้เราทำ เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็คงลำบากหน่อย เราก็ไม่รู้จะทำยังไง บางครั้งเราก็อยาก จะช่วย เพราะว่าเด็กที่เกิดมาอาจมีความพิการ แต่ว่าในเมื่อกฎหมายยังไม่เปิดช่องให้ก็คงไม่มีแพทย์คนใดที่จะอยากจะทำเช่นนั้น เหมือนกัน เพราะว่าผิดกฎหมายด้วย และผิดมาตรฐานทางวิชาชีพด้วย
จินดารัตน์ – ฟังคำแนะนำของคุณหมอแล้ว สุดท้ายนี้เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา มาถึงวันนี้แล้วอยากจะฝากบอกอะไรคุณผู้ชมทางบ้านไหมค่ะ
แจน – ตรงนี้คืออยากให้ตรวจสอบนิดนึง คิดนิดนึง เพราะคนไทยใช่ไหมค่ะ ยังไงก็ฟังหมอ หมอบอกอะไรคือจะฟัง เชื่อหมด คือต่อไปคงต้องคิดนิดนึง และฝากทางแพทยสภานิดนึงว่า ตรงนี้กฎหมายสำหรับแพทย์ เขาทำงานกับชีวิตคน ให้เขารอบคอบอีกเยอะเลย อย่าเห็นชีวิตคนเป็นเรื่องง่ายๆ ให้เขารอบคอบกว่านี้และก็มีความรับผิดชอบทางวิชาชีพแพทย์ของเขาให้มากกว่านี้
จินดารัตน์ – ชัดเจนค่ะ ขอบพระคุณทั้งสองท่านเป็นอย่างสูงค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณผู้ชมค่ะ กรณีที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเพียงหนึ่งกรณีที่เกิดขึ้นในสังคมไทยที่เราผู้บริโภค ประชาชนคนไทยต้องออกมารักษาสิทธิ์ของตัวเองนะคะ อะไรที่คิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ออกมาเถอะค่ะ ออกมาชูมือขึ้นและเรียกร้องขอความเป็นธรรม นั่นคือสิทธิขั้นพื้นฐานที่เราพึงทำได้ วันพรุ่งนี้รายการคนในข่าว จะมาพูดคุยกันถึงการเรียกร้องสิทธิ สิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนคนไทยมีอะไรบ้าง และเราทำอะไรได้บ้าง กับตัวของเราเอง เพื่อที่จะเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากสังคมค่ะ วันนี้รายการคนในข่าว หมดเวลาแล้ว ลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ
รายการคนในข่าว ออกอากาศทางช่อง 11 News 1 วันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 21.05-22.00 น. ดำเนินรายการโดยจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
จินดารัตน์ – สวัสดีค่ะ คุณผู้ชมคะ รายการคนในข่าวในค่ำคืนวันนี้นะคะ เราจะมาคุยถึงการเรียกร้อง สิทธิอันพึงควรมีและควรได้ 2-3 ปีที่ผ่านมา คุณผู้ชมคงจะสังเกตว่าสังคมไทยนั้นเปลี่ยนไปเยอะค่ะ ประชาชนคนไทยนั้นเริ่มที่จะรักษาสิทธิของตนเอง เริ่มรู้แล้วล่ะว่าเราจะรักษาความยุติธรรมให้กับตัวเองได้อย่างไร ด้วยการออกมาเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลายๆกรณีที่เกิดขึ้นนะคะ เราคงจะเห็นเป็นข่าวเป็นคราวกันแล้ว
ล่าสุดค่ะเมื่อวันก่อนนี่เองนะคะ มีหญิงสาวคนหนึ่งเป็นอดีตพยาบาลที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมเรื่องของการตั้งครรภ์ เรื่องของการไปขูดมดลูก แล้วทำไมตัวเองถึงยังตั้งครรภ์อยู่ นี่เป็นประเด็นปัญหาที่เราจะคุยกันในค่ำคืนวันนี้ค่ะ วันนี้นะคะเราจะคุยกับแขกรับเชิญของเราทั้ง 2 ท่าน ท่านแรกค่ะดิฉันขออนุญาตคุณผู้ชมใช้นามสมมุตินะคะ คุณแจนค่ะ จากกรณีที่เกิดขึ้นเองค่ะ และอีกท่านหนึ่งค่ะ รศ.นพ.วิสูตร ผ่องสิริไพบูลย์ ท่านเป็นกรรมการแพทยสภาค่ะ สวัสดีค่ะ ทั้งสองท่านนะคะ ขอบพระคุณค่ะที่มาคุยกันวันนี้นะคะ คุณแจนสุขภาพเป็นอย่างไรคะตอนนี้
แจน – ตอนนี้ก็ดีขึ้นนิดนึงค่ะ
จินดารัตน์ – ช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้างคะ
แจน – เครียดมาก ก็ตั้งแต่ทราบว่ายังมีน้องอยู่ก็จะเครียด คือไม่มีวันไหนที่ไม่นอนร้องไห้ค่ะ
จินดารัตน์ – แล้วเรื่องครอบครัวเป็นยังไงคะ
แจน – ก็เริ่มมีปัญหากันบ้าง เพราะว่าตอนนี้คือแฟนก็ต้องทำงานหนักขึ้น ก็เครียดกับปัญหา ว่าเราก็ไม่ทันตั้งรับตรงนี้ อันนี้มีปัญหากันมามากขึ้น เรื่องค่าใช้จ่าย ค่าดูแลสุขภาพ หรือทุกๆอย่างอะไรอย่างนี้ค่ะ ก็ต้องเตรียมเผื่อไว้
จินดารัตน์ – คุณผู้ชมค่ะ เดี๋ยวเราจะพักกันตรงนี้ก่อนนะคะ ช่วงหน้ากลับมาเราจะมาคุยกันว่า ประเด็นปัญหามันเกิดขึ้นตรงไหนและทำไมผู้หญิงคนนี้ต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม และที่สำคัญที่สุด กรณีแบบนี้อย่างตั้งท้องแล้ว ดูเหมือนจะแท้งลูก ไปขูดมดลูก แล้วทำไมเด็กถึงยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เธอท้องประมาณ 5 เดือนแล้ว พักกันซักครู่ก่อนค่ะ
จินดารัตน์ – กลับมามาช่วงนี้นะคะ เรามาคุยกันเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งเกิดตั้งท้องขึ้นมาและแท้งไปหนึ่งครั้ง ไปขูดมดลูกแล้ว พอกลับมาก็ตั้งครรภ์ รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์นะคะ จริงๆ แล้วความเข้าใจผิดนั้น สื่อมวลชนบางฉบับอาจจะลงข่าวก็เลยสร้างความเข้าใจผิดให้กับคนอ่านกันไป ที่บอกว่า ท้องครั้งที่สองนั้นคุณแจนไม่รู้ว่าตัวเองท้องและจริงๆ แล้วเธอรู้นะคะ เราจะมาคุยกันว่าแล้วพอขูดมดลูกครั้งที่สองแล้วทำไมถึงยังมีเด็กอยู่ในท้องอีกได้ คุณแจนเล่าให้ฟังนิดนึงค่ะว่า เหตุการณ์ในช่วงท้องแรกเป็นยังไง
แจน – ในช่วงท้องแรก ช่วงเดือนมิถุนายน เริ่มมีเลือดออกและวันที่ 24 มิถุนายน ตกบันได
จินดารัตน์ – ของปีที่แล้ว วันที่ 24 มิถุนายน
แจน – ตกบันไดแล้วทำให้มีเลือดออกมากขึ้นไงค่ะ
จินดารัตน์ – ตอนนั้นท้องกี่เดือนค่ะ
แจน – คุณหมอบอกว่าประมาณ 14 สัปดาห์
จินดารัตน์ – กี่เดือนค่ะคุณหมอ
รศ.นพ.วิสูตร – ประมาณ 3 เดือนครึ่ง
จินดารัตน์ – โอกาสแท้งก็ยังมีได้
รศ.นพ.วิสูตร – ยังมีอยู่ในช่วงนั้น ก็สูงพอสมควรทีเดียวครับ
จินดารัตน์ – และยิ่งกรณีคุณแจน ตกบันไดเลย
รศ.นพ.วิสูตร – อาจจะเป็นจากหน้าท้องกระทบกระแทกรุนแรงทำให้มีผลต่อการตั้งครรภ์ก็ได้ครับ
จินดารัตน์ – ตกบันไดแล้วยังไงค่ะ ไปหาคุณหมอ
แจน – ตอนแรกก็ยังไม่ได้ไปทันทีค่ะ ก็มานอนพัก
จินดารัตน์ – มีเลือดออกทันทีไหมค่ะ
แจน – พอนอนพักไปซักพักหนึ่งนะคะ พอตื่นมารู้สึกว่า อยากเข้าห้องน้ำ เริ่มเห็นแล้วว่ามีเลือดออก มันมีมูกเลือดออกมาแล้ว
จินดารัตน์ – เยอะไหมค่ะ
แจน – เยอะค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – เลือดออกเป็นก้อนๆ เลยครับ
แจน – เป็นก้อน ๆ เป็นลิ่มออกมาเลยค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – เป็นชิ้นส่วนเป็นชิ้นเนื้อออกมาเห็นได้ชัด
แจน – ไม่ใช่ชิ้นเนื้อค่ะ เป็นเลือดก้อนๆ ออกมานะคะ
จินดารัตน์ – ขออภัยนะคะ เหมือนผู้หญิงมีประจำเดือนทั่วๆ ไป
แจน – ไม่เหมือน สีมันสดกว่า และมีชิ้นเยอะกว่า
จินดารัตน์ – จากนั้นก็ไปหาหมอ ที่โรงพยาบาลหนองจอก
แจน – ค่ะ และหมอขูดมดลูกให้ ไปถึงปั๊บจะได้ขูดมดลูกเลย
จินดารัตน์- หมอบอกเลยว่าแท้งแล้ว
แจน – แท้งค่ะ ไปตรวจภายในก็คือแท้ง ก็ขูดมดลูกเลย ครั้งแรก โดนขูดมดลูกสองครั้ง หมอกลัวว่าจะไม่หมด เพราะเลือดยังออกเยอะอยู่ ก็ขูดไปประมาณตี 4-5 ครั้งหนึ่ง และขูดตอนบ่ายอีกครั้งหนึ่ง
จินดารัตน์ – คุณหมอค่ะ อย่างกรณีแท้งแบบนี้ขูดสองครั้งเลยหรือค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – ครับ ถ้าเกิดคุณหมอท่านนั้นพิจารณาแล้วว่าขูดมดลูกทำให้เป็นอาการหนึ่งของการขูดมดลูก มันยังไม่สามารถที่จะทำให้เลือดออกหยุดได้ ก็อาจจะจำเป็นที่จะต้องทำการขูดซ้ำ ทั้งนี้เนื่องจากจะต้องเอาชิ้นส่วนของรกที่อาจจะมีค้างอยู่ออก ตรงนี้ทำอย่างไรก็ตาม ที่จะให้เลือดหยุด ก็เป็นวิธีการรักษาอย่างหนึ่ง
จินดารัตน์- อันนี้ก็ถูกนะคะ
รศ.นพ.วิสูตร – ถูกต้อง ถ้าเป็นตามนี้นะครับ
จินดารัตน์ – แล้วยังไงต่อค่ะ
แจน – ก็นอนโรงพยาบาล 3 วัน หลังจากกลับมาจะมีเลือดออกตลอด ก็เลยนับไม่ได้ว่า เลือดที่ออกมาเป็นประจำเดือนหรือว่าเลือดที่ออกจากการขูดมดลูกไปใช่ไหมค่ะ เพราะเราไปวางแผนคุมกำเนิดไม่ถูก
จินดารัตน์ – หลังจากกลับมาจากการขูดมดแล้ว คุณหมอได้แนะนำอะไรไหมค่ะ ว่า ตั้งท้องยังไม่ได้ช่วงนี้หรือยังไงค่ะ
แจน – คือให้คุมกำเนิดไว้ก่อนช่วงนี้
จินดารัตน์ – กี่เดือนค่ะ คุณหมอบอก
แจน – ตอนนั้นบอกว่า 6 สัปดาห์ให้คุมกำเนิดไว้ก่อน
จินดารัตน์ – ประมาณเดือนครึ่ง
แจน – ให้คุมกำเนิดไว้ก่อนแล้วถ้าเกิดมีอาการผิดปกติ มีเลือดออกไม่หยุด หรือเลือดออกมาก ซีด ให้กลับมา
จินดารัตน์ – หลังจากนั้นกลับไปพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน นานแค่ไหนค่ะ ถึงมีเลือดออกอีกครั้งหนึ่ง
แจน – คือมันก็มีเลือดออกมาเรื่อยๆ นะคะ 2 เดือนแรกคือจะออกมาก เหมือนเป็นประจำเดือนทั้งเดือน ก็หลังจากนั้นมาก็เริ่มมาจาง กระปิดกระปอย ใส่แผ่นรองแคร์ฟรีได้ ใช้ผ้าอนามัยใช่ไหมค่ะ จะมากเดือนตุลาคมนะคะ ก็มีประมาณ 4 วัน ช่วงต้นเดือน วันที่ 1-4 วันที่ 4 ก็จางหายไปแล้ว ก็คิดว่าคงไม่ได้เป็นอะไร
จินดารัตน์ – แล้วตอนนั้น รู้ตัวเองว่าท้องหรือยังไงค่ะ
แจน – ก็หลังจากนั้นนะคะ เริ่มผิดปกติ เพราะพอเดือนตุลาคม เราไปซื้อแผ่นตรวจมาตรวจ ในปลายเดือนตุลาคม คือไม่ขึ้น
จินดารัตน์ – คือไม่ได้ตั้งท้องหรือค่ะ
แจน – ค่ะ ผลเป็นลบ ไม่ได้ตั้งครรภ์ แต่หลังจากนั้นมาคือเริ่มมีอาการผิดปกติ เริ่มอีกครั้งหนึ่งประมาณ 14 พฤศจิกายน ก็ผลเป็นบวก คือยังไม่แน่ใจ เพราะว่าตรงนี้ก็รอดูก่อนใช่ไหมค่ะ แต่คือรู้ว่าผลเป็นบวกแล้ว คือพยายามทำใจเผื่อไว้ครึ่งหนึ่งแล้ว ใช่ไหมค่ะ พยายามระวัง และวันที่ 16 พฤศจิกายนไปทำงาน พอกลับมาก็นอนพัก ก็เริ่มมีอาการปวดท้อง เหมือนจะถ่ายท้องเสีย ก็ลุกเข้าห้องน้ำ ไม่ได้เปิดไฟ ลุกไปเข้าห้องน้ำเลย ไม่ทันมองว่าแผ่นแคร์ฟรี มีเลือดเต็มแล้ว ก็คือก้มไปดู เห็นว่ามีเลือดปนออกมา
จินดารัตน์ – นั่นหมายความว่าช่วงเดือนตุลาคม ตั้งแต่มีเลือดออกกระปิดกระปอยช่วงนั้น จนถึงเดือนพฤศจิกายน กลางเดือน เลือดไม่ไหลอีกเลย ไม่มีเลือด และก็รู้ว่าตัวเองท้อง รู้แล้วแต่ยังไม่ได้ไปหาคุณหมอ คือทดสอบด้วยตัวเอง รู้ผลออกมาว่าตั้งครรภ์ หลังจากนั้นไม่กี่วัน มีเลือดออก แล้วยังไงต่อค่ะ
แจน – พอมีเลือดออกใช่ไหมค่ะ ตอนแรกโทร.ถามแฟนว่ามีเลือดออกจะไปโรงพยาบาลไหม เขาบอกว่า เดี๋ยวดูก่อน ถ้ามันไม่มากอะไร ไปตอนเช้าดีกว่า เพราะมันดึกแล้ว ก็ทนไม่ไหว เริ่มปวดท้องและเลือดเริ่มออกมากขึ้น เหมือนกับจะมีแรงเบ่งซักอย่างหนึ่ง เริ่มกดลง คือไม่ไหว ก็ให้น้องไปส่งที่โรงพยาบาล
จินดารัตน์ – อาการที่เกิดขึ้นกับคุณแจนนะคะ เป็นอาการของแท้งคุกคาม หรือยังไงค่ะ คุณหมอ
รศ.นพ.วิสูตร – จะเป็นอาการของแท้งคุกคาม ก็ได้ เพราะว่ามีเลือดออกนะครับ ซึ่งตรงนี้คงต้องวินิจฉัยโดยแพทย์เท่านั้น ก็คงต้องตรวจภายในดูนะครับ ว่ามีลักษณะเป็นแท้งหรือไม่ และอย่างไร ซึ่งเข้าใจว่า ผู้ป่วยรายนี้ก็ได้มีการไปหาแพทย์และทำการตรวจต่อด้วยนะครับ
จินดารัตน์ – ค่ะ หลังจากนั้นไปหาคุณหมอคนเดิม
แจน - คุณหมอคนแรกที่รับแอดมิทคือคุณแพทย์เวร คุณหมอผู้ชาย คุณหมอเลยบอกว่าทนไหวไหม จะให้เอาอาการเลือดออกไปก่อน ให้นอนอยู่โรงพยาบาลนะคะ ถ้าเกิดไหวจะให้หมอผู้หญิงมาขูดมดลูก เพราะจะเป็นการไม่เปิดเผยคนไข้ คือจะได้ไม่อายมาก ก็พยายามทน เพราะมันจะเช้าแล้ว
จินดารัตน์ – คือคุณหมอเวรบอกแล้วว่าแท้งแน่ๆ
แจน – ยังไม่บอกว่าแท้ง คือคุณหมอบอกว่าให้รอดูเลือดออก และตรวจปัสสาวะซ้ำตอนตี 5 ผลปรากฏว่าเป็นบวก
จินดารัตน์ – คืออยู่ในภาวะตั้งครรภ์ และยังไง
แจน – คุณหมอก็บอกว่า อาจต้องขูดมดลูกนะ เพราะว่าตรวจปัสสาวะแล้วเป็นบวก อาจจะเกิดอาการแท้งบุตร ใช่ไหมค่ะ และก็นัดคุณหมอผู้หญิงคนนี้ 07.30 น. เพื่อทำการขูดมดลูก
จินดารัตน์ – คุณหมอคนเดิม
แจน – ค่ะ ตอน 07.30 น. ก็ไปที่ห้องผ่าตัด คุณหมอก็ตรวจภายใน ก็มีเลือดออกมา คุณหมอก็บอกว่าแท้งนะ แต่คุณหมอจะขูดมดลูกให้ ก็ให้พยายามดมยามาคุย เรียบร้อยแล้ว ทำเสร็จ ขูดมดลูกเสร็จ เขาก็บอกว่าแท้งไปแล้วนะ ขูดมดลูกให้เรียบร้อย ก็กลับมาพักฟื้น ก็นอนโรงพยาบาลอยู่ 2 วัน ตอนนั้นในใจคิดว่า คือว่าในเมื่อหมอพูดมาแล้วว่าแท้งแล้ว ขูดมดลูกแล้ว เราก็ไม่ทันระวังตัวอะไร ปรากฏว่าคุยกับแฟนว่า ตอนนี้คือเราไม่มีไม่เป็นไร หลังจากนั้น 3-4 ปี หรือ 5 ปี ค่อยมีก็ได้ ตอนนี้อยากไปทำงานแล้ว ก็คุยกันว่าจะไปทำงานที่เมืองนอก คือไปต่างประเทศ ตอนนั้นคือโหมกินยาลดน้ำหนัก ยาละลายไขมันทุกอย่างที่มี ไปฟิตเนส ไปทำดีท็อกซ์ ทุกอย่างที่ให้กลับมาฟิตไวๆ น้ำหนักส่วนเกินให้หายไป ก็ไม่รู้จนมีอาการผิดปกติวันที่ 30 พฤศจิกายน ก็กลับไปหมออีกครั้งหนึ่ง
จินดารัตน์ – มีอาการอะไรค่ะ
แจน – เลือดยังออกอยู่ค่ะ แต่ไม่เยอะ ก็ไปหาคุณหมอ ไม่เจอคุณหมอคนเดิม เป็นหมอเวรเหมือนกัน คุณหมอบอกว่าเพิ่งขูดมดลูกไปไม่น่าจะท้องได้นะ เพราะว่ามดลูกยังเป็นแผลอยู่ การฝังตัวของเด็กคือยังไม่ดี เพราะมดลูกตรงนี้มันขูดออกไป ก็ให้ยาคลายเครียดมาทาน เพราะว่าเราเครียดมากไงค่ะ ประจำเดือนก็ไม่รู้จะมาเมื่อไหร่ เราจะได้วางแผนคุมกำเนิดถูก เพราะเราจะเตรียมตัวแล้ว หลังจากนั้นก็มีอาการผิดปกติ
จินดารัตน์ – ช่วงนั้นคุมกำเนิดอยู่ด้วยใช่ไหมค่ะ
แจน – ยังไม่ได้คุมค่ะ เพราะว่าประจำเดือนยังไม่มา
จินดารัตน์ – คือครึ่งเดือนนับจากที่ไปตรวจมดลูก กลับมาทำอะไรกับตัวเองบ้างค่ะ ไปกินยาลดความอ้วน ไปฟิตเนส ดีท็อกซ์
แจน – ทุกอย่างเลย ไปเต้นแอโรบิก
รศ.นพ.วิสูตร – ตอนนั้นก็เชื่อว่าได้รับการขูดมดลูกจนกระทั่งสมบูรณ์แล้วใช่ไหมครับ ก็ไม่คิดว่าน่าจะมีโรคแทรกซ้อนอะไร
แจน – ใช่ ไม่คิด
รศ.นพ.วิสูตร – ก็เลยไปออกกำลังกาย ทานยา รวมทั้งใช้ยาทา ยาอะไรเต็มที่เลย
แจน – ทุกอย่างที่มีขาย ที่ชื่อดัง ๆ จะซื้อมาไงค่ะ และคลินิกดังๆ ที่เพื่อนแนะนำมา ตรงนี้ลดไวนะ ไม่อ่อนแรง เราก็ไป
จินดารัตน์ – ก็กินยาทุกชนิดล่ะ
แจน – ทุกชนิด ทำดีท็อกซ์ เดี๋ยวลดเหมือนกัน ก็ทำ
จินดารัตน์ – คุณหมอค่ะอย่างกรณีแบบนี้ คือกลับไปแล้ว ผู้หญิงที่ขูดมดลูกแล้ว กลับไปยังมีอาการเลือดออกไปอีกนานแค่ไหนยังไง
รศ.นพ.วิสูตร – ครับ จริงๆ ได้รับการขูดมดลูกประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน ก็อาจจะมีเลือดออกติดตามมาได้อีก 2 อาทิตย์ ผมเชื่อว่าอาจจะพอมี เพราะว่าอาจจะเป็นเพราะเป็นแผลอยู่ ก็คงจะเป็นได้ ตรงนั้นอาจจะมีเลือดบ้าง แต่ค่อยๆ ออกน้อยลง จนกระทั่งมันหายไป ซึ่งจริงๆ ก็สอดคล้องกับสภาพของผู้ป่วยที่เป็นอยู่จริงๆ เพราะว่าปลายเดือนพฤศจิกายน ต่อต้นเดือนธันวาคม ก็จะเห็นได้ชัดว่า เลือดไม่มีแล้ว ตอนต้นเดือนก็หมดแล้ว
แจน – ก็ที่หนูไปเที่ยวมาประมาณ 11-12 ธันวาคม ก็เริ่มหายไปแล้ว
รศ.นพ.วิสูตร – ก็ประมาณ 2 อาทิตย์ อาจจะ 3 อาทิตย์หน่อย ก็เป็นไปได้ตรงนี้ก็น่าเชื่อว่า ถ้าเป็นการขูดมดลูกที่สะอาดจริง และถูกต้องตามหลักวิชาก็น่าที่จะถูกต้องแล้วตรงนี้ คือการรักษาพยาบาลในเรื่องของการขูดมดลูก ก็เข้าที่ทุกอย่างเรียบร้อยหมด ตรงนี้ก็เป็นการดำเนินการทางการแพทย์อย่างสมบูรณ์แล้ว
จินดารัตน์ – หลังจากนั้นคุณหมอค่ะ หลังจากที่เลือดหมดไปแล้ว จะกลับสู่ภาวะปกติเริ่มมีประจำเดือนเหมือนเดิม ใช้ระยะเวลาแค่ไหนค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – จริงๆช่วงนี้ผมบอกได้ยาก เพราะว่าในตำราอาจจะให้ถึงประมาณ 6 สัปดาห์ขึ้นไป ก็ยังมี หรือว่าบางครั้ง ที่หลังจากมีการแท้งหรือมีการขูดมดลูกไปแล้ว ก็มีการตั้งครรภ์ต่อเนื่องมาเลย ก็มีเหมือนกัน บางครั้งหญิงก็อาจจะไม่มีประจำเดือนมาแล้ว จนกระทั่งมีการท้องครั้งใหม่ ก็จึงไม่รู้ว่าตัวเองท้องซะด้วย ผมคิดว่าคือปรากฏการณ์มีเหมือนกันครับ
จินดารัตน์ – คือพอเลือดหยุดไหล ช่วงประมาณ
แจน –ประมาณกลางธันวาคม 11-12 ได้
จินดารัตน์ – เสร็จจากนั้นยังกินยา ใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม
แจน – ทำทุกอย่าง เพราะผอม น้ำหนักลดด้วย คนรอบข้างบอกว่าดีจังลดไวมาก เพราะ 4 กิโล ลงไป คนจะชมมากเลย ลงไว และท้องแห้งไม่มีเลย เราก็คิดว่าเราผอมได้อะไรได้ เราก็ไม่ทันระวังตัว
จินดารัตน์ – และหลังจากนั้นละคะ
แจน – ก็ไปหาหมออีกครั้งหนึ่ง พอเริ่มเข้ามกราคม ก็เริ่มมีอาการเวียนศีรษะ ทานอาหารได้น้อยและเหนื่อยมากขึ้น เริ่มมีคลื่นไส้อาเจียน แต่ไม่ใช่ตอนเช้านะคะ เป็นตอนกลางคืน
จินดารัตน์ – อาการแพ้
แจน – กลางคืนทานไม่ได้ ทานข้าวแล้วจะออกหมด กลางคืนจะมีอาการตลอดนะคะ
จินดารัตน์ – นี่คืออาการช่วงเดือนมกราคม
แจน – ใช่ค่ะ ก็เลยทนรอไม่ไหว ก็ 14 มกราคมก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลหนองจอกอีกครั้งหนึ่ง
จินดารัตน์ – ที่เดิม
แจน – ค่ะ เจอแพทย์เวรอีก หมอก็ตรวจให้เบื้องต้นคือตรวจปัสสาวะซ้ำ ก็คือผลเป็นบวก และหมอบอกว่าคนไข้เครียดด้วย ผลปัสสาวะเป็นบวกในใจคิดว่า เพราะเราไม่ทันระวังเองจากการขูดมดลูกไปครั้งที่แล้ว ทำให้ติดไว เราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก คือปรึกษาหมอไงค่ะ ว่าเราจะไปเมืองนอกเราต้องทำยังไง เขาบอกว่า ถ้าเกิดประจำเดือนขาดไม่ถึงเดือนจะมีขับประจำเดือนได้
จินดารัตน์ – แล้วตอนนั้นเป็นยังไงค่ะ ผลตรวจออกมาเป็นบวก รู้ว่าตั้งครรภ์ มีคำถามสงสัยคุณหมอไหมว่าทำไมขูดมดลูกไปแล้ว ทำไมผลเลือดออกมายังเป็นบวก
แจน – คิดว่าเป็นความผิดตัวเอง เพราะว่าคุมกำเนิดไม่ดีเอง เพราะครั้งที่สอง หมอขูดมดลูกไป แล้วคงดูแลตรงนี้ไม่ดี ทำให้ติดง่าย
จินดารัตน์ – คิดว่าตัวเองอาจจะท้องขึ้นมาอีก
แจน – ใช่ ท้องใหม่ ก็ไม่โทษหมอนะคะ คิดว่าความผิดตัวเอง โทษตัวเอง ก็ปรึกษาหมอเรื่องนี้ค่ะ ว่าจะไปเมืองนอก เราต้องทานยาขับประจำเดือนได้ ถ้าประจำเดือนขาดไม่ถึงเดือน ก็คุยกันตรงนี้ และหมอบอกว่า หมอไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญตรงนี้ หมอบอกว่าแนะนำไปโรงพยาบาลนพรัตน์ดีกว่า เพราะมีผู้เชี่ยวชาญ ปรากฏว่า 17 มกราคมไปที่นพรัตน์ ไปพบสูติแพทย์ หมอไม่แน่ใจ หมอคลำท้องดูและพบแพทย์เฉพาะทางห้องรังสี ไปตรวจอัลตร้าซาวด์ หมอบอกว่าเด็กยังอยู่
จินดารัตน์ – บอกอายุครรภ์ไหมค่ะ
แจน - บอกค่ะ จะครบ 4 เดือนแล้ว ขาดอีก 4 วันจะครบ 4 เดือน
จินดารัตน์ – และน้ำหนักตัวและอาการแพ้ยังมีอยู่
แจน – ไม่แพ้ตอนเช้าไงค่ะ แพ้ตอนช่วงท้องแพ้ตอนเช้าตลอด ตอนนี้กลางคืน
จินดารัตน์ – ไม่ได้เอะใจ
แจน – ไม่ได้เอะใจ เพราะคิดว่าผลค้างเคียงจากยาลดความอ้วน ที่เราทานเข้าไป
จินดารัตน์ – พอหมอนพรัตน์บอกว่าท้องประมาณ 4 เดือน
แจน – ตอนแรกไม่เชื่อ บอกหมอว่า ให้หมอลบจอเอาใหม่
จินดารัตน์ – ทำอัลตร้าซาวด์ใหม่เลย
แจน – ใช่ เพราะคิดว่าเป็นของคนไข้คนเดิมค้างอยู่ ก็ให้เอาใหม่
จินดารัตน์ – เราเห็นไหมค่ะ
แจน – เห็นค่ะ หมอเอาหันให้ดู
จินดารัตน์ – เด็ก 4 เดือน ถ้าอัลตร้าซาวด์ลักษณะจะแค่ไหนค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – ก็คงเห็นการเคลื่อนไหว เพราะเด็กถ้า 4 เดือนจริง ก็ยาวประมาณ 16 – 18 เซ็นติเมตร ก็คงใหญ่พอสมควร เริ่มฟอร์มรูปร่างแล้ว อายุเกินกว่า 12 สัปดาห์ 3 เดือนก็เริ่มเห็นได้ค่อนข้างชัดแล้วในการทำอัลตร้าซาวด์ เพราะฉะนั้นในรายนี้ 4 เดือนผมเชื่อว่าคงจะไม่มีความผิดพลาดแน่ ถ้าคุณหมอที่เขาตรวจ เขาบอกว่าเขาท้องได้ประมาณ 4 เดือน
จินดารัตน์ –เห็นแล้วตกใจไหมค่ะ
แจน – ตกใจ ช็อก มือสั่นเลย โทร.หาแฟนก่อน ก็ไม่รู้จะเริ่มเรื่องกับเขายังไง โทร.หาหมอก่อนแล้วกัน หาหมอที่ทำให้เรา โทร.ไปที่โรงพยาบาลหนองจอก หมอไม่อยู่หมอไม่ว่าง คือพยาบาลเป็นคนบอก หมอมีเคส จนเรารอไม่ไหวแล้วนะคะ เราก็ไม่รู้ทำไง ไม่ไหวแล้ว ลองถามดูว่าผอ.อยู่ไหม ปรากฏว่าผอ.อยู่พอดี ก็ฝากเรื่องผอ.ไว้ และก็กลับมากับหมอ สูติแพทย์คนที่มาตรวจอัลตร้าซาวด์ หมอบอกว่า ทำใจดีๆ ไม่ต้องเครียด คือหมอบอกว่า เป็นการขูดมดลูกที่ไม่สำเร็จ คือตรงนี้สมองมันมึนไปแล้ว หูมันได้ยินอื้อๆ วิ้งๆ เราช็อกแล้ว คือคิดทำไม อะไร มันเกิดได้ยังไง ทำไมต้องเกิดกับเรา คือเริ่มประมวลตรงนี้ขึ้นมาแล้ว
จินดารัตน์ – คุณหมอค่ะ กรณีอย่างนี้ที่เกิดขึ้น ต้องเรียกว่ากี่เปอร์เซ็นต์ค่ะ ที่จะสามารถเกิดขึ้นได้ อย่างกรณีแบบหมอบอกว่าแท้งลูกแล้วไปขูดมดลูก เด็กก็ไม่น่าจะอยู่ได้แล้วนะคะ
รศ.นพ.วิสูตร – ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ผมคิดว่าคงต้องทำได้ค่อนข้างจะสมบูรณ์ เพราะถ้าเป็นสูตินารีแพทย์จริง ๆ ในผู้ป่วยรายนี้ ถ้าเกิดตรงนี้ท้องได้ประมาณ 4 เดือน เดือนมกราคม แสดงว่ามีการตั้งครรภ์ต้นเดือนตุลาคม และได้มีการขูดมดลูกในเดือนพฤศจิกายน ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน เพราะฉะนั้นถ้าทำโดยสูตินารีแพทย์จริงๆ และเป็นผู้เชี่ยวชาญก็คิดว่าน่าจะทำได้สมบูรณ์ ตรงนั้นโอกาสที่จะพลาดหรือว่าไม่หมด และตั้งครรภ์ต่อมาในลักษณะแบบนี้คงจะน้อยๆ มากเลย หรือว่าอาจจะไม่มีเลยก็ได้
จินดารัตน์ – เคยเจอบ้างไหมคุณหมอ
รศ.นพ.วิสูตร – ผมคิดว่าในโอกาสทางการแพทย์คงมี แต่ว่าค่อนข้างจะน้อยมาก และในรายนี้มันขึ้นกับความเชี่ยวชาญหรือความชำนาญของสูตินารีแพทย์ท่านนั้นด้วย ซึ่งถ้าเป็นตามนี้ก็คิดว่าไม่น่าจะเป็น
จินดารัตน์ – อย่างนี้พูดได้ไหมค่ะว่าเกิดจากความสะเพร่าของแพทย์ หรืออาจจะหละหลวมในการทำงาน
รศ.นพ.วิสูตร – นั่นอาจจะเข้าข่ายในเรื่องของมาตรฐาน ว่าตรงนั้นอาจจะไม่ได้ดำเนินการ คือการประกอบวิชาชีพเวชกรรมในส่วนของสูตินารีเวชศาสตร์ อาจจะไม่ได้มาตรฐาน ตรงนั้นคงจะต้องให้พิจารณาโดยคณะกรรมการแพทย์ทางสูตินารีแพทย์ ทั้งคณะอาจจะเป็นโดยราชวิทยาลัยสูตินารีแพทย์ ครับ ตรงนั้นคงจะบอกได้ว่า การดำเนินการทั้งหมดนี้เป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ ทั้งนี้คงจะต้องดูผลการตรวจวิเคราะห์ดูประวัติทั้งหมดของผู้ป่วยทั้งหมดดูก่อนและคงจะนำมาวิเคราะห์อีกทีหนึ่ง
จินดารัตน์ – จากกรณีความบกพร่องที่เกิดขึ้นทางการแพทย์ ทางแพทยสภาเคยพิจารณากรณีคล้าย ๆ กันนี้ไหมค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – ก็มีเหมือนกันอาจจะวินิจฉัยว่าเป็นก้อนเนื้อหรือเป็นเนื้องอก ก็เคยเป็นข่าวมาหลายครั้งเหมือนกัน และปรากฏว่า ในที่สุดก็เป็นการตั้งครรภ์ ซึ่งตรงนั้นที่จริงต้องถือว่าเป็นความอาจจะเป็นการประกอบอาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้มาตรฐาน เพราะว่าการตรวจมันแตกต่างกัน ถ้าเป็นเนื้องอกจริง โอกาสที่จะมีการตรวจโดยวิธีการทดสอบ การตั้งครรภ์ก็จะต้องให้ผลเป็นลบบ้าง หรือว่าจำนวนเนื้องอกอาจจะค่อยๆ งอกขึ้นมา การดิ้นของเด็กก็ไม่มี มันก็มีอาการคลื่นไส้อาเจียนก็ควรจะต้องไม่มีด้วย แต่ถ้าเป็นการท้อง ก็จะต้องมีอาการเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งตรงนั้นก็เข้าได้กับเรื่องของการประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้มาตรฐาน ส่วนในผู้ป่วยรายนี้ ก็อาจจะเป็นไปได้เหมือนกัน ว่าเข้าข่ายกับการประกอบวิชาชีพเวชกรรมทางด้านสูตินารีเวช โดยไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งตรงนี้แพทย์คนเดียวคงตอบยาก นะครับ เราจะต้องดูจากประวัติทั้งหมดและต้องเป็นคณะกรรมการในการพิจารณาเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเชื่อว่า ได้ทราบว่า ท่านได้ไปร้องกับคณะกรรมการแพทยสภาด้วย เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็คงจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ในการพิจารณาและตัดสินในเรื่องนี้แน่นอน
จินดารัตน์ – กลับมาถามคุณแจนต่อว่า วันนั้นที่ไปทำอัลตร้าซาวด์ คุณหมอบอกว่าท้อง 4 เดือน และท้องเรามันใหญ่ขึ้น หนักขึ้นไหม ผิดสังเกตไหมค่ะ
แจน – ไม่ผิดสังเกตค่ะ
จินดารัตน์ – ท้องก็ยังแบนราบเหมือนเดิม
แจน – ใช่ ทุกคนก็จะบอกว่าเก่ง ลดน้ำหนักได้ไวมาก เราก็ยังภูมิใจ วันที่ไปตรวจใส่กางเกงยีนส์ไปนะคะ ก็รัด ที่วัยรุ่นเขาใส่กัน ใส่เสื้อตัวเล็กๆ เสื้อยืดเข้ารูป ตัวเล็กๆ ไป คือยังแต่งตัวได้เหมือนปกติ เราก็ไม่ได้เอะใจอะไร
จินดารัตน์ – อย่างแรกที่คิดเลย คุณหมอบอกว่าท้อง 4 เดือน คิดอะไรอยู่ค่ะ
แจน – ตกใจค่ะ ว่ามาได้ยังไง งงไงค่ะ
จินดารัตน์ – คิดทบทวนกลับไปไหมค่ะ นึกถึงตอนที่เราไปขูดมดลูก คิดอยู่ในใจว่าเป็นไปได้ไหม ว่า คุณหมอทำให้เราไม่สมบูรณ์
แจน – เขาทำอะไรให้เรา กำลังนึกอยู่อย่างนี้ เขาทำอะไรกับเรานึกอยู่แค่นี้ เขารักษาเราหรือเปล่า คือคิดแค่นี้ เราเสียเงินนะ เราไม่ได้ไปนอนฟรี คือจะคิดขึ้นมาเอง เขาทำอะไรกับเรา นึกอย่างนี้ตลอด
จินดารัตน์ – สามีว่ายังไงค่ะ
แจน – ตอนไปบอกเขาที่ทำงาน เขาช็อกเหมือนกัน
จินดารัตน์ – และหลังจากนั้นพอตั้งสติได้ อยากจะทำอะไรต่อ ดำเนินการอะไรต่อ
แจน – คือเราอยากทราบรายละเอียดทั้งหมดจากหมอ จากปากหมอที่ทำ ไปพบหมอ วันรุ่งขึ้นวันอังคารที่ 18 มกราคม ไปพบหมอที่โรงพยาบาล ก็ยังไม่พูดเรื่องราวอะไรกับใคร ในใจคิดแต่สงสาร แฟนก็สงสารหมอคือไปคุยกันก่อน ไม่อยากเอาเป็นเรื่องเป็นราว หมอก็ไม่มาพบ จนเราทนไม่ไหว ขอโอพีดีการ์ดไม่ให้ ตรงนี้ โอเค ไม่ไหว ก็เลยถาม ตอนแรกผอ.นัดวันที่ 20 มกราคม เข้าไปคุย ปรากฏว่า มีประชุมก็ไม่ยอมโทร.บอกเรา ว่ามีประชุม เราก็ต้องโทร.ตามตลอด วันศุกร์ไปคุย รายละเอียดเบื้องต้น เชิญแฟนไปด้วย ก็คุยกันในรายละเอียดเบื้องต้นว่า ผมจะตั้งกรรมการสอบอย่างโน้นอย่างนี้
จินดารัตน์ – อันนั้นผอ.บอก คุณหมอก็ไม่ยอมมาพบเราเลย
แจน – ยังค่ะ ไม่มา
จินดารัตน์ – แต่ก็ทราบเรื่องทุกอย่างแล้ว เราฝากเรื่องไว้กับพยาบาล หรือ ผอ.
แจน – ใช่ พยาบาลหน้าห้องเขา
จินดารัตน์ – โอพีดีการ์ดคือประวัติคนไข้ใช่ไหมค่ะคุณหมอ ประวัติการรักษา
รศ.นพ.วิสูตร – ผมเชื่อว่าควรจะเป็นเวชระเบียน ดีกว่า เพราะตัวโอพีดีการ์ดหมายถึงว่า บัตรตรวจโรคผู้ป่วยนอกเท่านั้น โอพีดี เพราะฉะนั้นตรงนี้ควรจะต้องรวมทั้งบัตรตรวจโรคผู้ป่วยนอก และรวมทั้งประวัติของผู้ป่วยทั้งหมด ที่ตรงนี้เราอาจจะเรียกว่าเป็นเวชระเบียน หรือเมดิเคิล เรคคอร์ด ทั้งหมด ตรงนี้ก็คงจะต้องดูทั้งหมด ถึงจะบอกได้ ผลการตรวจต่างๆ
จินดารัตน์ – ถ้าปกติคนไข้ทั่วไป ถ้าย้ายโรงพยาบาลจะมาขอได้ไหมค่ะเป็นสิทธิที่ทำได้ไหมค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – ตรงนั้นก็เป็นสิทธิที่จะทำได้ประการหนึ่งและก็อีกอย่างหนึ่งก็คือว่าถ้าสมมติผู้ป่วยต้องการจริงๆ ในบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตรวจ หรือว่าเพื่อที่จะมาทำการรักษาต่อ หรือเพื่อประโยชน์อย่างอื่น ตรงนี้ก็สามารถทำได้เหมือนกัน เพราะเป็นสิทธิที่ผู้ป่วยอยู่ประการหนึ่ง ที่สามารถทำได้
จินดารัตน์ -ถ้าขอไปแล้วโรงพยาบาลบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ หรืออาจจะบอกว่าข้อมูลบางส่วนหายไป เราจะเรียกร้องตรงนี้ได้ยังไงค่ะคุณหมอ เราจะไปขอหรือว่าอาศัยหน่วยงานไหนพอช่วยได้
รศ.นพ.วิสูตร – ครับ ตรงนี้ก็จะมีการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ถือว่าการตรวจรักษา การบำบัดผู้ป่วย ถือว่าเป็นการประกอบวิชาชีพเวชกรรม เราก็ถูกดูแล หรือถูกควบคุมโดยองค์กรวิชาชีพ ตรงนี้เราก็มีองค์กรวิชาชีพตามกฎหมาย ตั้งแต่ พ.ศ. 2511 เป็นต้นมาที่แยกออกมา ก็จะมีแพทยสภา ขณะนี้ก็ดูแลโดยกฎหมายเป็นพ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม 2525 ตรงนี้จะให้ความเป็นธรรม ไม่ใช่เฉพาะต่อผู้ป่วย ก็ให้ความเป็นธรรมกับแพทย์ด้วยและกับผู้ป่วยด้วย เราจะพิจารณารายละเอียดทั้งหมด ในเรื่องร้องเรียนทั้งหมด ร้องเรียนในที่นี้รวมถึงไม่ว่าจะเป็นการกล่าวหา กรณีที่ผู้ป่วยเองได้กล่าวหาอย่างเช่นกรณีนี้ มีการกล่าวหาแพทย์ว่า ได้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้มาตรฐาน หรือเป็นการกล่าวโทษคือบุคคลอื่น ซึ่งไม่ได้เป็นผู้เสียหายเลย เป็นบุคคลภายนอก อาจจะเป็นใคร นาย ก. นาย ข. ก็ได้ และเห็นว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่เหมาะสม ไม่สมควรที่จะแพทย์จะทำ เช่นนี้ก็ทำการร้อง เรื่องร้องเรียนมาที่แพทยสภาซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพได้ เรียกว่าเรื่องร้องเรียนหรือการกล่าวโทษ ได้ทั้ง 2 กรณีครับ เมื่อแพทยสภาได้รับเรื่องแล้ว แพทยสภา ในฐานะที่เป็นองค์กรวิชาชีพ แพทยสภาจะต้องรวบรวมรายละเอียดทั้งหมด พิจารณาในขั้นต้น ถ้าเห็นว่ากรณีนี้มีมูลนะครับ โดยให้คณะกรรมการหรือกรรมการชุดหนึ่งที่เรียกว่า เป็นคณะอนุกรรมการจริยธรรม เรียกว่าเป็นอนุกรรมการชั้นต้นในการพิจารณา เห็นว่ามีมูลก็จะส่งให้คณะกรรมการอีกชุดหนึ่งที่เรียกว่าคณะอนุกรรมการเหมือนกัน เป็นอนุกรรมการสอบสวน ทำการสอบสวนข้อเท็จจริง ตอนนี้ได้รายละเอียดเยอะเลย ช่วงแรกอาจจะเป็นคร่าวๆ อาจจะดูว่ามีข้อเท็จจริงมากน้อยเท่าไหร่ ถ้ามีมูลก็ส่งต่อให้คณะกรรมการอีกชุดหนึ่งคือคณะกรรมการสอบสวน เมื่อสอบสวนเสร็จตรงนี้ก็จะส่งเรื่องทั้งหมดให้กับคณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 38 ท่าน ช่วยกันพิจารณาในข้อเท็จจริงทั้งหมด ที่คณะอนุกรรมการทั้ง 2 ชุดพิจารณามาให้
จินดารัตน์ – ต้องช่วยกันทั้งหมด 38 คนหรือค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร - ทั้ง 38 คนครับ จะเป็นคณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่
จินดารัตน์ – เป็นแพทย์ทั้งหมดหรือเปล่าค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – เป็นแพทย์ทั้งหมดครับ รวมทั้งความเห็นจากที่ต่างๆ เช่น ความเห็นจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ในกรณีนี้อาจจะไปขอความเห็นจากทางด้านวิทยาลัยสูติฯ หรืออาจจะไปขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่น การตรวจสอบ หรือจากแพทย์ที่ทำการตรวจทั้งหมด นะครับ ตรงนี้จะได้รายละเอียดทั้งหมดมาและนำมาพิจารณาในเรื่องนี้ทั้งหมดเลย ก็จะได้เป็นคำตอบออกมาว่า กรณีนี้แพทย์ได้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยได้มาตรฐานหรือไม่ ถ้าไม่ได้มาตรฐาน แพทยสภาก็จะมีคำสั่งลงโทษแพทย์ท่านนั้นซึ่งจะมีตั้งแต่เบา อาจจะว่ากล่าวตักเตือนธรรมดาหรือว่า กรณีภาคทัณฑ์ หรือว่า จะหนักขึ้นไปอีกคือพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ หรือว่าจะเป็นหนักที่สุดคือการเพิกถอน คือการถอนไม่ให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นแพทย์ต่อไปไม่ได้
จินดารัตน์ – คือหนักที่สุดของแพทยสภาที่จะทำได้คือเพิกถอน
รศ.นพ.วิสูตร – เพิกถอนใบอนุญาต
จินดารัตน์ – แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับคดีอาญา ทางตำรวจต้องจัดการ
รศ.นพ.วิสูตร – ถ้าเกี่ยวข้องกับคดีอาญาต้องเป็นเรื่องของทางพนักงานสอบสวน หรือว่าทางผู้เสียหายจะไปฟ้องคดีอาญาก็ได้ หรือถ้าเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการกระทำผิดมาตรฐานและตัวเองเกิดความเสียหาย เช่นตัวเองอาจขาดรายได้ไป หรือว่าตัวเองอาจจะได้รับความกระทบกระเทือน ค่ารักษาพยาบาลเยอะแยะพวกนี้อาจจะต้องไปดำเนินการทางแพ่งต่อไป ตรงนี้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก แยกต่างหาก ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของมาตรฐาน หรือเรื่องของจริยธรรมที่วินิจฉัยหรือลงโทษโดยแพทยสภา เพราะฉะนั้นก็แยกออกเป็นอย่างน้อย 3 ส่วนใหญ่ๆ ทีนี้มีอีกส่วนหนึ่ง ก็คือ อาจร้องในเรื่องที่เมื่อกี้ได้ทราบว่าไปร้องกับผู้อำนวยการก็อาจจะร้องต่อผู้อำนวยการซึ่งเดิมทีเดียวท่านก็อาจจะให้ความหวังไว้ว่าจะมีการดำเนินการสอบสวนทางวินัย
จินดารัตน์ – ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา
รศ.นพ.วิสูตร – นั่นเป็นเรื่องของการดำเนินการทางวินัย ซึ่งก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแยกต่างหาก จากเรื่องของดำเนินการทางจริยธรรมของแพทยสภา
จินดารัตน์ - นั่นหมายความว่าทางแพทยสภาก็จะดำเนินการของแพทยสภาไป โรงพยาบาลจะจัดการเรื่องวินัยอย่างไร ก็เรื่องของโรงพยาบาล ส่วนเราที่เป็นผู้ป่วยและรู้สึกได้รับความเสียหาย ก็อาจจะมีการร้องเกี่ยวกับเรื่องของคดีทางแพ่ง ก็คืออาจจะเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เสียการเสียงานไปเท่าไหร่ นั่นเป็นเรื่องทางแพ่ง หรือว่าอาจจะคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการประมาท เกิดอันตรายบาดเจ็บ ผมได้อ่านข่าวดู ก็เห็นว่าตรงนี้เข้าไปในข่ายของการทำให้เกิดอันตรายบาดเจ็บต่อกาย ต่อจิตใจหรือเปล่า นั่นก็เป็นเรื่องของคดีอาญา ซึ่งต้องไปดำเนินคดีอาญาต่อไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นดังที่เราคิดหรือไม่นั้น เราต้องมีหน่วยงานซึ่งให้ความยุติธรรมในส่วนนั้นเป็นผู้วินิจฉัย
จินดารัตน์ – แสดงว่ามีที่พึ่งหลายทางแล้วนะคะ
รศ.นพ.วิสูตร – โดยหลักเรื่องของในทางการแพทย์นั้น หลักใหญ่ๆ ที่ผมเรียนชี้แจงมา ก็จะมี 4 ทางใหญ่ๆ นะครับ คือเรื่องทางจริยธรรม เรื่องของทางวินัย เรื่องทางแพ่ง เรื่องการเรียกร้องค่าเสียหาย และเรื่องทางอาญา ก็จะมี 4 ด้านใหญ่
จินดารัตน์ – เอาละคะคุณผู้ชมค่ะ เราคุยกันถึงตรงนี้กลับมาช่วงหน้า เราจะมาฟังความคิดเห็นของคุณแจนดูว่า เธอคิดอย่างไรถึงออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม กับสื่อมวลชน เหมือนกับว่า มองหาใครไม่เจอแล้ว หรือว่าต้องการบอกอะไรกับสังคมบ้าง กับกรณีที่เกิดขึ้นนั้น สร้างความบอบช้ำให้กับครอบครัวและตัวคุณแจนมากน้อยแค่ไหน พักซักครู่ค่ะ
จินดารัตน์ – คุณผู้ชมค่ะ กลับมาคุยกันต่อนะคะ เรื่องของการเรียกร้องเพื่อความถูกต้องที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดบางประการของการขูดมดลูกจนทำให้เด็กในท้องนั้น เติบโตขึ้นมาจนตอนนี้คุณแจนท้อง 5 เดือนแล้วนะคะ คุณแจนค่ะ ตอนที่ไปร้องขอความเป็นธรรมจากโรงพยาบาล ผู้อำนวยการก็บอกว่า ผอ.โรงพยาบาลบอกว่าจะดูแล ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ และเรื่องเป็นยังไงค่ะ เงียบหายไปหรือยังไง
แจน – ก็ปรากฏว่าได้รับการติดต่อมาครั้งแรกคือ ให้รับใบส่งตัว ส่งเราไปตรวจที่สมิติเวช ซึ่งคือไปตรวจที่ไหน เป็นหมอในเครือของวชิระ ก็เหมือนกัน มาตรวจที่วชิระก็ได้เหมือนกันใช่ไหมค่ะ คือเป็นหมอประจำอยู่ที่วชิรพยาบาลเหมือนกัน ก็ไปตรวจที่สมิติเวช มีอัลตร้าซาวด์ ไม่ได้ตรวจอะไรพิเศษอย่างอื่น คืออัลตร้าซาวด์อย่างเดียว
จินดารัตน์ – นี่คือใบส่งตัวจากโรงพยาบาลหนองจอก
แจน – ส่งตัวไป
จินดารัตน์ – และเวชระเบียนที่เราขอได้ไหมค่ะ
แจน – ยังไม่ได้ ไม่ให้ คือไปพบหมอที่สมิติเวช แฟนไปด้วย ก็คือฟังศูนย์อัลตร้าซาวด์ใช่ไหมค่ะ อัลตร้าซาวด์จะเห็นปกติ เห็นมีแขน ขา ตา มีรูปโครงสร้าง แต่จะตรวจเฉพาะเจาะจงไปว่า แขนลีบขาลีบไหม คือตรงนี้มันตรวจไม่ได้ ไงค่ะ ตรวจความพิการอย่างอื่นไม่ได้
จินดารัตน์ – อันนั้นต้องใช้วิธีเจาะน้ำคร่ำใช่ไหมค่ะ คุณหมอ จึงจะรู้ความผิดปกติ
รศ.นพ.วิสูตร – ครับ เด็กช่วงนี้อาจจะถือว่าขนาดตัวยังไม่โตนัก ตรงนี้ถึงแม้จะตรวจโดยวิธีต่าง ๆ ก็คงยังบอกได้ยากนะครับ ประมาณ 4-5 เดือนว่า มีอวัยวะใดที่อาจจะบกพร่องบ้างหรือเปล่า ตรงนั้นอาจจะคงไม่กล้าให้คำยืนยันแน่ครับ
จินดารัตน์ - คุณแจนกับสามีเป็นห่วงเรื่องอะไรมากที่สุด
แจน – หลายอย่างไงค่ะ เพราะบอกว่า ขูดมดลูกไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าขูดโดนอะไรบ้าง ใช่ไหมค่ะ เอาอะไรออกไป ถ้าเผื่อเอา ทานยาไปเยอะมาก ไหนจะยาคลายเครียดอีก ผสมไปอีก และพอรู้ว่ามีน้อง ก็เครียด ก็ไม่รู้จะส่งผลอะไรกับเขาหรือเปล่า
จินดารัตน์ – คือกลัวที่สุดคือกลัวลูกจะไม่ปกติ ได้รับผลกระทบจากยา และการขูดมดลูก คุณหมอค่ะเป็นไปได้ไหมค่ะว่า ยาพวกนี้จะมีผลแน่นอนกับเด็ก
รศ.นพ.วิสูตร – ครับ ยาก็คือสารเคมีนะครับ เพราะฉะนั้นยาทุกชนิด ถึงแม้ว่าจะมีการประกาศหรือมีการทดลองแล้ว ว่าไม่มีผลต่อเด็กจริงๆ ความจริงมันก็เป็นสารเคมี สารเคมีทุกชนิดก็คงจะมีผลบ้าง แต่อาจจะน้อยมากๆ กระทั่งถือได้ว่าไม่มีผล นะครับ เพราะฉะนั้นถ้ากรณีที่คุณแจนหรือผู้ป่วยรายนี้ได้รับประทานยาหลายชนิดและคิดว่าตัวเองไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะกระทบกระเทือนต่อเด็ก ตอนนี้ก็รับประทานยาหลายอย่างเลย ตรงนี้อาจจะเป็นไปได้ว่ามียาบางประเภท ยาคลายเครียด ยากล่อมประสาท หรือยาอีกหลายๆ ชนิด ยาปฏิชีวนะ หรือเปล่าก็ยังไม่ทราบเหมือนกัน ตรงนั้นก็จะมีทานหลายประเภท ซึ่งยาเหล่านี้ก็อาจจะมีผลต่อทารกในครรภ์ได้ ตรงนี้เราจะมารวบรวมวิเคราะห์ทั้งหมดดูว่า คุณแจนได้ทานยาอะไรบ้าง และปริมาณมากน้อยเท่าไหร่ ตรงนั้นซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อเด็กได้เหมือนกัน
จินดารัตน์ – อย่างบทสรุปบทสุดท้ายที่จะรู้ว่าเด็กผิดปกติหรือไม่ ก็คือการเจาะน้ำคร่ำออกมาตรวจ อันนั้นจะได้คำตอบทุกอย่าง
รศ.นพ.วิสูตร – ก็ได้บางส่วนนะครับ ยังคงไม่ทั้งหมด ตรงนี้ ที่จริงอัลตร้าซาวด์ระยะหลังๆ ก็น่าจะเห็นโครงสร้างอวัยวะทั้งหมด อย่างไรก็ตามบางอย่างมันไม่สามารถจะตรวจได้ ในขณะที่ยังอยู่ในครรภ์เช่น สภาพการมองเห็น ในเรื่องของตา ซึ่งจริงๆ ตรงนั้นเราไม่สามารถจะบอกได้ว่ามีสภาพเป็นอย่างไร จนกระทั่งคลอดซะก่อน เพราะฉะนั้น หลายๆ อย่าง การได้ยินของเด็ก อาจจะมีผลกระทบหรือเปล่า เราจะเห็นแต่โครงสร้างใหญ่ๆ เช่นการเจริญเติบโตของแขน ขา มือ เท้า ปกติไหม ตรงนั้นเราอาจจะพอบอกได้ แต่เรื่องการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ คงบอกยากนะครับ ถ้าอยู่ในท้อง ไม่ว่าจะเป็นการเจาะถุงน้ำคร่ำหรือตรวจน้ำคร่ำ หรือตรวจอัลตร้าซาวด์ หรือวิธีการอื่นใดก็แล้วแต่ คงบอกไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์นะครับ ต้องรอเด็กคลอดออกมาก่อนถึงจะมีการตรวจซ้ำและถึงจะบอกได้ว่ามีจะมีความพิการหรือไม่
จินดารัตน์ – คุณแจนค่ะ ตอนนี้คิดอะไรอยู่ คิดจะจัดการปัญหาของตัวเองยังไง
แจน – คือต้องระวังและต้องรออย่างเดียว คือในใจก็คิดว่า คงพยายามทำให้ดีที่สุดนะคะ คือพยายามต้องเผื่อใจด้วย เพราะยังไม่รู้ ทางตัวคุณหมอเองก็บอกว่าไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนไหนที่จะมากล้าเซ็นใบรับรองว่าเด็กที่ออกมาจะสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์
จินดารัตน์ – เคยคิดถึงขนาดกลัวว่าลูกจะไม่ปกติ ถึงขนาดอยากจะเอาเด็กออก
แจน – ใช่ เพราะว่าตอนแรก คือเราฟังจากหลายๆด้านใช่ไหมค่ะ คือ ในเมื่อไม่มีใครกล้ารับรองตรงนี้ คือเราก็สงสารเขาใช่ไหมค่ะ เขาเกิดมาแล้วพิการ เขาเป็นภาระสังคมไม่พอ เขามีปมด้อยด้วย คือเราไม่อยากให้เขามารับตรงนี้ ตัดใจตั้งแต่ตอนนี้ยังดีกว่า ในใจคิด คิดคนเดียวก่อนนะคะ ยังไม่ได้บอกแฟน คือพูดคุยกับลูก บอกว่าแม่ไม่ได้ใจร้ายแต่เราป้องกันไว้ก่อน
จินดารัตน์ – ทำไมถึงออกมาเรียกร้อง แล้วออกมาบอกสื่อว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา ต้องการอะไรค่ะ
แจน – เริ่มจากตรงนี้ก่อนคะ ไปใช้ประกันสิทธิ อาจารย์นายแพทย์ประดิษฐ์ ช่วยดีมาก คือเร่งทางโรงพยาบาลหนองจอกใช่ไหมค่ะ จนโรงพยาบาลหนองจอกโทร.มาหาว่า มีผู้ใหญ่ในที่ศาลาว่าการกรุงเทพฯเชิญไปพบ คือเป็นรองผู้ว่าฯ ต้องการคุยปัญหาเรื่องนี้ ตัวต่อตัว คือลูกผู้หญิงคุยกัน ก็เลยไปพบ นึกว่าจะมีทางออกที่ดีให้เราไงค่ะ ปรากฏว่าเขาบอกว่า คืออยากให้เอาเด็กไว้ ไม่อยากให้เอาเด็กออก เขาถามว่าต้องการยังไง บอกว่า ถ้าตรงนี้ไม่มีใครกล้ารับรอง เราอยากยุติการตั้งครรภ์ แต่เขาบอกว่าอยากให้เอาไว้ ให้คิดใหม่ เขามีบ้านพักฉุกเฉิน ถ้าเกิดแจนบอกใครไม่ได้ เจอใครไม่ได้ เขาจะให้ไปหลบอยู่บ้านพักฉุกเฉิน จนคลอด ถ้าคลอดแล้วไม่อยากเลี้ยงลูกไม่มีความผูกพัน ให้เขาเลี้ยงไว้ หรือฝากเขาเลี้ยงไว้ 2 ปี แล้วค่อยรับลูกไปเลี้ยง หรือไม่เอาเลย ก็เซ็นยกให้เขาไปเลย
จินดารัตน์ – ฟังคำแนะนำเขาแล้วรู้สึกยังไงบ้าง คุณแจน
แจน – โกรธมากเลย เสียความรู้สึกมากเลย เป็นแพทย์ด้วยนะคะ พูดออกมาอย่างนี้ ซึ่งเป็นผู้หญิงด้วย คุณมีลูก แจนก็อยากรู้ความรู้สึกเขา ถ้าเป็นญาติพี่น้องเขา เป็นลูกสาวเขา โดนคำพูดนี้เข้าไป เขาจะรู้สึกยังไง คือตรงนี้โกรธมาก และเขาบอกว่าเขารองรับอีกอย่างว่า ถ้าเกิดเด็กออกมาพิการเขาก็รับเลี้ยง เขารับทุกกรณี แล้วแจนถามว่าลูกแจนผิดอะไร ถึงต้องเอาเขาไปทิ้งไว้ตรงนั้น ลูกหมูลูกหมา แจนยังเก็บมาเลี้ยง แล้วนี่ลูกตัวเองจะทิ้งให้คนอื่น ทำไมต้องมาทำให้เขามีปมด้อย และมีปัญหาทางสังคม คือเขาต้องมีปัญหาแน่นอนอยู่แล้ว และสร้างภาระให้เขาอีก
จินดารัตน์ – และหลังจากนั้นที่พูดคุยกัน
แจน – คือไม่ไหวแล้วไงค่ะ
จินดารัตน์ – ก็เลยต้องไปที่สถานีวิทยุสวพ. 91
แจน – ใช่ค่ะ พี่ชายบอกว่า เขาไม่ยอมนะ เขาไม่ไหว ในเมื่อไม่ให้เกียรติกัน ไม่ดำเนินการให้ซักทีหนึ่งและเขาไปที่สภาทนายให้ สภาทนายบอกว่าเรื่องนี้ถ้าไม่ถึงสื่อก็ไม่ดำเนินการให้คุณไวหรอก
จินดารัตน์ – ก็เลยตัดสินใจออกมาร้องกับสื่อ ให้สังคมได้รับรู้เป็นไงเป็นกัน คุณแจน และตอนนี้สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้างค่ะ
แจน – อย่างที่บอกว่า ล่าสุดที่คุยผู้ว่ากทม. คุณอภิรักษ์ ก็ออกมาแสดงความรับผิดชอบตรงนี้
จินดารัตน์ – เพราะว่าโรงพยาบาลหนองจอกสังกัดกทม.
แจน – ใช่ ก็คุยกับคุณอภิรักษ์ ประมาณรับผิดชอบตรงนี้ เราก็สบายใจขึ้นแค่เปราะหนึ่ง
จินดารัตน์ – รับผิดชอบยังไงค่ะ ท่านผู้ว่าฯ บอกไหมค่ะ
แจน – ก็ไม่ว่าเรื่องการฝากครรภ์ การตรวจพิเศษ หาหมอพิเศษให้ คลอด หลังจากคลอดก็ดำเนินการอีกต่อไปว่ายังไง
จินดารัตน์ – คุณแจนตอนนี้ตัดสินใจยังไง
แจน – คือไปฝากท้อง ได้แต่รออย่างเดียว เพราะคุณหมอบอกว่าต้องตรวจอัลตร้าซาวด์อีกครั้งหนึ่งตอน 22 สัปดาห์
จินดารัตน์ – เห็นบอกว่าจะต้องกรวดน้ำคร่ำด้วย
แจน – ใช่ กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเจาะดีไหม เพราะกลัวเขาอันตรายด้วย ถ้าเกิดถุงน้ำคร่ำรั่วไป
จินดารัตน์ – ซึ่งถ้าไม่จำเป็นคุณหมอจะไม่แนะนำใช่ไหมค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – ครับ ปกติเราจะไม่เข้าไปทำอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือว่าส่วนประกอบทั้งหมด อะไรที่ยุ่งได้น้อยที่สุด ผมจะเสริมอีกหน่อย คือเรื่องเกี่ยวกับกรณีถ้าเกิดคุณแจนอยากจะทำแท้ง หรือยุติการตั้งครรภ์ ในปัจจุบันคงจะไม่เปิดช่องให้ทำตรงนั้น เพราะในทางการแพทย์เราเอง ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบอาชีพเวชกรรม การที่จะดำเนินการยุติการตั้งครรภ์เช่นนั้นได้ จะต้องมีข้อบ่งชี้ ต้องมีเหตุผล ตรงนี้สำคัญมากๆ เลยนะครับ เหตุผลที่สำคัญ 2 ประการคือ อันที่หนึ่ง การตั้งครรภ์ต่อไปอาจจะเป็นอันตรายต่อหญิงมารดา ถ้าสมมติเป็นตรงนี้ได้ กฎหมายจะเปิดช่องให้ ถ้าเป็นอันตรายอาจจะทำให้มารดาจะมีเหตุบางอัน เช่น อาจจะมีโรคความดันหรือมีอะไรที่มีอันตรายมากๆ ตรงนั้นก็เป็นได้ หรืออันที่สอง เกิดขึ้นเนื่องจากการตั้งครรภ์เป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญา เช่น ถูกกระทำมิดีมิร้าย อย่างนี้ถ้าเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น ถ้าเป็นเช่นนี้กฎหมายยังเปิดช่องให้ เพราะฉะนั้นจะเอื้ออำนวยให้กับแพทย์เรา สามารถที่จะยุติการตั้งครรภ์ตรงนี้ได้
จินดารัตน์ – อย่างกรณีคุณแจน ถ้าตั้งครรภ์ท้องแก่มากขึ้น สุดท้าย ถ้าสมมติตรวจว่าเด็กไม่ปกติ สามารถตัดสินใจที่จะเอาเด็กออกได้ไหม หรือยังไงค่ะ
รศ.นพ.วิสูตร – ตรงนี้ในทางการแพทย์หรือในทางกฎหมายที่ถูกต้อง หรือชอบด้วยกฎหมายยังไม่เปิดช่องให้ทำ เคยมีเรื่องขึ้นไปถึงการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการเป็นหัดเยอรมัน การที่เป็นหัดเยอรมัน เมื่อแม่เป็นหัดเยอรมัน เด็กจะมีการฟอร์มตัว เจริญพัฒนาของตัวเด็ก คือไม่สมบูรณ์ แขนขาอาจจะมีการพิการ กรณีดังกล่าวนี้มีการตีความในคณะกรรมการกฤษฎีกาไว้เหมือนกันว่า กรณีดังกล่าวนี้ไม่เข้าข่ายที่จะให้แพทย์ได้ยุติการตั้งครรภ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 305 ได้ เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็เป็นอันหนึ่งที่ไม่เปิดช่องให้เราทำ เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็คงลำบากหน่อย เราก็ไม่รู้จะทำยังไง บางครั้งเราก็อยาก จะช่วย เพราะว่าเด็กที่เกิดมาอาจมีความพิการ แต่ว่าในเมื่อกฎหมายยังไม่เปิดช่องให้ก็คงไม่มีแพทย์คนใดที่จะอยากจะทำเช่นนั้น เหมือนกัน เพราะว่าผิดกฎหมายด้วย และผิดมาตรฐานทางวิชาชีพด้วย
จินดารัตน์ – ฟังคำแนะนำของคุณหมอแล้ว สุดท้ายนี้เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา มาถึงวันนี้แล้วอยากจะฝากบอกอะไรคุณผู้ชมทางบ้านไหมค่ะ
แจน – ตรงนี้คืออยากให้ตรวจสอบนิดนึง คิดนิดนึง เพราะคนไทยใช่ไหมค่ะ ยังไงก็ฟังหมอ หมอบอกอะไรคือจะฟัง เชื่อหมด คือต่อไปคงต้องคิดนิดนึง และฝากทางแพทยสภานิดนึงว่า ตรงนี้กฎหมายสำหรับแพทย์ เขาทำงานกับชีวิตคน ให้เขารอบคอบอีกเยอะเลย อย่าเห็นชีวิตคนเป็นเรื่องง่ายๆ ให้เขารอบคอบกว่านี้และก็มีความรับผิดชอบทางวิชาชีพแพทย์ของเขาให้มากกว่านี้
จินดารัตน์ – ชัดเจนค่ะ ขอบพระคุณทั้งสองท่านเป็นอย่างสูงค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณผู้ชมค่ะ กรณีที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเพียงหนึ่งกรณีที่เกิดขึ้นในสังคมไทยที่เราผู้บริโภค ประชาชนคนไทยต้องออกมารักษาสิทธิ์ของตัวเองนะคะ อะไรที่คิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ออกมาเถอะค่ะ ออกมาชูมือขึ้นและเรียกร้องขอความเป็นธรรม นั่นคือสิทธิขั้นพื้นฐานที่เราพึงทำได้ วันพรุ่งนี้รายการคนในข่าว จะมาพูดคุยกันถึงการเรียกร้องสิทธิ สิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนคนไทยมีอะไรบ้าง และเราทำอะไรได้บ้าง กับตัวของเราเอง เพื่อที่จะเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากสังคมค่ะ วันนี้รายการคนในข่าว หมดเวลาแล้ว ลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ