xs
xsm
sm
md
lg

"กองพลทหารราบที่ 15" เดินตามเข็มมุ่งพระราชทาน"เข้าใจ-เข้าถึง-พัฒนา"

เผยแพร่:   โดย: "เซี่ยงเส้าหลง" และทีมข่าวการเมือง

•• เรื่อง กองพลทหารราบที่ 15 ที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่นั้น “เซี่ยงเส้าหลง” บอกไปว่าจะต้องใช้ งบประมาณ 4 ปี รวมทั้งสิ้น 16,770 ล้านบาท โดยแยกเป็นปีแรก 2,670 ล้านบาท, ปีที่สอง 3,715 ล้านบาท, ปีที่สาม 3,306 ล้านบาท และปีที่สี่ 7,078 ล้านบาท นั้นมีผู้อ่านหลายท่านสงสัยว่า เอามาจากไหน เพราะจนบัดนี้ยังไม่เห็น การแถลงข่าวจากภาครัฐ ก็ขอยืนยันอีกครั้งนี่เป็น ตัวเลขกลม ๆ เบื้องต้น ที่สรุปจากรายงานที่ทาง ฝ่ายทหาร เสนอขึ้นมาในการประชุมร่วมและบรรยายสรุปต่อหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ วันที่ 13 มกราคม 2548 และได้เสนอเป็นวาระเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 18 มกราคม 2548 แต่ ถอนออกมาก่อน ในชั้นต้นยังเชื่อกันว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในนัดต่อมา วันที่ 25 มกราคม 2548 แต่ก็ปรากฏว่า ไม่เข้า จึงบอกไปตั้งแต่วันวานแล้วว่ากว่าจะถึงบทสรุปจัดตั้งขึ้นมาจริง ๆ ตัวเลขอาจ ปรับเปลี่ยน ก่อนหน้านี้ สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นสื่อมวลชนคนแรกที่ออกมาพูด ตัวเลขงบประมาณการจัดตั้งกองพลทหารราบที่ 15 นี้ในรายการ เมืองไทยรายสัปดาห์ – วันศุกร์ที่ 21 มกราคม 2548 ประโยคที่พูดในวันนั้นคือ “...กองพลทหารราบที่ 15 ที่คิดจะตั้ง ได้มีการเสนองบประมาณไปแล้วนะครับ 4 ปี 16,000 ล้านบาท ขออัตราใหม่ 9,000 อัตรา เป็นเรื่องที่ต้องมานั่งคุยกันแล้ว ข้อที่หนึ่ง...เราเอาเงินมาจากไหนที่จะทำ ข้อที่สอง...ทำไมต้อง 9,000 อัตรา ข้อที่สามที่สำคัญที่สุด...หลาย ๆ งบประมาณที่ทางรัฐได้จัดลงไปให้ และเม็ดเงินไปถึงแล้ว แต่ของยังไม่ได้ อย่างเช่นเครื่องมือดักจับวัตถุระเบิด หรือกู้ระเบิด ยังไม่มีการสั่งซื้ออะไรเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เรื่องพวกนี้ต้องรีบเร่งกัน.” เพื่อความกระจ่างว่าตัวเลขกลม ๆ ของ งบประมาณ 4 ปี 16,000 – 16,770 ล้านบาท นี้จำแนกแยกแยะรายละเอียดอย่างไรบ้างก็ขอได้โปรดพิจารณาดูใน กราฟฟิคตาราง จะตรงทั้งหมดหรือปรับเปลี่ยนไปจาก ข้อเสนอปรับปรุงล่าสุด ที่นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2548 ณ เวลาที่เขียนงานนี้คือประมาณ 14.00 น. ยังไม่มี คำแถลงรายละเอียดอย่างเป็นทางการ ออกมา

•• ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ ฝ่ายทหาร ว่าตัวเลขที่ว่ามานี้ ไม่สูงเกินไป เพราะเป็น กองพลพิเศษ ที่เน้น งานมวลชน, งานปฏิบัติการจิตวิทยา จึงไม่มีการประกอบกำลังด้วย อาวุธหนัก ภาษาทหารเรียกว่า พล.ร.เบา(พิเศษ) หรือ Light Infantry Division ในส่วนรายละเอียด การประกอบกำลังภายใน จะมีลักษณะอย่างไร โปรดดู รายละเอียด ใน แผนภูมิ ข้างล่างนี้

•• โครงสร้างการประกอบกำลังของ กองพลทหารราบที่ 15 พยายามเดินตาม เข็มมุ่งพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าใจ – เข้าถึง - พัฒนา ให้มากที่สุด

•• โดยในส่วนของ เข้าใจ ก็กำหนดให้ในแต่ละ กองพัน – ที่ประจำอยู่ใน 3 จังหวัด ประกอบไปด้วย หมวดปฏิบัติการจิตวิทยา แต่ละหมวดแบ่งเป็น 4 ชุดปฏิบัติการจิตวิทยา และ 1 ชุดวิทยุเคลื่อนที่ ขณะที่ในส่วนของ กองพล ยังมี กองร้อยรณรงค์ปฏิบัติการจิตวิทยา อีกต่างหาก

•• ในส่วนของ เข้าถึง กำหนดให้ในแต่ละ กองพัน – ที่ประจำอยู่ใน 3 จังหวัด ประกอบไปด้วย 2 กองร้อยอาวุธเบา เพื่อ รักษาความปลอดภัย เป็นหลัก

•• และในส่วนของ พัฒนา ก็กำหนดให้ในแต่ละ กองพัน – ที่ประจำอยู่ใน 3 จังหวัด ประกอบไปด้วย กองร้อยทหารช่าง, หมวดพยาบาล ออกปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชน

•• อัตรากำลังพลของ กองพลทหารราบที่ 15 ที่ว่ามีรวมทั้งสิ้น 12,045 อัตรา โดยแยกเป็น นายทหาร 893 นาย, นายสิบ 5,855 นาย และ พลทหาร 5,297 นาย จากฐานข้อมูลเดิมเมื่อ วันที่ 13 มกราคม 2548 ที่มีคำถามเข้ามามากว่าเป็น อัตราเดิม หรือ อัตราเพิ่มใหม่ นั้นทราบมาว่าเป็น อัตราเพิ่มใหม่ ขึ้นมาจาก อัตราเดิม ของ กองพลทหารราบที่ 16 ซึ่งจะได้รับการใช้เป็น ฐานในการจัดตั้งและแปรสภาพหน่วย ที่มีอัตราอนุมัติอยู่แล้ว 1,742 อัตรา (แยกเป็น นายทหาร 181 นาย, นายสิบ 687 นาย และ พลทหาร 874 นาย) สรุปได้ว่าเป็น อัตราเพิ่มใหม่ รวมทั้งสิ้น 10,303 อัตรา โดยแยกเป็น นายทหาร 712 นาย, นายสิบ 5,168 นาย และ พลทหาร 4,423 นาย กำลังพลทั้งหมดที่ว่านี้จะแยกกันอยู่ใน จังหวัดยะลา, จังหวัดนราธิวาส และ จังหวัดปัตตานี โดยแต่ละจังหวัดจะตั้งมั่นไว้ด้วย 1 กรมทหารราบ + 1 กองพันทหารราบเบา พูดไปแล้วก็ไม่ต่างจากรูปแบบ เมืองทหาร เพราะในรายงานเสนอต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นฝ่ายทหารก็ใช้คำว่า “...จะเป็นฐานในการสร้างชุมชนเมืองที่มีทหารเป็นแกนกลางในการเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ รวมทั้งขยายเป็นศูนย์กลางของความเจริญ ให้มีความทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน.” ช่วงนี้ก็คงเริ่มต้นเล็ง พื้นที่หมายตา ไว้สำหรับ การเริ่มต้นก่อสร้างกองบัญชาการหน่วยต่าง ๆ กันบ้างแล้ว “เซี่ยงเส้าหลง” เห็นแนวทางเช่นนี้แล้วก็ได้แต่เฝ้ารอว่า ใคร จะเข้ามา รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงในคณะรัฐมนตรี เพราะจะมี ภารกิจสำคัญ ตลอดระยะเวลา 4 ปี จะเป็นคนเดิมคนล่าสุด พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันต์ หรือจะย้อนกลับไปใช้คนเดิมคนก่อน พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา หรือจำเป็นแล้วที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะต้องลงมา ควบตำแหน่ง อีกไม่นานคงได้รู้กัน

•• ถึงตรงนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” ก็ได้แต่หวังว่า กองพลทหารราบที่ 15 ที่ ณ นาทีนี้ จัดตั้งแน่นอนแล้ว โดยจะเป็นรูปเป็นร่าง ภายใน 6 เดือน และจะเต็มรูป ภายใน 4 ปี จะไม่กลายสภาพไปเป็น กองพลทหารพัฒนาทั่ว ๆ ไป เพราะถ้าอย่างนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจะ ไม่เป็นผลเท่าที่ควร นะ

•• นอกจาก กระทรวงศึกษาธิการ จะเป็น จุดโฟกัส แล้ว “เซี่ยงเส้าหลง” ขอบอกว่า กระทรวงกลาโหม นับจากนี้ไปก็จะ สำคัญยิ่ง เพราะมีงานสำคัญบางประการที่ ล่าช้าเกินกำหนด ไปแล้วพอสมควร ทัศนคติของเจ้ากระทรวงคนใหม่ จึงไม่อาจมองข้าม

•• อย่าลืมว่า การปฏิรูประบบราชการขั้นต้น ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อ วันที่ 3 ตุลาคม 2545 โดยผลแห่ง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 และ พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม พ.ศ. 2545 นั้น ยกเว้น ไว้สำหรับ กระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวงกลาโหม ตามความใน มาตรา 8 ที่ระบุไว้ว่า “...การจัดระเบียบราชการในกระทรวงหนึ่ง ๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ส่วนในกระทรวงที่เกี่ยวกับทหารและการศึกษา ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น.” คือให้ตราเป็น กฎหมายเฉพาะ กระทรวงศึกษาธิการนั้น เสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อ วันที่ 7 กรกฎาคม 2546 โดยผลแห่ง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 ที่จัดโครงสร้างใหม่เป็นที่รู้กันในภาษาชาวบ้านว่า แบ่งเป็น 5 แท่ง แต่ในส่วนของกระทรวงกลาโหมที่ตามกำหนดจะต้องแล้วเสร็จ ภายใน 2 ปี ตามที่บังคับไว้ใน มาตรา 55 บทเฉพาะกาล แห่ง พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม พ.ศ. 2545 ที่ระบุไว้ชัดเจนอย่างยิ่งว่า “...ภายใน 2 ปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้รัฐบาลเสนอกฎหมายปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ให้สอดรับกับภารกิจของทหารตามรัฐธรรมนูญ.” ซึ่งคำนวณคร่าว ๆ ก็จะตกประมาณภายใน วันที่ 3 ตุลาคม 2547 นั้นบัดนี้ เกินกำหนดมาแล้ว 4 เดือน แต่เท่าที่ติดตามข่าวสารอยู่ตลอดแม้จะมี ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. ..... เสนอเข้าสู่การพิจารณาของ สภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ดูเหมือน เสนอเพื่อทำตามกรอบบังคับของกฎหมาย ที่ระบุให้ “...เสนอ.” มากกว่าที่จะ หวังผล ให้ “...ผ่าน.” เพราะเปิดอ่านดูโดยสังเขปแล้ว ขาดจิตวิญญาณ และเท่าที่ติดตามการปรึกษาหารือกันใน ฝ่ายทหาร ก็ดูจะเป็นไปในรูป ต้องการคงรูปแบบเดิมไว้ให้มากที่สุด รัฐบาลใหม่จะต้อง เร่งรัดอย่างจริงจัง อย่าทำเป็นเล่นไป “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าดีไม่ดีอาจถูกกล่าวหาได้ว่า เจตนากระทำการขัดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 นะ

•• อย่าประมาทและดูเบา ข้อหากระทำการขัดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 วันนี้ ขาขึ้น และ ครอบครองเสียงเด็ดขาดในสภา แต่เมื่อถึง ขาลง เมื่อไรก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่ ข่าวร้ายมักจะไม่มาเรื่องเดียว หลายฝ่ายจับจ้อง รอจังหวะ อยู่ บางช่องทาง นั้นไม่จำเป็นต้องใช้ เสียงข้างมากในรัฐสภา เลย ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน กำลังเป็น ตัวอย่าง อยู่

•• นอกจากเรื่อง ปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงกลาโหม แล้วก็ยังมีประเด็น ปรับปรุงโครงสร้างงานด้านความมั่นคงของประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 1 เมษายน 2546 ที่ยัง ไปไม่ถึงไหน แต่ก็เริ่มมีบางฝ่ายบางคนเริ่มเสนอรูปแบบ กระทรวงความมั่นคงภายใน ทำนอง Department of Homeland Security ของ สหรัฐอเมริกา ขึ้นมา

•• ตบท้ายวันนี้ด้วยรายการ หนังสือต้องอ่าน ของ สุรชาติ บำรุงสุข ใครที่อยากทำความเข้าใจปัญหาวิกฤตใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และแนวทางแก้ไขที่ควรจะเป็น พลาดไม่ได้ ขอบอก....

ทุกอย่างเรื่อง 3 จังหวัดภาคใต้ – ถ้าจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาวิกฤต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยหนังสือสักเล่มหนึ่ง ขอแนะนำเล่มนี้ “วิกฤติใต้ – สู้ด้วยยุทธศาสตร์และปัญญา” ของนักวิชาการที่เชี่ยวกรากด้านงานความมั่นคง “ดร.สุรชาติ บำรุงสุข” อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เจียดเวลาเข้าไปนั่งในทำเนียบรัฐบาล ณ ตำแหน่ง “ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิด้านความมั่นคงของนายกรัฐมนตรี” ทำงานประสานกับพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี มีส่วนรู้เห็นปัญหาต่าง ๆ และเสนองานนับร้อย ๆ ชิ้นถึงนายกรัฐมนตรีในรอบ 2 ปีมานี้ แนวคิดการปรับโครงสร้างองค์กรนำในการดับไฟใต้ส่วนหนึ่งเชื่อกันว่ามาจากเค้าโครงความคิดบางส่วนของเขา แต่จะสำเร็จหรือไม่ บางทีบทสรุปอาจจะอยู่ที่คำของ Dennis Duncanson ที่กล่าวไว้ในหนังสือ “Government & Revolution in Vietnam” ที่ผู้เขียนนำมาลงไว้ที่ปกหลังว่า “...สิ่งสำคัญอย่างมากในความสำเร็จของการต่อต้านการก่อความไม่สงบก็คือ ข้าราชการที่ซื่อสัตย์ และมีความสามารถ โดยปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายใต้กฎหมาย.” หนังสือเล่มนี้หนาถึง 416 หน้า ราคาเพียง 210 บาท หาซื้อได้ตามร้านหนังสือใหญ่ ๆ ทั่วไป หรือติดต่อสอบถามได้ที่ “อนิเมท กรุ๊ป” โทรศัพท์ 0-2476-6341, 0-2476-5388 และ 0-2878-9953 ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น