xs
xsm
sm
md
lg

กรรมเก่าปชป.เคย"ปลุกกระแส"ทำลายคู่แข่ง!?

เผยแพร่:   โดย: "เซี่ยงเส้าหลง" และทีมข่าวการเมือง


•• สุดแสนจะ คลาสสิก จริง ๆ สำหรับการ์ตูนฝีมือ บัญชา/คามิน เมื่อวานนี้ใน ผู้จัดการรายวัน คนรุ่นหลังที่ไม่มีพื้นฐานประวัติศาสตร์การเมืองไทยอาจจะ งง ขออนุญาตให้ “เซี่ยงเส้าหลง” นำมาลงอีกครั้งหนึ่งและขยายความสักนิดหนึ่งเถอะว่าเป็นการจำลอง ภาพเหตุการณ์เมื่อปี 2489 ที่มี ไอ้โม่ง – ปรปักษ์ทางการเมืองของท่านปรีดี พนมยงค์ เข้าไปปล่อยข่าวสร้างกระแสด้วย การตะโกน ใน โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง ว่า “...ปรีดีฆ่าในหลวง.” เพื่อโยงให้ประชาชนหลงเชื่อว่ารัฐบุรุษอาวุโสมันสมองของคณะราษฎรท่านนี้มีส่วนเกี่ยวข้องใน กรณีสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 8 เมื่อ วันที่ 9 มิถุนายน 2489 กระบวนการสร้างกระแสความเชื่อที่ผิด ๆ เช่นนั้นดำเนินไป อย่างเป็นระบบ นอกจากจะมีผลให้สุภาพบุรุษทางการเมืองอย่างท่านต้อง ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากเพิ่งได้รับแต่งตั้งเมื่อ วันที่ 8 มิถุนายน 2489 แล้ว เดินทางไปต่างประเทศชั่วระยะเวลาหนึ่ง แล้วยังเป็นผลต่อเนื่องให้เกิด รัฐประหาร 8 พฤศจิกายน 2490 ที่ตามมาด้วย การไล่ล่าสังหารกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนท่านปรีดี พนมยงค์ ชนิดที่แม้กระทั่งตัวท่านก็ แทบเอาชีวิตไม่รอด แน่นอนว่าไม่มีใครยอมรับว่าเป็น ผู้อยู่เบื้องหลังการตะโกนปล่อยข่าวในโรงภาพยนตร์ รู้แต่เพียงว่า พรรคประชาธิ ปัตย์ หันมาร่วมมือกับ คณะทหาร และหัวหน้าได้ขึ้นเป็น นายกรัฐมนตรีขัดตาทัพ อยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนที่คณะทหารจะ เชิญออกจากตำแหน่งไป แล้ว ขึ้นเถลิงอำนาจเอง อันถือเป็น จุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งสำคัญ ของบ้านนี้เมืองนี้ กรรมเก่า จะย้อนมาสนอง พรรคประชาธิปัตย์ ดังจินตนาการของ บัญชา/คามิน หรือไม่ “เซี่ยงเส้าหลง” ว่ามีแต่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เท่านั้นที่จะ รู้ชัด เพราะถึงอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องยืนกระต่ายสามขาว่า ไม่รู้ไม่เห็น กับการสั่งพิมพ์ สติ๊กเกอร์พระราชดำรัส ที่ถูกจับได้ที่บริเวณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์เขตคลองเตย งานนี้ก็หนักหน้า ก.ก.ต. อีกเช่นเคยเพราะถ้าวินิจฉัยออกมาว่าเป็นการกระทำโดยที่ ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรู้เห็น นั้น โทษหนัก ถึงขั้น ยุบพรรค ทีเดียวเชียวแหละ

•• ที่สำคัญก็คืองานนี้ เสียท่า ปล่อยให้มีการบันทึกเทปเสียงสนทนา แนวทางการแก้เกม แสดงให้เห็นว่า เกลือเป็นหนอน แล้ว

•• จริงอยู่ การเผยแพร่พระราชดำรัส นั้นแม้จะ ไม่ผิด แต่นี่เป็นประเด็นที่ ละเอียดอ่อน การกระทำที่มีแนวโน้มส่อไปในทาง เพื่อประโยชน์ในการต่อสู้ทางการเมือง นั้นจะผิดหรือไม่ผิดไม่สำคัญเท่ากับว่า ไม่เหมาะสม, ไม่สมควรกระทำ เป็น มุกเก่า, มุกเดิม ที่พูดตามตรงว่าฝ่ายตรงกันข้ามเขา จับทางได้แล้ว จึงไม่ยากที่เขาจะ ย้อนรอย เอาอย่าง เจ็บปวด เช่นครั้งนี้

•• เพราะก่อนหน้านี้ตั้งแต่ ปลายปี 2544 โดยเฉพาะช่วง ต้นปี 2545 บรรดาพันธมิตรปรปักษ์ทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่รู้ตัวดีหากจะ โค่มล้ม คน ๆ นี้ลงได้ เร็ว, เบ็ดเสร็จ มีอยู่ทางเดียวเท่านั้นคือหันไปใช้ ยุทธการดั้งเดิม ที่เคยกระทำต่อ ท่านปรีดี พนมยงค์ เมื่อครั้ง ปี 2489 - 2490 ด้วยกระบวนการปล่อยข่าวแพร่ข่าวสร้างภาพให้คน ๆ นี้เป็น บุคคลผู้มักใหญ่ใฝ่สูงเกินศักดิ์ – เห่อเหิมไม่เจียมตน โดยพัฒนารูปแบบวิธีการขึ้นจากระดับ การตะโกนในโรงภาพยนตร์ มาเป็นการใช้ สื่อมวลชน รวมทั้ง สื่อมวลชนต่างประเทศ คำว่า “...ระวังจะไม่มีแผ่นดินอยู่.” นั้นออกจากปากหนึ่งในคนกลุ่มนี้ตั้งแต่ช่วง กุมภาพันธ์ - มีนาคม 2545 หลังจาก พลิกเกม จาก รับ ขึ้นมา ยัน ได้ในระดับหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บอกเล่าความในใจของเขาออกมาในการให้สัมภาษณ์ ไมเคิล วิติคิโอติส, รอดนีย์ ทาสเกอร์ แห่ง ฟาร์อีสเทิร์นอีคอนอมิกรีวิว ในบทความเรื่อง Prickly Premier ตีพิมพ์ในฉบับลง วันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 2002 ประโยคตรงไปตรงมามีว่า “...มีบางคนพยายามทำให้ผมปะทะทางอุดม การณ์กับประชาชน โดยอาศัยสถาบันพระมหากษัตริย์ นั่นเลวร้ายอย่างมาก ผมทุ่มเททั้งหัวใจให้กับพระมหากษัตริย์และประเทศไทย พวกนั้นไม่สามารถโค่นผมโดยอาศัยระบบรัฐสภาได้ เพราะประชา ชนให้ฉันทานุมัติผมมา และเพราะความเข้มแข็งในการเป็นผู้นำของผม.” (ภาษาเดิมจากต้นฉบับก็คือ “Someone is trying to make me clash ideologically with the people through the monarchy. That is very bad. I am wholeheartedly for the king and Thailand.” และ “They can’t topple me using the parliamentary system. They can’t do it, because of the people’s mandate and my strong leadership.” ) ในเดือนเดียวกันนั้นเองระหว่างการประชุมใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าพรรคในขณะนั้นคือ ชวน หลีกภัย ก็เอ่ยวาจาทำนองว่ารัฐบาลชุดนี้ “...กำลังบริหารประเทศด้วยระบบกึ่งประธานาธิบดี.” เรื่องนี้ที่ “เซี่ยงเส้าหลง” กล่าวว่าเป็น มุกเก่า, มุกเดิม ไม่เฉพาะพิจารณาในกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมาเท่านั้นหากลองไปอ่านประวัติศาสตร์ดูเถิด อดีตผู้นำไร้แผ่นดิน ไม่ว่า ท่านปรีดี พนมยงค์, จอมพลป. พิบูลสงคราม, จอมพลถนอม กิตติขจร, จอมพลประภาส จารุเสถียร และ พันเอกณรงค์ กิตติขจร ล้วนพ่ายแพ้ต่อ วิชามาร ลักษณะนี้มาทั้งสิ้น

•• จุดเปลี่ยนของสถานการณ์เมื่อ 3 ปีก่อนเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 5 พฤษภาคม 2545 เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าวิเศษ โดยพระบรมราชวินิจฉัยส่วนพระองค์ อันถือเป็น มงคลสูงสุด คุ้มหัว ดับข่าวลือ-ข่าวปล่อย ไปได้ชั่วคราว

•• แต่ “เซี่ยงเส้าหลง” ก็ขอ ท้วง, ติง มายัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยเช่นกันว่าไม่ควร ฉวยโอกาสรุกไล่ปรปักษ์ทางการเมือง ด้วย มุกเก่า, มุกเดิม หรือนัยหนึ่ง มุกเดียวกัน เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ตัวท่านก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขา ของพรรค์นี้ ปล่อยให้ประชาชนใช้วิจารณญาณ อย่าไป เร่งเกม เลย

•• เรื่อง พระราชดำรัส ไม่ว่าองค์ใดก็ตาม “เซี่ยงเส้าหลง” เห็นว่า ศักดิ์สิทธิ์ ไม่จำเป็นต้อง เร่ง ไม่จำเป็นต้อง ขยายความ, กล่าวอ้าง ให้ดู มากเกินไป, ผิดธรรมชาติ อีกไม่ช้าไม่นานก็จะ เป็นที่ประจักษ์ เอง

•• โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระราชดำรัสองค์วันที่ 8 ตุลาคม 2546 ที่ จับใจพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ ที่เผยแพร่ครั้งแรกผ่าน ข่าวในพระราชสำนัก เมื่อ วันที่ 9 ตุลาคม 2546 ทรงรับสั่งว่าพระองค์เป็น พระราชาซีอีโอ ที่ ไม่มีวันเกษียณ ทรงปฏิบัติภารกิจมาตั้งแต่ ปี 2496 โดยเริ่มโครงการตามพระราชดำริแห่งแรกที่ เขาเต่า -- ประจวบคีรีขันธ์ พระองค์ทรงชี้แนะว่า หน้าที่ ของ ผู้ว่าฯซีอีโอ ไม่เหมือน ซีอีโอบริษัท เพราะ ไม่ต้องทำเงินให้บริษัท แต่จะต้อง สร้างความเจริญให้ประชาชนในพื้นที่ คือ ให้ประชาชนมีความสามารถที่จะทำมาหากินได้ หรือพูดง่าย ๆ คือ ทำให้ประชาชนรวย – ไม่ใช่ทำให้ตัวเองรวย จากนั้นพระองค์ ทรงเตือน ว่าที่ใคร ๆ ว่า เศรษฐกิจกำลังขึ้น นั้นที่ ขึ้นตาม ไปด้วยคือ การทุจริต พระองค์ท่านทรงเน้นย้ำให้ทุกคนเน้น การประสานงาน - อย่าประสานงา อีกทั้ง ทรงสั่งห้ามทุจริตเด็ดขาด โดย ทรงแช่งผู้ทุจริต ไว้ด้วย “...ท่านต้องห้ามไม่ให้มีการทุจริตขึ้น แล้วท่านจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดซีอีโอที่มีประสิทธิภาพ ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียวก็ขอแช่ง แช่งให้มีอันเป็น พูดอย่างนี้หยาบคาย แต่ว่าขอให้มีอันเป็นไป ถ้าไม่ทุจริต สุจริต และมีความตั้งใจในธรรม ขอให้ต่ออายุได้ถึงร้อยปี หรือถ้าอายุมากแล้วก็แข็งแรง ประเทศไทยจะรอดพ้นอันตรายอย่างมาก.” ย้ำอีกครั้งหนึ่ง ณ ที่นี้ว่า “...ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียวก็ขอแช่ง แช่งให้มีอันเป็น.” นี่คือพระราชดำรัสองค์ที่จะ มีผลอย่างยิ่งต่อผู้คอร์รัปชั่นในทุกลักษณะ เพราะถือเป็น ครั้งแรกในรัชกาลปัจจุบัน ที่ ทรงสาปแช่งผู้ทุจริตให้เป็นที่ปรากฏต่อผู้คนทั้งแผ่นดิน เราในฐานะคนไทยที่อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารพระมหากษัตริยาธิราชมาแต่บรรพบุรุษจะต้องไม่ลืม คตินิยม ที่ว่า พระมหากษัตริย์คือสมมติเทวราช มี พระวาจา เป็น สัตย์ และเป็น สิทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ พระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม เยี่ยง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน พระองค์นี้

•• ที่ว่า พระวาจา เป็น สัตย์ ก็มาจาก คตินิยม ที่ว่า “...เป็นกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ.” ส่วนที่ว่า พระวาจา เป็น สิทธิ์ ก็คือ ศักดิ์สิทธิ์ ที่มาจาก คตินิยม ที่เชื่อว่า “...พระมหากษัตริย์ตรัสประการใดแล้ว ย่อมให้ผลบังเกิดประการนั้น.” เป็น ปาฏิหาริย์ ที่เกิดขึ้นจาก พระราชอำนาจ, ผลแห่งการปฏิบัติธรรมของพระองค์ และ อำนาจแห่งเทพยดาอารักษ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในขอบขัณฑเสมาที่พร้อมบันดาลทุกสิ่งให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ ประกอบกัน

•• การเมืองที่เป็น สารัตถะ วันนี้เห็นทีจะต้องเชื่อมั่นใน สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เสียแล้ว

•• การเมืองเรื่องการเลือกตั้งเต็มไปด้วย ตัวแปร เพราะแต่ละพรรคการเมืองเน้นที่ จำนวน หลายครั้งหลายคราก็เลย หย่อนยานในการตรวจสอบที่มาที่ไป ในกรณีของ พรรคประชาธิปัตย์ เราได้เห็นแล้วว่า ถนอม อ่อนเกตุพล นั้นก็ ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข เขาคนนี้เป็นเพียงคนที่ สนใจการเมือง, มีความตั้งใจจริง และ พอมีชื่อเสียงจากการจัดรายการวิทยุ แต่ก่อนหน้านี้ในการเลือกตั้งครั้งเมื่อ 4 ปีก่อนก็เกือบ ๆ จะลงสมัครมาแล้วในนาม พรรคประชากรไทย ล่าสุดในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก็เป็นหนึ่งใน คณะทำงาน ของ ปวีณา หงสกุล ที่แม้จะพะยี่ห้อ อิสระ แต่ก็สัมผัสใกล้ชิดกับ พรรคไทยรักไทย เมื่อเขามาสมัครในนาม พรรคประชาธิปัตย์ ในขณะที่คนที่เขาเคยสนับสนุนไปอยู่ทาง พรรคไทยรักไทย ผู้คนที่เคย รู้จักกัน, ใช้ร่วมกัน จึงมีโอกาสสูงที่จะ พาดพันกัน และคู่แข่งขันของเขาในเขตนี้ น.ต.ศิธา ทิวารี ก็ รู้ดี จึงไม่ใช่เรื่องของ สปายสายลับ หรือ ล่อซื้อ ในอีกทางหนึ่งเราก็จะเห็นจุดอ่อนปรากฏขึ้นกับ พรรคไทยรักไทย ในกรณีของ การุณ โหสกุล ที่มีแนวโน้มจะ ขาดคุณสมบัติ เพราะมีแนวโน้มว่าจะ ถูกเพิกถอนปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยสุโข ทัยธรรมาธิราช ข้อเท็จจริงก็ปรากฏชัดว่าเขาคนนี้ ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแต่ กว้างขวาง, คะแนนนิยมดี (และ ตีตั๋วผ่านเข้าพรรคทางคนบางคนในราคาผู้ใหญ่) ตราบใดที่หลักเกณฑ์การคัดคนลงสมัครยังวัดกันด้วย คะแนนนิยม, โอกาสที่จะได้รับเลือก เรื่องราวทำนองนี้จึงจะยัง มีอีก เสมอ ๆ

•• กรณี การุณ โหสกุล นั้นไม่รู้ว่างานนี้ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในฐานะ แม่ทัพกทม. จะ เอาหน้าไปไว้ที่ไหน ยิ่งมีข่าวลือว่า คนใกล้ตัวคนบางคน นั้นคือคนที่ เก็บค่าตั๋วผ่านเข้าพรรคไทยรักไทย ไว้

•• ตรวจสอบให้ดีเถอะ “เซี่ยงเส้าหลง” ได้ยินมาว่า โรงเรียนเทคนิคธุรกิจบัณฑิต ที่ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 50/10 ถนนกะโรม ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช นั้นเป็นโรงเรียนที่ นักการเมือง, ชนชั้นนำหลายคน แอบไปเรียนจนได้ ประกาศนียบัตรชั้นวิชาชีพ ก่อนมาศึกษาต่อในชั้น ปริญญาตรี ไม่ใช่เฉพาะ การุณ โหสกุล คนเดียวหรอก

•• ถ้า พรรคไทยรักไทย จะได้เลือกเข้ามา 300 เสียง หรือ 320 – 350 เสียง ก็ไม่ควรไป ขวาง ด้วย วิธีการนอกระบบ ปล่อยให้เขาได้ไปเถิด “เซี่ยงเส้าหลง” ว่า เทอมที่ 2 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะ ไม่ง่าย หากได้ที่นั่งเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้วจะทำให้ กล้าผลักดันในนโยบายที่ทำไม่สำเร็จในเทอมที่ 1 เช่น แปรรูปกฟผ., กระชับฐานที่มั่นทางธุรกิจ และ ฯลฯ ก็เป็นเรื่องที่จะต้องเผชิญหน้า ของจริง ใน สงครามทุน เอง ทุนเก่า จะตั้งขบวนรับอย่างไรก็ควรปล่อยให้พวกเขา เล่นเอง, ออกหน้าก่อน ไม่ใช่ ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ แล้ว รอฉกฉวยผลในบั้นปลาย เหมือนที่เคยเป็น ๆ มา

•• เคยเขียนไปในลักษณะ เล่าเรื่อง ประวัติศาสตร์การเมืองไทย 4 ปีที่ผ่านมาแล้วว่าล้วนเป็นส่วนหนึ่งของ สงครามทุนขั้นแตกหัก ระหว่าง ทุนใหม่ กับ ทุนเก่า แต่ในสงครามครั้งนี้ทั้ง 2 ฟากฝ่ายต่างก็ อ้างอิงประชาชน, ดึงประชาชนเป็นพวก ความเห็นของ “เซี่ยงเส้าหลง” ที่เสนอไปก็คือ “....ในท่ามกลางสมรภูมิที่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างชู ประชาชน แต่พูดก็พูดเถอะ ประชาชนเป็นนามธรรมที่ยากจะจับต้องเป็นรูปธรรม ต้องจำแนกลงไปว่าเป็นกลุ่มทุน, ชนชั้นกลาง หรือชนชั้นรากหญ้า เป็นเรื่องที่ต้องวิเคราะห์กันให้ดี มิเช่นนั้นจะตกหลุมพรางทางวาทกรรมได้.” ขอยืนยันอีกครั้งว่า ประชาชน น่าจะเฝ้า ชมเรื่องราว ในฐานะ ประจักษ์พยานของการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย หากคิดจะ กระโดดเข้าร่วมวง ควร ศึกษา, พิจารณา ให้ดี

•• ในกรณี นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์ ออกมาเสนอ ยุทธศาสตร์หมากัดกัน นั้น “เซี่ยงเส้าหลง” ออกจะ เห็นด้วย แต่ไม่ได้เห็นด้วยในเรื่องของ การเลือกตั้ง หากแต่เห็นด้วยใน บริบทภาพรวมของสงครามทุน ในส่วนของการเลือกตั้งนั้นไม่เสียหายอะไรที่จะ เลือกพรรคไทยรักไทย เลือกให้ได้ 350 – 400 เสียง เลย ยิ่งดี จะได้ทำให้พวกเขามั่นใจยิ่งขึ้นในการเผชิญหน้ากับ ทุนเก่า, อำนาจเก่า เป็นเรื่องของประชาชนที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรมากมายนักจะได้ ชั่งน้ำหนักผลประโยชน์ ที่ทั้ง 2 ฟากฝ่ายจะ เสนอ ใน ระยะแตกหักของสงครามทุน ไม่ใช่ออกหน้าออกตาไป เลือกข้าง ให้ฟากฝ่ายใดฟากฝ่ายหนึ่ง เหยียบศพประชาชนขึ้นไปเสวยอำนาจ เหมือนที่เคยเป็น ๆ มา

•• จบเรื่อง อิทธิพลของดาวเสาร์ ไป พล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์ ส่งผลการศึกษาเรื่อง ดาวพฤหัสบดีเสื่อม – บ้านเมืองอาเพศ เข้ามาให้ “เซี่ยงเส้าหลง” พรุ่งนี้ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2547 จะเผยแพร่ ณ ที่นี้

•• สถานการณ์ในเชิง โหราศาสตร์ ที่อยู่ในช่วง ราหูทับดวงเมือง และ พฤหัสโคจรอยู่ในราศีกันย์ จะมีผลกระทบต่อ เมือง และต่อ บุคคลที่มีลัคนาสถิตอยู่ในราศีกันย์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็น ผู้นำคนไหน เพราะโดยปกติท่านเหล่านี้มักจะ ปกปิดดวงจริง ไว้

•• ในทางโหราศาสตร์ที่นักการเมืองล้วนรับฟังกันเคร่งครัดเป็นส่วนใหญ่นั้นบอกว่า ผู้นำคนไหน ที่มี ลัคนาสถิตอยู่ในราศีกันย์ สมควร ระวัง, ตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท เพราะตามตำราแต่โบราณนั้นว่าไว้ว่า ประสบโชคเคราะห์ ถึงระดับ พลัดที่นาคาที่อยู่, พลัดพรากจากลูกเมีย หรือว่ากันถึงขนาดว่า แม้เป็นพระก็ถึงขนาดต้องสึก เรื่องนี้ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี ท่านได้แปล คัมภีร์จักรทีปนีจร ของ พระอุตตมรามเถร และรจนาเป็นฉันทลักษณ์ที่ไพเราะเพราะพริ้งจัดได้ว่าเป็น ตำราครูของโหรไทย ท่านพรรณนายามที่ พฤหัสโคจรเข้าทับลัคน์ ไว้ดั่งนี้ “...พฤหัสดลจักร ปะทะลัคนมี / ทุรโทษธิบดี และพยาธิ์จุฬภัย / ผิว์สังฆวรา ก็จะลาคณะไป / บ่มิแม้นดุจจะไข ก็จะผิดคติครู.” จะเชื่อหรือไม่สุดแท้แต่อัธยาศัย ผู้นำในอดีต คนสำคัญที่เผชิญสถานการณ์ พฤหัสโคจรเข้าทับลัคน์ ขณะนั่งอยู่บนบัลลังก์ นายกรัฐมนตรี มาแล้วก็ได้แก่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผลกระทบก็แค่เบาะ ๆ แค่ สูญเสียตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เท่านั้นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น