ครม.มีมติให้ย้ายอธิบดีกรมอุตุฯให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ โดยให้ไปช่วยงาน"สมิทธ ธรรมสโรช"ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ
วันนี้ (4ม.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจักรภพ เพ็ญแข โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่าได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 6/2548เรื่องให้ข้าราชการมาปฏิบัติราชการ สำนักนายกรัฐมนตรีอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(4)แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534นายกฯออกคำสั่งต่อไปนี้ ให้นายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงษ์อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรีมีกำหนดเวลา 6 เดือน หรือจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งก่อนครบกำหนดโดยให้ได้รับเงินเดือนตามสังกัดเดิมไปพลางก่อนให้มีผลนับตั้งแต่วันนี้(4ม.ค.48) เป็นต้นไป
“ความหมายก็คือไม่ได้มีการย้าย อธิบดีกรมอุตุฯแต่เป็นการให้อธิบดีมาทำหน้าที่ทางสำนักนายกฯความแตกต่างอยู่ที่ว่า จะไม่มีการตั้งอธิบดีคนใหม่เป็นเพียงว่า ตั้งรักษาการอธิบดีกรมอุตุฯในระหว่างนี้ไปพลางก่อนจนกว่าอธิบดีศุภฤกษ์จะกลับไปหรือว่ามีการแต่งตั้งตนใหม่อย่างใดอย่างหนึ่ง”นายจักรภพกล่าว
นายจักรภพ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ครม.ยังมีมติแต่งตั้งนายสมิทธ์ ธรรมสโรชอดีตอธิบดีกรมอุตุฯและอดีตอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขอดีตรองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนัก นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ทางด้านสำนักนายกฯให้มีหน้าที่ดูแลพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าโดยเฉพาะจากปัญหานี้รวมไปถึงปัญหาอื่น ๆตามที่กรรมการจะขยายขอบเขตออกไป
ทั้งนี้นายสมิทธ์จะร่วมเดินทางไปประเทศอินโดนีเซียร่วมกับนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รมว.การต่างประเทศเพื่อร่วมประชุมประเทศที่ประสบธรณีพิบัติที่กรุงจาการ์ต้า ในวันที่ 7 ม.ค.นี้ ทั้งนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯได้ตัดสินใจที่จะอยู่ในประเทศเพื่อบริหารจัดการปัญหาภายในเพื่อความชัดเจนต่างๆจึงได้มอบหมายให้นายสุรเกียรติ์เดินทางไปแทน
นายจักรภพชี้เพิ่มเติมถึงสถานภาพของอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาว่าไม่ได้หมายถึงการย้ายอธิบดีกรมอุตุฯเพราะว่าตำแหน่งท่านยังอยู่ที่กรมอุตุฯเพียงแต่เอาตัวมาช่วยงานที่เรียกว่าปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรีหรือว่าช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีทั้งยังไม่ได้มีการตั้งอธิบดีใหม่จึงถือว่าไม่ได้มีการย้ายเพราะมีเหตุผลว่ากรมอุตุฯมีหน้าที่คาดคะเนพยายามพยากรณ์ภัยธรรมชาติต่าง ๆอันเนื่องมาจากดินฟ้าอากาศเพราะฉะนั้นเมื่อมีผู้ช่วยรัฐมนตรีขึ้นดูแลเรื่องระบบเตือนภัยล่วงหน้าซึ่งจะต้องหาองค์ความรู้เกี่ยวกับคลื่นสึนามิเหตุแผ่นดินไหวในทะเล จึงเป็นธรรมชาติที่ต้องมีกรมอุตุฯเข้ามาและเพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นจึงนำตัวบุคคลของกรมนี้เข้ามาทำงานอย่างใกล้ชิดถ้าหากจะลงโทษก็ต้องสั่งย้ายเลย
เมื่อถามถึงการค้นหาข้อเท็จจริงของการทำหน้าที่ในวันที่26 ธ.ค.นั้น โฆษกฯ กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้พูดถึงกันเพียงแต่เมื่อพูดถึงงานที่มีขอบเขตความรับผิดชอบก็ต้องมีการประเมินการทำงานของหน่วยงานเป็นธรรมดาซึ่งกรมอุตุฯ จะต้องถูกประเมินเหมือนกันไม่ได้หมายความว่าทางรัฐบาลตั้งธงไว้ล่วงหน้าว่ากรมอุตุฯต้องผิดพลาดบกพร่องเพราะตรงนี้เป็นภัยพิบัติและประสบการณ์ใหม่ร่วมกัน
"การหาข้อเท็จจริงในประเทศไทยนั้น มีแน่นอนผู้ช่วยรัฐมนตรีคนใหม่จะตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อหาข้อเท็จจริงว่าอะไรเกิดขึ้นและความรับผิดชอบของหน่วยงานไหนเป็นอย่างไรส่วนในรายละเอียดขอให้ถามตัวท่านเอง"นายจักรภพกล่าว
วันนี้ (4ม.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจักรภพ เพ็ญแข โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่าได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 6/2548เรื่องให้ข้าราชการมาปฏิบัติราชการ สำนักนายกรัฐมนตรีอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(4)แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534นายกฯออกคำสั่งต่อไปนี้ ให้นายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงษ์อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรีมีกำหนดเวลา 6 เดือน หรือจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งก่อนครบกำหนดโดยให้ได้รับเงินเดือนตามสังกัดเดิมไปพลางก่อนให้มีผลนับตั้งแต่วันนี้(4ม.ค.48) เป็นต้นไป
“ความหมายก็คือไม่ได้มีการย้าย อธิบดีกรมอุตุฯแต่เป็นการให้อธิบดีมาทำหน้าที่ทางสำนักนายกฯความแตกต่างอยู่ที่ว่า จะไม่มีการตั้งอธิบดีคนใหม่เป็นเพียงว่า ตั้งรักษาการอธิบดีกรมอุตุฯในระหว่างนี้ไปพลางก่อนจนกว่าอธิบดีศุภฤกษ์จะกลับไปหรือว่ามีการแต่งตั้งตนใหม่อย่างใดอย่างหนึ่ง”นายจักรภพกล่าว
นายจักรภพ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ครม.ยังมีมติแต่งตั้งนายสมิทธ์ ธรรมสโรชอดีตอธิบดีกรมอุตุฯและอดีตอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขอดีตรองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนัก นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ทางด้านสำนักนายกฯให้มีหน้าที่ดูแลพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าโดยเฉพาะจากปัญหานี้รวมไปถึงปัญหาอื่น ๆตามที่กรรมการจะขยายขอบเขตออกไป
ทั้งนี้นายสมิทธ์จะร่วมเดินทางไปประเทศอินโดนีเซียร่วมกับนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รมว.การต่างประเทศเพื่อร่วมประชุมประเทศที่ประสบธรณีพิบัติที่กรุงจาการ์ต้า ในวันที่ 7 ม.ค.นี้ ทั้งนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯได้ตัดสินใจที่จะอยู่ในประเทศเพื่อบริหารจัดการปัญหาภายในเพื่อความชัดเจนต่างๆจึงได้มอบหมายให้นายสุรเกียรติ์เดินทางไปแทน
นายจักรภพชี้เพิ่มเติมถึงสถานภาพของอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาว่าไม่ได้หมายถึงการย้ายอธิบดีกรมอุตุฯเพราะว่าตำแหน่งท่านยังอยู่ที่กรมอุตุฯเพียงแต่เอาตัวมาช่วยงานที่เรียกว่าปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรีหรือว่าช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีทั้งยังไม่ได้มีการตั้งอธิบดีใหม่จึงถือว่าไม่ได้มีการย้ายเพราะมีเหตุผลว่ากรมอุตุฯมีหน้าที่คาดคะเนพยายามพยากรณ์ภัยธรรมชาติต่าง ๆอันเนื่องมาจากดินฟ้าอากาศเพราะฉะนั้นเมื่อมีผู้ช่วยรัฐมนตรีขึ้นดูแลเรื่องระบบเตือนภัยล่วงหน้าซึ่งจะต้องหาองค์ความรู้เกี่ยวกับคลื่นสึนามิเหตุแผ่นดินไหวในทะเล จึงเป็นธรรมชาติที่ต้องมีกรมอุตุฯเข้ามาและเพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นจึงนำตัวบุคคลของกรมนี้เข้ามาทำงานอย่างใกล้ชิดถ้าหากจะลงโทษก็ต้องสั่งย้ายเลย
เมื่อถามถึงการค้นหาข้อเท็จจริงของการทำหน้าที่ในวันที่26 ธ.ค.นั้น โฆษกฯ กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้พูดถึงกันเพียงแต่เมื่อพูดถึงงานที่มีขอบเขตความรับผิดชอบก็ต้องมีการประเมินการทำงานของหน่วยงานเป็นธรรมดาซึ่งกรมอุตุฯ จะต้องถูกประเมินเหมือนกันไม่ได้หมายความว่าทางรัฐบาลตั้งธงไว้ล่วงหน้าว่ากรมอุตุฯต้องผิดพลาดบกพร่องเพราะตรงนี้เป็นภัยพิบัติและประสบการณ์ใหม่ร่วมกัน
"การหาข้อเท็จจริงในประเทศไทยนั้น มีแน่นอนผู้ช่วยรัฐมนตรีคนใหม่จะตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อหาข้อเท็จจริงว่าอะไรเกิดขึ้นและความรับผิดชอบของหน่วยงานไหนเป็นอย่างไรส่วนในรายละเอียดขอให้ถามตัวท่านเอง"นายจักรภพกล่าว


