“นายกรัฐมนตรี” เผยผลสอบกรรมการตากใบ ระบุชัด “แม่ทัพภาค 4 -รองแม่ทัพ-ผบ.มณฑลทหารบกที่ 5” ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ “ตากใบ” พร้อมสั่งตั้ง กก.สอบวินัยหลังทิ้งลูกน้องขนย้ายจนมีผู้เสียชีวิต ด้าน “ชัยสิทธ์” เห็นใจทหาร-ต้องรับความผิดที่เกิดขึ้น ขณะที่ “ครป.” กังขา “วงกต-ศิวะ” ไม่เข้าข่าย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หารือร่วมกันระหว่างคณะกรรมการอิสระสอบข้อเท็จจริงกรณีการสลายผู้ชุมนุมเหตุการณ์ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยมีนายพิเชษ สุนทรพิพิธ ประธานคณะกรรมการฯ พล.ต.อ.ดรุณ โสตถิพันธ์ น.พ.วิฑูร แสงสิงห์แก้ว กรรมการฯ นายสุรเกียรติ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ รมว.กลาโหม พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ รอง ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือว่า ได้รับรายงาน และอ่านบทสรุปผู้บริหารเรียบร้อยแล้ว จึงเชิญมาเพื่อให้มั่นใจว่าเราเข้าใจตรงกันในสิ่งที่เขาสรุปมา เพราะความที่เขาไปสอบสวนในรายละเอียด ซึ่งอาจะมีประเด็นปีกย่อยอะไรจะเล่า ซึ่งทางคณะกรรมการฯ ได้เล่าประเด็นปีกย่อยให้ฟังนิดหน่อย และซักซ้อมคำพูดที่ออกมาในบทสรุป เพื่อให้เข้าใจตรงกันว่าสิ่งที่เขาพยายามจะอธิบายให้ฟังมันเป็นอย่างนี้ใช่ไหม ผลสุดท้ายก็เข้าใจตรงกัน ซึ่งอาจจะมีการปรับคำพูดเพื่อให้คนอ่านแล้วเข้าใจทันทีตามที่เขาต้องการจะพูด และไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร หมายความว่าเขาต้องการจะพูดอะไรเราก็ต้องการจะให้ทุกคนได้เข้าใจเหมือนที่เขาอยากจะพูด
เตรียมทำผลสรุป“ตากใบ”ทั้งภาษาไทย-อังกฤษ
“เวิร์ดดิ้งทั้งหมดจะส่งเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 28 ธันวาคมนี้ เพื่อให้ ครม.เห็นชอบ จากนั้นจะมีการทำเอกสารสรุปผลสอบตากใบแจกทั้งฉบับภาษาไทย และภาษาอังกฤษ แต่คงไม่ทำเป็นรูปเล่ม และหลังจากฟังบทสรุปแล้ว ครม.จะมีมติสั่งการประกอบด้วย 3 ขั้นตอนคือ 1.การสอบสวนผู้ที่ถูกพาดพิงว่าอาจจะบกพร่อง 2.ให้ดำเนินการในส่วนที่เป็นคดีอาญาสำหรับกรณีการตาย ซึ่งให้เจ้าหน้าดำเนินการสอบสวนจะต้องดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป 3.เรื่องการเยียวยาที่เหมาะสมถูกต้องหลังพบจุดบกพร่อง ซึ่งการเยียวยาก็ต้องเป็นไปตามความเหมาะสม เพราะการเยียวยาที่ผ่านมานั้นเป็นการเยียวยาเบื้องต้น และเมื่อเยียวยาเบื้องต้นเสร็จก็จะมีการเยียวยาสุดท้าย เช่น บางคนที่มาร่วมชุมนุมอาจจะร้องว่าของหาย หรือบางคนอาจจะบาดเจ็บแต่ไม่เป็นไร ตรงนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำหน้าที่เยียวยารับเรื่องร้องเรียนพิจารณาเป็นรายๆ ไป แทนที่เรื่องจะขึ้นสู่ศาล เว้นแต่ผู้ที่ได้รับการเยียวยาแล้วยังไม่พอใจ คณะกรรมการก็สามารถฟ้องศาลได้อยู่แล้ว เพราะมันมีพื้นฐานของมันอยู่”นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า คณะกรรมการตากใบได้เสนอการลงโทษไว้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กรรมการที่ทำหน้าที่สอบข้อเท็จจริง เขาได้อธิบายข้อเท็จจริงให้ทั้งหมด แต่มันต้องมีการสอบสวนทางวินัยโดยอาศัยข้อเท็จจริงซึ่งได้สรุปมาแล้วจากคณะกรรมการตากใบ ไม่ใช่ไปหาข้อเท็จจริงใหม่ เพราะคณะกรรมการสอบสวนจะสอบสวนจากข้อเท็จจริงที่คณะกรรมการตากใบได้สรุปมา ซึ่งจะเป็นการสอบสวนทางวินัย ไม่ต้องเสียเวลา ส่วนข้อเสนอแนะคณะกรรมการคืออะไรนั้น นายกฯ กล่าวว่า คณะกรรมการได้มีข้อเสนอแนะในการแก้ไขต่อการดำเนินการในครั้งต่อไปว่า จุดบกพร่องในครั้งนี้คืออะไรบ้าง ควรจะแก้ไขอย่างไร และมีหลายๆ อย่างที่เป็นข้อดี เช่น มีหมอคนหนึ่งดูแลทุกคนที่ถึงมือโดยที่ไม่มีใครตายเลยคือ ร.ท.จิรศักดิ์ ซึ่งตั้งใจเป็นหมอทหาร โดยตั้งใจทุ่มเทช่วยเหลือคนไข้อย่างดี ทำให้เห็นว่านี่คือมุมเอื้ออาทรของสังคมไทย และสังคมไทยก็ไม่ใช่เลวร้ายจะไปฆ่าฟันกัน ฉะนั้นคนที่มีปัญหาเรื่องไต ก็ต้องรีบฟอกไตโดยด่วน ซึ่งถ้าหาให้หมดก็ไม่มีใครตายเลย นี่เป็นประเด็นปลีกย่อยที่เห็น
เผย 3 นายทหารต้องผู้รับผิดต่อเหตุ“ตากใบ”
ส่วนปัญหาที่คนสงสัยเรื่องการขนย้ายกลุ่มผู้ชุมนุม จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 78 ศพนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า อันนี้เป็นข้อบกพร่องของระดับผู้บังคับบัญชาที่ไม่ดูการขนย้ายจนจบสิ้น โดยปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาระดับล่าง ซึ่งมีวิจารณญาณค่อนข้างต่ำกว่าทำงาน โดยเขาเขียนสิ่งแวดล้อมในขณะนั้นว่าฝนตกหนัก ระยะเวลาก็ดึกแล้ว และเรื่องรถความจริงแล้วพอ เพราะขนย้ายกันตอนต้นไปกันน้อย ก็เลยไปอัดกันตอนท้าย ประกอบกับความกลัวเมื่อเขาได้ไปสอบถามทหารพรานที่ทำหน้าที่แล้วทราบว่าเขามีอยู่ 4 คน ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมมี 50 ถึง 60 คน เขาก็กลัว ซึ่งก็มีรายละเอียดพอสมควรในปลีกย่อย
เมื่อถามต่อว่า มีการระบุจำนวนผู้ต้องรับผิดชอบไว้กี่คน นายกฯ กล่าว่า คณะกรรมการตากใบได้ระบุเจ้าหน้าที่ทหาร 3 คน ประกอบด้วยแม่ทัพ รองแม่ทัพ และผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 5 ซึ่งอาจจะต้องมีการตั้งกรรมการสอบสวนเพิ่มเติมว่าความบกพร่องควรจะเป็นความบกพร่องของใคร ส่วนสาเหตุที่บกพร่องเพราะเมื่อสลายกลุ่มผู้ชุมนุมจบแล้ว แต่ไม่อยู่ดูการลำเลียงจนเสร็จ ซึ่งต้องสอบสวนว่าทำไม 3 คนนี้ไม่อยู่ ไม่อยู่เพราะอะไร และตรงไหนที่เกี่ยวกับคดีอาญาก็ต้องดำเนินการ เพราะเป็นการตายผิดธรรมชาติ ซึ่งกฎหมายของเราจะต้องมีการชันสูตรพลิกศพ และจะต้องมีการทำสำนวน รวมทั้งสอบสวน หากเป็นการตายที่มีผู้ทำให้ตายโดยเจตนาก็จะถูกดำเนินคดี แต่ถ้าเป็นเรื่องของอุบัติเหตุก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
มั่นใจ“นานาชาติ”ยอมรับสรุปผลสอบได้
ต่อข้อถามที่ว่า หลังจากข้อเท็จจริงสรุปออกไปแล้ว ในสายตานานาชาติจะรับได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า รับได้ เพราะบทสรุปมีชัดเจนถึง 11 ประเด็น โดยเฉพาะการชุมนุมที่มีการจัดตั้งแบบไม่ได้เป็นไปโดยธรรมชาติ ซึ่งผลสอบก็มีเหตุผลดีมาก เนื่องจากเขาได้มีคณะอนุกรรมการที่ลงไปสอบสวนชาวบ้านในพื้นที่ เมื่อถามต่อว่า ได้รับรายงานเหตุระเบิดที่ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส แล้วหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า รับทราบแล้ว นั่นเป็นฝีมือของผู้ก่อความไม่สงบ โดยเป็นเรื่องของการเอาระเบิดไปใส่ไว้ในมอเตอร์ไซค์ และกดระเบิด ซึ่งมีหลายคัน แต่ยังไม่ระเบิด ขณะนี้เราได้เข้าไปเก็บพยานหลักฐานแล้ว
เมื่อถามอีกว่าห่วงหรือไม่ เพราะใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ และใกล้ครบรอบเหตุการณ์ 4 มกราคม ซึ่งอาจจะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบได้นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เราก็ต้องป้องกันเต็มที่ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าคนในพื้นที่มีการกักตุนสินค้า และอาหาร เพราะเกรงจะเกิดความไม่สงบนั้น คิดว่าเรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องปกติ เพราะการจะซื้ออาหารเก็บไว้ในบ้านถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่มีอะไร เราก็พยายามดูกันอย่างเต็มที่ อย่างกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสุไหงโกลกซึ่งเป็นระเบิดที่ใส่ไว้ในมอเตอร์ไซค์ แล้วก็จุดระเบิด โดยเราสามารถจับมอเตอร์ไซค์คันที่ยังไม่ระเบิดไว้ และกำลังเก็บพยานหลักฐานอยู่ ส่วนที่มีข่าวว่าตำรวจจะต้องรับผิดชอบในเหตุการณ์ตากใบด้วยนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นการคิดเอาเอง ซึ่งกรรมการเขาไม่เคยพูดสักคำ และเป็นการสรุปเอง เขียนเองทั้งนั้น เมื่อถามต่อว่า สำหรับผลสรุปการเสียชีวิตของกรรมการ ได้ระบุว่าอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า มีหลายเหตุ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการขาดอากาศหายใจ โดย นพ.วิฑูร แสงสิงห์แก้ว คณะกรรมการฝ่ายแพทย์ ได้สรุปการตายมาหลายจุด ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ในรายงาน
ประธานสอบฯ ยัน“นายกฯ”พอใจกับผลสรุป
ด้านนายพิเชษ เปิดเผยว่า การที่นายกฯ เรียกเข้าพบเนื่องจากต้องการตรวจสอบ และเคลียร์ทุกประเด็น เพื่อให้เข้าใจตรงกัน เพราะความหมายของคำในประเด็นกรณีเคลื่อนย้ายการสลายผู้ชุมนุม ซึ่งในภาพรวมนั้น นายกฯ มีความพอใจ และขอขอบคุณกับผลสรุปของคณะกรรมการฯ พร้อมรับข้อเสนอ แนะไปดำเนินการในทุกเรื่อง ทั้งนี้นายกฯ ได้มอบหมายให้นายวิษณุ นำผลสรุปดังกล่าวเข้าพิจารณาใน ครม.ต่อไป จากนั้นจะพยายามแถลงพร้อมจัดทำเป็นเพลดดีรีดแจกต่อสื่อมวลชนให้ทราบต่อไป อย่างไรก็ตามนายกฯ ได้ให้กระทรวงต่างประเทศแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเผยแพร่ไปยังนานาประเทศต่อไป
ขณะที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวว่า ในช่วงปีใหม่นี้ มาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ก็จะกระชับขึ้น เจ้าหน้าที่ก็คงจะเหนื่อยมากขึ้นในช่วงปีใหม่ และคิดว่าการรักษาความปลอดภัยครูในพื้นที่นั้น ทาง กอ.สสส.จชต.ก็คงดูแลได้อยู่แล้ว และคงควบคุมสถานการณ์ได้ ส่วนในช่วงปีใหม่นั้น การดูแลความปลอดภัย และการสั่งการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่ง พล.อ.สิริชัยจะเป็นคนรับผิดชอบในพื้นที่อยู่แล้ว ส่วน ผบ.เหล่าทัพคนอื่น ก็คงเตรียมความพร้อมอยู่ในประเทศ และคงไม่ได้ออกไปไหน เมื่อถามต่อว่า การแก้ไขปัญหาขาดแคลนครูระยะสั้น เราจะมีการส่งทหารไปรับหน้าที่ครูเฉพาะกิจหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้เด็กได้เรียนหนังสือ ก็แล้วแต่ว่าจะเอาอย่างไร หรือจะให้ทหารไปเป็นครูก็ได้ เพราะเราทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ขอให้บอกมา
ยืนยันรูปถ่ายที่เป็นข่าว-ไม่ใช่“อันวา กาซอ”
เมื่อถามต่อว่า กรณีผลสอบกรณีตากใบ ซึ่งหากพบว่ามีทหารเกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นผลสรุปของคณะกรรมการ แต่ก็มีความเห็นใจเจ้าหน้าที่ เพราะเรายังไม่มีกฎหมายรองรับที่แน่นอน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติงานกันอย่างฉุกเฉิน แถมม็อบที่ตากใบก็ไม่ใช่ม็อบธรรมดา เเต่เป็นม็อบจัดตั้งเพื่อเตรียมก่อการความไม่สงบ และคิดว่าหากมีกฎหมายความมั่นคงมารองรับก็จะช่วยให้ความยุติธรรมกับเจ้าหน้าที่ เพราะความจริงเจ้าหน้าที่ก็ไม่อยากทำอะไรรุนแรงอยู่แล้ว จึงอยากให้มองด้วยความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย สำหรับกรณีที่ครูใหญ่โรงเรียนอิสลามนิติวิทย์ จ.ปัตตานี ที่ออกมาชี้แจงว่ารูปที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น เป็นการแต่งแฟนซีแข่งกีฬาสีโรงเรียนประจำปี 2543 พร้อมยืนยันว่ารูปที่ออกมาไม่ใช่เป็นรูปของนายอันนูวา กาซอ ผู้ต้องหาคดีสังหารผู้พิพากษาจังหวัดปัตตานี
“เพราะเจ้าหน้าที่ข่าวกรองทางทหารรายหนึ่งเปิดเผยว่า รูปที่ครูใหญ่คนดังกล่าวออกมาแสดงนั้น เป็นคนละรูปกันกับเจ้าหน้าที่ด้านการข่าวซึ่งค้นเจอที่บ้านเครือข่ายผู้ก่อเหตุระเบิดบริษัทพิธานพาณิชย์ ซึ่งได้มีการตรวจสอบว่าคนในรูปที่ถือปืนเอ็ม 16 คือนายอันนูวา กาซอ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุระเบิดที่บริษัทพิธานพาณิชย์แล้ว ได้มีการจับกุมแกนนำก่อเหตุรวม 3 คน ประกอบด้วยนายอับดุลเลาะห์ ดือราแม นายอภิสิทธิ์ มามะ นายอดินันท์ ซ้ง โดยได้มีการซัดทอดถึงเครือข่ายที่ร่วมก่อเหตุอีก 19 คน และหนึ่งในนั้นคือนายสะกะรียา อาลี ซึ่งได้ค้นพบรูปดังกล่าวที่บ้านนายสะกะรียา ในรูปพบนาย อันนูวา ซึ่งมีผ้าคลุมไหล่เป็นประเภทเดียวกับผ้าสุระบั่นที่โพกหัวผู้ก่อเหตุเมื่อวันที่ 28 เม.ย. และเคยสอนหนังสือที่เตรียมศึกษาวิทยาที่เดียวกันกับนายอับดุลเลาะห์ ดือราแม ผู้ต้องหาวางระเบิดที่พิธานพาณิชย์ ซึ่งนายอันนูวา ซึ่งเคยเป็นนักเรียนอยู่ที่โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิด้วย
“ครป.”กังขา“วงกต-ศิวะ”หลุดโผรับผิดชอบ
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงผลสรุปเหตุการณ์ตากใบว่า ค่อนข้างจะสับสนกับข้อมูลของผลสอบตากใบที่นายกฯ ออมาระบุว่ามีนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบ 3 คนคือ แม่ทัพภาคที่ 4 รองแม่ทัพภาคที่ 4 และผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 5 ในขณะที่ก่อนหน้านี้นายพิเชต สุนทรพิพิธ ประธานกรรมการตรวจสอบออกมาระบุว่า นอกเหนือจากทหารแล้วยังมีฝ่ายตำรวจ และมหาดไทยต้องรับผิดชอบด้วยคือ พต.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายศิวะ แสงมณี รองปลัดกระทมรวงมหาดไทย ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆ ชื่อของนายศิวะ กับ พล.ต.ท.วงกต ก็หลุดหายไปจากโผบุคคลที่ต้องรับผิดชอบ ดังนั้นนายกฯ จะต้องชี้แจง เพราะสังคมรู้ดีว่าท่านกับ พล.ต.ท.วงกต เป็นเพื่อนสนิทในสมัยเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งอาจถูกข้อครหาจากสังคมว่าเป็นการอุ้มเพื่อนให้พ้นผิดได้
“นายกฯ พูดตลอดว่าเรื่องนี้ต้องตรงไปตรงมา ผมเลยไม่แน่ใจว่าระหว่างนายพิเชต กับนายกฯ ใครกันแน่ที่พูดไม่ตรงความจริง ซึ่งเรื่องนี้ผมเองก็ไม่ได้อยากเห็นฝ่ายการเมืองมาไล่บี้เอาผิดกับข้าราชการระดับปฏิบัติฝ่ายเดียวเท่านั้น แต่อยากเห็นการทบทวนวิธีคิด และวิธีการแก้ปัญหาทั้งระบบของรัฐบาล โดยเฉพาะข้อเสนอของคณะกรรมการที่ให้ทบทวนการทำงานนั้น อยากทราบเหมือนกันว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง และนายกฯ ก็ควรเปิดเผยกับประชาชน เพราะถ้าเป็นความผิดในลักษณะบกพร่อง หรือประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ ก็คงไม่ต้องกลัวอะไร ไม่เช่นนั้นรายงานผลสอบที่จะพิมพ์เผยแพร่อย่างเป็นทางการนั้น อาจไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลกได้”นายสุริยะใส กล่าว


