บิ๊กเบญ
นายสุรชัย เงินทองฟู หรือ บังรอน อาชญากรค้ายานรกรายใหญ่....ถือเป็นวายร้ายคนสำคัญ ที่รัฐบาล สั่งล่าตัว มาตลอดฤดูกาลของสงครามยาเสพติด ตั้งแต่ สงครามครั้งแรก ครั้งที่สอง และครั้งที่สาม ที่จะประกาศอย่างเป็นทางการในวันนี้( 3 ธ.ค.)
"บังรอน"ทำไหมจึงหลุดรอดการจับกุมมาจนถึงทุกวันนี้ "บังรอน"มีผู้ยิ่งใหญ่ และนักการเมืองระดับประเทศทั้งในและนอกประเทศ ให้การช่วยเหลือหรือไม่ ยังถือเป็นความจริง ที่ผู้คนอยากรู้....
คำสั่งล่าตัว"บังรอน"ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่รัฐ ได้ดำเนินการมาเป็นเวลานาน หลายปี แต่จับกุมตัวไม่ได้ ทั้งๆที่รู้ความเคลื่อนไหว และเส้นทางหลบหนี.....
"บังรอน" หลบหนีอยู่ตามแนวชายแดนไทย-ลาวและไทย-พม่า สลับกัน โดยก่อนหน้านี้ "บังรอน" หลบหนีเข้าประเทศลาว ซึ่งรัฐบาลไทยได้ประสานไปยังรัฐบาลลาวเพื่อขอให้ช่วยส่งตัวอาชญากรรายนี้มาลงโทษ แต่ทราบว่า "บังรอน" หลบหนีกลับไปพม่าอีกครั้ง โดยอาศัยอยู่กับ “เหว่ย เซียะ ยิ๋น” น้องชายของ "เหว่ย เซียะ กัง" ราชายาเสพติดชาวว้าแดง ที่สหรัฐฯ ต้องการตัวไปลงโทษ (พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ไว้ ณ วันที่ 9 พ.ย.47)
สอดคล้องกับ (พล.ต.ต.จำนง แก้วศิริ ผบก.ภ.จ.เชียงราย) ที่พบว่า นายสุรชัย หรือ บังรอน หลบหนีไปซุกปีกอิทธิพลของ นายเหว่ยเซียะยิ๋น น้องชายของ เหว่ยเซียะกัง ที่เปิดสัมปทานค้าไม้ในพม่าและลาวเป็นธุรกิจบังหน้า แต่เบื้องหลังลำเลียงยาเสพติดส่งเข้ามาขายในไทย โดย นายเหว่ยเซียะยิ๋น ใช้ บังรอน เป็นสมุนมือขวาทำให้การผลิตและการค้ายาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การติดต่อซื้อขายยาเสพติดผ่านพม่าและลาวจึงดูง่ายและสะดวกเพราะผลประโยชน์ที่แลกเปลี่ยนให้เจ้าหน้าที่บางหน่วยงานตามชายแดนพม่าและลาวทำให้ยาเสพติดจำนวนมากทะลักจากแหล่งผลิตข้ามเข้ามาในเขตไทยทางด้าน อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.เชียงของ อ.เทิง อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ยาวทะลุออกไปจนถึงหลายจังหวัดทางภาคอีสานที่มีชายแดนติดแม่น้ำโขงทุกจุด
ขณะที่แหล่งข่าวชุดปฏิบัติการตำรวจปราบปรามยาเสพติดพบว่าปัจจุบัน นายเหว่ยเซียะยิ๋น มีอิทธิพลดูเขตการปกครองทางด้านทิศตะวันตกของรัฐฉาน เริ่มตั้งแต่บ้านแม่อ้อ ดอยกองมู เมืองจ๊อด เมืองตูม เมืองสาด ยาวจนถึงเมืองยอน และประชิดโครงการหย่องข่า ตรงข้ามชายแดน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย มีนายทหารระดับยศ ร.อ. เชื้อสายมูเซอ คุมกำลังพลดูแลการผลิตและการลำเลียงยาเสพติดให้
ครั้งหนึ่ง "บังรอน"เคยมีชื่อร่วมขบวนการลงขันค่าหัว"นายกฯทักษิณ 80 ล้าน" ในช่วงสงครามยาเสพติดรอบแรก ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แบบไม่ประมาท โดยเปลี่ยนใช้รถกันกระสุน แทนรถคันเดิม พร้อมสั่งคุมเข้ม รักษาความปลอดภัยแน่นหนา
มาครั้งนี้....สงครามยาเสพติดรอบสาม...โดย"พล.ท.โซ วิน นายกรัฐมนตรีพม่า ให้คำมั่นกับ นายกฯทักษิณ ในโอกาสหารือทวิภาคี ครั้งร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่าจะร่วมมือกับไทยปรามปรามยาเสพติด โดยมีภารกิจสำคัญคือ จับตัว"บังรอน"ส่งให้ไทยดำเนินคดี
คำสั่งเปิดปฎิบัติการณ์ล่าตัว"บังรอน"ระลอกใหม่ โดย(รู้เส้นทางหลบหนี รู้แหล่งกบดาน) นับจากนี้ไป"บังรอน" จะหลบหนีได้อีกสักกี่วัน... กี่เดือน... และกี่ปี...ผู้นำพม่า จะรักษาคำมั่นจับตัว"บังรอน"ให้นายกฯไทย หรือไม่....เนื่องจาก หากบังรอน ถูกจับ แหล่งผลิตถูกทำลายจนหมดสิ้น "ชัยชนะแห่งสงครามยาเสพติด ของรัฐบาล จึงจะเป็นชัยชนะที่แท้จริง".....
นายสุรชัย เงินทองฟู หรือ บังรอน อาชญากรค้ายานรกรายใหญ่....ถือเป็นวายร้ายคนสำคัญ ที่รัฐบาล สั่งล่าตัว มาตลอดฤดูกาลของสงครามยาเสพติด ตั้งแต่ สงครามครั้งแรก ครั้งที่สอง และครั้งที่สาม ที่จะประกาศอย่างเป็นทางการในวันนี้( 3 ธ.ค.)
"บังรอน"ทำไหมจึงหลุดรอดการจับกุมมาจนถึงทุกวันนี้ "บังรอน"มีผู้ยิ่งใหญ่ และนักการเมืองระดับประเทศทั้งในและนอกประเทศ ให้การช่วยเหลือหรือไม่ ยังถือเป็นความจริง ที่ผู้คนอยากรู้....
คำสั่งล่าตัว"บังรอน"ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่รัฐ ได้ดำเนินการมาเป็นเวลานาน หลายปี แต่จับกุมตัวไม่ได้ ทั้งๆที่รู้ความเคลื่อนไหว และเส้นทางหลบหนี.....
"บังรอน" หลบหนีอยู่ตามแนวชายแดนไทย-ลาวและไทย-พม่า สลับกัน โดยก่อนหน้านี้ "บังรอน" หลบหนีเข้าประเทศลาว ซึ่งรัฐบาลไทยได้ประสานไปยังรัฐบาลลาวเพื่อขอให้ช่วยส่งตัวอาชญากรรายนี้มาลงโทษ แต่ทราบว่า "บังรอน" หลบหนีกลับไปพม่าอีกครั้ง โดยอาศัยอยู่กับ “เหว่ย เซียะ ยิ๋น” น้องชายของ "เหว่ย เซียะ กัง" ราชายาเสพติดชาวว้าแดง ที่สหรัฐฯ ต้องการตัวไปลงโทษ (พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ไว้ ณ วันที่ 9 พ.ย.47)
สอดคล้องกับ (พล.ต.ต.จำนง แก้วศิริ ผบก.ภ.จ.เชียงราย) ที่พบว่า นายสุรชัย หรือ บังรอน หลบหนีไปซุกปีกอิทธิพลของ นายเหว่ยเซียะยิ๋น น้องชายของ เหว่ยเซียะกัง ที่เปิดสัมปทานค้าไม้ในพม่าและลาวเป็นธุรกิจบังหน้า แต่เบื้องหลังลำเลียงยาเสพติดส่งเข้ามาขายในไทย โดย นายเหว่ยเซียะยิ๋น ใช้ บังรอน เป็นสมุนมือขวาทำให้การผลิตและการค้ายาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การติดต่อซื้อขายยาเสพติดผ่านพม่าและลาวจึงดูง่ายและสะดวกเพราะผลประโยชน์ที่แลกเปลี่ยนให้เจ้าหน้าที่บางหน่วยงานตามชายแดนพม่าและลาวทำให้ยาเสพติดจำนวนมากทะลักจากแหล่งผลิตข้ามเข้ามาในเขตไทยทางด้าน อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.เชียงของ อ.เทิง อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ยาวทะลุออกไปจนถึงหลายจังหวัดทางภาคอีสานที่มีชายแดนติดแม่น้ำโขงทุกจุด
ขณะที่แหล่งข่าวชุดปฏิบัติการตำรวจปราบปรามยาเสพติดพบว่าปัจจุบัน นายเหว่ยเซียะยิ๋น มีอิทธิพลดูเขตการปกครองทางด้านทิศตะวันตกของรัฐฉาน เริ่มตั้งแต่บ้านแม่อ้อ ดอยกองมู เมืองจ๊อด เมืองตูม เมืองสาด ยาวจนถึงเมืองยอน และประชิดโครงการหย่องข่า ตรงข้ามชายแดน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย มีนายทหารระดับยศ ร.อ. เชื้อสายมูเซอ คุมกำลังพลดูแลการผลิตและการลำเลียงยาเสพติดให้
ครั้งหนึ่ง "บังรอน"เคยมีชื่อร่วมขบวนการลงขันค่าหัว"นายกฯทักษิณ 80 ล้าน" ในช่วงสงครามยาเสพติดรอบแรก ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แบบไม่ประมาท โดยเปลี่ยนใช้รถกันกระสุน แทนรถคันเดิม พร้อมสั่งคุมเข้ม รักษาความปลอดภัยแน่นหนา
มาครั้งนี้....สงครามยาเสพติดรอบสาม...โดย"พล.ท.โซ วิน นายกรัฐมนตรีพม่า ให้คำมั่นกับ นายกฯทักษิณ ในโอกาสหารือทวิภาคี ครั้งร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่าจะร่วมมือกับไทยปรามปรามยาเสพติด โดยมีภารกิจสำคัญคือ จับตัว"บังรอน"ส่งให้ไทยดำเนินคดี
คำสั่งเปิดปฎิบัติการณ์ล่าตัว"บังรอน"ระลอกใหม่ โดย(รู้เส้นทางหลบหนี รู้แหล่งกบดาน) นับจากนี้ไป"บังรอน" จะหลบหนีได้อีกสักกี่วัน... กี่เดือน... และกี่ปี...ผู้นำพม่า จะรักษาคำมั่นจับตัว"บังรอน"ให้นายกฯไทย หรือไม่....เนื่องจาก หากบังรอน ถูกจับ แหล่งผลิตถูกทำลายจนหมดสิ้น "ชัยชนะแห่งสงครามยาเสพติด ของรัฐบาล จึงจะเป็นชัยชนะที่แท้จริง".....