xs
xsm
sm
md
lg

ขอติง"รองฯปุระชัย"นิยาม"หมาต๋า"เพี้ยน!

เผยแพร่:   โดย: "เซี่ยงเส้าหลง" และทีมข่าวการเมือง

•• ก็ดีอยู่หรอกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะมอบหมายงานให้ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ในฐานะ รองนายกรัฐมนตรี – กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปดำเนินการทั้งระยะสั้นและระยะยาว ยกเครื่องตำรวจ หลังจากเกิดกรณี ขังลืม, ช็อตไข่ แต่ในการประชุมใหญ่นัดล่าสุดที่ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2547 วาระ มอบนโยบายให้ตำรวจตั้งแต่ระดับผู้กำกับขึ้นมา นั้น “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าอะไรต่อมิอะไรรวมทั้งนโยบายที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น ดีเยี่ยม – ถ้าทำได้จริง ณ นาทีนี้ที่บ้านเมืองต้องการ ความสามัคคี ก็ต้อง ให้กำลังใจ, รอ ไม่อยากจะ ติ แต่ที่อดไม่ได้ต้องขอ ท้วงติง ไว้สักนิด ณ ที่นี้เพราะเกรงจะเกิด ความเข้าใจผิด ก็คือในส่วนอารัมภบทที่ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ท่านนำมาขึ้นต้นในทำนอง “...ในอดีตมีคนเรียกตำรวจว่า ‘หมาต๋า’ หรือเพี้ยนมาจากคำว่า ‘มารดา’ ซึ่งหมายความว่ามีหน้าที่ดูแลประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง.” เห็นท่าจะ ไม่ใช่ เพราะคำว่า หมาต๋า นั้นมาจาก คำภาษาจีน ที่ใช้เรียก ตำรวจ ใน ฮ่องกง, จีนตอนใต้ คำจริง ๆ น่าจะอ่านว่า มาต๊า มีที่มาจากคำว่า มา หรือ หม่า ที่แปลว่า ชาวมุสลิม (อย่างเช่น หม่าเหอ นามเดิมของ เจิ้งเหอ หรือ เจิ้งซานเป่า, ซำปอกง แม่ทัพเรือผู้ยิ่งใหญ่ของจีนที่เป็น มุสลิม) ในกรณีนี้หมายถึง ชาวกุรข่าที่อังกฤษจ้างมาทำหน้าที่ตำรวจ – บุคลิกตัวโตผิวดำ ส่วน ต๊า หมายความคล้าย ๆ คำว่า ตี รวมแล้วเป็นการให้ภาพในเชิง สัญลักษณ์แห่งอำนาจ, สัญลักษณ์แห่งผู้ปกครอง หรือภาพรูปธรรมก็คือ คนตัวโตผิวดำบุคลิกเข้มแข็งถือกระบองมาไล่ตีไล่จับคนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎของผู้ปกครอง ไม่ได้มีที่มาจากคำว่า มารดา ไม่ว่าจะจาก รากศัพท์ หรือ ความหมาย ดังนั้นคำ หมาต๋า, มาต๊า แต่แรกเริ่มเดิมทีจากถิ่นที่มาเดิมที่ ฮ่องกง จึงไม่ได้ให้ภาพของ มารดาที่ต้องถนอมรักลูกในอุทรตลอด 24 ชั่วโมง หากแต่ให้ภาพของ ผู้ใช้อำนาจรัฐ และก็เป็น ผู้ใช้อำนาจรัฐที่มีรูปลักษณ์ที่มาแปลกแยกจากประชาชนพื้นเมือง โดยแท้

•• ไม่เพียงแต่ที่ ฮ่องกง แม้แต่ที่ สิงคโปร์ ในระยะแรก อังกฤษ ก็ใช้ ชาวกุรข่า ทำหน้าที่ ตำรวจ หรือที่ บรูไน นั้นก็เป็น ชาวกุรข่า ที่ทำหน้าที่ ทหาร – ภายใต้การบังคับบัญชาของอังกฤษ ด้วย ทหารกุรข่า มีบทบาทสูงเด่นยิ่งใน สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับความยกย่องในเรื่อง ความกล้าหาญ, ความอดทน และ ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ในหน้าประวัติศาสตร์ให้สมญาว่า หน่วยกล้าตายผู้ยิ่งใหญ่ ทีเดียว

•• คล้าย ๆ กับ ตำรวจฮ่องกงในระยะแรก ที่เป็น ลูกจ้างอังกฤษ ในสยามประเทศบ้านเรา ตำรวจ ที่ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในสมัย รัชกาลที่ 4 เมื่อ ปี 2403 นั้นก็วางรูปแบบไว้เป็นรากฐานโดย ชาวอังกฤษ โดยผู้ที่ได้รับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยงานคนแรกคือ กัปตันเอส. เย. เบิร์ดเอมส์ ภายหลังได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงรัฐยาธิบาลบัญชา เป็นผู้ก่อตั้ง กองโปลิศคอนสเตเบิล หรือเรียกกันว่า กองโปลิศ นั่นเอง

•• ที่ต้อง ติง ก็เพราะท่านผู้พูด มีชื่อเสียงโด่งดัง, มีความรู้สูง และเป็นการพูดต่อหน้า สื่อมวลชน จะมีผู้คนจำนวนมากรวมทั้งเด็กนักเรียน จดจำไปผิด ๆ หรือผู้เชี่ยวชาญท่านไหนจะแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่อง หมาต๋า, มาต๊า อีกก็เชิญ “เซี่ยงเส้าหลง” เปิดกว้างเต็มที่

•• เห็นข่าว ตำรวจสน.ชนะสงคราม, เจ้าหน้าที่เทศกิจ ร่วมกันเข้าสลายการชุมนุมของชาวคณะที่ใช้ชื่อว่า เครือข่ายประชาชนเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และสมบัติของชาติ ที่ชุมนุมกันมา 2 เดือน ที่ สนามหลวง – ทิศเหนือ เมื่อดึกวันก่อน วันที่ 22 พฤศจิกายน 2547 แล้วก็ให้สะท้อนใจที่แต่แรกกลุ่มผู้ริเริ่มเป็น เอกยุทธ อัญชันบุตร, ประชัย เลี่ยวไพรัตน์, น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และ ฯลฯ แต่ท้ายที่สุด การนำ ในระยะหลัง ๆ ตกอยู่ในมือ ผู้ไม่เคยท้อถอย, ผู้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง อย่าง สมาน ศรีงาม ผู้ยืนหยัดสืบทอดเจตนารมณ์ ปฏิวัติประชาธิปไตย ทฤษฎีที่เสนอโดย ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ทฤษฎีนี้เคยเป็น ธงนำ ของ ทหารประชาธิปไตย, ขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ, สภาปฏิวัติ และแม้แต่ คณะปฏิวัติ 1 – 3 เมษายน 2524 ในช่วงวันสุดท้าย เคยใช้เป็น ธงนำ เคลื่อนไหวเรียกร้องต่อสู้มาแล้วใน แทบทุกรัฐบาล แม้จะ มีคนเข้าร่วมไม่มาก แต่ก็ได้เคยก่อให้เกิด เหตุสลดใจ ในช่วงเคลื่อนไหวเรียกร้องต่อสู้ในยุค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่บริเวณ หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ทำให้ ธนาวุฒิ คลิ้งเชื้อ นักศึกษารามคำแหงแห่ง ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาและเยาวชน 14 จังหวัดภาคใต้ ที่เข้าร่วมคนหนึ่ง เผาตัวตาย เมื่อ วันที่ 14 ตุลาคม 2533 แต่ก็ไม่เกิด ผลสะเทือนทางการเมือง อะไรขึ้นมาสักกี่มากน้อย

•• การด่วนชู ธงนำ ว่า ถวายคืนพระราชอำนาจ – ขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี แม้จะโดย ใสซื่อ แต่ในสถานการณ์ที่ มวลชนยังไม่พร้อม, สถานการณ์ยังไม่สุกงอม แทนที่จะได้ แนวร่วม ตรงกันข้ามยังจะ โดดเดี่ยวตนเอง ได้ไม่ยาก

•• เพราะเรื่อง ถวายคืนพระราชอำนาจ – ขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่จู่ ๆ จะเกิดขึ้นมาได้ง่าย ๆ หรือ ผลักดันให้เกิด ในประวัติวัติศาสตร์การเมืองไทยยุค ระบอบประชาธิปไตย มีอยู่ ครั้งเดียว เท่านั้นคือในกรณี เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ส่วนในกรณี พฤษภาคม 2535 นั้น ไม่ใช่ คงจะจำกันได้นะว่าเมื่อสิ้นสุด ความรุนแรงบนท้องถนน แม้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร จะ ลาออก (หลังจากเร่งด่วนตรา พระราชกำหนดนิรโทษกรรม) แต่การเมืองก็ยังอยู่ภายใต้ กรอบ ของรัฐธรรมนูญ 2534 และนายกรัฐมนตรีคนต่อไปก็กำลังจะเป็น พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์ ซึ่งก็คือ ก๊วนเดียวกัน สถานการณ์มาพลิกผันเพราะการตัดสินใจของ อาทิตย์ อุไรรัตน์ ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ประธานรัฐสภา คนเดียวเท่านั้น

•• ต้องเข้าใจว่า แรงต้าน ที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร, พรรคไทยรักไทย ในวันนี้แม้จะเป็น วงกว้าง ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร แต่กระแสยัง ไม่แรง ใน ต่างจังหวัดในขณะที่ใน ชนบท ยังแทบ ไม่ให้ความสนใจ เมื่อกระแสโดยรวมแล้ว ยังไม่สุกงอม การเร่งสถานการณ์จึงมีแต่จะทำให้เกิด ความเสียหาย เรื่องแบบนี้ภาษาซ้ายเขาเรียกว่า ล้ำหน้ามวลชน และก็เพราะ ประเมินสถานการณ์ผิดพลาด คิดว่า มวลชนพร้อมแล้ว, สถานการณ์สุกงอมแล้ว จึง ตั้งม็อบ, เรียกร้องล้ำหน้ามวลชน ครั้งแล้วครั้งเล่าในรอบ 20 – 25 ปีมานี้มิใช่หรือที่ทำให้ผู้คนขบวนนี้ถูกมองด้วยความขบขันและขนานนามว่า สภาโจ๊ก มวลชนนอกจากจะ ไม่ตื่น, ไม่สุกงอม แล้วยังรู้สึก สมเพช, สงสาร อีกต่างหาก

•• วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2547 ช่วงเช้า 08.30 – 12.00 น. มีเสวนาพิเศษสำหรับพ่อแม่ยุคใหม่ที่ หอประชุมใหญ่ – มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต โดย สนธิ ลิ้มทองกุล จะไปนำสนทนาในหัวข้อ เลี้ยงลูกอย่างไรให้เหมาะกับโลกอนาคต ร่วมกับ ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ในงาน วันความรู้สู่ผู้ปกครอง จัดโดย ชมรมผู้ปกครองและครูโรงเรียนสาธิตละอออุทิศ ต้องการเข้าร่วมรับฟังติดต่อสอบถามได้ที่ วนิดา – โทรศัพท์ 0-9317-1919, สาวิตรี – โทรศัพท์ 0-9163-5718 งานนี้สามารถพาลูกไปร่วมกิจกรรม Kid Zone ที่จัด ผู้ดูแล, พี่เลี้ยง ไว้เป็นการเฉพาะด้วยได้ไม่ต้องห่วง
กำลังโหลดความคิดเห็น