“นายกรัฐมนตรี” ยืนยัน “แม่ทัพภาค 4” ขอย้ายตัวเอง-หวังเปิดทางสอบเหตุสลาย “ม็อบตากใบ” ให้มีความโปร่งใส พร้อมดึงผู้นำศาสนาอิสลามร่วมถกหาแนวทางดับไฟใต้อีกครั้ง ปัดข่าว “ซีไอเอ” ทุ่มงบ 100 ล้าน สร้าง "ร.ร.ต้านก่อการร้าย" แฉ “ฮัจยีนิเดร์ วาบา” ขย่มรัฐบาล เพราะพลาดหวังส่งหลานลง “ไทยรักไทย”
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ท.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี ที่แม่ทัพภาคที่ 4 ขอย้ายออกจากพื้นที่เพื่อเปิดโอกาสให้คณะกรรมการอิสระไต่ส่วนข้อเท็จจริงเหตุการณ์ชุมนุมตากใบทำงานอิสระว่า เมื่อมีการตั้งกรรมการขึ้นมา ท่านก็ต้องการให้ทุกอย่างโปร่งใส และเกิดความสบายใจ จึงได้ขอมาช่วยราชการที่กองทัพบกเพื่อให้มีการสอบได้อย่างเต็มที่ ซึ่งท่านได้เสนอให้ พล.ต.ขวัญชาติ กล้าหาญ รองแม่ทัพภาคที่ 4 รักษาการแทน เพราะรู้งานมาตลอด คงไม่ทำให้งานเสียหายทางราชการ และเพื่อให้เกิดเจตนารมณ์ที่ดี ซึ่งชัดเจนว่าทุกฝ่ายจะได้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อถามถึงกรณีที่ฮัจยีนิเดร์ วาบา นายกสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกมาวิจารณ์ว่าเปลี่ยนแม่ทัพภาคที่ 4 ปัญหาภาคใต้ก็แก้ไม่ได้นั้น นายกฯ กล่าวว่า อย่าไปสนใจกับคนๆ เดียวเลย บางกอกโพสต์ก็ถามอยู่คนเดียว และคนๆ นี้เขาก็รู้จักกันอยู่ว่าเป็นอย่างไร ส่วนฮัจยีนิเดร์ วาบา เป็นขาประจำออกมาพูดทางรายการวิทยุนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า มันจะส่งหลานมันลงไทยรักไทย เมื่อถามต่อว่า การก่อการร้ายภาคใต้ได้ก่อเหตุตลอดเวลา ล่าสุดได้ฆ่าตัดคอผู้ใหญ่บ้าน นายกฯ กล่าวว่า แน่นอน บอกแล้วว่าสิทธิมนุษยชนคนไหนที่ห่วงสิทธิประชาชนให้คอยดูสิทธิของผู้บริสุทธิ์ที่ถูกกระทำแบบนี้บ้าง บางทีการถูกทำอย่างโหดร้ายไม่มีใครพูด หรือว่าตายทีละคนไม่เป็นไร คือต้องช่วยกันดูหน่อยว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งไม่ดีต้องช่วยกัน อย่าไปเห็นดีเห็นงามด้วย เวลามีอะไรขึ้นมารัฐทำอะไรลำบาก เพราะต้องทำภายใต้กรอบกฎหมาย และภายใต้การมองของทุกฝ่าย ขณะเดียวกันอีกฝ่ายทำร้ายผู้บริสุทธิ์มากมายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเราต้องช่วยกันมองสองทาง อย่ามองทางเดียว ไม่งั้นได้ใจหมด และจะเชิญผู้นำทั้งหลายเข้ามามีส่วนร่วม ส่วนที่พูดเก่งๆ ให้มาช่วยกันทำ อย่าพูดอย่างเดียว
เผยพยานกลับคำให้การ-เจ้าหน้าที่ทำงานลำบาก
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ดูเหมือนผู้ที่เป็นแกนนำยังไม่มีความชัดเจนว่าเป็นคนกลุ่มใด แล้วเราจะสามารถจับผู้บงการได้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราออกหมายจับเพิ่มเติมอีกเยอะ และไปเอาตัวมาจากบ้านหลายคน โดยภายหลังจากการสอบสวนคราวที่แล้วเราได้ข้อมูลเยอะมาก ส่วนที่มีการจับกุมไว้สามารถดำเนินคดีได้ถึงที่สุดหรือไม่นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ค่อนข้างจะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วย เพราะถ้าใช้หลักฐานพยานบุคคลอย่างเดียวคงลำบาก เพราะกลับคำให้การตลอดเวลา เมื่อถามต่อว่า เป็นคนกลุ่มใดที่ออกหมายจับเพิ่มเติม นายกฯ กล่าวว่า ไม่อยากพูดอะไร คงให้เจ้าหน้าที่เขาทำงานต่อไป
เมื่อถามว่าแม่ทัพภาคที่ 4 จะมีโอกาสกลับมาทำงานที่เดิมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดูผลการสอบสวน ซึ่งความจริงแล้วท่านก็แสดงความบริสุทธิ์ใจเต็มที่ แต่การจะทำงานตรงไหนนั้นแล้วแต่ผู้บังคับบัญชา ซึ่งอาจจะให้ไปทำงานในตำแหน่งใหม่ที่สำคัญกว่าเดิมก็ได้ คงต้องแล้วแต่ความเหมาะสม ส่วนจะกระทบกับความต่อเนื่องของงานหรือไม่หรือไม่นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่หรอก เพราะรองแม่ทัพภาคที่ 4 เสนอมานั้น เป็นรองที่ทำงานร่วมกันกับท่านมาในพื้นที่ และตัวท่านเองก็คงจะช่วยให้ข้อมูลแก่คณะกรรมการ กอ.สสส.จชต.เพื่อให้มีข้อมูลที่ต่อเนื่อง เมื่อถามอีกว่า ในฐานะที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการ แล้วจะขาดกำลังใจหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า แม่ทัพภาคที่ 4 ท่านอาสาเอง
เตรียมประชุมประธานมุสลิมเพื่อวางแนวทางแก้ไข
เมื่อถามถึงกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะใช้วิธีการอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า กำลังเตรียมการอยู่ ซึ่งวันนี้จะประชุมกับประธานมุสลิมทั้งหลาย เพื่อคุย และวางแนวทาง ซึ่งก็คงจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานเร็วๆ นี้ เมื่อถามอีกว่า ที่ผ่านมามีการพูดคุยกับผู้นำมุสลิมหลายครั้ง แต่ความร่วมมือไม่เกิด พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า วันนี้ต้องจับตัววางตายกันแล้ว และต้องร่วมมือกันจริงๆ จังๆ เพราะถ้าทุกคนยังถือว่ารักแผ่นดินไทย เป็นคนไทย เพียงแต่นับถือศาสนาที่ต่างกันเท่านั้น ตรงนี้ต้องมาช่วยกัน ไม่ใช่ปล่อยเป็นหน้าที่ของรัฐแล้วทุกคนก็ทำเฉย พอรัฐทำอะไรที่อาจจะดูไม่เรียบร้อยบ้างก็รุมกัน อย่างนี้มันก็เหนื่อย
ส่วนจะทำอย่างไรให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมนั้น นายกฯ กล่าวว่า คงจะต้องชี้ตัวผู้นำทั้งหลายว่าแต่ละเขตมีใครบ้าง แล้วให้มาช่วยกัน โดยจะให้ไปประชุมกับประชาชนว่ามีอะไร และต้องการให้รัฐทำอะไรให้ก็บอกมา ซึ่งจะให้เขาออกหน้ากันเอง โดยรัฐมีหน้าที่สนับสนุน อันนี้จะลองดู เมื่อถามว่า จะเป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ปรับเปลี่ยน แต่จะทำเสริมทั้งสองทาง เมื่อถามต่อว่า ทางกองทัพภาคที่ 4 จะดำเนินการกับผู้ก่อเหตุอย่างเด็ดขาด ตรงนี้จะเป็นการสวนทางกับสิ่งที่นายกรัฐมนตรีจะทำหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า แน่นอน มันคนละส่วนกัน เพราะคนที่ฆ่าคนไปแล้ว ถ้าจะบอกว่าให้อภัยคงเป็นไปไม่ได้ ฆ่าไปแล้วก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ความคิดที่ยังมีความแตกต่างนั้น ให้มาคุยกันว่าจะแก้อย่างไร ทั้งปัญหาความเดือดร้อน ความยากจน ไม่มีงานทำ ลูกหลานไม่มีที่เรียน ตรงนี้ให้มาบอกจะได้แก้กัน วันนี้อย่าลืมว่าทุกที่มีกลุ่มผลประโยชน์ที่ต้องมานั่งเคลียร์กัน บางครั้งการตรงไปตรงมาของรัฐบาลเองก็มีปัญหาอยู่
ระบุชัดต้องให้หลักรัฐศาสตร์นำหลักนิติศาสตร์
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ที่บอกว่าจะเคลียร์ปัญหาเรื่องกลุ่มผลประโยชน์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น จะทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า บอกไปแล้วว่าที่ไหนก็แล้วแต่ เวลาทำอะไรตรงไปตรงมา เช่น การปราบผู้มีอิทธิพล ผู้ค้ายาเสพติด บางครั้งก็มีความขัดแย้งกับพื้นที่บ้าง ซึ่งความไม่พอใจก็ออกมาในรูปแบบต่างๆ เป็นเรื่องธรรมดา ตรงนี้ไม่ได้หมายถึงภาคใต้ แต่หมายถึงหลักทั่วไป ฉะนั้นวันนี้รัฐบาลคงต้องพูดคุยกับกลุ่มผู้นำ และบรรดานักการเมืองทั้งท้องถิ่น และระดับชาติ ซึ่งต้องช่วยกัน คือเราต้องยอมรับผิดว่าเราดึงเขามาใกล้ชิดน้อยไปหน่อย วันนี้เราต้องดึงให้เขามาใกล้ชิด เพื่อที่จะมีบทบาทนำ ซึ่งรัฐบาล หรือฝ่ายราชการมีบทบาทเสริมก็จะง่ายขึ้น แต่เรื่องกฎหมายต้องทำอยู่แล้ว จะไปบอกว่าต่อไปนี้ไม่ต้องบังคับใช้กฎหมายคงเป็นไปไม่ได้ แต่เราจะบังคับใช้กฎหมายโดยใช้หลักรัฐศาสตร์นำหลักนิติศาสตร์
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่สำนักประมวลข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้งบประมาณสำนักงานตำรวจสันติบาล 100 ล้านบาท เพื่อตั้งโรงเรียนต้านการก่อการร้าย นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ซึ่งได้บอกกับที่ประชุม ครม.ชัดเจนแล้วว่าไม่ให้รับการช่วยเหลือจากต่างประเทศ เว้นแต่ความช่วยเหลือนั้นไม่มีเงื่อนไขใดๆ ไม่มีอะไรผูกพัน อันนั้นเป็นเรื่องที่หน่วยงานอาจจะรับได้ แต่ห้ามไปแสวงหาความช่วยเหลือใดๆ ซึ่งเรื่องนี้มีมติ ครม.รองรับอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเรื่องงบฯ 100 ล้านบาทนั้น ยังไม่ทราบรายละเอียดเลย เพราะถ้าจะของบอะไรที่มีเงื่อนไขติดพันมา คนที่จะไปเซ็นก็จะต้องขออนุมัติ ครม. ฉะนั้นถ้ามาให้ฟรีๆ ก็ถือว่าไม่มีความผูกพัน แต่ถ้าไม่มีความผูกพันก็ไม่เป็นไร เพราะถ้ามีความผูกพันต้องเซ็นสัญญาผูกพัน โดยต้องขออนุมัติ ครม.เพราะ ครม.มีมติชัดเจนไม่ให้รับความช่วยเหลือใดๆ ที่มีความผูกพันที่ต้องพึงปฏิบัติต่อ
ยืนยันหยุดการโหดร้าย-ทารุณต่อประชาชน
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายกำลังห่วงว่า หากไปรับงบประมาณดังกล่าวแล้วจะมีเงื่อนไขผูกพัน พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีผูกพันเด็ดขาด มติ ครม.ยืนแล้วว่าไม่ให้รับการช่วยเหลืออะไรที่มีสัญญาผูกพัน แต่ถ้าเป็นเรื่องความร่วมมือทั่วไปถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อถามต่อว่า ที่สถานการณ์ภาคใต้รุนแรง เพราะใกล้ช่วงเลือกตั้งใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ได้พูด เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะมีส่วนหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่รู้ วันนี้วิธีที่ดีที่สุดคือต้องหยุดการโหดร้ายทารุณต่อประชาชน ผู้บริสุทธิ์ และขอเถอะ สื่อช่วยปกป้องผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีทางต่อสู้ และต้องดิ้นรนทำมาหากิน
“คนขายไอติมออกไปขายไอติมเพื่อเอาเงินไปเลี้ยงลูกตัวเล็กๆ ก็ถูกฆ่าตาย คนไปทำถนนหาเช้ากินค่ำก็หวังจะมีเงินมาเลี้ยงลูกก็ถูกฆ่าตาย เหล่านี้เห็นใจเขาบ้างเถอะ อย่าไปถึงเวลาแล้วรุมเจ้าหน้าที่ มนุษย์ทำงานมีโอกาสผิดพลาด ให้โอกาสเขาบ้าง อย่าไปมองทุกอย่างเป็นเรื่องศาสนา ทุกอย่างเป็นเรื่องกฎหมายบ้านเมือง ต้องช่วยกันคนละนิดคนละหน่อย ไม่เช่นนั้นประเทศไทยก็ลำบาก วันนี้คนภายนอกที่มันออกมาเชียร์กันอยู่ก็เห็นอยู่แล้ว เปิดมาไอ้พรรคฮาร์ด พรรคอะไรเนี่ย ก็เห็นอยู่แล้วว่าเป็นอะไร อันนี้มองทะลุไปเลย ฉะนั้นเราต้องเข้มแข็งของเราไว้ เพราะวันนี้ประชาชนเราถูกฆ่าตายรายวันจะต้องคำนึงถึงตรงนี้ด้วย คิดดูซิมันตัดคอต่อหน้าลูก ลูกต้องไปขอหัวพ่อมาต่อ ไอ้ความรู้สึกอย่างนี้มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายทารุณยิ่งกว่าอะไรแต่ไม่มีใครพูด ไม่มีใครห่วงใย ผมก็แปลกใจมาก”นายกฯ กล่าว
ลั่นจัดการกลุ่มออกใบปลิวขู่ฆ่าคนบริสุทธิ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราทำงานกันเต็มที่ ใช้งบประมาณและคนไปเยอะ ซึ่งคนมีจำนวนเป็นล้านก็ต้องทำมาหากิน แต่กำลังเจ้าหน้าที่คงไม่มีเป็นล้านที่จะไปประกบหนึ่งต่อหนึ่ง บางทีเราอยู่ในที่ตั้ง ซึ่งเมื่อเขาออกไปทำมาหากินก็ถูกลอบทำร้ายเสียแล้ว บางทีเรารู้ว่าไอ้นี่ฆ่าเพราะพยานบอกมา แต่พอถึงเวลาพยานกลับไม่กล้าให้การ ซึ่งถ้าเราไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ก็ทำอะไรไม่ได้ บางอันพอมีหลักฐานหน่อยก็ถูกจับ พอมันรู้ไม่มีหมายก็ออกไปอยู่ฝั่งมาเลย์ มันเป็นอย่างนี้ตลอด ไม่ง่าย ฉะนั้นต้องช่วยกันให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ อีกทั้งข้าราชการรัฐเงินเดือนไม่กี่บาท เสี่ยงชีวิตทำงานแล้วยังต้องเสี่ยงต่อความผิด มันทำให้คนไม่กล้า ต้องช่วยกันหน่อย
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึงทัศนคติของประชาชนในพื้นที่ที่มีต่อเจ้าหน้าที่รัฐว่า ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา พวกนี้เป็นพวกโฆษณาชวนเชื่อเก่ง พอมีอะไรปุ๊บก็จุดพลุ คนไม่รู้เรื่องพอสื่อกระพือก็ตามเลย วันนี้ต้องช่วยกัน อย่างบางคนเห่าหอนอยู่คนเดียว แล้วสื่อก็โค้ชอยู่เรื่อย มันให้ความสำคัญเกินไป ตรงนี้ต้องดูหน่อย ส่วนที่มีรายงานข่าวว่าหลังเดือนรอมฎอน ประชาชนในพื้นที่บางส่วนจะโยกย้ายออกจากพื้นที่ เพราะพวกก่อการร้ายออกใบปลิวจะฆ่าคนดีเพื่อตอบโต้รัฐที่ไล่ล่าอย่างหนักนั้น นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวก่อน ตอนนี้ยังไม่ได้รับการร้องเรียนมา แต่เดี๋ยวจะไปดู ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะจัดการเอง