xs
xsm
sm
md
lg

สภาเถื่อน!“ประทิน”ต่อย“อดุลย์”กลางที่ประชุม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สภาเถื่อน"ประทิน"ฟาดปาก"อดุลย์"ส.ว.แม่ฮ่องสอน3หมัดซ้อนกลางที่ประชุมสภาฯ หลังอีกฝ่ายพาดพิงส.ว.แม่ฮ่องสอนค้าขายกับ"ขุนส่า"จนเกิดการวางมวยในที่สุดด้าน"ประทิน"สำนึกผิดอ้างทำไปเพราะสัญชาตญาณ

วันนี้ (3พ.ย.)การประชุมวุฒิสภาเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.40 น. โดยมีนายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธาน ก่อนที่วุฒิสภาจะพิจารณากระทู้ถามต่างๆซึ่งมี 9 กระทู้ โดยนายสมควร จิตแสง ส.ว.ขอนแก่น ได้ขอหารือโดยหยิบยกเอกสารของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กรุงเทพฯ ที่ชื่อว่า “ความจริงที่ตากใบ “ มาตำหนิว่า เอกสารนี้เป็นความจริงทั้งหมดหรือไม่ นายเจิมศักดิ์ มีผลงานออกมาทุกเดือนที่เกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวก็ไม่ติดใจอะไร แต่กรณีของอำเภอตากใบเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ตนเองไม่ได้พูดเรื่องนี้ไม่ใช่ไม่รู้หนาวรู้ร้อน แต่เพราะไม่รู้ข้อเท็จจริง ที่ผ่านมาต่างฝ่ายต่างพูดไม่ตรงกัน เหมือนกับตาบอดคลำช้าง หากเนื้อหาในเอกสารไม่เป็นความจริงเท่ากับไปช่วยโจรปกป้องคนชั่ว และยังซ้ำเติมประชาชนด้วย อย่างไรก็ตามการไปสอบถามกลุ่มผู้ชุมนุมถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องให้การปกป้องตนเอง เหตุการณ์ได้ผ่านไปแล้วไม่ทราบว่าจะหยิบยกขึ้นมาเพราะอะไร ในขณะที่ศพที่ไร้ญาติเหตุใดไม่ไปตรวจสอบว่าเป็นใคร คนเหล่านี้ได้รับเงินสนับสนุนมาจากต่างชาติหรือไม่ หากนายเจิมศักดิ์ สามารถหาข้อเท็จจริงได้เร็วก็ควรไปหาว่าใครที่ฆ่าพระและฆ่าคนบริสุทธิ์

นายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา ชี้แจงว่า เรื่องนี้มีคนรับผิดชอบชัดเจนคือนายเจิมศักดิ์ ถือเป็นความคิดเห็นส่วนตัว สามารถเผยแพร่ได้โดยอิสระ ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนจะเชื่อหรือไม่

ชี้พฤติกรรม"เจิมศักดิ์"ทำวุฒิเสื่อมเสีย
ขณะที่พล.อ.วิชา ศิริธรรม ส.ว.จันทบุรี ได้อภิปรายตำหนิอย่างรุนแรงว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องความมั่นคง ส.ว.จะต้องวางตัวเป็นกลาง แต่นายเจิมศักดิ์ กลับใช้ความแค้นรัฐบาลชุดนี้ ถือเป็นเรื่องส่วนตัว นายเจิมศักดิ์ ไม่ใช่ฝ่ายค้านแต่เป็นฝ่ายแค้น แต่กลับมาทำให้วุฒิสภาเสียความเป็นกลางไปด้วย ทั้งนี้นายเจิมศักดิ์ มีเจตนาบิดเบือน หากปล่อยไว้อาจทำให้เสียดินแดนครั้งที่ 7 ใน 3 จังหวัดภาคใต้ได้

อย่างไรก็ตามในเอกสารดังกล่าวเนื้อหาตรงกันข้ามกับที่พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันทน์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม โดยระบุว่ามีบางรายถูกยิงถูกซ้อม แต่พญ.คุณหญิง พรทิพย์ ได้ชันสูตรศพยืนยันว่า คนถูกจับไม่มีบาดแผลที่ทำให้เกิดอันตรายจนเสียชีวิต นอกจากการขาดอากาศหายใจ นายเจิมศักดิ์ ลงไปในพื้นที่เพียงไม่กี่ชั่วโมงและไม่กล้าค้างคืนด้วย แล้วนำข้อมูลมาบิดเบือนหากจะโกรธนายกรัฐมนตรีไม่ว่าอะไร แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

พล.อ.วิชา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้กรณีที่มีการค้นพบอาวุธที่อ้างว่าพบนอกตัวผู้ชุมนุมและกล่าวหาทางการว่าไม่พิสูจน์ว่าอาวุธใช้ได้หรือไม่ ทั้งนี้ทุกคนทราบดีว่า การพกพาอาวุธสงครามมีโทษจำคุกถึง 10 ปี คงไม่มีใครกล้าเอามาในที่ชุมนุมแน่นอน

“ผมรู้สึกอึดอัดมานาน เรื่องของนายเจิมศักดิ์ ผมนึกตำหนิประธานที่เสียความเป็นกลางจะเกลียดจะโกรธท่านนายกรัฐมนตรีมีสิทธิทำได้ แต่ในฐานะ ส.ว. หมวกใบนี้ต้องเป็นกลาง ผมอยากรู้ว่านายเจิมศักดิ์ใช้งบอะไรมาพิมพ์หนังสือนี้และพิมพ์กันที่ไหน” พล.อ.วิชา กล่าว
ด้านนายคำนวณ เหมาะประสิทธิ์ ส.ว.อุตรดิตถ์ อภิปรายว่า ปัญหาภาคใต้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะต้องอาศัยข้อมูลและข้อเท็จจริง แต่กรณีที่มีคนมาเสียชีวิตจำนวนมากในภายหลังตนเองรับไม่ได้ เพราะคนเหล่านี้อยู่ในการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ ขอให้เอาคนผิดมาลงโทษให้ได้

อีกฝ่ายหนุน"เจิมศักดิ์"ชี้มีอิสระทำได้
ขณะที่นายบุญทัน ดอกไธสง ส.ว.นครราชสีมา และพ.ญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ ส.ว.นครสวรรค์ กลับอภิปรายสนับสนุนนาบเจิมศักดิ์ โดยระบุว่า เป็นสิทธิเสรีภาพในทางวิชาการที่นายเจิมศักดิ์จะนำมาเผยแพร่ได้ ควรเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน เราต้องหาทางป้องกันขอให้ตั้งสติอย่าได้ใช้เวทีนี้มาด่ากัน

นายสมพงษ์ สระกวี ส.ว.สงขลา กล่าวว่า ขณะนี้มีการพูดกันคนละครั้ง รู้สึกกันคนละด้าน และมีความคิดกันคนละขั้ว เมื่อวานนี้ก็มีการหยิบยกเอกสารของพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ส.ว.สระบุรี ขึ้นมาอภิปราย ซึ่งหลายคนรู้สึกอึดอัด เรืองนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กและไม่ควรให้พูดกันคนละที ในเมื่อมีครรลองประชาธิปไตยและจารีตประเพณีอยู่ จึงน่าจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกรัฐสภาเกี่ยวกับปัญหาภาคใต้ ทั้งนี้มีสมาชิกเรียกร้องให้มีการประชุมร่วมกัน 2 สภาเพื่อพิจารณาปัญหาภาคใต้โดยเฉพาะ แม่ทัพภาค 4 ก็พูดชัดเจนว่า ทหารต้องถูกสอบสวนแน่นอน แต่ยืนยันไม่มีใครบีบในการย้ายตัวเองออกจากพื้นที่ ไม่ทราบว่าเหตุการณ์ในภาคใต้ต้องตายอีกกี่คน เจ้าหน้าที่ตองถูกสอบอีกกี่คนหรืออดีตนายกรัฐมนตรีต้องออกมาพูดอะไรอีกหรือมีประชาชนออกมาประท้วงนายเจิมศักดิ์หรือพล.ต.มนูญกฤต ขอให้ใช้ครรลองวิถีรัฐสภา หากรัฐบาลไม่ดำเนินการสมาชิกอาจจะไปร่วมเซ็นชื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปเอง

วอนใช้ม.213เปิดประชุมสภาฯ
“ผมขอเรียกร้องให้มีการเปิดเวทีรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาได้ซักถามนายกฯและคณะรัฐมนตรี และกรณีที่นายกรัฐมนตรีให้สัญญากับ ส.ว.ว่าจะมาพูดคุยซักถามเต็มวันในเดือนพฤศจิกายนนี้ มาพูดในหลายปัญหาหรือเฉพาะปัญหาภาคใต้ก็ได้ ขณะนี้ใกล้ปิดสมัยประชุมแล้วก็หวังว่าประธานฯ ประสานงานกับรัฐบาล ขอเวลา 1 วันในเดือนนี้เพื่อให้มาพูดกันถึงปัญหาของชาติด้วยความเต็มใจของผู้บริหารประเทศ” นายสมพงษ์ กล่าว
นายสุชน ชี้แจงอีกครั้งว่า ได้ประสานไปเบื้องต้นแล้วว่านายกรัฐมนตรีจะมาพูดคุยกับสมาชิก แต่วันเวลาที่แน่นอนยังไม่ทราบ ขณะนี้วุฒิสภาเหลือเวลาการประชุมอีก 3 สัปดาห์ โดยการประชุมวันสุดท้ายจะเป็นวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้

นายเจิมศักดิ์ ชี้แจงว่า เป็นครั้งแรกที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งนี้การเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร และโรงพยาบาลปัตตานี ได้ไปในนามคณะกรรมาธิการของวุฒิสภา 3 คณะคือ คณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบปัญหาภาคใต้ คณะกรรมาธิการการต่างประเทศและคณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยเดินทางไป 13 คน ซึ่งได้พบ ส.ส.ไทยรักไทย เลขานุการ รมว.กลาโหม แม่ทัพและรองแม่ทัพภาคที่ 4 รวมทั้งนายทหารและแพทย์ที่อยู่ในค่าย ทั้งนี้ตนเขียนหนังสือเล่มนี้อย่างเปิดเผยโปร่งใส เป็นข้อเท็จจริงไม่ได้แอบซ่อนอะไร ทำอย่างตรงไปตรงมาถือเป็นการทำตามหน้าที่ ส.ว.และคณะกรรมาธิการฯ โดยใช้ภาษีประชาชน ไม่ได้แอบไป หากเขียนอะไรผิดพลาดคนที่เดินทางไปด้วยคงทักท้วงแล้ว คงไม่เอาชื่อตัวเองมาขายแน่นอน ซึ่งแตกต่างจากคนที่คิดเอาเองว่าไม่น่าจะเป็นความจริงและนำมาอภิปรายตน อย่างไรก็ตามข้อมูลต่างๆ ได้มาจากในค่ายทหาร สอบถามนายทหาร แม่ทัพภาคที่ 4 รวมทั้งแพทย์ในค่ายเกี่ยวกับการสลายผู้ชุมนุม การขนย้ายผู้ชุมนุม ซึ่งได้สอบถามว่า เมื่อเกิดเหตุคนเสียชีวิตในตอนแรกๆ ได้ติดต่อไปยังรถที่ยังไม่ได้เคลื่อนให้เปลี่ยนแปลงวิธีการหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่ได้ติดต่อไป และเนื้อหาเกี่ยวกับคนที่บาดเจ็บก็มาจากรายงานทางการแพทย์ของโรงพยาบาล ซึ่งมีการสอบถามแพทย์ที่โรงพยาบาลด้วย

"เจิมศักดิ์"ยืนยันข้อเขียนเป็นจริง
นายเจิมศักดิ์ชี้แจงด้วยว่า เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องอารมณ์ ความรู้สึกมาปิดบังข้อเท็จจริง ซึ่งการดำเนินนโยบายของรัฐบาลผิดพลาดเป็นการสร้างความแตกแยกไม่แต่เฉพาะภายนอก แต่ความแตกแยกได้เกิดขึ้นภายในสภาด้วย ตอนนี้กลายเป็นพวกมึงพวกกู พวกเค้าพวกเรา จนยากที่จะเยียวยา ที่ผ่านมา 4 ปีรัฐบาลนี้ใช้ความรุนแรง มีผู้เสียชีวิตเกือบ 4,000 ศพ ดังนั้นนายกฯหมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการชี้แจงของนายเจิมศักดิ์ ได้หยิบยกเนื้อหาในเอกสารมาชี้แจงถึงรายละเอียด จึงทำให้นายอดุลย์ วันไชยธนวงศ์ ส.ว.แม่ฮ่องสอน ได้ขอให้นายเจิมศักดิ์ อภิปรายในสิ่งที่ถูกพาดพิงไม่ใช่มาชี้แจงเนื้อหาของเอกสาร แต่ปรากฎว่า พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ส.ว.กรุงเทพฯ ได้ประท้วงว่า มีคนมากล่าวหานายเจิมศักดิ์ในทางไม่ดีถึง 2 คน ก็ควรให้โอกาสนายเจิมศักดิ์ ชี้แจงข้อเท็จจริง เพราะอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ นายเจิมศักดิ์ ได้ลงไปในพื้นที่และนำข้อเท็จจริงมารายงานต่อสภา แต่กลับมาถูกต่อว่าจากคนที่ไม่ได้เดินทางไป อย่างไรก็ตามใครที่ค้าขายกับขุนส่า ตนเองจะทำรายงานเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)ตรวจสอบว่ามีใครบ้าง อย่างไรก็ตามการพูดของพล.ต.อ.ประทินดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจให้นายอดุลย์อย่างมาก จนต้องประท้วงโดยย้ำว่า ใครก็ทราบดี "ขุนส่า"อยู่ภาคเหนือ จึงน่าจะหมายถึงตนเอง เพราะตนเองเป็น ส.ว.ภาคเหนือ คนที่พูดเช่นนี้เท่ากับใส่ร้ายจะเชื่อถือได้อย่างไร เนื่องจากคนนี้เคยพูดในสภาฯว่า "ถุย"แล้วมาแก้ตัวว่าเป็นคำสุภาพ แต่ได้ไปตรวจสอบนพจนานุกรมแล้วคำนี้หมายความว่าเอาน้ำออกจากปาก ส่วนนายเจิมศักดิ์ ได้ระบุว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ทราบว่าใครเป็นคนค้ากับขุนส่า

เดือด! "ประทิน"ชกปาก"อดุลย์"
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายสุชน ได้ตัดบทให้นายเจิมศักดิ์ อภิปรายต่อ แต่ปรากฎว่า นายอดุลย์ ได้ตะโกนต่อว่า “ทุเรศ” โดยไม่ได้ผ่านไมค์โครโฟน ทำให้พล.ต.อ.ประทิน ตะโกนตอบโต้ไปว่า "ไอ้หมอนี่ มันพูดคำว่าทุเรศ" อย่างไรก็ตามในระหว่างที่นายเจิมศักดิ์ กำลังอภิปรายต่อ นายอดุลย์ ได้เดินรี่เข้ามาหาพล.ต.อ.ประทิน พร้อมใช้มือชี้ไปที่พล.ต.อ.ประทิน และเมื่อนายอดุลย์เดินมาใกล้ตัว พล.ต.อ.ประทิน ได้ลุกขึ้น พร้อมใช้มือซ้ายชกไปที่ปากนายอดุลย์ 1 หมัด พร้อมตามด้วยหมัดขวาที่บริเวณหน้าอก และสุดท้ายใช้หมดซ้ายชกสวนกลับไปที่บริเวณคางของนายอดุลย์อีก 1 หมัด ก่อนที่สมาชิกที่อยู่ใกล้เหตุการณ์เข้ามาแยกตัว 2 คนออกจากกันท่ามากลางการพูดต่อว่ากันทั้ง 2 คน และเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวนายอดุลย์ออกจากห้องประชุมไป ขณะที่พล.ต.อ.ประทิน ก็ได้กลับไปนั่งในที่นั่งเดิม

นายอดุลย์ ได้เข้าชี้แจงภายหลังเหตุการณ์ว่า เรื่องราวของตนรวมทั้งรูปคงจะปรากฏตามสื่อทั่วประเทศ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากคำพูดว่าใครค้าขายกับขุนส่าและจะส่งให้ ป.ป.ส.ดำเนินการ ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ว่าขุนส่ามีอิทธิพลและค้ายาเสพติดรายใหญ่ รวมทั้งนายเจิมศักดิ์ได้ลุกขึ้นย้ำคำพูดเรื่องขุนส่าอีก ซึ่งก็คงหมายถึงตนเองเพราะอยู่แม่ฮ่องสอนขอยืนยันว่าตั้งแต่เกิดมาในชีวิตไม่เคยรู้จักกับขุนส่าสามารถให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบประวัติได้ เรื่อนี้ทำให้เสียหายมากกล้าสาบานต่อหน้าวัดพระแก้วและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าไม่เคยค้าขายและรู้จักกับขุนส่า แต่ยอมรับว่าน้องก็มีอาชีพรับเหมาค้าวัสดุก่อสร้าง แต่ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าตนเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาตนไปตัดคอได้เลย

นายอดุลย์ ชี้แจงอีกว่าได้เดินเข้าไปหาพล.ต.อ.ประทิน ที่เดินเข้าไปไม่ได้จะไปทำอะไร เพียงแต่สอบถามว่าให้เอ่ยชื่อว่าเป็นตนเองหรือไม่ แต่ก็ถูกทำร้าย

"อดุลย์"ระบุถูกต่อยจนปากแตก
"ผมถูกต่อย ปากผมแตกและยังแดงอยู่เลย ผมอยู่สภามา 4 ปีกว่า มีความรักสถาบันไม่เคยทำให้สถาบันเสียหายหรือเสื่อมเสีย ต่อให้มาทำร้ายผมให้สลบและตายตรงนี้ ทำร้ายผมเลย ผมจะไม่ตอบโต้ ผมไม่ต้องการให้สภาเสียหาย ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะผมไม่มีทีท่าคุกคาม”นายอดุลย์ กล่าว

"ประทิน"ชี้ทำไปเพราะสัญชาตญาณ
ด้านพล.ต.อ.ประทิน ตอบโต้ทันทีว่า ทราบว่ามีใครทำมาค้าขายกับขุนส่า ขุนส่าเคยสร้างเมืองใหม่ ก็ต้องมีคนมาติดต่อค้าขาย แต่ใครค้าขายในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรก็รับไป เรื่องที่เกิดขึ้นหันไป มีการชี้หน้าตนเองแล้วเดินเข้ามาเข้าเกือบถึงที่นั่งตนก็ลุกไปพบ"สัญชาตญาณ" ก็ต้องป้องกันตัว อายุมากเมื่อภัยมาถึงก็ต้องป้องกันตัวไม่ติดใจไม่ว่าเด็กรุ่นไหนจะทำอะไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุชน ซึ่งทำหน้าที่ประธานได้ขอให้เจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยดูและเรื่องดังกล่าว ทำให้เรื่องราวสงบลง ซึ่งนายภิญญา ช่วยปลอด ส.ว.สุราษฏร์ธานี ได้เสนอญัตติขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการเฉพาะกิจเพื่อหาตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่สภ.อ.ตากใบ เพราะตนสับสนเนื่องจากมีหลายคนและกรรมาธิการฯลงไปพื้นที่ ก็ไม่รู้จะฟังใคร วุฒิสภาเป็นองค์กรควรจะตั้งกรรมาธิการเฉพาะกิจลงไปจะไม่ฟังใคร ขณะที่นายสุชน ชี้แจงว่า สมัยประชุมสภานี้เป็นสมัยสามัญนิติบัญัติ ไม่สามารถตั้งญัตติได้ แต่จะรับเรื่องนี้ไปหารือต่อไป
นายสุชน ให้สัมภาษณ์ภายหลังเกิดเหตุการณ์ชกต่อยในระหว่างการประชุมวุฒิสภา ว่า เชื่อว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของ ส.ว.ทั้ง 200 คน แต่การชกกันเป็นเรื่องส่วนตัวที่จะต้องไปปรับความเข้าใจกันเองขอให้พล.ต.อ.ประทินและนายอดุลย์ ตั้งสติและคิดให้ดี อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่รุนแรงเหมือนสภาของใต้หวันและคงไม่กระทบต่อการทำหน้าที่ของวุฒิสภาในการพิจารณากลั่นกรองกฎหมายหรือแต่งตั้งบุคคลเข้ไปดำเรงตำแหน่งในองค์กรต่างๆเพื่อคานอำนาจรัฐบาล ส่วนจะมีการนำระเบียบประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการจะนำมาใช้หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่จะต้องหารือกันอีกครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสมาชิก

ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ ส.ว.หลายคนได้จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบางคนถึงปรารถว่า คล้ายกับสภาไต้หวันไปทุกที
 

(ชมภาพวีดิโอ นาทีส.ว.ชกปากกันกลางสภา)





กำลังโหลดความคิดเห็น