•• สรรพสิ่งมี 2 ด้านเสมอ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดูเหมือนว่า ราศีขึ้น เมื่อได้รับความไว้วางใจอีกครั้งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้เป็นผู้บัญชาการดูแล งานข่าวกรอง (ที่รวมศูนย์มาที่ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกเหนือไปจากที่เป็นผู้บัญชาการดูแลสั่งการ การจัดวางและการใช้กำลังทหาร-ตำรวจ แต่ก่อนหน้าสองสามวัน วาจาไม่ระมัดระวัง ที่มีออกมาต่อกรณี สังหารผู้พิพากษา 17 กันยายน 2547 กำลังจะทำให้ท่าน ราศีตก โดยเฉพาะหลังการพบปะหารือกันเป็นการภายในของ ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมกลุ่มใหญ่ เมื่อ วันที่ 21 กันยายน 2547 เรามาร่วมกันพิจารณาวาจาที่ว่านั้นกันอีกสักครั้ง “...ผู้ตายไม่น่าจะออกเดินทางไปคนเดียว เพราะเป็นเรื่องของผู้ก่อการร้าย รัฐบาลรู้อยู่แล้วฝ่ายตรงข้ามจะทำอะไร ห้ามไม่ได้ และจริง ๆ แล้วเรามีมาตรการ ทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรการด้วย เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นระดับวีไอพี และไปเกี่ยวข้องกับการตัดสินคดี ต้องรู้จักระวังตัวเองสักนิด ถ้ารู้ว่าจะได้รับอันตราย น่าจะให้ทหารตำรวจเข้าไปคุ้มกันให้ ไม่ใช่ไปกันเดี่ยว ๆ.” ก่อนที่อะไรต่อมิอะไรจะไปไกลกว่านี้ “เซี่ยงเส้าหลง” ว่า ลูกผู้ชายที่แท้ อย่าง พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร น่าจะยุติสถานการณ์ด้วยการเดินหน้าออกมา ขอโทษผู้ตายและสถาบันตุลาการอย่างเป็นทางการ สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ วันนี้เป็นเรื่องของ คนไทยทุกคนทุกฝ่าย ที่ต้อง หันหน้าเข้าหากัน, เปิดใจให้กว้าง, รับฟัง, หารือ และ ไม่โยนความผิดให้แก่กัน ในชั้นนี้คงจะพูดได้เพียงเท่านี้ก่อน
•• ข้อเสนอเรื่อง Court Marshals ที่ จุดประกาย เสนออกมาจาก สำนักงานศาลยุติธรรม นั้นสะท้อนให้เห็นถึง ความไม่ไว้วางใจในเจ้าหน้าที่หน่วยอื่น รวมทั้ง ทหาร, ตำรวจ ออกมาระดับหนึ่ง
•• ณ วันนี้จึงไม่มีเหตุผลใดที่ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ในฐานะ ผู้บัญชาชั้นสูง ของ เจ้าหน้าที่หน่วยอื่น ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจตนาจะใช้คำพูดให้ผู้ได้ยินได้ฟัง เข้าใจไปเอง ได้ว่า ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมรายแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกสังหาร นั้นสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะ ไม่รู้จักระวังตัว, ไม่ปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัย อันอาจทำให้ตีความไปเองได้ว่านี่คือปฏิบัติการ ซ้ำเติม, ทำร้ายคนที่ตายแล้ว ในสถานการณ์การ เมืองที่ ตึงเครียด ขณะนี้อย่าให้เกิด เงื่อนไข ที่เป็น โทษ ต่อ รัฐบาล เลยจะดีกว่า
•• ลักษณะของ Court Marshals เหนือกว่า เจ้าหน้าที่รปภ., ตำรวจศาล ตรงที่จะเป็น เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และเป็น เจ้าหน้าที่ภายใต้การบังคับบัญชาของสำนักงานศาลยุติธรรม มีหน้าที่นอกเหนือจาก รักษาความปลอดภัย แล้วยัง บังคับใช้กฎหมาย ต่อ บุคคลที่อยู่ภายใต้อำนาจศาล หากเกิดมีขึ้นจริง ๆ จะเท่ากับ เปลี่ยนแปลงระบบกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ในระดับสำคัญ “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าหากนึกรูปธรรมไม่ออกก็ให้นอกนึกเทียบเคียงกับหน่วย US Marshals ของ สหรัฐอเมริกา ที่ขึ้นตรงต่อ ศาล ใครเป็นแฟนภาพยนตร์ฮอลิวูดก็คงจะจำได้ว่า ทอมมี ลี โจนส์ มักจะรับบทเป็น แซมวล เจอร์ราร์ด ในหลาย ๆ เรื่อง US Marshals (ผู้แปลบทภาพยนตร์มักจะใช้คำไทยว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พิเศษ ) ก็คือ ตำรวจระบบหนึ่งในหลายระบบ หากนำมาใช้ในบ้านเราโดยยังไม่มีการ ทบทวนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาทั้งระบบ, ปฏิรูประบบตำรวจ ก็คงจะ ยุ่ง เพราะจนทุกวันนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่จริง ๆ แล้วก็คือ ตำรวจระบบใหม่ ยัง ไม่ประสบความสำเร็จ เลย
•• การแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้นั้นหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จับเข้าคุยกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ มอบความไว้วางใจให้ น่าจะส่งผลใน เชิงบวก ระดับหนึ่ง
•• เพราะในหมู่รัฐมนตรีด้วยกัน “เซี่ยงเส้าหลง” ยัง ให้น้ำหนัก ใน 2 ทฤษฎีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เคยเสนอออกมา ทฤษฎีดอกไม้หลากสี, ทฤษฎีถอยคนละ 3 ก้าว น่าเสียดายที่ ถูกเบรก โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในสองสามวันต่อมา
•• แม้จะรู้ว่าเป็น เป็นไปได้ยากมากในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็เสนอ แนวคิดนอกกรอบ ระหว่างไปปราศรัยที่บริเวณ มัสยิดกรือเซะ เมื่อ เดือนมิถุนายน 2547 ออกมาอย่างไม่หวั่น ก้อนอิฐ โดยพูดถึง มหานครปัตตานี ที่จะเป็น เขตปกครองตนเองปัตตานี ในทำนอง Autonomous Region ถือว่าเป็นการปราศรัยที่ กล้าหาญ, ไม่ถนอมตัว เพราะมีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะทำให้ ถูกโจมตีอย่างหนัก ว่า สนับสนุนกบฏ, สนับสนุนการล้มล้างรัฐ และ สนับสนุนขบวนการแบ่งแยกดินแดน ไม่ต่างกับที่เคยประสบชะตากรรมถูกกล่าวหามาแล้วว่า สนับสนุนสภาเปรซิเดียมแบบโซเวียต หากย้อนพิจารณาดูถ้อยคำแล้ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พูดอย่างมี เงื่อนไขบังคับก่อน โดย ไม่ผูกมัดตนเอง โดยมีคำว่า “ถ้า...” และ “อาจ...” เสมือนเป็นการเสนอสิ่งที่ “เซี่ยงเส้าหลง” เคยเรียกว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มีความเป็นไปได้มากกว่า ขึ้นมาเปรียบเทียบกับ ผลิตภัณฑ์เก่า ในนาม ประเทศปัตตานีดารุสลาม, รัฐอิสระปัตตานีดารุสลาม ที่โดยเนื้อแท้ ขายไม่ออกมานานแล้ว สารัตถะรวมทั้งเงื่อนไขบังคับก่อนที่จะต้องเกิดขึ้นก่อนคืออะไรขอให้ดูจากคำปราศรัยส่วนนี้ “...ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันสร้างสันติสุข ด้วยการถอยหลังคนละ 3 ก้าว ยุติความขัดแย้ง ยุติความหวาดระแวง และร่วมมือกันพัฒนาปัตตานีให้เป็นเมือง เป็นมหานครปัตตานี หากทุกฝ่ายร่วมมือกันทำให้เป็นบ้านเมืองที่สงบ ประชาชนมีการศึกษา มีคุณภาพชีวิต มีงานทำ ต่อไป...อาจมีการสถาปนาให้มหานครปัตตานีเป็นเขตปกครองตนเอง เช่นเดียวกับเมืองพัทยา สามารถบริหารจัดการท้องถิ่นได้เอง.” นอกจากนั้นยังได้พูดถึง ทฤษฎีดอกไม้หลายสี ที่จะต้องประกอบไปด้วย หลายศาสนา, หลายเชื้อชาติ และให้รายละเอียดว่าจะมี พระราชบัญญัติเฉพาะ ที่ให้อำนาจ เก็บภาษีเอง, เลือกตั้งกันเองทุกระดับจนถึงระดับผู้ว่าราชการจังหวัด โดยฟันธง หัวใจของปัญหา ไว้ว่า “...เราต้องยอมรับว่าความรู้สึกในหัวใจของประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือการดูแลปกครองตัวเอง มีอิสระ เสรีภาพในการทำทุกอย่างด้วยตัวเอง โดยผ่านทางการปกครองท้องถิ่น ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข.” การปราศรัยเช่นนี้ 2 ครั้ง 2 หนในวันเดียวทั้งที่ มัสยิดกรือเซะ และที่ วัดช้างให้ โดยมีการขยายความเพิ่มเติมว่า มหานครปัตตานี นั้นจะขยายขึ้นมาจาก อบจ.ปัตตานี โดยรวม ยะลา, นราธิวาส รูปแบบการปกครองตนเองของท้องถิ่นเป็น มหานคร เช่นนี้จะเป็น นโยบายรัฐบาล ที่จะเกิดขึ้นในอีกหลายพื้นที่เช่น มหานครภูเก็ต (รวม พังงา, กระบี่ ) และ มหานครเชียงใหม่ (รวม เชียงราย ) โดยจะพัฒนาเป็นขั้นตอนจาก อบจ. เป็น เมือง ก่อนที่จะเป็น มหานคร ช่างเป็น แนวคิดนอกกรอบที่ยิ่งใหญ่ หาได้ยาก
•• น่าเสียดายที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นเพียง รองนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รองนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้รับความไว้วางใจปล่อยให้ทำงานเต็มที่จากนายกรัฐมนตรี และน่าเสียดายที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็น อดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อดีตหัวหน้าพรรคการเมืองที่ถูกยึดพรรคไปแล้ว (เริ่มต้นจาก ขายฝากพรรค แล้ว ขาดส่งดอก จน ดอกท่วมต้น ) จึง ไร้น้ำหนัก เท่าที่ควร
•• ขอทวนความจำให้ว่าเรื่อง ทฤษฎีดอกไม้หลากสี, ทฤษฎีถอย 3 ก้าว ที่ท้ายสุดจะจบลงด้วย มหานครปัตตานี จบลงง่าย ๆ เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พูดออกมาว่าแม้จะ เห็นด้วยในหลักการ แต่ยังไม่เห็น รายละเอียด และ ไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วน ถ้าจะริเริ่มทำได้ก็ต้องอีก อย่างน้อย 3 ปี เอวัง
•• จะเป็นความจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ “เซี่ยงเส้าหลง” เห็นว่าเรื่องนี้อยู่ที่ การอ่านโจทย์, การตีความโจทย์ ว่าปัญหาหลักที่เป็น เชื้อเพลิง ประเภท จุดวาบต่ำ (อย่างเช่น แอลกอฮอล์เหลว) ที่ก่อให้เกิดความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คืออะไรระหว่าง ความยากจน, ความด้อยพัฒนา กับ ความต้องการคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของตนเอง ถ้าอ่านโจทย์ตีโจทย์ว่าเป็นปัญหาแรกก็ต้องถือว่า Autonomous Region ไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วน วิธีแก้ปัญหาก็ไม่ยาก ทุ่มเงิน, ทุ่มโครงการ ลงไป ทุกรูปแบบ แต่ถ้าปรากฏว่านี่คือ การอ่านโจทย์ผิด-การตีโจทย์ไม่แตก อีก 3 ปีข้างหน้า ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปถึงขั้นไหน
•• คนวงในและวงนอกที่เป็น กัลยาณมิตร ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เห็นว่านายกรัฐมนตรีคนนี้โดยพื้นฐานแล้วเป็น คนรับฟังเหตุผล, พร้อมจะปรับเปลี่ยนเสมอ และ ฉลาดหลักแหลม หากได้ ข้อมูลถูกต้อง-ครบถ้วน โดยไม่มีกระบวนการ เบี่ยงเบน, อคติ หรือ Bias ก็สามารถจะ ประมวลออกมาเป็นชุดแนวทางที่เหมาะสม คล้าย ๆ กับการทำงานของ คอมพิวเตอร์ แต่ที่เป็นปัญหาคือบรรดา คนแวดล้อม, คนใกล้ชิด ที่บำเพ็ญตนเป็น ผนังทองแดงกำแพงเหล็ก อย่างชนิดที่กล่าวได้ว่า มากเกินไป จนเกือบจะกลายเป็น ปิดกั้น ส่งผลให้ผู้เป็น นาย ที่นั่งอยู่ ปลายทาง นั้น หมดโอกาสรับฟังเหตุผลบางด้าน เหมือนสภาพของคอมพิวเตอร์ที่ ได้ข้อมูลไม่ครบถ้วน ทำให้ผลที่ประมวลออกมามีโอกาส ผิดเพี้ยน ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของจุดเริ่มต้น สงครามเย็นยุคใหม่ ที่มีทั้งรูปแบบและเนื้อหา ใหม่, ไม่เคยปรากฏมา ก่อน และ พัฒนาเร็วมากอย่างแยกไม่ออกจากสถานการณ์สากล ยิ่งจำเป็นจะต้องมี คนแวดล้อม, คนใกล้ชิด ที่ถึงพร้อมไปด้วย วุฒิภาวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ่านประสบการณ์ – สั่งสมเป็นบทเรียนในอดีต ในระดับที่พอจะนำมา เปรียบเทียบ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่ประตูแห่ง ความเข้าใจ ความจำเป็นประการนี้ยิ่งมีมากขึ้นจนจะต้องขีดเส้นใต้ด้วยสีแดงสองสามเส้นเป็นการเน้นย้ำภายใต้พื้นฐานความจริงที่ว่า ไม่ว่านายกรัฐมนตรีคนที่ 23 จะฉลาดหลักแหลมเพียงใดแต่ข้อจำกัดประการหนึ่งคือท่านขาดประสบการณ์โดยตรงในยุคสงครามเย็นยุคเก่า ไม่ใช่ความผิดของท่านที่ไม่ว่าในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516, 6 ตุลาคม 2519 หรือแม้แต่ พฤษภาคม 2535 ท่านล้วนอยู่ระหว่าง ศึกษาในต่างประเทศ, ผลักดันธุรกิจให้รุดหน้า ประสบการณ์ในด้าน ความมั่นคง หรือนัยหนึ่ง การบริหารจัดการความมั่นคง ของท่านจึงน้อยกว่า การบริหารจัดการธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยุทธศาสตร์การตลาด มากทีเดียว
•• ไม่ใช่เรื่องของ วัย หากแต่เป็นเรื่องของ ประสบการณ์, บทเรียน ในกรณีนี้เราจะเห็นได้ว่า จาตุรนต์ ฉายแสง ที่เสมือน อับแสง ไปเป็นปี ๆ กลับมา ฉายแสง ได้อย่าง เด็ดเดี่ยว, แหลมคม เมื่อได้รับมอบหมายจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ลงไป ศึกษาปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อช่วง เมษายน – พฤษภาคม 2547 จนสามารถนำข้อเท็จจริงมาผนึกประสานกับ ประสบการณ์เก่า, บทเรียนเดิม ก่อรูปเป็น หลักการ 7 ประการ ชนิดที่ สังคมขานรับ และสามารถขึ้นชั้นมาเทียบชั้นกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ทั้งนี้จะเพราะอะไรเล่าถ้าไม่ใช่เพราะรองนายกรัฐ มนตรีจากแปดริ้วคนนี้ที่เมื่อ 30 ปีก่อนดำรงตำแหน่ง นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผ่านประสบการณ์โดยตรงจากทั้ง วันที่ 14 ตุลาคม 2516 และ วันที่ 6 ตุลาคม 2519 มาแล้วอย่าง เจ็บปวด ละหรือ
•• เช่นเดียวกับ สุรชาติ บำรุงสุข ที่มานั่งทำงานเป็น ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ที่ผลิตข้อเสนอแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็น ปึก ๆ ก่อนจะมาเป็น นักวิชาการที่เชี่ยว ชาญด้านความมั่นคง ก็คือ อดีตจำเลยคดี 6 ตุลาคม 2519 เหล่านี้คือ แหล่งข้อมูลอันประเสริฐ โดยแท้
•• ไม่ต้องตัดความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจาก ยงยุทธ ติยะไพรัช และ เนวิน ชิดชอบ หรอก “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าเพียงแต่หันมา ให้ความสำคัญ กับคนระดับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ, จาตุรนต์ ฉายแสง และ สุรชาติ บำ รุงสุข อย่าง จริงจัง, จริงใจ บ้าง
•• เพราะจนถึงวันนี้ ยงยุทธ ติยะไพรัช ยังคงได้รับมอบหมายให้ทำงานสำคัญเกี่ยวกับ ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากตำแหน่งเปิดเผย เลขานุการ ของ คณะทำงานของนายกรัฐมนตรีในการพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ชุดล่าสุดที่มี เนวิน ชิดชอบ เป็น ประธาน ) ที่มีภารกิจเป็น หน่วยเคลื่อนที่เร็ว เพื่อ สร้างงาน 1 แสนตำแหน่ง เท่าที่ “เซี่ยงเส้าหลง” ได้ยินมาการแบ่งงานใน สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เขายังดูแลรับผิดชอบด้าน ความมั่นคง (รวม ข่าวกรอง ) แสดงให้เห็นถึง ความไม่ธรรมดา เพราะขนาดก่อนหน้านี้เคย ขัด กับ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ มาแล้วยัง รักษาที่มั่น ได้อย่าง เหนียวแน่น แน่นอนว่านี่เป็นคนหนึ่งที่ เรียนรู้งาน, เรียนรู้ตัวนายกรัฐมนตรี ได้ เร็ว และมี ความคล่องแคล่วว่องไว ชนิด สั่งง่ายใช้คล่อง, แค่มองตาก็รู้ใจ และ ตามงาน (ไม่ต่างกับประธานคณะทำงานชุดนี้ เนวิน ชิดชอบ ) แต่เท่านี้ยัง ไม่เพียงพอ สำหรับ สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนและละเอียดอ่อน ที่เกิดขึ้น
•• ภายใต้พื้นฐานทั่วไปที่ในยาม เริ่มต้นสงคราม แนวโน้มของเสียงส่วนใหญ่ในส่วน เจ้าหน้าที่รัฐด้านความมั่นคง มักจะมี ความโน้มเอียง ไปในทาง เหยี่ยว หากได้ แม่บ้าน, ด่านสุดท้าย ของผู้ดำรงตำแหน่งผู้นำประ เทศ เดินไปบนทิศทางเดียวกัน ก็เท่ากับเป็น แรงบวก ที่จะนำไปสู่การมองปัญหาภาพรวมเป็นแค่ อาชญา กรรมทั่วไป ไม่ใช่ ประเด็นทางการเมืองที่ละเอียดอ่อน ผู้นำประเทศจะได้แต่ข้อมูลและข่าวสารชนิด ทางเดียว ไม่มี ทางเลือกเชิงนโยบาย ขึ้นมา
•• ภายใต้พื้นฐานทั่วไปที่ในยาม เริ่มต้นสงคราม มักจะไม่ค่อยมีที่ว่างสำหรับ ฝ่ายเป็นกลาง, ฝ่ายการเมืองนำ หรือ พิราบ อยู่แล้วเพราะจะถูกขนาบกระหน่ำจาก เหยี่ยวของทั้ง 2 ฟากฝ่าย ทั้ง ขวา และ ซ้าย เป็นสัจธรรมทั่วไปแล้วกระมังว่าเมื่อ สงครามเริ่มต้น ฝ่ายที่จะ ตายก่อน คือ ฝ่ายเป็นกลาง, ฝ่ายการเมืองนำ หรือ พิราบ จากนั้นคนที่จะ ตายตามมา ในที่สุดเมื่อ สงครามสิ้นสุด ก็คือ เหยี่ยวฝ่ายขวา และ เหยี่ยวฝ่ายซ้าย พูดง่าย ๆ ว่าเมื่อสิ้นสุดสงครามแล้ว ทุกฝ่ายตายหมด แต่ทว่า ฝ่ายเป็นกลางตายก่อน เท่านั้นเอง

•• โลกยุคใหม่ที่คือ โลกแห่งความรุนแรง, โลกแห่งความไร้เหตุผล, โลกแห่งการแก้แค้น, โลกที่ใช้ความตายเป็นอาวุธ ที่ไม่ว่าเราจะยอมรับความจริงเต็ม 100 อย่างเปิดเผยเมื่อไรหรือไม่ก็ตาม ความจริงที่ดำรงอยู่ คือโลกที่ไม่พึงปรารถนานี้เริ่มย่างเข้าสู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกำลังจะ ม้วนให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโลกเดียวกัน ความสำเร็จหรือความล้มเหลวในการแก้ปัญหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มี ความหมายอย่างยิ่ง ทั้งต่อคนรุ่นปัจจุบันและคนรุ่นลูกรุ่นหลาน
•• เพราะหาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกม้วนให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งความรุนแรงของสงครามเย็นยุคใหม่ ปริมณฑลแห่งความทมิฬหินชาติและสยองขวัญในอนาคตอันใกล้จะ ไม่จำกัดอยู่แต่เฉพาะใน 3 จังหวัดภาคใต้ หากแต่จะขยายไป ทั่วประเทศ ในทุกจุดที่มี ผลประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่าย ตั้งอยู่
•• ปัญหาใน 3 จังหวัดภาคใต้วันนี้แม้โดยวาทะแล้วเสมือน รวมศูนย์ อยู่ที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แต่จริง ๆ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระจายออกไปให้ คณะทำงานหลายชุด ทั้ง พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร, จาตุ รนต์ ฉายแสง และ เนวิน ชิดชอบยังไม่พักต้องพูดว่าในแต่ละชุดก็ยังมี สายตรงลัดขึ้นถึงตัวท่านเองอีก
•• ข้อเสนอเรื่อง Court Marshals ที่ จุดประกาย เสนออกมาจาก สำนักงานศาลยุติธรรม นั้นสะท้อนให้เห็นถึง ความไม่ไว้วางใจในเจ้าหน้าที่หน่วยอื่น รวมทั้ง ทหาร, ตำรวจ ออกมาระดับหนึ่ง
•• ณ วันนี้จึงไม่มีเหตุผลใดที่ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ในฐานะ ผู้บัญชาชั้นสูง ของ เจ้าหน้าที่หน่วยอื่น ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจตนาจะใช้คำพูดให้ผู้ได้ยินได้ฟัง เข้าใจไปเอง ได้ว่า ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมรายแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกสังหาร นั้นสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะ ไม่รู้จักระวังตัว, ไม่ปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัย อันอาจทำให้ตีความไปเองได้ว่านี่คือปฏิบัติการ ซ้ำเติม, ทำร้ายคนที่ตายแล้ว ในสถานการณ์การ เมืองที่ ตึงเครียด ขณะนี้อย่าให้เกิด เงื่อนไข ที่เป็น โทษ ต่อ รัฐบาล เลยจะดีกว่า
•• ลักษณะของ Court Marshals เหนือกว่า เจ้าหน้าที่รปภ., ตำรวจศาล ตรงที่จะเป็น เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และเป็น เจ้าหน้าที่ภายใต้การบังคับบัญชาของสำนักงานศาลยุติธรรม มีหน้าที่นอกเหนือจาก รักษาความปลอดภัย แล้วยัง บังคับใช้กฎหมาย ต่อ บุคคลที่อยู่ภายใต้อำนาจศาล หากเกิดมีขึ้นจริง ๆ จะเท่ากับ เปลี่ยนแปลงระบบกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ในระดับสำคัญ “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าหากนึกรูปธรรมไม่ออกก็ให้นอกนึกเทียบเคียงกับหน่วย US Marshals ของ สหรัฐอเมริกา ที่ขึ้นตรงต่อ ศาล ใครเป็นแฟนภาพยนตร์ฮอลิวูดก็คงจะจำได้ว่า ทอมมี ลี โจนส์ มักจะรับบทเป็น แซมวล เจอร์ราร์ด ในหลาย ๆ เรื่อง US Marshals (ผู้แปลบทภาพยนตร์มักจะใช้คำไทยว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พิเศษ ) ก็คือ ตำรวจระบบหนึ่งในหลายระบบ หากนำมาใช้ในบ้านเราโดยยังไม่มีการ ทบทวนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาทั้งระบบ, ปฏิรูประบบตำรวจ ก็คงจะ ยุ่ง เพราะจนทุกวันนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่จริง ๆ แล้วก็คือ ตำรวจระบบใหม่ ยัง ไม่ประสบความสำเร็จ เลย
•• การแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้นั้นหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จับเข้าคุยกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ มอบความไว้วางใจให้ น่าจะส่งผลใน เชิงบวก ระดับหนึ่ง
•• เพราะในหมู่รัฐมนตรีด้วยกัน “เซี่ยงเส้าหลง” ยัง ให้น้ำหนัก ใน 2 ทฤษฎีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เคยเสนอออกมา ทฤษฎีดอกไม้หลากสี, ทฤษฎีถอยคนละ 3 ก้าว น่าเสียดายที่ ถูกเบรก โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในสองสามวันต่อมา
•• แม้จะรู้ว่าเป็น เป็นไปได้ยากมากในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็เสนอ แนวคิดนอกกรอบ ระหว่างไปปราศรัยที่บริเวณ มัสยิดกรือเซะ เมื่อ เดือนมิถุนายน 2547 ออกมาอย่างไม่หวั่น ก้อนอิฐ โดยพูดถึง มหานครปัตตานี ที่จะเป็น เขตปกครองตนเองปัตตานี ในทำนอง Autonomous Region ถือว่าเป็นการปราศรัยที่ กล้าหาญ, ไม่ถนอมตัว เพราะมีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะทำให้ ถูกโจมตีอย่างหนัก ว่า สนับสนุนกบฏ, สนับสนุนการล้มล้างรัฐ และ สนับสนุนขบวนการแบ่งแยกดินแดน ไม่ต่างกับที่เคยประสบชะตากรรมถูกกล่าวหามาแล้วว่า สนับสนุนสภาเปรซิเดียมแบบโซเวียต หากย้อนพิจารณาดูถ้อยคำแล้ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พูดอย่างมี เงื่อนไขบังคับก่อน โดย ไม่ผูกมัดตนเอง โดยมีคำว่า “ถ้า...” และ “อาจ...” เสมือนเป็นการเสนอสิ่งที่ “เซี่ยงเส้าหลง” เคยเรียกว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มีความเป็นไปได้มากกว่า ขึ้นมาเปรียบเทียบกับ ผลิตภัณฑ์เก่า ในนาม ประเทศปัตตานีดารุสลาม, รัฐอิสระปัตตานีดารุสลาม ที่โดยเนื้อแท้ ขายไม่ออกมานานแล้ว สารัตถะรวมทั้งเงื่อนไขบังคับก่อนที่จะต้องเกิดขึ้นก่อนคืออะไรขอให้ดูจากคำปราศรัยส่วนนี้ “...ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันสร้างสันติสุข ด้วยการถอยหลังคนละ 3 ก้าว ยุติความขัดแย้ง ยุติความหวาดระแวง และร่วมมือกันพัฒนาปัตตานีให้เป็นเมือง เป็นมหานครปัตตานี หากทุกฝ่ายร่วมมือกันทำให้เป็นบ้านเมืองที่สงบ ประชาชนมีการศึกษา มีคุณภาพชีวิต มีงานทำ ต่อไป...อาจมีการสถาปนาให้มหานครปัตตานีเป็นเขตปกครองตนเอง เช่นเดียวกับเมืองพัทยา สามารถบริหารจัดการท้องถิ่นได้เอง.” นอกจากนั้นยังได้พูดถึง ทฤษฎีดอกไม้หลายสี ที่จะต้องประกอบไปด้วย หลายศาสนา, หลายเชื้อชาติ และให้รายละเอียดว่าจะมี พระราชบัญญัติเฉพาะ ที่ให้อำนาจ เก็บภาษีเอง, เลือกตั้งกันเองทุกระดับจนถึงระดับผู้ว่าราชการจังหวัด โดยฟันธง หัวใจของปัญหา ไว้ว่า “...เราต้องยอมรับว่าความรู้สึกในหัวใจของประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือการดูแลปกครองตัวเอง มีอิสระ เสรีภาพในการทำทุกอย่างด้วยตัวเอง โดยผ่านทางการปกครองท้องถิ่น ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข.” การปราศรัยเช่นนี้ 2 ครั้ง 2 หนในวันเดียวทั้งที่ มัสยิดกรือเซะ และที่ วัดช้างให้ โดยมีการขยายความเพิ่มเติมว่า มหานครปัตตานี นั้นจะขยายขึ้นมาจาก อบจ.ปัตตานี โดยรวม ยะลา, นราธิวาส รูปแบบการปกครองตนเองของท้องถิ่นเป็น มหานคร เช่นนี้จะเป็น นโยบายรัฐบาล ที่จะเกิดขึ้นในอีกหลายพื้นที่เช่น มหานครภูเก็ต (รวม พังงา, กระบี่ ) และ มหานครเชียงใหม่ (รวม เชียงราย ) โดยจะพัฒนาเป็นขั้นตอนจาก อบจ. เป็น เมือง ก่อนที่จะเป็น มหานคร ช่างเป็น แนวคิดนอกกรอบที่ยิ่งใหญ่ หาได้ยาก
•• น่าเสียดายที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นเพียง รองนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รองนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้รับความไว้วางใจปล่อยให้ทำงานเต็มที่จากนายกรัฐมนตรี และน่าเสียดายที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็น อดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อดีตหัวหน้าพรรคการเมืองที่ถูกยึดพรรคไปแล้ว (เริ่มต้นจาก ขายฝากพรรค แล้ว ขาดส่งดอก จน ดอกท่วมต้น ) จึง ไร้น้ำหนัก เท่าที่ควร
•• ขอทวนความจำให้ว่าเรื่อง ทฤษฎีดอกไม้หลากสี, ทฤษฎีถอย 3 ก้าว ที่ท้ายสุดจะจบลงด้วย มหานครปัตตานี จบลงง่าย ๆ เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พูดออกมาว่าแม้จะ เห็นด้วยในหลักการ แต่ยังไม่เห็น รายละเอียด และ ไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วน ถ้าจะริเริ่มทำได้ก็ต้องอีก อย่างน้อย 3 ปี เอวัง
•• จะเป็นความจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ “เซี่ยงเส้าหลง” เห็นว่าเรื่องนี้อยู่ที่ การอ่านโจทย์, การตีความโจทย์ ว่าปัญหาหลักที่เป็น เชื้อเพลิง ประเภท จุดวาบต่ำ (อย่างเช่น แอลกอฮอล์เหลว) ที่ก่อให้เกิดความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คืออะไรระหว่าง ความยากจน, ความด้อยพัฒนา กับ ความต้องการคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของตนเอง ถ้าอ่านโจทย์ตีโจทย์ว่าเป็นปัญหาแรกก็ต้องถือว่า Autonomous Region ไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วน วิธีแก้ปัญหาก็ไม่ยาก ทุ่มเงิน, ทุ่มโครงการ ลงไป ทุกรูปแบบ แต่ถ้าปรากฏว่านี่คือ การอ่านโจทย์ผิด-การตีโจทย์ไม่แตก อีก 3 ปีข้างหน้า ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปถึงขั้นไหน
•• คนวงในและวงนอกที่เป็น กัลยาณมิตร ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เห็นว่านายกรัฐมนตรีคนนี้โดยพื้นฐานแล้วเป็น คนรับฟังเหตุผล, พร้อมจะปรับเปลี่ยนเสมอ และ ฉลาดหลักแหลม หากได้ ข้อมูลถูกต้อง-ครบถ้วน โดยไม่มีกระบวนการ เบี่ยงเบน, อคติ หรือ Bias ก็สามารถจะ ประมวลออกมาเป็นชุดแนวทางที่เหมาะสม คล้าย ๆ กับการทำงานของ คอมพิวเตอร์ แต่ที่เป็นปัญหาคือบรรดา คนแวดล้อม, คนใกล้ชิด ที่บำเพ็ญตนเป็น ผนังทองแดงกำแพงเหล็ก อย่างชนิดที่กล่าวได้ว่า มากเกินไป จนเกือบจะกลายเป็น ปิดกั้น ส่งผลให้ผู้เป็น นาย ที่นั่งอยู่ ปลายทาง นั้น หมดโอกาสรับฟังเหตุผลบางด้าน เหมือนสภาพของคอมพิวเตอร์ที่ ได้ข้อมูลไม่ครบถ้วน ทำให้ผลที่ประมวลออกมามีโอกาส ผิดเพี้ยน ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของจุดเริ่มต้น สงครามเย็นยุคใหม่ ที่มีทั้งรูปแบบและเนื้อหา ใหม่, ไม่เคยปรากฏมา ก่อน และ พัฒนาเร็วมากอย่างแยกไม่ออกจากสถานการณ์สากล ยิ่งจำเป็นจะต้องมี คนแวดล้อม, คนใกล้ชิด ที่ถึงพร้อมไปด้วย วุฒิภาวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ่านประสบการณ์ – สั่งสมเป็นบทเรียนในอดีต ในระดับที่พอจะนำมา เปรียบเทียบ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่ประตูแห่ง ความเข้าใจ ความจำเป็นประการนี้ยิ่งมีมากขึ้นจนจะต้องขีดเส้นใต้ด้วยสีแดงสองสามเส้นเป็นการเน้นย้ำภายใต้พื้นฐานความจริงที่ว่า ไม่ว่านายกรัฐมนตรีคนที่ 23 จะฉลาดหลักแหลมเพียงใดแต่ข้อจำกัดประการหนึ่งคือท่านขาดประสบการณ์โดยตรงในยุคสงครามเย็นยุคเก่า ไม่ใช่ความผิดของท่านที่ไม่ว่าในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516, 6 ตุลาคม 2519 หรือแม้แต่ พฤษภาคม 2535 ท่านล้วนอยู่ระหว่าง ศึกษาในต่างประเทศ, ผลักดันธุรกิจให้รุดหน้า ประสบการณ์ในด้าน ความมั่นคง หรือนัยหนึ่ง การบริหารจัดการความมั่นคง ของท่านจึงน้อยกว่า การบริหารจัดการธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยุทธศาสตร์การตลาด มากทีเดียว
•• ไม่ใช่เรื่องของ วัย หากแต่เป็นเรื่องของ ประสบการณ์, บทเรียน ในกรณีนี้เราจะเห็นได้ว่า จาตุรนต์ ฉายแสง ที่เสมือน อับแสง ไปเป็นปี ๆ กลับมา ฉายแสง ได้อย่าง เด็ดเดี่ยว, แหลมคม เมื่อได้รับมอบหมายจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ลงไป ศึกษาปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อช่วง เมษายน – พฤษภาคม 2547 จนสามารถนำข้อเท็จจริงมาผนึกประสานกับ ประสบการณ์เก่า, บทเรียนเดิม ก่อรูปเป็น หลักการ 7 ประการ ชนิดที่ สังคมขานรับ และสามารถขึ้นชั้นมาเทียบชั้นกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ทั้งนี้จะเพราะอะไรเล่าถ้าไม่ใช่เพราะรองนายกรัฐ มนตรีจากแปดริ้วคนนี้ที่เมื่อ 30 ปีก่อนดำรงตำแหน่ง นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผ่านประสบการณ์โดยตรงจากทั้ง วันที่ 14 ตุลาคม 2516 และ วันที่ 6 ตุลาคม 2519 มาแล้วอย่าง เจ็บปวด ละหรือ
•• เช่นเดียวกับ สุรชาติ บำรุงสุข ที่มานั่งทำงานเป็น ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ที่ผลิตข้อเสนอแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็น ปึก ๆ ก่อนจะมาเป็น นักวิชาการที่เชี่ยว ชาญด้านความมั่นคง ก็คือ อดีตจำเลยคดี 6 ตุลาคม 2519 เหล่านี้คือ แหล่งข้อมูลอันประเสริฐ โดยแท้
•• ไม่ต้องตัดความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจาก ยงยุทธ ติยะไพรัช และ เนวิน ชิดชอบ หรอก “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าเพียงแต่หันมา ให้ความสำคัญ กับคนระดับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ, จาตุรนต์ ฉายแสง และ สุรชาติ บำ รุงสุข อย่าง จริงจัง, จริงใจ บ้าง
•• เพราะจนถึงวันนี้ ยงยุทธ ติยะไพรัช ยังคงได้รับมอบหมายให้ทำงานสำคัญเกี่ยวกับ ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากตำแหน่งเปิดเผย เลขานุการ ของ คณะทำงานของนายกรัฐมนตรีในการพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ชุดล่าสุดที่มี เนวิน ชิดชอบ เป็น ประธาน ) ที่มีภารกิจเป็น หน่วยเคลื่อนที่เร็ว เพื่อ สร้างงาน 1 แสนตำแหน่ง เท่าที่ “เซี่ยงเส้าหลง” ได้ยินมาการแบ่งงานใน สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เขายังดูแลรับผิดชอบด้าน ความมั่นคง (รวม ข่าวกรอง ) แสดงให้เห็นถึง ความไม่ธรรมดา เพราะขนาดก่อนหน้านี้เคย ขัด กับ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ มาแล้วยัง รักษาที่มั่น ได้อย่าง เหนียวแน่น แน่นอนว่านี่เป็นคนหนึ่งที่ เรียนรู้งาน, เรียนรู้ตัวนายกรัฐมนตรี ได้ เร็ว และมี ความคล่องแคล่วว่องไว ชนิด สั่งง่ายใช้คล่อง, แค่มองตาก็รู้ใจ และ ตามงาน (ไม่ต่างกับประธานคณะทำงานชุดนี้ เนวิน ชิดชอบ ) แต่เท่านี้ยัง ไม่เพียงพอ สำหรับ สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนและละเอียดอ่อน ที่เกิดขึ้น
•• ภายใต้พื้นฐานทั่วไปที่ในยาม เริ่มต้นสงคราม แนวโน้มของเสียงส่วนใหญ่ในส่วน เจ้าหน้าที่รัฐด้านความมั่นคง มักจะมี ความโน้มเอียง ไปในทาง เหยี่ยว หากได้ แม่บ้าน, ด่านสุดท้าย ของผู้ดำรงตำแหน่งผู้นำประ เทศ เดินไปบนทิศทางเดียวกัน ก็เท่ากับเป็น แรงบวก ที่จะนำไปสู่การมองปัญหาภาพรวมเป็นแค่ อาชญา กรรมทั่วไป ไม่ใช่ ประเด็นทางการเมืองที่ละเอียดอ่อน ผู้นำประเทศจะได้แต่ข้อมูลและข่าวสารชนิด ทางเดียว ไม่มี ทางเลือกเชิงนโยบาย ขึ้นมา
•• ภายใต้พื้นฐานทั่วไปที่ในยาม เริ่มต้นสงคราม มักจะไม่ค่อยมีที่ว่างสำหรับ ฝ่ายเป็นกลาง, ฝ่ายการเมืองนำ หรือ พิราบ อยู่แล้วเพราะจะถูกขนาบกระหน่ำจาก เหยี่ยวของทั้ง 2 ฟากฝ่าย ทั้ง ขวา และ ซ้าย เป็นสัจธรรมทั่วไปแล้วกระมังว่าเมื่อ สงครามเริ่มต้น ฝ่ายที่จะ ตายก่อน คือ ฝ่ายเป็นกลาง, ฝ่ายการเมืองนำ หรือ พิราบ จากนั้นคนที่จะ ตายตามมา ในที่สุดเมื่อ สงครามสิ้นสุด ก็คือ เหยี่ยวฝ่ายขวา และ เหยี่ยวฝ่ายซ้าย พูดง่าย ๆ ว่าเมื่อสิ้นสุดสงครามแล้ว ทุกฝ่ายตายหมด แต่ทว่า ฝ่ายเป็นกลางตายก่อน เท่านั้นเอง
•• โลกยุคใหม่ที่คือ โลกแห่งความรุนแรง, โลกแห่งความไร้เหตุผล, โลกแห่งการแก้แค้น, โลกที่ใช้ความตายเป็นอาวุธ ที่ไม่ว่าเราจะยอมรับความจริงเต็ม 100 อย่างเปิดเผยเมื่อไรหรือไม่ก็ตาม ความจริงที่ดำรงอยู่ คือโลกที่ไม่พึงปรารถนานี้เริ่มย่างเข้าสู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกำลังจะ ม้วนให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโลกเดียวกัน ความสำเร็จหรือความล้มเหลวในการแก้ปัญหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มี ความหมายอย่างยิ่ง ทั้งต่อคนรุ่นปัจจุบันและคนรุ่นลูกรุ่นหลาน
•• เพราะหาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกม้วนให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งความรุนแรงของสงครามเย็นยุคใหม่ ปริมณฑลแห่งความทมิฬหินชาติและสยองขวัญในอนาคตอันใกล้จะ ไม่จำกัดอยู่แต่เฉพาะใน 3 จังหวัดภาคใต้ หากแต่จะขยายไป ทั่วประเทศ ในทุกจุดที่มี ผลประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่าย ตั้งอยู่
•• ปัญหาใน 3 จังหวัดภาคใต้วันนี้แม้โดยวาทะแล้วเสมือน รวมศูนย์ อยู่ที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แต่จริง ๆ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระจายออกไปให้ คณะทำงานหลายชุด ทั้ง พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร, จาตุ รนต์ ฉายแสง และ เนวิน ชิดชอบยังไม่พักต้องพูดว่าในแต่ละชุดก็ยังมี สายตรงลัดขึ้นถึงตัวท่านเองอีก