รายการ “ฅนในข่าว” ช่อง 11news1 ประจำวันศุกร์ที่ 3 กันยายน 2547 อัญชลีพร กุสุมภ์ และ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ สนทนากับ บัญชา อ่อนดี บรรณาธิการ “ผู้จัดกวน” และ ต่อพงษ์ เศวตามร์ บรรณาธิการข่าวบันเทิงเครือ “ผู้จัดการ” ในหัวข้อ หัวข้อ “ผู้จัดการ…ก๊วน กวน” ในงานฎรวมพลคนข่าว2004" เมืองทองธานี

อัญชลีพร - สวัสดีค่ะ
จินดารัตน์ - สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับเข้าสู่รายการฅนในข่าวนะคะ ค่ำคืนวันนี้เรายกทีมกันมาอยู่ที่ เมืองทองธานี
อัญชลีพร - ใช่ค่ะ เป็นฅนในข่าวสัญจรกันอีกคืนนึงนะคะ เพราะว่าฅนในข่าวของเรานี่ต้องทันต้องด่วนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ
อัญชลีพร - ในฐานะของคนข่าวเนี่ยนะคะ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเนี่ยคงจะไม่มีอะไรที่จะเด่นและก็น่าสนใจไปกว่าในเรื่องของข่าว นอกจากกิจกรรมของเราที่เมืองทองธานี
จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ เรามากันในงาน THAILAND PRESS FAIR 2004 ครบรอบ 50 ปีของรวมพลคนข่าววันนี้นะคะ เรามานั่งกันอยู่ตรงนี้ผู้จัดการก็มาตั้งบูชกันอยู่ที่มุมนึงของอิมแพคเมืองทองธานีแห่งนี้ ผู้คนให้ความสนใจกันมากเลยค่ะคุณอัญชลีพร
อัญชลีพร - ใช่ค่ะ มีสื่อทุกแขนงเลยนะคะมาออกงานในวันนี้จริงๆ แล้วเรามาแนะนำคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เราก่อนดีมั้ยคะ มีใครบ้างดิฉันขออนุญาติแนะนำเลยนะคะ คุณบัญชา อ่อนดีนะคะ บรรณาธิการผู้จัดกวนค่ะ
จินดารัตน์ - และอีกท่านนึงดิฉันของแนะนำล่ะกันคนนี้ บรรณาธิการข่าวบันเทิงในเครือผู้จัดการด้วยนะคะ คุณต่อพงษ์ เศวตามร์ นะคะ สวัสดีค่ะ
อัญชลีพร - ขออนุญาติถามเลยล่ะกัน จะให้เรียกว่าป๋าบัญ หรือให้เรียกว่าคุณบัญชาหรือว่าท่านบัญชาดีคะ
บัญชา - เรียกคุณบัญชาดีกว่าครับ
อัญชลีพร - แล้วการที่จะเรียกป๋าบัญนี่อนุญาติให้ใครเรียกได้คะ
บัญชา - ก็ใครเรียกก็ได้ครับ
อัญชลีพร - นั่งอยู่นี่เครียดมั้ยคะ
บัญชา - ไม่ได้เครียดครับปกติเป็นคนอย่างนี้อยู่แล้ว
จินดารัตน์ - มีคนสงสัยอย่างนี้คุณอัญชลีพร ป๋าเนี่ยหน้าตาอย่างนี้ไม่น่าจะเขียนการ์ตูนตลกได้เนอะ
อัญชลีพร - มีแรงบันดาลใจจากอะไรคะตลกเนี่ยค่ะ
บัญชา - ตอนแรกต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่ามันบังเอิญว่าผมชื่อบัญชาพอดี
อัญชลีพร - กี่ปีแล้วคะป๋าบัญ
บัญชา - น่าจะสัก 2 – 3 ปี สำหรับผู้จัดกวนนะครับ
จินดารัตน์ - คอลัมน์อะไรที่ผู้จัดกวนที่คนอ่านมากที่สุดคะ
บัญชา - น่าจะเป็นข่าว
จินดารัตน์ - พาดหัวข่าว

บัญชา - มันคงรวมๆ กัน เพราะว่าจะมีทั้งภาพเอาไปตัดต่อและก็การ์ตูนและก็วิธีการเขียนด้วย เพราะว่าบางทีคิดข่าวที่จะเอามาเขียนเอามาล้อไม่ได้ แต่ว่าก็จะใช้วิธีเขียนเนื้อข่าวเข้าไปด้วยคือมันจะต้องกลมกลืนกันไม่งั้นมันก็ไม่สมบูรณ์ แต่ว่าบาททีมันอาจจะไม่สมบูรณ์ทุกวัน เพราะว่าคือยิ่งตอนนี้มันออกรายวันมันต้องทำวันต่อวันทุกวัน บางทีจริงๆ แล้วต้องปิดข่าวประมาณ 4 โมงเย็น 3 โมงครึ่งผมยังคิดไม่ออกเลย
จินดารัตน์ - เวลาจะเลือกเรื่องเลือกนักการเมืองแต่ะละคนเอามารีทัชภาพเนี่ยคุยกันก่อนมั้ยหรือว่ายังไง
บัญชา - ก็จะคุยมันจะเริ่มต้นจาก เพราะว่าผู้จัดกวนเนี่ยบางทีคนยังไม่รู้เลยว่าข่าวจริงข่าวปลอม เพราะว่ามันจะต้องอิงกับกระแสของข่าวแต่ละวันเป็นหลัก เพราะไม่อย่างนั้นคนก็ไม่สนใจ
จินดารัตน์ - ตกลงว่าคุณต่อทำอะไรบ้างคะ เขียนคอลัมน์ไหนยังไงบ้าง
ต่อพงษ์ - ก็ที่จริงแล้วผมคือดูภาพรวมของข่าวบันเทิงทั้งหมดทิศทางของมันที่ในผู้จัดการออนไลน์ แล้วก็ผู้จัดการรายวัน ส่วนตัวจริงๆ เนี่ยถ้านับหนังสือพิมพ์เนี่ยผมเขียนแค่คอลัมน์ดนตรีแค่นั้นเองในหนังสือเนี่ยคือออกทุกวันศุกร์
จินดารัตน์ - และเด็กๆ ในทีมมีกี่คนคะ
ต่อพงษ์ - เด็กในทีมมีอยู่ 7 คน
จินดารัตน์ - 7 คนนี่ต้องรู้เรื่องดาราทุกคนรึเปล่า
ต่อพงษ์ - ไม่จำเป็นครับ เราทำงานเราทำกันเป็นลักษณะกรุ๊ปมากกว่าคือทุกคนรู้เรื่องบางเรื่องเฉพาะทางเราก็จะจับมารวมกันเอาเฉพาะจุดที่เค้ารู้มา คือในฐานะเราเป็นบรรณาธิการเนี่ยเราก็จะเอาส่วนที่เค้ารู้ดูสิว่าเราจะเล่นอะไรได้บ้าง
อัญชลีพร - จริงๆ แล้วแนวคิดของเราเนี่ยโดยเฉพาะเราเป็นหนังสือพิมพ์ธุรกิจคิดในเรื่องบันเทิงต่างจากหนังสือพิมพ์ทั่วไปอย่างไร
ต่อพงษ์ - คือจริงๆ แล้วผมมองเรื่องมิติของมันว่ามันต้องมีความชัดเจนในเรื่องที่เราจะนำเสนอ คือถ้าเราดูข่าวบันเทิงปกติทั่วๆ ไปเนี่ยมันจะเป็นเหมือนข่าวที่มันไม่ชัดสักอย่างว่าจริงๆ แล้วจะเสนออะไร
อัญชลีพร - เช่นอะไร มันไม่ชัดยังไง
ต่อพงษ์ - แต่ว่ามันไม่ได้ตอบคำถามของคนอ่านไงครับ ในแง่ของเราๆ คิดว่ามันควรจะต้องมีคำตอบ คือมันอาจจะไม่ชัดเจนมาก แต่อย่างน้อยมันต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้ว่าเหตุและผลของการกระทำของข่าวเนี่ยมันเป็นยังไง
อัญชลีพร - ข้อเท็จจริงเนี่ยหาได้ยังไงหรือว่าพอประเมินและประมาณว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ เลย
ต่อพงษ์ - คือผมคิดว่าคนทำข่าวทุกคนจะมีหลักถ้าเรียนมามันจะมีหลักที่เราจะจิ๊กซอร์เรื่องบางเรื่องได้สมมุติว่ามันมีกลิ่นนึงขึ้นมาเนี่ยเราสามารถที่จะตามได้
จินดารัตน์ - ไปปะติดปะต่อเรื่องของเค้า
ต่อพงษ์ - ใช่มันจิ๊กซอว์ออกมาได้ แล้วจริงๆ คำตอบสุดท้ายมันจะอยู่ที่ตัวคนที่เป็นข่าวนั่นเองว่าเค้าจะออกมาพูดยังไง ซึ่งเค้าอาจจะจริงหรือไม่จริงไม่ทราบ แต่ว่าหน้าที่ของเรา คือเราให้ข้อมูลกับผู้อ่านทุกคนอยู่แล้วเค้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อมันเป็นเรื่องของเค้า
จินดารัตน์ - แต่ว่าไม่ได้มีการสรุปว่าผิดหรือถูกแต่เสนอข้อเท็จจริง
ต่อพงษ์ - ใช่ คือดาราหรือคนๆ นั้นอาจจะออกมาปฏิเสธก็ได้ว่าไม่จริงมันเป็นข่าวลือ แต่ว่าเราก็ได้ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่
อัญชลีพร - คุณต่อตอนเรื่องน้องแน็ทดังเนี่ยวางตัวยังไงตอนนั้น
ต่อพงษ์ - คือเรื่องของน้องแน็ทเนี่ยเราถือว่าน้องแน็ทเป็นปุถุชน คือผมไม่ได้มองอะไรเลยคือผมมองเรื่องของน้องแน็ทเนี่ยเป็นปรากฏการณ์อันนึงที่มันเกิดขึ้นทั่วไปแค่นั้นเองสำหรับวงการบันเทิง ซึ่งเราไม่มีทางรู้ความจริงเด็ดขาดว่าอะไรมันคือเรื่องจริงกันแน่ เหตุที่เกิดขึ้นทุกคนมาเห็นเนี่ยก็ต่อเมื่อมันได้โผล่ออกมาแล้ว แต่ว่ากว่าที่จะโผล่ออกมาเนี่ยมันเป็นยังไง
อัญชลีพร - เค้าเรียกว่ามีผลผลิตไม่ได้โผล่
ต่อพงษ์ - เราก็เลยมองน้องแน็ทเป็นปรากฏการณ์นึงเท่านั้นเอง จริงๆ ผมก็คิดว่าสื่อทุกสำนักก็มองคล้ายๆ กัน
อัญชลีพร - แล้วคุณรู้รึเปล่าว่ามีคนเค้าวิพากย์วิจารณ์ทำไมถึงต้องหยิบนางเอกหนังเอ๊กซ์คนนึง ซึ่งไม่ควรจะเป็นกิจกรรมที่ได้รับการยอมรับในสังคม
จินดารัตน์ - มีคนเค้าถามว่าสื่อเนี่ยตกเป็นเหยื่อรึเปล่ารึว่าตั้งใจ
ต่อพงษ์ - ผมคิดว่าสื่อนะมันได้ประโยชน์ 2 ทาง คือ 1.สื่อก็ได้ประโยชน์ในแง่ของการให้มีคนอ่านข่าวของตัวเอง น้องแน็ทก็ได้ประโยชน์ที่จะทำให้เธอได้เป็นซินเดอเรลล่า
อัญชลีพร - เธอดังแล้ว เธอบอกเธออยากดังและเธอดังแล้ว
ต่อพงษ์ - เธอดังแล้วด้วยวิธีอะไรก็ตามที่ เพราะงั้นในเรื่องของการ คือเราไม่สามารถจะเอามโนธรรมบางอย่างมาตัดสินหรือมาจับได้อย่างเต็มที่นักกับเรื่องของสื่อ ไม่ว่ายังไงก็ตามข้อมูลหรือข่าวสารออกมาคำถามแรกที่มันต้องตั้งมาก็คือว่าคุณแน่ใจได้ไงว่าข่าวที่เค้าให้สัมภาษณ์หรือเค้าออกมาเป็นเรื่องจริง
จินดารัตน์ - แต่ว่าเวลาบางข่าวที่ทางเรานำเสนอไปเนี่ยนะคะ คนเค้าวิพากย์วิจารณ์กันว่ามันเหมาะสมรึเปล่าเอามาขายเพื่อที่จะเป็นจุดขายของสื่อของเราเองรึเปล่า แต่ทำไมไม่คิดถึงคุณธรรม
ต่อพงษ์ - คือผมคิดว่าบรรทัดฐานในเรื่องของคุณธรรมเนี่ยนะวันนี้มันได้เปลี่ยนรูปแบบในยุคของคนที่ค่อนข้างจะมีปัญหาในเรื่องของเศรษฐกิจในยุคที่คนเคยผ่านภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่สุดมาแล้วเนี่ย ผมคิดว่าตรงนี้มันเปลี่ยนไปคือถ้าสื่อมีหน้าที่รับใช้สังคมสื่อก็ต้องปรับตัวตรงนี้เหมือนกันกรอบบางอย่างบางทีมันต้องเอาเรื่องจริงมาพูดกัน ซึ่งเรื่องจริงอันนั้นเนี่ยมันอาจจะเป็นเรื่องที่ถ้าพูดไปอาจจะผิดศีลธรรมหรือผิดคุณธรรม แต่ถ้าเราไม่ทำหน้าที่เราก็ผิดอีกเหมือนกัน
จินดารัตน์ - คุณต่อกำลังจะบอกว่าเราต้องยอมรับความจริง
ต่อพงษ์ - ถูกต้อง
อัญชลีพร - ป๋าบัญเห็นด้วยรึเปล่าว่ามโนธรรมหรือว่าบางครั้งไม่มีใครรู้น้อยกว่าใครจริงมั้ยคุณต่อ
ต่อพงษ์ - ถูกต้อง
อัญชลีพร - เพียงแต่ว่ามันสมประโยชน์รึเปล่าใช้คำนี้ได้มั้ย

บัญชา - ก็เห็นด้วยครับ เพราะว่ามันก็อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ด้วยก็เลยมีผู้จัดกวนขึ้นมา คือผู้จัดกวนเนี่ยผมว่าคงจะต้องทำความเข้าใจกับคนอ่านอีกสักระยะนึง เพราะว่าบางคนไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จกันแน่บางคนก็จะรู้สึกว่ามันแรงไปคือผมเป็นคนทำผมก็ไม่ได้สักแต่ว่าทำคือจะล้อใครเล่นก็ได้สนุกๆ แต่ถ้าคิดดูให้ดีๆ คือมักจะมีคำถามว่าผู้จัดกวนไม่มีจรรยาบรรณอะไรทำนองนี้
อัญชลีพร - เวลาเค้าสะท้อนกลับเค้าสะท้อนกลับมาทางไหน
บัญชา - ในเว็บครับ ส่วนมากจะเป็นในเว็บ คือองค์รวมของข่าวเนี่ยมันน่าที่จะอยู่ตรงกระแสข่าวมากกว่าว่ามานำเสนอเรื่องอะไร
อัญชลีพร - อย่างครอบครัวท่านนายกล่ะไม่กลัวโกรธบ้างเหรอ
บัญชา - คือนักการเมืองหรือว่าดาราก็เหมือนๆ กันนะที่ว่าเหมือนกับเป็นคนของสาธารณะชนยังไงก็ต้องถูกวิพากย์วิจารณ์อยู่แล้วเพียงแต่ว่าคือมันแน่นอนครับว่าเราก็ต้องมีจรรยาบรรณมียั้งไว้บ้าง แต่ว่าเรามันอดไม่ได้หรอกครับ เพราะว่าถ้าสมมุติว่าเราไปแตะหรือว่าไปเขียนล้อใครสักคนนึงซึ่งคนอ่านไม่รู้จักเลยมันก็ไม่ได้ขายเค้านะครับ แต่นำเสนอความจริงมากกว่า
จินดารัตน์ - มีประเภทแบบเขียนไปแล้วๆ เจ้าตัวโกรธแล้วจะฟ้องอะไรอย่างเนี้ยมีมั้ยคะ
บัญชา - ฟ้องก็มีนะครับไม่ใช่ว่าไม่มี
อัญชลีพร - มันน่าจะมากกว่าหนึ่งนะคะ
บัญชา - มีครับ มีเยอะ เรื่องดาราสาวที่ไปเล่นการเมืองก็โดนเหมือนกันอันนั้นตัวผมโดนหนัก
จินดารัตน์ - แต่ว่าตรงหัวผู้จัดกวนก็เขียนอยู่แล้วว่าอะไรนะคะ
อัญชลีพร - ว่าไม่ใช่เรื่องจริงโปรดใช้วิจารณญาณในการฟ้อง
บัญชา - คือคนอ่านอาจจะเข้าใจแต่เจ้าตัวคนที่ถูกพาดพิงเค้าคงไม่อะไรด้วย
อัญชลีพร - รู้สึกแรงมั้ย ดิฉันว่าเรื่องนักการเมืองสาวนี่แรงนะ
บัญชา - ข่าวนั้นเนี่ยผม
อัญชลีพร - ไม่ได้เขียน
บัญชา - ผมเขียนเองเลย นอกจากเขียนเองแล้วก็คิดเองด้วย
จินดารัตน์ - แล้วเขียนไปรู้สึกมั้ยว่ามันแรง
อัญชลีพร - เสียใจมั้ย
บัญชา - พูดว่าไม่เสียใจก็ได้ครับ มันบังเอิญเป็นศัพท์ไทยที่เรียกว่าดิ้นไปได้เรื่อยคุณอาจจะคิดแบบนั้นก็ได้ แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้น
อัญชลีพร - เค้าคงจะเชื่อ
บัญชา - ก็ควรจะเชื่อนะผู้ชายคนนึงมาสารภาพกลางงานแบบนี้
<

b>อัญชลีพร - บริสุทธิ์ใจจริงๆ ใช่มั้ยคะงานนั้น
บัญชา - บริสุทธิ์ใจครับ
จินดารัตน์ - คุณต่อนี่เคยโดนประเภทนี้มั้ย
ต่อพงษ์ - คือประเด็นของเราๆ พูดสิ่งที่มันเกิดขึ้นหลายๆ เรื่องเราไม่ได้เมคขึ้นมามันเกิดขึ้นเองของมัน
จินดารัตน์ - ส่วนใหญ่จะไม่กล้าฟ้อง เพราะว่ากลัวจะมีการพิสูจน์อย่างนั้นรึเปล่าคะ
ต่อพงษ์ - คือผมไม่แน่ใจเนื่องจากมันยังไม่เคยมีการฟ้อง
อัญชลีพร - เดี๋ยวก่อนจะมาคุยกันต่อนะคะ เดี๋ยวช่วงนี้เราพักกันสักครู่ค่ะ
อัญชลีพร - เอาล่ะค่ะกลับมาคุยกันต่อนะคะกลับ 2 บรรณาธิการของเรา เคยนึกมั้ยจริงๆ คุณบัญชาคะวันๆ นึงทำงานมีความสุขหรือว่าเครียด
บัญชา - มีความสุขครับ ชอบทำงาน ไม่ได้คิดว่าทำงานด้วยซ้ำไปเหมือนกับเป็นชีวิตประจำวัน
อัญชลีพร - ชีวิตประจำวันคือทำอะไรบ้างคะ
จินดารัตน์ - ต้องดูพาดหัวข่าวก่อนมั้ยคะ แต่ละวันเนี่ยต้องดูก่อนรึเปล่าว่าวันนี้เค้าเล่าอะไร
บัญชา - คือเดี๋ยวนี้ทำงานหนังสือพิมพ์ในทัศนะผมนะทำง่ายกว่าแรกๆ ที่เข้ามาทำตื่นเช้ามาก็เปิดทุกช่องก็จะดูแล้วก็เหมือนมีคนมาเล่าข่าวให้เราไม่ต้องอ่านมาก เราจะรู้เลยว่าวันนี้มีข่าวอะไรที่น่าสนใจบ้าง มันไม่ใช่ข่าวผู้จัดกวนนะครับ เพราะว่าทำหนังสือพิมพ์ก็มันควรจะรู้ทุกข่าวส่วนเราจะช่ำชองชำนาญทางเรื่องไหนนั่นเป็นอีกเรื่องนึง
อัญชลีพร - จริงๆ แล้วแต่ละท่านเนี่ยมีประสบการณ์ในการทำข่าวมามากมั้ยคะ คุณบัญชาเป็นนักข่าวมาก่อนมั้ยคะ
บัญชา - ทีมผู้จัดกวนมีผมคนเดียวครับที่เป็นนักข่าวนอกนั้นเค้าเป็นทีมการ์ตูนครับ มีผมคนเดียวล่ะครับ
จินดารัตน์ - คุณต่อเวลาลูกทีมเขียนเรื่องสั้นเรื่องดาราคนนู้นคนนี้มาให้อ่านเคยมีไม่ผ่านมั้ยมันแรงไปมันหนักไป
ต่อพงษ์ - มีฮะ คือก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงเนี่ย ผมจะถามเด็กเสมอว่ามันมีประโยชน์อะไร คือถ้าเค้าตอบไม่ได้ว่ามันมีประโยชน์อะไรในข่าวที่เค้าเขียนหรือว่าเรื่องสั้นที่เค้าเขียนมาเนี่ยผมก็บอกว่าไม่ผ่าน เพราะว่าคือตัวเองยังไม่ตอบไม่ได้เลยว่าจุดประสงค์ของเราในการนำเสนอข่าว คือความรับผิดชอบของเราคือเราต้องตอบให้ได้ว่ามันมีประโยชน์อะไรในแง่ไหนเท่านั้นเอง
จินดารัตน์ - มีมั้ยใช้คำแรงๆ
ต่อพงษ์ - ใช้คำแรงๆ เนี่ยผมค่อนข้างดูว่ามันแรงแบบไหน เพราะว่าคือถ้าเอาตัวผมเป็นเกณฑ์เนี่ยหลายครั้งผมก็รู้สึกว่าไม่ค่อยแรงนะมันก็เรื่องปกติ
อัญชลีพร - ตกลงเป็นผู้ชำนาญการด้านใดบ้างเนี่ย เรื่องกีฬาเค้าก็ว่าคุณนี่ก็เก่งนะ เรื่องดนตรีก็เขียนนะ สุดท้ายแล้วเนี่ยทั้งหมดเนี่ยคือความเป็นองค์ประกอบของตัวเรารึว่ายังไงคะ
ต่อพงษ์ - ใช่ มันเป็นการยากที่จะบอกว่าเราชอบอะไรมากที่สุดในสังคมแบบนี้ บังเอิญผมอาจจะเป็นคนที่มีโอกาสแล้วโชคดีก็ได้ แล้วสิ่งที่ผมชอบผมได้ทำหมดคือถูกเอามาใช้เป็นประโยชน์ได้หมด
จินดารัตน์ - อย่างจัดรายการวิทยุมีคนโทรศัพท์เข้ามาปรึกษาปัญหาเรื่องเพศเรื่องเซ็กซ์เยอะเป็นเพราะว่าเราเองคนไทยส่วนใหญ่เนี่ยจะบอกว่าแหมเป็นคนทันสมัย แต่จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้เนี่ยก็ยังไม่กล้าเปิดเผยตัวถูกต้องมั้ยคะ
ต่อพงษ์ - ถูกต้อง
จินดารัตน์ - มีเรื่องอะไรบ้างที่ฟังแล้วแปลกใจว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นในคนยุคนี้ได้มีบ้างมั้ยคะ

ต่อพงษ์ - คือเรื่องแปลกใจนี่ไม่มีนะ แต่ว่าเรื่องหลายเรื่องนี่มันจะเป็นคำถามที่ซ้ำๆ กัน เช่น ผมจะจีบผู้หญิงยังไงหรือผู้หญิงอยากจะจีบผู้ชายยังไงหรือทำไงให้เค้าประทับใจ
จินดารัตน์ - หรือผู้ชายจะจีบผู้ชายยังไง
ต่อพงษ์ - ก็มีบ้าง
อัญชลีพร - ยังอยากจะทำอะไรที่จะปรับปรุงผู้จัดกวนมากไปกว่านี้มั้ยคะ มีสัก 5 หน้าดีมั้ยแต่ละวันจะได้อ่านกันให้เข็ดไปเลย
จินดารัตน์ - ไหวมั้ยคะพี่
บัญชา - อยากทำครับก็คิดกันอยู่แต่ว่าคนน้อย
อัญชลีพร - ก็ขออัตราเพิ่มสิ
บัญชา - ถ้าเป็น 11 นิววันน่าจะได้ มาเป็นผู้จัดกวนนี่ไม่ได้หรอกครับ
อัญชลีพร - เคยเปิดรับสมัครด้วยใช่มั้ย เห็นบอกว่าถ้าคุณสมบัติเท่ากันเนี่ยเอาผู้หญิงก่อนจำได้คุณเขียนอย่างนี้
บัญชา - อันนี้เรื่องจริงครับ เพราะว่าชีวิตพวกเราแห้งแล้งกันมากครับในห้องการ์ตูน
อัญชลีพร - แล้วสุดท้ายมีคนมาสมัครมั้ยงวดนั้นที่ประกาศจะรับเนี่ยค่ะ
บัญชา - มีครับ แต่ผมว่ามาแล้วมันอาจจะได้แค่แก็กเดียววัน 2 วันอะไรอย่างเนี้ย แล้วต่อไปมันไม่ได้ก็ใครคิดว่ามีอารมณ์แบบนี้ก็มาสมัครได้ครับ
อัญชลีพร - เคยรับมาลองงานกี่คนแล้วคะ
บัญชา - คนเขียนไม่มีเลยก็ส่วนมากจะเป็นผมคนเดียว
จินดารัตน์ - ป๋าบัญคิดถึงขนาดจะทำเป็นการ์ตูนทีวีมั้ยคะ เคยคิดถึงขนาดนั้นมั้ย
บัญชา - ยังคิดอยู่ครับ แต่ว่ามันยังไม่ไปถึงไหนเลย แล้วก็เคยคิดว่าจะรวมเล่ม
จินดารัตน์ - ถ้าหากว่ามีใครสนใจเนี่ยจะติดต่อป๋าบัญยังไงจะเข้าไปร่วมทีมได้ยังไงมาแสดงความจำนงค์ได้มั้ยคะ
บัญชา - ได้ครับได้เลยมาคุยก็ได้ครับหรือว่าไม่กล้าก็โทรศัพท์ไปส่งใบสมัครไปก็ได้นะครับ เพราะว่าผมเองก็ต้องไปนู่นมานี่บ้างป่วยบ้างอะไรบ้าง คือถ้าเป็นการ์ตูนอย่างเนี้ยมันจะเอาอยู่ แต่คนเขียนเนี่ยมันหาไม่ค่อยได้

จินดารัตน์ - หมดเวลาแล้วนะคะได้คุยกันวันนี้ก็ได้เห็นโฉมหน้าเจ้าของคอลัมน์เจ้าของผู้จัดกวน
อัญชลีพร - ได้รู้วิธีการทำงาน
จินดารัตน์ - ดูว่าเค้าทำงานกันอย่างไร ดูว่ามีการวิเคราะห์ถึงขนาดคนในสังคมเนี่ยตอนนี้เป็นอะไรกันไปแล้วต้องการบริโภคข่าวสารแบบไหนด้วย
อัญชลีพร - และก็ต้องยอมรับนะครับว่างานที่เค้าทำอยู่เป็นงานที่ทำยาก
จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ
อัญชลีพร - เขาอยากจะเพิ่มให้เราอ่านเป็น 5 หน้าแต่หาคนช่วยไมได้
จินดารัตน์ - ค่ะ เอาเป็นว่าใครสนใจเข้ามาสมัครกันได้นะคะ วันนี้ขอบพระคุณทั้ง 2 ท่านเป็นอย่างสูง
อัญชลีพร - ขอบพระคุณค่ะ สวัสดีค่ะ ทั้งหมดก็คือคนในข่าวสำหรับวันนี้นะคะจากเวทีสัญจรที่อิมแพคเมืองทอง
จินดารัตน์ - ในงานนะคะ THAILAND PRESS FAIR 2004 งานนี้จะมีต่อไปถึงวันพรุ่งนี้และวันมะรืนด้วยก็ใครสนใจมาชมมาดูกันได้มีหลากหลายสื่อค่ะ โดยเฉพาะบูชของผู้จัดการพลาดไม่ได้มาดูกันค่ะ
อัญชลีพร - นะคะ วันนี้ลาไปพร้อมๆ กันค่ะ สวัสดีค่ะ
จินดารัตน์ - สวัสดีค่ะ
อัญชลีพร - สวัสดีค่ะ
จินดารัตน์ - สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับเข้าสู่รายการฅนในข่าวนะคะ ค่ำคืนวันนี้เรายกทีมกันมาอยู่ที่ เมืองทองธานี
อัญชลีพร - ใช่ค่ะ เป็นฅนในข่าวสัญจรกันอีกคืนนึงนะคะ เพราะว่าฅนในข่าวของเรานี่ต้องทันต้องด่วนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ
อัญชลีพร - ในฐานะของคนข่าวเนี่ยนะคะ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเนี่ยคงจะไม่มีอะไรที่จะเด่นและก็น่าสนใจไปกว่าในเรื่องของข่าว นอกจากกิจกรรมของเราที่เมืองทองธานี
จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ เรามากันในงาน THAILAND PRESS FAIR 2004 ครบรอบ 50 ปีของรวมพลคนข่าววันนี้นะคะ เรามานั่งกันอยู่ตรงนี้ผู้จัดการก็มาตั้งบูชกันอยู่ที่มุมนึงของอิมแพคเมืองทองธานีแห่งนี้ ผู้คนให้ความสนใจกันมากเลยค่ะคุณอัญชลีพร
อัญชลีพร - ใช่ค่ะ มีสื่อทุกแขนงเลยนะคะมาออกงานในวันนี้จริงๆ แล้วเรามาแนะนำคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เราก่อนดีมั้ยคะ มีใครบ้างดิฉันขออนุญาติแนะนำเลยนะคะ คุณบัญชา อ่อนดีนะคะ บรรณาธิการผู้จัดกวนค่ะ
จินดารัตน์ - และอีกท่านนึงดิฉันของแนะนำล่ะกันคนนี้ บรรณาธิการข่าวบันเทิงในเครือผู้จัดการด้วยนะคะ คุณต่อพงษ์ เศวตามร์ นะคะ สวัสดีค่ะ
อัญชลีพร - ขออนุญาติถามเลยล่ะกัน จะให้เรียกว่าป๋าบัญ หรือให้เรียกว่าคุณบัญชาหรือว่าท่านบัญชาดีคะ
บัญชา - เรียกคุณบัญชาดีกว่าครับ
อัญชลีพร - แล้วการที่จะเรียกป๋าบัญนี่อนุญาติให้ใครเรียกได้คะ
บัญชา - ก็ใครเรียกก็ได้ครับ
อัญชลีพร - นั่งอยู่นี่เครียดมั้ยคะ
บัญชา - ไม่ได้เครียดครับปกติเป็นคนอย่างนี้อยู่แล้ว
จินดารัตน์ - มีคนสงสัยอย่างนี้คุณอัญชลีพร ป๋าเนี่ยหน้าตาอย่างนี้ไม่น่าจะเขียนการ์ตูนตลกได้เนอะ
อัญชลีพร - มีแรงบันดาลใจจากอะไรคะตลกเนี่ยค่ะ
บัญชา - ตอนแรกต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่ามันบังเอิญว่าผมชื่อบัญชาพอดี
อัญชลีพร - กี่ปีแล้วคะป๋าบัญ
บัญชา - น่าจะสัก 2 – 3 ปี สำหรับผู้จัดกวนนะครับ
จินดารัตน์ - คอลัมน์อะไรที่ผู้จัดกวนที่คนอ่านมากที่สุดคะ
บัญชา - น่าจะเป็นข่าว
จินดารัตน์ - พาดหัวข่าว
บัญชา - มันคงรวมๆ กัน เพราะว่าจะมีทั้งภาพเอาไปตัดต่อและก็การ์ตูนและก็วิธีการเขียนด้วย เพราะว่าบางทีคิดข่าวที่จะเอามาเขียนเอามาล้อไม่ได้ แต่ว่าก็จะใช้วิธีเขียนเนื้อข่าวเข้าไปด้วยคือมันจะต้องกลมกลืนกันไม่งั้นมันก็ไม่สมบูรณ์ แต่ว่าบาททีมันอาจจะไม่สมบูรณ์ทุกวัน เพราะว่าคือยิ่งตอนนี้มันออกรายวันมันต้องทำวันต่อวันทุกวัน บางทีจริงๆ แล้วต้องปิดข่าวประมาณ 4 โมงเย็น 3 โมงครึ่งผมยังคิดไม่ออกเลย
จินดารัตน์ - เวลาจะเลือกเรื่องเลือกนักการเมืองแต่ะละคนเอามารีทัชภาพเนี่ยคุยกันก่อนมั้ยหรือว่ายังไง
บัญชา - ก็จะคุยมันจะเริ่มต้นจาก เพราะว่าผู้จัดกวนเนี่ยบางทีคนยังไม่รู้เลยว่าข่าวจริงข่าวปลอม เพราะว่ามันจะต้องอิงกับกระแสของข่าวแต่ละวันเป็นหลัก เพราะไม่อย่างนั้นคนก็ไม่สนใจ
จินดารัตน์ - ตกลงว่าคุณต่อทำอะไรบ้างคะ เขียนคอลัมน์ไหนยังไงบ้าง
ต่อพงษ์ - ก็ที่จริงแล้วผมคือดูภาพรวมของข่าวบันเทิงทั้งหมดทิศทางของมันที่ในผู้จัดการออนไลน์ แล้วก็ผู้จัดการรายวัน ส่วนตัวจริงๆ เนี่ยถ้านับหนังสือพิมพ์เนี่ยผมเขียนแค่คอลัมน์ดนตรีแค่นั้นเองในหนังสือเนี่ยคือออกทุกวันศุกร์
จินดารัตน์ - และเด็กๆ ในทีมมีกี่คนคะ
ต่อพงษ์ - เด็กในทีมมีอยู่ 7 คน
จินดารัตน์ - 7 คนนี่ต้องรู้เรื่องดาราทุกคนรึเปล่า
ต่อพงษ์ - ไม่จำเป็นครับ เราทำงานเราทำกันเป็นลักษณะกรุ๊ปมากกว่าคือทุกคนรู้เรื่องบางเรื่องเฉพาะทางเราก็จะจับมารวมกันเอาเฉพาะจุดที่เค้ารู้มา คือในฐานะเราเป็นบรรณาธิการเนี่ยเราก็จะเอาส่วนที่เค้ารู้ดูสิว่าเราจะเล่นอะไรได้บ้าง
อัญชลีพร - จริงๆ แล้วแนวคิดของเราเนี่ยโดยเฉพาะเราเป็นหนังสือพิมพ์ธุรกิจคิดในเรื่องบันเทิงต่างจากหนังสือพิมพ์ทั่วไปอย่างไร
ต่อพงษ์ - คือจริงๆ แล้วผมมองเรื่องมิติของมันว่ามันต้องมีความชัดเจนในเรื่องที่เราจะนำเสนอ คือถ้าเราดูข่าวบันเทิงปกติทั่วๆ ไปเนี่ยมันจะเป็นเหมือนข่าวที่มันไม่ชัดสักอย่างว่าจริงๆ แล้วจะเสนออะไร
อัญชลีพร - เช่นอะไร มันไม่ชัดยังไง
ต่อพงษ์ - แต่ว่ามันไม่ได้ตอบคำถามของคนอ่านไงครับ ในแง่ของเราๆ คิดว่ามันควรจะต้องมีคำตอบ คือมันอาจจะไม่ชัดเจนมาก แต่อย่างน้อยมันต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้ว่าเหตุและผลของการกระทำของข่าวเนี่ยมันเป็นยังไง
อัญชลีพร - ข้อเท็จจริงเนี่ยหาได้ยังไงหรือว่าพอประเมินและประมาณว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ เลย
ต่อพงษ์ - คือผมคิดว่าคนทำข่าวทุกคนจะมีหลักถ้าเรียนมามันจะมีหลักที่เราจะจิ๊กซอร์เรื่องบางเรื่องได้สมมุติว่ามันมีกลิ่นนึงขึ้นมาเนี่ยเราสามารถที่จะตามได้
จินดารัตน์ - ไปปะติดปะต่อเรื่องของเค้า
ต่อพงษ์ - ใช่มันจิ๊กซอว์ออกมาได้ แล้วจริงๆ คำตอบสุดท้ายมันจะอยู่ที่ตัวคนที่เป็นข่าวนั่นเองว่าเค้าจะออกมาพูดยังไง ซึ่งเค้าอาจจะจริงหรือไม่จริงไม่ทราบ แต่ว่าหน้าที่ของเรา คือเราให้ข้อมูลกับผู้อ่านทุกคนอยู่แล้วเค้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อมันเป็นเรื่องของเค้า
จินดารัตน์ - แต่ว่าไม่ได้มีการสรุปว่าผิดหรือถูกแต่เสนอข้อเท็จจริง
ต่อพงษ์ - ใช่ คือดาราหรือคนๆ นั้นอาจจะออกมาปฏิเสธก็ได้ว่าไม่จริงมันเป็นข่าวลือ แต่ว่าเราก็ได้ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่
อัญชลีพร - คุณต่อตอนเรื่องน้องแน็ทดังเนี่ยวางตัวยังไงตอนนั้น
ต่อพงษ์ - คือเรื่องของน้องแน็ทเนี่ยเราถือว่าน้องแน็ทเป็นปุถุชน คือผมไม่ได้มองอะไรเลยคือผมมองเรื่องของน้องแน็ทเนี่ยเป็นปรากฏการณ์อันนึงที่มันเกิดขึ้นทั่วไปแค่นั้นเองสำหรับวงการบันเทิง ซึ่งเราไม่มีทางรู้ความจริงเด็ดขาดว่าอะไรมันคือเรื่องจริงกันแน่ เหตุที่เกิดขึ้นทุกคนมาเห็นเนี่ยก็ต่อเมื่อมันได้โผล่ออกมาแล้ว แต่ว่ากว่าที่จะโผล่ออกมาเนี่ยมันเป็นยังไง
อัญชลีพร - เค้าเรียกว่ามีผลผลิตไม่ได้โผล่
ต่อพงษ์ - เราก็เลยมองน้องแน็ทเป็นปรากฏการณ์นึงเท่านั้นเอง จริงๆ ผมก็คิดว่าสื่อทุกสำนักก็มองคล้ายๆ กัน
อัญชลีพร - แล้วคุณรู้รึเปล่าว่ามีคนเค้าวิพากย์วิจารณ์ทำไมถึงต้องหยิบนางเอกหนังเอ๊กซ์คนนึง ซึ่งไม่ควรจะเป็นกิจกรรมที่ได้รับการยอมรับในสังคม
จินดารัตน์ - มีคนเค้าถามว่าสื่อเนี่ยตกเป็นเหยื่อรึเปล่ารึว่าตั้งใจ
ต่อพงษ์ - ผมคิดว่าสื่อนะมันได้ประโยชน์ 2 ทาง คือ 1.สื่อก็ได้ประโยชน์ในแง่ของการให้มีคนอ่านข่าวของตัวเอง น้องแน็ทก็ได้ประโยชน์ที่จะทำให้เธอได้เป็นซินเดอเรลล่า
อัญชลีพร - เธอดังแล้ว เธอบอกเธออยากดังและเธอดังแล้ว
ต่อพงษ์ - เธอดังแล้วด้วยวิธีอะไรก็ตามที่ เพราะงั้นในเรื่องของการ คือเราไม่สามารถจะเอามโนธรรมบางอย่างมาตัดสินหรือมาจับได้อย่างเต็มที่นักกับเรื่องของสื่อ ไม่ว่ายังไงก็ตามข้อมูลหรือข่าวสารออกมาคำถามแรกที่มันต้องตั้งมาก็คือว่าคุณแน่ใจได้ไงว่าข่าวที่เค้าให้สัมภาษณ์หรือเค้าออกมาเป็นเรื่องจริง
จินดารัตน์ - แต่ว่าเวลาบางข่าวที่ทางเรานำเสนอไปเนี่ยนะคะ คนเค้าวิพากย์วิจารณ์กันว่ามันเหมาะสมรึเปล่าเอามาขายเพื่อที่จะเป็นจุดขายของสื่อของเราเองรึเปล่า แต่ทำไมไม่คิดถึงคุณธรรม
ต่อพงษ์ - คือผมคิดว่าบรรทัดฐานในเรื่องของคุณธรรมเนี่ยนะวันนี้มันได้เปลี่ยนรูปแบบในยุคของคนที่ค่อนข้างจะมีปัญหาในเรื่องของเศรษฐกิจในยุคที่คนเคยผ่านภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่สุดมาแล้วเนี่ย ผมคิดว่าตรงนี้มันเปลี่ยนไปคือถ้าสื่อมีหน้าที่รับใช้สังคมสื่อก็ต้องปรับตัวตรงนี้เหมือนกันกรอบบางอย่างบางทีมันต้องเอาเรื่องจริงมาพูดกัน ซึ่งเรื่องจริงอันนั้นเนี่ยมันอาจจะเป็นเรื่องที่ถ้าพูดไปอาจจะผิดศีลธรรมหรือผิดคุณธรรม แต่ถ้าเราไม่ทำหน้าที่เราก็ผิดอีกเหมือนกัน
จินดารัตน์ - คุณต่อกำลังจะบอกว่าเราต้องยอมรับความจริง
ต่อพงษ์ - ถูกต้อง
อัญชลีพร - ป๋าบัญเห็นด้วยรึเปล่าว่ามโนธรรมหรือว่าบางครั้งไม่มีใครรู้น้อยกว่าใครจริงมั้ยคุณต่อ
ต่อพงษ์ - ถูกต้อง
อัญชลีพร - เพียงแต่ว่ามันสมประโยชน์รึเปล่าใช้คำนี้ได้มั้ย
บัญชา - ก็เห็นด้วยครับ เพราะว่ามันก็อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ด้วยก็เลยมีผู้จัดกวนขึ้นมา คือผู้จัดกวนเนี่ยผมว่าคงจะต้องทำความเข้าใจกับคนอ่านอีกสักระยะนึง เพราะว่าบางคนไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จกันแน่บางคนก็จะรู้สึกว่ามันแรงไปคือผมเป็นคนทำผมก็ไม่ได้สักแต่ว่าทำคือจะล้อใครเล่นก็ได้สนุกๆ แต่ถ้าคิดดูให้ดีๆ คือมักจะมีคำถามว่าผู้จัดกวนไม่มีจรรยาบรรณอะไรทำนองนี้
อัญชลีพร - เวลาเค้าสะท้อนกลับเค้าสะท้อนกลับมาทางไหน
บัญชา - ในเว็บครับ ส่วนมากจะเป็นในเว็บ คือองค์รวมของข่าวเนี่ยมันน่าที่จะอยู่ตรงกระแสข่าวมากกว่าว่ามานำเสนอเรื่องอะไร
อัญชลีพร - อย่างครอบครัวท่านนายกล่ะไม่กลัวโกรธบ้างเหรอ
บัญชา - คือนักการเมืองหรือว่าดาราก็เหมือนๆ กันนะที่ว่าเหมือนกับเป็นคนของสาธารณะชนยังไงก็ต้องถูกวิพากย์วิจารณ์อยู่แล้วเพียงแต่ว่าคือมันแน่นอนครับว่าเราก็ต้องมีจรรยาบรรณมียั้งไว้บ้าง แต่ว่าเรามันอดไม่ได้หรอกครับ เพราะว่าถ้าสมมุติว่าเราไปแตะหรือว่าไปเขียนล้อใครสักคนนึงซึ่งคนอ่านไม่รู้จักเลยมันก็ไม่ได้ขายเค้านะครับ แต่นำเสนอความจริงมากกว่า
จินดารัตน์ - มีประเภทแบบเขียนไปแล้วๆ เจ้าตัวโกรธแล้วจะฟ้องอะไรอย่างเนี้ยมีมั้ยคะ
บัญชา - ฟ้องก็มีนะครับไม่ใช่ว่าไม่มี
อัญชลีพร - มันน่าจะมากกว่าหนึ่งนะคะ
บัญชา - มีครับ มีเยอะ เรื่องดาราสาวที่ไปเล่นการเมืองก็โดนเหมือนกันอันนั้นตัวผมโดนหนัก
จินดารัตน์ - แต่ว่าตรงหัวผู้จัดกวนก็เขียนอยู่แล้วว่าอะไรนะคะ
อัญชลีพร - ว่าไม่ใช่เรื่องจริงโปรดใช้วิจารณญาณในการฟ้อง
บัญชา - คือคนอ่านอาจจะเข้าใจแต่เจ้าตัวคนที่ถูกพาดพิงเค้าคงไม่อะไรด้วย
อัญชลีพร - รู้สึกแรงมั้ย ดิฉันว่าเรื่องนักการเมืองสาวนี่แรงนะ
บัญชา - ข่าวนั้นเนี่ยผม
อัญชลีพร - ไม่ได้เขียน
บัญชา - ผมเขียนเองเลย นอกจากเขียนเองแล้วก็คิดเองด้วย
จินดารัตน์ - แล้วเขียนไปรู้สึกมั้ยว่ามันแรง
อัญชลีพร - เสียใจมั้ย
บัญชา - พูดว่าไม่เสียใจก็ได้ครับ มันบังเอิญเป็นศัพท์ไทยที่เรียกว่าดิ้นไปได้เรื่อยคุณอาจจะคิดแบบนั้นก็ได้ แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้น
อัญชลีพร - เค้าคงจะเชื่อ
บัญชา - ก็ควรจะเชื่อนะผู้ชายคนนึงมาสารภาพกลางงานแบบนี้
<
b>อัญชลีพร - บริสุทธิ์ใจจริงๆ ใช่มั้ยคะงานนั้น
บัญชา - บริสุทธิ์ใจครับ
จินดารัตน์ - คุณต่อนี่เคยโดนประเภทนี้มั้ย
ต่อพงษ์ - คือประเด็นของเราๆ พูดสิ่งที่มันเกิดขึ้นหลายๆ เรื่องเราไม่ได้เมคขึ้นมามันเกิดขึ้นเองของมัน
จินดารัตน์ - ส่วนใหญ่จะไม่กล้าฟ้อง เพราะว่ากลัวจะมีการพิสูจน์อย่างนั้นรึเปล่าคะ
ต่อพงษ์ - คือผมไม่แน่ใจเนื่องจากมันยังไม่เคยมีการฟ้อง
อัญชลีพร - เดี๋ยวก่อนจะมาคุยกันต่อนะคะ เดี๋ยวช่วงนี้เราพักกันสักครู่ค่ะ
อัญชลีพร - เอาล่ะค่ะกลับมาคุยกันต่อนะคะกลับ 2 บรรณาธิการของเรา เคยนึกมั้ยจริงๆ คุณบัญชาคะวันๆ นึงทำงานมีความสุขหรือว่าเครียด
บัญชา - มีความสุขครับ ชอบทำงาน ไม่ได้คิดว่าทำงานด้วยซ้ำไปเหมือนกับเป็นชีวิตประจำวัน
อัญชลีพร - ชีวิตประจำวันคือทำอะไรบ้างคะ
จินดารัตน์ - ต้องดูพาดหัวข่าวก่อนมั้ยคะ แต่ละวันเนี่ยต้องดูก่อนรึเปล่าว่าวันนี้เค้าเล่าอะไร
บัญชา - คือเดี๋ยวนี้ทำงานหนังสือพิมพ์ในทัศนะผมนะทำง่ายกว่าแรกๆ ที่เข้ามาทำตื่นเช้ามาก็เปิดทุกช่องก็จะดูแล้วก็เหมือนมีคนมาเล่าข่าวให้เราไม่ต้องอ่านมาก เราจะรู้เลยว่าวันนี้มีข่าวอะไรที่น่าสนใจบ้าง มันไม่ใช่ข่าวผู้จัดกวนนะครับ เพราะว่าทำหนังสือพิมพ์ก็มันควรจะรู้ทุกข่าวส่วนเราจะช่ำชองชำนาญทางเรื่องไหนนั่นเป็นอีกเรื่องนึง
อัญชลีพร - จริงๆ แล้วแต่ละท่านเนี่ยมีประสบการณ์ในการทำข่าวมามากมั้ยคะ คุณบัญชาเป็นนักข่าวมาก่อนมั้ยคะ
บัญชา - ทีมผู้จัดกวนมีผมคนเดียวครับที่เป็นนักข่าวนอกนั้นเค้าเป็นทีมการ์ตูนครับ มีผมคนเดียวล่ะครับ
จินดารัตน์ - คุณต่อเวลาลูกทีมเขียนเรื่องสั้นเรื่องดาราคนนู้นคนนี้มาให้อ่านเคยมีไม่ผ่านมั้ยมันแรงไปมันหนักไป
ต่อพงษ์ - มีฮะ คือก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงเนี่ย ผมจะถามเด็กเสมอว่ามันมีประโยชน์อะไร คือถ้าเค้าตอบไม่ได้ว่ามันมีประโยชน์อะไรในข่าวที่เค้าเขียนหรือว่าเรื่องสั้นที่เค้าเขียนมาเนี่ยผมก็บอกว่าไม่ผ่าน เพราะว่าคือตัวเองยังไม่ตอบไม่ได้เลยว่าจุดประสงค์ของเราในการนำเสนอข่าว คือความรับผิดชอบของเราคือเราต้องตอบให้ได้ว่ามันมีประโยชน์อะไรในแง่ไหนเท่านั้นเอง
จินดารัตน์ - มีมั้ยใช้คำแรงๆ
ต่อพงษ์ - ใช้คำแรงๆ เนี่ยผมค่อนข้างดูว่ามันแรงแบบไหน เพราะว่าคือถ้าเอาตัวผมเป็นเกณฑ์เนี่ยหลายครั้งผมก็รู้สึกว่าไม่ค่อยแรงนะมันก็เรื่องปกติ
อัญชลีพร - ตกลงเป็นผู้ชำนาญการด้านใดบ้างเนี่ย เรื่องกีฬาเค้าก็ว่าคุณนี่ก็เก่งนะ เรื่องดนตรีก็เขียนนะ สุดท้ายแล้วเนี่ยทั้งหมดเนี่ยคือความเป็นองค์ประกอบของตัวเรารึว่ายังไงคะ
ต่อพงษ์ - ใช่ มันเป็นการยากที่จะบอกว่าเราชอบอะไรมากที่สุดในสังคมแบบนี้ บังเอิญผมอาจจะเป็นคนที่มีโอกาสแล้วโชคดีก็ได้ แล้วสิ่งที่ผมชอบผมได้ทำหมดคือถูกเอามาใช้เป็นประโยชน์ได้หมด
จินดารัตน์ - อย่างจัดรายการวิทยุมีคนโทรศัพท์เข้ามาปรึกษาปัญหาเรื่องเพศเรื่องเซ็กซ์เยอะเป็นเพราะว่าเราเองคนไทยส่วนใหญ่เนี่ยจะบอกว่าแหมเป็นคนทันสมัย แต่จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้เนี่ยก็ยังไม่กล้าเปิดเผยตัวถูกต้องมั้ยคะ
ต่อพงษ์ - ถูกต้อง
จินดารัตน์ - มีเรื่องอะไรบ้างที่ฟังแล้วแปลกใจว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นในคนยุคนี้ได้มีบ้างมั้ยคะ
ต่อพงษ์ - คือเรื่องแปลกใจนี่ไม่มีนะ แต่ว่าเรื่องหลายเรื่องนี่มันจะเป็นคำถามที่ซ้ำๆ กัน เช่น ผมจะจีบผู้หญิงยังไงหรือผู้หญิงอยากจะจีบผู้ชายยังไงหรือทำไงให้เค้าประทับใจ
จินดารัตน์ - หรือผู้ชายจะจีบผู้ชายยังไง
ต่อพงษ์ - ก็มีบ้าง
อัญชลีพร - ยังอยากจะทำอะไรที่จะปรับปรุงผู้จัดกวนมากไปกว่านี้มั้ยคะ มีสัก 5 หน้าดีมั้ยแต่ละวันจะได้อ่านกันให้เข็ดไปเลย
จินดารัตน์ - ไหวมั้ยคะพี่
บัญชา - อยากทำครับก็คิดกันอยู่แต่ว่าคนน้อย
อัญชลีพร - ก็ขออัตราเพิ่มสิ
บัญชา - ถ้าเป็น 11 นิววันน่าจะได้ มาเป็นผู้จัดกวนนี่ไม่ได้หรอกครับ
อัญชลีพร - เคยเปิดรับสมัครด้วยใช่มั้ย เห็นบอกว่าถ้าคุณสมบัติเท่ากันเนี่ยเอาผู้หญิงก่อนจำได้คุณเขียนอย่างนี้
บัญชา - อันนี้เรื่องจริงครับ เพราะว่าชีวิตพวกเราแห้งแล้งกันมากครับในห้องการ์ตูน
อัญชลีพร - แล้วสุดท้ายมีคนมาสมัครมั้ยงวดนั้นที่ประกาศจะรับเนี่ยค่ะ
บัญชา - มีครับ แต่ผมว่ามาแล้วมันอาจจะได้แค่แก็กเดียววัน 2 วันอะไรอย่างเนี้ย แล้วต่อไปมันไม่ได้ก็ใครคิดว่ามีอารมณ์แบบนี้ก็มาสมัครได้ครับ
อัญชลีพร - เคยรับมาลองงานกี่คนแล้วคะ
บัญชา - คนเขียนไม่มีเลยก็ส่วนมากจะเป็นผมคนเดียว
จินดารัตน์ - ป๋าบัญคิดถึงขนาดจะทำเป็นการ์ตูนทีวีมั้ยคะ เคยคิดถึงขนาดนั้นมั้ย
บัญชา - ยังคิดอยู่ครับ แต่ว่ามันยังไม่ไปถึงไหนเลย แล้วก็เคยคิดว่าจะรวมเล่ม
จินดารัตน์ - ถ้าหากว่ามีใครสนใจเนี่ยจะติดต่อป๋าบัญยังไงจะเข้าไปร่วมทีมได้ยังไงมาแสดงความจำนงค์ได้มั้ยคะ
บัญชา - ได้ครับได้เลยมาคุยก็ได้ครับหรือว่าไม่กล้าก็โทรศัพท์ไปส่งใบสมัครไปก็ได้นะครับ เพราะว่าผมเองก็ต้องไปนู่นมานี่บ้างป่วยบ้างอะไรบ้าง คือถ้าเป็นการ์ตูนอย่างเนี้ยมันจะเอาอยู่ แต่คนเขียนเนี่ยมันหาไม่ค่อยได้
จินดารัตน์ - หมดเวลาแล้วนะคะได้คุยกันวันนี้ก็ได้เห็นโฉมหน้าเจ้าของคอลัมน์เจ้าของผู้จัดกวน
อัญชลีพร - ได้รู้วิธีการทำงาน
จินดารัตน์ - ดูว่าเค้าทำงานกันอย่างไร ดูว่ามีการวิเคราะห์ถึงขนาดคนในสังคมเนี่ยตอนนี้เป็นอะไรกันไปแล้วต้องการบริโภคข่าวสารแบบไหนด้วย
อัญชลีพร - และก็ต้องยอมรับนะครับว่างานที่เค้าทำอยู่เป็นงานที่ทำยาก
จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ
อัญชลีพร - เขาอยากจะเพิ่มให้เราอ่านเป็น 5 หน้าแต่หาคนช่วยไมได้
จินดารัตน์ - ค่ะ เอาเป็นว่าใครสนใจเข้ามาสมัครกันได้นะคะ วันนี้ขอบพระคุณทั้ง 2 ท่านเป็นอย่างสูง
อัญชลีพร - ขอบพระคุณค่ะ สวัสดีค่ะ ทั้งหมดก็คือคนในข่าวสำหรับวันนี้นะคะจากเวทีสัญจรที่อิมแพคเมืองทอง
จินดารัตน์ - ในงานนะคะ THAILAND PRESS FAIR 2004 งานนี้จะมีต่อไปถึงวันพรุ่งนี้และวันมะรืนด้วยก็ใครสนใจมาชมมาดูกันได้มีหลากหลายสื่อค่ะ โดยเฉพาะบูชของผู้จัดการพลาดไม่ได้มาดูกันค่ะ
อัญชลีพร - นะคะ วันนี้ลาไปพร้อมๆ กันค่ะ สวัสดีค่ะ
จินดารัตน์ - สวัสดีค่ะ