รายการ “ฅนในข่าว” ทางช่อง 11news1 ประจำวันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม 2547 จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ รับหน้าที่พิธีกร นำสนทนาในหัวข้อ “นักเรียนกลายเป็นนักเลง” โดยมีแขกรับเชิญ ประกอบด้วยน้องๆ จาก ร.ร.เทคโนโลยีกรุงเทพ ได้แก่ น้องรักษ์ – สมรักษ์ อบอุ่น ปวช.ปี 1 , น้องเจ๋ง-ณัฐพล บุญประดิษฐ์ ปวช.ปี 2, จากร.ร.ช่างฝีมือปัญจวิทยา ได้แก่ น้องหนุ่ม-รุ่งชัย ใหม่วงศ์ ปวช.ปี 3, จากร.ร.มีนบุรีโปลีเทคนิค น้องโอ๊ด - อภิสิทธิ์ ครุฑแก้ว ปวช.ปี1, น้องเท่ง - ณรงค์ นนทรี ปวช.ปี 1 รวมทั้งอาจารย์ภุชงค์ สมดิน ผช.ผอ.ฝ่ายกิจการนักศึกษา ร.ร.มีนบุรี โปลีเทคนิค และอาจารย์เกรียงไกร เที่ยงพร้อม ฝ่ายกิจการนักศึกษา ร.ร.ช่างฝีมือปัญจวิทยา

พิธีกร -สวัสดีค่ะท่านผู้ชมขอตอนรับเข้าสู่ฅนในข่าววันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2547 ภาพที่ท่านผู้ชมได้ชมไปเป็นภาพในอดีตที่เกิดขึ้นเมื่อเหตุการณ์เกิดมีเด็กนักเรียนกับคนที่ไม่รู้อี่โหน่อีเหน่ เมื่อข่าวนั้นเงียบหายไปเหตุการณ์อื่นๆ ก็จะตามมาเป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเหล่าแล้วถามว่าการแก้ปัญหาควรจะเป็นอย่างไรเราถกปัญหานี้กันมานานแสนนานหลายต่อหลายอีกครั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมานั่งจับเข่าคุยกันแต่ก็ยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก วันนี้เราจะลองมาคุยกับเด็กๆ ดูน่ะค่ะว่าพวกเข้าคิดอะไรกันอยู่ทำไมถึงมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจะร่วมกันแก้ปัญหากันได้อย่างไรไม่ใช่ฟังแต่ว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหากันอย่างไรเท่านั้นเอง วันนี้ถ้าเราจะคุยกับน้องๆซึ่งเป็นตัวแทนสถาบันเทคโนโลยีต่างๆเข้าร่วมประชุมฑูตอาชีวะที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมการอาชีวะศึกษาหรือกอส. วันนี้เมื่อช่วงบ่ายหมาดๆที่ผ่านมานี้เราจะต้องคุยกันว่าเมื่อคุยกันแบบนี้แล้วจะแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ แต่ว่าย้อนเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาน่ะค่ะเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17
สิงหาคมที่ผ่านมานี้เองน้องชัยพร จรูญภักดี อายุ 22 ปีค่ะเป็นนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันขึ้นรถเมล์สาย 47 แล้วถูกคู่อริขึ้นไปแทงบนรถแล้วก็ตกลงมาเสียชีวิตที่ข้างถนนพระราม 4 นี้คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนเหตุการณ์ที่ 2 ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นหมาดๆ เมื่อวานนี้เมื่อช่วงค่ำ น.ร.ช่างกลใช้รถจักรยานยนต์ 3คันด้วยกันเป็นยานพาหนะตามประกบยิงรถ ข.ส.ม.ก.ต่อสาย 145 สีขาวแดงคือรถคันนี้นั้นแหละค่ะที่ถนนศรีนครินร์ที่หน้าห้างโลตัสผู้โดยสารอยู่ในรถประมาณ 30 คนด้วยกันนายเอกสิทธิ์ คิวทอง อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปวส.ปี 1 ค่ะ ร.ร.ช่างอุตสาหะกรรมกรุงเทพฯ หัวหมากถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสน่ะค่ะและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลพ่อแม่ของเด็กทั้งสองคนคงจะไม่สามารถถ่ายทอดเป็นคำพูดออกมาได้น่ะค่ะว่าความเสียอกเสียใจและความสูญเสียครั้งนี้มากมายขนาดไหนเราลองมาถามเด็กน.ร.ช่างกลกันดูบ้างน่ะค่ะว่าวันนี้แขกรับเชิญของเราค่ะมีกันหลายคนแต่ว่า 5 คนที่มานั่งอยู่ตรงนี้น่ะค่ะก็ไปอบรบกันมาเมื่อช่วงบ่ายคนแรกน้องสมรักษ์ อบอุ่น “น้องรักษ์” ค่ะปวช.ปี 1 ร.ร.เทคโนโลยีกรุงเทพและจากสถาบันเดียวกันน้องณัฐพล บุญประดิษฐ์ “น้องเจ๋ง” ค่ะปวช.ปี 2 ส่วนทางด้านขวามือดิฉันนะค่ะเริ่มจากน้องหนุ่มก่อน “น้องหนุ่ม” จาก ร.ร.ช่างฝีมือปัญจวิทยา ชื่อรุ่งชัย ใหม่วงศ์ ชั้นปวช.ปี 3 นะคะและตามมาก็คือคนกลางนี้นะค่ะ ร.ร.มีนบุรีโปลีเทคนิค “น้องโอ๊ด” อภิสิทธิ์ ครุฑแก้ว ปวช.ปี 1 นะค่ะ น้องณรงค์ นนทรี “น้องเท่ง” ปวช.ปี 1 ค่ะจากมีนบุรีโปลีเทคนิคเช่นเดียวกันน้องโอ๊ดคนกลางนี้ต้องเรียนให้ทราบท่านผู้ชมในอดีตเนี้ยเปลี่ยนสถาบันมาแล้ว 5 ครั้งด้วยกันตอนนี้อายุ 28 ปีอยู่ปวช.ปี 1 ใช่ไหมคะโอ๊ดเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองทำไมถึงต้องเปลี่ยนโรงเรียนถึง 5 ครั้ง
น้องโอ๊ด -ครั้งหนึ่งเคยก่อเหตุยกพวกตีกันเลยเป็นเหตุทำให้โดนไล่ออก
พิธีกร -และอีกสี่สถาบันที่ผ่านมา
น้องโอ๊ด -เป็นเหมือนกันแหละครับ
พิธีกร -นั่นเป็นอดีตใช่ไหมคะและปัจจุบันละ
น้องโอ๊ด -ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วครับ

พิธีกร -28 ปีแล้วนี่เนอะก็น่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แล้วคิดว่าจะเรียนให้จบไหมคะ
น้องโอ๊ด -ก็จะเรียนให้จบครับที่สถาบันนี้แหละครับ
พิธีกร -รักดูภาพของพ่อแม่ผู้เสียชีวิตแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างถามจริงๆ
น้องรักษ์ -ก็รู้สึกเสียใจครับ ถ้าเราโดนอย่างนั้นพ่อแม่เราก็คงเสียใจ
พิธีกร -มันมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นหลายครั้งจึงมีความรู้สึกว่าเด็กๆช่างกลบางคนเค้าก็ไม่อยากที่จะไปเรียนแล้วจริงๆเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า
น้องรักษ์ -ไม่ครับ
พิธีกร -ยังอยากไปเรียนอยู่
น้องรักษ์ -ครับ เอาตัวรอดได้มั้ยอยู่

พิธีกร -ไม่กลัว
น้องรักษ์ -ก็นิดหน่อย
พิธีกร -เอาตัวรอดได้มั้ย
น้องรักษ์ -ก็พอได้
พิธีกร -แสดงว่าประสบการณ์ก็เยอะเหมือนกัน เอาละน้องเจ๋งดูแล้วเป็นอย่างไรถ้าเป็นเราเนี่ยพ่อแม่เราจะเป็นอย่างไรรู้สึกมั้ย
น้องเจ๋ง -ก็คงรู้สึกเยอะเหมือนกันครับ เพราะว่าคนที่โดนยิงนี่ไม่ได้มีเรื่องกับใครเลยเป็นเด็กเรียนก็คือลูกหลงนะครับ
พิธีกร -เอาละมาทางด้านน้องเท่ง เท่งดูแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
น้องเท่ง -ก็รู้สึกสลดใจนะครับ ถ้าหากว่าเราเกิดมาเจ็บหรือว่าพลาดไปก็จะกลายเป็นภาระในสังคมและก็ครอบครัวไป
พิธีกร -ค่ะ แล้วน้องหนุ่มล่ะคะ ถามจริงเคยยกพวกตีกันมั้ย
น้องหนุ่ม -บางครั้งครับ
พิธีกร -เอาละค่ะเราก็คุยกันมาพอหอมปากหอมคอ เดี๋ยวช่วงหน้ากับมาจะมาคุยกันอย่างละเอียดนะคะว่าเด็กเหล่านี้คิดอะไรกันอยู่ทำไมจะต้องตีกันตีกันแค่หัวเข็มขัดแค่โลหะชิ้นเดียวเนี่ยมันทำให้ตัวเองมีความสุขมากแค่ไหน และก็เด็กดีๆที่เค้าต้องไปเรียนเนี่ยเค้าต้องทำตัวอย่างๆไรเป็นอย่างไรเวลาเรียนเดี๋ยวพักกันสักครู่

พิธีกร -กลับมาคุยกันต่อเรื่องของนักเรียนนักเลงนะคะเราคุยกันไปแล้วถึงเรื่องความรู้สึกกับการเสียชีวิตจากลูกหลงรู้สึกกันอย่างไรเค้าก็ตอบกันไปแล้วแต่ว่าคงจะต้องย้อนกลับมาถามถามรักษ์ก่อนละกันว่าก่อนที่จะมาเข้าเรียนโรงเรียนเทคโนอย่างนี้เนี่ยพ่อแม่ห่วงไหมว่าเราจะมาตียกพวกตีกัน
น้องรักษ์ -ห่วงครับเค้าก็บอกทุกวันครับให้กลับบ้านเร็วๆอย่าไปที่อื่น แต่ผมก็ไปคือไปกับเพื่อนครับ
พิธีกร -แล้วเท่งล่ะคะ อยากเข้ามาเรียนเองเหรอหรือว่ายังไง
น้องเท่ง -ก็คิดที่จะเรียนเพราะรักช่างมาตั่งแต่เด็กด้วยก็อยากจะมีความรู้ทางด้านนี้
พิธีกร -และเป็นเด็กที่เกเรชอบต่อยกับเพื่อนมาก่อนหรือเปล่า
น้องเท่ง -ก็ไม่ค่อยเกเรหรอกครับแต่ถ้ากลับบ้านก็ต้องกลับหลายคนจะได้ปลอดภัย
พิธีกร -เข้าไปเรียนวันแรกนี่รุ่นพี่เค้าบอกหรือเปล่าว่าต้องทำอย่างไร
น้องเท่ง -ก็ไม่ได้บอกครับ มีแต่อาจารย์มาประถมนิเทศน์ว่าโรงเรียนนี้ควรทำอย่างไรควรทำตัวอย่างไรทำตัวอย่างไร
พิธีกร -อาจารย์ก็ไม่ได้บอกรุ่นพี่ก็ไม่ได้บอกว่าคู่อริเราเป็นใครอะไรเค้าไม่ได้บอก หนุ่มพี่ถามหน่อยว่าก่อนที่เข้าไปเรียนเคยเป็นเด็กเกเรบ้างไหมพี่ถามตรงๆ
น้องหนุ่ม -เปล่าครับ
พิธีกร -แล้วเข้าไปเคยยกพวกตีกันหรือเปล่าคะ

น้องหนุ่ม -ส่วนมากจะโดนมากกว่าครับ
พิธีกร -คือโดนเค้าไล่เนี่ย อาวุธที่เค้าถือมาเนี่ยคืออะไรบ้าง
น้องหนุ่ม -ก้อนหินครับ และก็ขวดครับ
พิธีกร -อ๋อยังไม่รุนแรง ปืนมีดอะไรอย่างนี้มีไหม
น้องหนุ่ม -ก็มีบ้างครับ
พิธีกร -แล้ววิ่งทันทุกครั้งยังไม่เคยโดนเลยหรอสักครั้งนึง
น้องหนุ่ม -ยังครับ
พิธีกร -แล้วเวลาที่โดนเค้าไล่มาเนี่ยเคยคิดอยากจะไปล้างแค้นไหม
น้องหนุ่ม -ก็มีบ้างครับ
พิธีกร -แล้วกลับไปยกพวกลุยกันเลย
น้องหนุ่ม -ยังครับต้องรอก่อนครับ
พิธีกร -คือต้องรอมารวมสมัครพรรคพวกก่อนและยังไงคะไปดัก
น้องหนุ่ม -ไม่ได้ดักครับก็กลับบ้านตามปกติแต่เยอะหน่อยครับถ้าเกิดเจอตามป้ายรถเมล์ก็ลงไปเอาคืนครับ
พิธีกร -แล้วถ้าเจอเค้ามาเดี่ยวไม่ได้มาเป็นกลุ่มไม่ได้เป็นคู่อริทำอย่างไร
น้องหนุ่ม -ก็ไม่ทำครับ
พิธีกร -ไม่ทำอะไรมีไหมคะมีกลุ่มอื่นไหมที่เจอเค้ามาคนเดียวไม่ว่าจะใครหน้าไหนแต่ถ้าเป็นสถาบันนี้เอาให้ตาย
น้องหนุ่ม -มีครับ

พิธีกร -เคยคุยกับเพื่อนไหมว่าเค้าคิดอะไรอยู่เวลายกพวกตีกันเนี่ยคิดอะไรอยู่
น้องหนุ่ม -ไม่เคยครับ คือคิดว่าเค้าไล่เราได้เราก็ไล่เค้าได้ครับ
พิธีกร -แค่นั้นเองสะใจแค่นั้นเอง ถ้าตีเค้าได้นี่สะใจถ้าโดนตีนี่ก็อ่วม
น้องหนุ่ม -ครับ
พิธีกร -แล้วกลับมาเคยคิดไหมคะรู้สึกไหมว่าไม่น่าจะไปตีกันนะมีไหมมีความรู้สึกนี้ไหม
น้องหนุ่ม -มีครับมีอยู่หน่อย
พิธีกร - โอ๊ดนี่ประสบการณ์มากกว่าเพื่อนเล่าให้ฟังหน่อยว่าตอนที่เข้าไปปี 1 ตอนนั้นอายุยังน้อยเลยนะอารมณ์มันเป็นอย่างไร
น้องโอ๊ด -ก็อย่างแรกก่อนเข้าก็ต้องศึกษาว่าสถาบันนี้อริมีอะไรบ้างเส้นทางมีอะไรบ้างคือต้องรู้คือไม่ใช่เข้าไปทำเอ๋อๆอ๋าๆนี่เรียบร้อยครับ
พิธีกร -ต้องรู้ขนาดนั้นเลยเหรอ
น้องโอ๊ด -คือโอกาสพลาดมันมีครับถ้าเราคิดจะเรียนโรงเรียนที่มีชื่อเหมือนกันแต่ในทางที่เสียมากว่าดีคือถ้าเราคิดจะเรียนต้องรู้ครับส่วนใหญ่เด็กจะรู้ด้วยตัวเองมากกว่าว่าโรงเรียนนี้ไม่ถูกกับโรงเรียนนี้ต้องหลบนะว่าต้องเจอปุ๊บต้องทำอย่างไรจะเป็นอย่างนั้นมากว่า
พิธีกร -โอ๊ดเข้าไปไหม่ๆเนี่ยพี่เชื่อได้ว่าโอ๊ดก็คงยังไม่เซียนเท่าไหร่หรอกใช่ไหมก็คงยังวิ่งหนีอยู่
น้องโอ๊ด -ครับวิ่งครับ
พิธีกร -ตอนวิ่งหนีคิดอย่างไร
น้องโอ๊ด -คิดว่าตอนนี้เป็นของเค้าครั้งหน้าต้องมีครั้งหน้าต้องเป็นของเรา
พิธีกร -ก่อนเข้าไปเรียนเคยคิดไหมว่าตัวเองอยากเรียนให้จบอยากเข้าไปสถาบันนี้ไม่ใช่ว่าโรงเรียนมีอริสถาบันนี้ที่ไหนยังไง
น้องโอ๊ด -ตอนนั้นช่วง ม.3 ตัวเองคิดว่าสีเสื้ออันไหนสวยเครื่องแบบอันไหนสวยจะเรียนโรงเรียนนั้นคือตามความคิดตัวเองครับ
พิธีกร -แล้วเกเรียนมาตั้งแต่ ม.3 ไหมถ้าพูดกันตรงๆ
น้องโอ๊ด -ครับ
พิธีกร -เข้ามานี่เป็นหัวโจ๊กเลยเปล่าคะ
น้องโอ๊ด -ยังครับ ถ้าเข้าไประดับ ปวช. นี่จะต้องปีนไต่ระดับจากศูนย์ขึ้นไป
พิธีกร -อ๋อ เหรอเค้ามีไต่ระดับกันด้วยคือเค้าวัดฝีมือกันอย่างไร
น้องโอ๊ด -ผลงานครับ การแจ้งเกิด
พิธีกร -ยังไงถึงเรียกว่าการแจ้งเกิด
น้องโอ๊ด -หนึ่งคือไปเอาช็อปของโรงเรียนอื่นมาได้ ได้เยอะเท่าไหร่ก็มีผลงานเท่านั้น สองคือเป็นข่าวสายนั้นสายนี้นะไปตีกับเค้ามาตีฝ่ายตรงข้ามเสียเปรียบอย่างนี้ คือเราจะรู้กันเองครับไม่ใช่เราต้องไปบอกเค้าว่าเราเป็นคนทำคือจะรู้กันเองภายในเด็กนักเรียนด้วยกันจะได้ยินข่าวกันมาเอง

พิธีกร -ยิ่งได้เสื้อช็อปคู่อริได้มากเท่าไหร่ยิ่งถือว่าเจ๋งเป็นการประกาศศักดาพอได้มารู้สึกสะใจ
น้องโอ๊ด -คือถ้าเค้าทำเราหนึ่งเท่าเราก็คืนมากกว่าหนึ่งเท่า
พิธีกร -แล้วถึงขนาดพกอาวุธไปยิงกันอย่างลักษณะที่เกิดขึ้น คือต้องเอากันให้ถึงตายเหรอคะ
น้องโอ๊ด -คือข้อนี้ผมบอกเลยนะครับว่าถ้าเค้าตบช็อปเราได้เราหาเอ่อคือว่าเค้ารู้แนวก็คือว่าเค้าเล่นโรงเรียนอันนี้นะเขาได้ช็อปโรงเรียนนี้ไปคือเค้าก็จะไม่ค่อยผ่านเส้นนั้นเราก็ต้องหาว่าโรงเรียนนนี้นะเอาช็อปเราไปแล้วอยู่ตรงไหนอย่างโรงเรียนตรงข้ามเนี่ยโอกาสที่เค้าจะหาอาวุธนี่หาง่ายครับ
พิธีกร -เค้าซ่อนกันอย่างไรคะ เห็นวันนี้ตำรวจเข้าไปค้นบางแห่งเห็นได้มาเพียบเลย
น้องโอ๊ด -คือต้องหลบอาจารย์ครับ
พิธีกร -อาจารย์ที่เป็นอดีตรุ่นพี่กลับเข้ามาสอนมีไหม
น้องโอ๊ด -ก็มีครับ
พิธีกร -พี่เคยได้ยินอย่างนี้นะคะว่าอาจารย์บางคนเป็นคนส่งเสริมยุยงมีไหมพี่ถาม
น้องรักษ์ -ก็มีบ้างครับ แต่ส่วนมากจะเป็นคนนอกมากกว่าครับที่เข้ามายุและก็ทำให้พวกเราหึกเหิม
พิธีกร -ไหนพี่ถามจริงๆว่าที่มาทั้งหมดเนี่ยไม่อยากยกพวกตีกันหรอก มีไหมพี่ถามจริงๆ มีไหมยกมืออืมเห็นไหมทุกคนก็อยากเป็นคนดี แต่รุ่นน้องที่เข้ามานี่สิ พี่ถามจริงๆอะไรที่ทำให้เด็กๆเนี่ยที่เข้ามาใหม่ๆมีความรู้สึกหึกเหิมอยากไปตีกันใครจะตอบพี่ได้คะ หนุ่ม
น้องหนุ่ม -ความห้าวไงครับ อย่างเรียน ม.ต้นมีเรื่องมาแล้วอย่างนี้นะครับพอเปลี่ยนมาเป็นขายาว
พิธีกร -รู้สึกโตเป็นหนุ่มยิ่งใหญ่มากขึ้น
น้องหนุ่ม -ทำให้มีพาวเวอร์โชว์หญิงไงครับอย่างเช่น เออกูมากับหญิงเห็นโรงเรียนอื่นก็ตะโกนด่าเนี่ยครับโชว์หญิงว่าข้าเก่ง
พิธีกร -เคยคิดไหมคะว่าเราจะพลาดบ้าง
น้องโอ๊ด -ก็เคยครับ คือธรรมดากลับบ้านกลุ่มนึงประมาณ 10 กว่าคนไปเจอของเค้าที่เยอะกว่าหลายเท่ามามาทีเดียวเกือบ 30 เค้ารออยู่ที่ป้ายเค้าก็รอกลับบ้านแต่ผมนั่งรถเมล์
สายยาวมามาเจอเค้าก็ด้วยความห้าวเอาเลยเล่นเลยลงเลยก็ลงแต่พอลงมาคือของเค้านี่ฉลาดคือเค้าเอาตัวล่อแค่ 7-8 คนแต่ของเค้านี่จะนั่งข้างหลังเค้าจะให้ดูว่าไม่
เยอะผมก็ลงไปพอนำอาวุธออกมาจากตัว แล้วคนของเค้าหนีก็ไปตามคนข้างในมา ทีนี้อาวุธผมก็หมดกระสุนด้วยก็วิ่งระยะทางเกือบโลได้แล้วก็โดนเค้าไล่ทัน ก็เลยโดน แต่เค้าก็คือดีอย่างนึงคือว่าเอาเราไม่ถึงตายคือเล่นแล้วให้เอาคืน
พิธีกร -คือถ้าไปเอาคืนเนี่ยคิดยังไงก็ต้องมีคนตายไม่ได้รู้สึกอะไรกันเลยเหรอ
น้องโอ๊ด -คือรู้ละครับแต่ตอนนั้นรู้สึกว่าเค้าทำเราได้เราก็ทำเค้าได้
พิธีกร -พี่ถามหน่อยเวลาโดนเอาเสื้อช็อปเอาหัวเข็มขัดไปคือมันมีความรู้สึกอย่างไร
น้องโอ๊ด -มันเหมือนตัวแทนของโรงเรียน ถ้าพูดตามหลักที่ปีหนึ่งเค้าคิดกันก็คือข้าได้สัญญาลักษณ์อันนี้แล้วข้าเป็นคนของโรงเรียนใครจะหยามข้าไม่ได้นั่นคือความคิดของปี1

พิธีกร -ถามโอ๊ดหน่อยไอ้ความรู้สึกอย่างเนี้ยมันถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่เป็นธรรมเนียม ปฎิบัติหรือเป็นยังไงลองอธิบายให้ฟังหน่อย
น้องโอ๊ด -คือส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยเอาสัญลักษณ์โรงเรียนครับ คือส่วนใหญ่คือเค้ามาเล่นผมก่อนมาแหย่หรือมาเล่นเนี่ย แล้วผมค่อยไปเอาคืน
พิธีกร -มีหลายคนนะคะเค้าวิเคราะห์นะคะบอกว่าเด็กที่ตีกันเนี่ยอาจจะมีความคิดที่ว่าด้อยกว่าเด็กนักเรียนสายสามัญปกติเป็นเด็กที่เรียนไม่เก่งเกเรียนไม่มีใครเอาแล้วถึงไปเรียนเทคโนทำให้เห็นที่สนใจใช่ไหมคะ
น้องรักษ์ -ไม่หรอกครับมันตีกันเพราะว่ากินเหล้าด้วยครับพอเมาก็ชวนไปโน่นไปนี่ที่จริงก็ไม่ได้ไปหาเรื่องอะไรหรอกครับไปเที่ยวเล่นธรรมดาแต่ไปเยอะพอไปเจอโรงเรียนอื่นเข้าด้วยความเมาก็มีเรื่องกัน
พิธีกร -แล้วเจ๋งล่ะคะ
น้องเจ๋ง -ไม่หรอกครับเราเก่งคนละอย่างกันเค้าเก่งทางด้านวิชาการแต่เราเก่งทั้งทางด้านวิชาการและก็ปฏิบัติด้วย
พิธีกร -แล้วที่เค้าอบรมเนี่ยที่สมนาเนี่ยแนวทางแก้ที่ได้รับฟังจากผู้ใหญ่เนี่ยคิดว่าเป็นไปได้ไหมเค้าให้ทำอะไรบ้าง
น้องรักษ์ -ก็ให้เล่นเกมด้วยกันก็ดีครับรู้จักต่างโรงเรียนต่างสถาบัน แต่ถ้าให้ดีต้องไปเข้าค่ายครับสักสองสามวันนี่แค่วันเดียวเองมันไม่ลึกซึ้งครับ
น้องโอ๊ด -คือต้องอย่างนี้ครับคือเอาตัวหัวโจกของโรงเรียนนี้คัดหัวโจกออกมาเลยจับอยู่ด้วยกันคือไม่ต้องไปคุมให้เด็กอยู่อย่างอิสระคือข้อแค่อยู่ในกรอบแล้วทำความสัมพันธ์กันเองอย่างถ้าทะเลาะกันข้าวก็ไม่ต้องกินให้เลือกเอาผมว่าอย่างนั้นน่าจะดีกว่า
พิธีกร -ถ้าเกิดว่าเอาคู่กรณีโรงเรียนที่เป็นอริกัน แล้วเอาหัวโจกของโรงเรียนออกมาโอ๊ดคิดว่าเค้าจะยอมออกมาไหม
น้องโอ๊ด -อย่างแรกที่ผมคิดเนี่ยคือ 40% คือเป็นไปได้แล้วอาจารย์แต่ละโรงเรียนเนี่ยช่วยประสานไปว่าเอ้ยไปนะทำอะไรอย่าให้โรงเรียนเสียชื่อถ้าเด็กมีความกลัวเกรงอะไรนะครับจะไม่มีปัญหาแต่ 60% คือรับปากอาจารย์ได้อาจารย์ไม่มีปัญหาพอวันแรกก็ธรรมดาอยู่พอวันที่สองเริ่มมีนิดๆพอวันที่สามเนี่ยเพราะส่วนใหญ่แต่ละโรงเรียนเนี่ยถ้ามีการรวมกลุ่มของนักเรียนไม่ว่างานไหนวันสุดท้ายเนี่ยจะน่ากลัวกว่าวันแรกคือเห็นว่าเป็นวันจากแล้วไหนๆก็จะไม่เจอกันแล้วเอาซะหน่อย
พิธีกร -แสดงว่าอย่างนี้มันก็ไม่ได้ผลสิโอ๊ด
น้องโอ๊ด -คือมันต้องหลายฝ่ายช่วยกัน อย่างแรกเลยคือพวกผมเอง
พิธีกร -ใครจะให้สติได้ดีที่สุด
น้องโอ๊ด -คงต้องรู้ตัวเองครับเพราะว่าระดับปวช.เนี่ยมันไม่ใช่ระดับม.3
พิธีกร -แหมมันยากนะอย่างโอ๊ดเองยังมีความรู้สึกหึกเหิมใครมาแหยมไม่ได้เลยคิดยากเหมือนกันนะรุ่นพี่บอกได้ไหม
น้องโอ๊ด -โหรุ่นพี่บอกไม่ได้หรอกครับมันอยู่ที่คนความคิดใครความคิดมัน
พิธีกร -แล้วอย่างที่เค้าจับไอ้พวกที่ตีกันเนี่ยจับทอดเสื้อเวลาจับได้เนี่ยส่งไปที่โรงเรียน วิวัฒน์พลเมืองได้ผลไหม
น้องโอ๊ด -ก็น่าจะได้ เพราะว่าจากที่ผมฟังๆมาก็ดีขึ้น
พิธีกร -แต่มันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไหมโอ๊ด
น้องโอ๊ด -ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลาอย่างแรกเลยคือเด็กต่อไปคือผู้ปกครองสามคือสถาบัน ถ้าเป็นตัวเด็กเนี่ยต้องเริ่มจากตัวเขาก่อนถ้าเขาจะทำเราเราหลบซะ
พิธีกร -คือถ้าเกิดจะแก้ปัญหานี้ให้มันเห็นทันตานี่มันยากใช่ไหมโอ๊ด
น้องโอ๊ด -ครับของอย่างนี้มันต้องใช้เวลาครับ
พิธีกร -เอาละเดี๋ยวเราพักกันก่อนนะเดี๋ยวมาคุยกับอาจารย์กันบ้าง ว่านะมุมมองของอาจารย์เนี่ยอาจารย์อยากจะแก้ปัญหานี้อย่างไรเดี๋ยวพักกันสักครู่แล้วกลับมาคุยกันต่อคะ

พิธีกร -ฟังจากเด็กๆกันไปแล้วละนะคะเราลองมาฟังความคิดเห็นของอาจารย์ที่อยู่กับเด็กๆกันบ้างว่าแนวทางการแก้ปัญหามีอะไรจริงๆทางผู้ใหญ่ของทางรัฐบาลพยายามแก้ปัญหานี้ให้ได้แต่ความคิดเห็นของอาจารย์ที่คลุกคลีกับเด็กๆนั้นหลายท่านคงอยากจะฟังความคิดเห็นเหมือนกันคือยังน้อยเกินไปจะต้องมาฟังกันนะคะว่าอาจารย์คิดอย่างไรท่านแรกเลยคะอาจารย์ภุชงค์ สมดิน ผช.ผอ.ฝ่ายกิจการนัก
ศึกษา ร.ร.มีนบุรีโปลีเทคนิค และอาจารย์เกรียงไกร เที่ยงพร้อม ฝ่ายกิจการนักศึกษา ร.ร.ช่างฝีมือปัญจวิทยา อาจารย์ภุชงค์คะสอนมากี่ปีแล้วคะ
อ.ภุชงค์ -ครับก็10ปีแล้วครับ
พิธีกร -10 กว่าปีแล้ว อย่างนี้ก็เห็นมาตลอดสิคะเรื่องอย่างนี้
อ.ภุชงค์ -ก็เห็นมาตลอดแหละครับ ถ้าพูดถึงย้อนไปอดีตก็มีแล้วอาจจะเป็นค่านิยมตั่งแต่ช่วงนั้นละนะครับแล้วก็เริ่มซามา
พิธีกร -ทำไมถึงเริ่มซามาละคะช่วงไหนคะอาจารย์ที่เริ่มซามาเกิดจากอะไร
อ.ภุชงค์ -คือในช่วงที่ไม่มีปัญหาเท่าไหร่ในช่วงนั้นก็คือการอบรมให้เด็กการเอาใจใส่ของโรงเรียนให้การอบรมเค้าในส่วนที่ถูกต้อง
พิธีกร -ได้ผลจริงหรือคะอาจารย์
อ.ภุชงค์ -ได้ผลครับ เพราะว่าเด็กเนี่ยนอกจากคุณพ่อคุณแม่แล้วเนี่ยเค้าจะฟังครู
พิธีกร -แล้วช่วงนี้เป็นไงบ้างคะ
อ.ภุชงค์ -ในช่วงปีการศึกษานี้เนี่ยแทบจะไม่มีเลยเบาลงเยอะ
พิธีกร -รูปแบบในการตีกันเนี่ยมันเปลี่ยนไปไหมคะ
อ.ภุชงค์ -อืมจากเดิมๆเนี่ยก็หมัดกันธรรมดาเนี่ยแหละครับแต่ทีนี้การวิวัฒนาการของเด็กช่วงหลังมาเนี่ยเค้าจะเริ่มใช้อาวุธ ซึ่งในระดับหนึ่งทางโรงเรียนนี่จะต้องป้องกันต้องป้องกันว่าเด็กเนี่ยจะพกอาวุธไม่ได้นี่คือระเบียบของโรงเรียนคือจะต้องมีการตรวจทุกครั้งที่เด็กจะเข้าโรงเรียนหรือเราเห็นว่า
พิธีกร -คือต้องมีการค้นกระเป๋า ต้องค้นทุกคนหรือเปล่าคะ
อ.ภุชงค์ -ก็ต้องค้นทุกคนที่เราสงสัยนะครับ ที่เราบอกว่าเด็กเนี่ยโรงเรียนไม่นโยบายให้พกอาวุธนะครับจะพกอาวุธไม่ได้ทุกชนิดไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่เราให้เค้าเรียนอย่างเดียวให้เค้าได้ศึกษาได้ออกไปทำมาหากินในส่วนที่เค้าจะได้พัฒนาประเทศให้เค้าเป็นนายช่างที่ดีเราต้องอบรมเค้าตลอด แต่ทีนี้ในส่วนของสังคมในปัจจุบันนี้ความห่างของโรงเรียน ผู้ปกครองเด็กมันมีช่องว่างมากขึ้นนักเรียนก็เยอะขึ้น
พิธีกร -โอ๊ดเวลาที่อาจารย์พูดไปเนี่ยได้ผลบ้างไหม
น้องโอ๊ด -คือตั่งแต่พักหลังที่ผมเข้าไปนี่คือโพลีเทคนิคนี่อาจารย์จะพูดทุกเช้าคือพูดแล้วจะให้ข้อคิดหลายๆอย่าง ส่วนใหญ่ก็เชื่อครับ
พิธีกร -ทีนี้มาคุยกับอาจารย์เกรียงไกรบ้าง อาจารย์จบช่างจบจากช่างกลเนี่ยคงจะรู้ถึงจิตใจของเด็กได้เป็นอย่างดีทำวิธีไหนคะที่เข้ากับเด็ก

อ.เกรียงไกร -ก็คือแทนที่จะเป็นอาจารย์ปกครองก็กลายเป็นเพี่อนเค้าบ้างคุยเล่นหัวอะไรเค้าบ้างโดยไม่ถือตัวเองว่าเป็นอาจารย์พอทำอย่างนี้แล้วลูกศิษย์ก็จะกล้าวิ่งมาบอกเราเพราะไว้ใจ ก็จะกลายเป็นการแก้ปัญหาอีกส่วนนึงด้วย คือเค้าอาจจะบอกว่าอาจารย์ครับคือเมื่อตอนเย็นเนี่ยคนโน้นท้าคนนี้ท้าฝ่ายปกครองเราก็จะได้ออกไปซึ่งโดยปกติเนี่ยฝ่ายปกครองเราก็ออกไปตรวจตาหรือปกติฝ่ายปกครองโรงเรียนอื่นก็ออกไปตรวจตาคอยประสานงานกันอยู่
พิธีกร -อ๋อคือตอนนี้แต่ละโรงเรียนจะมีการร่วมมือกันประสานกันว่าเอาละเด็กจะมีการยกพวกตีกันตรงไหนยังไงช่วยแก้ปัญหาได้เยอะไหมอาจารย์
อ.เกรียงไกร -คือการแก้ปัญหาเนี่ยถ้าในช่วงนั้นมีอาจารย์ของโรงเรียนนั้นอยู่เนี่ยไอ้การที่จะมีเนี่ยก็จะไม่มีเพราะว่าอย่างน้อยๆเนี่ยถ้ามีอาจารย์อยู่เนี่ยหรือตรงนั้นมีเจ้าหน้าที่อยู่เนี่ยเราก็ไม่ต้องไปลงแรงอะไรมากมายให้เค้าอึดอัดตัวเค้าเอง
พิธีกร -อืมแล้วเค้ากลัวอาจารย์กันไหมคะ
อ.เกรียงไกร -คือโดยทางจิตของเด็กๆแล้ว เด็กเค้าจะเกรงใจอาจารย์มากกว่าคือถ้าให้เค้าเกรงกลัวเราเนี่ยเค้าก็จะไม่กล้าที่จะมาฟ้องเรามากมายนักแตุถ้าเกรงเราเนี่ยก็คือเฮ้ยอาจารย์อยู่นะอย่าเลย
พิธีกร -ถ้าเราจะสรุปปัญหานี้วิธีไหนที่จะสามารถสรุปแก้ปัญหาได้อย่างเด็ดขาดและมีผลมากที่สุด เอาละเราอาจจะไม่ได้คาดหวัง 100% แต่คิดว่าได้ผลมากที่สุดอยากจะแนะไปทางผู้ใหญ่หรือว่าคนรับผิดชอบโรงเรียนต่างๆก็แล้วแต่อาจารย์ขาทำยังไงดีคะอาจารย์ภุชงค์ก่อน
อ.ภุชงค์ -อืมผมอยากจะให้หลายๆสถาบันนะครับให้ความสำคัญในเรื่องของครอบครัว สิ่งที่เด็กหลายคนคิดตามแนววัยรุ่น ถ้าเรามองย้อนไปเนี่ยว่าครอบครัวให้อะไรกับลูกบ้าง อบรมเค้าอย่างไร เพราะเด็กเนี่ยอยู่กับบ้านมากกว่าโรงเรียนนะครับผู้ปกครองกับตัวเด็กต้องคุยกัน
พิธีกร -คือถ้าที่บ้านไม่มีความสุขไม่มีความอบอุ่นก็ไม่รู้จหะไปไหนกะใครก็ไปหาเพื่อน
อ.ภุชงค์ -ครับ ถ้าได้เพื่อนดีก็จะดีถ้าได้เพื่อนไม่ดีมันก็จะไปหมดเลย
พิธีกร -ถ้าได้เพื่อนดีอย่างโอ๊ดเนี่ยโอเคใช่ไหมคะอาจารย์อย่างโอ๊ดนี่ถือว่าคนดีกลับตัวกลับใจไหมคะอาจารย์
อ.ภุชงค์ -คืออย่างในกรณีของโอ๊ดนี่ ผมคิดว่าเค้าผ่านมาหลายสถาบันเนี่ย ถามว่าคนการที่คนจะเป็นคนดีสักครั้งนึงเนี่ยในชีวิตเนี่ยนะครับ ซึ่งผมได้เชิญผ็ปกครองมาในวันนั้นว่าโอ๊ดถ้าโอ๊ดไม่จบที่โรงเรียนอาจารย์เนี่ยนะอาจารย์ก็ไม่คิดว่าโอ๊ดจะไปจบที่อื่นแล้วนะด้วยความว่าคุณแม่ก็แก่แล้ว แล้วตัวโอ๊ดเองก็ไม่มีคนส่งแล้วคุณแม่ให้เดือนละ 500 บาทถามว่าเดือนละ 500 บาทเนี่ยค่าเรียนก็ไม่มีและแล้วโอ๊ดก็อายุขนาดนี้แล้วจะไปทำอะไรผมชี้ให้เค้าเห็นว่าเราเป็นนักเรียนช่างถ้าคุณจะไปเป็นนายช่างในอนาคตถ้าคุณไม่มีความรู้เลยเนี่ยสู้เค้าไม่ได้ตัวเค้าเองผมถามว่าควรจะกลับตัวในกรณีนี้ไหมต้องให้กลับครับถ้า…คือท่านผู้อำนวยการให้โอกาสนะครับว่าจะรับเลี้ยงดูให้เรียนฟรีให้อยู่หอพักฟรี
พิธีกร -อันนี้เป็นโอกาสในชีวิตที่โอ๊ดยินดีรับและก็สำนึกว่าตัวเองจะต้องทำอย่างไรกับตัวเอง
น้องโอ๊ด -ครับใช่ครับ
พิธีกร -ทีนี้ถามอาจารย์เกรียงไกรบ้างอาจารย์ขาจะทำอย่างไร วิธีอาจารย์
อ.เกรียงไกร -ตามแนวที่ผู้ใหญ่หรือคนที่เกี่ยวข้องคิดอยู่เนี่ยเป็นแนวทางที่ดีอยู่แต่ขอความกรุณาหลายฝ่ายหลายๆท่านนะคือโครงการที่ทำมาเนี่ยผมมองเห็นว่าดีมากอย่างเช่นโครงการที่เอาเด็กอาชีวไปทาสีตามโรงเรียนต่างๆเอาเด็กอาชีวไปซ่อมอะไรต่างๆเนี่ยผมว่าน่าจะทำต่อเนื่องไปอย่าหยุดอย่ามาทิ้งงบประมาณอะไรก็ไม่ได้
น้องโอ๊ด -คือพอเกิดเหตุทีก็ทำที
อ.เกรียงไกร -ใช่ครับใช่ๆๆ อยากให้ทำต่อเนื่อง
พิธีกร -ให้เค้าร่วมกิจกรรมกันอย่างที่เด็กๆแสดงความคิดเห็นกันไปคิดว่านั่นน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีต่อไปอาจจะสลายพฤติกรรมอย่างนี้ได้ เอาละสุดท้ายนี้ขอครึ่งนาทีพอโอ๊ดฝากบอกถึงเพื่อนๆอาชีวถึงน้องๆหน่อยสิ
น้องโอ๊ด -ก็ทั้งชีวิตที่ผมเคยประสบมาแล้วก็สร้างเรื่องสร้างปัญหาให้กับสังคมเนี่ยมันยังไม่เห็นผลในทันตาหรือบางอย่างอาจจะเห็นผลเลยแต่มันก็ไม่ได้เป็นผลดีแก่ตัวน้องๆหรือเพื่อนๆแม้กระทั่งไม่เป็นผลดีต่อครอบครัวด้วยมันจะเป็นผลพวงลูกโซ่คือเริ่มจากปัญหาเล็กไปปัญหาใหญ่ที่เราแก้ไม่ได้เลยเพราะฉนั้นอย่าเลยครับอะไรเลี่ยงได้ก็เลี่ยงไม่เสียศักดิ์ศรีครับมันไม่ใช่ศักศรีอะไรมากมายที่ต้องทะเลาะเบาะแว้งกันเองตั้งใจเรียนพัฒนาประเทศผมว่าน่าจะดีกว่าครับ
พิธีกร -ค่ะ ขอบพระคุณทุกท่าน ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงเลยค่ะขอบพระคุณค่ะ ขอบคุณน้องๆ ด้วยนะคะขอบคุณค่ะวันนี้เรามาเปิดใจกันแต่สุดท้ายดิฉันคิดว่าคำตอบหลายอย่างอยู่ในวันนี้แล้ววันนี้ฅนในข่าวหมดเวลาแล้วคะครั้งหน้าเรากลับมาพบกันใหม่ค่ะ ลาก่อนค่ะ สวัสดีค่ะ
พิธีกร -สวัสดีค่ะท่านผู้ชมขอตอนรับเข้าสู่ฅนในข่าววันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2547 ภาพที่ท่านผู้ชมได้ชมไปเป็นภาพในอดีตที่เกิดขึ้นเมื่อเหตุการณ์เกิดมีเด็กนักเรียนกับคนที่ไม่รู้อี่โหน่อีเหน่ เมื่อข่าวนั้นเงียบหายไปเหตุการณ์อื่นๆ ก็จะตามมาเป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเหล่าแล้วถามว่าการแก้ปัญหาควรจะเป็นอย่างไรเราถกปัญหานี้กันมานานแสนนานหลายต่อหลายอีกครั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมานั่งจับเข่าคุยกันแต่ก็ยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก วันนี้เราจะลองมาคุยกับเด็กๆ ดูน่ะค่ะว่าพวกเข้าคิดอะไรกันอยู่ทำไมถึงมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจะร่วมกันแก้ปัญหากันได้อย่างไรไม่ใช่ฟังแต่ว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหากันอย่างไรเท่านั้นเอง วันนี้ถ้าเราจะคุยกับน้องๆซึ่งเป็นตัวแทนสถาบันเทคโนโลยีต่างๆเข้าร่วมประชุมฑูตอาชีวะที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมการอาชีวะศึกษาหรือกอส. วันนี้เมื่อช่วงบ่ายหมาดๆที่ผ่านมานี้เราจะต้องคุยกันว่าเมื่อคุยกันแบบนี้แล้วจะแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ แต่ว่าย้อนเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาน่ะค่ะเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17
สิงหาคมที่ผ่านมานี้เองน้องชัยพร จรูญภักดี อายุ 22 ปีค่ะเป็นนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันขึ้นรถเมล์สาย 47 แล้วถูกคู่อริขึ้นไปแทงบนรถแล้วก็ตกลงมาเสียชีวิตที่ข้างถนนพระราม 4 นี้คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนเหตุการณ์ที่ 2 ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นหมาดๆ เมื่อวานนี้เมื่อช่วงค่ำ น.ร.ช่างกลใช้รถจักรยานยนต์ 3คันด้วยกันเป็นยานพาหนะตามประกบยิงรถ ข.ส.ม.ก.ต่อสาย 145 สีขาวแดงคือรถคันนี้นั้นแหละค่ะที่ถนนศรีนครินร์ที่หน้าห้างโลตัสผู้โดยสารอยู่ในรถประมาณ 30 คนด้วยกันนายเอกสิทธิ์ คิวทอง อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปวส.ปี 1 ค่ะ ร.ร.ช่างอุตสาหะกรรมกรุงเทพฯ หัวหมากถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสน่ะค่ะและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลพ่อแม่ของเด็กทั้งสองคนคงจะไม่สามารถถ่ายทอดเป็นคำพูดออกมาได้น่ะค่ะว่าความเสียอกเสียใจและความสูญเสียครั้งนี้มากมายขนาดไหนเราลองมาถามเด็กน.ร.ช่างกลกันดูบ้างน่ะค่ะว่าวันนี้แขกรับเชิญของเราค่ะมีกันหลายคนแต่ว่า 5 คนที่มานั่งอยู่ตรงนี้น่ะค่ะก็ไปอบรบกันมาเมื่อช่วงบ่ายคนแรกน้องสมรักษ์ อบอุ่น “น้องรักษ์” ค่ะปวช.ปี 1 ร.ร.เทคโนโลยีกรุงเทพและจากสถาบันเดียวกันน้องณัฐพล บุญประดิษฐ์ “น้องเจ๋ง” ค่ะปวช.ปี 2 ส่วนทางด้านขวามือดิฉันนะค่ะเริ่มจากน้องหนุ่มก่อน “น้องหนุ่ม” จาก ร.ร.ช่างฝีมือปัญจวิทยา ชื่อรุ่งชัย ใหม่วงศ์ ชั้นปวช.ปี 3 นะคะและตามมาก็คือคนกลางนี้นะค่ะ ร.ร.มีนบุรีโปลีเทคนิค “น้องโอ๊ด” อภิสิทธิ์ ครุฑแก้ว ปวช.ปี 1 นะค่ะ น้องณรงค์ นนทรี “น้องเท่ง” ปวช.ปี 1 ค่ะจากมีนบุรีโปลีเทคนิคเช่นเดียวกันน้องโอ๊ดคนกลางนี้ต้องเรียนให้ทราบท่านผู้ชมในอดีตเนี้ยเปลี่ยนสถาบันมาแล้ว 5 ครั้งด้วยกันตอนนี้อายุ 28 ปีอยู่ปวช.ปี 1 ใช่ไหมคะโอ๊ดเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองทำไมถึงต้องเปลี่ยนโรงเรียนถึง 5 ครั้ง
น้องโอ๊ด -ครั้งหนึ่งเคยก่อเหตุยกพวกตีกันเลยเป็นเหตุทำให้โดนไล่ออก
พิธีกร -และอีกสี่สถาบันที่ผ่านมา
น้องโอ๊ด -เป็นเหมือนกันแหละครับ
พิธีกร -นั่นเป็นอดีตใช่ไหมคะและปัจจุบันละ
น้องโอ๊ด -ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วครับ
พิธีกร -28 ปีแล้วนี่เนอะก็น่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แล้วคิดว่าจะเรียนให้จบไหมคะ
น้องโอ๊ด -ก็จะเรียนให้จบครับที่สถาบันนี้แหละครับ
พิธีกร -รักดูภาพของพ่อแม่ผู้เสียชีวิตแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างถามจริงๆ
น้องรักษ์ -ก็รู้สึกเสียใจครับ ถ้าเราโดนอย่างนั้นพ่อแม่เราก็คงเสียใจ
พิธีกร -มันมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นหลายครั้งจึงมีความรู้สึกว่าเด็กๆช่างกลบางคนเค้าก็ไม่อยากที่จะไปเรียนแล้วจริงๆเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า
น้องรักษ์ -ไม่ครับ
พิธีกร -ยังอยากไปเรียนอยู่
น้องรักษ์ -ครับ เอาตัวรอดได้มั้ยอยู่
พิธีกร -ไม่กลัว
น้องรักษ์ -ก็นิดหน่อย
พิธีกร -เอาตัวรอดได้มั้ย
น้องรักษ์ -ก็พอได้
พิธีกร -แสดงว่าประสบการณ์ก็เยอะเหมือนกัน เอาละน้องเจ๋งดูแล้วเป็นอย่างไรถ้าเป็นเราเนี่ยพ่อแม่เราจะเป็นอย่างไรรู้สึกมั้ย
น้องเจ๋ง -ก็คงรู้สึกเยอะเหมือนกันครับ เพราะว่าคนที่โดนยิงนี่ไม่ได้มีเรื่องกับใครเลยเป็นเด็กเรียนก็คือลูกหลงนะครับ
พิธีกร -เอาละมาทางด้านน้องเท่ง เท่งดูแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
น้องเท่ง -ก็รู้สึกสลดใจนะครับ ถ้าหากว่าเราเกิดมาเจ็บหรือว่าพลาดไปก็จะกลายเป็นภาระในสังคมและก็ครอบครัวไป
พิธีกร -ค่ะ แล้วน้องหนุ่มล่ะคะ ถามจริงเคยยกพวกตีกันมั้ย
น้องหนุ่ม -บางครั้งครับ
พิธีกร -เอาละค่ะเราก็คุยกันมาพอหอมปากหอมคอ เดี๋ยวช่วงหน้ากับมาจะมาคุยกันอย่างละเอียดนะคะว่าเด็กเหล่านี้คิดอะไรกันอยู่ทำไมจะต้องตีกันตีกันแค่หัวเข็มขัดแค่โลหะชิ้นเดียวเนี่ยมันทำให้ตัวเองมีความสุขมากแค่ไหน และก็เด็กดีๆที่เค้าต้องไปเรียนเนี่ยเค้าต้องทำตัวอย่างๆไรเป็นอย่างไรเวลาเรียนเดี๋ยวพักกันสักครู่
พิธีกร -กลับมาคุยกันต่อเรื่องของนักเรียนนักเลงนะคะเราคุยกันไปแล้วถึงเรื่องความรู้สึกกับการเสียชีวิตจากลูกหลงรู้สึกกันอย่างไรเค้าก็ตอบกันไปแล้วแต่ว่าคงจะต้องย้อนกลับมาถามถามรักษ์ก่อนละกันว่าก่อนที่จะมาเข้าเรียนโรงเรียนเทคโนอย่างนี้เนี่ยพ่อแม่ห่วงไหมว่าเราจะมาตียกพวกตีกัน
น้องรักษ์ -ห่วงครับเค้าก็บอกทุกวันครับให้กลับบ้านเร็วๆอย่าไปที่อื่น แต่ผมก็ไปคือไปกับเพื่อนครับ
พิธีกร -แล้วเท่งล่ะคะ อยากเข้ามาเรียนเองเหรอหรือว่ายังไง
น้องเท่ง -ก็คิดที่จะเรียนเพราะรักช่างมาตั่งแต่เด็กด้วยก็อยากจะมีความรู้ทางด้านนี้
พิธีกร -และเป็นเด็กที่เกเรชอบต่อยกับเพื่อนมาก่อนหรือเปล่า
น้องเท่ง -ก็ไม่ค่อยเกเรหรอกครับแต่ถ้ากลับบ้านก็ต้องกลับหลายคนจะได้ปลอดภัย
พิธีกร -เข้าไปเรียนวันแรกนี่รุ่นพี่เค้าบอกหรือเปล่าว่าต้องทำอย่างไร
น้องเท่ง -ก็ไม่ได้บอกครับ มีแต่อาจารย์มาประถมนิเทศน์ว่าโรงเรียนนี้ควรทำอย่างไรควรทำตัวอย่างไรทำตัวอย่างไร
พิธีกร -อาจารย์ก็ไม่ได้บอกรุ่นพี่ก็ไม่ได้บอกว่าคู่อริเราเป็นใครอะไรเค้าไม่ได้บอก หนุ่มพี่ถามหน่อยว่าก่อนที่เข้าไปเรียนเคยเป็นเด็กเกเรบ้างไหมพี่ถามตรงๆ
น้องหนุ่ม -เปล่าครับ
พิธีกร -แล้วเข้าไปเคยยกพวกตีกันหรือเปล่าคะ
น้องหนุ่ม -ส่วนมากจะโดนมากกว่าครับ
พิธีกร -คือโดนเค้าไล่เนี่ย อาวุธที่เค้าถือมาเนี่ยคืออะไรบ้าง
น้องหนุ่ม -ก้อนหินครับ และก็ขวดครับ
พิธีกร -อ๋อยังไม่รุนแรง ปืนมีดอะไรอย่างนี้มีไหม
น้องหนุ่ม -ก็มีบ้างครับ
พิธีกร -แล้ววิ่งทันทุกครั้งยังไม่เคยโดนเลยหรอสักครั้งนึง
น้องหนุ่ม -ยังครับ
พิธีกร -แล้วเวลาที่โดนเค้าไล่มาเนี่ยเคยคิดอยากจะไปล้างแค้นไหม
น้องหนุ่ม -ก็มีบ้างครับ
พิธีกร -แล้วกลับไปยกพวกลุยกันเลย
น้องหนุ่ม -ยังครับต้องรอก่อนครับ
พิธีกร -คือต้องรอมารวมสมัครพรรคพวกก่อนและยังไงคะไปดัก
น้องหนุ่ม -ไม่ได้ดักครับก็กลับบ้านตามปกติแต่เยอะหน่อยครับถ้าเกิดเจอตามป้ายรถเมล์ก็ลงไปเอาคืนครับ
พิธีกร -แล้วถ้าเจอเค้ามาเดี่ยวไม่ได้มาเป็นกลุ่มไม่ได้เป็นคู่อริทำอย่างไร
น้องหนุ่ม -ก็ไม่ทำครับ
พิธีกร -ไม่ทำอะไรมีไหมคะมีกลุ่มอื่นไหมที่เจอเค้ามาคนเดียวไม่ว่าจะใครหน้าไหนแต่ถ้าเป็นสถาบันนี้เอาให้ตาย
น้องหนุ่ม -มีครับ
พิธีกร -เคยคุยกับเพื่อนไหมว่าเค้าคิดอะไรอยู่เวลายกพวกตีกันเนี่ยคิดอะไรอยู่
น้องหนุ่ม -ไม่เคยครับ คือคิดว่าเค้าไล่เราได้เราก็ไล่เค้าได้ครับ
พิธีกร -แค่นั้นเองสะใจแค่นั้นเอง ถ้าตีเค้าได้นี่สะใจถ้าโดนตีนี่ก็อ่วม
น้องหนุ่ม -ครับ
พิธีกร -แล้วกลับมาเคยคิดไหมคะรู้สึกไหมว่าไม่น่าจะไปตีกันนะมีไหมมีความรู้สึกนี้ไหม
น้องหนุ่ม -มีครับมีอยู่หน่อย
พิธีกร - โอ๊ดนี่ประสบการณ์มากกว่าเพื่อนเล่าให้ฟังหน่อยว่าตอนที่เข้าไปปี 1 ตอนนั้นอายุยังน้อยเลยนะอารมณ์มันเป็นอย่างไร
น้องโอ๊ด -ก็อย่างแรกก่อนเข้าก็ต้องศึกษาว่าสถาบันนี้อริมีอะไรบ้างเส้นทางมีอะไรบ้างคือต้องรู้คือไม่ใช่เข้าไปทำเอ๋อๆอ๋าๆนี่เรียบร้อยครับ
พิธีกร -ต้องรู้ขนาดนั้นเลยเหรอ
น้องโอ๊ด -คือโอกาสพลาดมันมีครับถ้าเราคิดจะเรียนโรงเรียนที่มีชื่อเหมือนกันแต่ในทางที่เสียมากว่าดีคือถ้าเราคิดจะเรียนต้องรู้ครับส่วนใหญ่เด็กจะรู้ด้วยตัวเองมากกว่าว่าโรงเรียนนี้ไม่ถูกกับโรงเรียนนี้ต้องหลบนะว่าต้องเจอปุ๊บต้องทำอย่างไรจะเป็นอย่างนั้นมากว่า
พิธีกร -โอ๊ดเข้าไปไหม่ๆเนี่ยพี่เชื่อได้ว่าโอ๊ดก็คงยังไม่เซียนเท่าไหร่หรอกใช่ไหมก็คงยังวิ่งหนีอยู่
น้องโอ๊ด -ครับวิ่งครับ
พิธีกร -ตอนวิ่งหนีคิดอย่างไร
น้องโอ๊ด -คิดว่าตอนนี้เป็นของเค้าครั้งหน้าต้องมีครั้งหน้าต้องเป็นของเรา
พิธีกร -ก่อนเข้าไปเรียนเคยคิดไหมว่าตัวเองอยากเรียนให้จบอยากเข้าไปสถาบันนี้ไม่ใช่ว่าโรงเรียนมีอริสถาบันนี้ที่ไหนยังไง
น้องโอ๊ด -ตอนนั้นช่วง ม.3 ตัวเองคิดว่าสีเสื้ออันไหนสวยเครื่องแบบอันไหนสวยจะเรียนโรงเรียนนั้นคือตามความคิดตัวเองครับ
พิธีกร -แล้วเกเรียนมาตั้งแต่ ม.3 ไหมถ้าพูดกันตรงๆ
น้องโอ๊ด -ครับ
พิธีกร -เข้ามานี่เป็นหัวโจ๊กเลยเปล่าคะ
น้องโอ๊ด -ยังครับ ถ้าเข้าไประดับ ปวช. นี่จะต้องปีนไต่ระดับจากศูนย์ขึ้นไป
พิธีกร -อ๋อ เหรอเค้ามีไต่ระดับกันด้วยคือเค้าวัดฝีมือกันอย่างไร
น้องโอ๊ด -ผลงานครับ การแจ้งเกิด
พิธีกร -ยังไงถึงเรียกว่าการแจ้งเกิด
น้องโอ๊ด -หนึ่งคือไปเอาช็อปของโรงเรียนอื่นมาได้ ได้เยอะเท่าไหร่ก็มีผลงานเท่านั้น สองคือเป็นข่าวสายนั้นสายนี้นะไปตีกับเค้ามาตีฝ่ายตรงข้ามเสียเปรียบอย่างนี้ คือเราจะรู้กันเองครับไม่ใช่เราต้องไปบอกเค้าว่าเราเป็นคนทำคือจะรู้กันเองภายในเด็กนักเรียนด้วยกันจะได้ยินข่าวกันมาเอง
พิธีกร -ยิ่งได้เสื้อช็อปคู่อริได้มากเท่าไหร่ยิ่งถือว่าเจ๋งเป็นการประกาศศักดาพอได้มารู้สึกสะใจ
น้องโอ๊ด -คือถ้าเค้าทำเราหนึ่งเท่าเราก็คืนมากกว่าหนึ่งเท่า
พิธีกร -แล้วถึงขนาดพกอาวุธไปยิงกันอย่างลักษณะที่เกิดขึ้น คือต้องเอากันให้ถึงตายเหรอคะ
น้องโอ๊ด -คือข้อนี้ผมบอกเลยนะครับว่าถ้าเค้าตบช็อปเราได้เราหาเอ่อคือว่าเค้ารู้แนวก็คือว่าเค้าเล่นโรงเรียนอันนี้นะเขาได้ช็อปโรงเรียนนี้ไปคือเค้าก็จะไม่ค่อยผ่านเส้นนั้นเราก็ต้องหาว่าโรงเรียนนนี้นะเอาช็อปเราไปแล้วอยู่ตรงไหนอย่างโรงเรียนตรงข้ามเนี่ยโอกาสที่เค้าจะหาอาวุธนี่หาง่ายครับ
พิธีกร -เค้าซ่อนกันอย่างไรคะ เห็นวันนี้ตำรวจเข้าไปค้นบางแห่งเห็นได้มาเพียบเลย
น้องโอ๊ด -คือต้องหลบอาจารย์ครับ
พิธีกร -อาจารย์ที่เป็นอดีตรุ่นพี่กลับเข้ามาสอนมีไหม
น้องโอ๊ด -ก็มีครับ
พิธีกร -พี่เคยได้ยินอย่างนี้นะคะว่าอาจารย์บางคนเป็นคนส่งเสริมยุยงมีไหมพี่ถาม
น้องรักษ์ -ก็มีบ้างครับ แต่ส่วนมากจะเป็นคนนอกมากกว่าครับที่เข้ามายุและก็ทำให้พวกเราหึกเหิม
พิธีกร -ไหนพี่ถามจริงๆว่าที่มาทั้งหมดเนี่ยไม่อยากยกพวกตีกันหรอก มีไหมพี่ถามจริงๆ มีไหมยกมืออืมเห็นไหมทุกคนก็อยากเป็นคนดี แต่รุ่นน้องที่เข้ามานี่สิ พี่ถามจริงๆอะไรที่ทำให้เด็กๆเนี่ยที่เข้ามาใหม่ๆมีความรู้สึกหึกเหิมอยากไปตีกันใครจะตอบพี่ได้คะ หนุ่ม
น้องหนุ่ม -ความห้าวไงครับ อย่างเรียน ม.ต้นมีเรื่องมาแล้วอย่างนี้นะครับพอเปลี่ยนมาเป็นขายาว
พิธีกร -รู้สึกโตเป็นหนุ่มยิ่งใหญ่มากขึ้น
น้องหนุ่ม -ทำให้มีพาวเวอร์โชว์หญิงไงครับอย่างเช่น เออกูมากับหญิงเห็นโรงเรียนอื่นก็ตะโกนด่าเนี่ยครับโชว์หญิงว่าข้าเก่ง
พิธีกร -เคยคิดไหมคะว่าเราจะพลาดบ้าง
น้องโอ๊ด -ก็เคยครับ คือธรรมดากลับบ้านกลุ่มนึงประมาณ 10 กว่าคนไปเจอของเค้าที่เยอะกว่าหลายเท่ามามาทีเดียวเกือบ 30 เค้ารออยู่ที่ป้ายเค้าก็รอกลับบ้านแต่ผมนั่งรถเมล์
สายยาวมามาเจอเค้าก็ด้วยความห้าวเอาเลยเล่นเลยลงเลยก็ลงแต่พอลงมาคือของเค้านี่ฉลาดคือเค้าเอาตัวล่อแค่ 7-8 คนแต่ของเค้านี่จะนั่งข้างหลังเค้าจะให้ดูว่าไม่
เยอะผมก็ลงไปพอนำอาวุธออกมาจากตัว แล้วคนของเค้าหนีก็ไปตามคนข้างในมา ทีนี้อาวุธผมก็หมดกระสุนด้วยก็วิ่งระยะทางเกือบโลได้แล้วก็โดนเค้าไล่ทัน ก็เลยโดน แต่เค้าก็คือดีอย่างนึงคือว่าเอาเราไม่ถึงตายคือเล่นแล้วให้เอาคืน
พิธีกร -คือถ้าไปเอาคืนเนี่ยคิดยังไงก็ต้องมีคนตายไม่ได้รู้สึกอะไรกันเลยเหรอ
น้องโอ๊ด -คือรู้ละครับแต่ตอนนั้นรู้สึกว่าเค้าทำเราได้เราก็ทำเค้าได้
พิธีกร -พี่ถามหน่อยเวลาโดนเอาเสื้อช็อปเอาหัวเข็มขัดไปคือมันมีความรู้สึกอย่างไร
น้องโอ๊ด -มันเหมือนตัวแทนของโรงเรียน ถ้าพูดตามหลักที่ปีหนึ่งเค้าคิดกันก็คือข้าได้สัญญาลักษณ์อันนี้แล้วข้าเป็นคนของโรงเรียนใครจะหยามข้าไม่ได้นั่นคือความคิดของปี1
พิธีกร -ถามโอ๊ดหน่อยไอ้ความรู้สึกอย่างเนี้ยมันถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่เป็นธรรมเนียม ปฎิบัติหรือเป็นยังไงลองอธิบายให้ฟังหน่อย
น้องโอ๊ด -คือส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยเอาสัญลักษณ์โรงเรียนครับ คือส่วนใหญ่คือเค้ามาเล่นผมก่อนมาแหย่หรือมาเล่นเนี่ย แล้วผมค่อยไปเอาคืน
พิธีกร -มีหลายคนนะคะเค้าวิเคราะห์นะคะบอกว่าเด็กที่ตีกันเนี่ยอาจจะมีความคิดที่ว่าด้อยกว่าเด็กนักเรียนสายสามัญปกติเป็นเด็กที่เรียนไม่เก่งเกเรียนไม่มีใครเอาแล้วถึงไปเรียนเทคโนทำให้เห็นที่สนใจใช่ไหมคะ
น้องรักษ์ -ไม่หรอกครับมันตีกันเพราะว่ากินเหล้าด้วยครับพอเมาก็ชวนไปโน่นไปนี่ที่จริงก็ไม่ได้ไปหาเรื่องอะไรหรอกครับไปเที่ยวเล่นธรรมดาแต่ไปเยอะพอไปเจอโรงเรียนอื่นเข้าด้วยความเมาก็มีเรื่องกัน
พิธีกร -แล้วเจ๋งล่ะคะ
น้องเจ๋ง -ไม่หรอกครับเราเก่งคนละอย่างกันเค้าเก่งทางด้านวิชาการแต่เราเก่งทั้งทางด้านวิชาการและก็ปฏิบัติด้วย
พิธีกร -แล้วที่เค้าอบรมเนี่ยที่สมนาเนี่ยแนวทางแก้ที่ได้รับฟังจากผู้ใหญ่เนี่ยคิดว่าเป็นไปได้ไหมเค้าให้ทำอะไรบ้าง
น้องรักษ์ -ก็ให้เล่นเกมด้วยกันก็ดีครับรู้จักต่างโรงเรียนต่างสถาบัน แต่ถ้าให้ดีต้องไปเข้าค่ายครับสักสองสามวันนี่แค่วันเดียวเองมันไม่ลึกซึ้งครับ
น้องโอ๊ด -คือต้องอย่างนี้ครับคือเอาตัวหัวโจกของโรงเรียนนี้คัดหัวโจกออกมาเลยจับอยู่ด้วยกันคือไม่ต้องไปคุมให้เด็กอยู่อย่างอิสระคือข้อแค่อยู่ในกรอบแล้วทำความสัมพันธ์กันเองอย่างถ้าทะเลาะกันข้าวก็ไม่ต้องกินให้เลือกเอาผมว่าอย่างนั้นน่าจะดีกว่า
พิธีกร -ถ้าเกิดว่าเอาคู่กรณีโรงเรียนที่เป็นอริกัน แล้วเอาหัวโจกของโรงเรียนออกมาโอ๊ดคิดว่าเค้าจะยอมออกมาไหม
น้องโอ๊ด -อย่างแรกที่ผมคิดเนี่ยคือ 40% คือเป็นไปได้แล้วอาจารย์แต่ละโรงเรียนเนี่ยช่วยประสานไปว่าเอ้ยไปนะทำอะไรอย่าให้โรงเรียนเสียชื่อถ้าเด็กมีความกลัวเกรงอะไรนะครับจะไม่มีปัญหาแต่ 60% คือรับปากอาจารย์ได้อาจารย์ไม่มีปัญหาพอวันแรกก็ธรรมดาอยู่พอวันที่สองเริ่มมีนิดๆพอวันที่สามเนี่ยเพราะส่วนใหญ่แต่ละโรงเรียนเนี่ยถ้ามีการรวมกลุ่มของนักเรียนไม่ว่างานไหนวันสุดท้ายเนี่ยจะน่ากลัวกว่าวันแรกคือเห็นว่าเป็นวันจากแล้วไหนๆก็จะไม่เจอกันแล้วเอาซะหน่อย
พิธีกร -แสดงว่าอย่างนี้มันก็ไม่ได้ผลสิโอ๊ด
น้องโอ๊ด -คือมันต้องหลายฝ่ายช่วยกัน อย่างแรกเลยคือพวกผมเอง
พิธีกร -ใครจะให้สติได้ดีที่สุด
น้องโอ๊ด -คงต้องรู้ตัวเองครับเพราะว่าระดับปวช.เนี่ยมันไม่ใช่ระดับม.3
พิธีกร -แหมมันยากนะอย่างโอ๊ดเองยังมีความรู้สึกหึกเหิมใครมาแหยมไม่ได้เลยคิดยากเหมือนกันนะรุ่นพี่บอกได้ไหม
น้องโอ๊ด -โหรุ่นพี่บอกไม่ได้หรอกครับมันอยู่ที่คนความคิดใครความคิดมัน
พิธีกร -แล้วอย่างที่เค้าจับไอ้พวกที่ตีกันเนี่ยจับทอดเสื้อเวลาจับได้เนี่ยส่งไปที่โรงเรียน วิวัฒน์พลเมืองได้ผลไหม
น้องโอ๊ด -ก็น่าจะได้ เพราะว่าจากที่ผมฟังๆมาก็ดีขึ้น
พิธีกร -แต่มันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไหมโอ๊ด
น้องโอ๊ด -ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลาอย่างแรกเลยคือเด็กต่อไปคือผู้ปกครองสามคือสถาบัน ถ้าเป็นตัวเด็กเนี่ยต้องเริ่มจากตัวเขาก่อนถ้าเขาจะทำเราเราหลบซะ
พิธีกร -คือถ้าเกิดจะแก้ปัญหานี้ให้มันเห็นทันตานี่มันยากใช่ไหมโอ๊ด
น้องโอ๊ด -ครับของอย่างนี้มันต้องใช้เวลาครับ
พิธีกร -เอาละเดี๋ยวเราพักกันก่อนนะเดี๋ยวมาคุยกับอาจารย์กันบ้าง ว่านะมุมมองของอาจารย์เนี่ยอาจารย์อยากจะแก้ปัญหานี้อย่างไรเดี๋ยวพักกันสักครู่แล้วกลับมาคุยกันต่อคะ
พิธีกร -ฟังจากเด็กๆกันไปแล้วละนะคะเราลองมาฟังความคิดเห็นของอาจารย์ที่อยู่กับเด็กๆกันบ้างว่าแนวทางการแก้ปัญหามีอะไรจริงๆทางผู้ใหญ่ของทางรัฐบาลพยายามแก้ปัญหานี้ให้ได้แต่ความคิดเห็นของอาจารย์ที่คลุกคลีกับเด็กๆนั้นหลายท่านคงอยากจะฟังความคิดเห็นเหมือนกันคือยังน้อยเกินไปจะต้องมาฟังกันนะคะว่าอาจารย์คิดอย่างไรท่านแรกเลยคะอาจารย์ภุชงค์ สมดิน ผช.ผอ.ฝ่ายกิจการนัก
ศึกษา ร.ร.มีนบุรีโปลีเทคนิค และอาจารย์เกรียงไกร เที่ยงพร้อม ฝ่ายกิจการนักศึกษา ร.ร.ช่างฝีมือปัญจวิทยา อาจารย์ภุชงค์คะสอนมากี่ปีแล้วคะ
อ.ภุชงค์ -ครับก็10ปีแล้วครับ
พิธีกร -10 กว่าปีแล้ว อย่างนี้ก็เห็นมาตลอดสิคะเรื่องอย่างนี้
อ.ภุชงค์ -ก็เห็นมาตลอดแหละครับ ถ้าพูดถึงย้อนไปอดีตก็มีแล้วอาจจะเป็นค่านิยมตั่งแต่ช่วงนั้นละนะครับแล้วก็เริ่มซามา
พิธีกร -ทำไมถึงเริ่มซามาละคะช่วงไหนคะอาจารย์ที่เริ่มซามาเกิดจากอะไร
อ.ภุชงค์ -คือในช่วงที่ไม่มีปัญหาเท่าไหร่ในช่วงนั้นก็คือการอบรมให้เด็กการเอาใจใส่ของโรงเรียนให้การอบรมเค้าในส่วนที่ถูกต้อง
พิธีกร -ได้ผลจริงหรือคะอาจารย์
อ.ภุชงค์ -ได้ผลครับ เพราะว่าเด็กเนี่ยนอกจากคุณพ่อคุณแม่แล้วเนี่ยเค้าจะฟังครู
พิธีกร -แล้วช่วงนี้เป็นไงบ้างคะ
อ.ภุชงค์ -ในช่วงปีการศึกษานี้เนี่ยแทบจะไม่มีเลยเบาลงเยอะ
พิธีกร -รูปแบบในการตีกันเนี่ยมันเปลี่ยนไปไหมคะ
อ.ภุชงค์ -อืมจากเดิมๆเนี่ยก็หมัดกันธรรมดาเนี่ยแหละครับแต่ทีนี้การวิวัฒนาการของเด็กช่วงหลังมาเนี่ยเค้าจะเริ่มใช้อาวุธ ซึ่งในระดับหนึ่งทางโรงเรียนนี่จะต้องป้องกันต้องป้องกันว่าเด็กเนี่ยจะพกอาวุธไม่ได้นี่คือระเบียบของโรงเรียนคือจะต้องมีการตรวจทุกครั้งที่เด็กจะเข้าโรงเรียนหรือเราเห็นว่า
พิธีกร -คือต้องมีการค้นกระเป๋า ต้องค้นทุกคนหรือเปล่าคะ
อ.ภุชงค์ -ก็ต้องค้นทุกคนที่เราสงสัยนะครับ ที่เราบอกว่าเด็กเนี่ยโรงเรียนไม่นโยบายให้พกอาวุธนะครับจะพกอาวุธไม่ได้ทุกชนิดไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่เราให้เค้าเรียนอย่างเดียวให้เค้าได้ศึกษาได้ออกไปทำมาหากินในส่วนที่เค้าจะได้พัฒนาประเทศให้เค้าเป็นนายช่างที่ดีเราต้องอบรมเค้าตลอด แต่ทีนี้ในส่วนของสังคมในปัจจุบันนี้ความห่างของโรงเรียน ผู้ปกครองเด็กมันมีช่องว่างมากขึ้นนักเรียนก็เยอะขึ้น
พิธีกร -โอ๊ดเวลาที่อาจารย์พูดไปเนี่ยได้ผลบ้างไหม
น้องโอ๊ด -คือตั่งแต่พักหลังที่ผมเข้าไปนี่คือโพลีเทคนิคนี่อาจารย์จะพูดทุกเช้าคือพูดแล้วจะให้ข้อคิดหลายๆอย่าง ส่วนใหญ่ก็เชื่อครับ
พิธีกร -ทีนี้มาคุยกับอาจารย์เกรียงไกรบ้าง อาจารย์จบช่างจบจากช่างกลเนี่ยคงจะรู้ถึงจิตใจของเด็กได้เป็นอย่างดีทำวิธีไหนคะที่เข้ากับเด็ก
อ.เกรียงไกร -ก็คือแทนที่จะเป็นอาจารย์ปกครองก็กลายเป็นเพี่อนเค้าบ้างคุยเล่นหัวอะไรเค้าบ้างโดยไม่ถือตัวเองว่าเป็นอาจารย์พอทำอย่างนี้แล้วลูกศิษย์ก็จะกล้าวิ่งมาบอกเราเพราะไว้ใจ ก็จะกลายเป็นการแก้ปัญหาอีกส่วนนึงด้วย คือเค้าอาจจะบอกว่าอาจารย์ครับคือเมื่อตอนเย็นเนี่ยคนโน้นท้าคนนี้ท้าฝ่ายปกครองเราก็จะได้ออกไปซึ่งโดยปกติเนี่ยฝ่ายปกครองเราก็ออกไปตรวจตาหรือปกติฝ่ายปกครองโรงเรียนอื่นก็ออกไปตรวจตาคอยประสานงานกันอยู่
พิธีกร -อ๋อคือตอนนี้แต่ละโรงเรียนจะมีการร่วมมือกันประสานกันว่าเอาละเด็กจะมีการยกพวกตีกันตรงไหนยังไงช่วยแก้ปัญหาได้เยอะไหมอาจารย์
อ.เกรียงไกร -คือการแก้ปัญหาเนี่ยถ้าในช่วงนั้นมีอาจารย์ของโรงเรียนนั้นอยู่เนี่ยไอ้การที่จะมีเนี่ยก็จะไม่มีเพราะว่าอย่างน้อยๆเนี่ยถ้ามีอาจารย์อยู่เนี่ยหรือตรงนั้นมีเจ้าหน้าที่อยู่เนี่ยเราก็ไม่ต้องไปลงแรงอะไรมากมายให้เค้าอึดอัดตัวเค้าเอง
พิธีกร -อืมแล้วเค้ากลัวอาจารย์กันไหมคะ
อ.เกรียงไกร -คือโดยทางจิตของเด็กๆแล้ว เด็กเค้าจะเกรงใจอาจารย์มากกว่าคือถ้าให้เค้าเกรงกลัวเราเนี่ยเค้าก็จะไม่กล้าที่จะมาฟ้องเรามากมายนักแตุถ้าเกรงเราเนี่ยก็คือเฮ้ยอาจารย์อยู่นะอย่าเลย
พิธีกร -ถ้าเราจะสรุปปัญหานี้วิธีไหนที่จะสามารถสรุปแก้ปัญหาได้อย่างเด็ดขาดและมีผลมากที่สุด เอาละเราอาจจะไม่ได้คาดหวัง 100% แต่คิดว่าได้ผลมากที่สุดอยากจะแนะไปทางผู้ใหญ่หรือว่าคนรับผิดชอบโรงเรียนต่างๆก็แล้วแต่อาจารย์ขาทำยังไงดีคะอาจารย์ภุชงค์ก่อน
อ.ภุชงค์ -อืมผมอยากจะให้หลายๆสถาบันนะครับให้ความสำคัญในเรื่องของครอบครัว สิ่งที่เด็กหลายคนคิดตามแนววัยรุ่น ถ้าเรามองย้อนไปเนี่ยว่าครอบครัวให้อะไรกับลูกบ้าง อบรมเค้าอย่างไร เพราะเด็กเนี่ยอยู่กับบ้านมากกว่าโรงเรียนนะครับผู้ปกครองกับตัวเด็กต้องคุยกัน
พิธีกร -คือถ้าที่บ้านไม่มีความสุขไม่มีความอบอุ่นก็ไม่รู้จหะไปไหนกะใครก็ไปหาเพื่อน
อ.ภุชงค์ -ครับ ถ้าได้เพื่อนดีก็จะดีถ้าได้เพื่อนไม่ดีมันก็จะไปหมดเลย
พิธีกร -ถ้าได้เพื่อนดีอย่างโอ๊ดเนี่ยโอเคใช่ไหมคะอาจารย์อย่างโอ๊ดนี่ถือว่าคนดีกลับตัวกลับใจไหมคะอาจารย์
อ.ภุชงค์ -คืออย่างในกรณีของโอ๊ดนี่ ผมคิดว่าเค้าผ่านมาหลายสถาบันเนี่ย ถามว่าคนการที่คนจะเป็นคนดีสักครั้งนึงเนี่ยในชีวิตเนี่ยนะครับ ซึ่งผมได้เชิญผ็ปกครองมาในวันนั้นว่าโอ๊ดถ้าโอ๊ดไม่จบที่โรงเรียนอาจารย์เนี่ยนะอาจารย์ก็ไม่คิดว่าโอ๊ดจะไปจบที่อื่นแล้วนะด้วยความว่าคุณแม่ก็แก่แล้ว แล้วตัวโอ๊ดเองก็ไม่มีคนส่งแล้วคุณแม่ให้เดือนละ 500 บาทถามว่าเดือนละ 500 บาทเนี่ยค่าเรียนก็ไม่มีและแล้วโอ๊ดก็อายุขนาดนี้แล้วจะไปทำอะไรผมชี้ให้เค้าเห็นว่าเราเป็นนักเรียนช่างถ้าคุณจะไปเป็นนายช่างในอนาคตถ้าคุณไม่มีความรู้เลยเนี่ยสู้เค้าไม่ได้ตัวเค้าเองผมถามว่าควรจะกลับตัวในกรณีนี้ไหมต้องให้กลับครับถ้า…คือท่านผู้อำนวยการให้โอกาสนะครับว่าจะรับเลี้ยงดูให้เรียนฟรีให้อยู่หอพักฟรี
พิธีกร -อันนี้เป็นโอกาสในชีวิตที่โอ๊ดยินดีรับและก็สำนึกว่าตัวเองจะต้องทำอย่างไรกับตัวเอง
น้องโอ๊ด -ครับใช่ครับ
พิธีกร -ทีนี้ถามอาจารย์เกรียงไกรบ้างอาจารย์ขาจะทำอย่างไร วิธีอาจารย์
อ.เกรียงไกร -ตามแนวที่ผู้ใหญ่หรือคนที่เกี่ยวข้องคิดอยู่เนี่ยเป็นแนวทางที่ดีอยู่แต่ขอความกรุณาหลายฝ่ายหลายๆท่านนะคือโครงการที่ทำมาเนี่ยผมมองเห็นว่าดีมากอย่างเช่นโครงการที่เอาเด็กอาชีวไปทาสีตามโรงเรียนต่างๆเอาเด็กอาชีวไปซ่อมอะไรต่างๆเนี่ยผมว่าน่าจะทำต่อเนื่องไปอย่าหยุดอย่ามาทิ้งงบประมาณอะไรก็ไม่ได้
น้องโอ๊ด -คือพอเกิดเหตุทีก็ทำที
อ.เกรียงไกร -ใช่ครับใช่ๆๆ อยากให้ทำต่อเนื่อง
พิธีกร -ให้เค้าร่วมกิจกรรมกันอย่างที่เด็กๆแสดงความคิดเห็นกันไปคิดว่านั่นน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีต่อไปอาจจะสลายพฤติกรรมอย่างนี้ได้ เอาละสุดท้ายนี้ขอครึ่งนาทีพอโอ๊ดฝากบอกถึงเพื่อนๆอาชีวถึงน้องๆหน่อยสิ
น้องโอ๊ด -ก็ทั้งชีวิตที่ผมเคยประสบมาแล้วก็สร้างเรื่องสร้างปัญหาให้กับสังคมเนี่ยมันยังไม่เห็นผลในทันตาหรือบางอย่างอาจจะเห็นผลเลยแต่มันก็ไม่ได้เป็นผลดีแก่ตัวน้องๆหรือเพื่อนๆแม้กระทั่งไม่เป็นผลดีต่อครอบครัวด้วยมันจะเป็นผลพวงลูกโซ่คือเริ่มจากปัญหาเล็กไปปัญหาใหญ่ที่เราแก้ไม่ได้เลยเพราะฉนั้นอย่าเลยครับอะไรเลี่ยงได้ก็เลี่ยงไม่เสียศักดิ์ศรีครับมันไม่ใช่ศักศรีอะไรมากมายที่ต้องทะเลาะเบาะแว้งกันเองตั้งใจเรียนพัฒนาประเทศผมว่าน่าจะดีกว่าครับ
พิธีกร -ค่ะ ขอบพระคุณทุกท่าน ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงเลยค่ะขอบพระคุณค่ะ ขอบคุณน้องๆ ด้วยนะคะขอบคุณค่ะวันนี้เรามาเปิดใจกันแต่สุดท้ายดิฉันคิดว่าคำตอบหลายอย่างอยู่ในวันนี้แล้ววันนี้ฅนในข่าวหมดเวลาแล้วคะครั้งหน้าเรากลับมาพบกันใหม่ค่ะ ลาก่อนค่ะ สวัสดีค่ะ