จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ผู้ดำเนินรายการฅนในข่าวประจำวันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม 2547 เชิญศิลปินนักร้อง”ต้อย หมวกแดง” เจ้าของอัลบ้ม “หมอร็อค หมอลำ” มาร่วมสนทนาในหัวข้อ “อย่าขอหมอลำ...ฟีเว่อร์”
พิธีกร สวัสดีค่ะคุณผู้ชมคะ ขอต้อนรับเข้าสู่ฅนในข่าวค่ะ ถ้าคุณผู้ชมเป็นคอเพลงหมอลำหรืออาจะไม่ใช่นะคะ แต่ว่าชอบฟังเพลงทางวิทยุหรือแม้แต่ในสถานบันเทิงคงไม่มีใครไม่รู้จักเพลงที่พึ่งจบไปเมื่อสักครู่นี้ชื่อเพลงก็คือ “อย่าขอหมอลำ” จากอัลบั้ม “หมอร็อค หมอลำ” ของคุณต้อย หมวกแดงนะคะ ตอนนี้กลายเป็นเพลงฮิตติดปากคนไทยทั้งประเทศกันไปแล้วทำไมเพลงนี้ถึงดังกันแบบนี้ ผู้ชายคนนี้เขาทำมาหากินอะไรมาก่อนแล้วกว่าเขาจะประสบความสำเร็จได้เท่าทุกวันนี้ชีวิตผ่านอะไรมาบ้าง เดี๋ยวเราจะพักกันสักครู่แล้วกลับมาคุยกันกับคุณต้อย หมวกแดง ตัวจริงเสียงจริงค่ะ
พิธีกร วันนี้เรามาคุยกับคุณสุรชัย ไกรวาปี หรือคุณต้อย หมวกแดงกันค่ะ สวัสดีค่ะคุณต้อยคะ
คุณต้อย สวัสดีครับ
พิธีกร ขอบพระคุณคะที่มาคุยกันวันนี้ ขอแสดงความยินดีด้วยจริงๆนะคะ ลูกเล็กเด็กแดงร้องเพลงนี้กันได้หมดเลยนะคะแถมเต้นได้สวยด้วย ดีใจไหมคะ
คุณต้อย ดีใจครับ คือได้ยินคนที่พูดถึงเรื่องนี้ก็ขนลุกทุกที เพราะว่าในกลุ่มของเด็กๆก็ชอบ นักศึกษาคุณลุงคุณป้า เออเรารู้สึกว่าเพลงเรานี้อยู่ในใจของคนหลายๆกลุ่มก็เลยรู้สึกขนลุก
พิธีกร ทำไมคะยังปลื้มในไม่หาย
คุณต้อย ครับเพราะเรามีความสุขที่ได้ทำเพลงแบบนี้ ให้กลุ่มคนที่ค่อนข้างจะกว้างได้มีความสุขกับเพลงนี้
พิธีกร เอ่อ คุณต้อยคะ นักศึกษาไปเที่ยวผลับเที่ยวเท็คเค้าบอกว่าคืนไหนไม่ได้ฟังเพลงนี้นอนไม่หลับจริงหรือเปล่าคะคุณต้อย
คุณต้อย คือต้องขอบคุณนะครับ เพราะว่าอาจจะเป็นแนวเพลงใหม่ๆ แปลกๆ แล้วก็ได้ฟังแล้วก็ เฮ้ย คนนี้ยังไง คือจริงๆมันก็คือหมอลำนะครับแต่ว่าการนำแนวเพลงออกอินร็อคนิดหน่อยขึ้นอินโทมาก็รู้แล้วและก็อาจมีท่อนแร็พ ฮิบฮอบเข้ามาผสม
พิธีกร ค่ะเนื้อเพลงก็สนุกสนานนะคะ ก่อนที่จะมาเป็นต้อยหมวกแดง ถามก่อนว่าทำไมต้องเป็นหมวกแดงเพราะว่าใส่หมวกแดงหรือเปล่าคะ
คุณต้อย คือว่าตั้งแต่เล่นประจำอยู่ที่ผับเนี่ยก็ชอบใส่หมวกแดง ก็ใส่ร้องเพลงด้วยนะครับ ชื่อเล่นก็ชื่อต้อยก็เลยเอาเป็นต้อย หมวกแดง
พิธีกร หมวกนี้ได้ข่าวว่าใช้มานานอายุเท่าไหร่แล้วคะหมวกใบนี้
คุณต้อย 7 ปีแล้วครับได้มาจากญาติเค้าให้มาจากญี่ปุ่นหมวกมีชื่อนะครับชื่อโดนจัง
พิธีกร ใส่หมวกนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองเฮงใช่ไหมคะ
คุณต้อย ผมว่าน่าจะเฮงเพราะว่ามีการหายด้วย 2 รอบด้วยรอบแรก 3-4 วันได้คืน
พิธีกร ใครเอาไปคะรอบแรก
คุณต้อย เอ่อคือประมาณว่า อาจจะเผลอทำตกไว้ในร้านคือตกไปหลังลำโพงพอ 3-4 วันเด็กเสิร์ฟไปเจอก็ได้คืนมา
พิธีกร แล้วครั้งที่สองที่มันหายละคะ
คุณต้อย ครั้งที่สองนี่เป็นต้อย หมวกแดงแล้วออกอัลบั้มแล้วเล่นคอนเสิร์ตเสร็จก็กลับบ้านแล้วก็วางหมวกไว้บนตักและก็จอดรถไว้ในที่มืดๆ แล้วก็เดินลงมาแล้วเราก็ลืมเผลอเรอไปหล่น ปรากฎว่ายามเก็บได้เค้าก็นำกลับบ้านให้ภรรยาเค้าซักซักแล้วก็ฟังเอฟเอ็มอยู่ก็เอะนี่หมวกพี่ต้อยหรือเปล่าเนี่ยคือได้ลงประกาศในวิทยุ
พิธีกร ถึงขนาดลงประกาศในวิทยุเลยเหรอคะ
คุณต้อย โหเป็นเรื่องเลยครับ ทำไมต้องลงประกาศในวิทยุทำไมต้องลงประกาศในหนังสือพิมพ์หมวกหายอะไรต่างๆบางคนอาจจะคิดคือหมวกใบนี้อาจจะเป็นหมวกที่มีการสาบานว่าถ้าหากเราเฮงคู่กันขอให้เราอยู่คู่กันและกัน
พิธีกร อย่าบอกนะคะ ว่าใส่เวลาอธิษฐานทุกครั้ง
คุณต้อย คือเวลาที่จะขึ้นคอนเสิร์ตจะขึ้นเวทีนี่จะต้องมีเค้าขึ้นตลอดคือถ้าผมไม่ใส่หมวกแล้วไปแสดงที่ไหนเนี่ยจะเป็นต้อยหมวกแดงไม่ได้ ไม่มีก็ต้องไปหาซื้อคือต้องมีเขาตลอด
พิธีกร ก่อนที่จะมาเป็นต้อยหมวกแดงเนี่ยเคยออกอัลบั้มมาก่อนใช่ไหมคะ
คุณต้อย ใช่ครับ
พิธีกร ทำอะไรมาบ้างคะ
คุณต้อย ตอนนั้นทำวงชื่อวงนากาวงมี 6 คนตอนนั้นผมเล่นคีย์บอร์ด
พิธีกร ออกเทปตอนปีไหนคะวงนากา
คุณต้อย ย้อนหลังไปประมาณ 6 ปีได้ เป็นมือคีย์บอร์ดและก็มีเขียนเพลงด้วยออกมา 2 ชุด
พิธีกร แล้วประสบความสำเร็จไหมคะตอนนั้น
คุณต้อย คืออัลบั้มแรกก็ประสบความสำเร็จในระดับนึง ชุดที่ 2 ก็ไม่ค่อยดีนักก็เลยลองดู ไอ้เราก็เขียนเพลงได้นะเราก็เลยคิดว่าทำไมเราไม่เอาความเป็นอีสานของเราเนี่ยมาผสมกับแนวดนตรีที่เราเคยร้องที่ผลับเนี่ยมาผสมกันหาความพอดีความสวยงาม
พิธีกร อันนี้เค้าเรียกว่าอะไรคะ
คุณต้อย อันนี้คือพิณครับ
พิธีกร เป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านทางภาคอีสาน เอ๊ะปกติมันมีสามสายไม่ใช่เหรอคุณต้อย
คุณต้อย ทุกทีมันก็มีสามสายแต่เรามาประยุกต์เล่นก็เลยมีสองสายครับ
พิธีกร เป็นพิณที่รักมากใช่ไหมคะ
คุณต้อย ก็เป็นตัวที่เราซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรง
พิธีกร ก่อนที่จะมาเป็นนากาย้อนกลับไปอีกชีวิตรันทดต้องลำบากทำทมาหากินอย่าง
หมอลำคนอื่นไหมคะ
คุณต้อย ตอนเด็กๆแม่เค้าจะอยู่บ้านนอก คุณพ่อก็เป็นครูบ้านนอกก็อยู่มาวันนึงก็ทั้งบ้านก็โดนปล้นหมายถึงว่ามีโจรผู้ร้ายเข้ามาจ้องจะปล้นจะปล้นก็เลยอยู่ไม่ได้
พิธีกร อยู่ที่ไหนคะ
คุณต้อย โคกสว่าง จังหวัดอุดรธานีตอนนั้นคุณพ่อก็พาย้ายเข้ามาในตัวเมืองคุณพ่อก็เป็นครูต่างอำเภอและก็เทียวไปเทียวมาและเวลากลางคืนคุณพ่อก็จะปั่นสามล้อด้วย พอผมโตมาการปั่นสามล้อ การขายไอติม การขายขนมไข่ขายขนมตามข้างรถทัวร์เราก็จะทำเป็นลักษณะว่าปิดเทอมหลังเลิกเรียนจะประมาณนี้
พิธีกร ตอนนั้นอายุเท่าไหร่คะ
คุณต้อย ตอนนั้นประมาณ ม.1,ม.2 ครับ
พิธีกร ทำทุกเทอมเลยหรือเปล่าคะปิดเทอมทุกเทอม
คุณต้อย ก็ทำทุกเทอมแหละครับ
พิธีกร มีพี่น้องกี่คนคะคุณต้อย
คุณต้อย 3 คนครับผมเป็นคนโต มีน้องชายคนกลางแล้วก็น้องผู้หญิงคนเล็ก
พิธีกร แล้วเราเริ่มสนใจดนตรีตั้งแต่เมื่อไรว่าตัวเองมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีตั้งแต่เมื่อ
ไหร่
คุณต้อย ผมเคาะกระป๋องแล้วก็ร้องเพลงและก็มีเล่นหางเครื่องกับพวกน้องๆ เค้าแต่พอเช้า
ในระดับมัธยมศึกษาเค้าก็จะริ่มมีกิจกรรมพิเศษเข้าชมรมต่างๆเราก็เริ่มมาเป่าแคนพอเก่งหน่อยครูก็ให้มาเป็นหัวหน้าทีมสอนพวกรุ่นน้องเป่าและก็จะมีการออกงานที่ทางโรงเรียนพอเข้าระดับอุดมศึกษาเนี่ยก็เข้าฟรีเพราะดนตรี
พิธีกร เริ่มไปสนใจดนตรีเนี่ยคุณพ่อว่ายังไงคะเพราะพ่อเป็นครูเค้าอยากให้เล่นไหม
คุณต้อย คุณพ่อก็ชอบดนตรีเหมือนกัน เค้าก็อยากให้เล่นเหมือนกันแต่เรื่องเรียนเค้าก็ต้องให้เรียนด้วยแต่ผมประมาณว่าพอเล่นดนตรีแบบเนี้ยมันก็จะมีว่ามีการออกงานบ่อยๆ การเรียนก็มีกระท่อนกระแท่นบ้าง
พิธีกร เห็นบอกว่ามีการทะเลาะกับพ่อเหมือนกันในเรื่องการเรียนหนังสือกับการเล่น
ดนตรีนี่
คุณต้อย ก็ไม่เชิงทะเลาะครับคุณพ่อก็เป็นห่วงมากเค้าก็คงอยากให้เรียนให้จบให้ได้ปริญญา
ตรีอะไรอย่างเนี้ย คือเวลาเล่นดนตรีเวลาไปต่างจังหวัดและบางทีกลับมาเรียนไม่ทันเนี่ยมันก็เสียการเรียนบางทีการพักผ่อนไม่เพียงพอมันก็เลยที่ว่าแหมเราจะเอาทางนี้มันก็ต้องให้มันสุดๆ
พิธีกร ตอนนั้นคิดประเด็นนี้อายุเท่าไหร่คะ
คุณต้อย ตอนนั้นน่าจะเป็นตอนอุดมศึกษาคือเริ่มเข้าและเริ่มเข้าคณะหมอลำเริ่มมีการลุย
และการเรียนก็เลยไม่ต่อเนื่อง
พิธีกร หนีพ่อไปด้วยมีเหมือนกัน
คุณต้อย มีคือพ่อแม่ไปตามเลย
พิธีกร เห็นว่าเป็นครูสอนด้วย
คุณต้อย ครับเป็นครูฝึกสอนนักเรียนก็ชอบด้วยแต่บทสรุปแล้ว 4 ปีที่เรียนเนี่ยไม่ได้ปริญญา เพราะว่าเทอมสองเนี่ยก็มีการดรอปวิชาบางวิชาก็ติด ร.
พิธีกร ตอนนั้นเรียนอยู่ที่ไหนคะ
คุณต้อย วิทยาลัยครูอุดรธานี
พิธีกร สนุกไหมคะช่วงชีวิตตอนนั้น
คุณต้อย มันจะเป็นการเดินทางที่เรียกว่าต้องใช้กำลังเกี่ยวกับการเล่นดนตรีเกี่ยวกับการเดินทางค่อนข้างมากผมก็เป็นคนเล่นคีย์บอร์ดเป่าแทมเปทบ้าง
พิธีกร แล้วเพื่อนๆเค้าเรียนจบกันหรือเปล่า
คุณต้อย เพื่อนๆก็เรียนจบครับส่วนมาก
พิธีกร คุณต้อยก็มัวแต่เล่นดนตรีเรียนไม่จบคุณพ่อว่ายังไง
คุณต้อย ตอนแรกพ่อเค้าก็รู้สึกว่าเศร้าๆ เหมือนกันเพราะว่าที่เห็นเล่นดนตรีมาก็ไม่เห็นจะเป็นกอบเป็นกำแม่เค้าก็บอกว่าถ้าอายุโตขึ้นมาจะทำอะไรเค้าก็ห่วงแต่ตอนนั้นก็เริ่มออกไปต่างจังหวัดเงินก็เริ่มเยอะเงินเดือนก็ได้ประมาณเก้าพันส่งเงินให้ทางบ้านงวดแรกเลยเนี่ยเจ็ดพัน
พิธีกร พ่อว่าไงบ้างคะ
คุณต้อย พ่อก็ตอบจดหมาย ว่าถ้าลูกชอบทางนี้พ่อก็ไม่ว่าลูกหรอกนะตั้งใจทำงานให้ดีเรื่องยาเสพติดอะไรก็อย่าไปยุ่งตั้งใจทำงานนะถ้ารักทางนี้ลูกก็ทำไปพ่อก็คงคิดว่าได้เงินประมาณนี้ก็คงดูแลเองทำอะไรเองได้แล้วหลังจากนั้นเค้าก็ไม่ว่าอะไรเราก็ทำงานอย่างนี้มาเรื่อยๆ
พิธีกร ไปเล่นดนตรีแบบนี้เคยไหมคะไม่ได้สตังคบ้างไปเล่นไปเล่นก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จแล้วเคยนึกย้อนกลับไปว่ารู้งี้ไปเรียนให้จบๆ เหมือนเพื่อนๆดีกว่า
คุณต้อย คือบางครั้งก็เจอประมาณว่าเราไปเล่นอย่างนี้บางครั้งก็มีการที่ว่าไม่จ่ายค่าตัวด้วยนะอย่างเล่นไป 15 วันเนี่ยบทร้านจะปิดก็ปิดคือสมัยก่อนนักดนตรีเล่นตามผับก็ไม่รู้จะไปฟ้องร้องเอาอะไรที่ไหนบดจะเบี้ยวเค้าก็เบี้ยวก็มี
พิธีกร แล้วเคยท้อบ้างหรือเปล่าคะ
คุณต้อย ก็เคยรู้สึกท้อเหมือนกันแต่ว่าสิ่งที่ต้องคิดตลอดคือว่าร้านนี้ไม่ค่อยดีเราก็พยายามหาร้านที่ดีร้านใหม่แต่ถ้าคิดว่าอยากจะกลับไปเรียนก็มีบ้างแต่ว่าส่วนมากจะอยู่ทางด้านคุณพ่อคุณแม่มากกว่า
พิธีกร เวลาท้อๆเคยคิดถึงขนาดอยากที่จะเล่นดนตรีหรือเปล่าคะ
คุณต้อย ก็ยังไม่คิดนะครับเพราะว่าอาชีพที่ผมจะทำต่อจากการเล่นดนตรีเนี่ยต้องใช้ทุนทรัพย์สูง คือขายส้มตำผมเป็นคนชอบทานส้มตำและตำส้มตำอร่อยเดี๋ยวสักพักนึงเนี่ยอาจจะมีส้มตำต้อยหมวกแดงก็ได้การันตรีได้ว่าต้องอร่อยแน่นอนคนอีสานกินต้องชอบอันนี้คือไม่คุยนะครับ แต่ตำอร่อยจริงๆ
พิธีกร กว่าจะมาเป็นต้อยหมวกแดงเนี่ยจริงๆแล้วชีวิตก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากครอบครัวก็ไม่ได้ถึงกับลำบากยากจนข้นแค้นคุณพ่อก็รับราชการถึงจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ดูแลครอบครัวได้ดีส่งเสียให้เรียนหนังสือแต่พอตัวเองเนี่ยพลิกผลันมาเล่นดนตรีตระเวนเล่นดนตรีอย่างนี้เคยคิดไหมคะว่าสักวันฉันจะต้องออกเทปไปเป็นศิลปินโด่งดังในวงการบันเทิงเคยคิดถึงขนาดนั้นไหม
คุณต้อย ก็ไม่เคยนะครับ เพียงแต่คิดว่าอยากเป็นนักดนตรีคนนึงที่ร่วมอยู่ในวงที่ออกเทปได้ มีนักร้องนำเราก็จะเล่นคีย์บอร์ดล่ะเป็นส่วนประกอบของวงอะไรอย่างนี้คิดแค่นี้ก่อน
พิธีกร คือเมื่อก่อนไม่ได้ร้องเองด้วยเล่นคีย์บอร์ดอย่างเดียว แล้วมาเริ่มร้องเองได้เมื่อไหร่คะ
คุณต้อย ก็หลังจากที่แยกออกมาจากนากาก็ตอนนั้นก็เราก็ร้องเพลงได้นี่เพลงเราก็แต่งได้
พิธีกร แต่ตอนที่อยู่กับวงนากาเนี่ยไปรู้จักกับวงนากาได้อย่างไร
คุณต้อย คือเมื่อก่อนเนี้ยจะเล่นอยู่กับคุณเสกโลโซเมื่อก่อนเคยเล่นอยู่ด้วยกันเคยนอนห้องเดียวกันก่อนที่เสกเค้าจะมาเป็นโลโซพอเค้าแยกเป็นโลโซปั๊บ ผมก็ว่าพี่ต้อยทำวงไหมกับพี่ชายเสกโลโซนากาถึงได้รวมกันได้
พิธีกร คือวงนากาที่มีพี่ชายของคุณเสกโลโซอยู่ด้วย คะเล่นเพลงแนวไหนคะตอนนั้น
คุณต้อย ก็ทั่วไปครับ ก็อยู่ด้วยกันหลายปีเหมือนกัน
พิธีกร ตัวเองเนี่ยไม่เคยร้องเพลงเล่นแต่ดนตรีแต่ว่ามีศิลปินในดวงใจเหมือนกันใครบ้างนะคะ
คุณต้อย เอ่ออาจารย์สุรพล สายัญ สัญญา พี่ป้อมอัสนี
พิธีกร เดี๋ยวเราจะพักกันตรงนี้กันสักครู่นะคะด้วยเสียงแคนของคุณต้อยหมวกแดงแล้วช่วงหน้ากลับมาคุยกันต่อว่าอนาคตต่อไปข้างหน้าเค้าตั้งจุดประสงค์ชีวิตไว้อย่างไร เดี๋ยวพักกันสักครู่ค่ะ
พิธีกร กลับมาคุยกันต่อนะคะ เมื่อสักครู่เนี่ยร้องกันไปหลายสไตล์ชอบสไตล์ไหนมากที่สุด
คุณต้อย คือน่าจะเป็นของสไตล์ของต้อย หมวกแดงที่ชอบที่สุด
พิธีกร คือยังไงคะ
คุณต้อย อย่างเพลงอยากขอหมอลำมีความร็อคมีแนวหมอลำมีแนวสนุกสนานมีมุมมองของตัวเอง
พิธีกร แต่งเพลงเองด้วยอัลบั้มชุดนี้ มีกี่เพลงคะแต่งเองเนี่ย
คุณต้อย 8 เพลงครับ เพลงขอหมอลำก็ได้มีโอกาสเป็นโปรดิวซ์เองด้วย
พิธีกร อ๋อ เหรอคะ จากวงนากาเป็นมือคีย์บอร์ดเนี่ยเคยรู้ไหมคะว่าตัวเองเนี่ยร้องเพลงเพราะ
คุณต้อย คือที่เล่นประจำเนี่ยผมก็ร้องเพลงอยู่ แต่ก็รู้ว่าตัวเองเนี่ยเอ้ยเสียงก็ได้นะเราก็เลยคิดว่าเราน่าจะหาสไตล์หาเพลงที่มีวิธีคิดวิธีร้องอะไรอย่างนี้มันก็น่าจะทำได้นะ
พิธีกร อ๋อคือคิดไว้แล้วตั้งแต่ตอนอยู่วง นะคะแล้วตอนที่อยู่วงที่ออกอัลบั้ม 2 อัลบั้มร้องเพลงบ้างหรือเปล่าหรือเล่นคีย์บอร์ดอย่างเดียว
คุณต้อย ไม่ได้ร้องครับ
พิธีกร พอจบจากนากาแล้วทำไมมาเป็นต้อยหมวกแดงได้
คุณต้อย คือหลังจากที่แยกออกมาเราก็ต้องเดินด้วยตัวเองแล้ว เพราะว่าไหนๆราคาก็ต้องเขียนเพลงเองอยู่แล้วคือเราบอกตัวเองแล้วว่าเราต้องเป็นศิลปินแล้วแหละเราเนี่ยต้องร้องเพลงแล้วแหละ
พิธีกร จำเป็นไหมคะที่จะต้องเสียงดีหน้าตาหล่อเหลาห่วงไหมว่าเราเนี่ยเฮ้ยหล่อพอไหม
เสียงดีพอมั้ย
คุณต้อย คือถ้าที่ตัดสินใจมาก็คือในสไตล์ของลูกทุ่งหมอลำมาเพื่อชีวิตก็จะมีมุมมองในการคิดของคนครับว่าเอะต้อยมันก็เสียงไม่ดีหน้าก็ไม่หล่อจะไปได้เหรอแต่นั่นคือมุมมองของเค้าว่าคือเค้าก็คิดไปแต่เค้ายังไม่รู้ว่าเราจะเอาแนวเพลงแบบไหนเราจะสร้างคาแรกเตอร์ตัวเองอย่างไรเราจะมีวิธีการร้องอย่างไร
พิธีกร เพื่อนๆว่ากันยังไงนะคะพอบอกเค้าว่าเนี่ยเดี๋ยวจะไปออกเทป
คุณต้อย ก็มีหลายคนถามว่าที่บอกไปว่าจะทำเทปเค้าก็บอกว่า แหมได้หรือเปล่าน้อเค้าก็เชิงว่าอยากจะรอดูอะไรประมาณนี้นะครับ
พิธีกร ส่วนใหญ่พูดอย่างนั้นเลยเหรอคะ
คุณต้อย คือโดยตัวผมเองเนี่ยเสียงก็ไม่ได้จะไพเราะอะไรแต่ว่าคนเนี่ยถ้าเค้ายังไม่เห็นสินค้าหรืออะไรเค้าก็ต้องมองในภาพลักษณ์ภายนอกก่อน
พิธีกร คะอันนั้นเค้าดูผิดนะคะเค้าไม่ได้ดูถูก
คุณต้อย แค่พอเค้าเริ่มได้ยินเพลงเค้าก็ว่าเพลงนี้เนี่ยดังแน่นอน
พิธีกร แล้วคุณต้อยตอนที่เอาเพลงไปขายให้บริษัทเทปเนี่ยบริษัทเทปเค้าว่าอย่างไรเค้ารับเลยเหรอเค้าบอกเลยเหรอว่าจะออกเทปให้
คุณต้อย ก็เค้าฟังปั๊บเค้าก็ชอบเลยแต่ว่าเราก็พูดคุยกันอีกนานก็มีการปรับเปลี่ยนกันนิดหน่อยจะขอซื้อเพลงนี้บ้างแต่ไม่เอาตัวศิลปินแต่เอาเพลง ผมก็ไม่ขาย
พิธีกร แล้วคุณต้อยรู้สึกอย่างไรวันนั้นน่ะ
คุณต้อย คือผมรู้สึกว่าหมายถึงว่าคือในใจมันก็แป้วๆคือเราคิดว่าสงสัยจะไม่รอดเค้าคิดจะซื้อเพลงเราอย่างเดียว แต่ว่าก็โอเคมีการปรับเปลี่ยนเพลงกันเอาเป็นว่าถ้าพี่อยากได้เพลงผมพี่ต้องให้ผมร้อง
พิธีกร มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอคะว่าถ้าเราร้องยังไงเพลงก็ต้องดัง
คุณต้อย ครับผมมีความรู้สึกทีแรกก็มีความมั่นใจว่าเพลงนี้เนี่ยยังไงก็ต้องโดนผมนี้ผมคิดว่ามันได้ยังไงมันก็ต้องได้ทีแรกก็พูดกับทางบอส บอสเค้าก็ชอบแต่ว่าหาคาแรกเตอร์ของตัวเองว่าให้มันกวนพอหรือยังปรับปรุงใหม่ก็ต้องใช้เวลาอยู่เกือบปีบทบอสจะเอาบอสก็เอาเลยกว่าจะได้ออกอีกก็ประมาณ 3-4 เดือนก็ได้ถ่ายและถ่ายมิวสิกทางค่ายก็ต้องคิดว่าจะต้องถ่ายไงจะเอาวิธีไหนคอนเซ็ปค์ของมิวสิกวีดีโออย่างไร พนักงานทุกคนยอมรับว่าเค้าเก่งมากคือทำงานรวดเร็วแล้วก็มีประสิทธิภาพ
พิธีกร แต่จริงๆดิฉันติดใจอย่างนี้คือว่าปีนึงเนี่ยเค้าบอกว่าทุกอย่างลงตัวทุกอย่างคุณต้อยต้องไปเปลี่ยนอะไรบ้างกับตัวเองเนี่ยไปทำอะไรกับตัวเองให้มันดูดีขึ้นเมื่อก่อนเป็นอย่างนี้หรือเปล่าคะ
คุณต้อย ก็บริษัทก็มีการพูดคุยกันด้วยว่าต้องดูกวนๆนะก็มีการมาดูแลเรื่องเสื้อผ้าแล้วก็จะใส่อย่างไรควรจะไว้หนวดไหมต้องทำอะไรไหมคือเค้าทำงานในระยะเวลาที่สั้นมากและเร็วและก็ออกมาได้ดีด้วย
พิธีกร คุณต้อยเคยกังวลใจไหมกับรูปร่างหน้าตาตัวเองว่าเอ๊ะออกเทปไปแล้วเนี่ยถึงจะเป็นหมอลำก็เถอะจะไปสู่หมอลำคนอื่นได้อย่างไรเพราะเค้ารูปหล่อกันทั้งนั้นเลยเคยหนักใจไหมคะ
คุณต้อย เอ่อผมคิดว่าการแต่งกายของผมเนี่ยเอ่อคือคิดว่าตัวเองร็อคอยากจะเล่นอะไรก็เล่นอยากจะฟ้อนก็ฟ้อน
พิธีกร แล้วบริษัทค่ายเทปเค้าก็ปล่อยเหรอครับ
คุณต้อย ปล่อยครับเค้าให้เราฟรีสไตล์ไม่ต้องกังวล
พิธีกร คิดว่าขายได้แน่มั่นใจขนาดนั้นเลย
คุณต้อย ตอนแรกก็คิดว่าก็คิดว่าเพลงนี้อย่างน้อยก็ต้องมีช่องซักช่องนึงที่ให้เพลงนี้อยู่ในหัวใจของคนผู้ฟังได้
พิธีกร จากเพลงเพื่อชีวิตนากาเนี่ยทำไมถึงมาเป็นหมอลำได้คิดอะไรอยู่ทำไมถึงคิดแต่งเพลงหมอลำ
คุณต้อย คือโดยที่เป็นคนอีสานคลุกคลีกับหมอลำมาตลอดเนี่ยผมก็เลยหาแนวเพลงที่มันเป็นร็อคเป็นแร็พมาผสมกันและก็เอาแนวดนตรีที่ทันสมัยหน่อยมาเกี่ยวโยงให้มัน
สอดคล้องให้มันมีความลงตัวตรงนี้คือที่ยากก็คือว่าทำยังไงถึงจะให้มันลงตัวได้ถ้าไม่ลงตัวเนี่ยอาจจะโดนด่าเละเลย
พิธีกร ใช้เวลากี่เดือนคะถึงได้ดังได้ขนาดนี้
คุณต้อย หลังจากเริ่มวางแผงไปผมว่าน่าจะซัก2เดือนเห็นจะได้ก็น่าจะเป็นที่รู้จัก
พิธีกร บางคนเค้าทำกันอย่างนี้วันแรกเนี่ยออกเทปชุดแรกเนี่ยเค้าจะเดินไปตามแผงเทปไปสำรวจตลาดคุณต้อยทำไหมคะ
คุณต้อย ทำ
พิธีกร แล้วไปเหมาซื้อไหมคะ
คุณต้อย เหมา
พิธีกร ที่ไหนบ้างคะ
คุณต้อย ผมจะไม่เหมาซื้อแผงเดียวนะครับผมก็จะไปซื้อแผงนั้นแผงนี้ผมก็จะไปถามผมก็จะซื้อ อ่ะที่นี่แผ่นนึงที่นี่แผ่นนึง
พิธีกร สรุปแล้วซื้อมากี่แผ่นคะ
คุณต้อย ผมซื้อคนเดียวเนี่ยก็ไม่ต่ำกว่า 40 แผ่นนะครับคือซื้อมาเก็บไว้ให้ผู้มีพระคุณให้ญาติบ้างนะครับ
พิธีกร เป็นการไปสำรวจความนิยมด้วย ถามคนขายเทปเนี่ยถามบ้างหรือเปล่าว่าอ้าวน้องเป็นไงได้รับความนิยมหรือเปล่า
คุณต้อย ตอนแรกๆก็จะมี ก็พอขายได้ครับพี่พักหลังนี่คือรู้ว่ามันดังแล้วผมก็ไม่ค่อยได้ถาม
พิธีกร คุณต้อยเคยคิดไหมคะว่าวันนี้จะมีวันนี้สักวันหนึ่งในชีวิต
คุณต้อย คือผมไม่คิดว่าจขจะมีวันนี้ที่จะดังสุดๆวันนี้แต่ผมคิดว่ายังไงก็เป็นศิลปินคนหนึ่งได้แหละประมาณนั้นไม่ได้คิดว่าต้องเป็นอย่างวันนี้
พิธีกร เทปกับซีดีขายได้เท่าไหร่แล้วคะตอนนี้
คุณต้อย ก็หลายๆฉบับเค้าบอกได้เป็นล้านแต่จริงๆแล้วผมคิดว่าน่าจะพยายามมุ่งสู่ล้านแต่ว่าตอนไหนผมก็ไม่ทราบ
พิธีกร เห็นบอกว่าถ้าหากไม่มีเทปผีซีดีเถื่อนคงขายได้เยอะกว่านี้อีก
คุณต้อย เทปผีซีดีเถื่อนเนี่ยค่อนข้างเยอะมากคือทุกค่ายเพลงเนี่ยถ้าเกิดไม่มีเทปผีซีดีเถื่อนเนี่ยก็คงมีการเจริญเติบโต
พิธีกร คุณต้อยคิดว่าชีวิตตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะไหมเพราะตอนนี้เดินไปไหนมาไหนก็มีแต่คนรู้จัก
คุณต้อย ครับอันนี้ผมก็ดีใจเพราะว่าคือมันอธิบายไม่ถูกเพราะว่าการทำเพลงดังก็ดีอยู่แล้วแต่ว่าคนหลายๆกลุ่มเนี่ยรับเพลงเราเนี่ยเป็นสิ่งที่ยากมาก
พิธีกร ไปไหนมาไหนนี่ใส่หมวกแดงตลอดมิน่าคนถึงจำได้ แล้วอัลบั้มชุดสองเนี่ยจะออกเมื่อไหร่คะ
คุณต้อย เอ่อ ชุดแรกเนี่ยยังมีอีกหลายเพลงที่ยังซ่อนจ้องจะดังอยู่
พิธีกร จ้องจะดังเนี่ยหมายความว่าเพลงไหนที่จะดังไม่ดังเนี่ยอยู่ที่ต้นสังกัดถ้าต้นสังกัดลงทุนโปรโมทหน่อยดิฉันว่ายังไงก็ดัง คุณต้อยคิดว่ายังไงคะ
คุณต้อย ถ้าดังเพราะการโปรโมทเนี่ยกระแสอตอบรับก็อาจจะไม่ค่อยมีคือเรื่องของยอดขายสองเรื่องของงานโชว์สามเรี่องของสื่อมวลชนที่จะเชิญเราไปรายการนั้นรายการนี้เนี่ยอันแน่ๆคือมวลชนที่แน่ๆเลยการโปรโมทนี่มีส่วนที่ทำให้ดังมาก แต่ถ้ามวลชนไม่รับแป๊บเดียวก็หายไป
พิธีกร คิดว่าของเราอยู่ตรงไหน
คุณต้อย ผมคิดว่าการโปรโมทเค้ามีส่วนด้วย
พิธีกร แสดงว่าเพลงเราก็มีจุดเด่นสิคะคนจำได้คิดอย่างนั้นเหรอ
คุณต้อย ครับผมคิดว่าเพลงเราแปลกด้วยและมันมีมุมมองในการเขียนแล้วมันมีความสนุกหลากหลาย
พิธีกร ถ้าพูดถึงชุดแรกแล้วก็ยังมีเพลงที่ยังดังๆอยู่แต่ถ้าเป็นยชุดที่สองเนี่ยมีความคิดไหมคะก็จะเริ่มทำเพลงชุดที่สองแล้วมันมีอย่างนี้คะสำหรับศิลปินแล้วมันมีอาถรรพ์หมายเลขสอง คือคนส่วนใหญ่ดังชุดแรกเสร็จและคนส่วนใหญ่แล้วจะดับชุดที่สองคุณต้อยกลัวหรือเปล่า
คุณต้อย ก็มีนะครับเพราะเราก็เคยได้ยินมาชุดแรกเนี่ยจะดังชุดสองเนี่ยอาถรรพ์มากแต่มีเคล็ดลับชุดสองเนี่ยก่อนที่จะออกอัลบั้มนี้ต้อยหมวกแดงจะต้องมีบูท คือเปิดตัวชุดที่สองแต่ต้องตำส้มตำ ผมก็จะตำส้มตำแก้เคล็ด
พิธีกร คือเอาของไม่ดีลงครกไปแล้วก็ตำให้ละเอียด
คุณต้อย หลักๆก็คือว่ามีความตั้งใจที่จะทำชุดที่สองให้ดีที่สุดและก็ใช้ความคิดกลั่นกรองให้แน่นและก็เพลงที่เราจะทำเนี่ยเราก็ต้องมีพรรคพวกเพื่อนฝูงอาจารย์มาให้คำปรึกษาและก็ให้ความรอบคอบเพื่อที่แฟนเพลงจะได้ไม่ผิดหวังกับงาน
พิธีกร คะเดี๋ยวจะรอฟังเอาเป็นว่าเพลงอัลบั้มแรกเนี่ยที่จ้องๆจะดังแต่วันนี้ปิดท้ายรายการด้วยเพลงที่ดังสุดขีดของคุณต้อยหน่อยสักนิดนึงนะคะและวันนี้เราขอลาท่านผู้ชมด้วยเพลงของคุณต้อยนะคะสวัสดีค่ะ
พิธีกร สวัสดีค่ะคุณผู้ชมคะ ขอต้อนรับเข้าสู่ฅนในข่าวค่ะ ถ้าคุณผู้ชมเป็นคอเพลงหมอลำหรืออาจะไม่ใช่นะคะ แต่ว่าชอบฟังเพลงทางวิทยุหรือแม้แต่ในสถานบันเทิงคงไม่มีใครไม่รู้จักเพลงที่พึ่งจบไปเมื่อสักครู่นี้ชื่อเพลงก็คือ “อย่าขอหมอลำ” จากอัลบั้ม “หมอร็อค หมอลำ” ของคุณต้อย หมวกแดงนะคะ ตอนนี้กลายเป็นเพลงฮิตติดปากคนไทยทั้งประเทศกันไปแล้วทำไมเพลงนี้ถึงดังกันแบบนี้ ผู้ชายคนนี้เขาทำมาหากินอะไรมาก่อนแล้วกว่าเขาจะประสบความสำเร็จได้เท่าทุกวันนี้ชีวิตผ่านอะไรมาบ้าง เดี๋ยวเราจะพักกันสักครู่แล้วกลับมาคุยกันกับคุณต้อย หมวกแดง ตัวจริงเสียงจริงค่ะ
พิธีกร วันนี้เรามาคุยกับคุณสุรชัย ไกรวาปี หรือคุณต้อย หมวกแดงกันค่ะ สวัสดีค่ะคุณต้อยคะ
คุณต้อย สวัสดีครับ
พิธีกร ขอบพระคุณคะที่มาคุยกันวันนี้ ขอแสดงความยินดีด้วยจริงๆนะคะ ลูกเล็กเด็กแดงร้องเพลงนี้กันได้หมดเลยนะคะแถมเต้นได้สวยด้วย ดีใจไหมคะ
คุณต้อย ดีใจครับ คือได้ยินคนที่พูดถึงเรื่องนี้ก็ขนลุกทุกที เพราะว่าในกลุ่มของเด็กๆก็ชอบ นักศึกษาคุณลุงคุณป้า เออเรารู้สึกว่าเพลงเรานี้อยู่ในใจของคนหลายๆกลุ่มก็เลยรู้สึกขนลุก
พิธีกร ทำไมคะยังปลื้มในไม่หาย
คุณต้อย ครับเพราะเรามีความสุขที่ได้ทำเพลงแบบนี้ ให้กลุ่มคนที่ค่อนข้างจะกว้างได้มีความสุขกับเพลงนี้
พิธีกร เอ่อ คุณต้อยคะ นักศึกษาไปเที่ยวผลับเที่ยวเท็คเค้าบอกว่าคืนไหนไม่ได้ฟังเพลงนี้นอนไม่หลับจริงหรือเปล่าคะคุณต้อย
คุณต้อย คือต้องขอบคุณนะครับ เพราะว่าอาจจะเป็นแนวเพลงใหม่ๆ แปลกๆ แล้วก็ได้ฟังแล้วก็ เฮ้ย คนนี้ยังไง คือจริงๆมันก็คือหมอลำนะครับแต่ว่าการนำแนวเพลงออกอินร็อคนิดหน่อยขึ้นอินโทมาก็รู้แล้วและก็อาจมีท่อนแร็พ ฮิบฮอบเข้ามาผสม
พิธีกร ค่ะเนื้อเพลงก็สนุกสนานนะคะ ก่อนที่จะมาเป็นต้อยหมวกแดง ถามก่อนว่าทำไมต้องเป็นหมวกแดงเพราะว่าใส่หมวกแดงหรือเปล่าคะ
คุณต้อย คือว่าตั้งแต่เล่นประจำอยู่ที่ผับเนี่ยก็ชอบใส่หมวกแดง ก็ใส่ร้องเพลงด้วยนะครับ ชื่อเล่นก็ชื่อต้อยก็เลยเอาเป็นต้อย หมวกแดง
พิธีกร หมวกนี้ได้ข่าวว่าใช้มานานอายุเท่าไหร่แล้วคะหมวกใบนี้
คุณต้อย 7 ปีแล้วครับได้มาจากญาติเค้าให้มาจากญี่ปุ่นหมวกมีชื่อนะครับชื่อโดนจัง
พิธีกร ใส่หมวกนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองเฮงใช่ไหมคะ
คุณต้อย ผมว่าน่าจะเฮงเพราะว่ามีการหายด้วย 2 รอบด้วยรอบแรก 3-4 วันได้คืน
พิธีกร ใครเอาไปคะรอบแรก
คุณต้อย เอ่อคือประมาณว่า อาจจะเผลอทำตกไว้ในร้านคือตกไปหลังลำโพงพอ 3-4 วันเด็กเสิร์ฟไปเจอก็ได้คืนมา
พิธีกร แล้วครั้งที่สองที่มันหายละคะ
คุณต้อย ครั้งที่สองนี่เป็นต้อย หมวกแดงแล้วออกอัลบั้มแล้วเล่นคอนเสิร์ตเสร็จก็กลับบ้านแล้วก็วางหมวกไว้บนตักและก็จอดรถไว้ในที่มืดๆ แล้วก็เดินลงมาแล้วเราก็ลืมเผลอเรอไปหล่น ปรากฎว่ายามเก็บได้เค้าก็นำกลับบ้านให้ภรรยาเค้าซักซักแล้วก็ฟังเอฟเอ็มอยู่ก็เอะนี่หมวกพี่ต้อยหรือเปล่าเนี่ยคือได้ลงประกาศในวิทยุ
พิธีกร ถึงขนาดลงประกาศในวิทยุเลยเหรอคะ
คุณต้อย โหเป็นเรื่องเลยครับ ทำไมต้องลงประกาศในวิทยุทำไมต้องลงประกาศในหนังสือพิมพ์หมวกหายอะไรต่างๆบางคนอาจจะคิดคือหมวกใบนี้อาจจะเป็นหมวกที่มีการสาบานว่าถ้าหากเราเฮงคู่กันขอให้เราอยู่คู่กันและกัน
พิธีกร อย่าบอกนะคะ ว่าใส่เวลาอธิษฐานทุกครั้ง
คุณต้อย คือเวลาที่จะขึ้นคอนเสิร์ตจะขึ้นเวทีนี่จะต้องมีเค้าขึ้นตลอดคือถ้าผมไม่ใส่หมวกแล้วไปแสดงที่ไหนเนี่ยจะเป็นต้อยหมวกแดงไม่ได้ ไม่มีก็ต้องไปหาซื้อคือต้องมีเขาตลอด
พิธีกร ก่อนที่จะมาเป็นต้อยหมวกแดงเนี่ยเคยออกอัลบั้มมาก่อนใช่ไหมคะ
คุณต้อย ใช่ครับ
พิธีกร ทำอะไรมาบ้างคะ
คุณต้อย ตอนนั้นทำวงชื่อวงนากาวงมี 6 คนตอนนั้นผมเล่นคีย์บอร์ด
พิธีกร ออกเทปตอนปีไหนคะวงนากา
คุณต้อย ย้อนหลังไปประมาณ 6 ปีได้ เป็นมือคีย์บอร์ดและก็มีเขียนเพลงด้วยออกมา 2 ชุด
พิธีกร แล้วประสบความสำเร็จไหมคะตอนนั้น
คุณต้อย คืออัลบั้มแรกก็ประสบความสำเร็จในระดับนึง ชุดที่ 2 ก็ไม่ค่อยดีนักก็เลยลองดู ไอ้เราก็เขียนเพลงได้นะเราก็เลยคิดว่าทำไมเราไม่เอาความเป็นอีสานของเราเนี่ยมาผสมกับแนวดนตรีที่เราเคยร้องที่ผลับเนี่ยมาผสมกันหาความพอดีความสวยงาม
พิธีกร อันนี้เค้าเรียกว่าอะไรคะ
คุณต้อย อันนี้คือพิณครับ
พิธีกร เป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านทางภาคอีสาน เอ๊ะปกติมันมีสามสายไม่ใช่เหรอคุณต้อย
คุณต้อย ทุกทีมันก็มีสามสายแต่เรามาประยุกต์เล่นก็เลยมีสองสายครับ
พิธีกร เป็นพิณที่รักมากใช่ไหมคะ
คุณต้อย ก็เป็นตัวที่เราซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรง
พิธีกร ก่อนที่จะมาเป็นนากาย้อนกลับไปอีกชีวิตรันทดต้องลำบากทำทมาหากินอย่าง
หมอลำคนอื่นไหมคะ
คุณต้อย ตอนเด็กๆแม่เค้าจะอยู่บ้านนอก คุณพ่อก็เป็นครูบ้านนอกก็อยู่มาวันนึงก็ทั้งบ้านก็โดนปล้นหมายถึงว่ามีโจรผู้ร้ายเข้ามาจ้องจะปล้นจะปล้นก็เลยอยู่ไม่ได้
พิธีกร อยู่ที่ไหนคะ
คุณต้อย โคกสว่าง จังหวัดอุดรธานีตอนนั้นคุณพ่อก็พาย้ายเข้ามาในตัวเมืองคุณพ่อก็เป็นครูต่างอำเภอและก็เทียวไปเทียวมาและเวลากลางคืนคุณพ่อก็จะปั่นสามล้อด้วย พอผมโตมาการปั่นสามล้อ การขายไอติม การขายขนมไข่ขายขนมตามข้างรถทัวร์เราก็จะทำเป็นลักษณะว่าปิดเทอมหลังเลิกเรียนจะประมาณนี้
พิธีกร ตอนนั้นอายุเท่าไหร่คะ
คุณต้อย ตอนนั้นประมาณ ม.1,ม.2 ครับ
พิธีกร ทำทุกเทอมเลยหรือเปล่าคะปิดเทอมทุกเทอม
คุณต้อย ก็ทำทุกเทอมแหละครับ
พิธีกร มีพี่น้องกี่คนคะคุณต้อย
คุณต้อย 3 คนครับผมเป็นคนโต มีน้องชายคนกลางแล้วก็น้องผู้หญิงคนเล็ก
พิธีกร แล้วเราเริ่มสนใจดนตรีตั้งแต่เมื่อไรว่าตัวเองมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีตั้งแต่เมื่อ
ไหร่
คุณต้อย ผมเคาะกระป๋องแล้วก็ร้องเพลงและก็มีเล่นหางเครื่องกับพวกน้องๆ เค้าแต่พอเช้า
ในระดับมัธยมศึกษาเค้าก็จะริ่มมีกิจกรรมพิเศษเข้าชมรมต่างๆเราก็เริ่มมาเป่าแคนพอเก่งหน่อยครูก็ให้มาเป็นหัวหน้าทีมสอนพวกรุ่นน้องเป่าและก็จะมีการออกงานที่ทางโรงเรียนพอเข้าระดับอุดมศึกษาเนี่ยก็เข้าฟรีเพราะดนตรี
พิธีกร เริ่มไปสนใจดนตรีเนี่ยคุณพ่อว่ายังไงคะเพราะพ่อเป็นครูเค้าอยากให้เล่นไหม
คุณต้อย คุณพ่อก็ชอบดนตรีเหมือนกัน เค้าก็อยากให้เล่นเหมือนกันแต่เรื่องเรียนเค้าก็ต้องให้เรียนด้วยแต่ผมประมาณว่าพอเล่นดนตรีแบบเนี้ยมันก็จะมีว่ามีการออกงานบ่อยๆ การเรียนก็มีกระท่อนกระแท่นบ้าง
พิธีกร เห็นบอกว่ามีการทะเลาะกับพ่อเหมือนกันในเรื่องการเรียนหนังสือกับการเล่น
ดนตรีนี่
คุณต้อย ก็ไม่เชิงทะเลาะครับคุณพ่อก็เป็นห่วงมากเค้าก็คงอยากให้เรียนให้จบให้ได้ปริญญา
ตรีอะไรอย่างเนี้ย คือเวลาเล่นดนตรีเวลาไปต่างจังหวัดและบางทีกลับมาเรียนไม่ทันเนี่ยมันก็เสียการเรียนบางทีการพักผ่อนไม่เพียงพอมันก็เลยที่ว่าแหมเราจะเอาทางนี้มันก็ต้องให้มันสุดๆ
พิธีกร ตอนนั้นคิดประเด็นนี้อายุเท่าไหร่คะ
คุณต้อย ตอนนั้นน่าจะเป็นตอนอุดมศึกษาคือเริ่มเข้าและเริ่มเข้าคณะหมอลำเริ่มมีการลุย
และการเรียนก็เลยไม่ต่อเนื่อง
พิธีกร หนีพ่อไปด้วยมีเหมือนกัน
คุณต้อย มีคือพ่อแม่ไปตามเลย
พิธีกร เห็นว่าเป็นครูสอนด้วย
คุณต้อย ครับเป็นครูฝึกสอนนักเรียนก็ชอบด้วยแต่บทสรุปแล้ว 4 ปีที่เรียนเนี่ยไม่ได้ปริญญา เพราะว่าเทอมสองเนี่ยก็มีการดรอปวิชาบางวิชาก็ติด ร.
พิธีกร ตอนนั้นเรียนอยู่ที่ไหนคะ
คุณต้อย วิทยาลัยครูอุดรธานี
พิธีกร สนุกไหมคะช่วงชีวิตตอนนั้น
คุณต้อย มันจะเป็นการเดินทางที่เรียกว่าต้องใช้กำลังเกี่ยวกับการเล่นดนตรีเกี่ยวกับการเดินทางค่อนข้างมากผมก็เป็นคนเล่นคีย์บอร์ดเป่าแทมเปทบ้าง
พิธีกร แล้วเพื่อนๆเค้าเรียนจบกันหรือเปล่า
คุณต้อย เพื่อนๆก็เรียนจบครับส่วนมาก
พิธีกร คุณต้อยก็มัวแต่เล่นดนตรีเรียนไม่จบคุณพ่อว่ายังไง
คุณต้อย ตอนแรกพ่อเค้าก็รู้สึกว่าเศร้าๆ เหมือนกันเพราะว่าที่เห็นเล่นดนตรีมาก็ไม่เห็นจะเป็นกอบเป็นกำแม่เค้าก็บอกว่าถ้าอายุโตขึ้นมาจะทำอะไรเค้าก็ห่วงแต่ตอนนั้นก็เริ่มออกไปต่างจังหวัดเงินก็เริ่มเยอะเงินเดือนก็ได้ประมาณเก้าพันส่งเงินให้ทางบ้านงวดแรกเลยเนี่ยเจ็ดพัน
พิธีกร พ่อว่าไงบ้างคะ
คุณต้อย พ่อก็ตอบจดหมาย ว่าถ้าลูกชอบทางนี้พ่อก็ไม่ว่าลูกหรอกนะตั้งใจทำงานให้ดีเรื่องยาเสพติดอะไรก็อย่าไปยุ่งตั้งใจทำงานนะถ้ารักทางนี้ลูกก็ทำไปพ่อก็คงคิดว่าได้เงินประมาณนี้ก็คงดูแลเองทำอะไรเองได้แล้วหลังจากนั้นเค้าก็ไม่ว่าอะไรเราก็ทำงานอย่างนี้มาเรื่อยๆ
พิธีกร ไปเล่นดนตรีแบบนี้เคยไหมคะไม่ได้สตังคบ้างไปเล่นไปเล่นก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จแล้วเคยนึกย้อนกลับไปว่ารู้งี้ไปเรียนให้จบๆ เหมือนเพื่อนๆดีกว่า
คุณต้อย คือบางครั้งก็เจอประมาณว่าเราไปเล่นอย่างนี้บางครั้งก็มีการที่ว่าไม่จ่ายค่าตัวด้วยนะอย่างเล่นไป 15 วันเนี่ยบทร้านจะปิดก็ปิดคือสมัยก่อนนักดนตรีเล่นตามผับก็ไม่รู้จะไปฟ้องร้องเอาอะไรที่ไหนบดจะเบี้ยวเค้าก็เบี้ยวก็มี
พิธีกร แล้วเคยท้อบ้างหรือเปล่าคะ
คุณต้อย ก็เคยรู้สึกท้อเหมือนกันแต่ว่าสิ่งที่ต้องคิดตลอดคือว่าร้านนี้ไม่ค่อยดีเราก็พยายามหาร้านที่ดีร้านใหม่แต่ถ้าคิดว่าอยากจะกลับไปเรียนก็มีบ้างแต่ว่าส่วนมากจะอยู่ทางด้านคุณพ่อคุณแม่มากกว่า
พิธีกร เวลาท้อๆเคยคิดถึงขนาดอยากที่จะเล่นดนตรีหรือเปล่าคะ
คุณต้อย ก็ยังไม่คิดนะครับเพราะว่าอาชีพที่ผมจะทำต่อจากการเล่นดนตรีเนี่ยต้องใช้ทุนทรัพย์สูง คือขายส้มตำผมเป็นคนชอบทานส้มตำและตำส้มตำอร่อยเดี๋ยวสักพักนึงเนี่ยอาจจะมีส้มตำต้อยหมวกแดงก็ได้การันตรีได้ว่าต้องอร่อยแน่นอนคนอีสานกินต้องชอบอันนี้คือไม่คุยนะครับ แต่ตำอร่อยจริงๆ
พิธีกร กว่าจะมาเป็นต้อยหมวกแดงเนี่ยจริงๆแล้วชีวิตก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากครอบครัวก็ไม่ได้ถึงกับลำบากยากจนข้นแค้นคุณพ่อก็รับราชการถึงจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ดูแลครอบครัวได้ดีส่งเสียให้เรียนหนังสือแต่พอตัวเองเนี่ยพลิกผลันมาเล่นดนตรีตระเวนเล่นดนตรีอย่างนี้เคยคิดไหมคะว่าสักวันฉันจะต้องออกเทปไปเป็นศิลปินโด่งดังในวงการบันเทิงเคยคิดถึงขนาดนั้นไหม
คุณต้อย ก็ไม่เคยนะครับ เพียงแต่คิดว่าอยากเป็นนักดนตรีคนนึงที่ร่วมอยู่ในวงที่ออกเทปได้ มีนักร้องนำเราก็จะเล่นคีย์บอร์ดล่ะเป็นส่วนประกอบของวงอะไรอย่างนี้คิดแค่นี้ก่อน
พิธีกร คือเมื่อก่อนไม่ได้ร้องเองด้วยเล่นคีย์บอร์ดอย่างเดียว แล้วมาเริ่มร้องเองได้เมื่อไหร่คะ
คุณต้อย ก็หลังจากที่แยกออกมาจากนากาก็ตอนนั้นก็เราก็ร้องเพลงได้นี่เพลงเราก็แต่งได้
พิธีกร แต่ตอนที่อยู่กับวงนากาเนี่ยไปรู้จักกับวงนากาได้อย่างไร
คุณต้อย คือเมื่อก่อนเนี้ยจะเล่นอยู่กับคุณเสกโลโซเมื่อก่อนเคยเล่นอยู่ด้วยกันเคยนอนห้องเดียวกันก่อนที่เสกเค้าจะมาเป็นโลโซพอเค้าแยกเป็นโลโซปั๊บ ผมก็ว่าพี่ต้อยทำวงไหมกับพี่ชายเสกโลโซนากาถึงได้รวมกันได้
พิธีกร คือวงนากาที่มีพี่ชายของคุณเสกโลโซอยู่ด้วย คะเล่นเพลงแนวไหนคะตอนนั้น
คุณต้อย ก็ทั่วไปครับ ก็อยู่ด้วยกันหลายปีเหมือนกัน
พิธีกร ตัวเองเนี่ยไม่เคยร้องเพลงเล่นแต่ดนตรีแต่ว่ามีศิลปินในดวงใจเหมือนกันใครบ้างนะคะ
คุณต้อย เอ่ออาจารย์สุรพล สายัญ สัญญา พี่ป้อมอัสนี
พิธีกร เดี๋ยวเราจะพักกันตรงนี้กันสักครู่นะคะด้วยเสียงแคนของคุณต้อยหมวกแดงแล้วช่วงหน้ากลับมาคุยกันต่อว่าอนาคตต่อไปข้างหน้าเค้าตั้งจุดประสงค์ชีวิตไว้อย่างไร เดี๋ยวพักกันสักครู่ค่ะ
พิธีกร กลับมาคุยกันต่อนะคะ เมื่อสักครู่เนี่ยร้องกันไปหลายสไตล์ชอบสไตล์ไหนมากที่สุด
คุณต้อย คือน่าจะเป็นของสไตล์ของต้อย หมวกแดงที่ชอบที่สุด
พิธีกร คือยังไงคะ
คุณต้อย อย่างเพลงอยากขอหมอลำมีความร็อคมีแนวหมอลำมีแนวสนุกสนานมีมุมมองของตัวเอง
พิธีกร แต่งเพลงเองด้วยอัลบั้มชุดนี้ มีกี่เพลงคะแต่งเองเนี่ย
คุณต้อย 8 เพลงครับ เพลงขอหมอลำก็ได้มีโอกาสเป็นโปรดิวซ์เองด้วย
พิธีกร อ๋อ เหรอคะ จากวงนากาเป็นมือคีย์บอร์ดเนี่ยเคยรู้ไหมคะว่าตัวเองเนี่ยร้องเพลงเพราะ
คุณต้อย คือที่เล่นประจำเนี่ยผมก็ร้องเพลงอยู่ แต่ก็รู้ว่าตัวเองเนี่ยเอ้ยเสียงก็ได้นะเราก็เลยคิดว่าเราน่าจะหาสไตล์หาเพลงที่มีวิธีคิดวิธีร้องอะไรอย่างนี้มันก็น่าจะทำได้นะ
พิธีกร อ๋อคือคิดไว้แล้วตั้งแต่ตอนอยู่วง นะคะแล้วตอนที่อยู่วงที่ออกอัลบั้ม 2 อัลบั้มร้องเพลงบ้างหรือเปล่าหรือเล่นคีย์บอร์ดอย่างเดียว
คุณต้อย ไม่ได้ร้องครับ
พิธีกร พอจบจากนากาแล้วทำไมมาเป็นต้อยหมวกแดงได้
คุณต้อย คือหลังจากที่แยกออกมาเราก็ต้องเดินด้วยตัวเองแล้ว เพราะว่าไหนๆราคาก็ต้องเขียนเพลงเองอยู่แล้วคือเราบอกตัวเองแล้วว่าเราต้องเป็นศิลปินแล้วแหละเราเนี่ยต้องร้องเพลงแล้วแหละ
พิธีกร จำเป็นไหมคะที่จะต้องเสียงดีหน้าตาหล่อเหลาห่วงไหมว่าเราเนี่ยเฮ้ยหล่อพอไหม
เสียงดีพอมั้ย
คุณต้อย คือถ้าที่ตัดสินใจมาก็คือในสไตล์ของลูกทุ่งหมอลำมาเพื่อชีวิตก็จะมีมุมมองในการคิดของคนครับว่าเอะต้อยมันก็เสียงไม่ดีหน้าก็ไม่หล่อจะไปได้เหรอแต่นั่นคือมุมมองของเค้าว่าคือเค้าก็คิดไปแต่เค้ายังไม่รู้ว่าเราจะเอาแนวเพลงแบบไหนเราจะสร้างคาแรกเตอร์ตัวเองอย่างไรเราจะมีวิธีการร้องอย่างไร
พิธีกร เพื่อนๆว่ากันยังไงนะคะพอบอกเค้าว่าเนี่ยเดี๋ยวจะไปออกเทป
คุณต้อย ก็มีหลายคนถามว่าที่บอกไปว่าจะทำเทปเค้าก็บอกว่า แหมได้หรือเปล่าน้อเค้าก็เชิงว่าอยากจะรอดูอะไรประมาณนี้นะครับ
พิธีกร ส่วนใหญ่พูดอย่างนั้นเลยเหรอคะ
คุณต้อย คือโดยตัวผมเองเนี่ยเสียงก็ไม่ได้จะไพเราะอะไรแต่ว่าคนเนี่ยถ้าเค้ายังไม่เห็นสินค้าหรืออะไรเค้าก็ต้องมองในภาพลักษณ์ภายนอกก่อน
พิธีกร คะอันนั้นเค้าดูผิดนะคะเค้าไม่ได้ดูถูก
คุณต้อย แค่พอเค้าเริ่มได้ยินเพลงเค้าก็ว่าเพลงนี้เนี่ยดังแน่นอน
พิธีกร แล้วคุณต้อยตอนที่เอาเพลงไปขายให้บริษัทเทปเนี่ยบริษัทเทปเค้าว่าอย่างไรเค้ารับเลยเหรอเค้าบอกเลยเหรอว่าจะออกเทปให้
คุณต้อย ก็เค้าฟังปั๊บเค้าก็ชอบเลยแต่ว่าเราก็พูดคุยกันอีกนานก็มีการปรับเปลี่ยนกันนิดหน่อยจะขอซื้อเพลงนี้บ้างแต่ไม่เอาตัวศิลปินแต่เอาเพลง ผมก็ไม่ขาย
พิธีกร แล้วคุณต้อยรู้สึกอย่างไรวันนั้นน่ะ
คุณต้อย คือผมรู้สึกว่าหมายถึงว่าคือในใจมันก็แป้วๆคือเราคิดว่าสงสัยจะไม่รอดเค้าคิดจะซื้อเพลงเราอย่างเดียว แต่ว่าก็โอเคมีการปรับเปลี่ยนเพลงกันเอาเป็นว่าถ้าพี่อยากได้เพลงผมพี่ต้องให้ผมร้อง
พิธีกร มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอคะว่าถ้าเราร้องยังไงเพลงก็ต้องดัง
คุณต้อย ครับผมมีความรู้สึกทีแรกก็มีความมั่นใจว่าเพลงนี้เนี่ยยังไงก็ต้องโดนผมนี้ผมคิดว่ามันได้ยังไงมันก็ต้องได้ทีแรกก็พูดกับทางบอส บอสเค้าก็ชอบแต่ว่าหาคาแรกเตอร์ของตัวเองว่าให้มันกวนพอหรือยังปรับปรุงใหม่ก็ต้องใช้เวลาอยู่เกือบปีบทบอสจะเอาบอสก็เอาเลยกว่าจะได้ออกอีกก็ประมาณ 3-4 เดือนก็ได้ถ่ายและถ่ายมิวสิกทางค่ายก็ต้องคิดว่าจะต้องถ่ายไงจะเอาวิธีไหนคอนเซ็ปค์ของมิวสิกวีดีโออย่างไร พนักงานทุกคนยอมรับว่าเค้าเก่งมากคือทำงานรวดเร็วแล้วก็มีประสิทธิภาพ
พิธีกร แต่จริงๆดิฉันติดใจอย่างนี้คือว่าปีนึงเนี่ยเค้าบอกว่าทุกอย่างลงตัวทุกอย่างคุณต้อยต้องไปเปลี่ยนอะไรบ้างกับตัวเองเนี่ยไปทำอะไรกับตัวเองให้มันดูดีขึ้นเมื่อก่อนเป็นอย่างนี้หรือเปล่าคะ
คุณต้อย ก็บริษัทก็มีการพูดคุยกันด้วยว่าต้องดูกวนๆนะก็มีการมาดูแลเรื่องเสื้อผ้าแล้วก็จะใส่อย่างไรควรจะไว้หนวดไหมต้องทำอะไรไหมคือเค้าทำงานในระยะเวลาที่สั้นมากและเร็วและก็ออกมาได้ดีด้วย
พิธีกร คุณต้อยเคยกังวลใจไหมกับรูปร่างหน้าตาตัวเองว่าเอ๊ะออกเทปไปแล้วเนี่ยถึงจะเป็นหมอลำก็เถอะจะไปสู่หมอลำคนอื่นได้อย่างไรเพราะเค้ารูปหล่อกันทั้งนั้นเลยเคยหนักใจไหมคะ
คุณต้อย เอ่อผมคิดว่าการแต่งกายของผมเนี่ยเอ่อคือคิดว่าตัวเองร็อคอยากจะเล่นอะไรก็เล่นอยากจะฟ้อนก็ฟ้อน
พิธีกร แล้วบริษัทค่ายเทปเค้าก็ปล่อยเหรอครับ
คุณต้อย ปล่อยครับเค้าให้เราฟรีสไตล์ไม่ต้องกังวล
พิธีกร คิดว่าขายได้แน่มั่นใจขนาดนั้นเลย
คุณต้อย ตอนแรกก็คิดว่าก็คิดว่าเพลงนี้อย่างน้อยก็ต้องมีช่องซักช่องนึงที่ให้เพลงนี้อยู่ในหัวใจของคนผู้ฟังได้
พิธีกร จากเพลงเพื่อชีวิตนากาเนี่ยทำไมถึงมาเป็นหมอลำได้คิดอะไรอยู่ทำไมถึงคิดแต่งเพลงหมอลำ
คุณต้อย คือโดยที่เป็นคนอีสานคลุกคลีกับหมอลำมาตลอดเนี่ยผมก็เลยหาแนวเพลงที่มันเป็นร็อคเป็นแร็พมาผสมกันและก็เอาแนวดนตรีที่ทันสมัยหน่อยมาเกี่ยวโยงให้มัน
สอดคล้องให้มันมีความลงตัวตรงนี้คือที่ยากก็คือว่าทำยังไงถึงจะให้มันลงตัวได้ถ้าไม่ลงตัวเนี่ยอาจจะโดนด่าเละเลย
พิธีกร ใช้เวลากี่เดือนคะถึงได้ดังได้ขนาดนี้
คุณต้อย หลังจากเริ่มวางแผงไปผมว่าน่าจะซัก2เดือนเห็นจะได้ก็น่าจะเป็นที่รู้จัก
พิธีกร บางคนเค้าทำกันอย่างนี้วันแรกเนี่ยออกเทปชุดแรกเนี่ยเค้าจะเดินไปตามแผงเทปไปสำรวจตลาดคุณต้อยทำไหมคะ
คุณต้อย ทำ
พิธีกร แล้วไปเหมาซื้อไหมคะ
คุณต้อย เหมา
พิธีกร ที่ไหนบ้างคะ
คุณต้อย ผมจะไม่เหมาซื้อแผงเดียวนะครับผมก็จะไปซื้อแผงนั้นแผงนี้ผมก็จะไปถามผมก็จะซื้อ อ่ะที่นี่แผ่นนึงที่นี่แผ่นนึง
พิธีกร สรุปแล้วซื้อมากี่แผ่นคะ
คุณต้อย ผมซื้อคนเดียวเนี่ยก็ไม่ต่ำกว่า 40 แผ่นนะครับคือซื้อมาเก็บไว้ให้ผู้มีพระคุณให้ญาติบ้างนะครับ
พิธีกร เป็นการไปสำรวจความนิยมด้วย ถามคนขายเทปเนี่ยถามบ้างหรือเปล่าว่าอ้าวน้องเป็นไงได้รับความนิยมหรือเปล่า
คุณต้อย ตอนแรกๆก็จะมี ก็พอขายได้ครับพี่พักหลังนี่คือรู้ว่ามันดังแล้วผมก็ไม่ค่อยได้ถาม
พิธีกร คุณต้อยเคยคิดไหมคะว่าวันนี้จะมีวันนี้สักวันหนึ่งในชีวิต
คุณต้อย คือผมไม่คิดว่าจขจะมีวันนี้ที่จะดังสุดๆวันนี้แต่ผมคิดว่ายังไงก็เป็นศิลปินคนหนึ่งได้แหละประมาณนั้นไม่ได้คิดว่าต้องเป็นอย่างวันนี้
พิธีกร เทปกับซีดีขายได้เท่าไหร่แล้วคะตอนนี้
คุณต้อย ก็หลายๆฉบับเค้าบอกได้เป็นล้านแต่จริงๆแล้วผมคิดว่าน่าจะพยายามมุ่งสู่ล้านแต่ว่าตอนไหนผมก็ไม่ทราบ
พิธีกร เห็นบอกว่าถ้าหากไม่มีเทปผีซีดีเถื่อนคงขายได้เยอะกว่านี้อีก
คุณต้อย เทปผีซีดีเถื่อนเนี่ยค่อนข้างเยอะมากคือทุกค่ายเพลงเนี่ยถ้าเกิดไม่มีเทปผีซีดีเถื่อนเนี่ยก็คงมีการเจริญเติบโต
พิธีกร คุณต้อยคิดว่าชีวิตตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะไหมเพราะตอนนี้เดินไปไหนมาไหนก็มีแต่คนรู้จัก
คุณต้อย ครับอันนี้ผมก็ดีใจเพราะว่าคือมันอธิบายไม่ถูกเพราะว่าการทำเพลงดังก็ดีอยู่แล้วแต่ว่าคนหลายๆกลุ่มเนี่ยรับเพลงเราเนี่ยเป็นสิ่งที่ยากมาก
พิธีกร ไปไหนมาไหนนี่ใส่หมวกแดงตลอดมิน่าคนถึงจำได้ แล้วอัลบั้มชุดสองเนี่ยจะออกเมื่อไหร่คะ
คุณต้อย เอ่อ ชุดแรกเนี่ยยังมีอีกหลายเพลงที่ยังซ่อนจ้องจะดังอยู่
พิธีกร จ้องจะดังเนี่ยหมายความว่าเพลงไหนที่จะดังไม่ดังเนี่ยอยู่ที่ต้นสังกัดถ้าต้นสังกัดลงทุนโปรโมทหน่อยดิฉันว่ายังไงก็ดัง คุณต้อยคิดว่ายังไงคะ
คุณต้อย ถ้าดังเพราะการโปรโมทเนี่ยกระแสอตอบรับก็อาจจะไม่ค่อยมีคือเรื่องของยอดขายสองเรื่องของงานโชว์สามเรี่องของสื่อมวลชนที่จะเชิญเราไปรายการนั้นรายการนี้เนี่ยอันแน่ๆคือมวลชนที่แน่ๆเลยการโปรโมทนี่มีส่วนที่ทำให้ดังมาก แต่ถ้ามวลชนไม่รับแป๊บเดียวก็หายไป
พิธีกร คิดว่าของเราอยู่ตรงไหน
คุณต้อย ผมคิดว่าการโปรโมทเค้ามีส่วนด้วย
พิธีกร แสดงว่าเพลงเราก็มีจุดเด่นสิคะคนจำได้คิดอย่างนั้นเหรอ
คุณต้อย ครับผมคิดว่าเพลงเราแปลกด้วยและมันมีมุมมองในการเขียนแล้วมันมีความสนุกหลากหลาย
พิธีกร ถ้าพูดถึงชุดแรกแล้วก็ยังมีเพลงที่ยังดังๆอยู่แต่ถ้าเป็นยชุดที่สองเนี่ยมีความคิดไหมคะก็จะเริ่มทำเพลงชุดที่สองแล้วมันมีอย่างนี้คะสำหรับศิลปินแล้วมันมีอาถรรพ์หมายเลขสอง คือคนส่วนใหญ่ดังชุดแรกเสร็จและคนส่วนใหญ่แล้วจะดับชุดที่สองคุณต้อยกลัวหรือเปล่า
คุณต้อย ก็มีนะครับเพราะเราก็เคยได้ยินมาชุดแรกเนี่ยจะดังชุดสองเนี่ยอาถรรพ์มากแต่มีเคล็ดลับชุดสองเนี่ยก่อนที่จะออกอัลบั้มนี้ต้อยหมวกแดงจะต้องมีบูท คือเปิดตัวชุดที่สองแต่ต้องตำส้มตำ ผมก็จะตำส้มตำแก้เคล็ด
พิธีกร คือเอาของไม่ดีลงครกไปแล้วก็ตำให้ละเอียด
คุณต้อย หลักๆก็คือว่ามีความตั้งใจที่จะทำชุดที่สองให้ดีที่สุดและก็ใช้ความคิดกลั่นกรองให้แน่นและก็เพลงที่เราจะทำเนี่ยเราก็ต้องมีพรรคพวกเพื่อนฝูงอาจารย์มาให้คำปรึกษาและก็ให้ความรอบคอบเพื่อที่แฟนเพลงจะได้ไม่ผิดหวังกับงาน
พิธีกร คะเดี๋ยวจะรอฟังเอาเป็นว่าเพลงอัลบั้มแรกเนี่ยที่จ้องๆจะดังแต่วันนี้ปิดท้ายรายการด้วยเพลงที่ดังสุดขีดของคุณต้อยหน่อยสักนิดนึงนะคะและวันนี้เราขอลาท่านผู้ชมด้วยเพลงของคุณต้อยนะคะสวัสดีค่ะ