ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ผู้สมัครอิสระ
หมายเลข 15
เกิด วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2504 ที่เยาวราช ในตึกสามชั้น ใกล้โรงภาพยนตร์เทียนกัวเทียน คุณพ่อชื่อ “เจริญ” คุณแม่ชื่อ “จำเนียร”
ต้นตระกูล “กมลวิศิษฏ์” คือ “อึ้งจิงเว้ง” เป็นพ่อค้าขายผ้า อพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยทางเรือ ในสภาพเสื่อผืนหมอนใบ ถึงแผ่นดินไทย เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิ์สมภาร เมื่อ พ.ศ. 2470 ตั้งรกรากประกอบอาชีพเริ่มแรกในย่านเยาวราช ศูนย์รวมธุรกิจการค้าย่านคนจีน
ชูวิทย์ ช่วยครอบครัวขายเสื้อผ้ามาตั้งแต่ยังเด็ก ตื่นแต่เช้าช่วยเปิดร้าน ทำความสะอาด จัดเรียงเสื้อผ้า ร้องตะโกนให้ผู้คนเข้ามาซื้อเสื้อผ้าภายในร้าน“คลังภูษา” และช่วยพ่อแม่เก็บเงิน บางครั้งก็เอาเสื้อผ้าไปขายให้เพื่อนๆ ที่โรงเรียน เพราะยี่ห้อร้าน “คลังภูษา” เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในเรื่องเสื้อผ้านักเรียน หรือการตัดเย็บสูท ขณะที่คุณพ่อเจริญเป็นผู้ริเริ่มทำโรงงานเสื้อผ้ากางเกงยีนส์ เป็นรายแรกของเมืองไทย โดยนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ เช่น การฟอกกางเกงยีนส์ หรือนำเอาสินค้าเสื้อผ้าจากต่างประเทศมาขาย
ความที่ชูวิทย์เกิดในตระกูลพ่อค้า เติบโตในสังคมเยาวราช ทำให้ได้เรียนรู้ถึงวิธีทำธุรกิจการค้า การเจรจาต่อรอง การโน้มน้าวจิตใจผู้คน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ซึมซับอยู่ในตัวชูวิทย์ตั้งแต่วัยเยาว์ หล่อหลอมให้เป็นคนต่อสู้ดิ้นรน และไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ
เริ่มเรียนชั้นอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลเสริมมิตร ย่านสุริวงศ์ เข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนสหพาณิชย์ ย่านศาลาแดง ถนนสีลม
ความที่พ่อเป็นพ่อค้าและแม่ต้องดูแลลูกๆ มากถึง 8 คน จึงถูกส่งไปเรียนประจำที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา แต่อยู่ไม่นานก็ลาออก และกลับมาเรียนต่อที่โรงเรียนสีตบุตรบำรุง ย่านรองเมือง และเข้าเรียนชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ หลังจากนั้นสอบเข้าเรียนที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลับยธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2522
ในระหว่างศึกษาได้เรียนไปด้วยหาเงินไปด้วย ในช่วงปี 2 สามารถทำงานหาเงินได้มากถึงหนึ่งล้านบาท โดยขายเศษผ้าจากโรงงาน รวมทั้งกางเกนยีนส์ “ฮารา”ที่มีตำหนิก็ดึงตรายี่ห้อออกแล้วนำไปขายลดราคา แต่เงินที่ได้มาก็เสียไปเพราะนำไปฝากทรัสต์เถื่อน อย่างไรก็ตามได้มุมานะเรียนจนจบ และไปขุดทองพร้อมศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่อเมริกา
กลับมาถึงเมืองไทยเมื่อปี 2530 เริ่มทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หมู่บ้านจัดสรรชื่อหมู่บ้านสราลี ตามด้วยหมู่บ้านรอยัล ปาล์ม วิลล่า และอพาร์ทเม้นท์ สำนักงานให้เช่า หลายโครงการ จนกระทั่งเกิดสงครามอ่าวปี 2533 บ้านจัดสรรขายไม่ดี จึงหันเหเข้าสู่ธุรกิจอาบอบนวด เริ่มจากวิคตอเรีย ซีเคร็ท ตามด้วยเอ็มมานูเอล และอีกหลายแห่ง จนได้ฉายาเจ้าพ่ออาบอบนวดจากความสำเร็จในธุรกิจนี้
ชูวิทย์ตกเป็นข่าวโด่งดังเมื่อเขากลายเป็นผู้ต้องหาในคดีรื้อบาร์เบียร์ที่ซอยสุขุมวิท 24 เมื่อปี 2546 รวมทั้งคดีค้าประเวณีเด็กที่เกิดขึ้นไล่เลี่ยกัน ซึ่งหลังจากนั้นเขาได้ออกมาเปิดโปงถึงการจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในหลายท้องที่จนเป็นข่าวใหญ่ของปี 2546 ที่ผ่านมา และในที่สุดเขาได้ตัดสินใจเข้าสู่สนามการเมืองด้วยการตั้งพรรคต้นตระกูลไทยขึ้นมา พร้อมกับประเดิมสนามด้วยการส่งตัวเองลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 สิงหาคม 2547 นี้
www.chuvit-online.com