xs
xsm
sm
md
lg

เปิดตัว“พรรคมหาชน”-เสธ.หนั่นรับบทกุนซือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เสธ.หนั่น” รับเป็นที่ปรึกษาพรรคมหาชน ทิ้งลูก “ลูกยอด” เฝ้าปชป. “เอนก” ยันตัดสินใจเพื่อบ้านเมืองจากปชป.ด้วยความอาลัย ด้าน “บัญญัติ” ชี้เป็นปรากฎการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเพราะปชป.เหมือนโรงเรียนสอนการเมือง เผยเบื้องหลังพรรคทางเลือกที่ 3 กลุ่มเอ็นจีโอถอนตัว หลังฝ่ายการเมืองเข้าครอบ หนีไปตั้งพรรคกรีนส์ กลางรัฐบาลหน้า

วันนี้ (2ก.ค.)นายอรรคพล สรสุชาติ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคทางเลือกที่สามกับพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางเข้าพบกับพล.ต.สนั่นที่บ้านพักสนามบินน้ำ และในช่วงบ่ายวันเดียวกันนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เดินทางมาพบพล.ต.สนั่นที่บ้านสนามบินน้ำเช่นเดียวกัน

เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้งพรรคการเมืองทางเลือกที่สามว่า จะเป็นการรวมตัวของนักการเมืองซึ่งมีทั้ง ส.ส.และอดีตนักการเมือง นักวิชาการ นักธุรกิจ และนักเรียนโรงเรียนการเมืองของตนที่สนใจงานด้านการเมือง โดยมาขอคำปรึกษาจากตนในการสร้างทางเลือกใหม่เพื่อประชาชน ซึ่งตนก็ยินดีที่จะให้คำปรึกษางานทางด้านการเมืองอยู่แล้ว ทั้งนี้ตนเป็นเพียงที่ปรึกษา ถ้าหากจะให้ตนเป็นผู้บริหารคิดว่าตัวเองก็อายุมากแล้วควรจะให้คนรุ่นใหม่มาแสดงฝีมือทางการเมืองมากกว่า อย่างไรก็ตามการตั้งพรรคทางเลือกที่ 3 ต้องไม่ใช่พรรคการเมืองเฉพาะกิจ ต้องเป็นทางเลือกให้ประชาชนได้จริง โดยมีนโยบายในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนยังไม่ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และไม่ได้สั่งให้คนมาเก็บของออกจากพรรคอย่างที่เป็นข่าว เพราะของที่มีอยู่มีเพียงตู้เก็บไวน์เท่านั้นที่เป็นของตน

ระบุพรรคใหม่เป็นการผสมผสานรุ่นใหม่-เก่า
เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ความหลากหลายของ ส.ส.ในพรรคทางเลือกที่ 3 ควรเป็นลักษณะอย่างไร พล.ต.สนั่น กล่าวว่า จะต้องมีหลายลักษณะปนกัน โดยมีทั้งอดีตนักการเมือง ส.ส.ปัจจุบัน คนรุ่นใหม่ นักธุรกิจ นักวิชาการ ตัวแทนจากเอ็นจีโอ ซึ่งเป็นบุคคลที่สังคมรู้จัก หากหลอมรวมกลุ่มคนเหล่านี้ได้ก็จะทำให้พรรคมีความหมายต่อประชาชนชาวไทย ส่วนเรื่องนโยบายคงต้องดูความต้องการของประชาชน ต้องเป็นหลักที่มั่นคงกับพรรคให้ประชาชนเห็นว่านโยบายนั้นเป็นไปได้ และแก้ปัญหาได้ยั่งยืน แต่ต้องไม่ใช่แบบประชานิยม

ผู้สื่อข่าวถามว่าการตั้งพรรคทางเลือกที่ 3 จะส่งผลกระทบต่อพรรคการเมืองที่มีอยู่หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ถ้าพรรคทางเลือก ที่ 3 เกิดขึ้นจริง จะต้องไม่ไปทะเลาะกับใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพรรคเก่าหรือพรรคใหม่ ซึ่งตนอยากเห็นพรรคการเมืองที่นำเสนอนโยบายแก่ประชาชนเพียงอย่างเดียว ส่วนพรรคทางเลือกที่ 3 จะเป็นรูปธรรมทันการเลือกตั้งที่จะถึงนี้หรือไม่นั้น ก็อยู่ที่ผู้ดำเนินการในการก่อตั้ง ที่จริงคิดว่าภายใน 7 เดือนก็น่าจะทัน ถ้ามีความพร้อมของคนที่จะมาร่วมดำเนินการ ทั้งนี้นักการเมืองอย่าจำกัดอยู่ที่ 3 พันกว่าคน นักการเมืองตอนนี้ต้องเปิดกว้าง ให้คนที่อยากจะเข้ามาทำงานการเมือง หากมีผู้สนใจเข้ามาสนใจงานการเมืองมากยิ่งขึ้นก็เป็นเรื่องดี

“จากการที่ตนได้ดูตัวบุคคลที่จะมาร่วมจัดตั้งพรรคดัวกล่าวเห็นว่าเป็นคนหนุ่มสาวทั้งสิ้น ซึ่งก็ถูกใจผมอย่างมาก ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าคนแก่ไม่มีความหมาย แต่เห็นว่าคนรุ่นใหม่น่าจะได้ออกมาแสดงฝีมือทางการเมือง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของพรรค และคิดว่านโยบายเท่าที่ผมรับทราบมา 2-3 เรื่องเป็นนโยบายที่ฟังดูแปลกดี และคิดว่าจะทำได้และยั่งยืน โดยมารยาทผมไม่ขอเปิดเผย แต่ควรรอให้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ โดยผู้อำนวยการก่อตั้งพรรค เชื่อว่านโยบายที่จะออกมาจะโดนใจประชาชน เป็นรูปธรรม จับต้องได้ ซึ่งผมได้ถามว่าเมื่อออกนโยบายมาแล้วอาจจะถูกโจมตี จากพรรคการเมืองอื่นๆ แล้วจะตอบโต้อย่างไร เขาก็บอกว่าจะไม่ตอบโต้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คิดว่าน่าจะเป็นทางเลือกแก่ประชาชนได้” พล.ต.สนั่น กล่าว

โต้รับเงิน “แม้ว”5พันล้าน
ส่วนที่มีข่าวว่าพรรคทางเลือกที่ 3 นี้ได้รับเงินสนับสนุนจำนวน 5 พันล้านบาทจากพรรคไทยรักไทยนั้น พล.ต.สนั่น กล่าวว่า จากการที่ตนได้สอบถามแล้ว พบว่าไม่มีการรับเงินจากพรรคอื่น เพราะถ้าตั้งพรรคการเมืองเพื่อเป็นอะไหล่ให้กับพรรคอื่นก็อย่าตั้งเสียดีกว่า เมื่อตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาก็ควรเอานโยบายของพรรคตัวเองชูขึ้นมาเป็นจุดขาย ไม่ต้องไปเอาเงินหรืองบประมาณจากพรรคอื่น ทั้งนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา ที่มีข่าวออกมาเช่นนี้ ซึ่งพรรคการเมืองใหม่ก็ต้องอดทนกับคำครหาทั้งหลาย

เมื่อถามถึงกรณีที่ประสานงานกับพรรคราษฎร โดยใช้หัวของพรรคราษฎรเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคมหาชน พล.ต.สนั่น กล่าวว่า การตั้งพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย มีความยุ่งยากพอสมควร เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองที่จะเกิดขึ้นใหม่ก็ต้องอาศัยหัวพรรคเก่า ซึ่งคงจะมีการเปลี่ยนชื่อ แต่ไม่ได้เป็นการยุบพรรค ส่วนนายวัฒนา อัศวเหม หัวหน้าพรรคราษฎร จะเข้ามาร่วมด้วยหรือไม่นั้น ตนบอกแล้วว่าคนอายุ 60 กว่าควรจะอยู่เบื้องหลังดีกว่า

ยัน“ลูกยอด”ยังอยู่ปชป.
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตั้งพรรคทางเลือกที่ 3 จะมีผลทำให้ ส.ส.ในกลุ่มพล.ต.สนั่นออกมาด้วยหรือไม่ พล.ต.นั้น กล่าวว่า ตนอยากขอให้ทุกคนให้อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปพรรคทางเลือกใหม่ก็จะหาคนใหม่มาเอง ส่วนการที่นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และนายอรรคพร สรสุชาติ รองเลขาธิการพรรคลาออกจากพรรคจะส่งผลกระทบต่อพรรคหรือไม่ คงจะต้องกลับไปดูในพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ตนจะนัดหมายเพื่อเข้าพบ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัคตย์ และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรค เพื่อชี้แจงเรื่องการตั้งพรรคการเมืองใหม่ มิฉะนั้นตนอาจจะถูกตำหนิได้ สำหรับนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร พรรคประชาธิปัตย์ บุตรชายตนนั้นจะมาเข้าร่วมกับพรรคใหม่นี้หรือไม่นั้น ตนยังไม่ได้เห็นใบสมัคร ซึ่งก็แล้วแต่การตัดสินใจของบุตรชายตน แต่ขณะนี้ก็อยากให้อยู่พรรคประชาธิปัตย์ต่อไป

เมื่อถามว่า การที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางส่วนออกมาตั้งพรรคการเมืองใหม่จะเหมือนเหตุการณ็ 10 มกรา หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะไม่ได้มีการทะเลาะกัน แต่กลุ่ม 10 มกราเกิดจากการทะเลาะกันอย่างรุนแรง ที่มีการร้องขอให้เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคขึ้นมาใหม่ แต่กรณีนี้ไม่ได้มีการทะเลาะกัน

พล.ต.สนั่น ยอมรับว่าการเมืองจะชูอย่างใดอย่างหนึ่งไปโดยชัดเจนอย่างเดียวว่าเป็นพรรคที่มีนักวิชาการล้วนๆ หรือนักธุรกิจล้วนๆ นักการเมืองล้วนๆ คงจะไปไม่ได้ ต้องมีการผสมผสานกัน โดยเก็บความคิดของทุกคนมารวมกันประกอบเป็นนโยบาย อีกทั้งการที่พรรคการเมืองใหม่จะส่งผู้สมัครครบทุกเขตเป็นเรื่องยาก ควรจะมีเพียงพรรคใหญ่ๆ ที่มีงบประมาณมากถึงจะส่งครบทุกเขตได้

เมื่อถามว่า พรรคใหม่ควรจะทำให้เป็นพรรคขนาดไหน พล.ต.สนั่น กล่าวว่า พรรคการเมืองเมื่อลงมาแล้วก็ต้องหวังจะได้ที่นั่งของ ส.ส.ให้ได้มากที่สุด อย่าไปคิดว่าเป็นพรรคขนาดนั้นขนาดนี้ ถ้าคิดอย่างนั้นก็ถดถอย ชีวิตไม่เจริญแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าบารมีทางการเมืองของพล.ต.สนั่น ช่วยในการสร้างพรรคทางเลือกที่ 3 ได้มากน้อยแค่ไหน พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตนอยู่กับประชาชนโดยเป็นผู้บริหารประเทศมานาน ประชาชน นักวิชาการ และนักการเมืองก็เข้าใจดี และยังเชื่อมั่น ยังให้ความเชื่อถืออยู่ ซึ่งเป็นธรรมดาที่ใครจะทำอะไรทางการเมืองก็จะมาปรึกษาตนก่อน

พรรคใหม่ชื่อ “พรรคมหาชน”
ด้านนายอรรคพล สรสุชาติ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคทางเลือกที่สามที่จะก่อตั้งขึ้นจะใช้ชื่อ “พรรคมหาชน” ซึ่งจะแนวนโยบายและแนวทางของพรรคที่จะเกิดขึ้นจะเป็นจุดขายหลัก และภายในกลางเดือนก.ค.จะสามารถเปิดเผยนโยบายได้ ซึ่งมีความแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น โดยจะเน้นการแก้ไขปัญหาที่แท้จริง ซึ่งมีนโยบายเป็นตัวนำ ส่วนเรื่องของการเมืองและการบริหารจัดการ ตนและฝ่ายที่จะปฏิบัติงานทางการเมืองจะดูแลต่อไป แต่องค์ประกอบหลัก ๆ ที่มีการคุยกันอยู่ก็คือกลุ่มนักวิชาการ กลุ่มองค์กรเอกชน นักธุรกิจบางส่วน ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าน่าจะมีพรรคทางเลือกอีกทางหนึ่งเป็นพรรคทางเลือกที่สามอย่างแท้จริง

“ผมไม่ค่อยสบายใจที่เห็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อเช้านี้ว่า พรรคดังกล่าวเกิดมาเพราะการเมือง 100% ต้องเรียนว่าไม่ใช่จุดประสงค์ของคนที่ทำงาน ณ วันนี้ อาจเป็นเพราะว่าบังเอิญผมเป็นนักการเมืองและเป็นส.ส.อยู่โดยมีพล.ต.สนั่นเป็นที่ปรึกษาก็เลยมีการนำไปผูกโยงตรงนั้น อย่างที่ผมบอกคือหากไม่มีกลุ่มบริหารจัดการทางการเมืองเลย พรรคการเมืองจะเกิดขึ้นลำบาก เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นพื้นฐานหลักในการตัดสินใจ เพราะมีการชักชวนให้ผมมาดำเนินการร่วมกันในการจัดตั้งพรรคการเมืองนี้” นายอรรคพล กล่าว

ส่วนกรณีที่มีข่าวพรรคไทยรักไทยให้เงินสนับสนุนพรรคทางเลือกที่สามจำนวน 5 พันกว่าล้านบาทนั้น นายอรรคพล กล่าวว่า ไม่มีคงเป็นไปไม่ได้ และโดยแนวทางที่มีการพูดคุยกันมาไม่ได้พูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นเลย และโดยมารยาทตนก็ไม่ได้คุยกับใครในพรรคประชาธิปัตย์ถึงเรื่องการดำเนินการ แต่เป็นการปรึกษาหารือกัน ซึ่งได้ทำมาระยะหนึ่งแล้ว และเมื่อเห็นว่าเป็นรูปเป็นร่างที่จะเป็นพรรคการเมือง ตนก็พยายามจะไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยไม่เคยชวนใครมาอยู่พรรคนี้ แต่ในทางตรงข้ามยืนยันไม่อยากเห็นภาพของการไปดึงส.ส.ไม่ว่าจากทางใดทั้งสิ้น แต่ถ้าเราเสนอแนวทางออกไปแล้วมีคนเห็นว่ามาร่วมกันได้ก็มาคุยกันภายหลังจะดีกว่า มิเช่นนั้นภาพของสิ่งที่ตั้งใจไว้จะหายไป

ขอเวลา2อาทิตย์เปิดตัวสมาชิกพรรค
นายอรรคพล กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มคนที่มาร่วมทำงานและเป็นตัวหลักในการบริหารจัดการนั้นเป็นคนรุ่นใหม่ และเป็นบุคคลจากหลายฝ่ายปนกัน ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีประสบการณ์จากหลาย ๆ ทาง แต่จะไม่เน้นทางการเมืองเพียงทางเดียว เพราะฉะนั้นในคณะกรรมการบริหารพรรคชุดแรกคงมีองค์ประกอบค่อนข้างครบถ้วน ส่วนจะมีใครบ้างนั้นขอให้รออีก 2 สัปดาห์ เพราะต้องเข้าใจว่าหลายคนที่จะมีชื่อเป็นกรรมการบริหารพรรคต้องให้เขาไปเคลียร์งานของแต่ละคนก่อน หากไปพูดล่วงหน้าอาจทำให้เกิดปัญหาได้ ดังนั้นขอเปิดตัวทีเดียวดีกว่า แต่ยืนยันเป็นคนจากทุกฝ่าย และแกนนำหลัก ๆ เป็นคนที่สังคมรู้จักแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าจะมีการทาบทามร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รองนายกฯมาเป็นหัวหน้าพรรคดังกล่าว นายอรรคพล กล่าวว่า กลุ่มที่จะมาพูดคุยในขณะนี้มีจากหลายฝ่าย และเข้าใจว่าหลายฝ่ายก็ไปคุยกับหลายคนจริง แต่จะคุยกับใครบ้างอย่างไรบ้าง ตนตอบแทนไม่ได้ แต่ในส่วนที่ตนรับทราบก็มีความพยายามหาคนเข้ามาร่วมงาน แต่ไม่ได้พูดถึงหัวหน้าพรรคโดยตรงว่าถ้ามีพรรคลักษณะนี้เกิดขึ้นเขาสนใจมาร่วมงานหรือไม่ ซึ่งผู้ใหญ่หลายคนบอกว่าเห็นด้วยและอยากให้คำปรึกษา แต่หากจะให้มาออกหน้าคงไม่เอา ทั้งนี้อีก 2 สัปดาห์นอกเหนือจากการเปิดตัวนโยบายและแกนนำของพรรคแล้วจะประกาศถึงความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย แต่คงไม่ถึงกับประกาศรายชื่อส.ส. และหลังจากนั้นพรรคจะทำการประชาสัมพันธ์เผยแพร่นโยบายของพรรคผ่านสื่อต่างๆ และต้องลงไปในระดับรากหญ้า รวมทั้งจะให้ผู้สมัครส.ส.ลงพื้นที่ด้วย

เมื่อถามว่า ตั้งเป้าหมายของพรรคทางเลือกที่สามอย่างไร นายอรรคพล กล่าวว่า พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาก็หวังที่จะให้ได้มากที่สุด แต่ขณะนี้ยังกะเกณฑ์ได้ยาก เพราะต้องรอให้ได้ตัวผู้สมัครส.ส.ก่อน หากมีคนมาร่วมอุดมการณ์จำนวนมากและได้รับการตอบรับจากประชาชน โดยเฉพาะคนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงโอกาสที่จะได้รับเลือกมากก็ยังมีอยู่

เตรียมยื่นใบลาออกสัปดาห์หน้า
ส่วนจะมีการยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เมื่อไรนั้น นายอรรคพล กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์แล้วว่าเมื่อไรก็ตามพรรคทางเลือกที่สามมีความชัดเจน หรือพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้ตนรีบดำเนินการโดยเร็วตนก็จะดำเนินการทันที เพราะการลาออกของตนจะมีผลเนื่องจากเป็นส.ส. จึงอยากให้มีความพร้อมระยะหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ตนไม่อยากให้เหตุผลการลาออกของตนไปปนกับการลาออกของคนอื่น ๆ

“เอนก”แย้มไต๋รับหัวโขนนั่งหัวหน้าพรรค
ด้านนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่าได้รับการทาบทามให้เป็นหัวหน้าพรรคมหาชน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจโดยพรรคการเมืองนี้เกิดขึ้นจากคนหลายกลุ่มที่ต้องการสร้างความเป็นไปได้ทางการเมืองเนื่องจากมีความอึดอัดจากภาวะการเมืองในขณะนี้ ซึ่งตนก็เห็นความสำคัญกับแนวคิดเช่นนี้ เมื่อเขามาขอให้ช่วยก็กำลังพิจารณาอย่างรอบคอบ และไม่ได้คิดว่าตนคนเดียวที่มีความหมาย แต่บางคนอาจจะดีกว่า เหมาะสมกว่าที่จะทำงานนี้ ดังนั้นยังไม่มีอะไรเป็นทางการว่าจะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค สิ่งสำคัญสำหรับที่เป็นทางเลือกให้ประชาชน คือต้องรักษาดุลภาพระหว่างอุดมคติกับสัจจะนิยมหรือความเป็นจริงทางการเมืองให้ได้

“ขณะนี้คนสองกลุ่มคือนักวิชาการกับนักการเมืองถือว่ามาจากโลก 2 ใบที่พบกันให้ได้ครึ่งทาง และเท่าที่รุ้คนทั้งสองกลุ่มต่างก็เห็นความสำคัยซึ่งกันและกัน จึงน่าจะลงตัวได้ และพรรคการเมืองใหม่ก็ต้องมีนโยบายชัดเจนว่าเป็นทางเลือกใหม่จริง ๆ โดยจุดขายก็ต้องเป็นการชูนโยบายและใช้อุดมการณ์เป็นเครื่องพิสูจน์ ซึ่งการที่ดึงพล.ต.สนั่นเข้ามาเป็นเพราะว่าทางนักวิชาการก็เห็นว่ามีความจำเป็นต้องมีคนที่มีเครดิตทางการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง เพื่อให้พรรคเกิดขึ้นได้ ดังนั้นพรรคใหม่จึงไม่ใช่เกิดเพราะความขัดแย้งในพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นแนวคิดที่มาผ่องถ่ายความอึดอัดในสังคมที่มีต่อการเมือง ถ้าผมจะต้องออกจากพรรคประชาธิปัตย์จริง ๆ ก็คงออกด้วยความรู้สึกรักและคิดถึง เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นบ้านเป็นพรรคที่เข้มแข็งเติบโตท่ามกลางลมมรสุม ไม่ใช่ออกเพราะรู้สึกด้านลบกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ถ้าต้องตัดสินใจก็เป็นเรื่องของบ้านเมือง” นายเอนก กล่าว

“หยัด”ชี้เป็นธรรมดาทางการเมือง
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายอรรคพล สรสุชาติ รองเลขาธิการพรรคไปร่วมก่อตั้งพรรคทางเลือกที่สามว่า ตนยังไม่ทราบอะไรมากนัก เพราะยังไม่ได้มีใครมาบอกกล่าว หรือลาออกจากพรรคเพื่อไปตั้งพรรคใหม่ หรือไปอยู่พรรคใหม่ และที่ชัดเจนดูจะมีอยู่คนเดียวคือนายอรรคพล ที่แถลงออกมาชัดเจน ทั้งนี้คิดว่าในช่วง 50 กว่าปีของพรรคประชาธิปัตย์ก็มีปรากฎการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งหลายหน คือมีคนในพรรคออกไปตั้งพรรคใหม่กันหลายครั้งจนกระทั่งพวกตนมีความรู้สึกในทำนองว่า พรรคประชาธิปัตย์ดูจะเป็นโรงเรียนที่สอนการเมืองและวันหนึ่งก็มีคนจากสำนักนี้ออกไปตั้งพรรคใหม่ และครั้งนี้ก็คงจะเป็นอีกครั้งหนึ่งเหมือนอย่างที่พูด ๆ กัน ฉะนั้นจึงรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา อย่างไรก็ตามยอมรับว่ากรณีดังกล่าวมีผลกระทบกับพรรคบ้าง

“จะบอกว่าไม่กระทบกับพรรคเลย คงพูดเช่นนั้นไม่ได้ เมื่อมีคนออกไป และเป็นคนที่มีความสำคัญในพรรคพอสมควร ก็คงจะมีผลกระทบกับพรรคอยู่บ้าง แต่จะมากมายถึงขนาดว่าคนที่อยู่ต้องเสียกำลังใจกัน ผมคิดว่าคงไม่ถึงขนาดนั้น และเป็นภารกิจของคนที่ยังอยู่ที่จะต้องร่วมกันทำพรรคให้เข้มแข็งต่อไป ก็เท่านั้นเอง ผมไม่คิดว่าพรรคจะกลายเป็นพรรคขนาดเล็ก หรือตกต่ำขนาดนั้น เพราะในช่วง 50-60ปีที่ผ่านมา มีหลายครั้งหลายหนที่สาหัสสากรรจ์ที่ผ่านมา และไม่คิดว่าจะหนักกว่าที่เคยเป็นมา” นายบัญญัติ กล่าว

ระบุพรรคใหม่ไม่ดูดส.ส.พรรค
นายบัญญัติ กล่าวว่า เท่าที่ฟังดูขณะนี้ยังไม่มีใครไปร่วม และเท่าที่ฟังจากการแถลงของนายอรรคพล ก็เห็นว่าคงไม่ชวนส.ส.ในพรรคไป และดูคนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะย้ายไปอยู่พรรคใหม่ดังกล่าว รวมทั้งนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รองหัวหน้าพรรคที่มีข่าวจะไปเป็นหัวหน้าพรรคทางเลือกที่สาม เพราะเท่าที่พบกันครั้งสุดท้าย ก็ยังไม่ได้พูดจากันเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามถือเป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะเลือกทางเดินทางการเมืองของตัวเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะทำให้ถูกสังคมมองว่าพรรคประชาธิปัตย์เกิดความแตกแยกหรือมีความขัดแย้งภายในพรรคหรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่า ภาพที่ปรากฎขณะนี้ไม่ถึงขนาดนั้น และนายอรรคพลก็แถลงแล้วว่าไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับพรรค ซึ่งความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น ดังนั้นคงไม่ต้องเตรียมรับมือกับข่าวส.ส.ย้ายพรรค เพราะเท่าที่ถาม ๆ กันอยู่ ยังไม่เห็นมีใครแสดงทีท่าว่าจะไปจากพรรคประชาธิปัตย์ ฉะนั้นตนไม่ได้คิดว่าตอนนี้พรรคกำลังตกที่นั่งลำบาก และต้องเผชิญศึกหลายด้าน เพราะปกติพรรคก็ลำบากกันอยู่แล้ว และเป็นหน้าที่ของคนที่ยังอยู่ที่จะต้องฝ่าฟันความยากลำบากนี้ต่อไป ทั้งนี้ยอมรับว่าความหนักใจก็มีอยู่บ้าง แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกับหลายคนที่ยังยืนยันจะร่วมมือทำพรรคให้เข้มแข็งต่อไป ก็สบายใจได้

เมื่อถามว่ากรณีที่พล.ต.สนั่นหากไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาพรรคทางเลือกที่สาม จำเป็นต้องลาออกหรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่า เรื่องการจะลาออกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของสมาชิกพรรคเอง เว้นแต่ถึงขั้นมีตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือเลขาธิการพรรคการเมืองอื่น ก็คงเป็นสมาชิกพรรคต่อไป ไม่ได้ แต่หากเพียงแต่ให้คำแนะนำ หรือให้คำปรึกษาเรื่องทั่วๆไปทางการเมืองตนคิดว่าตรงนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับพรรค

นายบัญญัติ ยังกล่าวถึงกรณีที่พล.ต.สนั่นระบุว่าจะเดินทางมาพบเพื่อชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า คงไม่มีปัญหา ส่วนพรรคทางเลือกที่สามที่กำลังจะเกิดเป็นอย่างไรนั้น ยังไม่สามารถวิจารณ์ได้ เพราะหน้าตายังไม่ชัดเจน แต่ตอนนี้ก็รอฟังนโยบายที่จะเปิดออกมาอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายเอนกออกไปอยู่พรรคทางเลือกที่สาม จะกระทบกับการจัดทำนโยบายของพรรคหรือไม่ เพราะนายเอนกเป็นประธานคณะทำงานร่างนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ทำงานเป็นกลุ่มคณะไม่ได้ทำโดยคนๆเดียว แต่เป็นระบบ ดังนั้นหากใครจะย้ายออก หรือจะเข้ามา จะบอกว่าไม่กระทบเลยคงไม่ได้ เพราะถือว่าขาดกำลังไปบ้าง แต่คนที่ยังอยู่ก็อยู่ในวิสัยที่ทำงานได้ เพราะพรรคทำงานเป็นกลุ่มเป็นคณะอยู่แล้ว

ส่วนจะเรียกลูกพรรคมาสร้างขวัญและกำลังใจเพิ่มเติมหรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่า วันนี้ก็พบกันอยู่ตลอด แต่ยอมรับว่ากรณีที่เกิดขึ้นมีสมาชิกที่สงสัยโทรศัพท์มาสอบถามตนเช่นกัน ซึ่งตนก็อธิบายให้ได้รับความเข้าใจว่า ทุกคนต้องคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะไม่ใช่ครั้งแรก ที่เคยมีคนจากพรรคประชาธิปัตย์ออกไปตั้งพรรคเยอะแล้ว ดังนั้นหากวันนี้จะยังมีอีก ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร คนที่อยู่ก็ต้องทำงานกันหนัก

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่เกิดพรรคทางเลือกที่สามเนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่คำตอบที่ประชาชนต้องการหรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ขณะนี้กำลังรอฟังคำตอบใหม่กันอยู่ แต่ในส่วนของพรรคก็ปรับกันอยู่ตลอดเวลา และมีกิจกรรมเป็นระยะ ๆ อย่างที่เห็นกันอยู่

ยืนยันปชป.พร้อมเดินหน้า
เมื่อถามว่าเหนื่อยหรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่า เป็นธรรมดา จะบอกว่าไม่เหนื่อยก็คงไม่ได้ แต่จะเรียกว่าเหนื่อยเกินไปจนกระทั่งหมดกำลังใจกันแล้ว ก็ไม่ถึงขั้นนั้น และเท่าที่คุย ๆ กันอยู่ ทุกคนก็ยังเข้มแข็ง พร้อมจะเดินหน้าต่อไป

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีปัญหาความขัดแย้งระหว่างส.ส.ในพื้นที่ว่า ตนได้ทำความเข้าใจกับทั้งสองฝ่ายแล้ว และเห็นว่าความน้อยเนื้อต่ำใจที่มีกันอยู่บ้างถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่นายทวี สุระบาล ส.ส.ตรังของพรรคก็ยืนยันว่าจะยังอยู่กับพรรค และเรื่องที่บอกว่า หากได้เป็นรัฐมนตรีก็จะย้ายนั้น นายทวีได้บอกตนแล้วว่าพูดเล่นมากกว่า ส่วนส.ส.ภาคใต้ 4 คนที่มีชื่อว่าจะย้ายพรรคนั้น เห็นว่า มีชื่อไปอยู่บ่อย แต่พอถามไปก็ปฏิเสธกัน ทั้งนี้เห็นว่าช่วงนี้จะยังคงมีความชุลมุนระยะหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อถึงวันที่ 11 กรกฎาคม ก็คงชุลมุนกันใหญ่ ซึ่งตนก็กังวลว่าอาจจะทำให้ภาพของนักการเมืองโดยรวม ๆ อาจจะพลอยย่ำแย่ไปด้วย เพราะย้ายกันไปย้ายกันมา แต่เชื่อว่าหลังจากนี้อาจจะค่อย ๆ คลี่คลาย อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะวุ่นวายหนักขึ้น หรือคลี่คลายอย่างไร ภารกิจของเราก็คือ ต้องทำพรรคต่อไป โดยก้าวต่อไปของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะต้องทำ คือเตรียมการเลือกตั้ง เตรียมนโยบายที่จะประกาศเพิ่มเติม และออกสัมมนาหัวเมือง ทำกิจกรรมเดินสายตามแผนที่กำหนดไว้เดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยอมรับที่จะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคมหาชนแล้ว และคาดว่าจะลาออกจากสมาชิกพรรคประมาณสัปดาห์หน้า ทั้งนี้มีการจัดเตรียมนโยบายร่วมกับนายอรรคพลและนักวิชาการและกลุ่มองค์กรภาคประชาชนที่จะมาร่วมกันก่อตั้งพรรค ซึ่งขณะนี้นโยบายและยุทธศาสตร์พร้อมแล้วและสามารถเสนอต่อสาธารณชนได้ทันที เพียงแต่รอเวลาที่เหมาะสมอยู่ เนื่องจากหากประกาศในขณะนี้จะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและแยกไม่ออกระหว่างการย้ายพรรคเพื่อผลประโยชน์กับการสร้างพรรคการเมืองใหม่เพื่อเป็นทางเลือก

เผยนโยบายพรรคใหม่โดนใจ
รายงานข่าวแจ้งว่า นโยบายของพรรคมหาชนจะเป็นแนวนโยบายที่ชัดเจนและตอบปัญหาที่สังคมกำลังเผชิญอยู่ในทุกด้าน เช่น แนวการเมืองของโลกที่เปลี่ยนไปมาเป็นระบบล่าอาณานิคมแบบใหม่และมีรูปแบบของสงครามที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งพรรคจะมีนโยบายที่ชัดเจนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองระดับสากล เช่น ประกาศถอนทหารไทยออกจากอิรัก และนโยบายด้านเศรษฐกิจ การพนัน หรือการทำของนอกกฎหมายให้อยู่บนดิน ก็จะต้องทำให้เกิดความชัดเจนว่าไม่ส่งผลกระทบต่อความดีงามของสังคม โดยไม่เน้นเศรษฐกิจการพนันแต่เน้นเศรษฐกิจที่เป็นจริงโดยไม่พึ่งพาตัวเลขทางเศรษฐกิจหรือตลาดหลักทรัพย์เป็นหลัก แต่จะเป็นเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและนำกระแสพระราชดำรัสในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้อย่างถูกต้อง ส่วนนโยบายต่างประเทศ ก็จะลดระดับความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจ และหันมาเชื่อมความสัมพันธ์กับประเทศในโลกมุสลิมให้มากขึ้น นอกจากนี้จะมีแนวทางในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราที่ว่าด้วยการถ่วงดุลอำนาจระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติตามที่มีนักวิชาการหลายคนเสนอความเห็นก่อนหน้านี้ว่าจำเป็นต้องแก้ไข เช่น การกำหนดจำนวนส.ส.ในการตรวจสอบนายกรัฐมนตรี การให้ส.ส.ที่ไปเป็นรัฐมนตรี่ต้องสิ้นสุดสถานภาพการเป็นส.ส. และแก้ไขในส่วนที่จะไม่ทำให้รัฐบาลเข้มแข็งมากเกินไป เนื่องจากเห็นปัญหาจากรัฐบาลชุดนี้ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ โดยที่ฝ่ายนิติบัญญัติไม่สามารถทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหารได้อย่างเต็มที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท่ามกลางกระแสข่าวส.ส.ย้ายออกจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่ในช่วงเช้าวันที่ 2 ก.ค.นายดนัยฤทธิ์ วัชราภรณ์ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคไทยรักไทยได้เดินทางเข้าพบนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่นายดนัยฤทธิ์และนายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ พี่ชายจะย้ายมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ และล่าสุดผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการสำรวจส.ส.ในหลายพื้นที่เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าจะมีการย้ายจากพรรคจำนวนเท่าไร แต่เมื่อมีการสอบถามบุคคลที่ตกเป็นข่าวว่าจะย้ายพรรคต่างก็ยืนยันว่ายังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งผู้บริหารพรรคก็จะสอบถามเป็นรายบุคคลเพื่อรับทราบปัญหาของแต่ละคน เนื่องจากส.ส.ที่คิดย้ายพรรคมีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป เพราะบางคนมีปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ในการส่งตัวผู้สมัครที่ขัดแย้งกับสาขาพรรค แต่บางคนเป็นปัญหาหนี้สินส่วนตัว ซึ่งกรณีนี้คงไม่สามรถรั้งไว้ได้ แต่บางคนที่ถูกกดดันจากอำนาจรัฐก็ยังพยายามพูดคุยกันอยู่ ซึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือภาคกลาง โดยขณะนี้ชัดเจนที่จะย้ายแน่นอน 2 คน คือ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.สิงห์บุรี และนายเอกพจน์ ปานแย้ม ส.ส.ปทุมธานี ซึ่งทั้งสองคนจะย้ายไปสังกัดพรรคชาติไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า แม้จะมีส.ส.บางส่วนย้ายออกจากพรรค แต่ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ยังประเมินว่าไม่เกิน 20 คน จึงยังวางเป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะได้ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 150 คน โดยมั่นใจว่าจะได้ตามเป้าหมายและอาจได้มากกว่าที่วางเป้าหมายไว้ด้วย ส่วนนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ บุตรชายพล.ต.สนั่น และเป็นกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ด้วยจะยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ โดยไม่ย้ายไปสังกัดพรรคมหาชนที่บิดาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งพล.ต.สนั่นได้มีการฝากฝังนายศิริวัฒน์กับแกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ที่ใกล้ชิดกับพล.ต.สนั่นให้ช่วยดูแล เนื่องจากพล.ต.สนั่นยังรักพรรคประชาธิปัตย์อยู่และต้องการให้นายศิริวัฒน์อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับที่มาของพรรคทางเลือกที่ 3 ได้มีการหารือกันในช่วงปลายปี 2546 ที่ผ่านมา โดยมีนักวิชาการ กลุ่มเอ็นจีโอ ได้รับการทาบทามเชิญให้มาร่วมประชุมพร้อมกับนักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์หลายคน การหารือในช่วงต้นปี 2547 มีแนวโน้มที่นักวิชาการ เอ็นจีโอ หลายสายเห็นด้วยที่จะตั้งพรรคทางเลือกที่ 3 กระทั้งเกิดปัญหากรณี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ลาออกจากตำแหน่งประธานศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง โดยแนวคิดการตั้งพรรคเริ่มมีฝ่ายการเมืองเข้ามามีบทบาทมากเกินไป จนมีกลุ่มเอ็นจีโอและนักวิชาการสายเอ็นจีโอหลายคนถอนตัวออกไป ไม่ว่าจะเป็น นาสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อาจารย์สถาบันราชภัฎนครราชสีมา และกลุ่มเอ็นจีโอสายประชาธิปไตย โดยทั้งหมดจะออกมาจัดตั้งพรรคทางเลือกที่ 3 เป็นลักษณะพรรคกรีนส์ ในช่วงหลังเลือกตั้งครั้งหน้า ประมาณปีที่ 2 ของรัฐบาล โดยจะรวบรวมนักกิจกรรมและภาคประชาชนที่เคลื่อนไหว จนเป็นที่รู้จักมารวมกันตั้งพรรคการเมือง

ปูทางเอ็นจีโอร่วมทีม
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับพรรคมหาชนได้มีการหารือว่าจะมีความพยายามส่งส.ส.ให้ได้มากที่สุด และถ้าเป็นไปได้จะพยายามส่งให้ได้ 400 เขต เพื่อต้องการเก้าอี้ปาร์ตี้รีสให้ได้มากที่สดุ โดยแผนที่วางไว้ จะให้ฝ่ายข้าราชการในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดประมาณ 30-40 จังหวัด ช่วยเหลือ และพรรคมหาชนหวังจะได้เก้าอี้ส.ส.จากคะแนนจัดตั้ง ซึ่งเป็นข้าราชการในพื้นที่ สำหรับตัวบุคคลนั้นตจะได้ส่วนหนึ่งจะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และจากสมาชิกพรรคไทยรักไทย ที่พรรคไม่ส่งลงเลือกตั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มภาคอีสานกับภาคเหนือ ซึ่งจะมีปัญหาซ้อนในพื้นที่มาก ทำให้ผู้ที่ไม่ได้ลงสมัครสนใจมาอยู่ร่วมกับพรรคมหาชน ขณะเดียวกัน ตัวหัวหน้าพรรคก้อนหน้านี้ได้มีการทาบทามไว้ประมาณ 4 คน คือนายกล้านรงค์ จันทิก อดีตเลขาธิการ ปปช. นายอานันท์ ปัญยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี นายบันฑูร ล่ำซำ และนายสุเมธ ตันติเวชกุล ซึ่งทั้งหมดไม่มีใครตอบรับ ทำให้มีการเสนอชื่อนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค

ขณะนี้นักวิชาการที่จะมาร่วมกับพรรคมหาชน มีนายธีรภัทร เสรีรังสรรค์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช นายสมบัติ ธำรงค์ธัญวงศ์ อาจารย์คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนเดือนตุลาที่ไปอยู่ในฝั่งพรรคไทยรักไทยอีกจำนวนหนึ่ง อาทิ นายพีรพล ตริยะเกษม เป็นต้น ส่วนชื่อพรรคนั้นก่อนหน้านี้มีการหารือกันระหว่าง 3 ชื่อคือ1. พรรคประชาสังคม 2. พรรคประชาภิวัฒน์ และ3 พรรคมหาชน ซึ่งมีจข้อสรุปให้เลือกพรรคมหาชน
กำลังโหลดความคิดเห็น