ในสถานการณ์0107
คู้บอน คันนายาว
เป็นอีกคดีหนึ่งที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ระดมมือระดับพระกาฬมาร่วมกันสะสางคดีสังหารโหด นายเจริญ วัดอักษร แกนนำชาวบ้านกลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก...
พล.ต.ต.ยุทธนา ไทยภักดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เป็นหัวหน้าชุดคลี่คลายคดี..
พล.ต.ต.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นหัวหน้าชุดสอบสวน..
ยังมีนายตำรวจคนดังร่วมทีมคลี่คลายคดีนี้ในลักษณะ “ร่วมด้วยช่วยกัน” อาทิ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบก.ภ.ตราด , พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองอธิบดีกรมสอบสาวนคดีพิเศษ, พ.ต.อ.วินัย ทองสอง รองผบก.ป.,พ.ต.อ.ประยนต์ ลาเสือ รองผบก.ป. ช่วยราชการกรมสอบสาวนคดีพิเศษ, พ.ต.อ.เรวสัติ กลิ่นเกสร รองผบก.ตำรวจน้ำ ,พ.ต.อ.ไตรวิทย์ น้ำทองไทย ผกก.สส.ภ.7, พ.ต.ท.เจนกมล คำนวณ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจตำรวจป่าไม้ ฯลฯ
จากคืนวันที่ 21 มิ.ย. ถึงเย็นวันที่ 29 มิ.ย. รวมเวลา 8 วัน คดีมีความคืบหน้ามาแล้วเกือบครึ่งทาง เพราะสามามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 1 ราย คือ นายเสน่ห์ เหล็กล้วน วัย 41 ปี ได้ที่สำนักงานพิทักษ์ธรรมทนายความ กลางเมืองประจวบคีรีขันธ์..
บ้านสำนักวงานดังกล่าวเป็นของนายธนู หินแก้ว ทนายความ, อดีตผู้สมัครอบจ.เขต 3 อ.เมือง ประจวบฯ, อดีตผู้สมัครส.ส.ความหวังใหม่ เขต 1
และนายธนู หินแก้ว ยังเป็นลูกชายของ นายเจือ หินแก้ว อดีตตำบลกำนันบ่อนอก
“ผู้จัดรายการ รายวัน” ได้รายงานไว้อย่างชัดเจนในฉบับ 23 มิ.ย.47 ว่า นายเจือ หินแก้ว นั้นเป็นนายหน้า นักรวบที่ดินคนสำคัญในช่วงที่โรงไฟฟ้าบ่อนอก เริ่มนับหนึ่งหาพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ต.บ่อนอก
ขณะที่เป็นที่รับรู้กันว่า “กำนันเจือ” ยังมีสายสัมพันธ์อันดีกับผู้ปฏิบัติงาน – บริหารโรงไฟฟ้าบ่อนอก แห่งบริษัทกัลฟ์อิเลคทริก
ในการให้สัมภาษณ์ ต่างกรรมต่างวาระ แม้พล.ต.ต.ยุทธนา ไทยภักดี รองผบช.ภ.7 จะยอมรับว่า ที่ดิน สาธารณะคลองชายธง ต.บ่อนอก อ.บ่อนอก คือเงื่อนปมการสังหารนายเจริญ วัดอักษร แต่พล.ต.ต.ยุทธนาก็ไม่ได้ให้น้ำหนักอย่างชัดเจนว่า เป็น “ที่ดิน” ในกรณีใด !?
- ที่ดิน53 ไร่ที่มีผู้พยายามใช้สิทธิ์จากสค.1 ที่แสดงหลักฐานเพียง 6 ไร่ แต่ถูกกลุ่มนายเจริญ -กำนันฉอย ตันติวรธรรม กำนันต.บ่อนอก ในปัจจุบัน คัดค้าน และที่สุดสค.1 ฉบับดังกล่าวถูกเพิกถอนไปแล้ว
- ที่ดินคลองชายธงในภาพรวม 900 กว่าไร่ ที่กลุ่มทุนท้องถิ่น ผู้มีอิทธิพล พยายามยึดครอง.. แต่กลุ่มท้องถิ่นรักบ่อนอกที่นำโดยนายเจริญคัดค้าน ขัดขวาง ทุกวิถีทาง..
ล่าสุดเมื่อ 29 มิ.ย.47 ที่ผ่านมา กลุ่มท้องถิ่นรักบ่อนอก ออกแถลงการณ์เรื่องที่ดินฯ 900 กว่าไร่ ไว้อย่างน่าพิจารณา ตอนหนึ่งระบุว่า
“ในขั้นตอนของการรวมรวมเสนอตัวทำโครงการIPP กับกฟผ.นั้น โรงไฟฟ้าบ่อนอกนำที่ดินสาธารณะคลองชายธงไปผนวกเป็นส่วนหนึ่งของความพร้อมเรื่องพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินบ่อนอก และน่าแปลกที่โรงไฟฟ้าบ่อนอกก็ยังผ่านการคัดเลือกจากกฟผ. ให้เป็นผู้สร้างโรงไฟฟ้าIPP”
แถลงการณ์ตั้งข้อสังเกตว่า แม้โรงไฟฟ้าบ่อนอกกำลังบ่ายหน้าไปปลูกสร้างที่สระบุรี แต่ตราบใดที่ดินยังเป็นของบริษัทกัลฟ์ฯ โรงไฟฟ้าถ่านหินอาจฟื้นคืนชีพอีก..
“การที่เจริญ วัดอักษรพยายามคัดค้านการใช้ประโยชน์ และออกเอกสารสิทธิ์บนที่สาธารณะคลองชายธง เท่ากับช่วยดับฝัน ปิดประตูตายมิให้โรงไฟฟ้าถ่านหินล่อนอกกลับมาอีกอย่างถาวร เหตุที่ที่ดินแปลงนี้มีความจำเป็นต่อโรงไฟฟ้าบ่อนอก เพราะเป็นพื้นที่เชื่อมต่อให้โรงไฟฟ้าบ่อนอกสามารถออกทะเลได้ เพื่อใช้เป็นเส้นทางลำเลียงถ่านหิน และหล่อน้ำเย็นมาใช้ในโรงไฟฟ้าได้..”
นั่นคือความเห็นอย่างฟันธงของ “กลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก”
ถ้าการฟันธงของกลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอกถูกต้อง...เบื้องหลังและคำบงการสังหารเจริญ วัดอักษร ย่อมไม่ธรรมดา กรณีการขัดขวางการแปลงสค.1 เป็นโฉนด 53 ไร่ น่าจะเป็นเพียงรูปธรรมปลายเหตุ ที่ดูเหมือนจะแหลมคม แต่มิใช่เป็น “ที่มา”
เงื่อนงำของใครต่อใครหลายคนหรือ “บางคน” และธุรกรรมที่พันพัวกับ“ โรงไฟฟ้าถ่านหินบ่อนอก” ต่างหากที่คงจะถูกสืบสาวและย้อนรอย....
แม้ว่าเบื้องแรก...นายสมพงษ์ เหล็กล้วน ที่ถูกจับกุมปฏิเสธมิได้เป็นคนสังหาร เจริญ วัดอักษร...แต่เชื่อได้ว่านาทีนี้ตำรวจคงรีดข้อเท็จจริง นำมาจิ๊กซอร์ต่อภาพย้อนอดีตได้พอสมควร และเพียงพอที่จะออกหมายจับผู้ต้องหารายต่อๆ ไป รวมทั้งผู้บงการ...
คดีนี้มีสัญญาณมาค่อนข้างชัดเจนว่าต้องไม่จบแค่ “มือปืน” ... !!
คู้บอน คันนายาว
เป็นอีกคดีหนึ่งที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ระดมมือระดับพระกาฬมาร่วมกันสะสางคดีสังหารโหด นายเจริญ วัดอักษร แกนนำชาวบ้านกลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก...
พล.ต.ต.ยุทธนา ไทยภักดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เป็นหัวหน้าชุดคลี่คลายคดี..
พล.ต.ต.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นหัวหน้าชุดสอบสวน..
ยังมีนายตำรวจคนดังร่วมทีมคลี่คลายคดีนี้ในลักษณะ “ร่วมด้วยช่วยกัน” อาทิ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบก.ภ.ตราด , พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองอธิบดีกรมสอบสาวนคดีพิเศษ, พ.ต.อ.วินัย ทองสอง รองผบก.ป.,พ.ต.อ.ประยนต์ ลาเสือ รองผบก.ป. ช่วยราชการกรมสอบสาวนคดีพิเศษ, พ.ต.อ.เรวสัติ กลิ่นเกสร รองผบก.ตำรวจน้ำ ,พ.ต.อ.ไตรวิทย์ น้ำทองไทย ผกก.สส.ภ.7, พ.ต.ท.เจนกมล คำนวณ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจตำรวจป่าไม้ ฯลฯ
จากคืนวันที่ 21 มิ.ย. ถึงเย็นวันที่ 29 มิ.ย. รวมเวลา 8 วัน คดีมีความคืบหน้ามาแล้วเกือบครึ่งทาง เพราะสามามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 1 ราย คือ นายเสน่ห์ เหล็กล้วน วัย 41 ปี ได้ที่สำนักงานพิทักษ์ธรรมทนายความ กลางเมืองประจวบคีรีขันธ์..
บ้านสำนักวงานดังกล่าวเป็นของนายธนู หินแก้ว ทนายความ, อดีตผู้สมัครอบจ.เขต 3 อ.เมือง ประจวบฯ, อดีตผู้สมัครส.ส.ความหวังใหม่ เขต 1
และนายธนู หินแก้ว ยังเป็นลูกชายของ นายเจือ หินแก้ว อดีตตำบลกำนันบ่อนอก
“ผู้จัดรายการ รายวัน” ได้รายงานไว้อย่างชัดเจนในฉบับ 23 มิ.ย.47 ว่า นายเจือ หินแก้ว นั้นเป็นนายหน้า นักรวบที่ดินคนสำคัญในช่วงที่โรงไฟฟ้าบ่อนอก เริ่มนับหนึ่งหาพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ต.บ่อนอก
ขณะที่เป็นที่รับรู้กันว่า “กำนันเจือ” ยังมีสายสัมพันธ์อันดีกับผู้ปฏิบัติงาน – บริหารโรงไฟฟ้าบ่อนอก แห่งบริษัทกัลฟ์อิเลคทริก
ในการให้สัมภาษณ์ ต่างกรรมต่างวาระ แม้พล.ต.ต.ยุทธนา ไทยภักดี รองผบช.ภ.7 จะยอมรับว่า ที่ดิน สาธารณะคลองชายธง ต.บ่อนอก อ.บ่อนอก คือเงื่อนปมการสังหารนายเจริญ วัดอักษร แต่พล.ต.ต.ยุทธนาก็ไม่ได้ให้น้ำหนักอย่างชัดเจนว่า เป็น “ที่ดิน” ในกรณีใด !?
- ที่ดิน53 ไร่ที่มีผู้พยายามใช้สิทธิ์จากสค.1 ที่แสดงหลักฐานเพียง 6 ไร่ แต่ถูกกลุ่มนายเจริญ -กำนันฉอย ตันติวรธรรม กำนันต.บ่อนอก ในปัจจุบัน คัดค้าน และที่สุดสค.1 ฉบับดังกล่าวถูกเพิกถอนไปแล้ว
- ที่ดินคลองชายธงในภาพรวม 900 กว่าไร่ ที่กลุ่มทุนท้องถิ่น ผู้มีอิทธิพล พยายามยึดครอง.. แต่กลุ่มท้องถิ่นรักบ่อนอกที่นำโดยนายเจริญคัดค้าน ขัดขวาง ทุกวิถีทาง..
ล่าสุดเมื่อ 29 มิ.ย.47 ที่ผ่านมา กลุ่มท้องถิ่นรักบ่อนอก ออกแถลงการณ์เรื่องที่ดินฯ 900 กว่าไร่ ไว้อย่างน่าพิจารณา ตอนหนึ่งระบุว่า
“ในขั้นตอนของการรวมรวมเสนอตัวทำโครงการIPP กับกฟผ.นั้น โรงไฟฟ้าบ่อนอกนำที่ดินสาธารณะคลองชายธงไปผนวกเป็นส่วนหนึ่งของความพร้อมเรื่องพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินบ่อนอก และน่าแปลกที่โรงไฟฟ้าบ่อนอกก็ยังผ่านการคัดเลือกจากกฟผ. ให้เป็นผู้สร้างโรงไฟฟ้าIPP”
แถลงการณ์ตั้งข้อสังเกตว่า แม้โรงไฟฟ้าบ่อนอกกำลังบ่ายหน้าไปปลูกสร้างที่สระบุรี แต่ตราบใดที่ดินยังเป็นของบริษัทกัลฟ์ฯ โรงไฟฟ้าถ่านหินอาจฟื้นคืนชีพอีก..
“การที่เจริญ วัดอักษรพยายามคัดค้านการใช้ประโยชน์ และออกเอกสารสิทธิ์บนที่สาธารณะคลองชายธง เท่ากับช่วยดับฝัน ปิดประตูตายมิให้โรงไฟฟ้าถ่านหินล่อนอกกลับมาอีกอย่างถาวร เหตุที่ที่ดินแปลงนี้มีความจำเป็นต่อโรงไฟฟ้าบ่อนอก เพราะเป็นพื้นที่เชื่อมต่อให้โรงไฟฟ้าบ่อนอกสามารถออกทะเลได้ เพื่อใช้เป็นเส้นทางลำเลียงถ่านหิน และหล่อน้ำเย็นมาใช้ในโรงไฟฟ้าได้..”
นั่นคือความเห็นอย่างฟันธงของ “กลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก”
ถ้าการฟันธงของกลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอกถูกต้อง...เบื้องหลังและคำบงการสังหารเจริญ วัดอักษร ย่อมไม่ธรรมดา กรณีการขัดขวางการแปลงสค.1 เป็นโฉนด 53 ไร่ น่าจะเป็นเพียงรูปธรรมปลายเหตุ ที่ดูเหมือนจะแหลมคม แต่มิใช่เป็น “ที่มา”
เงื่อนงำของใครต่อใครหลายคนหรือ “บางคน” และธุรกรรมที่พันพัวกับ“ โรงไฟฟ้าถ่านหินบ่อนอก” ต่างหากที่คงจะถูกสืบสาวและย้อนรอย....
แม้ว่าเบื้องแรก...นายสมพงษ์ เหล็กล้วน ที่ถูกจับกุมปฏิเสธมิได้เป็นคนสังหาร เจริญ วัดอักษร...แต่เชื่อได้ว่านาทีนี้ตำรวจคงรีดข้อเท็จจริง นำมาจิ๊กซอร์ต่อภาพย้อนอดีตได้พอสมควร และเพียงพอที่จะออกหมายจับผู้ต้องหารายต่อๆ ไป รวมทั้งผู้บงการ...
คดีนี้มีสัญญาณมาค่อนข้างชัดเจนว่าต้องไม่จบแค่ “มือปืน” ... !!