ทั้งๆ ที่เพิ่งถูกทางการญี่ปุ่นมอบอิสรภาพให้ได้ไม่พ้นวัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าชาวไทยรายหนึ่งจะกล้าหาญชาญชัยกระทำการซ้ำซ้อนจนแม้แต่เจ้าหน้าที่ศุลกากรของสนามบินสุวรรณภูมิยังอึ้งกิมกี่ เมื่อเครื่องสแกนตรวจสอบกระเป๋าใบหนึ่งเจอวัตถุต้องสงสัยบรรจุด้วยสิ่งของต้องห้ามที่ชาวไทยรายหนึ่งสะพายไหล่ลงมาจากเครื่องขาเข้าเมือง จนต้องกักตัวชั่วคราวเพื่อตรวจสอบกระเป๋าต้นเหตุ
เจ้าหน้าที่: “ท่านครับ ท่านยังไม่เข็ดหลาบอีกรึ”
ชายคนเดิม: “อ้ะ! ผมทำผิดอะไร คุณทำแบบนี้กับผมไม่ได้ ไม่รู้จริงๆ เรอะว่าผมเป็นใคร ใครเป็นพี่ผม”
เจ้าหน้าที่: “แน่นอนครับ พวกเราทุกคนรู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ไม่ได้หมายความว่าท่านจะหิ้วซามูไรติดตัวขึ้นเครื่องบินได้นะครับ ดูสิ ซามูไรโบราณเล่มเบ้อเริ่มเทิ่มซะด้วย”
ชายคนเดิม: “อ่ะโด้! ไอ้น้อง นึกว่าเรื่องอะไร เฮ้ย! เราคนไทยหยวนๆ กันน่า ขนาดพกปืนทางการญี่ปุ่นยังไม่ถือสาหาความกับพี่ นี่บ้านเกิดเมืองนอนเราเองแท้ๆ แล้วที่สำคัญไม่ใช่เป็นหนแรกที่พี่ทำ ใช่มะ แหมรู้ๆ กันอยู่ แบกซามูไรขึ้นเครื่องแค่นี้ขี้ปะติ๋วจะตาย”
เจ้าหน้าที่: “ไม่ได้หรอกครับท่าน นักข่าวรู้เอาผมตาย เจ้านายก็สั่งเข้ม ห้ามให้คลาดสายตา เข็มเล่มเดียวก็ห้ามปล่อยเล็ดลอด”
ชายคนเดิม: “เออ! เอางี้ น้องก็บอกไปสิว่านี่มันเครื่องมือฝังเข็มของพี่ สื่อรู้กันทั้งนั้น พี่เชี่ยวชาญเรื่องฝังเข็ม”
เจ้าหน้าที่: “โหทั่น! มันซามูไรชัดๆ แหกตานักข่าวไม่ได้หรอกครับ ยังไงคราวนี้ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน”
ชายคนเดิม: “ขั้นตงขั้นตอนอะไร ที่นาริตะเค้ายังปล่อยให้พี่แบกขึ้นเครื่องมาได้ เสียเวลาเปล่าๆ น่า...(มีเสียงเหมือนยื้อยุดกันราว 3 นาที หลังจากนั้นกล้องวงจรปิดเกิดชำรุดกะทันหัน)