สมาคมแม่บ้าน ทหารบก - คำโบราณยังฉมัง “เมียทหารนับขวด เมียตำรวจนับแบงก์” ทุกยุคทุกสมัยใช้การได้เสมอ ล่าสุด ศรีภริยา “บิ๊กสีเขียว” แอ่นอกเหี่ยวๆ ยืนยันเองกับปาก “ทุกวันนี้เมียทหารยังนับขวดอยู่” เหมียนเดิมเปี๊ยบ ผิดก็แต่ขวดที่นับจนมือเป็นระวิงเป็นขวดไวน์ สนนราคาคิดถั่วเฉลี่ยง่ายๆ ขวดละ 1 แสนบาทถ้วน
คำโบราณว่าไว้ “เมียทหารนับขวด เมียตำรวจนับแบงก์” โดยต้นสายปลายเหตุน่าจะมาจากการที่ทหารส่วนใหญ่ชอบสวาปามสุรา ทั้งๆ ที่เงินเดือนที่ได้รับเมื่อเทียบกับตำรวจก็น่าจะต่างกันพอควร ยิ่งคนสีกากีมักมีช่องทางหาเงินทั้งในที่ลับกับที่แจ้ง ก็ยิ่งส่งผลให้ภรรยาตำรวจส่วนใหญ่ยกระดับตัวเองเป็นคุณนายที่นั่งนับแบงก์จน ปวดมือ ตรงกันข้ามกับฝ่ายเมียทหาร ที่ต้องเอาขวดเหล้ามานับแทนเงิน
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน หลายคนไม่แน่ใจว่าคำโบราณที่ว่านี้ยังขลังเหมือนในอดีตหรือไม่ จึงพยายามควานหาเหตุผลสุดท้ายมาอ้างอิง โดยล่าสุด มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของบรรดารัฐมนตรี รวมทั้ง สนช. และ สปช. จึงพบว่า ตำรวจระดับสูงส่วนใหญ่ยังคงมีเงินเก็บในธนาคารมากมาย หลายคนเป็นตำรวจโดยอาชีพ ครอบครัวดั้งเดิมก็หาใช่มหาเศรษฐี กระนั้นกลับมีเงินสดๆ เกือบ 1 พันล้านบาท จึงพอสรุปได้เป็นอย่างดีว่าคำที่ระบุว่า “เป็นเมียตำรวจนับแบงก์” ยังคงเป็นความจริงวันยังค่ำ
ส่วนเหล่าทหารหาญที่เปลี่ยนเส้นทางมาสู่การเมือง เมื่อเปิดบัญชีทรัยพ์สินออกมาแล้ว แม้จะมีเงินสดจำนวนมาก หากก็ยังไม่เทียบเท่ากับตำรวจอยู่ดี ท้ายที่สุดหลายคนที่สนใจในประเด็นนี้จึงฟังธงโชะว่า “เมียทหารนับขวด” จริงๆ ไม่เปลี่ยนแปลง
ที่สำคัญเมื่อผู้จัดกวนสอบถามโดยตรงไปยังศรีภริยาทหารระดับนายพลคนหนึ่ง ได้รับการเปิดปากบอกแบบไม่กระมิดกระเมี้ยนว่า “ทุกวันนี้เมียทหารยังคงนับขวดตามที่โบราณว่าไว้ ผิดนิดเดียวที่เป็นขวดไวน์ สนนราคาไม่มากไม่มาย แค่ขวดละแสนสองแสนเท่านั้นเอง อย่างดิฉันเนี่ยนับทุกวัน เพราะสามีแขกเยอะ พรรคพวกเพื่อนฝูงก็มาก บางวันอิชั้นนับได้เป็นลังๆ อิอิอิ ปล่อยให้เมียตำรวจเขาโอ่เงินถุงเงินถังไปเถอะ เรามันมีผัวขี้เอา เอ้ย! ขี้เมา ถึงจะเสียไปกับถั่งเช่า ก็ต้องก้มหน้าทน 555” คุณน้ำ คุณนายรายหนึ่งจีบปากจีบคอสาธยาย