ถ้าโลกหล้าเต็มไปด้วยความสับสนอันเนื่องมาจากคน ยุทธภพกลับเปี่ยมไปด้วยความวกวนมากกว่า เนื่องเพราะคนที่อยู่ในยุทธภพหาใช่คนปกติธรรมดา ทว่าทุกผู้ทุกนามล้วนเป็นยอดยุทธ์ ต่างเป็นจอมฝีมือที่หมายสถาปนาตัวเองเพื่อเป็นหนึ่งแห่งแผ่นดิน
ยุทธภพอุบัติขึ้นมาเมื่อใดมิมีใครทราบ การสัประยุทธ์เพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งไม่มีสองของยุทธจักรต้องหักล้างกันอย่างไร? เป็นผู้ใดพ่าย? เป็นผู้ใดชนะ? คงยากที่จะมีใครจดจำได้ครบถ้วนกระบวนความ
ยกเว้นจอมยุทธ์ที่เคยผลักพาตัวเองเข้าไปสู่การสัประยุทธ์อันน่าสะท้านสะเทือนใจในคราหนึ่งคราใดของแผ่นดินเท่านั้น
เช่นเดียวกับบุรุษผู้นี้ ทอดสายตาไปทั่วสิบทิศ ว่ากันว่าถ้าเป็นบรรดายอดฝีมือด้วยกันคงมิมีผู้ใดไม่รู้จักเขา ยิ่งต้องไร้ผู้คนที่มิเคยได้ยินนามอันลือลั่นของเขา
เสียดายก็แต่ นี่เป็นเรื่องราวในอดีต หาใช่ห้วงยามปัจจุบัน เพราะทุกวันนี้เขาเก็บงำความทรงจำที่ครั้งหนึ่งเคยชักนำตัวเองโลดโผนโจนทะยานไปทั่วยุทธภพ กระทั่งประสบกับเรื่องราวหนึ่งซึ่งทำให้เขาต้องเร้นกายหายออกมาอยู่นอกดงด่าน ถึงกับแทบไม่ยินยอมเกี่ยวข้องพ้องพานกับเหตุการณ์อันอุบัติขึ้นในยุทธภพอีกเลย
ตราบจนช่วงนี้ยามนี้ เรื่องราวความเหิมเกริมของประมุขวังจันส่องหล้าที่โถมทะลักออกมาสู่ความรับรู้ของเหล่าชาวยุทธ์ ถึงกับฉุดรั้งความรู้สึกนึกคิดให้เขาต้องเฝ้าติดตามแต่ละก้าวย่างของผู้ที่มีนามว่าฑักษ์ทมิฬ
ปฐมบทแรกที่ฑักษ์ทมิฬฝึกปรือวิชาคลื่นคือสินทรัพย์สำเร็จ เขาผู้นี้ยินดีกับยอดฝีมือที่พยายามฝึกปรือจนฝากชื่อไว้กับยุทธภพ แต่เมื่อประมุขแห่งวังจันส่องหล้าสมคบกับประดาเมธีฝ่ายซ้าย จนกลายเป็นสุดยอดของขุมพลังวิชาที่เรียกว่ารากหญ้าผนึกเมธี เขาผู้นี้กลับกริ่งเกรงว่า ฑักษ์ทมิฬหาใช่เพียงแต่คิดเป็นหนึ่งไม่มีสองของแผ่นดินเท่านั้น ทว่ามันยังวางหมากกลที่ซับซ้อนเพื่อส่งพาตัวมันเองให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากไปเสียกว่า
ด้วยเคยผ่านการท่องยุทธภพมา เขาจึงมองทะลุปรุโปร่งว่าการที่ฑักษ์ทมิฬคิดจะเป็นยอดยุทธ์ไร้เทียมทานแห่งแผ่นดิน มิใช่เป็นเพราะต้องการกอบกู้ยุทธภพที่จมอยู่ในความยากแค้นแสนเข็ญอย่างที่มันกล่าวอ้าง หากแต่นี่กลับเป็นอุบายอันจะส่งพาให้มันเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กล่าวคือ ฑักษ์ทมิฬกำลังหมายใจจะถือครองโลกหล้า
กว่าที่เขาจะตัดสินใจชักพาตัวเองหวนคืนสู่ยุทธภพอีกครั้ง สุดยอดวิชาขั้นที่สามอันมีนามว่า ธนบัตรนับคณา ก็ผ่านการเพ่งภาวนาจนสำเร็จเสร็จสิ้น
ถึงห้วงยามนี้ ฑักษ์ทมิฬใช้แต่ละสรรพวิชายวนใจและหลอนจิตผู้คนเกือบครึ่งหนึ่งของแผ่นดินให้น้อมศีรษะคุกเข่าคำนับมันราวกับเป็นบรรพบุรุษ แม้แต่บรรดายอดยุทธ์กว่าครึ่งค่อนของดงด่าน รวมทั้งบางผู้คนของทางการก็ยังถอดดวงวิญญาณมอบไว้ใต้ฝ่าเท้าของมัน
ดังนั้น เขายินยอมเก็บงำตัวเองไว้โดยเงียบงันอีกต่อไปมิได้ แม้วางดาบไม่จับกระบี่มาเนิ่นนานหลายเพลาเพียงใด ทว่าที่สุดยอดยุทธ์ผู้นับถือศรัทธาธรรมะหรือจะทนเห็นยุทธภพตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเหล่าอธรรม ยิ่งทนไม่ได้ที่ต้องปล่อยให้โลกหล้าถูกยึดครองโดยจอมมาร
เขาแม้ดับดิ้นสิ้นชื่ออย่างไรมิอาจไม่ฝ่าออกจากประตูบ้านเพื่อด้นดั้นเข้าสู่ดงด่านอีกคำรบหนึ่งได้
ครั้งหนึ่งในการสัประยุทธ์เขาคือผู้พ่าย หากนั่นมันเป็นการสัประยุทธ์เพื่อรักษาเลือดเนื้อ เกียรติยศ และศักดิ์ศรีของตัวเอง แต่การกลับคืนสู่ดงด่านในวันนี้มีความหมายมากมายยิ่งกว่านั้นหลายร้อยหลายพันเท่า
เขาจึงตัดสินใจ...แม้ตายยังต้องไป แต่ไม่ยินยอมค้อมใจให้ฑักษ์ทมิฬถือครองแผ่นดินและยึดครองโลกหล้าได้อย่างเด็ดขาด
อา! น่าตกใจกระไรเช่นนั้น? เขาฟั่นเฟือนไปแล้วกระมัง?
ด้วยเพราะกระทั่งเข็มสักเล่มเขายังมิฉวยติดตัวไป ไฉนเขาจะประมือกับสุดยอดขุมพลังของประมุขแห่งวังจันส่องหล้าได้?
ไยเขาจะต้านทานกับบริวารมากหลายที่สยบยอมพร้อมพลีใจให้ฑักษ์ทมิฬได้?
บางทีอาจมิใช่ฟั่นเฟือน หากแต่เขาสติวิปลาสไปแล้ว?!?
หรือไม่ใช่ฟั่นเฟือนวิปลาส เนื่องเพราะอาวุธของเขาอยู่ที่ใจ ศาสตราที่น่ากลัวของเขาอยู่ที่สติปัญญา
เนื่องจากว่าเขาผู้นี้คือ...
(โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้)