เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 26 ธ.ค.2568 ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปกร เปิดเผยในศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ไม่ควรมีโบราณสถานที่ใดในโลกนี้ ต้องถูกทำลายเพราะสงคราม ซึ่งนานาประเทศจึงมีข้อตกลงร่วมกันว่า จะไม่มีการใช้โบราณสถาณเป็นที่มั่น หรือที่ตั้งกองกำลังปฏิบัติการทางทหาร โดยมีหลักฐานเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดกติกาสากลดังกล่าว ที่ใช้ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ เป็นที่ปฏิบัติการทางทหาร และสะสมอาวุธ รวมถึงวางทุ่นระเบิด โดยผลจากสงครามครั้งนี้ ทำให้ปราสาทตาควาย ได้รับความเสียหาย
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า สำหรับความเสียหายปราสาทตาควาย ขอย้ำว่า กรมศิลปากรสามารถบูรณะได้ พร้อมเปรียบเทียบกับเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ประเทศไทยเคยสูญเสียพระธาตุพนม จากภัยธรรมชาติ ส่งผลให้พระธาตุพนมพังลงมา กรมศิลปากรก็สามารถบูรณะให้องค์พระธาตุฯ กลับมามีความมั่นคงแข็งแรง และสวยงามได้
โดยการบูรณะปราสาทตาควายนั้น มีข้อจำกัดเพียง 2 ข้อ คือ 1. กรมศิลปากรไม่มีอำนาจบูรณะโบราณสถาณนอกประเทศ เพราะฉะนั้นการบูรณะปราสาทตาควายจะทำได้ก็ต่อเมื่อตั้งอยู่ในอาณาจักรประเทศไทย และก่อนจะไปถึงวันนั้นกองทัพ ต้องเสียสละปักธงไตรรงค์ บนพื้นที่ของปราสาทตาควายให้ได้ ซึ่งเมื่อไหร่ที่ธงไตรรงค์โบกสะบัด กรมศิลปากรก็พร้อมเข้าไปบูรณะ 2. เรามีเทคโนโลยีเฉพาะในการบูรณะโบราณสถาน ซึ่งเราสามารถบูรณะโบราณสถานที่เสียหายให้กับมาสู่สภาพเดิมได้ แต่เราไม่มีเทคโนโลยีในการชุบชีวิตคน เพราะฉะนั้นขอให้ประชาชนแยกความสูญเสียว่า ความสูญเสียที่กอบกู้ได้คือ โบราณสถาณ แต่ความสูญเสียที่ไม่อาจจะกอบกู้ได้ คือ ชีวิตทหารที่ต้องเสียไป ดังนั้นจะทำอย่างไรเพื่อให้เหตุการณ์นี้ยุติโดยเร็ว ซึ่งหากปฏิบัติการของทหารสิ้นสุดเมื่อไหร่ ปฏิบัติการของกรมศิลปากรก็สามารถเริ่มต้นได้เมื่อนั้น โดยนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ต้องการให้กรมศิลปากร ทำการสำรวจโบราณสถาณตามแนวชายแดนทั้งหมด ซึ่งตามแนวชายแดนภาคอีสานมีไม่ต่ำกว่า 30 แห่ง และเท่ากับว่า สงครามในครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดความตื่นตัว ในการที่จะรักษา และบูรณะโบราณสถาณของชาติเอาไว้
อธิบดีกรมศิลปากร ย้ำว่า ขีดความสามารถของกรมศิลปากร มีเพียงพอที่จะบูรณะโบราณสถาณ ที่เสียหายจากสงครามครั้งนี้ ซึ่งก็ขอภาวนาให้เหตุการณ์ดังกล่าวสิ้นสุดโดยเร็ว และหากบูรณะปราสาทตาควายแล้วเสร็จ จะเป็นเครื่องเตือนใจ ให้นึกถึง 2. เรื่องต่อไปว่า 1. สงครามนั้นไม่ได้สร้างผลประโยชน์กับใคร ที่ทำลายทั้งชีวิต และโบราณสถาน ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ 2. ประเทศไทยไม่มีวันยอมแพ้ และจะไม่แพ้ ตราบใดที่เรายังอยู่ ทุกอย่างเราจะซ่อม จะทำ เพราะบางทีความสวยงามของโบราณสถานนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความพร้อมทั้งหมด ซึ่งกรุงสุโขทัย หรืออยุธยา ที่เคยได้รับความเสียหายจากสงคราม จึงได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก
อธิบดีกรมศิลปากร ขอย้ำว่า กรมศิลปากรมีหน้าที่ดูแลโบราณสถาณทั่วประเทศ และตนไม่เคยยั่วยุให้มีการทำลายโบราณสถานแต่อย่างใด ซึ่งตนเชื่อมั่นในกองทัพ และทหารไทยว่า ทำให้เสียหายน้อยที่สุดตามความจำเป็น เพราะหากทหารได้เลือกอาวุธที่หนักกว่านี้ปราสาทตาควาย อาจจะพังลงมากกว่านี้ และจะเป็นภารกิจยุ่งยาก ซับซ้อน ของกรมศิลปากร และขอยืนยันว่า กลุ่มศิลปากร มีหน้าที่รักษา ไม่ใช่ทำลาย


