กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง จัดงานมอบ “รางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2568” ในวันที่
25 ธันวาคม 2568 เป็นการจัดงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 17 ภายใต้แนวคิด “ทุนหมุนเวียน สร้างรอยยิ้มให้คนไทย”
เพื่อแสดงถึงบทบาทสำคัญของทุนหมุนเวียนในการขับเคลื่อนประเทศ โดยมีนายปิ่นสาย สุรัสวงดี รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน เป็นประธานมอบรางวัล ณ ห้องแซฟไฟร์ 204-205 อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี
นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยภายหลังพิธีมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2568 ว่า กรมบัญชีกลางได้ให้ความสำคัญในการกำกับดูแลทุนหมุนเวียนเป็นอย่างมาก จึงได้กำหนดให้มีการประเมินผลการดำเนินงานหมุนเวียนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ทุนหมุนเวียนพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพ สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนในการพัฒนาประเทศ ตลอดจนเพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพการบริหารจัดการทุนหมุนเวียนให้เป็นองค์กรที่มีความเข้มแข็งและตอบสนองความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน
ทั้งนี้ การตัดสินรางวัลดำเนินการโดยคณะอนุกรรมการตัดสินรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่นที่ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่าง ๆ กำหนดประเภทรางวัล จำนวนรางวัล และกรอบหลักเกณฑ์การตัดสินรางวัล ประจำปี 2568 จากการพิจารณาผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2567 จำนวนทั้งสิ้น 5 ประเภทรางวัล ทุนหมุนเวียนที่เข้ารับการประเมินผลการดำเนินงานจากกรมบัญชีกลาง จำนวน 99 ทุนหมุนเวียน และมีทุนหมุนเวียนที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้จำนวนทั้งสิ้น 10 รางวัล
จาก 8 ทุนหมุนเวียน ดังนี้
1. รางวัลผลการดำเนินงานดีเด่น เป็นรางวัลสำหรับทุนหมุนเวียนที่มีผลการดำเนินงานโดยรวมดีเด่น
ซึ่งสามารถดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการที่กำหนดไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล บรรลุเป้าหมายตามภารกิจ และพิจารณาจากเกณฑ์การประเมินผลคะแนนในภาพรวมตามกลุ่มภารกิจการดำเนินงาน และมีคะแนนไม่น้อยกว่า
ปีที่ผ่านมา ซึ่งในปี 2568 มีทุนหมุนเวียนที่ได้รับรางวัล ได้แก่ ประเภทกลุ่มที่มีภารกิจการดำเนินงานไม่ซับซ้อน กองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ได้รับรางวัล
2. รางวัลประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการดีเด่น เป็นรางวัลสำหรับทุนหมุนเวียนที่มีการบริหารจัดการ
และปรับปรุงองค์กรที่ครอบคลุมตามกรอบการประเมินด้านการบริหารจัดการทุนหมุนเวียน และด้านการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริหาร ผู้บริหารทุนหมุนเวียน พนักงานและลูกจ้าง ซึ่งพิจารณาจากเกณฑ์การประเมินผลคะแนนรวมด้านการบริหารจัดการทุนหมุนเวียนและด้านการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริหาร ผู้บริหารทุนหมุนเวียน พนักงาน
และลูกจ้าง ที่มีผลคะแนนมากกว่า 4 คะแนน และไม่ต่ำกว่าปีบัญชีก่อนหน้า ซึ่งในปี 2568 ประเภททุนหมุนเวียน ที่อยู่ระหว่างพัฒนาการบริหารจัดการและใช้หน่วยงานตรวจสอบภายในจากหน่วยงานต้นสังกัด ได้รับรางวัล จำนวน 4 ทุนหมุนเวียน ได้แก่ กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม กองทุนสิ่งแวดล้อม เงินทุนหมุนเวียนค่าเครื่องจักรกลของกรมทางหลวง และเงินทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยาน
3. รางวัลการพัฒนาดีเด่น เป็นรางวัลสำหรับทุนหมุนเวียนที่มีการพัฒนา และปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงานตามเป้าหมายหรือมาตรฐานที่กำหนดไว้ให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพิจารณาจากเกณฑ์การประเมินผลคะแนนในภาพรวมที่มีคะแนนมากกว่า 4 คะแนน และมีผลต่างคะแนนย้อนหลัง 2 ปีเป็นบวก ซึ่งในปี 2568 ประเภทกลุ่มที่มีภารกิจการดำเนินงานครอบคลุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นส่วนใหญ่และครอบคลุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นบางกลุ่ม เงินทุนหมุนเวียนยาเสพติด ได้รับรางวัล สำหรับประเภทกลุ่มที่มีภารกิจการดำเนินงานไม่ซับซ้อนได้รับรางวัล จำนวน 2 ทุนหมุนเวียน ได้แก่ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกู้ยืมเพื่อชำระหนี้สิน และเงินทุนหมุนเวียนการสังคีต
4. รางวัลผู้บริหารทุนหมุนเวียนดีเด่น เป็นรางวัลที่ยกย่องผู้บริหารทุนหมุนเวียนที่บริหารจัดการทุนหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล บรรลุตามเป้าหมาย หรือตามมาตรฐานที่กำหนดได้ในระดับดีขึ้นไป ซึ่งเกณฑ์การประเมินผลพิจารณาจากผู้บริหารทุนหมุนเวียนที่ได้รับรางวัลผลการดำเนินงานดีเด่นหรือรางวัลการพัฒนาดีเด่น
โดยอยู่ในตำแหน่งอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งในปี 2568 ได้รับรางวัล จำนวน 2 ทุนหมุนเวียน ได้แก่ นายลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา จากเงินทุนหมุนเวียนการสังคีต และนางรุ่งรัตน์ ชูชื่อ จากเงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกู้ยืมเพื่อชำระหนี้สิน
ทั้งนี้ รางวัลเกียรติยศ ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับทุนหมุนเวียนที่ได้รับรางวัลผลการดำเนินงานในระดับดีเด่น
อย่างต่อเนื่อง 3 ปี ไม่มีทุนหมุนเวียนผ่านเกณฑ์การพิจารณาในปีนี้
“การมอบรางวัลในครั้งนี้ มุ่งหวังให้เกิดการยกระดับประสิทธิผลของการดำเนินงานทุนหมุนเวียนให้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ โดยการส่งเสริมและผลักดันการกระตุ้นเศรษฐกิจ ควบคู่กับการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สนับสนุนการพึ่งพาตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนส่งเสริมการกระจายรายได้อย่างทั่วถึงในทุกภาคส่วน อันจะนำไปสู่การสร้างความสุข ความมั่นคง และรอยยิ้ม ที่ยั่งยืนให้แก่สังคมไทยสืบไป” อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าวปิดท้าย


