แพทย์ประจำบ้าน ได้รวมตัวกันเปิดโปงอาจารย์ศัลยแพทย์ 2 ท่าน โดยท่านหนึ่งถูกกล่าวหาว่า ใช้ความรุนแรง ทำร้ายร่างกายและจิตใจ ลูกศิษย์อย่างต่อเนื่องจนหลายคนกลัวอนาคตการเรียน และอีกท่านหนึ่งถูกกล่าวหาว่า ใช้ผลประโยชน์และขูดรีดคนไข้ โดยกดดันให้คนไข้ต้องหาเงินจำนวนมาก เพื่อจ่ายค่าอุปกรณ์ผ่าตัด แลกกับการได้คิวผ่าตัดที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งการเปิดโปงเริ่มต้นขึ้นหลังมีเหตุการณ์ที่อาจารย์ยกเลิกผ่าตัดคนไข้ที่ไม่มีเงินจ่ายกลางห้องผ่าตัด แพทย์ประจำบ้านได้ส่งจดหมายร้องเรียนตรงถึงราชวิทยาลัยศัลยแพทย์ฯ หลังจากร้องเรียนภายในแล้วไม่เป็นผล ปัจจุบันโรงเรียนแพทย์ต้นเรื่องได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว แต่มีการเรียกร้องให้คุ้มครองแพทย์ประจำบ้านอย่างเป็นธรรม
วันนี้ (13 ธ.ค.) “นพ.ฒัชชณพงศ์ จงเจริญยานนท์” ออกมาโพสต์ข้อความสรุปดราม่าอาจารย์ศัลยแพทย์ 2 ท่าน จากโรงเรียนแพทย์ถูกเปิดโปงโดยแพทย์ประจำบ้าน ซึ่งเป็นแพทย์ที่เรียนจบและมีใบประกอบวิชาชีพแล้ว แต่กำลังเรียนต่อเฉพาะทาง โดยมีอาจารย์แพทย์เป็นผู้ประเมินชี้ชะตาอนาคต ได้รวมตัวกันเปิดโปงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนแพทย์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รับรู้กันในสังคมแพทย์ แต่ไม่เคยมีใครกล้าพูดในที่สาธารณะ โดย นพ.ฒัชชณพงศ์ ได้โพสต์ข้อความลงในเพจ "หมอม็อด หมอเด็กขอเล่า" โดยสามารถสรุปได้ว่า
"ประเด็นหลักในข้อกล่าวหา
การร้องเรียนมุ่งเป้าไปที่อาจารย์ศัลยแพทย์ 2 ท่าน โดยมี 2 ประเด็นหลักคือ
อาจารย์ท่านที่หนึ่ง ถูกกล่าวหาว่า ใช้กำลัง, ข่มขู่, และทำร้ายร่างกาย นักเรียนแพทย์และแพทย์ประจำบ้านทั้งทางวาจาและร่างกายหลายครั้ง เช่น การกระชากคอเสื้อ ใช้คำหยาบคาย และใช้ถ้อยคำทำร้ายจิตใจ ซึ่งแพทย์ประจำบ้านไม่กล้าเอาเรื่องเพราะกลัวถูกกลั่นแกล้งจน "เรียนไม่จบ"
อาจารย์ท่านที่สอง ถูกกล่าวหาว่า ใช้ผลประโยชน์จากคนไข้ โดยการต้องการเพิ่มเคส การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ (Robotic surgery) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงและไม่ครอบคลุมสิทธิการรักษาทั้งหมด ท่านนี้ถูกกล่าวหาว่ากดดันให้คนไข้ต้อง กู้หนี้ยืมสิน หรือขายทรัพย์สิน เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าอุปกรณ์พิเศษ แลกกับการได้คิวผ่าตัดเร็วขึ้นและได้ผ่าตัดนอกเวลาราชการ
จุดเริ่มต้นของการเปิดโปง
เหตุการณ์ในห้องผ่าตัด มีการเล่าว่าอาจารย์ท่านที่สอง ยกเลิกการผ่าตัด ของคนไข้รายหนึ่งที่ถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว เพียงเพราะไม่สามารถจ่ายค่าอุปกรณ์ผ่าตัดพิเศษได้
เหตุการณ์นี้ทำให้อาจารย์ท่านที่หนึ่งไม่พอใจ แต่แทนที่จะเผชิญหน้ากับอาจารย์ท่านที่สอง กลับใช้ความรุนแรงกับแพทย์ประจำบ้านแทน
การเคลื่อนไหวของแพทย์ประจำบ้าน
แพทย์ประจำบ้านเคยร้องเรียนต่อภาควิชาและผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่กลับจบลงด้วยเพียงการ "ตักเตือน" และซื้อของมาขอโทษ ก่อนที่พฤติกรรมไม่เหมาะสมจะเกิดขึ้นซ้ำอีก
กลุ่มแพทย์ประจำบ้านจึงรวมตัวกันเขียนจดหมายส่งตรงถึง ประธานราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย เรียกร้องให้มี การลงโทษทางวินัย และ ถอดถอน อาจารย์แพทย์ทั้งสองท่าน พร้อมทั้งตำหนิภาควิชาศัลยศาสตร์ที่เพิกเฉย ปกป้องอาจารย์แพทย์ และปกปิดเรื่องราวมาโดยตลอด
จดหมายร้องเรียนนี้ได้ถูกเผยแพร่สู่โลกออนไลน์ในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ทำให้เรื่องราวไม่สามารถเงียบได้อีกต่อไป
ผลกระทบต่อคนไข้
ข้อกล่าวหาระบุว่า อาจารย์ท่านที่สองได้ผลประโยชน์คือ ได้เงินค่าผ่าตัดนอกเวลาราชการ และได้สะสมจำนวนเคสผ่าตัดหุ่นยนต์เพื่อสร้างชื่อเสียงและต่อยอดรายได้ในโรงพยาบาลเอกชน ในขณะที่คนไข้จำนวนมากต้อง เป็นหนี้หรือหมดตัว เพื่อแลกกับ "โอกาสรอดชีวิต" และการผ่าตัดที่รวดเร็ว
แถลงการณ์ของโรงเรียนแพทย์
โรงเรียนแพทย์ต้นเรื่องได้ออกแถลงการณ์ โดยระบุว่า ไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง และตระหนักถึงความสำคัญของเหตุการณ์
ยืนยันว่าได้มีการ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และจะดำเนินการด้วยความโปร่งใสและยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ ไม่ได้ลงรายละเอียด ถึงข้อกล่าวหาต่างๆ ทำให้สังคมยังคงตั้งคำถามถึงความเป็นอิสระของการสอบสวน และการคุ้มครองแพทย์ประจำบ้านผู้ร้องเรียน"


