xs
xsm
sm
md
lg

แฉโรงแรมรังแกผู้ค้าหลังวัดชนะฯ เอารถ 19 คันจอดทิ้งซ.รามบุตรี เข้ามาแค่ 1 ปีเศษสะพัดฮุบที่ทำกิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สำนักงานเขตพระนคร พร้อมด้วยหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ ผู้แทน สน.ชนะสงคราม และผู้แทน กอ.รมน.กทม. ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีรถเก่าจอดทิ้งในซอยรามบุตรี เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. (ภาพจากสำนักงานเขตพระนคร)
กลุ่มผู้ค้าซอยรามบุตรี กทม. ร้องเรียนถูกกลั่นแกล้ง เอารถยนต์ 19 คันมาจอดข้างกำแพงวัดชนะสงคราม ที่เป็นจุดค้าขายมานานกว่า 30-40 ปี คาดเป็นฝีมือเจ้าของโรงแรมที่เทคโอเวอร์เปิดเพียง 1 ปีเศษ หวังฮุบพื้นที่ทำกิน ข้องใจสำนักงานเขต-เทศกิจ ให้ปรับปรุงเตรียมทำถนนเศรษฐกิจ แหล่งสตรีทฟู้ด แต่จู่ๆ อ้างว่ายกเลิกไปนานแล้ว เรียกเจ้าของโรงแรมมาคุยก็ไม่มา กังขาเข้าข้างฝั่งโรงแรมหรือไม่

วันนี้ (4 ธ.ค.) กลุ่มผู้ค้าซอยรามบุตรี ถนนจักรพงษ์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ ร้องเรียนมายังสื่อในเครือผู้จัดการ-นิวส์วัน ระบุว่า ถูกกลุ่มบุคคลที่คาดว่าเป็นผู้ประกอบการโรงแรม 3-4 แห่ง นำรถยนต์สภาพเก่านับสิบคันเข้ามาจอดข้างกำแพงวัดชนะสงคราม ตั้งแต่ปากซอยฝั่งธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบางลำพู ถึงบริเวณบ้านสบาย มานานกว่า 2 เดือน โดยไม่แสดงตนว่าใครเป็นเจ้าของ เพื่อกดดันให้ผู้ค้าย้ายออกจากบริเวณดังกล่าว ทั้งที่กลุ่มผู้ค้าเป็นคนในชุมชนรามบุตรี ได้ทำมาค้าขายมายาวนาน 30-40 ปี และกำลังดำเนินการยื่นคำร้องขอเป็นจุดผ่อนผันแก่กรุงเทพมหานคร

นางชุติมา ทับหลักศิลป์ ผู้ค้าซอยรามบุตรี เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้ค้าในชุมชนซอยรามบุตรีมานาน ขายสินค้ามา 30-40 ปี ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ และได้ขออนุญาตกับวัดชนะสงครามว่า ให้คนในชุมชนที่อยู่ในพื้นที่มานาน มีฐานะยากจน อนุโลมให้ทำการค้าขาย และดูแลกำแพงให้ทางวัดไปด้วย ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้พักอาศัยในโรงแรม เข้ามาซื้อสินค้า รับประทานอาหาร และพักผ่อนหย่อนใจ เนื่องจากเป็นย่านโรงแรมที่ราคาห้องพักจับต้องได้ และบรรยากาศผ่อนคลาย แตกต่างจากถนนข้าวสารที่เป็นย่านสถานบันเทิง

กระทั่งวันจันทร์ที่ 27 ต.ค. เวลาประมาณ 04.00-05.00 น. ซึ่งวันดังกล่าวปกติแผงลอยในกรุงเทพฯ จะหยุดค้าขายทุกวันจันทร์ และมีการทำความสะอาดพื้นที่แล้วก่อนหน้านี้ กลับมีรถยนต์ขับเข้ามา พร้อมกับรถสไลด์นำรถยนต์มาจอดข้างกำแพงวัดชนะสงคราม เรียงติดกันทั้งหมด 19 คันแบบไม่มีช่องว่าง และกระจายมาจอดกลางซอย 1 คัน จอดแช่โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา และไม่ทราบที่มาที่ไป แต่พบว่ารถยนต์เป็นทะเบียนต่างจังหวัดทั้งหมด เช่น เชียงใหม่ น่าน สภาพมากกว่า 10 ปี คนในซอยรามบุตรีไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่ใช่รถของคนในพื้นที่พักอาศัยในซอย ไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของ

เมื่อสอบถามไปยัง สน.ชนะสงคราม เพื่อช่วยประสานงาน กลับระบุว่า ไม่สามารถติดต่อเจ้าของรถได้ เพราะเป็นรถต่างจังหวัด และบางคันไม่ได้ต่อทะเบียนรถ อีกทั้งไม่มีเจ้าของมาแสดงตนหรือเคลื่อนย้ายรถใดๆ ทั้งสิ้น มานานกว่า 2 เดือน ทำให้ผู้ค้าทั้งหมดไม่สามารถตั้งแผงค้าตามปกติได้ อีกทั้งพบว่ารถยนต์บางคันไม่ได้ล็อกประตูรถ จึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย อาจจะมีเหตุการณ์คาร์บอมบ์ตามมา และสงสัยว่าเจตนาในการจอดคืออะไร สน.ชนะสงคราม ได้เขียนใบสั่งติดหน้ากระจกรถเอาไว้ แต่ก็ไม่มีเจ้าของรถยนต์ติดต่อกลับ อีกทั้งเมื่อแจ้งไปยังสำนักงานเขตพระนคร ก็ระบุว่าเป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่เมื่อติดต่อตำรวจกก็ระบุว่า หากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เป็นหน้าที่ของสำนักงานเขตเคลื่อนย้ายออก เหมือนโยนกันไปมา ยังไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้

นางชุติมาตั้งข้อสังเกตว่า จากหลักฐานกล้องวงจรปิด พบว่ามีคนนำรถยนต์มาจอดหลายวันโดยไม่มีใครแสดงตนเป็นเจ้าของรถยนต์ เหมือนจงใจกลั่นแกล้งผู้ค้า เพราะหนึ่งในคนที่ขับรถเข้ามาหนึ่งในนั้นเป็นพนักงานโรงแรมที่อยู่ในซอยรามบุตรี ซึ่งกลุ่มนายทุนเจ้าของโรงแรมได้เข้ามาเทคโอเวอร์ โดยเช่าอาคารแล้วรีโนเวตทำเป็นโรงแรม ให้บริการแล้วประมาณ 1 ปี คาดว่าคงเห็นว่าในซอยมีนักท่องเที่ยวและเจริญเติบโต ก็อยากได้ที่สาธารณะเป็นของตนเอง ทำนองว่าผู้ค้าใช้ได้ ตนเองก็ต้องใช้ได้ ซึ่งเจ้าของโรงแรมเคยมีปากเสียงกับผู้ค้า อ้างว่าผู้ค้าขายของได้ ตนก็จอดรถได้เหมือนกัน แต่ก็ต้องเข้าใจว่าพื้นที่ตรงนี้กำลังยื่นขอพิจารณาเป็นจุดผ่อนผันกับสำนักงานเขตพระนครมานานกว่า 3 ปีแล้ว กำลังอยู่ในการพิจารณา และมีคณะกรรมการดูแลทุกอย่าง

ล่าสุด สำนักงานเขตพระนคร พร้อมกับหลายหน่วยงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบรถยนต์ที่ยังจอดเหลืออยู่ 16 คัน เพื่อสอบถามที่มาที่ไปของการจอดรถ เนื่องจากผู้อำนวยการเขตเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ พร้อมพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเวลาผ่านมา 2-3 เดือนแล้วเพิ่งจะเริ่มต้น อีกทั้งเจ้าของโรงแรมยังไม่มาแสดงตัว มีแต่ส่งเรื่องเข้ามาในระบบทราฟฟี่ ฟองดูว์ของ กทม. ฟ้องว่าผู้ค้ามาขายของหน้าโรงแรม และไม่พอใจที่ผู้ประกอบการโรงแรมเอารถยนต์ไปจอด ทั้งที่ผู้ค้าประกอบอาชีพสุจริตเพื่อเลี้ยงชีพ แต่โรงแรมพยายามแจ้งทางเขตแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ใดๆ ทั้งสิ้น


ด้านนายไพศาล ประดลชอบ ผู้ค้าซอยรามบุตรีอีกรายหนึ่ง ระบุว่า ที่ผ่านมาผู้ค้าซึ่งเป็นประชาชน 179 ราย ร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน กระทั่งเมื่อวันก่อนผู้อำนวยการเขตพระนคร หัวหน้าฝ่ายเทศกิจ กทม. รวมทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และงานจราจร สน.ชนะสงคราม เข้ามาคุยกัน หลังจากนำแผงจราจรมาตั้งและติดประกาศให้เคลื่อนย้าย ซึ่งจากการคุยกันพบว่าถนนเป็นหน้าที่ของตำรวจจราจร ส่วนฟุตปาธเป็นหน้าที่ของเทศกิจ เมื่อมีการจอดรถก้ำกึ่งกัน ต้องคุยกันว่าใครจะรับผิดชอบ

โดยมีบทสรุปก็คือหากภายใน 15 วันไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของรถ สำนักงานเขตพระนคร จะเคลื่อนย้ายไปไว้ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม เขตหนองแขม แล้วให้เจ้าของรถยนต์ชำระค่าปรับเอาเอง แต่ก็มีปัญหาว่าถ้ากลุ่มนายทุนเจ้าของโรงแรม นำรถยนต์ชุดใหม่เข้ามาจอดอีก ก็เล่นแง่ข้อกฎหมายอีก เจ้าหน้าที่เขตพระนครจึงพูดกับผู้ค้าว่า ถ้าไม่สามารถเจรจากับเจ้าของรถและเจ้าของโรงแรมได้ ก็จะไม่ได้ค้าขาย กลับเอาบรรทัดฐานของโรงแรมเป็นหลัก ซึ่งมีสาขาของโรงแรมในซอย 3-4 แห่ง ตั้งสมาคมไม่เห็นด้วยกับการมีผู้ค้าฝั่งกำแพงวัดชนะสงคราม แต่ไม่เห็นว่าสมาคมดังกล่าวมีตัวตนจริงหรือไม่

นายไพศาล กล่าวว่า ตนได้ค้าขายในซอยรามบุตรีตั้งแต่ยังไม่มีลูก กระทั่งลูกชายอายุ 31 ปีแล้ว บางคนเป็นผู้ค้าตั้งแต่สาวยันแก่ เป็นรุ่นต่อรุ่น จากรุ่นแม่มาถึงรุ่นลูกหลาน เป็นคนในชุมชนซอยรามบุตรีไม่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ค้าฝั่งกำแพง มีเท่าไหร่เท่านั้น ทุกคนรู้ว่าร้านไหนมาตั้ง ไม่มีการแก่งแย่งชิงพื้นที่กัน ถ้อยทีถ้อยอาศัยกับคนในชุมชน แตกต่างจากจุดผ่อนผันอื่นๆ แต่เมื่อโรงแรมเข้ามาใหม่ประมาณ 1 ปีเศษกลับมีปัญหากับผู้ค้า เห็นว่ากลุ่มผู้ค้าคุยกับเจ้าหน้าที่ ดำเนินการขออนุญาตให้เป็นจุดผ่อนผัน ให้เข้ากับหลักเกณฑ์ของ กทม. อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อทำเป็นถนนเศรษฐกิจ มา 2 ปีกว่าแล้ว

ปรากฎว่าการประชุมเมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ได้เรียกผู้ค้าไปประชุม กล่าวว่า นโยบายของ กทม. จะต้องเข้าตามหลักเกณฑ์ ให้ไปปรับปรุงแก้ไขให้เข้าหลักเกณฑ์ของ กทม. โดยให้เวลา 1 เดือนเพื่อประเมินว่าผ่านหรือไม่ ตนจึงได้กลับมาร่วมกันพัฒนาพื้นที่โดยคืนพื้นที่ถนน ตีเส้นแบ่งแผงค้า และทำค้าขายมาเรื่อยๆ พอครบ 1 เดือน กลับให้หยุดทำค้าขายโดยไม่ตรวจสอบอะไรเลย ตนจึงสอบถามว่าให้หยุดกี่เดือน ทีแรกกล่าวว่าประมาณ 15 วันหรือ 1 เดือนเพื่อปรับภูมิทัศน์ ตนได้หยุดค้าขายเพื่อรอคอยการปรับปรุงพื้นที่ ตัดต้นไม้ เก็บขยะภายในซอย

พอผ่านไป 1 เดือนกำลังจะไปร้องเรียนกับ กทม. ก็ได้รับการร้องขอว่าอย่าเข้าไป ขอเวลาดำเนินการให้เรียบร้อย เต็มที่ไม่เกิน 1 เดือน ผู้ค้าก็รออีก 2 เดือน 21 วัน จากที่ให้มาปรับปรุงพื้นที่ใหม่ และตรวจสอบว่าถูกต้องหรือไม่ แต่พอเวลาผ่านไปคำตอบจากทางเขตที่ได้รับก็คือ ยกเลิกผู้ค้าในซอย ทั้งที่ค้าขายมาอย่างยาวนาน อ้างว่าทำผิดกฎหมาย ค้าขายในที่สาธารณะ กลุ่มผู้ค้าจึงคุยต่อรองว่าขอปรับปรุงได้ไหม มีการประชุมกันที่สำนักงานเขต นำเสนอโครงการทำเป็นถนนเศรษฐกิจและวิถีชุมชนภายในซอยรามบุตรี ซึ่งทางสำนักงานเขตเห็นด้วยแต่ต้องบูรณาการกับวัดชนะสงคราม

ตนจึงเข้าไปคุยกับรองเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม ขอความอนุเคราะห์ให้ผู้ค้าทำการค้าขายรอบกำแพงวัดได้ เพราะเป็นคนในชุมชน และจะช่วยกันทาสีรอบกำแพงวัด เมื่อทางวัดอนุญาต จึงทาสีรอบกำแพงวัดอย่างสวยงาม โดยใช้จิตอาสาของคนในซอยบริจาคเงินซื้อสี แล้วคนในซอยช่วยกันทาสีรอบกำแพงวัด ซึ่งเจ้าอาวาสเห็นด้วยเพราะผู้ค้าเป็นเหมือนกันชนวัด ป้องกันอาชญากรรมและพวกพ่นสีแบบกราฟิตี้ เพราะที่ผ่านมามีการลักลอบพ่นสีที่กำแพงวัด

หลังจากนั้นกลุ่มผู้ค้าได้ทำเรื่องกับสำนักงานเขตพระนคร ขอกลับมาทำการค้าขาย และได้ทำการค้าขายมาตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. ขายได้ 6 วัน กระทั่งวันที่ 27 ต.ค. ซึ่งเป็นวันหยุดทำการค้าขาย ปรากฎว่าเวลาประมาณตี 4 มีรถเข้ามาจอดข้างกำแพง 19 คัน โดยมาจอดเสร็จถ่ายรูปแล้วหายไป คนในชุมชนช่วยกันดูปรากฎว่าพนักงานโรงแรมเป็นคนออกมาดูรถ ผ่านมาอีก 2 วันมีรถมาจอดกลางซอย ถ่ายรูปแล้วหายไปเลย บังเอิญมีรถคนในชุมชนออกไปซื้อกับข้าวแต่เช้ามืด พนักงานโรงแรมเอารถเข็นมาจอดปิดที่ของชาวบ้าน และยังมีการเอารถมาจอดทับที่ชาวบ้านอีกแล้วหายไปเลย

คนในซอยจึงมองว่าการจอดรถดังกล่าวมีลักษณะกลั่นแกล้งผู้ค้าฝั่งกำแพงวัด จึงแจ้งไปหลายหน่วยงานแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข มีแต่ออกใบสั่งแล้วเงียบหาย เจ้าหน้าที่เทศกิจได้ติดต่อไปเจ้าของโรงแรมว่า เอารถมาจอดมีวัตถุประสงค์อะไร แต่เจ้าของโรงแรมปฎิเสธไม่คุยกับใครเลย แม้แต่เจ้าหน้าที่เทศกิจเรียกมาคุยเพื่อแก้ไขปัญหานี้ก็ไม่มี ตนค้าขายมา 20-30 ปี รถยนต์เหล่านี้ไม่ใช่ของคนในพื้นที่ เป็นรถต่างจังหวัด เป็นรถประมูลหมดอายุแล้ว ที่ไม่ใช้ปลดระวางแล้ว นำมาจอดไว้ไม่ให้ประชาชนทำมาค้าขาย ทางเทศกิจจึงตั้งข้อแม้กับกลุ่มผู้ค้าว่าถ้าจะกลับมาค้าขายให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของ กทม. ต้องเจรจาให้หมด ถ้าเคลียร์กับโรงแรมไม่ได้ พวกคุณก็ไม่ได้เปิดค้าขาย

ทั้งที่เทศกิจต้องเข้าใจกลุ่มผู้ค้าว่าทำมาค้าขายมานาน จะด้วยเหตุผลอะไร แต่ทุกคนรู้ในใจว่าต้องมีอะไรสักอย่างหนึ่ง ถึงมาจอดรถแบบนี้ และไม่สามารถเจรจาให้ผู้ค้าได้ จึงต้องร้องทุกข์ทุกช่องทาง แต่ทุกครั้งที่ถามเจ้าหน้าที่กลับตอบว่า พวกคุณผิดกฎหมาย พวกคุณคุยกับโรงแรมไม่ได้ พวกคุณก็ยังไม่ได้เปิดค้าขายได้ เอาบรรทัดฐานของโรงแรมเป็นหลัก คาดว่าโรงแรมต้องการพื้นที่หลังกำแพงวัดทั้งหมดถึงพิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์เลย ทั้งๆ ที่โรงแรมมีที่ว่างอยู่มาก ไม่จำเป็นต้องแย่งพื้นที่ผู้ค้าฝั่งกำแพงวัดด้วย กลับไม่มีการบูรณาการพื้นที่ พวกตนเดือดร้อนไม่รู้จะทำอย่างไร เดี๋ยวสั่งหยุด ทั้งที่ค้าขายมาตลอด

กระทั่งวันที่ 2 ธ.ค. กลุ่มผู้ค้าเตรียมสินค้าเพื่อค้าขายเนื่องจากเป็นวันหยุด ปรากฎว่าเช้าวันดังกล่าว สำนักงานเขตเอาแผงจราจรมาปิดกั้นทั้งซอย พอสอบถามก็อ้างว่าผู้ค้าผิดกฎหมาย ไม่ทำตามกฎระเบียบ พวกคุณถูกยกเลิก แต่ไม่มีคำสั่งออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรห้ามทำการค้าขาย อีกทั้งต้องมีจุดสำรองให้ผู้ค้ารองรับ แต่ไม่เคยมีคำสั่งใดๆ จู่ๆ มาบอกว่ายกเลิกไปนานแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่มีคำสั่งออกมา และที่ผ่านมาได้เปิดโอกาสให้ทำให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของ กทม. พวกตนก็ปฎิบัติตาม ทางสำนักงานเขตก็ให้ปรับปรุงแก้ไข ถ้าทำตามหลักเกณฑ์ให้ถูกต้องก็อนุญาต แต่กลับมากล่าวหาว่าทำผิดกฎหมาย

พอไปที่สำนักงานเขต ผู้อำนวยการเขตก็ไม่ลงมา ทั้งๆ ที่ชาวชุมชนเดือดร้อน ผู้ค้าบางรายจำหน่ายของที่ระลึกต้องไปกู้หนี้ยืมสินมา ขายสินค้าเลี้ยงครอบครัว และที่ผ่านมาฤดูการท่องเที่ยวมีทั้งหน้าไฮซีซัน และโลว์ซีซัน คราวละ 6 เดือน ต้องเก็บสำรองไว้นอกฤดูกาลท่องเที่ยว ช่วงปลายปีเป็นโอกาสที่ผู้ค้าได้เก็บเกี่ยวและเป็นทุนสำหรับฤดูโลว์ซีซัน แต่กลับยกเลิกแล้วจะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนในชุมชนยังไง พวกตนเป็นคนในชุมชน เป็นผู้ยากไร้ รากหญ้า ไม่ใช่นายทุนเหมือนพวกเขา ไปยกเลิกแล้วจะให้ค้าขายที่ไหน เพราะพื้นฐานคนในชุมชนค้าขายกันในนี้ราว 30-40 ปี รถดับเพลิง รถพยาบาลเข้าได้ และทุกครั้งที่เลิกขายเสร็จก็เก็บข้าวของ ทำความสะอาด อุปกรณ์ทุกชิ้นไม่มี วันรุ่งขึ้นถึงเวลาขายก็มาตั้งเหมือนเดิม ทำแบบนี้มาตลอด

ที่ผ่านมาผู้ค้าทำความสะอาดเสร็จ ได้ถ่ายรูปส่งให้ในกลุ่มไลน์ ตนก็ส่งให้เทศกิจ ทุกเช้าตนก็ตรวจสอบ ถ่ายรูปส่งให้เทศกิจอีกครั้ง และเวลาค่ำก็ถ่ายรูปรายงานเทศกิจอีก เรียกว่าซอยรามบุตรีสามารถเป็นต้นแบบให้ กทม. ได้เลยว่าวันจันทร์ไม่มีผู้ค้าและแผงลอย 100% ปฎิบัติมานานกว่า 2 ปี เทียบกับที่อื่นที่ไม่ปฎิบัติตาม แต่สามารถค้าขายกันได้ยาวนาน มีมอเตอร์ไซค์จอดขวาง แม้แต่วันจันทร์ยังค้าขาย แต่ฝั่งซอยรามบุตรีปฎิบัติตามมาตลอด กลับถูกยกเลิก จึงถามว่ามีความเป็นธรรมตรงไหน ใช้กฎหมายข้อไหนมาใช้กับผู้ค้าในซอย พวกเราสงสัยว่าทางเจ้าหน้าที่เอาโรงแรมเป็นบรรทัดฐานหรือไม่

อีกทั้งยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในการขออนุญาตทำโรงแรมถูกต้องหรือไม่ สามีเป็นคนไทย ภรรยาเป็นชาวจีน เพราะพวกตนตรวจสอบแล้วไม่พบการขออนุญาต และโดยหลักแล้วโรงแรมมาทีหลัง ต้องเข้ากับชุมชนให้ได้ กลับมาเป็นปฎิปักษ์กับชุมชนเสียเอง ทั้งที่ผ่านมาซอยรามบุตรีได้ปรับปรุงพื้นที่อย่างสวยงาม นักท่องเที่ยวนิยมมาอุดหนุนสตรีทฟู้ด มาผ่อนคลาย เงียบสงบเพราะไม่มีสถานบันเทิง ไม่เหมือนถนนข้าวสารที่เน้นดื่มกินเสียงดังครึกโครม.

ภาพจากสำนักงานเขตพระนคร

ภาพจากสำนักงานเขตพระนคร

ภาพจากสำนักงานเขตพระนคร

ภาพจากสำนักงานเขตพระนคร
















กำลังโหลดความคิดเห็น