xs
xsm
sm
md
lg

“ดร.มานะ” ชี้แนวทางปฏิรูปสวัสดิการนักข่าว ผลักดัน "นโยบายสุขภาพ" แนะผู้บริหารหยุดมองแต่กำไรขาดทุน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ดร.มานะ ตรีรยาภิวัฒน์ โพสต์ถึงประเด็น “คุณภาพชีวิต นักข่าวภาคสนาม” พร้อมแนะแนว 5 ข้อเสนอเพื่อยกระดับสุขภาพนักข่าวภาคสนาม โดยแนะตรวจโรคหัวใจ-หลอดเลือด และสิทธิ์พักฟื้นหลังทำข่าวหนัก ย้ำ ผู้บริหารองค์กรสื่อต้อง “ปรับวัฒนธรรมในการทำงาน” และอย่ามองแต่ตัวเลขกำไรขาดทุนเพียงอย่างเดียว

หลังจาก วงการสื่อสารมวลชนสูญเสียบุคลากร นัท-ณัฐวุฒิ ปงลังกา นักข่าวคนดังของช่อง 8 เสียชีวิตอย่างสงบ สิริอายุ 35 ปี การจากไปครั้งนี้นำมาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจอย่างยิ่งแก่ทุกคนที่รู้จักและทำงานร่วม รวมถึงแฟนข่าวทุกคน ส่วนรายละเอียดการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ ต้องให้สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 เป็นผู้เปิดเผย

ต่อมา เมื่อวันที่ 30 พ.ย. เฟซบุ๊กส่วนตัว ดร.มานะ ตรีรยาภิวัฒน์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา และนักวิชาการประจำคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงประเด็น “คุณภาพชีวิต นักข่าวภาคสนาม”

ระบุว่า “อันที่จริงปัญหา วัฒนธรรมการทำงานหนักจนเกินขีดจำกัด (Overwork Culture) ในวงการสื่อไทยมันมีมานานแล้วละครับ หนักบ้าง เบาบ้างก็ขึ้นกับองค์กร และตัวบุคคล โดยเฉพาะ หัวหน้างาน หรือ บก.ข่าว

ถ้าพี่ ๆ ในกองบก. ในห้องข่าวเขาเข้าใจ เขาเห็นใจก็ยังทำงานกันไปได้โดยไม่ต้องเข้าสู่ภาวะ Burnout เร็วนัก จำได้ว่า สมัยหนุ่มๆ เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยเป็นนักข่าว (นานมาละ) ทำงานถึงเที่ยงคืน ตีหนึ่ง ตีสอง เช้ามายังสามารถวิ่งทำข่าวหมายเช้าต่อ แล้วแอบงีบหลับเป็นช่วงๆระหว่างรอแหล่งข่าวประชุม

ตอนอายุ 20 ต้นก็ยังสนุก มีแรง ทำได้ แต่พอ 20 ปลาย ร่างกายเริ่มโวยวายเองว่า “พอเหอะ…ทำอย่างอื่นได้ละ” นี่ขนาดในยุคเมื่อ 30 กว่าปีก่อนนะครับ สมัยนั้นยังไม่มีการแข่งขันสูงจากสื่อออนไลน์ สื่อดิจิทัล ไม่ถูกกดดันจากธุรกิจสื่อขาลง ที่เลย์ออฟคนทำงานจนเหลือน้อยนิดแต่ภาระงานมหาศาล

ปัจจุบันนักข่าวภาคสนามถูกแรงกดดันสูงกว่ายุคก่อนมากๆๆๆๆๆ ถึงเวลาแล้วที่องค์กรวิชาชีพสื่อควรหันมาสนใจ พูดคุย ถกเถียง ผลักดัน “คุณภาพชีวิต” ของนักข่าวภาคสนามให้ดีขึ้น โดยกำหนดเป็นนโยบายด้านสุขภาพกายและใจของนักข่าว

ผมขอยกตัวอย่างเช่น…

ประสานกับโรงพยาบาลให้มีการตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างละเอียด โดยเฉพาะกลุ่มนักข่าวที่ต้องทำงานกะดึกเป็นประจำ หรือนักข่าวภาคสนามที่ลงพื้นที่มีความเครียดสะสม มีสวัสดิการปรึกษาจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาฟรี โดยเฉพาะเมื่อต้องทำข่าวที่หดหู่ มีความเครียดสูงเป็นระยะเวลายาวนาน รวมถึงอนุญาตให้ลาป่วยด้วยเหตุผลทางสุขภาพจิตได้ด้วย องค์กรสื่อควรปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างเคร่งครัด มีกำหนดชั่วโมงทำงานสูงสุดอย่างเป็นจริง มีวันพัก วันชดเชย ให้ตรงตามกฎหมาย

รวมถึงกำหนดให้นักข่าวภาคสนามมีสิทธิ์พักฟื้นฟูหลังลุยทำข่าวหนัก เช่น ข่าวภัยพิบัติ หรือสถานการณ์รุนแรง แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้บริหารองค์กรสื่อต้อง “ปรับวัฒนธรรมในการทำงาน” เลิกเชิดชูการทำงานหนักเกินจริง ประเภทที่ชื่นชมคนทำงานที่ไม่ยอมหลับยอมนอนว่าทำงานเก่ง ขยัน แต่ควรหันมาชื่นชมคนทำงานที่สามารถบริหารเวลาได้ดีแล้วยังมีผลงานคุณภาพอีกด้วย

รวมถึงไม่ควรเลย์ออฟ ลดคนจนเหลือคนทำงานน้อยเกินไป เพราะคนที่เหลือจะต้องทำงาน “แบก” แทนคนออกไป นั่นหมายถึง เจ้าของธุรกิจสื่อ ผู้บริหารองค์กรข่าว หัวหน้าข่าว บก.ข่าว ควรดูแลนักข่าวในทีมในเชิงจิตใจด้วย อย่ามองแต่ตัวเลขกำไร ขาดทุน เพียงอย่างเดียว #เปรยตามสายลม”


กำลังโหลดความคิดเห็น