xs
xsm
sm
md
lg

ยกระดับการวินิจฉัย “รังสีวิทยาสมาคมฯ” จับมือ “เบอริงเกอร์ฯ” เปิดตัว ‘HRCT Checklist’ ดิจิทัล หวังติดอาวุธ “รังสีแพทย์-แพทย์” สู้ภัย “โรคไอแอลดี”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รังสีวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย และ บริษัท เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ (ไทย) จำกัด เล็งเห็นถึงการยกระดับคุณภาพการวินิจฉัยโรคปอดอินเตอร์สติเชียล (Interstitial Lung Disease) หรือโรคไอแอลดี (ILD) ในประเทศไทยให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน จึงได้ลงนาม MOU โครงการ “Advancing ILD Diagnosis” เพื่อร่วมกันพัฒนาเครื่องมือช่วยรายงานผล HRCT (High-Resolution CT หรือการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความละเอียดสูงเพื่อวินิจฉัยโรคปอด) พร้อมผลักดันการใช้งานแนวทางการรายงานผล (HRCT Structured Report Template) เพื่อเพิ่มความแม่นยำและสร้างมาตรฐานการวินิจฉัยให้เป็นหนึ่งเดียวกันทั่วประเทศ ยังช่วยลดความคลาดเคลื่อนในการสื่อสารระหว่างแพทย์และรังสีแพทย์ พร้อมทั้งช่วยยกระดับการดูแลผู้ป่วยโรคไอแอลดี ในประเทศให้เข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพอย่างเท่าเทียม

โรคปอดอินเตอร์สติเชียล หรือโรคไอแอลดี (ILD) โดยเฉพาะภาวะปอดเป็นพังผืด (Pulmonary Fibrosis) นับเป็นหนึ่งในโรคที่วินิจฉัยได้ยาก ด้วยอาการที่คล้ายกับโรคปอดอื่นๆ และหากโรคลุกลามอาจมีความรุนแรงเทียบเท่ามะเร็งได้ ดังนั้น ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือการรักษาที่ถูกทางอาจเสียชีวิตภายในเวลา 3-4 ปี

ดังนั้น การวินิจฉัยที่แม่นยำตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจึงมีความสำคัญสูงสุด ภายใต้ความร่วมมือนี้ทั้งสององค์กร คือ รังสีวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย และ บริษัท เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ (ไทย) จำกัด ได้ร่วมกันพัฒนาเครื่องมือดิจิทัล “HRCT Checklist & Structured Report Program” เพื่อสนับสนุนการทำงานของรังสีแพทย์ในการรายงานผล HRCT และร่วมกันส่งเสริมการนำแนวทางนี้ไปใช้อย่างแพร่หลาย โดยได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยฯ ในการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของรังสีแพทย์ในการวินิจฉัยโรคไอแอลดี และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการดูแลผู้ป่วยโรคไอแอลดี หรือโรคปอดเป็นพังผืดในประเทศไทย 

รศ.นพ.วิวัฒนา ถนอมเกียรติ นายกรังสีวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความร่วมมือนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างมาตรฐานการวินิจฉัยโรคไอแอลดี ในประเทศไทย โดยเครื่องมือดังกล่าวจะทำให้เกิดการรายงานผล HRCT ที่มีโครงสร้างชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับรังสีแพทย์ ลดความคลาดเคลื่อน และที่สำคัญคือสนับสนุนการทำงานแบบสหสาขาวิชาชีพ ช่วยให้การสื่อสารระหว่างรังสีแพทย์และแพทย์ผู้ให้การรักษามีความชัดเจนมากขึ้น สามารถเข้าใจและนำข้อมูลทางรังสีวิทยาไปใช้ประกอบการตัดสินใจรักษาได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจ ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์การรักษาที่ดีขึ้น

ด้าน นายริคาร์เต้ เซลวานเตส ริเวร่า ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัท เบอริงเกอร์ฯ ภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับรังสีวิทยาสมาคมฯ ในการพัฒนาเครื่องมือเพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์และยังเป็นการยกระดับการวินิจฉัยโรค ไอแอลดี ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด อันนำไปสู่ผลลัพธ์การรักษาที่ดีขึ้นสำหรับผู้ป่วยชาวไทย

ด้าน อ.พญ.ชญานิน นิติวรางกูร ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า เครื่องมือช่วยรายงานผล HRCT จะแขวนอยู่หน้าเว็บไซต์ราชวิทยาลัยฯ ซึ่งแพทย์หรือรังสีแพทย์สามารถดึงไปใช้งานได้ เพื่อยกระดับมาตรฐานของการสื่อสารระหว่างแพทย์กับรังสีแพทย์ให้ตรงกันทั้งหมด

ทั้งนี้ รังสีแพทย์ที่ไม่ได้ดูแลทางด้านนี้โดยตรง มีโอกาสที่จะอ่านและรายงานผลของโรคไอแอลดีไม่ครบในบางประเด็น เครื่องมือนี้จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้การรายงานผลมีความครบถ้วนตามแนวทางและแม่นยำมากขึ้น โดยสามารถนำภาพ HRCT มาประมวลผลคู่กับข้อมูลเพื่อช่วยในการแปรผลภาพ หลังจากนั้นเครื่องมือจะสรุปผลออกมาเป็นรีพอร์ตได้ด้วย

ภายในงานแถลงข่าวยังมีการเสวนาให้ความรู้ในหัวข้อ “บทบาทของรังสีแพทย์ในการยกระดับการวินิจฉัย ‘โรคปอดอินเตอร์สติเชียล หรือไอแอลดี’ ด้วย HRCT Report มาตรฐาน” โดยวิทยากรทั้ง 3 ท่านได้ร่วมกันให้ข้อมูลถึงความท้าทายในการวินิจฉัยโรคไอแอลดี และประโยชน์ของโครงการนี้

รศ.นพ.วิวัฒนา ถนอมเกียรติ นายกรังสีวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันโรคไอแอลดียังไม่เป็นที่รู้จัก ซึ่งโรคไอแอลดีเกิดจากการที่ปอดมีการอักเสบ แข็งตัวและหดเล็กลง ส่งผลต่อระบบการหายใจ โดยกลุ่มผู้มีโอกาสพบโรคไอแอลดี คือผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคหนังแข็ง เป็นต้น

ที่ผ่านมาการอ่านและรายงานผล HRCT เพื่อวินิจฉัยโรคไอแอลดีในประเทศยังไม่ได้ทำเป็นมาตรฐาน การจับมือกับบริษัท เบอริงเกอร์ฯ จะทำให้เกิดมาตรฐานและใช้โปรโตคอลเดียวกันทั้งประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นการเก็บสถิติของโรคได้ด้วยเนื่องจากที่ผ่านมาวิธีการอ่านข้อมูลของแพทย์และรังสีแพทย์ยังไม่ตรงกัน ทำให้ไม่สามารถเก็บสถิติหรือทำรีพอร์ตได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีความจำเป็นในการทำเรื่องการเบิกจ่าย การวางแผนการรักษา และการผลักดันทางนโยบาย

“โรคปอดชนิดอื่นๆ อย่าง มะเร็งปอด เราตัดชิ้นเนื้อไปตรวจได้ แต่โรคไอแอลดี ถ้าแพทย์กับรังสีแพทย์มีความเห็นไม่ตรงกันจะเริ่มการรักษาไม่ได้ ปกติราชวิทยาลัยฯ มีการจัดอบรมเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ แต่ยังอยู่ในรูปแบบของข้อมูลบนกระดาษ การจับมือกับบริษัท เบอริงเกอร์ฯ ได้พัฒนาให้เป็นเครื่องมือดิจิทัล โดยเรามีผู้เชี่ยวชาญ ส่วนภาคเอกชนเขามีทีมงาน การร่วมมือกันจึงเป็นเรื่องดี”

สำหรับการเข้ามาของ AI กับการแพทย์นั้น ในมุมมองของ รศ.นพ.วิวัฒนามองว่า AI ของแต่ละโรงพยาบาลหรือแต่ละประเทศอาจให้ผลที่แตกต่างกัน สุดท้ายผู้เชี่ยวชาญก็ต้องเป็นคนสรุปอยู่ดีหรือหากการรักษามีเรื่องต้องขึ้นศาลก็ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนสรุปผล

ด้าน ผศ.นพ.วราวุฒิ สุขเกษม กรรมการราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อ 10 ปีก่อนการพยากรณ์โรค ไอแอลดี (ILD) ผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 5 ปี เพราะไม่มีแนวทางการรักษา ปัจจุบันมีทางเลือกในการรักษาแต่ยังติดปัญหาในเรื่องของเกณฑ์การวินิจฉัย ซึ่งรังสีแพทย์มีหลายเจเนอเรชัน การอ่านข้อมูลก็แตกต่างกัน หน้าที่สำคัญของรังสีแพทย์คือต้องอัปเดตองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษา ราชวิทยาลัยฯ ก็มีหน้าที่ในการอัปเดตและกระจายองค์ความรู้ใหม่ๆ ผ่านเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ป่วยไม่ว่าจะอยู่ที่ใดมีสิทธิและสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างเท่าเทียมกัน

“โรคไอแอลดี (ILD) หรือโรคปอดเป็นพังผืด มีมากกว่า 200 ชนิด มีทั้งที่ทราบสาเหตุของการเกิดโรค และไม่ทราบสาเหตุ นับเป็นความท้าทายในการวินิจฉัย คาดในไทยมีผู้ป่วยโรคไอแอลดีหลายหมื่นคน แต่การตรวจวินิจฉัยที่มีความแม่นยำยังคงเป็นปัญหาอยู่ ดังนั้น เครื่องมือนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการรายงานผลภาพ HRCT ของโรคไอแอลดี เพื่อให้การวินิจฉัยมีความถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น และยังทำให้แพทย์และรังสีแพทย์สื่อสารในภาษาเดียวกันหรือมาตรฐานเดียวกัน เครื่องมือนี้ควรถูกนำไปใช้ทั่วประเทศเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อการวินิจฉัยและการรักษาผู้ป่วยอย่างทั่วถึง”

สำหรับการเข้ามาของ AI กับการแพทย์นั้น ผศ.นพ.วราวุฒิมองว่าโรงเรียนแพทย์ในไทยก็เริ่มมีการนำ AI มาใช้ ซึ่งแพทย์ทุกสาขาต้องปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงและโอบรับกับเทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ และต้องรู้จักนำ AI มาใช้อย่างฉลาด อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้ AI ไม่สามารถทดแทนมนุษย์ได้ คือ “ความเมตตาของมนุษย์ที่มีให้ต่อกัน”

ด้าน พญ.ลัคนา กาญจนกุล Head of Medical, บริษัท เบอริงเกอร์ฯ กล่าวว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายเกิดการอักเสบ จะเกิดการซ่อมแซม ทำให้เกิดเป็นพังผืดขึ้นมาทำให้เกิดโรคไอแอลดี ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีอาการตั้งแต่น้อยจนถึงมาก ดังนั้น หากสามารถตรวจวินิจฉัยได้เร็วจะช่วยผู้ป่วยได้มาก

“โรคไอแอลดีมีหลายชนิด บางชนิดเป็นเร็ว บางชนิดค่อยๆ เป็น ดังนั้นการอ่านผลจึงต้องมีการเปรียบเทียบเพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของโรคที่ผ่านมา ที่ผ่านมาการอ่านผลของรังสีแพทย์มีหลายรูปแบบ การจับมือกับราชวิทยาลัยฯ เพื่อทำให้รังสีแพทย์มีแพทเทิร์นในการอ่านที่เหมือนกันและยังช่วยให้แพทย์ทั่วไปสามารถอ่านเข้าใจโรคได้มากขึ้น”

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้แม้จะเป็นการทำ MOU เพียง 1 ปี แต่ในอนาคตบริษัท เบอริงเกอร์ฯ มีแผนที่จะพัฒนาเครื่องมือการตรวจวินิจฉัยโรคอื่นๆ ต่อไป พร้อมทั้งจะกระจายเครื่องมือไปยังโรงพยาบาลทั่วประเทศเพื่อส่งเสริมความรู้ให้แก่แพทย์และรังสีแพทย์




กำลังโหลดความคิดเห็น