โซเชียลฯ แห่วิจารณ์อย่างหนัก หลังเพจเอกชนเตือน "มหาอุทกภัย" แต่รัฐบาลแปะป้าย "ข่าวบิดเบือน" ก่อนน้ำท่วมใหญ่จริงในหลายพื้นที่ ประชาชนตั้งคำถามถึงการทำงานและการสื่อสารของหน่วยงานรัฐในการรับมือภัยพิบัติ
วันนี้ (25 พ.ย.) จากกรณีวิกฤตน้ำท่วมที่ภาคใต้ในโลกโซเชียลฯ ได้แห่แชร์และวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงประเด็นที่มีเพจของภาคเอกชนได้ออกมาเตือนเรื่องฝนตกหนักระวังเกิดน้ำท่วมใหญ่ แต่ทว่าฝั่งเพจของรัฐบาลได้แชร์ข้อมูลนั้นมา และออกโพสต์เตือนว่าเป็นข่าวปลอม วอนขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่สุดท้ายแล้วน้ำท่วมจริง แล้วท่วมหนัก
ชี้ดรามาแจ้งเตือนภัยสะท้อนความสับสน เหตุการณ์ความขัดแย้งในการสื่อสารเตือนภัยน้ำท่วมภาคใต้กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อเพจพยากรณ์อากาศของภาคเอกชนได้โพสต์เตือนให้เฝ้าระวัง "มหาอุทกภัย" จากปริมาณฝนสะสมที่อาจสูงเกิน 1,000 มิลลิเมตรในช่วง 10 วันข้างหน้า แต่ต่อมาไม่นานเพจอย่างเป็นทางการของรัฐบาล Anti-Fake News Center Thailand ได้นำคำเตือนดังกล่าวมาเผยแพร่ พร้อมระบุว่าเป็น "ข่าวบิดเบือน" โดยให้เหตุผลว่ามีการใช้ถ้อยคำเกินจริงที่ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก และยืนยันว่าหน่วยงานรัฐมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งการโต้แย้งข้อมูลกันไปมาระหว่างสองฝ่ายนี้ ได้สร้างความสับสนและลดความน่าเชื่อถือของการแจ้งเตือนภัยในสายตาประชาชนอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม แม้หน่วยงานรัฐจะออกมายืนยันว่าคำเตือนของเอกชนเป็นข้อมูลบิดเบือน แต่ในที่สุดสถานการณ์ก็เป็นไปตามคำทำนาย โดยเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง และนำไปสู่เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในหลายจังหวัดของภาคใต้ โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งต้องมีการสั่งอพยพประชาชนเมื่อสถานการณ์วิกฤตแล้ว เหตุการณ์นี้จึงนำมาซึ่งคำถามของสาธารณชนถึงประสิทธิภาพในการทำงานและการสื่อสารของหน่วยงานรัฐ ว่าเหตุใดจึงให้ความสำคัญต่อการ "ตีตรา" ข้อมูลว่าบิดเบือน แทนที่จะเร่งให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเตรียมพร้อมรับมือตามหลักการทางวิทยาศาสตร์อย่างทันท่วงที ก่อนที่ภัยพิบัติจริงจะมาถึงและสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง


